ฝึกงาน กัญจน์ กองทิพย์ รอบ1

การจัดทําบัญชี

โดย

นาย กัญจน กองทิพย

รายงานฉบับนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจบัณทิต

(การบัญชีบริหาร)

คณะวิทยาการจัดการ

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร วิทยาเขตศรีราชา

พ.ศ. 2556

ช่ือ – นามสกุล : นาย กัญจน กองทิพย ช่ือเลน : กัญ

E-mail : [email protected]

โทรศัพท : 086-614-8889

ช่ือสถานประกอบการ : สํานักงานพิริยะกิจการบัญชี และ บริษัท เนชั่นเมโทร จํากัด

ท่ีอยู : เลขท่ี 2/28 ซอยรามคําแหง 118 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร

ตําแหนงงานท่ีฝกงาน : ผูชวยผูทําบัญช ี

รายละเอียดงานท่ีทํา : จัดทําบัญชีและบันทึกขอมูลบัญชีลงโปรแกรม

ขอคิดเห็นตางๆสําหรับนองๆ

พ่ีหัวหนางานใจดีเอาใสดูแลสอนงานไดอยางละเอียดและครบถวนถูกตอง อีกท้ังยังเลี้ยงขาวเลี้ยงขนมอีก

ดวย แตหาของกินคอนขางลําบากมีก็แตบะหม่ีเก๊ียวใหกินอยางเดียว กินตลอดฝกงานกันเลยทีเดียว สุดทายถานองๆคน

ไหนสนใจมาฝกท่ีนี่ก็มาไดเลยใหความรูและประสบการณครบถวน

กิตติกรรมประกาศ

รายงานเลมนี้จัดทําข้ึนโดยการศึกษาคนควาดวยตนเองและประสบการณจากการฝกงานจริง ในดาน

บัญชีการจัดทําบัญชี ทําใหมีความรูและความเขาใจเก่ียวกับการทําบัญชีเพ่ิมมากข้ึน ตองขอขอบพระคุณ

นางสาวนงคนวล กําปนทอง เปนผูจัดการสํานักงาน ภายใตการดําเนินงานของ “สํานักงานพิริยะกิจการ

บัญชี” ท่ีใหโอกาสในการเขามาฝกงานท่ีสํานักงานบัญชีแหงนี้ ทําใหทราบวาข้ันตอนการปฏิบัติงานจริงเปน

อยางไร

จากการฝกงานทําใหทราบถึงระบบการจัดทําบัญชี วามีข้ันตอนการจัดทําอยางไร ทําใหสามารถแกไข

ปญหาท่ีเกิดข้ึนดวยตนเองได ตองขอขอบพระคุณ นางสาวสุดาทิพย ออนเอียด พ่ีหัวหนาทีมท่ีคอยให

คําแนะนํา ใหคําปรึกษาตางๆ

ขอขอบพระคุณ อาจารยพัชนิจ เนาวพันธ อาจารยท่ีปรึกษาฝกงาน ท่ีไดใหคําแนะนํา คําปรึกษาและ

ตรวจขอบกพรองจนรายงานเลมนี้สมบูรณ

ขอขอบพระคุณอาจารยประจําสาขาการบัญชีบริหารทุกทาน ท่ีไดใหคําแนะนํา คําชี้แนะ ตั้งแตกอน

ฝกงานจนกระท่ังฝกงานจนเสร็จ

ขอขอบพระคุณพอ คุณแม และเพ่ือนๆพ่ีๆท่ีไดใหกําลังใจเสมอมาตลอดระยะเวลาในการจัดทํา

รายงาน

ขอขอบพระคุณพ่ีๆท่ีสํานักงานพิริยะกิจการบัญชี และ บริษัท เนชั่นเมโทร จํากัด ทุกคน ในการให

ขอมูลและดูแลชวงการฝกงานจนกระท่ังรายงานเลมนี้สําเร็จ

กัญจน กองทิพย

18 พฤษพาคม 2556

คํานํา

รายงานการฝกงานเลมนี้เปนสวนหนึ่งของวิชา การฝกประสบการณวิชาชีพ ของนักศึกษาระดับ

ปริญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรวิทยาเขตศรีราชา ซ่ึงรายงานเลมนี้จัดทําข้ึนเพ่ือ

สงเสริมให นิสิต นักศึกษาท่ีสนใจไดมีความรู ความเขาใจเก่ียวกับวิธีการปฏิบัติงานของพนักงานบัญชี ตั้งแต

ข้ันตอนแรกจนถึงข้ันตอนสุดทายคือการออกงบการเงินนอกจากนี้ยังไดอธิบายถึงเอกสารตางๆ ท่ีเก่ียวของกับ

การลงบัญชีและการทํางบการเงิน เพ่ือใหนิสิต นักศึกษาและผูท่ีสนใจไดนําความรูท่ีไดรับจากรายงานเลมนี้

นําไปปรับปรุง หรือ ประยุกตใชกับการศึกษาและการทํางานในการจัดทําบัญชีใหถูกตองตอไป

ผูจัดทํารายงานหวังเปนอยางยิ่งวารายงานเลมนี้จะชวยสรางความรู ความเขาใจและเปนคูมือให

แก นิสิต นักศึกษาและผูท่ีสนใจตามสมควร หากเกิดขอผิดพลาดในรายงาเลมนี้ผูจัดทําขอนอมรับผิดไว และ

ยินดีรับฟงขอคิดเห็นและขอเสนอแนะตาง ๆ เพ่ือปรับปรุงแกไขในการทํางานครั้งตอไป

ผูจัดทํา

กัญจน กองทิพย

18 พฤษภาคม 2556

สารบัญ

สารบัญภาพ

บทท่ี 1

ความสําคัญของการฝกงาน

การฝกงาน เปนการฝกลงมือปฏิบัติงานดานบัญชีจริง เพ่ือใหสอดคลองกับท่ีเรียนมาในมหาลัยใหเกิด

ความเขาใจเห็นภาพสอดคลองกับการทํางานดานบัญชี การฝกงานทําใหไดมีโอกาสเรียนรูถึงข้ันตอนและระบบ

ของงานดานบัญชี ทําใหมีความรูความสามารในการจัดทําบัญชีมากข้ึน เนื่องดวยการลงปฎิบัติงานบัญชีจริง

สงผลใหงานทําออกมามีความนาเชื่อถือ เพราะท่ีออกมาใกลเคียงกับความเปนจริงท่ีไดรับรองโดยท่ัวไป การ

ฝกงานถือเปนสิ่งสําคัญอยางมากท่ีจํานําประสบการณครั้งนี้ไปใชทํางานดานบัญชีจริง

วัตถุประสงคหลักของการฝกงาน

1. เพ่ือใหทราบข้ันตอนและระบบของการจัดทําบัญชี

2. เพ่ือใหทราบถึงวิธีการจัดทําบัญชี และเทคนิคตางๆท่ีใชในงานจริง

3. เพ่ือใหมีความรูความสามารถและทักษาในการจัดทําบัญชีเพ่ิมมากข้ึน

4. เพ่ือใหมีประสบการณในการจัดทําบัญชีกอนไปทํางานดานบัญชีจริง

5. เพ่ือใหทราบถึงปญหาท่ีเกิดข้ึนจริงในการทํางานและทราบถึงวิธีแกไขปญหานั้นๆ

6. เพ่ือฝกความรับผิดชอบตองานท่ีไดรับมอบหมาย และความตรงตอเวลา

7. เพ่ือเรียนรูการทํางานรวมกันกับผูอ่ืน และการทํางานเปนทีม

ประโยชนท่ีคาดวาจะไดรับจากการฝกงาน

1. ทําใหทราบถึงวิธีการปฏิบัติงานของพนักงานบัญชีในการจัดทํางบการเงิน

2. ทําใหทราบถึงระบบทางเดินเอกสารในแตละข้ันตอนของการจัดทําบัญชี

3. ทําใหทราบถึงลักษณะท่ีถูกตอง และไมถูกตองของใบกํากับภาษีท่ีสามารถขอคืนภาษี และไม

สามารถขอคืนได

4. ทําใหรูจักการทํางานเปนทีม และเปนระบบระเบียบ นําไปถึงการใชสมาธิในการลงบัญชีอีกดวย

5. ทําใหรูทันขาวสารขอมูล ท้ังเก่ียวกับเรื่องทางภาษี ประกาศบอกกลาวบุคคล และนิติบุคคล

6. ไดพัฒนาทักษะทางงานบัญชีของตนมากข้ึน และมีความสามารถในการปฏิบัติงานบัญชีไดอยาง

ถูกตอง

7. สามารถนําความรู ทักษะ และประสบการณท่ีไดรับจากการฝกงานในครั้งนี้ ไปปฏิบัติไดอยางมี

ประสิทธิภาพในอนาคต

บทท่ี 2

การฝกงานสํานักงานพิริยะกิจการบัญชี และ บริษัท เนชั่นเมโทร จํากัด

สถานท่ีตั้ง

สํานักงานพิริยะกิจการบัญชี และ บริษัท เนชั่นเมโทร จํากัดเลขท่ี 2/28 ซอยรามคําแหง 118 แขวง

สะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร

ภาพท่ี 1 สํานักงานพิริยะกิจการบัญชี และ บริษัท เนช่ันเมโทร จํากัด

ภาพท่ี 2 แผนท่ีตั้ง บริษัท เนช่ันเมโทร จํากัด

ประวัติความเปนมา

สํานักงานพิริยะกิจการบัญชี และ บริษัท เนช่ันเมโทร จํากัด

เดิมตั้งอยูเลขท่ี 2859 ถนนรามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะป กรุงเทพมหานคร ประกอบกิจการ

สํานักงานรับทําบัญชีและตรวจสอบบัญชี เปดดําเนินกิจการมาตั้งแตป พ.ศ.2524 ซ่ึงขณะนั้นยังมีลูกคาไมมาก

นัก

พ.ศ.2536 ดวยความไมสะดวกในสถานท่ีประกอบการ ประกอบดวยมีจํานวนลูกคาท่ีเพ่ิมมากข้ึน จึง

ไดยายสํานักงาน/บริษัทไปยังอาคารพาณิชยเลขท่ี 2/28 ซอยรามคําแหง 118 แขวงสะพานสูง เขต -สะพานสูง

กรุงเทพมหานคร ปจจุบันมี นางสาวนงคนวล กําปนทอง เปนผูจัดการสํานักงาน ภายใตการดําเนินงานของ

“สํานักงานพิริยะกิจการบัญชี” ซ่ึงประกอบดวยธุรกิจดังตอไปนี้

“บริษัท เนชั่นเมโทร จํากัด” ท่ีใหบริการเปนสื่อกลางในการสื่อสาร ลงโฆษณาบอกกลาวบุคคล, นิติ

บุคคล ตรงตามรูปแบบท่ีกฎหมายกําหนดไว ท้ังการแจงใหชําระหนี้, แจงบังคับจํานอง, บอกเลิกสัญญา, เลิก

หางฯ, เลิกบริษัทฯ, เพ่ิมทุนและลดทุน, งบการเงินประจําป, การเชิญประชุมผูถือหุนสามัญและวิสามัญ โดย

ใหบริการท่ัวไปเทศ

ปรัชญา/วิสัยทัศน

“หนังสือพิมพรายวันฉบับใหมของคนไทยใหความรูท่ัวไป ท้ังดานกฎหมายและบัญชี เปนสื่อกลาง รวดเร็ว และ

ถูกตอง”

แผนภูมิการจัดโครงสรางการบริหารงาน

สํานักงานจัดโครงสรางแบงออกเปน 3 สวน

สวนท่ีหนึ่ง รับผิดชอบดูแลการทําบัญชีท้ังหมดของกิจการมีพนักงานระดับปริญญาตรี

ทํางานจํานวน 5 คนรวมพนักงานรับ-สงเอกสารดวย

1. นางสาวสุดาทิพย ออนเอียด

2. นางสาวสุฎาภรณ อุปะกา

3. นางสาววนิดา พรมศร

4. นางสาวออนอนงค เรืองเทพ

5. นางสาวจิราภรณ ขุนทอง

สวนท่ีสอง รับผิดชอบการตรวจสอบบัญชีโดยมีผูตรวจสอบ 2 คน

1. นายสมพงษ อยูนิยม ดูแลบัญชีท่ีตรวจสอบประมาณ 50 ราย

2. นายสุวรรณชัย มงคลศิริชัยกุล ดูแลควบคุมการสอบบัญชี

สวนท่ีสาม เปนฝายบริหารจัดการ ในสํานักงานทุกอยางควบคุมดูแลท้ังฝายทําบัญชี, ฝาย

ตรวจสอบ และโฆษณาหนังสือพิมพ ภายใตการดูแลของนางสาวนงคนวล กําปนทอง มีหนาท่ีกํากับ

ควบคุมในภาพรวมท้ังหมดตลอดจนบริหารจัดการการเงินของสํานักงานดังแผนภูมินี้

งานท่ีไดมอบหมาย

งานบัญชี

1. เช็คใบกํากับภาษีซ้ือและภาษีขายใหตรงกับรายงานวาถูกตองแมนยําไมมีขอผิดพลาดใดๆ รวม

ท้ังการคํานวณภาษีมูลคาเพ่ิมดวยอัตรารอยละ 7 ถารายการไหนมีขอผิดพลาดก็ทําการแกไขให

ถูกตอง

2. เช็คยอดลูกหนี้เจาหนี้, เจาหนี้, ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.1ก, ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 กับบัญชีแยกประ-

เภทท่ัวไป เพ่ือตรวจดูวามีการบันทึกยอดผิดไปหรือไมและทําการแกไข เพ่ิมเติมในสวนท่ีไมไดบันทึก

วัตถุประสงคท่ีทําการเช็คดังกลาวก็คือจะทําการปดงบบัญชี

3. เช็คเอกสารคาใชจายในการดําเนินงาน ,คาใชจายระหวางงาน, คาใชจายสวัสดิการ, คาใชจายเบ็ต

เตล็ด ฯ วามีรายละเอียดถูกตองครบถวนหรือไม เพ่ือใชในการลงบัญชีในสวนของคาใชจาย

4. เช็คยอดเงินฝากธนาคารใน Statement ของลูกคากับบัญชีแยกประเภทท่ัวไปเพ่ือดูวารายงานการ

ถอน, โอน, และฝากใน Statement กับบัญชีแยกประเภทวามีสวนไหนบางท่ียังไมมีการบันทึกบัญชี

และทําการแกไขเพ่ิมเติม

5. เช็ค Stock สินคาในสวนท่ีทําการเช็ค Stock นั้นบริษัทท่ีทําการคาเก่ียวขายเฟอรนิเจอรหรือของ

ตกแตงหลายอยาง ซ่ึงมีหลากหลายรายการ จึงตองมีการคํานวณยอดตนงวดและปลายงวดของสินคา

เพ่ือหาสินคาคงเหลือปลายงวด ณ สิ้นป วามีเหลืออยูเปนจํานวนเทาไหร

6. ทําการบันทึกบัญชีบนโปรแกรมบัญชี โดยมีรายการท่ีตองบันทึกดังนี้

- ใบกํากับภาษีซ้ือ

- ใบกํากับภาษีขาย

- ใบสําคัญรับ

- คาใชจาย

- ท่ัวไป (ปรับปรุง)

7. ประกอบงบการเงินสําหรับป ทําสรุป ภ.พ. 30, ภ.ง.ด. 1, ภ.ง.ด. 3 และ ภ.ง.ด. 53, ประกันสังคม,

เงินเดือนพนักงานทุกๆ เดือนของบริษัทลูกคาจนครบ 12 เดือน เพ่ือนําสรุปนี้สงใหผูสอบบัญชีรับ

อนุญาตทําการตรวจสอบตอไป เปนตน

สินคาและบริการ

การจัดทําบัญชีและงบการเงิน

1. แบงแยกประเภทเอกสารประกอบบัญชี

นําเอกสารมาแบงออกแยกประเภทแตละประเภทวาเหมาะสมจะเปนคาใชจายอะไร โดยดูจาก

เอกสารเปนหลัก ซ้ึงแตละเอกสารตองตรวจดูชื่อท่ีอยูใหถูกตองตรงตามหนังสือรับรองของบริษัท หนังสือ

รับรองของบริษัทตองทําการขอปตอปท่ีสรรพากรและตองเปนปจจุบัน

ยกตัวอยางเชน หางหุนสวนจํากัดรีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร ประกอบธุรกิจการคา เครื่องเคหภัณฑ

เครื่องเรือน เฟอรนิเจอร เครื่องแกว เครื่องครัว ตูเย็น พัดลมฯ ตั้งอยูบานเลขท่ี 4/17 หมู 1 ถนนเกษตร-นวมิ

นทร แขวงจระเขบัว เขตลาดพราว กรุงเทพมหานคร เลขประจําตัวผูเสียภาษี 0103542027200

หางหุนสวนจํากัดรีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร มีคาใชจายดังตอไปนี้

1. ตูเสื้อผา

2. เตียงนอน

3. ท่ีนอน

4. พัดลม

5. เครื่องปรับอากาศ

6. ชุดโตะอาหาร แยกเปนบิลท่ีเก่ียวกับตนทุนของหางฯจริง

7. ชุดโตะประชุม โดยระบุชื่อ,ท่ีอยู อยางชัดเจน

8. ชุดโตะเครื่องแปง

9. คาโทรศัพทมือถือ

10. คาโทรศัพทบาน

11. คาน้ําประปา

12. คาไฟฟา

13. คาสวัสดิการ

14. คาทางดวนพิเศษ

15. คาใชจายเบ็ดเตล็ด แยกสวนท่ีเปนคาใชจายของหางฯจริง

16. คาน้ํามัน

ภาพท่ี 3 ตัวอยางหนังสือรับรองภาพประกอบ

2. ตรวจเช็คเอกสารท่ีใชในทางบัญชี

เม่ือแยกคาใชจายแตละประเภท แลวตรวจดูวาเอสารใดสามารถนํามาใชในทางภาษีไดบาง

ผูประกอบการท่ีจดภาษีมูลคาเพ่ิมเม่ือมีการขายสินคาหรือใหบริการ มีหนาท่ีตองออกใบกํากับภาษีเต็มรูปแบบ

ตามมาตรา 86/4 และสําเนาใบกํากับภาษี โดยสงมอบตนฉบับใบกํากับภาษีใหแกผูซ้ือสินคา และเก็บสําเนา

ใบกํากับภาษีเพ่ือลงบันทึกรายงานภาษีขายและผูซ้ือสินคาหรือผูบริการตองเก็บตนฉบับใบกํากับภาษีไวนําไป

หักภาษีขาย ดังนั้น ลักษณะของใบกํากับภาษีท่ีถูกตองและสามารถนําเอาภาษีซ้ือไปหักกับภาษีขายไดตองมี

ลักษณะหรือตองมีรายการดังตอไปนี้

1. คําวา “ใบกํากับภาษี” ในท่ีเห็นเดนชัด

2. ชื่อ ท่ีอยู ของผูประกอบการ

“ชื่อ” หมายถึง ชื่อผูประกอบการตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม หรือ ชื่อสถาน

ประกอบการ หรือชื่อการคาของสถานประกอบการตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม

“ท่ีอยู” หมายถึง ท่ีตั้งของสถานประกอบการตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม กรณีท่ีระบุ

ชื่อสถานประกอบการถูกตองครบถวน ตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม

3. ชื่อ ท่ีอยู ของผูซ้ือสินคา

“ชื่อ” หมายถึง ชื่อผูซ้ือหรือผูประกอบการตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม หรือ ชื่อสถาน

ประกอบการ หรือชื่อการคาของสถานประกอบการตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม

กรณีระบุชื่อของผูซ้ือสิคาหรือผูบริการมีขอความไมครบถวนโดยมีเครื่องหมาย (ฯ) หรือเวน

วางเอาไว ยกตัวอยางเชน “บริษัท บุญยิ่งฯ” “บริษัท กรุงเทพการบินฯ” ถือวาขอความไมครบถวนและไม

สามารถนําไปใชเปนคาใชจายในทางภาษีได

“ท่ีอยู” หมายถึง ท่ีตั้งของสถานประกอบการตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม กรณีท่ีระบุ

ชื่อสถานประกอบการถูกตองครบถวน ตามท่ีจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม โดยตองระบุท่ีตั้งสถานประกอบการให

ครบถวนและชัดเจน

4. หมายเลขลําดับของใบกํากับภาษีหรือเลมท่ี เลขท่ี (ถามี)

5. วันเดือนป ท่ีออกใบกํากับภาษี

6. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณและมูลคาสินคาหรือบริการ

ชื่อ ชนิด ประเภท ของสินคาและบริการใหระบุเฉพาะชื่อชนิด ประเภทของสินคาและบริการ

ท่ีตองเสียภาษีมูลคาเพ่ิมในใบกํากับภาษีมูลคาเพ่ิม เวนแตในกรณีท่ีมีความจําเปนตองระบุ ชื่อ หรือ ประเภท

ของสินคาและบริการท่ีไมตองเสียภาษีมูลคาเพ่ิมในใบกํากับภาษีนั้นดวย ใหกระทําไดโดยตองใหมีเครื่องหมาย

หรือแยกรายการแสดงใหเห็นชัดเจนวาเปนสินคาหรือบริการท่ีไมตองเสียภาษี

7. มูลคาของสินคาและบริการท่ียังไมรวมภาษีมูลคาเพ่ิม

8. จํานวนภาษีมูลคาเพ่ิม 7 เปอรเซ็นต

9. ตองมีจํานวนเงินรวม

10. ตองมีจํานวนเงินเปนตัวอักษร

ลักษณะของใบกํากับภาษีดังกลาวมานั้น ถามีรายการถูกตองตามท่ีกลาวมา บริษัทสามารถ

นําภาษีซ้ือไปหักภาษีขายได ซ้ึงเปนสิ่งท่ีทุกๆ บริษัทตองการ โดยทางบริษัทจะมีท้ังเอกสารท่ีเปนรายจาย และ

เอกสารเปนรายรับ ในทางบัญชีจะนําเอกสารดังกลาวมาใช

ภาพท่ี 4 ตัวอยางใบกํากับภาษีท่ีถูกตอง และสามารถขอคืนภาษีได

ภาพท่ี 5 ตัวอยางใบกํากับภาษีท่ีไมถูกตอง และไมสามารถขอคืนภาษีไมได

ประกอบการลงบัญชี เพ่ือประโยชนเปนหลักฐานในการเสียภาษีอากรซ่ึงเอกสารท่ีใชประกอบการลงบัญชีและ

เปนหลักฐานในการเสียภาษีอากรมี 2 แบบ ดังนี้

เอกสารรายจาย

ทุกกิจการท่ีมีการดําเนินธุรกิจจะตองมีรายจาย หรือคาใชจาย เกิดข้ึนจากการดําเนินกิจการ

ซ่ึงเม่ือกิจการไดมีการจายเงินหรือตั๋วเงินออกไปจะตองมีหลักฐานประกอบการจายเงินไมวาจะเปนซ้ือเงินสด

หรือซ้ือเงินเชื่อ เอกสารดังกลาวเปนเอกสารท่ีจัดทําข้ึนโดยบุคคลภายนอก จัดทําข้ึนแลวออกใหกิจการเปน

หลักฐานการซ้ือสินคาหรือบริการ ปญหาของเอกสารดังกลาวมักจะเกิดข้ึนเปนประจําในการนํามาประกอบการ

ลงบัญชี ตองตรวจสอบอีกทีวารายจายท่ีเกิดข้ึนเปนประจําในการนํามาประกอบการลงบัญชีและเปนเอกสาร

หลักฐานทางภาษีอากรในการเสียภาษีเงินไดหรือภาษีมูลคาเพ่ิม ซ่ึงผูจัดทําบัญชีตองตรวจสอบอีกทีวารายจาย

ท่ีเกิดข้ึนเปนตนทุนของบริษัทหรือไม ถาเปนก็สามารถขอคืนภาษีไดหรือเอาภาษีซ้ือไปหักภาษีขาย ถาไมใชก็

จัดอยูในหมวดของคาใชจายท้ังจํานวนไมสามารถขอคืนภาษีได เนื่องจากเอกสารรายจายท่ีเปนตนฉบับ

ใบกํากับภาษีไมมีรายการตามลักษณะท่ีกลาวมาของใบกํากับภาษี

เอกสารรายจายท่ีไมมีรายการตามลักษณะของใบกํากับภาษีหรือขอคืนภาษีไมไดบรรดา

เอกสารรายจายท่ีเกิดจากการประกอบธุรกิจมักจะเกิดข้ึนจากการจายคาใชจายเล็กๆ นอยๆ ท่ีกิจการได

จายเงินไปเพ่ือซ้ือสินคาหรือบริการจากรานคาหรือธุรกิจขนาดเล็กท่ีมักเปนธุรกิจท่ีขายสินคาหรือใหบริการกับ

ลูกคารายยอมมักจะไมลูกคาขอลักฐานการรับเงิน บิลเงินสด หรือ ใบเสร็จรับเงิน จึงไปซ้ือบิลใหกับลูกคาตาม

รานเครื่องเขียนท่ัวไปท่ีมีแบบฟอรมบิลเงินสดเปนรูปเลมออกมาจําหนายใหกับผูประกอบการรายยอมไวออก

ใหกับลูกคา ดังนั้น “บิลเงินสด” ท่ีกิจการไดรับมาจากการจายคาใชจายออกไปนั้น ไมสามารถพิสูจนไดวาผูรับ

เงิน หรือผูขายสินคาหรือผูใหบริการมีตัวตนจริง รวมท้ังก็อาจไมมีการระบุชื่อ,ท่ีอยู ของผูจายเงินหรือผูซ้ือ

สินคาทําใหผูจัดทําบัญชีพิสูจนไมไดวาคาใชจายนั้นเปนคาใชจายของบริษัทจริง หรืออาจเปนการเขียนข้ึนเอง

ทางบัญชีจะบันทึกบัญชีเปนคาใชจายดังกลาว เรียกวา “คาใชจายตองหาม” มีลักษณะดังตัวอยางดังนี้

ภาพท่ี 6 ตัวอยางใบเสร็จซ้ือ

ภาพท่ี 7 ตัวอยางใบเสร็จท่ีขอคืนภาษีไมได

1. ไมมีหลักฐานใบกํากับภาษี

2. รายจายท่ีไมเก่ียวของโดยตรงกับการประกอบกิจการ

3. ภาษีตามใบกํากับภาษีอยางยอ เปนตน

กรณีคาผานทางดวนโดยปกติแลวเม่ือกิจการจําเปนตองมีการติดตอธุรกิจเพ่ือประโยชนการ

ดําเนินงาน อาจมีความจําเปนจะตองเดินทางท่ีรวดเร็วกวาปกติ โดยการใชทางดวนเปนชองทางในการเดินทาง

ซ้ึงปจจุบันการเดินทางข้ึนทางดวนจะมีหลักฐานการจายเงินอยู 3 วิธีคือ

1. คูปองทางดวน

2. คูปองแบบเปนเลม

3. บัตรเติมเงิน

กรณีคาน้ํามันรถยนต หาดรถยนตนั้นเปนขอกิจการ ไมมาจะซ่ือเชา หรือซ้ือในนามของ

กิจการเม่ือมีคาใชจายเก่ียวกับรถยนตนั้นเกิดข้ึนยอมถือวาเปนรายจายของกิจการ ทําใหกิจการสามารถนํา

คาใชจายท่ีเกิดข้ึนดังกลาวมารวมคํานวณกําไรสุทธิเพ่ือเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลได ซ่ึงตองเปนรายจายท่ีเกิดข้ึน

จากการประกอบกิจการโดยตรง และหากมีภาษีเกิดข้ึนจากคาใชจายของรถยนต ถือเปนคาใชจายในการในการ

คํานวณกําไรสุทธิไมมีสิทธินําไปหักออกจากภาษีขายหรือภาษีซ้ือได ถารถยนตนั้นไมใชในนามขอบริษัทจะไม

สามารถลงเปนคาใชจายหรือขอคืนภาษีได ใบเสร็จหรือใบกํากับภาษีตองระบุชื่อ ท่ีอยูของบริษัท หรือเลข

ทะเบียนอยางชัดเจน

-

ภาพท่ี 8 ตัวอยางใบเสร็จคาน้ํามันรถท่ีขอคืนภาษีได

-

ภาพท่ี 9 ตัวอยางใบเสร็จคาน้ํามันรถท่ีขอคืนภาษีไมได

เอกสารรับ

เอกสารท่ีใชในการประกอบการลงบัญชีของธุรกิจจะประกอบไปดวย เอกสารบุคคล ภายนอก

จัดทําข้ึน เอกสารท่ีจัดทําบัญชีทําข้ึนโดยผูมีหนาท่ีจัดทําบัญชีออกใหกับบุคคลภายนอก และเอกสารผูท่ีมีหนาท่ี

จัดทําบัญชีหรือผูประกอบการจัดทําข้ึนใหกับบุคคลภายนอกเพ่ือเปนหลักฐาน โดยสวนใหญแลวจะเปนเอกสาร

ท่ีเก่ียวของกับรายรับหรือรายไดของกิจการไมวากิจการจะขายสินคาหรือใหบริการมีหนาท่ีตองออกเอกสาร

หลักฐานเปนบิลขายใหแกลูกคาในกรณีไดรับเงินจากการขานนั้นโดยมีท้ังขายเชื่อ และขายสด เปนเช็ค หนาท่ี

ของกิจการจะตองออกหลักฐานเอกสารใหแกลูกคาในกรณีท่ีไดการรับชําระเงินเรียบรอยแลว หรือไดรับชําระ

หนี้เรียนรอยแลว เอกสารดังกลาวมักเรียกวา

1. “ใบรับเงิน”

2. “บิลเงินสด”

3. “ใบเสร็จรับเงิน”

4. “ใบกํากับภาษี”

กรณีเปนเอกสารรับหรือบิลขายไมจําเปนตองเปนตนฉบับใบกํากับภาษีก็ได อาจเปนสําเนาก็

ไดเพราะอยางไรก็ตามเอกสารดังกลาวก็ไดระบุชื่อ ท่ีอยู สถานประกอบการอยางชัดเจนแลว

-

ภาพท่ี 9 ตัวอยางบิลเงินสด

3. บันทึกรายการบนโปรแกรมบัญชี

เม่ือไดทําการตรวจเช็คตามข้ันตอนท่ี 2 เรียบรอยแลวผูจัดทําบัญชีจะทําการบันทึกขอมูลรายได

คาใชจายของบริษัททุกเดือนตามเอกสารโดยบันทึกรายการตามเอกสารบนโปรแกรมสําเร็จรูป Express ซ่ึงผล

การบันทึกตามเอกสารจะไดออกมาเปนรายงานภาษีซ้ือกับรายงานภาษีขายออกมา โดยปกติเม่ือผูจัดทําการ

บันทึกขอมูลเสร็จเรียบรอยแลว ผูจัดทําจะทําการ ปริ้นรายงานภาษีซ้ือและรายงานภาษีขายออกมาเพ่ือทํา

การตรวจเช็คความถูกตองจากการบันทึกขอมูลโดยนําใบกํากับภาษี ท้ังบิลซ้ือและบิลขายมาตรวจเช็คกับ

รายงานเพ่ือความถูกตองและแมนยํา โดยมีรายการท่ีทําการตรวจเช็คมี ดังนี้

1. วัน เดือน ป

2. เลขท่ี/เลมท่ีของใบกํากับภาษี

3. เลขท่ีออกใหมโดยผูจัดทําบัญชี

4. ชื่อบริษัท ถาเปนรายงานภาษีซ้ือก็ดูชื่อบริษัทท่ีทําการซ้ือสินคา หรือบริการ แตถาเปนรายงานภาษ

ขายใหดูท่ีชื่อบริษัทท่ีทําการขายสินคาหรือบริการ

5. มูลคาของสินคาหรือบริการกอนรวมภาษีมูลคาเพ่ิม

6. จํานวนเงินภาษีมูลคาเพ่ิม

ในกรณีท่ีทําการตรวจเช็คแลวถูกตองตามใบกํากับภาษีก็ไมตองทําการแกไข แตในกรณีท่ีมีขอผิด

พลาดเกิดข้ึนซ่ึงอาจจะเปน บันทึกวันท่ีผิด บันทึกเลขท่ีเลมท่ีผิด หรือภาษีมูลคาเพ่ิมผิด อยางใดอยางหนึ่งตอง

รีบแกไขใหถูกตองตรงตามใบกํากับภาษี

-

ภาพท่ี 10 ตัวอยางรายงานภาษีขาย

-

ภาพท่ี 11 ตัวอยางรายงานภาษีซ้ือ

4. ย่ืนแบบ ภ.ง.ด. 1,3,53 กอนวันท่ี 7 ของเดือนถัดไป

การดําเนินงานของธุรกิจตองติดตอกับคูคาและผูท่ีเก่ียวของอยูเสมอ ทําใหใหเกิดรายการรับและ

จายเงินท่ีผูประกอบการธุรกิจอาจถูกภาษีหัก ณ ท่ีจาย และหรือ มีภาระหนาท่ีในการหักภาษี ณ ท่ีจายตามท่ี

ประมวลรัษฎากรกําหนดใหผูจายเงินไดบางประเภทมีภาระหนาท่ีหักภาษี ณ ท่ีจาย ออกหนังสือรับรองหัก ณ

ท่ีจายและนําสงภาษีและยังใหผูท่ีหักภาษี ณ ท่ีจายดังกลาวเปนผูมีหนาท่ีจัดทําบัญชีพิเศษแสดงหักภาษีและ

นําสงภาษี

ผูจายเงินท่ีมีหนาท่ีหักภาษีตองยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดหัก ณ ท่ีจาย และนําสงภาษีภายใน 7

วันนับแตวันท่ีจายหรือกําหนดเวลาการนําสงภาษหัก ณ ท่ีจายภายใน 7 วันนับแตวันสิ้นเดือน

แบบแสดงรายการหักภาษีท่ีตองยื่น พรอมกับนําสงภาษี มีดังนี้

ภ.ง.ด.1 คือแบบภาษีหัก ณ ท่ีจาย ประเภท 40 (1) และ ( 2) ซ้ึงแสดงถึงเงินเดือนคาตอบ

แทนและรับทํางาน ท่ีบริษัทตองจายใหกับพนักงาน

ภ .ง.ด.3 คือแบบภาษีหัก ณ ท่ีจายระหวางนิติบุคคลธรรมดา เนื่องจากกฎหมายภาษีอากร

กําหนดใหผูรับจายเงินมีหนาท่ีหัก ณ ท่ีจาย จากผูมีเงินได (ผูรับเงิน) เพ่ือนําไปยื่นกรมสรรพากร ซ่ึง

รายละเอียดคาใชจายท่ีจําเปนตองหัก ณ ท่ีจายมีการหักไดดังนี้คือ

1. คาเชา 5 เปอรเซ็นต

2. คาจางหรือคาบริการ 3 เปอรเซ็นต

3. คาโฆษณา 2 เปอรเซ็นต

4. คาขนสง 1 เปอรเซ็นต

ภ .ง.ด.53 คือแบบการหัก ณ ท่ีจายระหวางนิติบุคคลดวยกัน ลักษณะและรูปแบบเหมือน

ภ.ง.ด.3

กรณีท่ียื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ซ่ึงเปนแบบทเก่ียวของกับเงินไดประเภท 40 (1) และ (2) ซ่ึงไดแก

เงินเดือน คาจาง ฯลฯ มีวิธีการคํานวณพอสังเขป ดังนี้

1. นําเงินไดท่ีตองจายเปนตัวตั้ง

2. คูณจํานวนคราวท่ีจาย

3. ผลลัพธคือ จํานวนเงินได

4. หัดคาใชจายตามกฎหมายหรือประกันสังคม

5. คงเหลือเงินไดหลังจากหักคาใชจาย

6. หักคาลดหยอนตางๆ

7. คงเหลือเงินไดสุทธิ

8. นําเงินไดสุทธิมาคํานวณภาษี ตามอัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา

9. นํายอดภาษีรวมมาหารจํานวนคราวท่ีจาย ผลลัพธ คือ จํานวนเงินไดจะตองหักไว ณ ท่ีจายใน

คราวนั้น

บริษัทมีพนักงานท้ังหมด 5 คน มีรายละเอียดตอไปนี้

พนักงานท้ังหมด 5 คน ไดรับเงินเดือน เดือนละ 9,000 บาท

เงินไดพึงประเมิน (ตามข้ันตอนท่ี 1,2,3) 45,000 บาท

หัก คาใชจาย 40 เปอรเซ็นต ไมเกิน 60,000 บาท (ตามข้ันตอนท่ี 4) - บาท

เงินไดหลังหักคาใชจาย (ตามข้ันตอนท่ี 5) 45,000 บาท

หัก คาลดหยอน (ตามข้ันตอนท่ี 6)

ผูมีเงินได - บาท

เงินไดสุทธิ (ตามข้ันตอนท่ี 7) 45,000 บาท

ภาษีเงินได (ตามข้ันตอนท่ี 8) - บาท

ภาษีหัก ณ ท่ีจายจากเงินเดือนละ (ตามข้ันตอนท่ี 9) 1 บาท

-

-

ภาพท่ี 12 ตัวอยางแบบภาษีหัก ณ ท่ีจาย ภ.ง.ด.1

-

-

ภาพท่ี 13 ตัวอยางใบแนบ แบบภาษีหัก ณ ท่ีจาย ภ.ง.ด.1

กรณีท่ียื่นแบบ ภ .ง.ด.3 ซ่ึงเปนแบบท่ีเก่ียวของกับการเงินไดประเภท 40 (5) (6) (7) และ (8) ท่ีเปน

แบบท่ีหักระหวาง นิติบุคคล กับบุคคลธรรมดา ซ้ึงไดแก คาเชา คารับเหมา คาวิชาชีพ เชน หมอ ทนายความ

เปนตน มีวิธีการคํานวณพอสังเขป ดังนี้

1. ดูวาบริษัทมีคาใชจายอะไรท่ีจายอะไรท่ีเก่ียวของกับ ภาษีหัก ณ ท่ีจาย ท่ีบริษัทมีหนาท่ีเปน ผูหัก

ภาษี ณ ท่ีจาย เชน คาเชา คาบริการ ไดแก คาโทรศัพท คาทําบัญชี คาโฆษณา เปนตน

2. นําคาใชจาย (ตามขอ 1 ) มาคูณกับอัตราภาษีหัก ณ ท่ีจาย ตามท่ีกรมสรรพากรไดกําหนดไวซ้ึง

บริษัทหนึ่งอาจมีคาใชจายเกิดข้ึนในแตละเดือนไมเทากันบางเดือนมีคาจายมาก บางเดือนมีคาใชจาย

นอย หรือ อาจจะไมมีเลยและในหนึ่งเดือนอาจมีคาใชจายเกิดข้ึนหลายครั้ง

3. นําภาษีหัก ณ ท่ีจายท่ีคํานวณ (ตามขอ 2) ภายในเดือนมาบวกกันเพ่ือเสียภาษีหัก ณ ท่ีจาย

และเขียนแบบยื่นตอไป

ตัวอยางการยื่นแบบ ภ .ง.ด.3 หางหุนสวนกํากัด รีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร ทําหนาท่ีเปนผูหักภาษีหัก ณ

ท่ีจายดังรายการ ดังนี้

1. หางหุนสวนกํากัด รีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร ไดรับบริการจาก สํานักงานพิริยะกิจ เปนจํานวน 3,500

บาท เม่ือวันท่ี 31 มกราคม 2556 ซ้ึงมีภาษีหัก ณ ท่ีจาย 3,500x3/100 = 105 บาท

2. หางหุนสวนกํากัด รีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร เปนจํานวนเงิน เม่ือวันท่ี 31 มกราคม 2556 ซ้ึงมีภาษี

หัก ณ ท่ีจาย 12,000x3/100 = 600 บาท

-

-


-

-


กรณีท่ียื่นแบบ ภ .ง.ด.53 มีลักษณะเหมือนกับ ภ .ง.ด.3 แตเปนการหักระหวาง นิติบุคคลกับนิติบุคคล

ซ่ึงมีวิธีการคํานวณเหมือนกัน

ตัวอยางการยื่นแบบ ภ.ง.ด.53 หางหุนสวนกํากัด รีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร ทําหนาท่ีเปนผูหักภาษีหัก

ณ ท่ีจายดังรายการ ดังนี้

1. หางหุนสวนกํากัด รีเจนทโฮม เฟอรนิเจอร ไดรับบริการจาก บริษัท เนชั่นเมโทร จํากัด เปนจํานวน

5,000 บาท เม่ือวันท่ี 22 กุมภาพันธ 2556 ซ้ึงมีภาษีหัก ณ ท่ีจาย 5,000x3/100 = 150 บาท

เม่ือทําการคํานวณเสร็จก็นําไปเขียนในแบบ ภ .ง.ด.53 และเขียนรายละเอียดลงในใบแนบ แลวนําสง

กรมสรรพากร (ตามรูปท่ี 17 ตัวอยางใบแนบ แบบภาษีหัก ณ ท่ีจาย ภ.ง.ด.53

5. ย่ืนแบบ ภ.พ. 30 กอนวันท่ี 15 ของเดือนถัดไป

ภาษีมูลคาเพ่ิม เปนภาษีทางออมท่ีกําหนดใหผูประกอบการจดทะเบียนและผูท่ีประมวลรัษฎากร

กําหนดเปนผูมีหนาท่ีเสียภาษีมูลคาเพ่ิม โดยท่ีผูบริโภคผูซ้ือสินคา หรือผูรับบริการยังคงเปนผูรับภาระ

ภาษีมูลคาเพ่ิมกลาวคือ ผูประกอบการจดทะเบียนจะเรียกเก็บคาภาษีมูลคาเพ่ิมจากลูกคาพรอมกับคาสินคา

หรือคาบริการ

ภาษีซ้ือ หมายถึง ภาษีมูลคาเพ่ิมท่ีผูประกอบการจดทะเบียนถูกผูประกอบการจดทะเบียนรายอ่ืน

เรียกเก็บหรือพ่ึงเรียกเก็บซ่ึงมิใชรายการภาษีซ้ือตองหามตามใบกํากับภาษีท่ีไดรับในเดือนภาษีนั้น

ภาษีขาย หมายถึง ภาษีมูลคาเพ่ิมท่ีผูประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บ หรือพ่ึงเรียกเก็บจากผูซ้ือ

สินคา หรือผูรับบริการ รวมท้ังการจําหนายถายโอนสินคาหรือการใชบริการของตนเองท่ีถือวาเปนการขายใน

เดือนภาษีนั้น

-

-


-

-


การคํานวณภาษีมูลคาเพ่ิม

การคํานวณภาษีมูลคาเพ่ิม ตามประมวลรัษฎากร แยกได 2 นัย ดังนี้

1. คํานวณภาษีมูลคาเพ่ิมท่ีผูประกอบการจดทะเบียนตองเรียกเก็บหรือพ่ึงเรียกเก็บจากผูซ้ือ

สินคา หรือบริการ

“ภาษีมูลคาเพ่ิมท่ีตองเรียกเก็บหรือพ่ึงเรียกเก็บ = ฐานภาษี x อัตราภาษี”

2. การคํานวณภาษีมูลคาเพ่ิมท่ีผูประกอบการจดทะเบียนตองชําระเปนรายเดือนภาษี หรือมี

สิทธิขอรับคืนภาษี หรือขอนําไปเปนเครดิตภาษีในเดือนถัดไป

“ภาษีมูลคาเพ่ิมท่ีตองชําระ หรือ (มีสิทธิไดรับคืน) = ภาษีขาย – ภาษีซ้ือ”

-

-

-

ภาพท่ี 18 ตัวอยางแบบ ภ.พ.30 โดยดูจากรายงานภาษีขาย

-

-

-

ภาพท่ี 19 ตัวอยางแบบ ภ.พ.30 โดยดูจากรายงานภาษีซ้ือ

ภาษีซ้ือ – ภาษีขาย ท่ีคํานวณจะถูกทันทึกไวในรายงานภาษีซ้ือและภาษีขาย เม่ือถึงกําหนดท่ีจะตอง

สงแบบ ภ.พ. 30 ทางบริษัทจะนําผลรวมของภาษีขายในรายงานภาษีขายมาหักกับผลรวมของภาษีซ้ือใน

รายงานภาษีซ้ือ และนํายอดตัวเลขดังกลาวไปบันทึกไวใน แบบยื่น ภ.พ. 30 และนําสงสรรพากรภายในวันท่ี 15

ของเดือนถัดไป

6. เช็คแบบภาษีย่ืนท้ัง 12 เดือน และคาใชจายอ่ืนๆ

หลังจากท่ีผูจัดทําบัญชีทําการบันทึกบัญชีและยื่นแบบภาษีทุกเดือนเรียบรอยท้ัง 12 เดือนแลว

ผูจัดทําบัญชีจะทําการรวบรวมเอกสารท้ังปมาตรวจเช็คอีกครั้งกับแบบภาษีท่ียื่นทุกเดือนและเอกสารคาใชจาย

อ่ืนท่ีไดทําการบันทึกบันชี เพ่ือตรวจเช็คความถูกตองกอนท่ีจะนําไปปดงบการเงิน

ข้ันตอนการตรวจเช็คแบบภาษีท้ัง ภ .ง.ด.3 และ ภ .ง.ด.53 กับสมุดบัญชีแยกประเภทมีข้ันตอนดังนี้แต

การบันทึกบัญชีของแบบ ภ .ง.ด.3 และ ภ .ง.ด.53 ในแตละบริษัทอาจไมเหมือนกันโดยจากกรณีท่ีผูจัดทําบัญชี

ไดบันทึกแบบ ภ .ง.ด.3 และ ภ .ง.ด.53 ไวในสมุดบัญชีแยกประเภทเดียวกัน ดังนั้นการตรวจเช็คจึงทําการตรวจ

วา รายการของวันท่ีไหนเปนรายการในแบบ ภ .ง.ด.3 หรือ ภ .ง.ด.53 และทําการตรวจเช็ควารายการในสมุด

บัญชีแยกประเภทแตละรายการถูกตองตามแบบท่ียื่นไป

1. นําแบบ ภ.ง.ด.3 และ ภ .ง.ด.53 มาเรียงลําดับตั้งแตเดือนท่ี 1-12 แตละแบบแยกออกจาก

กัน เพ่ือไมใหเปนการสับสนตอนทําการตรวจเช็ค

2. เริ่มดูแบบตั้งแตเดือนแรกเรียงกันไปเรื่อย ๆ โดยดูรายการในใบแนบของแบบท้ัง ภ .ง.ด.3

และ ภ .ง.ด.53 ผูจัดทําบัญชีจะทําการดูรายการในแบบของท้ัง 2 ชนิดคูกันไปตรวจเช็คกับ

สมุดบัญชีแยกประเภท และดูดวยวารายการนี้เปนรายการ ภ .ง.ด. ใดและทําการเขียนเอาไว

ในสมุดบัญชี แยกประเภท การตรวจเช็คจะดูจาก

2.1 ชื่อของบุคคลในกรณีท่ีเปนบุคคลธรรมดาในแบบ ภ .ง.ด.3 หรือชื่อบริษัทในกรณีนิติ

บุคคลในแบบ ภ.ง.ด.53 ตรงกับในสมุดบัญชีแยกประเภทหรือไม

2.2 ดูวันท่ีของการเกิดรายการในแบบของท้ัง 2 วาตรงกับในสมุดบันชีแยกประเภทหรือไมแต

ในบางกรณีวันท่ี ในแบบในสมุดบัญชีแยกประเภทก็ไมตรงกันก็ไมได หมาย ความวาการ

บันทึกบัญชีของผูจัดทําบัญชีจะผิด

2.3 ดูยอดของการหกภาษีหัก ณ ท่ีจาย วาในแบบกับในสมุดบัญชีแยกประเภทตรงกันหรือไม

เม่ือผูจักทําบัญชีรูแลววารายการไหนไมถูกตองบาง ผูจัดทําบัญชีแกไขใหถูกตองและเช็คกับ

บัญชีแยกประเภทอีกครั้งดวย

3. ทําแบบนี้ทุกๆ เดือนจนครบ 12 เดือน ถาทําการตรวจเช็คแลวเกิดปญหาไมตรงกันก็ทํา

การแกไขปรับปรุงโดยยึดแบบภาษีเปนหลัก

สวนแบบ ภ.พ.30 ผูจัดทําบัญชีไดทําการตรวจเช็คทุกเดือนอยูแลว (บันทึกรายการในบัญชี)

7. ตรวจดูทรัพยสินเพ่ือนํามาคํานวณคาเส่ือมราคา

ผูจัดทําบัญชีตองตรวจดูทรัพยสินของบริษัทท่ีเกิดข้ึนระหวางงวดบัญชีแลวสวนสําเนาไวทุกฉบับเพราะ

จะตองคิดคาเสื่อมราคาของสินทรัพย และหากบริษัทเกิดมีสัญญาท่ีเกิดข้ึนจริง กรณีท่ีบริษัททําสัญญาซ้ือขาย

สินทรัพย สัญญาหรือหลักฐานตางๆ ท่ีบริษัทซ้ือขายสินทรัพยอ่ืนๆ ก็ไดอาจจะเปนใบเสร็จรับเงินท่ีภายในระบุ

รายการสินคา ชนอดสินคา วันท่ี มูลคาของสินคา ก็สามารถนํามาใชคิดคาเสื่อมราคาทรัพยสินได

วิธีการคิดคาเสื่อราคาของทรัพยสินในแตละบริษัทอาจไมเหมือนกันข้ึนอยูกับโยบายของบริษัทหรือ

ความเหมาะสมของสินทรัพยนั้น วิธีการคิดคาเสื่อมราคานั้นมีหลายวิธี ดังนี้

1. วิธีเสนตรง

2. วิธีจํานวนหนวยการใชหรือผลผลิต

3. วิธีอัตราเรง

3.1 วิธีผลรวมจํานวนป

3.2 วิธียอดลดลง

4. วิธีการคิดคาเสื่อมราคาโดยวิธีพิเศษ

4.1 วิธีประเมินราคา

4.2 วิธีคิดคาเสื่อมราคาเปนกลุม

4.3 วิธีจําหนายและเปลี่ยนแทน

4.4 วิธีดอกเบี้ยทบตน

-

8. ตรวจเช็คลูกหนี้, เจาหนี้คงคาง ณ ส้ินงวด

ผูจัดทําบัญชีตองตรวจเช็คลูกหนี้ และ เจาหนี้คงคาง ณ สิ้นงวดบัญชี ใหตรงกับเอกสารของบริษัท

เนื่องจากผูตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตจะตองทําการตรวจสอบลูกหนี้และเจาหนี้และยืนยันยอดใหตรงกับ

เอกสาร

การตรวจเช็คยอดลูกนี้และยอดเจาหนี้ตงคางมีวิธีการ ดังนี้

1. นําเอกสารจําพสกใบแจงหนี้/ใบกํากับภาษี หรือ ใบสงสินคา/ใบกํากับภาษี ซ้ึงเปนเอกสาร

ท่ีแสดงวาบริษัทไดทําการซ้ือสินคาหรือรับบริการแกลูกคาเปนเงินเชื่อ หรือบริษัทท่ีเปนลูกหนี้เปนเงิน

เชื่อมาตรวจเช็คสวนใหญบริษัทท่ีเปนลูกหนี้หรือเจาหนี้นั้นจะใหเง่ือนไขการชําระเงินไมเกิน 3 เดือน

ดังนั้น ผูจัดทําบัญชีจะคัดแยกเอกสาร เฉพาะเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ออกมาโดย

แยกเปนเดือนๆ

2. เม่ือแยกเอกสารออกเปนเดือน ๆ แลวก็ทําการตรวจเช็ควาวันท่ีครบกําหนดชําระ เม่ือไหร

ถาระยะเวลาครบกําหนดอยูใบปถัดไปแสดงวาเอกสารใบนี้ตองทําการเช็คกับสมุดบัญชีแยกประเภท

ของ ลูกหนี้และเจาหนี้ดวย ถาแยกเอกสารใบไหนยังไมไดบันทึกหรือมีขอผิดพลาดก็ทําการแกไขตอไป

9. ทําการขอคํายืนยันยอดจากธนาคาร (Confirm Bank)

ผูจัดทําบัญชีตองทําการ Confirm Bank หรือยืนยันยอดเงินฝากของธนาคารเงินฝากของบริษัทท่ีมี

การเปดบัญชีในนามของบริษัททุกสาขาโดยใหธนาคารทําการยืนยันยอดคงเหลือ ณ วันสิ้นงวดบัญชีเพ่ือให

ผูสอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบ

นอกจากผูจัดทําบัญชีจะขอคํายืนยันยอด จากธนาคารแลวถาในสมุดบัญชีแยกประเภทของเงินฝาก

ธนาคารไมตรงกับคํายืนยันยอดของธนาคารผูจัดทําบัญชีตองทําการตรวจเช็คกับ Statement อีกครั้ง ซ่ึงมี

วิธีการตรวจเช็ค ดังนี้

นํา Statement ขอบริษัทมาตรวจเช็คกับสมุดบัญชีแยกประเภทของเงินฝากธนาคารโดยมีการใส

เครื่องหมาย ถาในสมุดบัญชีแยกประเภท Statement มีรายการเหมือนกันก็ไมตองมีการปรับปรุงอะไร แตถา

ใน สมุดบัญชีแยกประเภทมี แตใน Statement ไมมีก็ใสเครื่องหายเอาไว หรือ ถาในสมุดรายวันแยกประเภท

ไมมีแตใน Statement มีก็ใสเครื่องหมายไวเหมือนกัน แลวก็จะนําไปแกไขปรับปรุงตอไป

-

ภาพท่ี 21 Confirm Bank

10. ออกงบทดลอง และจัดแฟมเอกสารสงใหผูสอบ

เม่ือตรวจเช็คเอกสารเสร็จเรียบรอยแลวผูจักทําบัญชีก็จําทํางบการเงินกอนปดบัญชีและจัดแฟม

เอกสารท่ีประกอบเพ่ือสงใหผูสอบบัญชีรับอนุญาตทําการตรวจสอบตอไป

แฟมเอกสารท่ีผูจัดทําบัญชีจัดทําเพ่ือสงใหผูสอบบัญชีรับอนุญาตจะมีเอกสารประกอบท่ีแตกตางกันไป

แลวแตบริษัท หรือลักษณะของกการประกอบธุรกิจ ดังนั้นแตละบริษัทอาจมีเอสารประกอบไปดวยเอกสารท่ี

สวนใหญแลวทุกบริษัทตองมีเพ่ือสงใหผูสอบบัญชีรับอนุญาต ดังนี้

1. งบทดลองแบบเต็ม

2. สําเนางบการเงินปกอน

3. สําเนา ภ.ง.ด.50 พรอมใบเสร็จรับเงินปกอน

4. สําเนา ภ.ง.ด.50 พรอมใบเสร็จรับเงินปปจจุบัน

5. หนังสือรับรองบริษัทปปจจุบัน

6. บัญชีรายชื่อผูถือหุน บอ.จ.5 ปปจจุบัน

7. Confirm Bank

8. สําเนา Statement เดือนสุดทาย

9. รายละเอียดภาษีเงินไดถูกหัก ณ ท่ีจาย

10. เอกสารสินทรัพยรายการซ้ือสินทรัพย

11. สินคาคงเหลือ ณ สิ้นป

12. สําเนาแบบภาษี พรอมใบเสร็จ ทุกแบบภาษี เดือนสุดทาย

เอกสารดังกลาว ผูจัดทําบัญชีจะตองจัดข้ึน 2 ชุด ชุดแรกใหผูตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตตรวจเช็ค

สวนอีกชุดผูทําบัญชีเก็บเอาไวเองโดยเอกสารแตละใบมีความละเอียดครบถวน

-

ภาพท่ี 22 สินคาคงเหลือ ณ สิ้นงวด

11. ออกงบการเงิน

เม่ือผูสอบบัญชีรับอนุญาตไดตรวจสอบเรียนรอยแลว ผูจัดทําบัญชีก็จะทําการออกงบ ซ่ึงภายใน

ประกอบดวย งบดุล งบกําไรขาดทุน งบแสดงฐานะการเงิน งบกระแสเงินสด รายละเอียด หมายเหตุ

ประกอบการงบการเงิน และรายงานผูสอบบัญชีรับอนุญาต โดยในรายงานทุกๆแผนนั้น จะมีการเซ็นตชื่อ

กํากับของผูบริหารบริษัทและรายเซ็นตของผูสอบบัญชีรับอนุญาตทุกแผน ซ่ึงรายงานนี้จัดทําข้ึนเปนจํานวน ถ

ชุด โดยสามชุดจัดทําใหกรมพัฒนาธุรกิจการคา กระทรวงพาณิชย อีกหนึ่งชุดจัดทําใหผูบริหาร และสุดสุดทาย

ผูจัดทําบัญชีเก็บไวเอง

ข้ันตอนการปฏิบัติงานของพนักงานบัญชีในการจัดทําบัญชีและงบการเงิน

วิธีการข้ันตอนการปฏิบัติงานของพนักงานบัญชีในการจัดทํางบการเงิน มีข้ันตอนท้ังหมด 11 ข้ัน-

ตอนดังนี้

1. แบงแยกประเภทเอกสารประกอบบัญชี

2. ตรวจเช็คเอกสารท่ีใชในทางบัญชี

3. บันทึกรายการบนโปรแกรมบัญชี

4. ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 1,3,53 กอนวันท่ี 7 ของเดือนถัดไป

5. ยื่นแบบ ภ.พ. 30 กอนวันท่ี 15 ของเดือนถัดไป

6. เช็คแบบภาษียื่นท้ัง 12 เดือน และคาใชจายอ่ืนๆ

7. ตรวจดูทรัพยสินเพ่ือนํามาคํานวณคาเสื่อมราคา

8. ตรวจเช็คลูกหนี้, เจาหนี้คงคาง ณ สิ้นงวด

9. ทําการขอคํายืนยันยอดจากธนาคาร (Confirm Bank)

10. ออกงบทดลอง และจัดแฟมเอกสารสงใหผูสอบ

11. ออกงบการเงิน

แผนภูมิข้ันตอนสรุปการจัดทําบัญชีและงบการเงิน

แผนภูมิท่ี 2 แผนภูมิข้ันตอนสรุปการจัดทําบัญชี

และงบการเงิน

(1) แบงแยกประเภทเอกสารประกอบบัญชี

(2) ตรวจเช็คเอกสารท่ีใชในทางบัญชี

(3) บันทึกรายการบนโปรแกรมบัญชี

(4) ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 1,3,53 กอนวันท่ี 7 ของเดือนถัดไป

(6) เช็คแบบภาษียื่นท้ัง 12 เดือน และคาใชจายอ่ืนๆ

(5) ยื่นแบบ ภ.พ. 30 กอนวันท่ี 15 ของเดือนถัดไป

(7) ตรวจดูทรัพยสินเพื่อนํามาคํานวณคาเส่ือมราคา

(8) ตรวจเช็คลูกหน้ี, เจาหน้ีคงคาง ณ ส้ินงวด

(9) ทําการขอคํายืนยันยอดจากธนาคาร (Confirm Bank)

(10) ออกงบทดลอง และจัดแฟมเอกสารสงใหผูสอบ

(11) ออกงบการเงิน

บิลซ้ือ

บิลขาย

ใบสําคัญรับ

ซ้ือเช่ือ

ขายสด

ขานเช่ือ

รับเงินสด

รับเงินโอน

งบดุล

งบกําไรขาดทุน

งบแสดงฐานะทางการเงิน

สวนของเจาของ

กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

งบกระแสเงินสด

หมายเหตุประกอบงบการเงิน

คาใชจาย

บิลท่ีไมสมบูรณ

จายสด

ซ้ือสด

ขอมูลไม

ไมมีท่ีอยูผูรับ

จายผานBank

บทที่ 3

แนวความคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวของกับเนื้อหาในรายวิชาที่ไดศึกษามา

จากการท่ีไดเคยศึกษามานั้น ไดทําใหเราเห็นภาพของการการทําบัญชีพียงดานเดียวจากการทําโจทย

ทําใหไมทราบรายละเอียดข้ันตอนท่ีแทจริงวาผูทําบัญชีเคาทําอยางไรในการในสวนของเรื่องเอกสารตางๆ ท่ีจะ

ใชสําหรับการลงบันทึกบัญชีอีกท้ังตอนเรียน วิชา บัญชีบัญชีบริหาร บัญชีเบื้องตน วิชาบังคับ ท้ังในเรื่องงบ

แสดงฐานะการเงิน งบดุล งบกําไรขาดทุน การคิดคาเสื่อมราคาทรัพยสิน กระดาษทําการ รายไดทางธุรกิจ

และออกสรุปงบการเงินประจําป ไดนําความรูทฤษฎีท่ีไดศึกษามาประยุกตใชใหมในการฝกงานจนประสบ

ผลสําเร็จในการฝกประสบการณครั้งนี้

บทที่ 4

บทสรุป ปญหา และอุปสรรค

บทสรุป

จากท่ีไดกลาวมาท้ังหมดเปนข้ันตอนการลงบัญชี โดยมีคําอธิบายและรูปภาพตัวอยางประกอบ โดย

ละเอียด โดยมีขอมูลสรุปอยางยอ คือ การตรวจสอบโดยวิธีกระทบยอดนั้น มีการเริ่มข้ันตอนโดย การ

ตรวจสอบหลักฐานหรือเอกสารประกอบการบันทึกบัญชีอยางละเอียด ใหถูกตองครบถวน หลังจากนั้นทําการ

นําเอกสารหรือหลักฐานประการบันทึกบัญชีนั้น มาตรวจสอบกับรายการท่ีไดลงบันทึกบัญชีตางๆวา มีการ

บันทึกขอมูลอยางเหมาะสมถูกตองครบถวนหรือไม และกระทําการคํานวณตรวจสอบยอดคงเหลือท้ังใน หมวด

สินทรัพย หมวดหนี้สิน วาถูกตองหรือไม จากนั้นทําบันทึกรายท่ีตองปรับปรุง เพ่ือใหไดมาซ่ึงการจัดทํางบ

การเงินท่ีถูกตอง

ขอเสนอแนะ

วิธีการในการทํางบการเงินดังกลาวจะชวยให นิสิต นักศึกษาไดมองเห็นภาพรวมของทํางานในการ

จัดทําบัญชีวามีจุดเริ่มตน และจุดของการสําเร็จของงานวาเปนอยางไร จากแตกอนท่ีบันทึกรายการทางบัญชี

จากโจทยหรือจากหนังสือบัญชีตาง ๆ ท่ีอาจารยมอบหมายใหปฏิบัติโดยไมทราบวา ความจริงนั้นการบันทึก

บัญชีตองอาศัยเอกสารหลักฐานในการบันทึกบัญชี หรืออาจจะทราบแตไมเคยไดลองปฏิบัติวาเอกสารใบนี้เปน

การซ้ือสดหรือซ้ือเชื่อ หรือขายสดหรือขายเชื่อ นอกจากนั้นอาจจะไมทราบวาเอกสารท่ีกิจการตาง ๆ ออกให

หรือไดรับมานั้นเอาไปทําอะไรบาง ใบไหนบางท่ีสามารถเอาไปบันทึกบัญชีและสามารถขอคืนภาษีได ใบไหน

ขอคืนไมไดเพราะอะไร รวมถึงขอบกพรองตาง ๆ เก่ียวกับการบัญชี และการเปดเผยขอมูลในงบการเงิน ดังนั้น

เม่ือนิสิต นักศึกษาไดอานและทําความเขาใจกับวิธีการปฏิบัติงานในการจัดทํางบการเงินแลวก็พอจะทราบถึง

การปฏิบัติงาน ในการจัดทํางบการเงิน นอกจากนั้น ก็ยังทราบถึงขอบกพรองในการบันทึกบัญชีและการ

เปดเผยขอมูล เพ่ือท่ีจะไมนําขอพกพรองไปปฏิบัติและจัดทํางบการเงินใหถูกตองตอไป

สรุปปญหาและอุปสรรคจาการจัดทําบัญชีและงบการเงิน

1. ขอสังเกตท่ีพบในการจัดทําบัญชีและงบการเงินตามมาตรฐานบัญชี และกฎหมาย

1.1. ปญหาและขอบกพรองเก่ียวกับเอกประประกอบลงบัญชี ยกตัวอยางเชนไมมีเอกสารจาก

บุคคลภายนอก

1.2. ไมมีเอกสารประกอบการลงบัญชีหรือเอกสารประกอบการลงบัญชีไมสมบูรณสําหรับรายการท่ี

เกิดข้ึนระหวางกิจการ เชน รายการรับ, เงินเดือน, คาแรงงาน, คาทําบัญชีและคาสอบบัญชี

1.3. เอกสารประกอบการลงบัญชี ไมครบถวน ไมสมบูรณ

1.4. มีเอกสารประกอบการลงบัญชี แตไมลงบัญชี เชนคาดอกเบี้ยจายในแจงยอดฝากธนาคาร คาภาษี

มูลคาเพ่ิมตามใบกํากับภาษี

2. บันทึกบัญชีเงินสด โดยแสดงยอดคงเหลือติดลบ แตแสดงยอดคงเหลือสิ้นป ไมติดลบโดยปรับปรุงบัญชีอ่ืนๆ

เชนเจาหนี้เงินกู หรือลูกหนี้เงินยืม

3. ขอบกพรองในการจัดทําบัญชีสินคา เชน

- ไมบันทึกบัญชีสินคาท้ัง ๆ ท่ีมีการรับ จายสินคา

- บันทึกรายการรับ-จายสินคาในบัญชีสินคาไมตรงกับหลักฐานการเกินรายการ

- บันทึกรายการรับ-จายสินคาผิดประเภท

- บันทึกบัญชีสินคาโดยไมแยกตามประเภทหรือชนิดของสินคา

- บันทึกไมครบตามชนิดของสินคา

4. ขอบกพรองเก่ียวกับบัญชีแยกประเภท เชน

- ไมปดบัญชีแยกประเภทบางบัญชี

- ไมคํานวณยอดคงเหลือในบัญชีแยกประเภท

- ยอดยกมาตนงวดในบัญชีแยกประเภทไมตรงกับยอดคงเหลือในงบการเงินปกอน

- ไมลงรายการยอดคงเหลือในบัญชีภายในระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนด

- บันทึกรายการในบัญชีลาชา

- ไมผานรายการในบัญชีรายรับ

- ไมแสดงยอดยกมาในบัญชี

- บัญชีทุนของหุนสวนรวมอยูในบัญชีเดียวกันไมแยกเปนหุนสวนแตละหุน



ประโยชนท่ีไวรับจากการ

1. ทําใหทราบถึงวิธีการปฏิบัติงานของพนักงานบัญชีในการจัดทํางบการเงิน

2. ทําใหทราบถึงระบบทางเดินเอกสารในแตละข้ันตอนของการจัดทําบัญชี

3. ทําใหทราบถึงลักษณะท่ีถูกตอง และไมถูกตองของใบกํากับภาษีท่ีสามารถขอคืนภาษี และไม

สามารถขอคืนได

4. ทําใหรูจักการทํางานเปนทีม และเปนระบบระเบียบ นําไปถึงการใชสมาธิในการลงบัญชีอีกดวย

5. ทําใหรูทันขาวสารขอมูล ท้ังเก่ียวกับเรื่องทางภาษี ประกาศบอกกลาวบุคคล และนิติบุคคล

6. ไดพัฒนาทักษะทางงานบัญชีของตนมากข้ึน และมีความสามารถในการปฏิบัติงานบัญชีไดอยาง

ถูกตอง

7. สามารถนําความรู ทักษะ และประสบการณท่ีไดรับจากการฝกงานในครั้งนี้ ไปปฏิบัติไดอยางมี

ประสิทธิภาพในอนาคต

บรรณานุกรม

ฝึกงาน กัญจน์ กองทิพย์ รอบ1

Documents