อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

12
1 การจัดการความรู้บนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่เพื่อเพิ่มมูลค่า และพัฒนาสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษา ดร.โยธิน บุญเฉลย * เนื้อหาของบทความฉบับนี้ มุ่งเน้นที่จะกล่าวถึงประสบการณ์อันทรงคุณค่าที่ผู้เขียนได้มีโอกาส ทางานเชิงจัดการความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ในพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาเป็นเวลาเกือบ 8 ปี โดยเริ่มดาเนิน การศึกษามาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 ในลักษณะของงานวิจัยและพัฒนา และต่อมาในปีงบประมาณ 2551 จนถึงปัจจุบันก็ได้รับการสนับสนุนจากสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาผ่านสานักบริหารงานวิทยาลัย ชุมชนและจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาโดยตลอด ผู้เขียนจึงขอนาเสนอในประเด็นเกี่ยวกับความเป็นมาและ ความสาคัญของปัญหา กระบวนการทางาน ผลผลิต/ผลลัพท์ที่ได้ ปัจจัยสนับสนุนสาคัญ และข้อเสนอแนะ ตามรายละเอียดในหัวข้อต่อไปนี1. ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา ไทใหญ่ หรือ ไต นับว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาไม่น้อยกว่า 2,000 ปี เคยมีพัฒนาการสร้างบ้านแปงเมืองมาจนเป็นอาณาจักร (คณะทางานร่วมระหว่างคณะวิจิตรศิลป์ และสถาบันวิจัยสังคม 2551) ไทใหญ่เป็นชาติพันธุ์ที่มีภาษาพูด ภาษาเขียน และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น มณฑลยูนนานของจีน รัฐฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ รัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย บางพื้นที่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจังหวัดทางภาคเหนือ ของประเทศไทย คาดว่ามีประชากรไทใหญ่อาศัยอยู่มากที่สุดในรัฐฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จานวน 7.5 ล้านคน (Graceffo, 2010) ส่วนไทใหญ่ในประเทศไทยนั้นอาศัยอยู่มากในบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงราย จังหวัด เชียงใหม่ จังหวัดลาปาง และจังหวัดแพร่ สาหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีไทใหญ่อพยพเข้ามาจากรัฐ ฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เข้ามาตั้งรกรากไม่ตากว่า 200 ปี จาแนกได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ย้าย ถิ่นเข้ามาเพื่อบุกเบิกพื้นที่ทามาหากิน กลุ่มที่ตกค้างจากการทาสงครามระหว่างพม่ากับล้านนาและอโยธยา กลุ่มผู้ที่หลบหนีภัยสงครามภายในของพม่าระหว่างกองทัพเมืองนายกับกองทัพเมืองหมอกใหม่ และกลุ่มผู้ทีเข้ามาทาไม้กับบริษัททาไม้ของอังกฤษ ปัจจุบันมีไทใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนประมาณร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมด ประชากรไทใหญ่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอาเภอเมือง อาเภอขุนยวม อาเภอแม่ลาน้อย อาเภอปางมะผ้า และอาเภอปาย ตามลาดับ (สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2549) จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีชุมชนไทใหญ่ตั้งอยู่ประมาณ 104 ชุมชน และภายในชุมชนไทใหญ่เหล่านี้มี สิ่งที่ทรงคุณค่าหลายประการได้แก่ ประวัติศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ความเชื่อ การละเล่น พื้นบ้าน อาหาร แหล่งท่องเที่ยว ดนตรี การละเล่นพื้นบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งเรียนรูบ้าน เรือน วัด G * รองผู้อำนวยกำรวิทยำลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน และหัวหน้ำโครงกำรไทใหญ่ศึกษำ

Upload: jadesada-wanichchakorn

Post on 07-Mar-2016

217 views

Category:

Documents


0 download

DESCRIPTION

เอกสารมหกรรมอุดมศึกษาไทย 2557

TRANSCRIPT

Page 1: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

1

การจัดการความรู้บนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่เพื่อเพิ่มมูลค่า และพัฒนาสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษา

ดร.โยธิน บุญเฉลย*

เนื้อหาของบทความฉบับนี้ มุ่งเน้นที่จะกล่าวถึงประสบการณ์อันทรงคุณค่าท่ีผู้เขียนได้มีโอกาส

ท างานเชิงจัดการความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ในพ้ืนที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาเป็นเวลาเกือบ 8 ปี โดยเริ่มด าเนินการศึกษามาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 ในลักษณะของงานวิจัยและพัฒนา และต่อมาในปีงบประมาณ 2551 จนถึงปัจจุบันก็ได้รับการสนับสนุนจากส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาผ่านส านักบริหารงานวิทยาลัยชุมชนและจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาโดยตลอด ผู้เขียนจึงขอน าเสนอในประเด็นเกี่ยวกับความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา กระบวนการท างาน ผลผลิต/ผลลัพท์ที่ได้ ปัจจัยสนับสนุนส าคัญ และข้อเสนอแนะ ตามรายละเอียดในหัวข้อต่อไปนี้ 1. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา

ไทใหญ่ หรือ ไต นับว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาไม่น้อยกว่า

2,000 ปี เคยมีพัฒนาการสร้างบ้านแปงเมืองมาจนเป็นอาณาจักร (คณะท างานร่วมระหว่างคณะวิจิตรศิลป์และสถาบันวิจัยสังคม 2551) ไทใหญ่เป็นชาติพันธุ์ที่มีภาษาพูด ภาษาเขียน และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น มณฑลยูนนานของจีน รัฐฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ รัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย บางพ้ืนที่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย คาดว่ามีประชากรไทใหญ่อาศัยอยู่มากที่สุดในรัฐฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จ านวน 7.5 ล้านคน (Graceffo, 2010)

ส่วนไทใหญ่ในประเทศไทยนั้นอาศัยอยู่มากในบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดล าปาง และจังหวัดแพร่ ส าหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีไทใหญ่อพยพเข้ามาจากรัฐฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เข้ามาตั้งรกรากไม่ต่ ากว่า 200 ปี จ าแนกได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ย้ายถิ่นเข้ามาเพ่ือบุกเบิกพ้ืนที่ท ามาหากิน กลุ่มที่ตกค้างจากการท าสงครามระหว่างพม่ากับล้านนาและอโยธยา กลุ่มผู้ที่หลบหนีภัยสงครามภายในของพม่าระหว่างกองทัพเมืองนายกับกองทัพเมืองหมอกใหม่ และกลุ่มผู้ที่เข้ามาท าไม้กับบริษัทท าไม้ของอังกฤษ ปัจจุบันมีไทใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนประมาณร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมด ประชากรไทใหญ่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอ าเภอเมือง อ าเภอขุนยวม อ าเภอแม่ลาน้อย อ าเภอปางมะผ้า และอ าเภอปาย ตามล าดับ (ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2549)

จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีชุมชนไทใหญ่ตั้งอยู่ประมาณ 104 ชุมชน และภายในชุมชนไทใหญ่เหล่านี้มี สิ่งที่ทรงคุณค่าหลายประการได้แก่ ประวัติศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ความเชื่อ การละเล่นพ้ืนบ้าน อาหาร แหล่งท่องเที่ยว ดนตรี การละเล่นพ้ืนบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้ บ้าน เรือน วัด G * รองผู้อ ำนวยกำรวิทยำลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน และหัวหน้ำโครงกำรไทใหญ่ศึกษำ

Page 2: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

2

และอ่ืนๆ สิ่งที่ทรงคุณค่าเหล่านี้จ าเป็นต้องมีการอนุรักษ์สืบสานพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป อย่างไรก็ตามได้มีเหตุการณ์หลายอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณการล่มสลายของสิ่งที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ อาทิ เช่น มีการใช้ภาษาไทใหญ่ของเยาวชนคนหนุ่มสาวมีน้อยลง ผู้คนบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวิถีแห่งไทใหญ่ การแต่งกายแบบไทใหญ่ลดน้อยลง เยาวชนบางส่วนไม่ชอบที่จะแสดงตนแสดงตนในความเป็นไทใหญ่ พิธีกรรมและงานประเพณีหลายประการเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กลายเป็นพืธีกรรรมที่มุ่งเน้นความสะดวกรวดเร็วและผลประโยชน์แอบแฝงทางการเมืองในระดับท้องถิ่น ประกอบกับกระแสโลกาภิวัฒน์ที่ไหลบ่าเข้ามาในสังคมไทใหญ่อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทรงคุณค่าเริ่มเปลี่ยนแปลงและสูญหายไปตามกาลเวลาเนื่องจากการขาดองค์ความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักเกี่ยวกับไทใหญ่ทั้งเชิงลึกและกว้าง พร้อมทั้งขาดองค์กรทางวิชาการเกี่ยวกับไทใหญ่ในพ้ืนที่ ดังจะเห็นได้จากผลการประชุมของภาคประชาสังคมไทใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ในตอนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นอย่างสอดคล้องกันว่า การที่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตไทใหญ่ที่มีอยู่เดิมมีการสูญหายหรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนั้น มีสาเหตุจากประชาชน หน่วยราชการ และองค์กรในพื้นที่ขาดองค์ความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักเกี่ยวกับไทใหญ่ ประกอบกับขาดองค์กรทางวิชาการที่จะช่วยชี้น าและบริการวิชาการเกี่ยวกับชาติพันธุ์ไทใหญ่ (วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน 2553) ส าหรับพันธกิจของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนนั้นก าหนดให้ด าเนินการเกี่ยวกับการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการท านุบ ารุงศิลปวัฒนธรรม (ส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา 2551) โดยเฉพาะพันธกิจเกี่ยวกับการบริการวิชาการเพ่ือสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการแก่ชุมชนสังคม ร่วมรับรู้ถึงปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน และสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของชุมชนสังคมนั้น เป็นสิ่งส าคัญที่วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนต้องตระหนัก วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนจึงจัดบริการวิชาการเกี่ยวกับไทใหญ่มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยมีกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการความรู้ในแง่ของการรวบรวม กลั่นกรอง แลกเปลี่ยน และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่มาได้ระยะหนึ่ง แต่ทว่าก็ประสบปัญหาส าคัญหลายประการเกี่ยวกับ การขาดความต่อเนื่องในการด าเนินงาน การชาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การขาดก าลังคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้านไทใหญ่ และการขาดแคลนงบประมาณรวมทั้งทรัพยากรที่จ าเป็นในการท างาน (วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน 2553) จากสภาพปัญหาข้างต้นจะเห็นว่าเป็นปัญหาในเชิงการบริหารจัดการทั้งสิ้น ประกอบกับผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาสังคมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2553 ณ ห้องประชุมวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนที่มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันว่า จ าเป็นที่ต้องผลักดันให้โครงการไทใหญ่ศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น และควรด าเนินการจัดตั้งองค์กรเกี่ยวกับไทใหญ่ศึกษาขึ้นภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยก าหนดให้มีพันธกิจที่ส าคัญเกี่ยวกับไทใหญ่ในแง่ของการจัดการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ รวมทั้งการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทใหญ่

หากศูนย์ใหญ่ศึกษาที่เกิดขึ้นสามารถด าเนินงานตามพันธกิจข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ คือ ประการแรก ท าให้เกิดมีหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับไทใหญ่ ประการที่สอง ท าให้มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับไทใหญ่ ประการที่สาม ท าให้มีการบริการวิชาการเกี่ยวกับไทใหญ่แก่ชุมชน สังคม นักวิชาการ และผู้สนใจ ประการที่สี่ ส่งเสริมให้สถาบันไทใหญ่ศึกษาและวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนมีบทบาทที่โดดเด่นในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทใหญ่ นอกจากนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกให้วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนกลายเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพ่ือท้องถิ่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะเกี่ยวกับไทใหญ่ ส่วนประชาชน ผู้สนใจ และนักวิชาการ จะได้รับประโยชน์ที่รอบด้านและลึกซึ้งมากขึ้น อีกทั้งองค์ความรู้ทางวิชาการด้านไทใหญ่จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นสากล สามารถ

Page 3: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

3

สนองตอบต่อความต้องการของผู้คนทั้งในและนอกชุมชนได้ ศูนย์ไทใหญ่ศึกษาจะเป็นกลไกทางวิชาการในพ้ืนที่จะช่วยท าให้เกิดองค์ความรู้และการพัฒนาชุมชนสังคมของไทใหญ่อย่างยั่งยืน และเป็นแนวทางเพ่ือใช้ในการ พัฒนางานทางด้านชาติพันธุ์ส าหรับวิทยาลัยชุมชนหรือหน่วยงานอื่นต่อไปในอนาคต ทั้งนี้เพื่อให้ศูนยไ์ทใหญ ่ศึกษามีความยั่งยืนสามารถเชื่อมประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนได้อย่างเหมาะสม จึงจ าเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายคาดว่าน่าจะเกิดข้ึน คือ ไทใหญ่สามารถอนุรักษ์สืบสานและพัฒนาไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมรวมทั้งอาศัยอยู่ในชุมชนอย่างมีคุณภาพชีวิต และมีความผาสุกอย่างยั่งยืน ส่วนศูนย์ไทใหญ่ศึกษาจะมีการพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษาในอนาคต

การด าเนินงานเกี่ยวกับไทใหญเ่ป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนจึงต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ ความเชื่อ ภาษา วัฒนธรรม การเมือง การปกครอง ค่านิยม และอ่ืน ๆ ประกอบกับศูนย์ไทใหญ่ศึกษาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับองค์กรทางชาติพันธุ์ แต่มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ในประเทศไทยเองยังไม่เคยมีองค์กรมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับองค์กรทางชาติพันธุ์ที่อยู่ในสังกัดวิทยาลัยชุมชนมาก่อน โดยส่วนใหญ่จะพบว่า องค์กรมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับองค์กรทางชาติพันธุ์ที่มีมักอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัย หรือเป็นองค์กรในก ากับของรัฐ หรือเป็นองค์กรที่ขึ้นกับชุมชนหรือมูลนิธิใดมูลนิธิหนึ่งโดยตรง เงื่อนไขส าคัญที่จะช่วยในการขับเคลื่อนงานเกี่ยวกับไทใหญ่ข้างต้นประสบผลส าเร็จตามที่ก าหนดไว้ จ าเป็นต้องมีการด าเนินการจัดการความรู้ไทใหญ่อย่างมีปะสิทธิภาพ รวมทั้งมีการออกแบบการบริหารจัดการศูนย์ไทใหญ่ศึกษาอย่างเหมาะสม โดยมีการก าหนดวัตถุประสงค์การท างานในระยะยาวไว้ 3 ประการคือ 1) เพ่ือจัดการองค์ความรู้ไทใหญ่ 2) เพ่ือเพ่ิมมูลค่าบนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่ และ 3) เพ่ือศึกษารูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ไทใหญ่ศึกษาเพ่ือพัฒนาสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษาในอนาคต

กระบวนการท างาน

กระบวนการท างานเพ่ือการจัดการความรู้บนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่เพ่ือเพ่ิมมูลค่าและพัฒนา สู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษานั้น เป็นกระบวนการท างานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 จนถึงปี 2557 กิจกรรมที่ขับเคลื่อนอยู่บนบนฐานของการวิจัยเชิงปฎิบัติการ และโครงการ ส าหรับงบประมาณในการด าเนินโครงการ รวมแล้วเป็นจ านวนเงิน 11,110,740 บาท โดยได้จากแหล่งงบประมาณ 3 แหล่ง ได้แก่ ส านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส าหรับกระบวนการท างานและหรือวิธีการศึกษาแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ กระบวนการศึกษาเพ่ือการจัดการองค์ความรู้ไทใหญ ่กระบวนการศึกษาเพ่ือเพ่ิมมูลค่าบนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่ และกระบวนการศึกษารูปแบบและด าเนินงานพัฒนาสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษา

1. กระบวนศึกษาเพื่อการจัดการองค์ความรู้ไทใหญ่ กระบวนการจัดการความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ ถือว่าเป็นการกระบวนการหลักของการขับเคลื่อน

งานที่เก่ียวกับไทใหญ่ศึกษา มีกระบวนการท างานอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งมีกิจกรรมส าคัญดังนี้ 1.1 การบ่งชี้ความรู้ มีการก าหนดประเด็นของการจัดการความรู้ ไว้ 3 ประการคือ เพ่ือ

จัดการความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ เพ่ือสร้างมูลค่าเพ่ิมทางด้านอาชีพ รายได้ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมประเพณีไทใหญ่ และเพ่ือพัฒนาชุมชนต้นแบบในการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมไทใหญ่

1.2 การสร้างและแสวงหาความรู้ เป็นการเก็บรวบรวมช้อมูลองค์ความรู้ไทใหญ่โดยใช้ วิธีการศึกษาเอกสาร การสังเกต การสัมภาษณ์ระดับลึก การศึกษาดูงาน การแปลต ารา และการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ

Page 4: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

4

1.3 การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ในการประมวลและกลั่นกรองความารู้ไทใหญใ่ช้ วิธีการต่าง ๆ ประกอบด้วยการประชุมผู้เชี่ยวชาญเพ่ือกลั่นกรององค์ความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้กับชุมชน และการประชุมเพ่ือปริวรรตวัฒนธรรมไทใหญ่

1.4 การจัดระบบความรู้ มีการจัดหมวดหมู่ข้อมูลเกี่ยวกับไทใหญอ่ย่างเป็นระบบในรูปแบบ ของการจัดท าหลักสูตรด้านวัฒนธรรมประเพณี การจัดท าเอกสารวรรณกรรมนิทานฉบับสมบูรณ์ รวมทั้งการพัฒนาเพ่ือจัดท าสื่อและเอกสารประกอบการเรียนการสอน

1.5 การเข้าถึงข้อมูล มีการส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับไทใหญ่ที่เก็บรวบรวมไว้ในรูป ของการจัดท าเว็บไซต์ เอกสาร สื่อวีดิทัศน์ รายการวิทยุ เคเบิ้ลทีวี และนิทรรศการ

1.6 การแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ มีการแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ใน รูปของกิจกรรมการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ในระดับชุมชน ระดับชาติ และระดับนานาชาติ การจัดนิทรรศการ การจัดประกวดด้านวัฒนธรรม รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความมือทางด้านภาษาและวัฒนธรรม

1.7 การเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมส่งสริมการน าความรู้เกี่ยวกับไทใหญไ่ปใช้ประโยชน์ในการ พัฒนาเขตเทศบาลเมืองแมฮ่องสอนเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์มีชีวิต การสนับสนุนให้หน่วยงานองค์กรต่าง ๆ น าสื่อที่ผลิตไปใช้ประโยชน์ และการสนับสนุนเครือข่ายความร่วมมือสืบสานวัฒนธรรมไทใหญ่

2. กระบวนการศึกษาเพื่อเพิ่มมูลค่าบนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่ มีกิจกรรมหลักหรือโครงการที่ ด าเนินการ ได้แก่ การศึกษาและพัฒนาชุมชนต้นแบบของไทใหญ่ การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอาหารไทใหญ่ การฟ้ืนฟจู้าดไตบ้านคาหาน การส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนภาษาไทใหญ่ในโรงเรียนในโรงเรียนเครือข่าย การแปรรูปสมุนไพรพื้นบ้านของชาวไทใหญ่ (เค๋อก๋าว) และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาบ้านคาหาน

3. กระบวนการศึกษาและการพัฒนาสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษา ในกระบวนการนี้มี กิจกรรมและโครงการวิจัยที่ด าเนินการคือ การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ไทใหญ์ศึกษา การออกแบบอาคารหอวัฒนธรรมไทใหญ่ การออกแบบภูมิทัศน์ศูนย์ไทใหญ่ศึกษา และการบริหารเครือข่าย ผลผลิต/ผลลัพท์

จากกระบวนการท างานที่กล่าวมาข้างต้นท าให้ได้ผลลผลิตและผลลัพท์ท่ีส าคัญหลายประการซึ่ง สามารถจ าแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ

1. ผลผลิต/ผลลัพท์ที่ได้จากการจัดการองค์ความรู้ไทใหญ่ มีดังนี้ 1) ฐานข้อมูลแม่ฮ่องสอนเมืองมรดกทางวัฒนธรรม ซึงเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่

ทรงคุณค่า ทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ความเชื่อ การละเล่นพ้ืนบ้าน อาหารการกินของไทใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวและอ่ืน ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลส าคัญที่เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนน าไปใช้ในการพัฒนาเขตเทศบาลเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์มีชีวิต

2) สื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับไทใหญในรูปแบบของ วีดีทัศน์ เอกสาร แผ่นพับ เว็บไซต์ เฟสบุค รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ผ่านเคเบิลท้องถิ่น และนิทรรศการ

3) ต าราไทใหญ่โบราณฉบับแปลภาษาไทยจ านวน 30 เรื่อง 4) ต าราลีกโหลง 5) หลักสูตรและการสอนภาษาใหญ่เกิดการเรียนการสอนในโรงเรียนเครือข่าย 10 แห่ง 6) หลักสูตรและจัดฝึกอบรมด้านวัฒนธรรมประเพณีไทใหญ่

Page 5: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

5

7) ฐานข้อมูลองค์ความรู้ชุมชนไทใหญเ่ขตลุ่มน้ าแม่สะงี 8) เวทกีารแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมไทใหญ่ในระดับชุมชน ระดับชาติและนานาชาติ

2. ผลผลิต/ผลลัพท์ที่ได้จากการกระบวนการศึกษาแนวทางและเพิ่มมูลค่าบนฐาน วัฒนธรรมไทใหญ่ มีดังนี ้

1) ชุมชมได้รับการพัฒนาสู่ชุมชนต้นแบบของไทใหญ่ 2) วิสาหกิจชุมชนอาหารไทใหญ่ 3) การอนุรักษ์สืบสานคณะจ้าดไตบ้านคาหาน 4) การแปรรูปสมุนไพรพ้ืนบ้านของชาวไทใหญ่ (เค๋อก๋าว)เพ่ือใช้ในการเกษตร 5) การออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาบ้านคาหาน

3. ผลผลิต/ผลลัพท์ที่ได้จากกระบวนการศึกษาและการพัฒนาสู่การเป็นสถาบันไทใหญ่ศึกษา มีดังนี้

3.1 รูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ไทใหญ่ศึกษาของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน โดยมี สาระส าคัญในประเด็นต่าง ๆ (ภาพท่ี 1)

ภาพที่ 1 รูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ไทใหญ่ศึกษาของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน

Page 6: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

6

3.1.1 ลักษณะส าคัญของศูนย์ไทใหญ่ศึกษา ประกอบด้วยแนวคิดของศูนย์ไทใหญ่ศึกษา และลักษณะทางกายภาพ

1) แนวคิดของศูนย์ไทใหญ่ศึกษำ แนวคิดพ้ืนฐานการด าเนินงานของศูนย์ไทใหญศ่ึกษา เน้นการด าเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับไทใหญ่ในแง่ของ การค้นหาสร้างองค์ความรู้ การส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทใหญ่และชาติ พันธุ์ อ่ืน การอนุรักษ์และส่ ง เสริมวัฒนธรรมประเพณีและทรัพยากรธรรมชาติ การมีสถานะเป็นหน่วยงานในสังกัดของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน การด าเนินงานที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนไทใหญ่ ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอน และยุทธศาสตร์การพัฒนาของวิทยาลัยชุมชน การยึดหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ความต่อเนื่องของกิจกรรม การเป็นศูนย์การเรียนรู้ไทใหญ่เกี่ยวกับภาษา วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ผังเมือง วัด พระธาตุ วิถีชีวิต ความเชื่อ เศรษฐกิจ สังคม ประชากร การเมือง การปกครอง และการประสานงานความร่วมมือเกี่ยวกับไทใหญ่ทั้งในและต่างประเทศเพ่ือเชื่อมจิตวิญญาณรวมทั้งความเป็นไทใหญ่เข้าด้วยกัน

2) ลักษณะทำงกำยภำพ ศูนย์ไทใหญ่ศึกษาควรมีลักษณะทางกายภาพที่ประกอบด้วย อาคารตามแบบสถาปัตยกรรมไทใหญ่ ห้องประชุม พ้ืนที่ส าหรับจัด นิทรรศการหมุนเวียน จุดบริการข้อมูลที่เชื่อมโยงกับชุมชนบุคคลและเครือข่าย ภูมิทัศน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไทใหญ่ ลานกลางแจ้งส าหรับแสดงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและวิถีชี วิต การแสดงเครื่ องมือเครื่ องใช้ ในชีวิตประจ าวัน การสาธิตวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับชุมชนไทใหญ่ รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์ภูมิปัญญาไทใหญ่ทีม่ีการปลูกพืชพันธุ์พ้ืนบ้านไทใหญ่ และไม้ตามพุทธชาดก

3.1.2 องค์ประกอบส าคัญของการบริหารจัดการของศูนย์ไทใหญ่ศึกษา องค์ประกอบส าคัญของรูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ไทใหญ่ศึกษาของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนมี 8 ประการ คือ

1) กำรน ำองค์กำร มีการก าหนดปรัชญา ปณิธาน ความคาดหวัง วิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ และพันธกิจของศูนย์ไทใหญ่ศึกษาไว้โดยเฉพาะพันธกิจเกี่ยวกับ การพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการส่งเสริมการ อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ส่วนความคาดหวังนั้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคาดหวัง

ให้เป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ ส าหรับวิสัยทัศน์ของศูนย์ก็เพ่ือมุ่งเน้นการเป็นศูนย์กลางของการศึกษาการวิจัย การบริการวิชาการเกี่ยวกับภูมิปัญญาพ้ืนบ้านไทใหญ่ ศิลปะวัฒนธรรม การส่งเสริมการอาชีพรายได้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนไทใหญ่ การประสานเชื่อมโยงกับไทใหญ่ในทุกพ้ืนที่ พร้อมมุ่งเน้นให้ไทใหญ่มีความภาคภูมิใจในชาติพันธุ์ของตนเอง

2) กำรวำงแผน การวางแผนของศูนย์ไทใหญ่ศึกษาต้องยึดหลักความสอดคล้อง กับบริบทที่เกี่ยวข้อง โดยมีการก าหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์ไทใหญ่ ศึกษาไว้ 8 ประเด็น คือ การจัดการความรู้ การส่งเสริมและสนับสนุนการ

Page 7: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

7

วิจัย การพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนการสอน การพัฒนาบริการวิชาการ การส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี การประสานเครือข่าย การ ส่งเสริมรายได้อาชีพ และการพัฒนาระบบและกลไกการบริหาร

3) กำรให้ควำมส ำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นการจัดระบบงานที่เน้นให้มีการ รับฟังความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พัฒนาระบบบริการที่มีคุณภาพทุกขั้นตอนโดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอันประกอบด้วยชุมชน เยาวชน นักศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่น และอ่ืนๆ พร้อมจัดบริการวิชาการที่หลากหลายเพ่ือรองรับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

4) กำรจัดกำรควำมรู้ ควรมีการก าหนดประเด็นการจัดการความรู้เกี่ยวกับไทใหญ่ ไว้อย่างชัดเจน โดย การเก็บรวบรวมความรู้ วิเคราะห์สังเคราะห์ การเผยแพร่ข้อมูล การส่งเสริมการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ การจัดท าหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอน

5) กำรบริหำรทรัพยำกรมนุษย์ เป็นกระบวนการก าหนดอัตราก าลงัให้สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติงานประจ าปี การก าหนดคุณสมบัติและจ านวนบุคลากรไว้อย่างเหมาะสม การวางระบบการทดลองงาน การพัฒนาศักยภาพบุคลากรระหว่างประจ าการ การสร้างแรงจูงใจ การประสานเครือข่าย และการบริหารแบบมีส่วนร่วม

6) กำรบริหำรจัดกำรทั่วไป การบริหารจัดการทั่วไปของศูนย์ไทใหญ่ศึกษา จ าเป็นต้องมีการด าเนินงานในรูปของการจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร การสรรหาที่ปรึกษา/ผู้อ านวยการ/ผู้ปฏิบัติงาน/ผู้เชี่ยวชาญ การก าหนดแนวทางการท างานร่วมกับเครือข่าย การก าหนดโครงสร้างการบริหารที่เหมาะสม(ภาพที่ 2) รวมทั้งการแสวงหางบประมาณและทรัพยากร

7) กำรบริหำรงำนวิชำกำรและงำนวิจัย เป็นการด าเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนา หลักสูตรเกี่ยวกับไทใหญ่ การเชื่อมโยงการท างานของศูนย์ไทใหญ่ศึกษากับการจัดการเรียนการสอนของครู/อาจารย์ การสรรหาอาจารย์/วิทยากรผู้สอน การวางระบบเพ่ือใช้ประเมินผลงาน การสร้างระบบแรงจูงใจเชิงบวกให้เครือข่ายทางวิชาการเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม การประสานงานกับนักวิชาการไทใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ การประชาสัมพันธ์ การจัดหาทุนอุดหนุนการวิจัยเกี่ยวกับไทใหญ่ รวมทั้งการก าหนดนโยบายทิศทางการวิจัยเกี่ยวกับไทใหญ่ และการวางระบบการวิจัยให้เชื่อมโยงกับการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน

8) กำรประเมินผล การประเมินผลการด าเนินงานของศูนย์ไทใหญ่ศึกษานั้นมี หลักเกณฑ์ส าคัญคือ เน้นการประเมินผลเพ่ือการพัฒนา มีการก าหนดตัวชี้วัดและระยะเวลาการประเมินผลไว้อย่างชัดเจนล่วงหน้า รวมทั้งมีขอบเขตของการประเมินผลที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ คือ การประเมินประสิทธิผล การประเมินคุณภาพบริการ การประเมินประสิทธิภาพ และการประเมินการเรียนรู้และพัฒนา

Page 8: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

8

ภาพที่ 2 โครงสร้างการบริหารจัดการภายในของศูนย์ไทใหญ่ศึกษาของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน

Page 9: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

9

3.2 แผนแม่บทพัฒนาศูนย์ ได้แผนแม่บทในการพัฒนาพ้ืนที่ก่อสร้างศูนย์ไทใหญ่ศึกษาอย่าง เหมาะสม

ภาพที่ 3 การออกแบบภูมิทัศน์สถานที่ตั้งศูนย์ไทใหญ่ศึกษา

3.3 แบบแปลนอาคารและการก่อสร้างหอวัฒนธรรมไทใหญ่ ได้แบบแปลนหอวัฒนธรรม

ไทใหญ่ที่เหมาะสมสอดและมีความก้าวหน้าในการก่อสร้างอาคารในระดับหนึ่ง

ภาพที่ 4 แบบอาคารหอวัฒนธรรมไทใหญ่

Page 10: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

10

ปัจจัยที่เอื้อต่อความส าเร็จ ในการด าเนินการจัดการความรู้บนฐานวัฒนธรรมไทใหญ่เพ่ือเพ่ิมมูลค่าและพัฒนาสู่การเป็น

สถาบันไทใหญ่ศึกษานั้นขึ้นกับปัจจัยส าคัญดังนี้ 1. การประชาสัมพันธ์

การประชาสัมพันธ์เป็นปัจจัยที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจความภูมิใจในความเป็นไทใหญ่ ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือของเครือข่าย และสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ไทใหญ่ศึกษา

2. คุณภาพของบุคลากร การที่ศูนย์จะบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ก าหนดไว้ขึ้นกับปัจจัยที่ส าคัญคือ การมีบุคลากรที่มี

คุณภาพมาร่วมท างาน ได้แก่ คณะกรรมการบริหาร ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อ านวยการศูนย์ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และเครือข่ายที่มาร่วม จึงจ าเป็นต้องมีระบบการสรรหา การพัฒนา และดูแลรักษาบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ

3. เครือข่าย การมีเครือข่ายมาร่วมท างานอันประกอบด้วย ภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน ผู้น าชุมชนชุมชน

นักวิชาการ สถาบันการศึกษา นักการเมือง กลุ่มทางสังคม ภาคราชการ ภาคธุรกิจ องค์กรพัฒนาเอกชน และอ่ืนๆ ทั้งในและต่างประเทศ เป็นปัจจัยสนับสนุนส าคัญท่ีจะช่วยท าให้รูปแบบการบริหารจัดการศูนย์เกิดผลในทางปฏิบัติได้

4. ความสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ ส าหรับการด าเนินงานของศูนย์ไทใหญ่ศึกษานั้นมีความจ าเป็นต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์

การพัฒนาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และยุทธศาสตร์ของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้จะช่วยให้ศูนย์มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนการด าเนินงานจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน และวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น

5. การเชื่อมโยงกับการจัดการเรียนการสอน การที่ศูนย์ไทใหญ่ศึกษาจะสามารถด าเนินกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง จ าเป็นที่จะต้องได้รับการ

สนับสนุนจากอาจารย์ ครู นักเรียน และนักศึกษา จึงต้องมีการด าเนินงานที่สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยชุมชน แม่ฮ่องสอน รวมทั้สถาบันการศึกษาท่ีเป็นเครือข่าย

6. ความร่วมมือทางวิชาการ การได้รับความร่วมมือทางวิชาการจากมหาวิทยาลัยในแง่ของการจัดประชุมวิชาการ การ

สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของศูนย์ เป็นปัจจัยส าคัญในการขับเคลื่อนศูนย์ไทใหญ่ศึกษาจะช่วยให้ศูนย์มีองค์ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับไทใหญ่ที่หลากหลาย พร้อมทั้งสามารถน าประสบการณ์และผลงานทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยผลิตขึ้นมาแปลงสู่การใช้ประโยชน์ในระดับพ้ืนที ่

7. การระดมงบประมาณและทรัพยากร การที่จะสามารถด าเนินกิจกรรมของศูนย์ตามที่ก าหนดไว้ได้จ าเป็นต้องมีงบประมาณและ

ทรัพยากรที่เพียงพอ และระบบงบประมาณควรเป็นแบบทุนอุดหนุนการวิจัย และมuงบประมาณปกติท่ีสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรด าเนินการอีกมาก อีกทั้งเป็นงานที่มีลักษณะบริการวิชาการแก่สังคม

Page 11: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

11

ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการด าเนินงาน จากประสบการณ์การขับเคลื่อนการจัดการความรู้เกี่ยวกับ

ไทใหญ่มาในระดับหนึ่ง จึงมีข้อเสนอแนะต่อการด าเนินงานในอนาคตดังนี้ 1) การท างานเชิงวิชาการกับชุมชนไทใหญ่นั้นต้องยึดหลักการมีส่วนร่วม การมีความยืดหยุ่น

และการลดขั้นตอนการท างานตามระบบราชการลง ทั้งนี้เพ่ือให้เครือข่ายต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการท างานได้ง่าย

2) ควรเน้นการประสานสร้างความร่วมมือจากเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วย ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัด สถาบันการศึกษา วัด กลุ่มชาติพันธุ์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ และอ่ืน ๆ

3) ควรมีจัดระบบการท างานของศูนย์ไทใหญ่ศึกษาให้เชื่อมโยงกับการจัดการเรียนการสอน ของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนรวมทั้งสถาบันการศึกษาในเครือข่าย ทั้งนี้เพ่ือจะได้มีนักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์เข้ามาร่วมจัดการเรียนรู้ ค้นคว้าวิจัย และด าเนินกิจกรรม จะช่วยท าให้ศูนย์มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

5) ควรมีการพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนด้านไทใหญ่แก่กลุ่มข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่น ที่มาปฏิบัติงานในจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไทใหญ่ในแง่ของประวัติศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน วิถีชีวิต ความเชื่อ และอ่ืนๆ จะช่วยให้บุคคลกลุ่มนี้สามารถประสานและสนับสนุนการอนุรักษ์และพัฒนางานโครงการเกี่ยวกับไทใหญ่ได้ในอนาคต

6) ควรมีการพัฒนาลักษณะทางกายภาพของศูนย์ไทใหญ่ศึกษา ให้มอีาคารตามแบบ สถาปัตยกรรมไทใหญ่ ห้องประชุม นิทรรศการหมุนเวียน จุดบริการข้อมูลที่เชื่อมโยงกับชุมชนบุคคลและเครือข่าย ภูมิทัศน์ที่สะท้อนถึงความเป็นไทใหญ่ ลานกิจกรรมกลางแจ้ง การแสดงเครื่ องมือเครื่องใช้ การสาธิตวิถชีีวิต รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์ภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน

7) ควรมีการด าเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในรูปของโครงการเก่ียวกับไทใหญ่ในประเด็นของ การจัดการความรู้ การบริการวิชาการ การวิจัย และอ่ืนๆ

8) ควรมีการวางระบบการสรรหาบุคลากร การพัฒนา และระบบการดูแลรักษาบุคลากร ของศูนย์ไทใหญ่ศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เ พ่ือให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมการท างานอันประกอบด้วย คณะกรรมการบริหาร ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อ านวยการศูนย์ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และเครือข่าย รวมทั้งควรมีการปรับปรุงกฎเกณฑ์เก่ียวกับความก้าวหน้าในสายวิชาชีพโดยให้สามารถใช้ผลงานวิจัยเพ่ือชุมชนสังคม รวมทั้งโครงการเกี่ยวกับชุมชนเข้มแข็งเป็นองค์ประกอบส าคัญ

9) ควรมีการจัดประชุมซักซ้อมความเข้าใจกับครูและอาจารย์ผู้สอนให้เกิดการเชื่อมโยง ระหว่างการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนและสถานศึกษาในเครือข่ายเข้ากับยุทธศาสตร์ แผน และกิจกรรมของศูนย์ไทใหญ่ศึกษา ตั้งแต่ขั้นตอนของการจัดท าแผนการเรียนรู้ และการจัดการเรียนรู้ จะช่วยท าให้เกิดความรู้ใหม่เกี่ยวกับไทใหญ่มากขึ้น อีกทั้งเกิดการบูรณาการใช้ประโยชน์จากความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นกับการเรียนรู้ของนักศึกษาและครูอาจารย์ผู้สอน

10) ควรมีการวางแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของศูนย์ไว้ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเพ่ือจะได้มีก าลังคนที่มีประสิทธิภาพสูงมาร่วมท างาน

Page 12: อุดมศึกษาของชุมชน ดร.โยธิน บุญเฉลย

12

2. ข้อเสนอแนะในการวิจัย เพ่ือให้เกิดความรู้ใหม่ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับไทใหญ่ในประเด็นดังนี้ 1) การวิจัยเชิงปฏิบัติการเพ่ือฟ้ืนฟูอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมไทใหญ่เชื่อมโยงกันเป็นพ้ืนที่

ในลักษณะของเขตพ้ืนที่ลุ่มน้ า ทั้งนี้เพ่ือให้เกิดความร่วมมือและเครือข่ายในการแก้ไขปัญหา การพัฒนา ตลอดจนได้ข้อตกลงร่วมกัน

2) การศึกษาภาพอนาคตใน 20 ปี ข้างหน้าของไทใหญ่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนีเ้พ่ือจะได้ก าหนดยุทธศาสตร์รองรับได้อย่างเหมาะสม

3) การเพ่ิมมูลค่าของสมุนไพรและยาพื้นบ้านไทใหญ่ 4) การจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเขตลุ่มน้ าของชุมชนไทใหญ่ 5) การสร้างวาระการท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยใช้ฐานวัฒนธรรมไทใหญ่

หนังสืออ้างอิง “กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษากระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546” (2546,7 กรกฏาคม) รำชกิจจำนุเบกษำ เล่ม 120 /ตอนท่ี 63 ก/หน้า 24 “กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่ ากว่าปริญญารูปแบบวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. 2546” (2546,15 ตุลาคม) รำชกิจจำนุเบกษำ เล่ม 120 /ตอนท่ี 103 ก/หน้า 8 ดรัคเกอร์, ปีเตอร ์เอฟ และ มาเซียเรียลโล, โจเซฟ เดอะ เดลี่ ดรัคเกอร์ แปลจาก The Daily

Drucker 366 Days of Insight and Motivation for Getting the Right Things Done โดย อุดม ไพรเกษตร (2553) กรุงเทพมหานคร ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัยศรีปทุม

โยธิน บุญเฉลยและคณะ (2551) โครงกำรน ำร่องกำรพัฒนำฐำนข้อมูลส ำหรับกำรสร้ำงเมืองมรดกทำง วัฒนธรรมจังหวดัแม่ฮ่องสอน ส านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย โยธิน บุญเฉลยและคณะ (2551) ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำสู่กำรเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแม่ฮ่องสอน เครือข่ายวิจัยสถาบันอุดมศึกษาภารคเหนือตอนบน โยธิน บุญเฉลย (2556) รูปแบบกำรบริหำรจัดกำรศูนย์ไทใหญ่ศึกษำของวิทยำลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน ดุษฎีนิพนธ์หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน (2553) รำยงำนกำรประชุมคณะกรรมกำรศูนย์ไทใหญ่ศึกษำ ครั้งที่ 2 ปีงบประมำณ 2554 ส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน (2549) ประวัติวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน Drucker, P. F. (1979). Management: Tasks, Responsibility, Practices. London: Pan Books. Graceffo, Antonio (2010). Shan People. Retrieved October 29, 2010, from http://www. hackwriters.com/ShanprojectAG.htm