12 รหัสวิชา ว 40244edltv.thai.net/courses/584/51bim5-kos050401.pdf ·...
TRANSCRIPT
11
ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
รหัสวิชา ว 40244ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
ครูผูสอน นางสาวกัลยา สดีอกบวบโรงเรียนวังไกลกังวล
22
ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
หนวยที่ 4 การดํารงชีวิตของพชืบทที่ 12
โครงสรางและหนาที่ของพืชดอก
33
ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ผลการเรยีนรูทีค่าดหวังผลการเรยีนรูทีค่าดหวัง
สืบคนขอมูลและอธิบายลักษณะโครงสรางและหนาที่ของราก
ลําตน ใบ ทั้งภายในและภายนอก
4ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
12.4 การคายน้ําของพืชการคายน้ํา (transpiration) ของพืชคือการที่พืชสูญเสียน้ําในรูป ไอน้ําออกสูบรรยากาศ สวนใหญผานทางปากใบ ทางผิวใบคายไดเพียงเล็กนอย
5ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
12.4.1 ปากใบและการคายน้ําของพืชหลังจากฝนตกใหมๆ พชืจะคายน้ําไดลดลง แตแรงดันของน้ําในพืชยังสูงอยู น้ําจึงถูกปลอยออกมาทาง
6ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
12.4.1 ปากใบและการคายน้ําของพืชรูเล็กๆซึ่งอยูปลายสุดของเสนใบ ที่เรียกวา ไฮดาโทด (hydathode) ในรูปของหยดน้ํา เรียกการคายน้ําแบบนี้วา กัตเตชัน (guttation)
7ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ 8ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
นอกจากนี้ยังมีการเสียน้ําออกทางเลนทิเซล (lenticel) ซึ่งเปนรอยแตก ที่ผิวของลําตน ไดบาง
9ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
สวนใหญน้ําในพืชจะระเหยออกทางปากใบโดยวิธีการคายน้ํา 80-90%และการสูญเสียน้ําผานทางผิวใบและ เลนทิเซล มีพียง 10 %
10ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
การปดเปดของปากใบขึ้นอยูกับ เซลลคุม ถาเซลลคุม เตง ปากใบจะเปด ถาเซลลคุมสญูเสียน้ํา ปากใบจะปด
11ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
12.4.2 ปจจยัที่มีผลตอการคายน้ําเปนปจจยัสําคัญตอการปดเปดของปากใบและการคายน้ําไดแก
12ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
อุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 25-30 ๐C ทําใหปากใบเปด แตถาอุณหภูมิสูงหรือต่ํากวานี้ปากใบจะปด
13ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ความชื้นในอากาศลดลง จะทําใหการคายน้ํามากขึ้น ถาความชื้นเพิ่มขึ้น การคายน้ําจะลดลง
14ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ลม จะชวยทําใหการคายน้ํามากขึ้นสภาพน้ําในดิน ถาน้ําในดินมากปริมาณการคายน้ําจะสูง ถาน้ําในดินนอย การคายน้ําจะต่ําตามไปดวย
15ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ความเขมของแสง มากจะทําใหอัตราการคายน้ําสูงขึ้นดวย
พืชโดยทั่วไปปากใบจะเปดในเวลากลางวัน จะปดในเวลากลางคืน
16ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
พืชบางชนิดปรับโครงสราง ใหเหมาะกับการดูดน้ํา โดยที่ราก แผขยายเปนบริเวณกวาง หรือ รากยาวหยั่งลึกลงไปในดิน เชนหญาแฝก
17ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
บางชนิดปรับโครงสรางเพื่อลดการคายน้ํา เชน ปากใบอยูต่ํากวาระดับผิวใบ (sunken stomata) เชน ปากใบตนยี่โถ
18ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
12.5 การลําเลยีงน้ําของพชื (conduction of water)
19ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ขนาดของตนจะเล็กขึ้นอยูในบริเวณที่ชุมชื้นอยูตลอดเวลา เซลลทุกเซลลไดรับน้ําอยางทั่วถึง
พชืที่ยังไมมีทอลําเลียง เชน มอส จะมีความเหมาะสม คอื
20ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
พชืที่มีทอลําเลียง จะเริ่มมีการลําเลียงน้ําโดยที่ ขนรากจะดูดน้ําเขาสูเนื้อเยื่อ ไซเลมของราก
21ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
จากนั้นน้ําจะถูกลําเลียงขึ้นไปยัง ไซเลมของลําตนจนถึงใบ มีทิศทางขึ้นสูเบื้องบนเทานั้น
22ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
การเคลื่อนที่ของน้ําในดินเขาสูราก ผานชั้นคอรเท็กซ เขาไปถึงชั้นเอนโดเดอรมิส โดยน้ําจะผานจากเซลลหนึ่งไปยังอีกเซลลหนึ่ง
23ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ถาผานทางผนังเซลล หรือ ชองวางระหวางเซลล
เรียกการเคลื่อนที่แบบนี้วา อโพพลาส (apoplast)
24ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ถาผานทางไซโทพลาซึม (ที่เรียกวา พลาสโมเดสมา)เรียกการเคลื่อนที่แบบนี้วา ซิมพลาส (symplast)
25ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ 26ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
การลําเลียงน้ําทางไซเลมของรากขึ้นสูลําตนจนถึงใบ เปนระยะที่สูง ขึ้นไป ตองอาศัยแรงตางๆ มาชวยเชน
27ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงดันราก (root pressure)
28ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงดันราก (root pressure) เปนแรงที่เกิดขึน้เนื่องจากรากดูดน้ําอยูตลอดเวลา ทําใหปริมาณน้ําสะสมใน ไซเลมของรากมากขึ้น
29ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงดันราก (root pressure) เปนแรงที่เกิดขึน้เนื่องจากเกิดแรงดันภายในราก ดันน้ําในไซเลม เคลื่อนขึ้นสูขางบน
30ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงดึงจากการคายน้ํา (transpiration pull)
ยิ่งมีการคายน้ํามาก การดูดน้ําและการลําเลียงน้ําก็จะมากตามไปดวย
31ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงดึงจากการคายน้ํา เปนแรงที่ทําใหเกิดการลําเลียงน้ําไดมากที่สุด
32ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงดึงจากการคายน้ํา เปนแรงดึงที่เกิดขึ้นเนื่องจาก การคายน้ําออกทางใบ โดยมี...
33ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
แรงยึดเหนีย่วระหวางโมเลกุลของน้าํดวยกนัที่เรยีกวา โคฮีชัน(cohesion) ทาํใหดึงน้ําเขามาในไซเลมไมขาดตอน
34ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ยังมีแรงยึดเหนีย่วระหวางโมเลกลุของน้ํากับผนงัของทอไซเลมที่เรยีกวา แอดฮีชัน (adhesion) ชวยอีกดวย
35ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
คะปลลารีแอคชัน (capillary action) เปนความสามารถในการลาํเลียงน้ําของทอไซเลม ที่มีขนาดเล็กมาก แตขึ้นไปไดในระยะไมสูงมากนกั
36ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
จากแรงตางๆที่กลาวมาแลว จะทําใหพชืสามารถลําเลียงน้าํขึ้นสูยอดไมที่สงูมากได
37ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
ในตนยาสูบมีอัตราการลําเลียงน้ําได 4.7 ฟุตตอชั่วโมง พบวาพชืสามารถลําเลียงไดสูงถึง 131 ฟตุตอชัว่โมง
38ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
39ครูผูสอน นางสาวกลัยา สีดอกบวบ
เราจะศึกษาการคายน้ําของพืชโดยใช โพโตมิเตอร (potometer) อยางงาย จากกิจกรรมที่ 12.6