· 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐...

185
คําวินิจฉัยเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่ดิน (เฉพาะหมวด การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หมวด การรังวัดที่ดิน และ หมวด การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม) สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ... ๒๕๕๐

Upload: others

Post on 24-Feb-2020

2 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

คําวินิจฉัยเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่ดิน (เฉพาะหมวด ๔ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน

หมวด ๕ การรังวัดที่ดิน และ หมวด ๖ การจดทะเบียนสทิธิและนิติกรรม)

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง พ.ศ.. ๒๕๕๐

Page 2:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

คําวินิจฉัยเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่ดิน (เฉพาะหมวด ๔ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน

หมวด ๕ การรังวัดที่ดิน และ หมวด ๖ การจดทะเบียนสทิธิและนิติกรรม)

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง พ.ศ.. ๒๕๕๐

Page 3:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

คํานํา

เอกสารฉบับนี้เปนการรวบรวมยอคําวินิจฉัยเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่ดิน

(เฉพาะหมวด ๔ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน, หมวด ๕ การรังวัดที่ดิน และหมวด ๖

การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม) เรียงตามรายมาตราในประมวลกฎหมายที่ดิน สาระสําคัญ

ของเอกสารประกอบไปดวยบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดิน (เฉพาะ ๓ หมวดดังกลาว)

ตั้งแต พ.ศ. ๒๔๙๗ จนถึงบทบัญญัติที่มีการแกไขเพิ่มเติมเปนปจจุบัน กฎกระทรวงพรอมทั้ง

ระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติที่เกี่ยวของกับคําวินิจฉัย และยอคําวินิจฉัยขององคกร

ที่เกี่ยวของ ไดแก ศาลปกครองสูงสุด ศาลฎีกา และคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย

คณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข และคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง) ทั้งนี้ เพื่อเปน

ฐานขอมูลในการสืบคนคําวินิจฉัยฉบับสมบูรณเพื่อใชประกอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับคดีปกครอง

ของผูที่เกี่ยวของ รวมทั้งเพื่อประโยชนแกบุคคลทั่วไปไดใชประกอบการศึกษาคนควาตอไป

ทั้งนี้ คําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่นํามารวมไวในเลมนี้เปนคําวินิจฉัยของ

ศาลปกครองสูงสุดที่นาสนใจตั้งแตศาลปกครองเปดทําการจนถึงคําวินิจฉัยในป พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครองไดรับในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

สํานักงานศาลปกครองหวังวาเอกสารเลมนี้จะเปนประโยชนแกการปฏิบัติงาน

และการศึกษาบางตามสมควร ซึ่งหากผูใดมีขอคิดเห็นหรือขอเสนอแนะประการใด ขอไดโปรดแจง

ใหสํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครองทราบ เพื่อพิจารณาปรับปรุงแกไขใหเหมาะสมตอไป

(นางสาวพรทิพย ทองดี)

เลขาธกิารสํานักงานศาลปกครอง

Page 4:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

สารบัญ

หนา หมวด ๔ การออกหนังสอืแสดงสิทธิในที่ดิน ๑

มาตรา ๕๖ ๑

มาตรา ๕๗ ๑๕

มาตรา ๕๘ ๑๗

มาตรา ๕๘ ทวิ ๑๘

มาตรา ๕๘ ตรี ๒๑

มาตรา ๕๙ ๔๐

มาตรา ๕๙ ทวิ ๔๐

มาตรา ๕๙ ตรี ๔๑

มาตรา ๕๙ จตัวา ๔๑

มาตรา ๕๙ เบญจ ๔๑

มาตรา ๖๐ ๕๑

มาตรา ๖๑ ๖๔

มาตรา ๖๒ ๙๐

มาตรา ๖๓ ๙๑

มาตรา ๖๔ ๙๓

หมวด ๕ การรังวัดที่ดิน ๙๔

มาตรา ๖๕ ๙๔

มาตรา ๖๖ ๙๕

มาตรา ๖๗ ๙๘

มาตรา ๖๘ ๙๙

มาตรา ๖๙ ๑๐๐

มาตรา ๖๙ ทวิ ๑๐๐

มาตรา ๗๐ ๑๒๑

มาตรา ๗๐ ทวิ ๑๒๑

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 5:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

หนา หมวด ๖ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ๑๒๒

มาตรา ๗๑ ๑๒๒

มาตรา ๗๒ ๑๒๔

มาตรา ๗๓ ๑๒๗

มาตรา ๗๔ ๑๓๐

มาตรา ๗๕ ๑๓๗

มาตรา ๗๖ ๑๓๘

มาตรา ๗๗ ๑๓๙

มาตรา ๗๘ ๑๔๔

มาตรา ๗๙ ๑๕๐

มาตรา ๘๐ ๑๕๑

มาตรา ๘๑ ๑๕๒

มาตรา ๘๒ ๑๖๐

มาตรา ๘๓ ๑๖๓

ภาคผนวก ดัชนีคําพพิากษา/คาํสั่งศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๖ – พ.ศ. ๒๕๔๘ (กรณีฟองตรง) (ก)

ดัชนีคําพพิากษาศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๖ – พ.ศ. ๒๕๕๐ (ข)

ดัชนีคําสั่งศาลปกครองสูงสดุ พ.ศ. ๒๕๔๔ – พ.ศ. ๒๕๕๐ (ง)

ดัชนีคําพพิากษาศาลฎีกา (ฉ)

ดัชนีความเหน็ทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๑๔ – พ.ศ. ๒๕๓๘ (ฌ)

ดัชนีคําวนิิจฉัยของคณะกรรมการวนิิจฉัยรองทุกข พ.ศ. ๒๕๒๕ – พ.ศ. ๒๕๔๓ (ฎ)

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 6:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ประมวลกฎหมายที่ดิน

หมวด ๔ การออกหนงัสือแสดงสิทธิในที่ดิน

มาตรา ๕๖ แบบ หลักเกณฑ และวิธีการออกใบจอง หนังสือรับรองการทําประโยชน ใบไตสวนหรือโฉนดที่ดิน รวมทั้งใบแทนของหนังสือด่ังกลาวมาแลวนั้น ใหกําหนดโดยกฎกระทรวง

รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยไดออกกฎกระทรวงกําหนดแบบ หลักเกณฑ

และวิธีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาว รวมทั้งใบแทนหนังสือดังกลาว ดังนี้ ๑. แบบของหนังสือรับรองการทําประโยชน หรือโฉนดที่ดิน รวมทั้ง

ใบแทนของหนังสือดังกลาว ไดถูกกําหนดไวโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕ (พ.ศ. ๒๕๑๐)

ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๑๔) ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ฯลฯ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๑๗) ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๔ (พ.ศ. ๒๕๒๙) ฯลฯ และ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ฯลฯ ๒. หลักเกณฑการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือโฉนดที่ดิน

หลักเกณฑในการพิจารณาวา ที่ดินประเภทใดเปนที่ดินที่อาจออกหนังสือรับรอง

การทําประโยชนหรือโฉนดที่ดินไดนั้น ไดถูกกําหนดไวโดยกฎกระทรวงซึ่งออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ดังตอไปนี้

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๓ กําหนดวา การออกหนังสือรับรองวา “ไดทําประโยชน

แลว” ใหกระทําสําหรับที่ดินที่จะพึงออกโฉนดที่ดินไดตามกฎหมาย

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๘ กําหนดวา ที่ดินที่จะพึงออกโฉนดที่ดินตองเปนที่ดินที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 7:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ผูมีสิทธิในที่ดินไดครอบครองและทําประโยชนแลว และเปนที่ดินที่จะพึงออกโฉนดที่ดินไดตาม

กฎหมายแตหามมิใหออกโฉนดที่ดินสําหรับที่ดินดังตอไปนี้

(๑) ที่ดินที่ราษฎรใชประโยชนรวมกัน เชน ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ ที่ชายตลิ่ง

(๒) ที่เขา ที่ภูเขาหรือที่สงวนหวงหาม หรือที่ดินซึ่งทางราชการเห็นวาควรสงวนไว

เพื่อทรัพยากรธรรมชาติ

ตอมากฎกระทรวงดังกลาวไดถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.

๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และมี

ขอกําหนดใหม ดังนี้

ขอ ๕ กําหนดวา ที่ดินที่จะออกหนังสือรับรองการทําประโยชนตองเปนที่ดินที่ผูมี

สิทธิในที่ดินไดครอบครองและทําประโยชนแลว และเปนที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินไดตามที่

กําหนดไวในขอ ๑๔

ขอ ๑๔ กําหนดวา ที่ดินที่จะออกโฉนดที่ดินตองเปนที่ดินที่ผูมีสิทธิในที่ดินได

ครอบครองและทําประโยชนแลว และเปนที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินไดตามกฎหมายแตหาม

มิใหออกโฉนดที่ดินสําหรับที่ดิน ดังตอไปนี้

(๑) ที่ดินที่ราษฎรใชประโยชนรวมกัน เชน ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ ที่ชายตลิ่ง

(๒) ที่เขา ที่ภูเขา และพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศหวงหามตามมาตรา ๙ (๒) แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน แตไมรวมถึงที่ดินซึ่งผูครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบดวยกฎหมาย

ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

(๓) ที่เกาะ แตไมรวมถึงที่ดินของผูซึ่งมีหลักฐานแจงการครอบครองที่ดิน มีใบจอง

ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรองการทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว”

หรือเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ หรือที่ดินที่คณะกรรมการ

จัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติใหจัดแกประชาชน หรือที่ดินซึ่งไดมีการจัดหาผลประโยชนตามมาตรา ๑๐

และมาตรา ๑๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน โดยคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติแลว

(๔) ที่สงวนหวงหามตามมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๒๐ (๓) และ (๔) แหงประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดย

พระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๖ หรือกฎหมายอื่น

(๕) ที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไวเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชน

สาธารณะอยางอื่น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 8:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓. วิธีการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือโฉนดที่ดิน เดิมไดถูกกําหนดไวโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗)

ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๑๔) ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ฯลฯ

และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ฯลฯ ตอมากฎกระทรวงดังกลาวทั้งหมดไดถูกยกเลิก

โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ฯลฯ และมีขอกําหนดใหม ดังนี้ หมวด ๒ หนังสือรับรองการทําประโยชน ขอ ๖ ในการนําพนักงานเจาหนาที่ทําการสํารวจพิสูจนสอบสวนการทําประโยชน

ตามมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ ใหผูมีสิทธิในที่ดินหรือตัวแทนปกหลักตามมุมเขต

ที่ดินของตนและใหถอยคําตอพนักงานเจาหนาที่หรือผูซึ่งพนักงานเจาหนาที่มอบหมายตามแบบ

น.ส. ๑ ก. ทายกฎกระทรวงนี้

กอนออกหนังสือรับรองการทําประโยชน ใหพนักงานเจาหนาที่ประกาศการออก

หนังสือรับรองการทําประโยชนใหทราบมีกําหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นใหปดไวในที่เปดเผย ณ

สํานักงานที่ดินทองที่ สํานักงานเขตหรือที่วาการอําเภอหรือที่วาการกิ่งอําเภอทองที่ ที่ทําการแขวง

หรือที่ทําการกํานันทองที่ และในบริเวณที่ดินนั้น แหงละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลใหปดไว ณ

สํานักงานเทศบาล อีกหนึ่งฉบับ

ขอ ๗ การขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชนตามมาตรา ๕๙ และมาตรา ๕๙ ทวิ

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่

๒๙ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๑๕ ใหดําเนินการดังนี้

(๑) ใหผูขอยื่นคําขอตามแบบ น.ส. ๑ ข. ทายกฎกระทรวงนี้ ตอพนักงานเจาหนาที่

(๒) ในการยื่นคําขอตาม (๑) ถาผูขอมีใบจอง ใบเหยียบย่ํา ตราจอง หลักฐานการ

แจงการครอบครองที่ดิน หลักฐานวาเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

หรือพยานหลักฐานอื่นที่แสดงวาไดสิทธิในที่ดินโดยชอบดวยกฎหมาย ใหแนบหลักฐานดังกลาวมา

ประกอบการพิจารณาดวย

ขอ ๘ เมื่อไดรับคําขอแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ไปพิสูจนสอบสวนการทํา

ประโยชนยังที่ดินตามแบบ น.ส. ๑ ค. ทายกฎกระทรวงนี้ ในการนี้ จะมอบใหเจาหนาที่ไปทําการ

แทนก็ได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 9:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ขอ ๙ ในการนําพนักงานเจาหนาที่พิสูจนสอบสวนการทําประโยชนใหผูมีสิทธิใน

ที่ดินหรือตัวแทนปกหลักตามมุมเขตที่ดินของตนและใหถอยคําตอพนักงานเจาหนาที่หรือผูซึ่ง

พนักงานเจาหนาที่มอบหมายตามแบบ น.ส. ๑ ค. ทายกฎกระทรวงนี้

ในการคํานวณจํานวนเนื้อที่เพื่อออกหนังสือรับรองการทําประโยชนตามแบบ

น.ส. ๓ ก. ใหคํานวณโดยวิธีคณิตศาสตรหรือโดยมาตราสวน ทั้งนี้ ใหถือวาจํานวนเนื้อที่ที่คํานวณ

ไดเปนจํานวนเนื้อที่โดยประมาณ

ขอ ๑๐ เมื่อไดพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนแลว ปรากฏวาไดมีการครอบครอง

และทําประโยชนตามสมควรแกสภาพที่ดินในทองถิ่น ตลอดจนสภาพของกิจการที่ไดทําประโยชน

ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการดังนี้

(๑) ประกาศการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหทราบมีกําหนดสามสิบวัน

ประกาศนั้นใหปดไวในที่เปดเผย ณ สํานักงานที่ดินทองที่ สํานักงานเขตหรือที่วาการอําเภอหรือ

ที่วาการกิ่งอําเภอทองที่ ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการกํานันทองที่และในบริเวณที่ดินนั้น แหงละ

หนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลใหปดไว ณ สํานักงานเทศบาลอีกหนึ่งฉบับ

(๒) ถาปรากฏวาที่ดินนั้นไมอยูในเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ

เขตรักษาพันธุ สัตวปา เขตหามลาสัตวปาหรือเขตที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตาม

มติคณะรัฐมนตรี และที่ดินนั้นไมเปนที่ดินซึ่งตองหามมิใหออกหนังสือรับรองการทําประโยชนตาม

ขอ ๕ และไมมีผูคัดคานภายในกําหนดเวลาที่ประกาศตาม (๑) ใหพนักงานเจาหนาที่ออกหนังสือ

รับรองการทําประโยชนใหได

(๓) ถาปรากฏวาที่ดินนั้นตั้งอยูในตําบลที่มีปาสงวนแหงชาติ อุทยานแหงชาติ

พื้นที่รักษาพันธุสัตวปา พื้นที่หามลาสัตวปาหรือพื้นที่ที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตาม

มติคณะรัฐมนตรี และกรมปาไมหรือกรมพัฒนาที่ดินยังไมไดขีดเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยาน

แหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปาหรือเขตที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตาม

มติคณะรัฐมนตรี ลงในระวางรูปถายทางอากาศเพื่อการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน หรือ

กรณีที่ขีดเขตแลว แตที่ดินที่ขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชนมีอาณาเขตติดตอคาบเกี่ยวหรือ

อยูในเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปาหรือ

เขตที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ใหผูวาราชการจังหวัดแตงตั้ง

คณะกรรมการรวมกันออกไปตรวจพิสูจนที่ดิน ประกอบดวยปาไมอําเภอหรือผูที่ปาไมจังหวัด

มอบหมายสําหรับทองที่ที่ไมมีปาไมอําเภอ เจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอ ปลัดอําเภอ (เจา

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 10:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

พนักงานปกครอง) และกรรมการอื่นตามที่เห็นสมควร เมื่อคณะกรรมการดังกลาวไดทําการตรวจ

พิสูจนเสร็จแลว ใหเสนอความเห็นตอผูวาราชการจังหวัดวาสมควรออกหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนใหไดหรือไม เพียงใด สําหรับที่ดินที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี

แตยังไมไดขีดเขตหรือขีดเขตแลวแตที่ดินดังกลาวมีอาณาเขตคาบเกี่ยวกับเขตที่ไดจําแนกใหเปน

เขตปาไมถาวร ใหแตงตั้งผูแทนกรมพัฒนาที่ดินเปนกรรมการดวย

ขอ ๑๑ เมื่อผูวาราชการจังหวัดไดพิจารณาผลการตรวจพิสูจนที่ดินของ

คณะกรรมการตามขอ ๑๐ (๓) แลว ปรากฏวาที่ดินนั้นไมอยูในเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยาน

แหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปาหรือเขตที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตาม

มติคณะรัฐมนตรี หรือปรากฏวาที่ดินนั้นอยูในเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษา

พันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปาหรือเขตที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี แต

ผูขอไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินดังกลาวโดยชอบดวยกฎหมายมากอนวันที่ทางราชการ

กําหนดใหที่ดินนั้นเปนปาสงวนแหงชาติ อุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสตัวปา

หรือเขตที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี และไมมีผูคัดคานภายใน

กําหนดเวลาที่ประกาศตามขอ ๑๐ (๑) ใหผูวาราชการจังหวัดสั่งการใหพนักงานเจาหนาที่

พิจารณาดําเนินการตามขอ ๑๐ (๒) หมวด ๓ โฉนดที่ดิน ขอ ๑๕ การออกโฉนดที่ดินตามมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแกไข

เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔ ) พ.ศ. ๒๕๒๘ ให

ดําเนินการ ดังนี้

(๑) ใหมีการรังวัดทําแผนที่ตามวิธีการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดิน โดยใหเจาของ

ที่ดินปกหลักหมายเขตที่ดินไวทุกมุมที่ดินของตน

(๒) ใหเจาของที่ดินหรือผูแทนใหถอยคําตามแบบ น.ส. ๕ ทายกฎกระทรวงนี้

(๓) กอนแจกโฉนดที่ดิน ใหเจาพนักงานที่ดินประกาศการแจกโฉนดที่ดินใหทราบ

มีกําหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นใหปดไวในที่เปดเผย ณ สํานักงานที่ดินทองที่สํานักงานเขตหรือ

ที่วาการอําเภอหรือที่วาการกิ่งอําเภอทองที่ ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการกํานันทองที่ และในบริเวณ

ที่ดินนั้น แหงละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลใหปดไว ณ สํานักงานเทศบาล อีกหนึ่งฉบับ

ขอ ๑๖ ในกรณีออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ และมาตรา ๕๙ ทวิ

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 11:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๑๕ ใหผูมีสิทธิครอบครองที่ดินยื่นคําขอตามแบบ น.ส. ๑ ข. ทายกฎกระทรวง

นี้ และใหนําขอ ๗ (๒) ขอ ๑๐ (๒) และ (๓) ขอ ๑๑ และขอ ๑๕ มาใชบังคับโดยอนุโลม ๔ . แบบ หลักเกณฑและวิธีการออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือโฉนดที่ดิน เดิมไดถูกกําหนดไวโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง

ฉบับที่ ๑๕ (พ.ศ. ๒๕๑๐) ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๒ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ฯลฯ กฎกระทรวง

ฉบับที่ ๓๐ (พ.ศ. ๒๕๑๘) ฯลฯ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๙ (พ.ศ. ๒๕๓๓) ฯลฯ กฎกระทรวง

ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๑๔) ฯลฯ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๑๗) ฯลฯ

และถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๔ (พ.ศ. ๒๕๒๙) ฯลฯ ตอมากฎกระทรวงดังกลาวทั้งหมด

ไดถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ฯลฯ และมีขอกําหนดใหม ดังนี้

ฯลฯ ฯลฯ

ขอ ๑๒ ใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนใหใชแบบ น.ส. ๓ น.ส. ๓ ก. หรือ

น.ส. ๓ ข. แลวแตกรณี

การออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการ

ตามวิธีการออกใบแทนโฉนดที่ดินโดยอนุโลม

ฯลฯ ฯลฯ

ขอ ๑๗ ในการออกใบแทนโฉนดที่ดินใหดําเนินการดังนี้

(๑) ในกรณีโฉนดที่ดินเปนอันตรายหรือสูญหาย ใหเจาของที่ดินยื่นคําขอและ

ปฏิญาณตนตอเจาพนักงานที่ดินโดยใหนําพยานหลักฐานมาใหเจาพนักงานที่ดินทําการสอบสวน

จนเปนที่เชื่อถือได และใหเจาพนักงานที่ดินประกาศใหทราบมีกําหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นให

ปดไวในที่เปดเผย ณ สํานักงานที่ดินทองที่ สํานักงานเขตหรือที่วาการอําเภอหรือที่วาการกิ่งอําเภอ

ทองที่ ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการกํานันทองที่ และในบริเวณที่ดินนั้น แหงละหนึ่งฉบับ ในเขต

เทศบาลใหปดไว ณ สํานักงานเทศบาล อีกหนึ่งฉบับ ถามีผูคัดคานภายในเวลาที่กําหนดและนํา

พยานหลักฐานมาแสดง ใหเจาพนักงานที่ดินสอบสวนแลวสั่งการไปตามควรแกกรณี ถาไมมีผูใด

คัดคานภายในเวลาที่กําหนด ใหออกใบแทนใหไปตามคําขอ

(๒) ในกรณีโฉนดที่ดินชํารุด ถาเจาของที่ดินนําโฉนดที่ดินที่ชํารุดนั้นมามอบและ

โฉนดที่ดินที่ชํารุดนั้นยังมีตําแหนงที่ดิน เลขที่โฉนดที่ดิน ชื่อและตราประจําตําแหนงของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 12:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ผูวาราชการจังหวัด และหรือชื่อและตราประจําตําแหนงของเจาพนักงานที่ดินตามแบบโฉนดที่ดิน

ปรากฏอยูซึ่งสามารถตรวจสอบได ใหออกใบแทนใหไปได ถาขาดขอความสําคัญดังกลาวใหนํา

ความใน (๑) มาใชบังคับ

(๓) ในกรณีศาลมีคําสั่งหรือมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือผูใด

มีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาของศาล แตไมไดโฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเปนอันตราย

ชํารุดหรือสูญหายดวยประการใด ใหผูมีสิทธิจดทะเบียนยื่นคําขอใบแทนแลวใหดําเนินการตามที่

กําหนดไวใน (๑) หรือ (๒) แลวแตกรณี

(๔) ในกรณีเจาพนักงานผูมีอํานาจในการยึดและขายทอดตลาดที่ดินของผูที่

คางชําระภาษีอากรหรือเงินคางจายใดๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว ขอใหออกใบแทนโฉนดที่ดิน

สําหรับที่ดินดังกลาวซึ่งเจาพนักงานผูมีอํานาจไดยึดมาขายทอดตลาดแลว แตไมไดโฉนดที่ดินมา

หรือโฉนดที่ดินเดิมเปนอันตราย ชํารุดหรือสูญหายดวยประการใด ใหถือหนังสือของเจาพนักงาน

ดังกลาวเปนคําขอและดําเนินการทํานองเดียวกับที่กําหนดไวใน (๓) แตไมตองสอบสวน

(๕) ในกรณีอธิบดีจะใชอํานาจจําหนายที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน แตไมได

โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเปนอันตราย ชํารุด หรือสูญหายดวยประการใด ใหดําเนินการ

ทํานองเดียวกับที่กําหนดไวใน (๔) แตไมตองสอบสวน

(๖) ในกรณีอธิบดีหรือผูวาราชการจังหวัดใชอํานาจเพิกถอนหรือแกไขโฉนดที่ดิน

เพิกถอนหรือแกไขรายการจดทะเบียนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแกไขเพิ่มเติม

โดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ แตไมไดโฉนดที่ดนิ

มาหรือโฉนดที่ดินเปนอันตราย ชํารุดหรือสูญหายดวยประการใด ใหดําเนินการทํานองเดียวกับ

ที่กําหนดไวใน (๔) แตไมตองสอบสวน

ในกรณีที่ไมไดโฉนดที่ดินมาตาม (๓) (๔) (๕) และ (๖) ใหถือวาโฉนดที่ดินสูญหาย

ขอ ๑๘ ใบแทนโฉนดที่ดินใหใชแบบ น.ส. ๔ จ.

การออกใบแทนโฉนดที่ดิน ใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดิน

จังหวัดสาขาคนปจจุบันหรือเจาพนักงานที่ดินซึ่งอธิบดีมอบหมายลงลายมือช่ือและประทับตรา

ประจําตําแหนงของเจาพนักงานที่ดินเปนสําคัญ ใหมีคําวา “ใบแทน” ดวยหมึกสีแดงไวดานหนา

ของโฉนดที่ดิน ในสารบัญจดทะเบียนใหระบุวัน เดือน ป ที่ออกโฉนดที่ดินฉบับเดิมดวยหมึกสีแดง

ถามีรายการจดทะเบียนใหคัดรายการดวยหมึกสีแดงและใหเจาพนักงานที่ดินลงลายมือช่ือและ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 13:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ประทับตราใตรายการสุดทาย ถาไมมีรายการจดทะเบียน ใหเจาพนักงานที่ดินลงลายมือช่ือและ

ประทับตราใตวัน เดือน ป ที่ออกโฉนดที่ดินฉบับเดิม

สวนโฉนดที่ดินฉบับสํานักงานที่ดิน ในสารบัญจดทะเบียนใหมีคําวา “ไดออก

ใบแทนโฉนดที่ดินแลว” และวัน เดือน ป ที่ออกดวยหมึกสีแดงกับใหเจาพนักงานที่ดินลงลายมือช่ือ

กํากับไว

ประเด็นปญหา ขอ ๑๔ (๓) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตาม

ความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งกําหนดหามออกโฉนดที่ดิน

สําหรับที่เกาะฯลฯ นั้น ขัดตอรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และประมวลกฎหมายที่ดินหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด

ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.๘ – ฟ.๑๐/๒๕๔๖ (ประชุมใหญ) ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (อธิบดีกรมที่ดิน) ในฐานะผูรักษาการตามพระราชบัญญัติใหใช

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และประมวลกฎหมายที่ดิน มีอํานาจที่จะออกกฎกระทรวง

ตามมาตรา ๖ และมาตรา ๑๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

ประกอบกับมาตรา ๕๖ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อกําหนดแบบ หลักเกณฑ และวิธีการออก

โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทําประโยชน ใบจอง ใบไตสวน รวมทั้งใบแทนของหนังสือดังกลาว

และคณะรัฐมนตรีไดใหความเห็นชอบแลว การออกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออก

ตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงเปนการดําเนินการ

ตามที่กฎหมายไดใหอํานาจไวโดยชอบแลว

ที่เกาะที่เปนทรัพยสินของแผนดินตามมาตรา ๑๓๐๙ แหงประมวลกฎหมายแพง

และพาณิชย หากไมไดใชเพื่อสาธารณประโยชน หรือสงวนไวเพื่อประโยชนรวมกัน รัฐยอมมี

อํานาจที่จะนําที่ดินบนที่เกาะไปจัดใหแกผูครอบครองและทําประโยชนไดเชนเดียวกับที่ดินทั่วไป

รัฐจึงมีอํานาจกําหนดหลักเกณฑในการจัดที่ดินซึ่งเปนที่เกาะ รวมทั้งที่ดินทั่วไปที่ไมไดแจงการ

ครอบครองตามที่กําหนดในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ได การที่ขอ ๑๔ (๓) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตาม

ความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดหลักเกณฑหามออก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 14:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

โฉนดที่ดินสําหรับที่เกาะซึ่งไมมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน

หรือหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ หรือกรณีเปนที่ดิน

ที่คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติใหจัดแกประชาชน หรือที่ดินซึ่งไดมีการจัดหา

ผลประโยชนตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน โดยคณะกรรมการ

จัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติแลว จึงเปนการใชอํานาจจัดที่ดินของรัฐ แมบทบัญญัติในมาตรา ๕

วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่วาผูครอบครองไมแจง

การครอบครองภายในกําหนดใหถือวาผูครอบครองสละสิทธิการครอบครองที่ดิน รัฐมีอํานาจ

จัดที่ดินนั้นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดิน จะไดถูกยกเลิกไปแลวก็ตาม แตมีการเพิ่ม

ความในมาตรา ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ใหผูที่ครอบครองที่ดินมา

กอนประมวลกฎหมายที่ดิน แตมิไดแจงการครอบครองมีสิทธิขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง

การทําประโยชนได ซึ่งแสดงวารัฐยังคงสงวนสิทธิที่จะกําหนดหลักเกณฑสําหรับที่ดินที่มิไดแจง

การครอบครอง จึงไมอาจอางสิทธิตามมาตรา ๕๘ ทวิ หรือมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดิน ข้ึนใชยันรัฐได อีก สาระสําคัญและเจตนารมณในบทบัญญัติตามขอ ๑๔ (๓) ของ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงเปนการใชอํานาจจัดที่ดินที่มิไดแจงการครอบครองภายในกําหนด ตาม

บทบัญญัติแหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดินฯ และประมวลกฎหมายที่ดิน และการ

ที่กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดมิใหออกโฉนดที่ดินบนที่เกาะ ยกเวนกรณีผูครอบครองที่ดินมีหลักฐาน

การแจงการครอบครองที่ดินไดใชบังคับทุกแหงเสมอเหมือนกัน ไมไดเลือกปฏิบัติกับผูครอบครอง

รายใดรายหนึ่ง หรือเกาะใดเกาะหนึ่งเปนการเฉพาะ จึงไมเปนการขัดตอหลักความเสมอภาคตาม

รัฐธรรมนูญ บทบัญญัติในขอ ๑๔ (๓) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความ

ในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงชอบดวยกฎหมายแลว คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.๑๐/๒๕๔๘

วินิจฉัยในแนวทางเดียวกับคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.๘ – ฟ.๑๐/๒๕๔๖

ประเด็นปญหา เจาพนักงานที่ดินจะนําขอ ๑๔ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓

(พ.ศ. ๒๕๓๗) ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๓๗ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 15:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐

๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๗) ซึ่งหามออกโฉนดที่ดินในที่เกาะ ฯ ลฯ มาบังคับใชกับการขอออกโฉนดที่ดิน

หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ยื่นคําขอไวกอนวันที่กฎกระทรวงดังกลาวมีผลใชบังคับ

ไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๑/๒๕๔๘

การที่จะพิจารณาวาที่ดินแปลงใดออกโฉนดที่ดินไดหรือไม ตองพิจารณาตาม

กฎหมายและระเบียบที่มีผลใชบังคับในวันยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินนั้น เพราะกฎหมายและ

ระเบียบที่กําหนดคุณสมบัติและสภาพของที่ดินที่จะออกโฉนดที่ดินไดหรือไม เปรียบไดกับ

กฎหมายสารบัญญัติ ซึ่งการนํากฎหมายสารบัญญัติมาบังคับใช จะนํากฎหมายที่ออกในภายหลัง

มาใชบังคับยอนหลังไมได เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดียื่นคําขอออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาท

ตั้งแต พ.ศ. ๒๕๒๘ และมีการตรวจสอบลักษณะและสภาพที่ดินไปแลววาไมตองหามออก

โฉนดที่ดินแตประการใด แตในขั้นตอนประกาศแจกโฉนดที่ดินมีผูโตแยงสิทธิในที่ดินซึ่งไมเห็นดวย

กับคําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบของเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) จึงมีการนําคดีไปฟอง

ศาลยุติธรรม เมื่อศาลฎีกามีคําพิพากษาวาผูฟองคดีมีสิทธิดีกวาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ ผูฟองคดีจึงนํา

คําพิพากษามาขอใหผูถูกฟองคดีดําเนินการตอไป ดังนี้การที่ผูถูกฟองคดอีางกฎกระทรวง ฉบับที ่๔๓

(พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งมี

ผลบังคับใชภายหลังจากที่ผูฟองคดียื่นคําขอออกโฉนดที่ดินพิพาทไปแลว ๙ ปเศษมาปฏิเสธการ

ออกโฉนดที่ดินพิพาทใหกับผูฟองคดี โดยอางวาที่ดินแปลงพิพาทของผูฟองคดีมีลักษณะตองหาม

มิใหออกโฉนดที่ดินตามที่กําหนดในกฎกระทรวงดังกลาว ยอมเปนการไมชอบดวยเหตุผลและ

ความเปนธรรมตามกฎหมายและระเบียบ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๕/๒๕๔๙

ขอเท็จจริงและคําวินิจฉัยทํานองเดียวกันกับคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่

อ.๖๑/๒๕๔๘

ประเด็นปญหา ตามที่กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๘ กําหนดหามมิใหออกโฉนดที่ดิน

สําหรับที่เขา นั้น สภาพพื้นที่ลักษณะใดที่ถือวาเปนที่เขา มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 16:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑

คําพิพากษาฎีกาที่ ๔๑๙๕/๒๕๒๘ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ หมวด ๓ ขอ ๘ หามมิใหออกโฉนดที่ดินสําหรับที่เขา เมือ่ทีด่นิ

พิพาทมีลักษณะดานหลังอยูติดกับแนวเขา มีการเจาะปรับพื้นที่ดินใหเสมอเขาไปในไหลเขายาว

๑๐ วาเศษ ดานหนาคอยๆ ลาดต่ําลงไป จึงมีลักษณะเปนที่เขา โฉนดที่ดินที่ออกสําหรับที่ดิน

พิพาทจึงออกโดยไมชอบดวยกฎหมาย

แมคณะกรรมการสอบสวนที่อธิบดีกรมที่ดินไดแตงตั้งขึ้นจะชี้ขาดวาการออก

โฉนดที่ดินเปนไปโดยชอบดวยระเบียบหรือข้ันตอนของกฎหมายแลว กรณีดังกลาวไมผูกพันให

ศาลตองฟงตามนั้น เพราะขอเท็จจริงที่คณะกรรมการสอบสวนรับฟงมา อาจเปนขอเท็จจริงที่

ผิดพลาดก็ได

ประเด็นปญหา การที่พนักงานเจาหนาที่ออกหนังสือรับรองการทําประโยชน

หรือโฉนดที่ดิน หรือปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือโฉนดที่ดินเปนคําสั่งที่ชอบ

ดวยกฎหมาย (กฎกระทรวงวาดวยหลักเกณฑ และวิธีการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือ

โฉนดที่ดิน) หรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๔/๒๕๔๗

เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ในการออกโฉนดที่ดินที่พิพาทตามหลักฐานหนังสือ

รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ซึ่งมีขางเคียงติดตอกับทางหลวงสุขาภิบาล ประธานกรรมการ

สุขาภิบาลในฐานะผู อํานวยการทางหลวงมีหนาที่ดูแลทางหลวง และนายอําเภอในฐานะ

ผูปกครองทองที่มีอํานาจหนาที่ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชน ไดมอบอํานาจใหตัวแทนไประวัง

ชี้แนวเขตที่ดินแลวปรากฏวา มิไดรุกล้ําทางหลวงสุขาภิบาล ผลการรังวัดที่ดินไดเนื้อที่นอยกวา

หลักฐานเดิมซ่ึงนายอําเภอรับรองวาหลักฐานเดิมถูกตอง ทั้งเจาพนักงานที่ดินไดประกาศการออก

โฉนดที่ดินแลวไมมีผูคัดคาน จึงไดออกโฉนดที่ดิน การกระทําดังกลาวถือไดวาเปนการกระทําตาม

ข้ันตอนตามที่กฎหมายกําหนดไวตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ประกอบกับขอ ๘ ขอ ๙ และขอ ๑๐ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 17:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒

ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทําประโยชน

และระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการเขียนขางเคียงและการรับรองแนวเขตที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๐ แลว คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๓๕/๒๕๔๗

แมเจาของเดิมจะแจงการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค. ๑ ไว มีเนื้อที่ ๑๓ ไร

๒ งาน ๘๘ ตารางวา แตเมื่อปรากฏวาในการขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ตาม

หลักฐาน ส.ค. ๑ ดังกลาว ผูปกครองทองที่คัดคานวาการนํารังวัดรุกลํ้าที่สาธารณประโยชน ผูขอ

ออก น.ส. ๓ จึงใหถอยคําวาจะไมขอยุงเกี่ยวและไมทําประโยชนในที่ดินพิพาท ยินยอมยกที่ดิน

ดังกลาวใหเปนที่สาธารณประโยชนตอไป จึงตองถือวาผูขอออก น.ส. ๓ สละการครอบครองที่ดิน

พิพาทแลว ทําใหการครอบครองที่ดินสวนนี้ส้ินสุดลงตามมาตรา ๑๓๗๗ วรรคหนึ่ง แหงประมวล

กฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อตอมาไดมีการนําที่ดินตาม น.ส. ๓ ดังกลาวไปขอออกโฉนดที่ดิน

จึงตองถือตามจํานวนเนื้อที่ใน น.ส. ๓ ประกอบการครอบครองจริงซึ่งรังวัดได ๙ ไร ๒ ตารางวา

อีกทั้ง ที่ดินพิพาทอยูในเขตหนองน้ําสาธารณะ จึงเปนที่ดินสาธารณสมบัติของแผนดินตาม

มาตรา ๑๓๐๕ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซึ่งตองหามมิใหออกโฉนดที่ดินตามขอ ๕

และขอ ๑๔ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ดังนั้น การที่เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) ปฏิเสธไมออก

โฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดีในที่ดินพิพาท จึงชอบดวยกฎหมายแลว

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๕๐/๒๕๔๙ การที่นาย ซ. ซื้อที่ดินตามหลักฐานการแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑) ไดจากการ

ขายทอดตลาดตามคําสั่งศาล ตองถือวานาย ซ. ไดสิทธิครอบครองที่ดินดังกลาวทันทีนับแตวันที่

ซื้อที่ดินได ผูแจงการครอบครองยอมไมมีสิทธิในที่ดินตามกฎหมายอีกตอไป ตอมาเมือ่มกีารยืน่คาํขอ

ตอนายอําเภอเพื่อออกหนังสือรับรองการทําประโยชน และพนักงานเจาหนาที่ไดออกหนังสือ

รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ใหไป กรณีจึงถือไดวาเปนการดําเนินการตามมาตรา ๕๖ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งบัญญัติวาแบบ หลักเกณฑ และวิธีการออกใบจอง หนังสือรับรองการทํา

ประโยชน ใบไตสวนหรือโฉนดที่ดิน รวมทั้งใบแทนของหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาว

ใหกําหนดโดยกฎกระทรวงแลว กลาวคือ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่ใชบังคับในขณะนั้นไดกําหนด

หลักเกณฑในการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนไวในหมวด ๒ โดยใหผูขอยื่นคําขอตามแบบ

น.ส. ๑ ตอนายอําเภอ โดยแนบใบจอง ใบเหยียบย่ํา ตราจองหรือใบแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑)

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 18:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓

ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ สําหรับที่ดินแปลง

นั้นดวย เมื่อมีการพิสูจนการทําประโยชนแลวก็ใหออกหนังสือรับรองการทําประโยชนตอไป แม

นาย ซ. จะมิใชผูแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และยังมิไดเขาทําประโยชนตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตาม

ความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็ตาม แตก็ถือไดวาคําสั่งของ

ศาลที่ใหนาย ซ. เปนผูซื้อที่ดินพิพาทไดจากการขายทอดตลาดเปนการแสดงสิทธิในที่ดิน ซึ่ง

สามารถนับระยะเวลาการครอบครองตอเนื่องมาจากผูครอบครองที่ดินเดิมได คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๕๔/๒๕๕๐

ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตั้งอยูในเขตที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหาม

ที่ดินฯ พุทธศักราช ๒๔๘๓ โดยมีหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ออกตาม

โครงการเดินสํารวจเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ แตจากการอาน แปล และวิเคราะหภาพถายทางอากาศของ

กรมปาไมโดยผูเชี่ยวชาญของศาลเกี่ยวกับการวิเคราะหภาพถายทางอากาศและแผนที่กระทรวง

ยุติธรรม ปรากฏตามแผนที่ภูมิประเทศบริเวณดังกลาวของกรมแผนที่ทหารขนาดมาตราสวน

๑ : ๕๐,๐๐๐ ถายทําเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๖ และวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๐ ซึ่งเจาหนาที่ที่ดิน

ไดลงตําแหนงรูปแผนที่แปลง น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทวา บริเวณดังกลาวในป พ.ศ. ๒๔๙๖ และป พ.ศ.

๒๕๑๐ มีสภาพเปนปาละเมาะไมพบมีการปลูกพืชผลอาสินแตอยางใด จึงฟงไดวาที่ดินพิพาทมี

การครอบครองทําประโยชนภายหลังที่มีการถายภาพทางอากาศดังกลาว ซึ่งเปนระยะเวลา

ภายหลังการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามที่ดิน พ.ศ. ๒๔๘๓ แลว ผูครอบครองที่ดิน

พิพาทจึงไมมีสิทธิครอบครองเนื่องจากตองหามตามกฎหมาย ดังนั้น การออก น.ส. ๓ ก. จึงไม

ชอบดวยกฎหมายดวยเหตุออกในที่ตองหามมิใหออกตามนัยขอ ๘ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕

(พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ การที่

ผูฟองคดีนํา น.ส. ๓ ก. ทั้งสองฉบับมารังวัดรวมเปน น.ส. ๓ ก. ฉบับเดียวและรังวัดรวมที่ดิน

ขางเคียงที่ไมมีสิทธิครอบครองเขาไปดวย จึงเปนการไมชอบดวยกฎหมายไปดวย เมื่อมี

พยานหลักฐานรับฟงไดวาการออก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีไมชอบดวยกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดิน

ยอมมีอํานาจหนาที่ตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินที่จะตองเพิกถอน ดังนั้น คําสั่งให

เพิกถอน น.ส. ๓ ก. พิพาทจึงชอบดวยกฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 19:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๐/๒๕๔๖

การที่ชางรังวัดซึ่ งทําการรังวัดที่ธรณีสงฆตามคําขอออกโฉนดที่ดินของ

วัด (ผูฟองคดี) แจงแกตัวแทนผูฟองคดีวาตองรังวัดออกโฉนดที่ดินแยกเปนสองแปลงเพราะที่ดินมี

ทางสาธารณประโยชนตัดผาน โดยเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) ยังมิไดมีคําสั่งใดๆ ที่เปนการ

ใชอํานาจตามกฎหมายในอันที่จะมีผลเปนการกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาที่ของ

ผูฟองคดีเกี่ยวกับคําขอออกโฉนดที่ดิน กรณีจึงยังไมมีคําสั่งทางปกครองซึ่งเปนเหตแุหงการฟองคดี

ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งปญหาเกี่ยวกับอํานาจฟองเปนขอกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบรอยของ

ประชาชน ศาลมีอํานาจยกขึ้นวินิจฉัยได คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๙๐๔/๒๕๓๓

เมื่อศาลไดมีคําพิพากษาใหเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชนที่เจาพนักงาน

ที่ดินออกโดยไมชอบดวยกฎหมายเพราะออกใหแกผูที่ไมมีสิทธิในที่ดินแลว หากผูมีสิทธิในที่ดิน

ที่แทจริงประสงคจะไดหนังสือรับรองการทําประโยชนในชื่อของตน ผูนั้นตองไปดําเนินการขอออก

หนังสือรับรองการทําประโยชนตอพนักงานเจาหนาที่ตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดใน

ประมวลกฎหมายที่ดินโดยเฉพาะคําพิพากษาฎีกาที่ ๘๐๐๗/๒๕๔๓ การที่สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเปนโจทกฟอง จ. วาขอออก

โฉนดที่ดินเฉพาะรายโดยไมชอบดวยกฎหมาย จึงขอใหศาลมีคําส่ังหามเจาพนักงานที่ดินออก

โฉนดที่ดินนั้น ถือวาเปนคําฟองที่ขอใหบังคับเจาพนักงานที่ดินใหกระทําการหรือไมกระทําการ

เมื่อโจทกไมไดฟองเจาพนักงานที่ดินเปนจําเลย จึงขอใหบังคับเจาพนักงานที่ดินซึ่งเปน

บุคคลภายนอกไมไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๔๕ วรรคสอง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 20:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕

มาตรา ๕๗ แบบโฉนดที่ดินใหมีขอความสําคัญดั่งตอไปนี้ ชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู

ของผูมีกรรมสิทธิ์ ตําแหนงที่ดิน จํานวนเนื้อที่ รูปแผนที่ของที่ดินแปลงนั้นแสดงเขตขางเคียงทั้ง

ส่ีทิศ และใหมีสารบัญสําหรับจดทะเบียนไวดวย ใหเจาพนักงานที่ดินและผูวาราชการจังหวัด

ลงลายมือช่ือ และประทับตราประจําตําแหนงเปนสําคัญ

โฉนดที่ดินดั่งกลาวนี้ใหทําเปนคูฉบับ รวมสองฉบับ มอบใหผูถือกรรมสิทธิ์ไว

ฉบับหนึ่งอีกฉบับหนึ่งเก็บไว ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินสาขา แลวแตกรณี

สําหรับฉบับที่เก็บไว ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินสาขานั้น จะจําลองเปนรูปถายไว

ก็ได ในกรณีเชนวานี้ ใหถือเสมือนเปนตนฉบับ

(ความในมาตรา ๕๗ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๖ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ

ที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๕๗ แบบโฉนดที่ดินและแบบหนังสือรับรองการทําประโยชนใหมีขอความ

สําคัญดังตอไปนี้ ชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยูของผูมีสิทธิในที่ดิน ตําแหนงที่ดิน จํานวนเนื้อที่ และรูปแผนที่

ของที่ดินแปลงนั้นซึ่งเเสดงเขตขางเคียงทั้งสี่ทิศ เเละใหมีสารบัญสําหรับจดทะเบียนไวดวย สําหรับ

โฉนดที่ดินใหมีลายมือชื่อเจาพนักงานที่ดินและผูวาราชการจังหวัดหรือผูซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายให

ลงลายมือชื่อแทนผูวาราชการจังหวัด และประทับตราประจําตําแหนงของผูลงลายมือช่ือเปนสําคัญ

สําหรับหนังสือรับรองการทําประโยชนใหมีลายมือชื่อนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนา

ประจํากิ่งอําเภอ แลวแตกรณี และประทับตราประจําตําแหนงของผูลงลายมือช่ือเปนสําคัญ

โฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทําประโยชนใหทําเปนคูฉบับ รวมสองฉบับ มอบ

ใหผูมีสิทธิในที่ดินฉบับหนึ่ง อีกฉบับหนึ่งเก็บไว ณ สํานักงานที่ดิน ที่ทําการที่ดินอําเภอ หรือที่

ทําการที่ดินกิ่งอําเภอ แลวแตกรณี สําหรับคูฉบับที่เก็บไว ณ สํานักงานที่ดิน ที่ทําการที่ดินอําเภอ

หรือที่ทําการที่ดินกิ่งอําเภอนั้นจะจําลองเปนรูปถายไวก็ได ในกรณีเชนนี้ใหถือเสมือนเปนตนฉบับ

(ความในมาตรา ๕๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖

ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๕๗ โฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทําประโยชน ใหมีขอความ

สําคัญดังตอไปนี้ ชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยูของผูมีสิทธิในที่ดิน ตําแหนงที่ดิน จํานวนเนื้อที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 21:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖

รูปแผนที่ของที่ดินแปลงนั้นซ่ึงแสดงเขตขางเคียงทั้งสี่ทิศ ใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัด เจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา หรือเจาพนักงานที่ดินซ่ึงอธิบดีมอบหมาย เปนผูลงลายมือชื่อ และประทับตราประจําตําแหนงของเจาพนักงานที่ดินเปนสําคัญ กับใหมีสารบัญสําหรับจดทะเบียนไวดวย

โฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทําประโยชนใหทําเปนคูฉบับรวมสองฉบับมอบใหผูมีสิทธิในที่ดินฉบับหนึ่ง อีกฉบับหนึ่งเก็บไว ณ สํานักงานที่ดิน สําหรับคูฉบับที่เก็บไว ณ สํานักงานที่ดินนั้น จะจําลองเปนรูปถายไวก็ได ในกรณีเชนนี้ใหถือเสมือนเปนตนฉบับ

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 22:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๗

มาตรา ๕๘ เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะใหออกโฉนดที่ดินในทองที่จังหวัดใด ให

รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดเขตทองที่เพื่อทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่ เพื่อออก

โฉนดที่ดิน

เมื่อพนักงานเจาหนาที่จะไปเดินสํารวจทําการรังวัดที่ดินตามความในวรรคกอน

ใหผูวาราชการจังหวัดประกาศลวงหนาในทองที่ซึ่งจะรังวัดออกโฉนดที่ดินไมนอยกวาสามสิบวัน

และใหผูมีสิทธิในที่ดินนําพนักงานเจาหนาที่ทําการรังวัดที่ดินของตนตามวันและเวลาที่กําหนด

ผูมีสิทธิในที่ดินตามความในวรรคกอนจะตั้งตัวแทนนําพนักงานเจาหนาที่ทําการ

รังวัดที่ดินของตนก็ได

(ความในมาตรา ๕๘ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๗ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ

ที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๕๘ เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะใหมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง

การทําประโยชนในจังหวัดใดในปใด ใหรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดจังหวัดที่จะ

ทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนสําหรับปนั้น เขตจังหวัดที่

รัฐมนตรีประกาศกําหนดไมรวมทองที่ที่ทางราชการไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวร

เมื่อไดมีประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่ง ใหผูวาราชการจังหวัดกําหนดทองที่

และวันเริ่มตนของการเดินสํารวจรังวัดในทองที่นั้น โดยปดประกาศไว ณ สํานักงานที่ดิน ที่วาการ

อําเภอ ที่วาการกิ่งอําเภอ ที่ทําการกํานันและที่ทําการผูใหญบานแหงทองที่กอนวันเริ่มตนสํารวจ

ไมนอยกวาสามสิบวัน

เมื่อไดมีประกาศของผูวาราชการจังหวัดตามวรรคสอง ใหบุคคลตามมาตรา ๕๘ ทวิ

วรรคสอง หรือตัวแทนของบุคคลดังกลาว นําพนักงานเจาหนาที่หรือผูซึ่งพนักงานเจาหนาที่

มอบหมาย เพื่อทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนในที่ดินของตน

ตามวันและเวลาที่พนักงานเจาหนาที่ไดนัดหมาย

ในการเดินสํารวจพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนเพื่อออกหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน นายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอจะแตงตั้งใหผูซึ่งไดรับการ

อบรมการพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนเปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวนการทําประโยชน

แทนตนก็ได

ในการปฏิบัติหนาที่ตามที่นายอําเภอหรือปลัดอําเภอผู เปนหัวหนาประจํา

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 23:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๘

(ความในมาตรา ๕๘ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖

ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๕๘ เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะใหมีการออกโฉนดที่ดินหรือ

หนังสือรับรองการทําประโยชนในจังหวัดใดในปใด ใหรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดจังหวัดที่จะทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนสําหรับปนั้น เขตจังหวัดที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดไมรวมทองที่ที่ทางราชการไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวร

เมื่อไดมีประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่ง ใหผูวาราชการจังหวัดกําหนดทองที่และวันเริ่มตนของการเดินสํารวจรังวัดในทองที่นั้นโดยปดประกาศไว ณ สํานักงานที่ดิน ที่วาการอําเภอ ที่วาการกิ่งอําเภอ ที่ทําการกํานัน และที่ทําการผูใหญบานแหงทองที่กอนวันเริ่มตนสํารวจไมนอยกวาสามสิบวัน

เมื่อไดมีประกาศของผูวาราชการจังหวัดตามวรรคสอง ใหบุคคลตาม มาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง หรือตัวแทนของบุคคลดังกลาว นําพนักงานเจาหนาที่หรือผูซ่ึงพนักงานเจาหนาที่มอบหมายเพื่อทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนในที่ดินของตนตามวันและเวลาที่พนักงานเจาหนาที่ไดนัดหมาย

ในการเดินสํารวจพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนเพื่อออกหนังสือรับรองการทําประโยชน เจาพนักงานที่ดินมีอํานาจแตงต้ังผูซ่ึงไดรับการอบรมในการพิสูจนสอบสวนการทําประโยชน เปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนแทนตนได

ในการปฏิบัติหนาที่ตามวรรคสี่ ใหเจาหนาที่เปนเจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

(มีการเพิ่มมาตรา ๕๘ ทวิ โดยขอ ๗ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลง

วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ ดังตอไปนี้)

มาตรา ๕๘ ทวิ เมื่อไดสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชน

ในที่ดินตามมาตรา ๕๘ แลว ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน แลวแตกรณี ใหแกบุคคลตามที่ระบุไวในวรรคสอง เมื่อปรากฏวาที่ดินที่บุคคลนั้น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 24:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๙

ครอบครองเปนที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนไดตามประมวล

กฎหมายนี้

บุคคลซึ่งพนักงานเจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนตามวรรคหนึ่งใหได คือ

(๑) ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือ

รับรองการทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” หรือเปนผูมสิีทธติาม

กฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

(๒) ผูซึ่งไดปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี

(๓) ผูซึ่งครอบครองที่ดินและทําประโยชนในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายนี้

ใชบังคับและไมมีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หรือไมมีหลักฐานวาเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการ

จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

สําหรับบุคคลตาม (๒) และ (๓) ใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

แลวแตกรณี ไดไมเกินหาสิบไร ถาเกินหาสิบไรจะตองไดรับอนุมัติจากผูวาราชการจังหวัดเปนการ

เฉพาะราย ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด

เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดินตาม

วรรคหนึ่ง ใหหมายความรวมถึงผูซึ่งไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจากบุคคล

ดังกลาวดวย

ภายในสิบปนับแตวันไดรับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตาม

วรรคหนึ่ง บุคคลตาม (๓) ซึ่งไดรับหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาวจะโอนที่ดินนั้นไปยังผูอื่นมิได

นอกจากการตกทอดทางมรดก หรือโอนใหแกทางราชการ และที่ดินนั้นไมอยูในขายแหงการบังคับคดี

(ความในมาตรา ๕๘ ทวิ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖

ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๕๘ ทวิ เมื่อไดสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชน

ในที่ดินตามมาตรา ๕๘ แลว ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน แลวแตกรณี ใหแกบุคคลตามที่ระบุไวในวรรคสอง เมื่อปรากฏวาที่ดินที่บุคคลนั้น

ครอบครองเปนที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนไดตามประมวล

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 25:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๐

กฎหมายนี้

บุคคลซึ่งพนักงานเจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนตามวรรคหนึ่งใหได คือ

(๑) ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรอง

การทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” หรือเปนผูมสิีทธติามกฎหมาย

วาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

(๒) ผูซึ่งไดปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี

(๓) ผูซึ่งครอบครองที่ดินและทําประโยชนในที่ดิน ภายหลังวันที่ประมวลกฎหมาย

นี้ใชบังคับและไมมีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หรือไมมีหลักฐานวาเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการ

จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดินตาม

วรรคสอง (๑) ใหหมายความรวมถึงผูซึ่งไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจาก

บุคคลดังกลาวดวย

สําหรับบุคคลตามวรรคสอง (๒) และ (๓) ใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน แลวแตกรณี ไดไมเกินหาสิบไร ถาเกินหาสิบไร จะตองไดรับอนุมัติจากผูวาราชการจังหวัด

เปนการเฉพาะราย ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด

ภายในสิบปนับแตวันที่ไดรับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตาม

วรรคหนึ่ง หามมิใหบุคคลตามวรรคสอง (๓) ซึ่งไดมาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกลาวโอนที่ดินนั้นใหแกผูอ่ืน

เวนแตเปนการตกทอดทางมรดก หรือโอนใหแกทบวงการเมือง หรือโอนใหแกสหกรณเพื่อชําระหนี้

และไดรับอนุมัติจากนายทะเบียนสหกรณแลว

ภายในกําหนดระยะเวลาหามโอนตามวรรคหา ที่ดินนั้นไมอยูในขายแหงการ

บังคับคดี

(ความในมาตรา ๕๘ ทวิ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล

กฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๗ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๕๘ ทวิ เมื่อไดสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจนสอบสวนการทํา

ประโยชนในที่ดินตามมาตรา ๕๘ แลว ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 26:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๑

รับรองการทําประโยชน แลวแตกรณี ใหแกบุคคลตามที่ระบุไวในวรรคสอง เมื่อปรากฏวาที่ดินที่บุคคลนั้นครอบครองเปนที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนไดตามประมวลกฎหมายนี้

บุคคลซ่ึงพนักงานเจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามวรรคหนึ่งใหได คือ

(๑) ผูซ่ึงมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรองการทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” หรือเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

(๒) ผูซ่ึงไดปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี (๓) ผูซ่ึงครอบครองที่ดินและทําประโยชนในที่ดิน ภายหลังวันที่ประมวล

กฎหมายนี้ใชบังคับ และไมมีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หรือไมมีหลักฐานวาเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ ผูซ่ึงมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดินตามวรรคสอง (๑) ใหหมายความรวมถึงผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดิน ตอเนื่องมาจากบุคคลดังกลาวดวย

สําหรับบุคคลตามวรรคสอง (๒) และ (๓) ใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน แลวแตกรณี ไดไมเกินหาสิบไร ถาเกินหาสิบไร จะตองไดรับอนุมัติจากผูวาราชการจังหวัดเปนการเฉพาะราย ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด

ภายในสิบปนับแตวันที่ ไดรับโฉนดที่ ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามวรรคหนึ่ง หามมิใหบุคคลตามวรรคสอง (๓) ผูไดมาซ่ึงสิทธิในที่ดินดังกลาวโอนที่ดินนั้นใหแกผูอ่ืน เวนแตเปนการตกทอดทางมรดก หรือโอนใหแกทบวงการเมือง องคการของรัฐบาลตามกฎหมายวาดวยการจัดต้ังองคการของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่จัดต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติ หรือโอนใหแกสหกรณเพื่อชําระหนี้โดยไดรับอนุมัติจาก นายทะเบียนสหกรณ

ภายในกําหนดระยะเวลาหามโอนตามวรรคหา ที่ดินนั้นไมอยูในขายแหงการบังคับคดี

(มีการเพิ่มมาตรา ๕๘ ตรี โดยมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ ดังตอไปนี้)

มาตรา ๕๘ ตรี เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะใหมีการออกโฉนดที่ดินสําหรับ

ที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทําประโยชนซ่ึงใชระวางรูปถายทางอากาศในทองที่ใด ให

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 27:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๒

รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดทองที่นั้นและวันที่เร่ิมดําเนินการออก โฉนดที่ดินใหทราบลวงหนาไมนอยกวาสามสิบวัน

การทําแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินตามวรรคหนึ่ง ใหนําหลักฐานเกี่ยวกับระวางรูปถายทางอากาศที่ใชกับหนังสือรับรองการทําประโยชนมาปรับแกตามหลักวิชาการแผนที่รูปถายทางอากาศโดยไมตองทําการสํารวจรังวัด เวนแตกรณีจําเปนให เจาพนักงานที่ดินทําการสํารวจรังวัด

เมื่อถึงกําหนดวันที่เริ่มดําเนินการออกโฉนดที่ดินตามประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่งแลว ใหระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใด ๆ ที่ตองมีการรังวัดสําหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยใชระวางรูปถายทางอากาศในทองที่ดังกลาว เวนแตในกรณีจําเปนเจาพนักงานที่ดินจะอนุญาตเฉพาะรายก็ได ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด

การออกโฉนดที่ดินตามมาตรานี้ ใหออกแกผูมีชื่อซ่ึงเปนผูมีสิทธิในหนังสือรับรองการทําประโยชน

เมื่อไดจัดทําโฉนดที่ดินแปลงใดพรอมที่จะแจกแลว ใหเจาพนักงานที่ดินประกาศกําหนดวันแจกโฉนดที่ดินแปลงนั้นแกผูมีสิทธิ และใหถือวาหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่ดินแปลงนั้นไดยกเลิกต้ังแตวันกําหนดแจกโฉนดที่ดินตามประกาศดังกลาว และใหสงหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ยกเลิกแลวนั้นคืนแกเจาพนักงานที่ดิน เวนแตกรณีสูญหาย

คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดออกระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดิน

แหงชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ดังนี้

ฯลฯ ฯลฯ หมวด ๑

การอนุมัติใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสี่ และมาตรา ๕๙ ทว ิวรรคหนึ่ง

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ขอ ๕ ผูวาราชการจังหวัดจะอนุมัติใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนรายใดเกินหาสิบไรไดตอเมื่อผูวาราชการจังหวัดหรือผูที่ผูวาราชการจังหวัดมอบหมาย

ไดตรวจสอบการทําประโยชนแลวปรากฏวา

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 28:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๓

(๑) ผูครอบครองไดทําประโยชนหรืออํานวยการทําประโยชนในที่ดินนั้นดวย

ตนเอง และ

(๒) สภาพการทําประโยชนในที่ดินนั้นเปนหลักฐานมั่นคงและมีผลผลิตอัน

เปนประโยชนในทางเศรษฐกิจ

ขอ ๖ ในกรณีที่ปรากฏวาเนื้อที่ที่ทําประโยชนตองดวยหลักเกณฑตามขอ ๕ เกิน

หาสิบไร ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเทาจํานวนเนื้อที่

ที่ผูวาราชการจังหวัดสั่งอนุมัติ

ในกรณีที่ปรากฏวาเนื้อที่ที่ทําประโยชนตองดวยหลักเกณฑตามขอ ๕ ไมเกิน

หาสิบไร ใหผูวาราชการจังหวัดสั่งไมอนุมัติ ในกรณีเชนนี้ ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือ

หนังสือรับรองการทําประโยชนใหเทาจํานวนเนื้อที่ที่ไดทําประโยชนแลวตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒

(พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แตตอง

ไมเกินหาสิบไร

ขอ ๗ พนักงานเจาหนาที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

ใหแกบุคคลตามมาตรา ๕๙ ทวิ วรรคหนึ่ง เปนการเฉพาะรายได ถามีความจําเปนดังตอไปนี้

(๑) ที่ดินนั้นถูกเวนคืนตามกฎหมายวาดวยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย

(๒) ผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินจะโอนที่ดินนั้นใหแกทบวง

การเมือง องคการของรัฐบาลตามกฎหมายวาดวยการจัดตั้งองคการของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจที่

จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ

(๓) มีความจําเปนอยางอื่นโดยไดรับอนุมัติจากผูวาราชการจังหวัด

หมวด ๒

การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทาํประโยชน ตามมาตรา ๕๙ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ขอ ๘ ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ถาปรากฏวาที่ดิน

มีอาณาเขต ระยะของแนวเขต และที่ดินขางเคียงทุกดานถูกตองตรงกับหลักฐานการแจง

การครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

เชื่อไดวาเปนที่ดินแปลงเดียวกัน แตเนื้อที่ที่คํานวณไดแตกตางไปจากเนื้อที่ตามหลักฐานการแจง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 29:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๔

การครอบครองดังกลาว ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

เทาจํานวนเนื้อที่ที่ไดทําประโยชนแลว แตไมเกินเนื้อที่ที่คํานวณได

ในกรณีที่ระยะของแนวเขตที่ดินผิดพลาดคลาดเคลื่อน ใหพนักงานเจาหนาที่ออก

โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเทาจํานวนเนื้อที่ที่ไดทําประโยชนแลวเมื่อผูมีสิทธิ

ในที่ดินขางเคียงไดลงชื่อรับรองแนวเขตไวเปนการถูกตองครบถวนทุกดาน

ขอ ๙ การรับรองแนวเขตของผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามขอ ๘ วรรคสอง ให

พนักงานเจาหนาที่แจงเปนหนังสือซ่ึงมีขอความดวยวา ถาผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไมมาหรือมาแต

ไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไมคัดคานการรังวัด เมื่อพนกําหนดสามสิบวันนับแตวันทําการ

รังวัด พนักงานเจาหนาที่จะไดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยไมตองมีการ

รับรองแนวเขต สงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปยังผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามที่อยูที่เคย

ติดตอ หรือตามที่อยูที่ผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงนั้นไดแจงเปนหนังสือไวตอพนักงานเจาหนาที่

เพื่อใหมารับรองแนวเขตหรือคัดคานการรังวัดและใหอยูในบังคับแหงเงื่อนไข ดังตอไปนี้

(๑) ในกรณีที่ผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับหนังสือจากพนักงานเจาหนาที่

ใหมาระวังแนวเขตแลว แตไมมาหรือมาแตไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไมคัดคานการรังวัด ให

พนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเทาจํานวนเนื้อที่ที่ไดทํา

ประโยชนแลว โดยไมตองมีการรับรองแนวเขต เมื่อพนกําหนดเวลาสามสิบวันนับแตวันทําการ

รังวัด

(๒) ในกรณีที่ไมอาจติดตอผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงใหมาระวังแนวเขตได ให

พนักงานเจาหนาที่ปดประกาศแจงใหผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงนั้นมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือ

คัดคานการรังวัดไวในที่เปดเผย ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินสาขา สํานักงานเขต

หรือที่วาการอําเภอหรือกิ่งอําเภอ ที่ทําการกํานัน ที่ทําการผูใหญบาน และบริเวณที่ดินของผูมีสิทธิ

ในที่ดินขางเคียงแหงละหนึ่งฉบับ ในกรณีที่ดินอยูในเขตเทศบาลใหปด ณ สํานักงานเทศบาล

อีกหนึ่งฉบับดวย ถาผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไมมาติดตอหรือคัดคานประการใดภายในสามสิบวัน

นับแตวันปดประกาศ ใหพนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

เทาจํานวนเนื้อที่ที่ไดทําประโยชนแลว โดยไมตองมีการรับรองแนวเขต

ขอ ๑๐ ในกรณีที่ที่ดินนั้นมีดานหนึ่งดานใดหรือหลายดานจดที่ปาหรือที่รกราง

วางเปลาและระยะที่วัดไดเกินกวาระยะที่ปรากฏในหลักฐานการแจงการครอบครองใหถือระยะที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 30:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๕

ปรากฏในหลักฐานการแจงการครอบครองเปนหลักในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน

ประเด็นปญหา ระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติที่ออกตามมาตรา

๕๘ ทวิ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน สําหรับผูถือครองที่ดินตามวรรคสอง (๒) หรือ (๓) จะมี

หลักเกณฑดังตอไปนี้ไดหรือไม

๑. การจํากัดขนาดที่ดินที่จะจัดให

๒. การกําหนดระยะเวลาการครอบครองและทําประโยชนของผูที่จะไดรับเอกสาร

สิทธิในที่ดิน

มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี ้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๖๕๑/๒๕๓๘ (ประชุมใหญ

กรรมการรางกฎหมาย) ผูที่ครอบครองที่ดินอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับโดยไมมีหนังสือ

สําคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น มาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน

พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดใหบุคคลดังกลาวตองแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ตอนายอําเภอทองที่

ภายในหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันที่พระราชบัญญัติดังกลาวใชบังคับ ถาไมแจงการครอบครอง

ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด ใหถือวาบุคคลนั้นเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดิน เวนแต

ผูวาราชการจังหวัดจะไดมีคําสั่งผอนผันใหเปนการเฉพาะราย สําหรับผูที่เขาครอบครองที่ดินของรัฐ

โดยพลการภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ เปนการกระทําที่เปนความผิดอาญาตาม

มาตรา ๑๐๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดินโดยแจงชัด กรณีจึงยอมไมกอใหเกิดสิทธิใดๆ แก

ผูครอบครองที่กระทําการฝาฝนกฎหมายเชนนั้น ดังนั้น ผูที่ครอบครองที่ดินอยูกอนประมวล

กฎหมายที่ดินใชบังคับโดยมิไดแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) และไมไดรับการผอนผันเปนการ

เฉพาะราย กับผูที่เขาครอบครองที่ดินโดยพลการหลังประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับจึงเปนผูที่ไม

มีสิทธิใดๆ ในที่ดินที่ตนครอบครองอยูแตอยางใด การที่มาตรา ๒๗ ตรี มาตรา ๕๘ ทวิ และมาตรา

๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลง

วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๑๕ กําหนดวิธีการใหอํานาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการ

ทําประโยชนใหแกบุคคลเหลานั้นได ก็เปนเพียงการจัดที่ดินใหโดยรัฐ มิใชจะตองออกเอกสารสิทธิ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 31:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๖

ใหเพราะบุคคลเหลานั้นมีสิทธิจะไดที่ดิน สวนการจัดที่ดินใหจะจัดใหเพียงใดนั้น เมื่อพิจารณา

คําวา “...พนักงานเจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ...” ในมาตรา ๕๘

ทวิ วรรคสอง หรือคําวา “...เมื่อพนักงานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดําเนินการออกโฉนดที่ดิน

หรือหนังสือรับรองการทําประโยชน...” ในมาตรา ๕๙ ทวิ นั้นแลว จะเห็นไดวากรณีข้ึนอยูกับ

ดุลพินิจของพนักงานเจาหนาที่วาควรจะจัดหรือไมจัดใหอยางไร และทั้งในมาตรา ๕๘ ทวิ และ

มาตรา ๕๙ ทวิ จะมีขอความกําหนดหลักการจัดที่ดินไวตรงกันวา “...ทั้งนี้ ตามระเบียบที่

คณะกรรมการกําหนด” ซึ่งคําวา “ทั้งนี้” นั้นเปนที่เขาใจในการบัญญัติทางกฎหมายวาจะใชในกรณีที่เปน

เงื่อนไขเด็ดขาดโดยเฉพาะ ดังนั้น การจะจัดที่ดินใหแกบุคคลดังกลาวหรือไม และจะจัดใหเพียงใด

จึงขึ้นอยูกับระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติที่จะกําหนดตอไป และหากกําหนดไว

เชนใดก็มีผลตามกฎหมายเชนนั้น ดังนั้น ระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติจึงสามารถ

กําหนดจํานวนที่ดินที่จะจัดใหตามที่เห็นสมควรได และระเบียบดังกลาวอาจกําหนดเงื่อนไข

เกี่ยวกับระยะเวลาการครอบครองและการทําประโยชนในที่ดินของบุคคลตามมาตรา ๕๘ ทวิ

วรรคสอง (๒) และ (๓) ไดตามความเหมาะสม

อยางไรก็ตามคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญกรรมการรางกฎหมาย) มี

ขอสังเกตวา การกําหนดระยะเวลาการครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตามความเปนจริง

ในทางปฏิบัติคงใชสําหรับผูที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินภายหลังประมวลกฎหมายที่ดินใช

บังคับตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง (๓) เทานั้น สวนผูที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินกอน

ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง (๒) ถือวากฎหมายไดกําหนด

ระยะเวลาการครอบครองไวชัดแจงแลว ยอมไมมีเหตุอันควรที่จะกําหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลา

การครอบครองที่ดินยอนหลังไปใชบังคับในกรณีดังกลาวอีก

ประเด็นปญหา พื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๖

กําหนดใหเปนเขตปาไมถาวรแหงชาติ ตอมามีมติคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงมติฉบับเดิมโดยมอบ

ใหกระทรวงเกษตรและสหกรณรับไปดําเนินการใหเปนไปตามกฎหมายวาดวยการปฏิรูปที่ดินเพื่อ

เกษตรกรรม แตยังไมมีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินในทองที่นั้น จะถือวาพื้นที่นั้นยังคง

เปนปาตามกฎหมายวาดวยปาไมหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการราง

กฎหมาย) ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 32:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๗

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๐๗/๒๕๓๕ ในการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) หรือโฉนดที่ดินในบริเวณ

พื้นที่ของเขตปาไมถาวรแหงชาติ หากขอเท็จจริงปรากฏวา ผูที่มีหลักฐานการแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑) ไดครอบครองที่ดินมากอนใชบังคับประมวลกฎหมายที่ดิน ผูนั้นจะมีสิทธิครอบครองในที่ดิน และหากไดทําประโยชนในที่ดินดังกลาวตลอดมายอมเปนบุคคลซึ่งพนักงานเจาหนาที่อาจออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหได ตามมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ สวนการครอบครองที่ดินภายหลังใชบังคับประมวลกฎหมายที่ดินยอมเปนการครอบครองโดยไมชอบดวยกฎหมาย และไมมีสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น แมจะไดครอบครองและทําประโยชนตลอดมา พนักงานเจาหนาที่ก็ไมอาจออกหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายใหได หากมีการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนในที่ดินดังกลาวยอมเปนการออกโฉนดที่ดินไมชอบดวยกฎหมาย พนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสั่งใหเพิกถอนไดตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘

ประเด็นปญหา ที่ดินที่มีผูแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดิน (ส.ค. ๒) ตาม

มาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖

ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๑๕ จะถือวาเปนที่ดินที่อยูในกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง

โดยชอบดวยกฎหมายตามมาตรา ๖๑วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติอุทยานแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔

หรือไม ถาตอมามีการกําหนดเขตอุทยานแหงชาติครอบคลุมที่ดินบริเวณดังกลาวแลว จะสามารถ

๑ พระราชบัญญัติอุทยานแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔

มาตรา ๖ เมื่อรัฐบาลเห็นสมควรกําหนดบริเวณที่ดินแหงใดที่มีสภาพธรรมชาติเปนที่นาสนใจ ใหคง

อยูในสภาพธรรมชาติเดิมเพื่อสงวนไวใหเปนประโยชนแกการศึกษาและรื่นรมยของประชาชน ก็ใหมีอํานาจ

กระทําไดโดยประกาศพระราชกฤษฎีกาและใหมีแผนที่แสดงแนวเขตแหงบริเวณที่กําหนดนั้นแนบทาย

พระราชกฤษฎีกาดวย บริเวณที่กําหนดนี้เรียกวา “อุทยานแหงชาติ”

ที่ดินที่จะกําหนดใหเปนอุทยานแหงชาตินั้น ตองเปนที่ดินที่มิไดอยูในกรรมสิทธิ์หรือครอบครอง

โดยชอบดวยกฎหมายของบุคคลใดซึ่งมิใชทบวงการเมือง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 33:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๘

ออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือโฉนดที่ดินสําหรับที่ดินแปลงนั้นไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของ

คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๙๗/๒๕๓๘

การแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๒) ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดินมิไดทําใหผูแจงมีสิทธิในที่ดินตามที่ครอบครองในทันที การแจงการครอบครองที่ดินดังกลาว

เปนแตเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจัดที่ดินของรัฐใหแกประชาชนบางประเภท ซึ่งตองมีการสํารวจ

รังวัด ทําแผนที่ หรือพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนตอไป เมื่อปรากฏวาที่ดินที่ครอบครองนั้นเปน

ที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได พนักงานเจาหนาทีจ่งึจะออกโฉนด

ที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนใหตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น

ในกรณีที่มีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดใหบริเวณที่ดินที่ราษฎรไดแจงการครอบครองที่ดิน

(ส.ค. ๒) อยูภายในเขตอุทยานแหงชาติกอนที่พนักงานเจาหนาที่จะออกหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนหรือโฉนดที่ดินแลว บริเวณที่ดินดังกลาวจึงตองหามมิใหออกหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนหรือโฉนดที่ดินตามขอ ๘ (๒) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความ

ในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ (ปจจุบันคือกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓

(พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

ขอ ๑๔ (๕))

ประเด็นปญหา ที่ดินที่อยูในเขตปฏิรูปที่ดินพนักงานเจาหนาที่จะมีอํานาจเดิน

สํารวจออกโฉนดที่ดินใหแกราษฎรที่ครอบครองและทําประโยชนอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมาย

ที่ดินใชบังคับโดยไมมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคําพิพากษา

ศาลปกครองสูงสุด และคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.๒/๒๕๔๖

ตามมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง

แหงประมวลกฎหมายที่ดินไมไดหามการเดินสํารวจรังวัดเพื่อออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหแก

ราษฎรที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินที่ไดมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดใหเปนเขต

ปฏิรูปที่ดิน แตหามไมใหออกใหแกผูที่ครอบครองและทําประโยชนโดยไมมีหลักฐาน ส.ค. ๑ หรือ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 34:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๒๙

ผูที่มิไดแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดินตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดินไวกอน

มีการกําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๗๘๑/๒๕๓๕

ภายหลังจากที่ไดมีการประกาศเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแลว พนักงาน

เจาหนาที่ยังมีอํานาจเดินสํารวจรังวัดเพื่ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหแกราษฎรซึ่งครอบครอง

และทําประโยชนเขตดังกลาวไดตามมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน แตจะออกโฉนดที่ดิน

ใหแกราษฎรที่ครอบครองและทําประโยชนอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ โดยไมได

แจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

และมิไดแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดินตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายทีด่นิไวกอน

มีการกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไมได

ประเด็นปญหา ที่ดินที่อยูในเขตปฏิรูปที่ดิน แตอยูนอกเขตดําเนินการของ

สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พนักงานเจาหนาที่จะมีอํานาจออกหนังสือ

แสดงสิทธิในที่ดินใหแกราษฎรผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมาย

ที่ดินใชบังคับ แตไมไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการราง

กฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๒๐๗/๒๕๓๗

ที่ดินที่อยูในเขตพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน แมจะอยูนอกเขต

ดําเนินการของสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พนักงานเจาหนาที่ไมอาจออก

หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหแกราษฎรที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันที่ประมวล

กฎหมายที่ดินใชบังคับ และมิไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใช

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ หรือที่ไดแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดินตามมาตรา ๒๗ ตรี

แหงประมวลกฎหมายที่ดินไวกอนมีการกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได เพราะเขตปฏิรูป

ที่ดินหมายถึง เขตที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินฯ ซึ่งอาจเปนเขตที่ ส.ป.ก.เขา

ไปดําเนินการ และเขตที่ ส.ป.ก. ยังไมไดเขาไปดําเนินการดวย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 35:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๐

ประเด็นปญหา ในกรณีที่ทายาทของผูมีชื่อตามใบจองมานําทําการเดินสํารวจ

เพื่อออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน โดยแจงวาผูมีชื่อตามใบจองตายแลว ใน

การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนดังกลาว พนักงานเจาหนาที่จะตองจด

ทะเบียนโอนมรดกที่ดินตามใบจองกอนหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการ

รางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๒๙๕/๒๕๑๗ ตามวรรคสองของมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บุคคลซึ่งพนักงาน

เจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนใหได คือ ผูซึ่งมีหลักฐานการแจง

การครอบครองที่ดิน หรือมีใบจอง ฯลฯ และที่วรรคสี่ของมาตรานี้บัญญัติตอไปวา “เพื่อประโยชน

แหงมาตรานี้ ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดินตามวรรคหนึ่ง ใหหมายความรวมถึงผูซึ่ง

ไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจากบุคคลดังกลาวดวย” คําวา “ผูซึ่งไดครอบครอง

และทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องจากบุคคลดังกลาว” นั้น หมายถึง ผูซึ่งไดครอบครองและทํา

ประโยชนในที่ดินตอเนื่องจากผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เทานั้น เพราะ

ที่ดินที่มีเอกสารรับรองการมีสิทธิตามกฎหมาย แบงออกไดเปนสองประเภท คือ ที่ดินซึ่งมีผูมีสิทธิ

ครอบครองโดยไดแจงการครอบครองและไดมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) นั้น

แลวประเภทหนึ่ง และที่ดินซึ่งมีหนังสือสําคัญสําหรับที่ดินอีกประเภทหนึ่ง กรณีที่ดินซึ่งมีใบจอง จึง

ไมอยูในขายบังคับของมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน

พ.ศ. ๒๔๙๗ เพราะบทบัญญัติในวรรคสี่ของมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน กลาวถึง

แตเฉพาะที่ดินซึ่งมีผูมีสิทธิครอบครองโดยมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดินเทานั้น ที่ดินประเภท

อ่ืนซึ่งมีหนังสือสําหรับที่ดินอยางอื่นแลว ยอมตองเปนไปตามบทบัญญัติของกฎหมายในกรณี

รับมรดก ดังนั้น ผูมีชื่อในใบจองตายและทายาทจะนําทําการเดินสํารวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน จึง

ตองจดทะเบียนโอนมรดกใหมีชื่อเปนผูถือใบจองเสียกอน

ประเด็นปญหา การจําหนาย ส.ค.๑ ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดิน เปน

“คําสั่งทางปกครอง” หรือไม และหากการดําเนินการจําหนาย ส.ค.๑ ในกรณีดังกลาวเปนคําสั่ง

ทางปกครอง ผูทําคําส่ังทางปกครองในกรณีดังกลาวไดแกผูใด มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 36:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๑

คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เลขคําวินิจฉัยที่ ๖๗๒/๒๕๔๔ การจําหนาย ส.ค. ๑ ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินเปนการปฏิบัติหนาที่

ของผูวาราชการจังหวัดและเจาพนักงานที่ดิน ตามคําส่ังกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑๒๔๔/๒๔๙๗

เร่ือง ระเบียบการแจงและรับแจงที่ดินที่มีผูครอบครองอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ

ประกอบกับคําสั่งกรมที่ดิน ที่ ๒๓/๒๕๑๓ เร่ือง จําหนาย ส.ค. ๑ ออกจากทะเบียนการครอบครอง

ที่ดิน ซึ่งมีผลเปนการทําใหผูแจงการครอบครองที่ดินที่ถูกจําหนายการครอบครองดังกลาว

ไมสามารถนํา ส.ค. ๑ ซึ่งเปนหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดินไปขอออกโฉนดที่ดินไดตาม

มาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น จึงเปนการใชอํานาจตามกฎหมายของ

เจาหนาที่ที่มีผลกระทบตอสิทธิของบุคคล อันเปน “คําสั่งทางปกครอง” ตามบทนิยามในมาตรา ๕

แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙

วิธีการจําหนาย ส.ค. ๑ ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินกําหนดไวโดยขอ ๙

ของคําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑๒๔๔/๒๔๙๗ เร่ือง ระเบียบการแจงและรับแจงที่ดินที่มี

ผูครอบครองอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับที่ใหนายอําเภอสอบสวนเสนอ

ผูวาราชการจังหวัดพิจารณาสั่งการในกรณีที่ปรากฏวาการแจงการครอบครองที่ดินมีการผิดพลาด

คลาดเคลื่อน และตามคําสั่งกรมที่ดิน ที่ ๒๓/๒๕๑๓ ซึ่งกําหนดใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนแลว

ขออนุมัติผูวาราชการจังหวัดสั่งจําหนาย โดยใหขีดเสนขนานคูที่ดานหนา ส.ค. ๑ ทั้งสองตอนและ

ที่เอกสารอื่นของที่ดินแปลงนั้นในสารบบ และหมายเหตุวา “ผูวาราชการจังหวัดไดอนุมัติให

จําหนายแลว ...” แลวใหพนักงานเจาหนาที่ลงนาม และวัน เดือน ป กํากับไว ขอกําหนดดังกลาว

ใหอํานาจผูวาราชการจังหวัดในการออกคําสั่งจําหนาย ส.ค. ๑ ออกจากทะเบียนการครอบครอง

ที่ดิน สวนการดําเนินการของเจาพนักงานที่ดินเปนเพียงวิธีการดําเนินการจําหนาย ส.ค. ๑ ให

เปนไปตามคําสั่งหรือการอนุมัติของผูวาราชการจังหวัดเทานั้น ดังนั้น การจําหนาย ส.ค. ๑ ออกจาก

ทะเบียนการครอบครองที่ดินจึงเปนคําสั่งทางปกครองของผูวาราชการจังหวัด ซึ่งในกรณีนี้ตาม

ขอ ๒ (๑๑) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ

ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กําหนดใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยเปนผูมีอํานาจ

พิจารณาอุทธรณ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 37:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๒

ประเด็นปญหา การที่พนักงานเจาหนาที่ออกหนังสือรับรองการทําประโยชน

หรือโฉนดที่ดิน หรือปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือโฉนดที่ดินเปนคําสั่งที่ชอบ

ดวยกฎหมาย หรือไม หรือเปนการละเลยไมดําเนินการตามอํานาจหนาที่ที่กฎหมายกําหนด หรือ

เปนการปฏิบัติหนาที่ที่ลาชาหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ศาลฎีกา และ

คณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๔๑/๒๕๔๘

ในการเดินสํารวจรังวัดที่ดินพิพาทเพื่อออกโฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดี ปรากฏวา

ผูแทนราชพัสดุจังหวัด และผูแทนกองกํากับการตํารวจตระเวนชายแดนไดมาระวังแนวเขตที่ดิน

แตไมไดรับรองแนวเขต และไมไดคัดคานแนวเขต จึงถือวายังไมมีกรณีโตแยงแนวเขตที่ดิน

เจาพนักงานที่ดินจึงตองดําเนินการตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ตอไป กลาวคือ ตองออกโฉนดที่ดินใหแกผูนําเดินสํารวจหากที่ดินนั้นอยูในหลักเกณฑที่จะออก

โฉนดที่ดินได ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ

ใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยกอนแจกโฉนดที่ดินใหทําการประกาศมีกําหนด

สามสิบวันเพื่อใหผูมีสวนไดเสียคัดคาน หากมีผูโตแยงคัดคานภายในกําหนดเวลาใหพนักงาน

เจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดินทําการสอบสวนเปรียบเทียบ ถาตกลงกันไดใหดําเนินการตามทีต่กลง

หากตกลงกันไมไดใหเจาพนักงานที่ดินพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควร เมื่อที่ดินของผูฟองคดีได

สํารวจรังวัดทําแผนที่และพิสูจนสอบสวนการทําประโยชนและไดมีการประกาศแจกโฉนดที่ดิน

ตามที่กฎหมายกําหนดครบสามสิบวันไมมีผูใดโตแยงคัดคาน แตเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี)

ยังไมออกโฉนดที่ดินใหผูฟองคดี โดยใหรอการออกโฉนดที่ดินไวกอนจนกวาคดีที่ผูฟองคดีฟอง

ราชพัสดุจังหวัดกับพวกตอศาลยุติธรรมจะถึงที่สุด จึงเปนการไมชอบดวยเหตุผลและกฎหมาย แม

ตอมาราชพัสดุจังหวัดจะมีหนังสือคัดคานออกโฉนดที่ดินพิพาท ก็เปนการคัดคานภายหลัง

ประกาศครบกําหนดแลว การที่ผูถูกฟองคดีไมดําเนินการอยางใดตามอํานาจหนาที่เพื่อออก

โฉนดที่ดินใหผูฟองคดีทั้งที่ผูฟองคดีมีคํารองขอ จึงเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมาย

กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึง่ (๒) แหงพระราชบญัญตัิ

จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๐๓/๒๕๔๙

แมขอเท็จจริงจะปรากฏวา ผูฟองคดีเปนผูไดประทานบัตรเพื่อทําเหมืองแรในทีด่นิ

พิพาท แตตอมาประทานบัตรของผูฟองคดีได ส้ินอายุลงแลว ผูฟองคดีจึงไมอาจอางสิทธิ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 38:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๓

ครอบครองที่ดินดังกลาวไดตามนัยมาตรา ๗๓ (๓) แหงพระราชบัญญัติแร พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งตาม

ขอเท็จจริงปรากฏวามีผูอ่ืนไดเขาไปครอบครองทําประโยชนในที่ดินพิพาท และเมื่อทางราชการได

ประกาศโครงการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินในทองที่นั้น ผูครอบครองที่ดินไดนําเจาหนาที่ทําการ

สํารวจรังวัดออกโฉนดที่ดินในที่ดินพิพาท ดังนั้น การที่ผูฟองคดีโตแยงการออกโฉนดที่ดินพิพาท

โดยอางแตเพียงวาการออกโฉนดที่ดินทับที่ดินที่มีประทานบัตรของตน โดยไมมีพยานหลักฐานมา

แสดงวาหลังจากประทานบัตรสิ้นอายุแลวผูฟองคดีไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินดังกลาว

จึงไมสามารถรับฟงไดวาผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ในขณะที่ผูนําสํารวจรังวัด

ออกโฉนดที่ดินพิพาทมีพยานหลักฐานซึ่งมีน้ําหนักเพียงพอที่จะรับฟงไดวาเปนผูครอบครองทํา

ประโยชนในที่ดินพิพาทจริง ผูนําสํารวจรังวัดออกโฉนดที่ดินพิพาทดังกลาว จึงเปนบุคคลที่มี

คุณสมบัติตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การที่เจาพนักงานที่ดินมีคําสั่ง

ใหออกโฉนดที่ดินใหแกผูขอออกโฉนดที่ดิน จึงเปนการใชดุลพินิจโดยชอบดวยกฎหมายแลว คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๕๔/๒๕๕๐

ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตั้งอยูในเขตที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหาม

ที่ดินฯ พุทธศักราช ๒๔๘๓ โดยมีหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ออกตาม

โครงการเดินสํารวจเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ การที่จะฟงวาหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) นั้น

ออกโดยชอบดวยกฎหมายหรือไม ในเบื้องตนจะตองฟงวามีการครอบครองและทําประโยชนที่ดิน

ดังกลาวกอนการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามที่ดินฯ หรือไม ซึ่งหากพิสูจนไดวาไดมี

การครอบครองและทําประโยชนอยูกอนการตราพระราชกฤษฎีกาดังกลาว โดยไมมีหนังสือสําคัญ

แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและมิไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็สามารถออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได ทั้งนี้

ตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน แตจากการอาน แปล

และวิเคราะหภาพถายทางอากาศของกรมปาไมโดยผูเชี่ยวชาญของศาลเกี่ยวกับการวิเคราะห

ภาพถายทางอากาศและแผนที่กระทรวงยุติธรรม ปรากฏตามแผนที่ภูมิประเทศบริเวณดังกลาว

ของกรมแผนที่ทหารขนาดมาตราสวน ๑ : ๕๐,๐๐๐ ถายทําเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๖ และวันที่

๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๐ ซึ่งเจาหนาที่ที่ดินไดลงตําแหนงรูปแผนที่แปลง น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทวา บริเวณ

ดังกลาวในป พ.ศ. ๒๔๙๖ และป พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสภาพเปนปาละเมาะไมพบมีการปลูกพืชผล

อาสินแตอยางใด จึงฟงไดวาที่ดินพิพาทมีการครอบครองทําประโยชนภายหลังที่มีการถายภาพ

ทางอากาศดังกลาว ซึ่งเปนระยะเวลาภายหลังการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 39:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๔

พ.ศ. ๒๔๘๓ แลว ผูครอบครองที่ดินพิพาทจึงไมมีสิทธิครอบครองเนื่องจากตองหามตามกฎหมาย

ดังนั้น การออก น.ส. ๓ ก. จึงไมชอบดวยกฎหมายดวยเหตุออกในที่ตองหามมิใหออกตามนัยขอ ๘

ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ การที่ผูฟองคดีนํา น.ส. ๓ ก. ทั้งสองฉบับมารังวัดรวมเปน น.ส. ๓ ก.

ฉบับเดียวและรังวัดรวมที่ดินขางเคียงที่ไมมีสิทธิครอบครองเขาไปดวย จึงเปนการไมชอบดวย

กฎหมายไปดวย เมื่อมีพยานหลักฐานรับฟงไดวาการออก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีไมชอบดวย

กฎหมาย อธิบดีกรมที่ดินยอมมีอํานาจหนาที่ตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินที่จะตอง

เพิกถอน ดังนั้น คําสั่งใหเพิกถอน น.ส. ๓ ก. พิพาทจึงชอบดวยกฎหมาย คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๐๘๒/๒๕๓๗

ปญหาวา น.ส. ๓ ก. ออกโดยชอบดวยกฎหมายหรือไมนั้น เปนขอกฎหมายเกี่ยว

ดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน แมไมไดกําหนดเปนประเด็นขอพิพาทหรือไมมีคําขอของ

คูความใหวินิจฉัย ศาลก็มีอํานาจยกขึ้นวินิจฉัยได

จําเลยเปนผูซื้อที่ดินพิพาทจาก ท. และครอบครองมาโดยตลอด สวนโจทกมีชื่อ

เปนผูทรงสิทธิครอบครองตาม น.ส. ๓ ก. ในที่ดินพิพาท เพราะโจทกรับสมอางไปดําเนินการแทน

จําเลย แสดงวามีการออก น.ส. ๓ ก. ในนามโจทก ทั้งที่โจทกมิไดเปนผูซื้อและครอบครองที่ดิน

พิพาท เปนการออกโดยฝาฝนตอประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไมมีผลเปน น.ส. ๓ ก. โจทกและจําเลย

ตางไมมีสิทธิจะใชประโยชนจาก น.ส. ๓ ก. ดังกลาวได เมื่อ น.ส. ๓ ก. นั้น ออกโดยไมชอบดวย

กฎหมาย จึงสมควรเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ฉบับนั้นเสีย คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๙๗/๒๕๔๒

ที่พิพาทเปนที่ดินที่มีหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ผูที่มีชื่อ

ใน น.ส. ๓ ก. ดังกลาว มีเพียงสิทธิครอบครอง แมการซื้อขายที่ดินไมไดจดทะเบียนตอพนักงาน

เจาหนาที่แตไดมีการสงมอบการครอบครองและผูรับโอนไดเขาทําประโยชนในที่ดินดังกลาวแลว

การซื้อขายยอมสมบูรณโดยการสงมอบการครอบครองไมตกเปนโมฆะ ผูซื้อยอมไดไปซึ่งสิทธิ

ครอบครองที่ดินพิพาทตามมาตรา ๑๓๗๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

การออกโฉนดที่ดินโดยการเปลี่ยนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)

เปนโฉนดที่ดินตามความในมาตรา ๕๘ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนการนําหลักฐาน

เกี่ยวกับระวางรูปถายทางอากาศที่ใชกับหนังสือรับรองการทําประโยชนมาปรับตามหลักวิชาการ

แผนที่รูปถายทางอากาศโดยไมตองทําการรังวัด และการออกโฉนดที่ดินดังกลาวเปนการออกใหแก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 40:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๕

ผูมีชื่อซ่ึงมีสิทธิในที่ ดินตาม น.ส. ๓ ก. เมื่อในขณะที่ออกโฉนดที่ดินพิพาท ผูมีชื่อใน

น.ส. ๓ ก. ไมมีสิทธิในที่ดินเพราะไดโอนโดยการสงมอบการครอบครองใหแกผูอ่ืนไปแลว การออก

โฉนดที่ดินโดยการเปลี่ยน น.ส. ๓ ก. เปนโฉนดที่ดินดังกลาวจึงเปนการคลาดเคลื่อน ตองเพิกถอน

ตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๖๒/๒๕๔๑ ในการพิจารณาออกโฉนดที่ดินโดยวิธีการเดินสํารวจเพื่อทําแผนที่ออกโฉนดที่ดิน

ใหแกราษฎรตามมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เจาพนักงานที่ดินจะตองปฏิบัติตาม

เงื่อนไขที่กําหนดไวในมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับขอ ๘ แหง

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๕๙๗ กลาวคือ ที่ดินที่จะขอออกโฉนดที่ดินจะตองเปนที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินได

ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และที่ดินนั้นจะตองไมใชที่ดินที่ราษฎรใชประโยชนรวมกัน ที่เขา

ที่ภูเขา หรือที่สงวนหวงหาม หรือที่ดินซึ่งทางราชการเห็นวาควรสงวนไวเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่ง

ที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติเปนที่ดินที่ทางราชการสงวนหวงหามไวตามกฎหมายมาตรา ๑๔ แหง

พระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ การออกโฉนดที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติ ยอม

เปนการขัดตอกฎหมายดังกลาว คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๙๐/๒๕๔๑

เมื่อปรากฏวาผูมีชื่อในใบจอง (น.ส. ๒) มิไดครอบครองทําประโยชนในที่ดิน แตเจาพนักงานที่ดินผูทําการสํารวจและสอบสวนการขอออกโฉนดที่ดินรับฟงวา ผูมีชื่อในใบจองเปน ผูครอบครองที่ดินตลอดมาและใชเปนเหตุผลในการออกโฉนดที่ดินใหแกบุคคลดังกลาว ซึ่งคลาดเคลื่อนไปจากความเปนจริงโดยไมมีผูคัดคาน การที่เจาพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินไป จึงเปนการกระทําที่ไมถูกตองตามกฎหมาย

คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๙๔/๒๕๔๒ กรณีที่ทางราชการมีโครงการออกโฉนดที่ดินสําหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ตามมาตรา ๕๘ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน โดยการออกโฉนดที่ดินเปนการดําเนินการตามวิธีปรับแกระวางรูปถายทางอากาศหรือวิธียายแปลงที่ดิน ซึ่งกําหนดใหพนักงานเจาหนาที่สามารถดําเนินการออกโฉนดที่ดินใหแกผูมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ได โดยไมตองมีการสํารวจรังวัดที่ดินอีกเนื่องจากไดมีการรังวัดไวแลวตั้งแตเมื่อคร้ังที่ออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) พนักงานเจาหนาที่จึงไมมีหนาที่ตองปกหลักหมุดในที่ดินใหแกราษฎร มีเพียงหนาที่ที่จะตองออกโฉนดที่ดินใหแกราษฎรเทานั้น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 41:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๖

การที่เจาพนักงานที่ดินมิไดปกหลักหมุดในที่ดินใหแกผูรองทุกข ยอมมิใชการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหปฏิบัติ

คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๒๕๓/๒๕๔๒ ในการรังวัดเปลี่ยนหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนโฉนดที่ดิน แมผูรองทุกขซึ่ง

เปนเจาของที่ดินจะอางวาไมไดเปนผูนําชี้แนวเขตที่ดินเอง โดยเจาของที่ดินขางเคียงเปนผูนําชี้แนวเขต แตการที่ผูรองทุกขไดลงลายมือชื่อในใบไตสวน (น.ส. ๕) วาเปนผูนําทําการสํารวจ รวมทั้งไดชี้แจงดวยวาจาวา หากมีการรังวัดใหม การนําชี้แนวเขตคงเปนในแนวเขตเดิม จึงตองถือวาผูรองทุกขยอมรับความถูกตองของแนวเขตที่ดินนั้นแลว การที่ผูรองทุกขอางวามีการออกโฉนดที่ดินใหแก ผูรองทุกขโดยไมถูกตอง แตมิไดโตแยงวาเจาของที่ดินขางเคียงนํารังวัดเขามาในแนวเขตที่ดินของผูรองทุกข ยังไมถือวาผูรองทุกขมีปญหาโตแยงคัดคานแนวเขตที่ดิน การที่สํานักงานที่ดินจังหวัดออกโฉนดที่ดินใหแกผูรองทุกขตามแนวเขตที่ผูรองทุกขยอมรับวาเปนแนวเขตที่ถูกตอง จึงไมเปนการกระทําที่ขัดหรือไมถูกตองตามกฎหมาย

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๕๐/๒๕๔๕

เมื่อการออกโฉนดที่ดินตามการสั่งการของกรมที่ดินตามมาตรา ๕๘ ตรี แหง

ประมวลกฎหมายที่ดินเกิดความผิดพลาดขึ้น เปนเหตุใหโฉนดที่ดินไมถูกตองตามความเปนจริง

โดยความผิดพลาดดังกลาวเกิดจากการกระทําของเจาพนักงานที่ดิน และผูฟองคดีซึ่งเปนผูมีชื่อใน

โฉนดที่ดินไดพยายามทวงติงขอใหแกไขมาโดยตลอด ยอมถือเปนเหตุจําเปนตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง

แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ศาลจะรับคําฟอง

ไวพิจารณา แมจะยื่นฟองเมื่อพนระยะเวลาการฟองคดีแลวก็ตาม คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๓๑/๒๕๔๗

การที่ผูฟองคดีฟองวา พนักงานเจาหนาที่ออก น.ส. ๓ ก. ไมถูกตองเนื่องจากมี

แนวเขตที่ดินไมตรงกับที่ผูฟองคดีนํารังวัด และออก น.ส. ๓ ก. ใหผูอ่ืนทับที่ดินของผูฟองคดี

รวมทั้งไดกันทางสาธารณประโยชนข้ึนใหมในที่ดินของผูฟองคดีโดยไมชอบดวยกฎหมาย และได

ลงรูปแผนที่ที่ดินของผูฟองคดีในระวางรูปถายทางอากาศไมถูกตอง โดยมีการเลื่อนตําแหนงที่ดิน

ของผูฟองคดีไปทับที่สาธารณประโยชนทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงขอใหศาลมีคําสั่งให

เจาพนักงานที่ดิน(ผูถูกฟองคดี)แกไขหรือเพิกถอนระวางแผนที่รูปถายทางอากาศและจัดทําให

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 42:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๗

ถูกตองตามที่ผูฟองคดีครอบครองจริง นั้น อาจถือไดวาผูฟองคดีประสงคจะใหศาลเพิกถอน

น.ส. ๓ ก. ที่ออกทับที่ดินของผูฟองคดี แตการที่จะวินิจฉัยวา การออก น.ส. ๓ ก. ดังกลาว ชอบ

ดวยกฎหมายหรือไม จะตองวินิจฉัยกอนวาผูใดเปนผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินพิพาท

ที่พนักงานเจาหนาที่อาจออก น.ส. ๓ ก. ใหได โดยไมอาจแยกออกจากประเด็นวา พนักงาน

เจาหนาที่กระทําถูกตองตามขั้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกําหนดหรือไม และการที่ศาลปกครอง

ชั้นตนวินิจฉัยวา การกระทําของผูถูกฟองคดีในการออก น.ส. ๓ ก. ถูกตองตามขั้นตอนและวิธีการ

ที่กฎหมายกําหนด สวนการที่ผูฟองคดีอางวาผูใหญบานไดกันทางสาธารณประโยชนข้ึนใหมใน

ที่ดินของผูฟองคดี หรือการที่พนักงานเจาหนาที่ออก น.ส. ๓ ก. ใหผูอ่ืนทับที่ดินของผูฟองคดี เปน

กรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ไมอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙

วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แสดงวา

ศาลปกครองชั้นตนเห็นกอนที่จะมีคําพิพากษาวาคดีอยูในอํานาจของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง

ชั้นตนชอบที่จะรอการพิจารณาไวชั่วคราวและจัดทําความเห็นสงไปใหศาลที่ศาลปกครองชั้นตน

เห็นวาคดีอยูในเขตอํานาจโดยเร็วตามมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติวาดวยการวินิจฉัยชี้ขาด

อํานาจหนาที่ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ การที่ศาลปกครองชั้นตนมิไดดําเนินการตามนัยดังกลาว

แตกลับดําเนินกระบวนพิจารณาตอไปจนมีคําพิพากษา จึงเปนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ

ศาลปกครองชั้นตนจะตองดําเนินกระบวนพิจารณาใหมใหถูกตอง คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๗๖ – ๑๐๗๙/๒๕๑๐

ผูที่ไมมีสิทธิในที่ดินแมจะไดไปแจงการครอบครองจนไดรับ ส.ค. ๑ และไดรับ

หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) แลว ก็ไมอาจกอใหเกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น

แตอยางใด และแมมีผูรับซ้ือที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) นั้นไวโดยสุจริต

เสียคาตอบแทน และจดทะเบียนโดยถูกตองตามกฎหมายแลวก็ตาม แตเมื่อผูที่มีชื่อในหนังสือ

รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ไมมีสิทธิในที่ดินนั้น ผูที่รับซื้อที่ดินก็ยอมไมมีสิทธิในที่ดินนั้นดวย

ตามหลักผูรับโอนไมมีสิทธิดีกวาผูโอน คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๐๐ – ๑๓๐๑/๒๕๒๑

ผูที่ครอบครองที่ดินมากอนใชประมวลกฎหมายที่ดิน แมจะมิไดแจงการ

ครอบครองไว ก็ไมทําใหเสียสิทธิการครอบครองไป แตจะยกขึ้นยันรัฐในการที่รัฐจะจัดที่ดินตาม

ประมวลกฎหมายที่ดิน หรือยันบุคคลผูไดสิทธิมาจากรัฐในการจัดที่ดินไมไดเทานั้น ตราบใดทีรั่ฐยงั

มิไดเขาจัดที่ดินนั้น ผูที่ครอบครองก็ยังมีสิทธิครอบครองอยู

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 43:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๘

ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙ ทวิ ที่แกไขเพิ่มเติม

โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ผูครอบครองที่ดินมากอนใชประมวลกฎหมายที่ดิน แต

มิไดแจงการครอบครองไว รวมทั้งผูครอบครองตอเนื่องจากบุคคลดังกลาวมีสิทธิขอใหทางราชการ

ออกหนังสือรับรองการทําประโยชนได เมื่อมีการเดินสํารวจรังวัดในทองที่นั้น หรือเมื่อมีความ

จําเปนอาจขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายก็ได คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๕๒๐/๒๕๓๒ ที่ดินที่มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา

๕๘ ทวิ ซึ่งอยูระหวางกําหนดระยะเวลาหามโอนภายใน ๑๐ ป เปนที่ดินที่รัฐยังไมไดมอบสิทธิ

ครอบครองใหแกผูที่ไดรับหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้น โดยผูที่ไดรับหนังสือแสดงสิทธิในทีด่นินัน้คงมี

สิทธิเพียงทําประโยชนในที่ดินเทานั้น ดังนั้น เมื่อผูนั้นไมมีสิทธิครอบครองในที่ดินจึงไมอาจสละ

หรือโอนสิทธิครอบครองในที่ดินใหแกผูอ่ืนไดตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๗๗

หรือมาตรา ๑๓๗๘ การโอนดังกลาวยอมไมมีผลตามกฎหมาย

หมายเหตุ คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗๕๗/๒๕๓๘ วินิจฉัยในแนวทางเดียวกัน คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๐/๒๕๓๖

เมื่อที่ดินพิพาทเปนที่ดินที่ตกอยูในขอกําหนดหามโอนภายในกําหนดสิบปนับแต

วันที่จําเลยไดรับหนังสือรับรองการทําประโยชน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๕๘ ทวิ เมื่อ

ขณะที่โจทกจําเลยซื้อขายที่ดินกันยังอยูในระยะเวลาหามโอน ดังนั้น การซื้อขายและสงมอบการ

ครอบครองที่ดินพิพาทใหโจทก ยอมตกเปนโมฆะตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๕๘ ทวิ และ

ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๑๓ แมโจทกจะครอบครองที่ดินพิพาทมานาน

เพียงใดก็ไมไดสิทธิครอบครอง ที่ดินพิพาทยังเปนของจําเลยอยู คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๐ – ๒๘๔/๒๕๓๗

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕ วรรคสอง

เปนบทบัญญัติที่เพียงแตกําหนดใหรัฐมีอํานาจนําที่ดินของผูครอบครองและทําประโยชนอยูกอน

วันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับซ่ึงมีหนาที่แจงการครอบครองที่ดิน แตไมแจงการครอบครอง

ภายในเวลาที่กําหนดไปจัดที่ดินตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดินได โดยผูครอบครอง

และทําประโยชนไมอาจยกการครอบครองและทําประโยชนข้ึนยันรัฐหรือบุคคลผูไดสิทธิมาจากรัฐ

ในการจัดที่ดินเทานั้น ตราบใดที่รัฐยังไมไดเขาจัดที่ดินนั้น ผูนั้นยอมมีสิทธิครอบครองอยู

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 44:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๓๙

ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙ ทวิ ที่แกไขเพิ่มเติม

โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ บัญญัติใหผูครอบครองที่ดินมากอนใชประมวลกฎหมาย

ที่ดินแตมิไดแจงการครอบครองเอาไว รวมทั้งผูครอบครองตอเนื่องจากบุคคลดังกลาว มีสิทธิขอให

ทางราชการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนได เมื่อมีการเดินสํารวจรังวัดในทองที่นั้นหรือเมื่อมี

ความจําเปนก็อาจขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายก็ได คําพิพากษาฎีกาที่ ๔๘๕๐/๒๕๓๘ ที่ดินพิพาทที่โจทกไดรับมาอยูในระยะเวลาหามโอน เปนที่ดินที่รัฐยังไมไดมอบ

สิทธิครอบครองให โจทกมีสิทธิเพียงทําประโยชนในที่ดินพิพาทไมอาจสละหรือโอนสิทธิครอบครอง

ใหแกผูอ่ืนได การที่โจทกขายที่ดินพิพาทใหแกจําเลยจึงไมมีผลตามกฎหมาย คําพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๔๒/๒๕๔๒

แมการซื้อขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชนที่พิพาทซึ่งมีขอกําหนด

หามโอนตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ภายในระยะเวลา ๑๐ ป นับแตวันที่

ไดรับหนังสือรับรองการทําประโยชน จะตกเปนโมฆะตามมาตรา ๑๕๐ แหงประมวลกฎหมายแพง

และพาณิชยก็ตาม แตถาหากผูซื้อที่ดินไดครอบครองที่ดินตลอดมาจนลวงเลยระยะเวลาหามโอน

แลวและไดมีการเสียภาษีบํารุงทองที่ตลอดมา ถือวาเปนการยึดถือที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน

ผูนั้นยอมไดซึ่งสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๓๐๗/๒๕๔๓

การทําสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทกันในกําหนดระยะเวลาหามโอนตามมาตรา

๕๘ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายที่ดินดังกลาวเปนการตองหามชัดแจงโดย

กฎหมาย จึงตกเปนโมฆะตามมาตรา ๑๕๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

ที่ดินพิพาทเปนที่ดินที่ทางราชการจัดใหราษฎรทํากิน จึงปกปองราษฎรใหมีที่ทํากิน

เปนเวลาอยางนอย ๑๐ ป ภายในกําหนดระยะเวลาดังกลาว ซึ่งทางราชการไดควบคุมที่ดินนั้นอยู

ยังไมปลอยเปนสิทธิเด็ดขาดแกผูครอบครองจนกวาจะพนกําหนดระยะเวลาที่มีขอกําหนดหามโอน

ดังนั้น โจทกจะสละหรือโอนการครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อชําระหนี้ใหแกจําเลยไมได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 45:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๐

มาตรา ๕๙ ในกรณีที่ผูมีสิทธิครอบครองที่ดินเฉพาะรายมาขอออกโฉนดที่ดิน

เมื่อพนักงานเจาหนาที่พิจารณาเห็นเปนการสมควรตามหลักเกณฑ ใหดําเนินการออกโฉนดที่ดิน

ให

(ความในมาตรา ๕๙ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๘ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ

ที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ และใชความใหมแทนเปนมาตรา ๕๙, ๕๙ ทวิ และ๕๙ ตรี

โดยลําดับดังนี้) มาตรา ๕๙ ในกรณีที่ผูมีสิทธิครอบครองที่ดินมาขอออกโฉนดที่ดินหรือ

หนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายไมวาจะไดมีประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม เมื่อพนักงานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดําเนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน แลวแตกรณี ไดตามหลักเกณฑและวิธีการที่ประมวลกฎหมายนี้กําหนด

เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ ผูมีสิทธิครอบครองที่ดินตามวรรคหนึ่งใหหมายความรวมถึงผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจากผูซ่ึงมีหลักฐานการแจงการครอบครองดวย

มาตรา ๕๙ ทวิ ผูซ่ึงครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันที่

ประมวลกฎหมายนี้ใชบังคับโดยไมมีหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และมิไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แตไมรวมถึงผูซ่ึงมิไดปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี ถามีความจําเปนจะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย เมื่อพนักงานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดําเนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน แลวแตกรณี ไดตามหลักเกณฑและวิธีการที่ประมวลกฎหมายนี้กําหนด แตตองไมเกินหาสิบไร ถาเกินหาสิบไรจะตองไดรับอนุมัติจากผูวาราชการจังหวัด ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด

เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ ผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตามวรรคหนึ่งใหหมายความรวมถึงผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจากบุคคลดังกลาวดวย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 46:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๑

มาตรา ๕๙ ตรี ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนถาปรากฏวาเนื้อที่ที่ทําการรังวัดใหมแตกตางไปจากเนื้อที่ตามใบแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ใหพนักงานเจาหนาที่พิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหไดเทาจํานวนเนื้อที่ที่ไดทําประโยชน ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด (มีการเพิ่มมาตรา ๕๙ จัตวา และมาตรา ๕๙ เบญจ โดยมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติ

แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยลําดับดังนี้)

มาตรา ๕๙ จัตวา การออกโฉนดที่ดินตามมาตรา ๕๘ ทวิ มาตรา ๕๘ ตรี และ

มาตรา ๕๙ ถาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิมมีรายการภาระผูกพัน หรือมีรายการเปลี่ยนแปลงผูมีสิทธิในที่ดินในระหวางดําเนินการออกโฉนดที่ดิน ใหยกรายการดังกลาวมาจดแจงไวในโฉนดที่ดินดวย

มาตรา ๕๙ เบญจ การออกโฉนดที่ดินตามมาตรา ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙

ใหถือวาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิมเปนอันยกเลิก และใหสงหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ยกเลิกแลวนั้นคืนแกเจาพนักงานที่ดิน เวนแตกรณีสูญหาย

ประเด็นปญหา หลักเกณฑการกําหนดเนื้อที่เพื่อออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ

รับรองการทําประโยชนตามมาตรา ๕๙ ตรี ใชบังคับกับการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการ

ทําประโยชนโดยวิธีการเดินสํารวจตามมาตรา ๕๘ และมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ดวยหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑๗๔/๒๕๓๔ กรณีที่จะใชบังคับมาตรา ๕๙ ตรี ได จะตองปรากฏวาผูมีสิทธิครอบครองที่ดินได

แจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และเนื้อที่ที่รังวัดใหมแตกตางไปจากเนื้อที่ตามใบแจงการครอบครองดังกลาว และเมื่อพิจารณาตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งบัญญัติวา ที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายนั้น แมวาเปนที่ดินที่อยูในเขตที่รัฐมนตรีประกาศเปนเขตเดินสํารวจรังวัดตามมาตรา ๕๘ ผูมีสิทธิครอบครองที่ดินก็ยังขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได ดังนั้น เมื่อนํามาตรา ๕๙ ตรี ซึ่งเปนเรื่องการคํานวณเนื้อที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 47:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๒

หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนมาใชบังคับกับที่ดินที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ แลว หากไมนําหลักเกณฑตามมาตรา ๕๙ ตรี มาใชบังคับกับที่ดินแปลงอื่นๆ ที่ รัฐมนตรีประกาศเปนเขตเดินสํารวจรังวัดตามมาตรา ๕๘ และ มาตรา ๕๘ ทวิ ซึ่งผูมีสิทธิครอบครองที่ดินมิไดขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย ผลที่เกิดขึ้นจะทําใหการใชบังคับกฎหมายแตกตางกัน ทั้งๆ ที่เปนที่ดินที่อยูในเขตที่รัฐมนตรีประกาศเปนเขตเดินสํารวจรังวัดเหมือนกัน อีกทั้งเมื่อมีปญหาในการคํานวณเนื้อที่ผิดไปจากเนื้อที่ตามใบแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็จะเกิดปญหาในทางปฏิบัติกับเจาหนาที่วาจะกําหนดเนื้อที่โดยใชหลักเกณฑใด

อนึ่ง การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยวิธีการเดินสํารวจรังวัดตามมาตรา ๕๘ และมาตรา ๕๘ ทวิ นั้น ถาผูซึ่งครอบครองที่ดินอยูภายในจังหวัดที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดใหมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ไดแจงการครอบครองไวโดยชอบตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ดังที่บัญญัติไวตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง เมื่อทางราชการเดินสํารวจรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินหรือออกหนังสือรับรองการทําประโยชน หากปรากฏวาเนื้อที่ตามใบแจงการครอบครองไมตรงกับเนื้อที่ที่รังวัดใหม ยอมตองนําหลักเกณฑในการคํานวณเนื้อที่ดินที่แตกตางไป ตามมาตรา ๕๙ ตรี มาใชบังคับ สวนกรณีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยวิธีการออกเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ นั้น เปนกรณีซึ่งผูครอบครองที่ดินมิไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงไมมีกรณีที่จะใชมาตรา ๕๙ ตรี บังคับได

ดวยเหตุผลดังกลาว จึงเห็นวา หลักเกณฑการกําหนดเนื้อที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน

หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามมาตรา ๕๙ ตรี ใชบังคับกับการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ

รับรองการทําประโยชน ทั้งวิธีการเดินสํารวจรังวัดตามมาตรา ๕๘ และมาตรา ๕๘ ทวิ และวิธีการ

ขอออกเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ หาใชบัญญัติไวเพื่อใชกับกรณีตามมาตรา ๕๙ และมาตรา ๕๙

ทวิ โดยเฉพาะไม

ประเด็นปญหา ที่ดินซึ่งบุคคลครอบครองและทําประโยชนอยูกอนวันที่ประมวล

กฎหมายที่ดินใชบังคับ โดยไมไดขอและรับอนุญาตใหจับจองตามกฎหมาย ไมมีหนังสือแสดงสิทธิ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 48:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๓

ในที่ดิน และไมไดแจงการครอบครองที่ดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ตอมาภายหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับแลว ไดมีประกาศ

กําหนดใหที่ดินนั้นเปนปาสงวนแหงชาติ อุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสตัวปา

หรือมีมติคณะรัฐมนตรีใหสงวนไวเปนเขตปาไมถาวรแหงชาติ บุคคลดังกลาวหรือผูที่ครอบครอง

ที่ดินตอเนื่องจากบุคคลดังกลาวจะขอใหทางราชการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนตามมาตรา ๕๙ ทวิ หรือมาตราอื่นใดไดหรือไม เพียงใด มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

กฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๖๘๑/๒๕๓๕ บุคคลซึ่งครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันใชบังคับประมวล

กฎหมายที่ดิน โดยไมมีหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และมิไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕

แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ตามที่มาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ

พ.ศ. ๒๕๑๕ เปดโอกาสใหขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนไดในกรณีที่มี

ความจําเปนและมีจํานวนเนื้อที่ไมเกิน ๕๐ ไร เวนแตผูวาราชการจังหวัดจะอนุมัติใหเกินกวานั้น

หมายความวา ที่ดินตามที่ครอบครองจะตองไมใชที่ดินที่ถูกกําหนดเปนปาสงวนแหงชาติ อุทยาน

แหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา หรือมีมติคณะรัฐมนตรีใหสงวนไวเปนเขตปาไมถาวรของชาติไป

กอนแลว เพราะผลของการไมแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ถือไดวา บุคคลเหลานี้สละสิทธิครอบครองที่ดิน รัฐมีอํานาจจัดที่ดิน

ดังกลาวตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดินได และการกําหนดเขตปาไมของทางราชการ

ขางตนทําใหที่ดินดังกลาวตองหามมิใหออกโฉนดที่ดินตามขอ ๘ แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕

(พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยถือ

เปนที่ดินที่ทางราชการเห็นวาควรสงวนไวเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ ประเด็นปญหา บุคคลที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินที่ตั้งอยูบนเกาะ

สืบเนื่องกันมาตั้งแตกอนประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับโดยไมมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินและ

ไมไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายทีด่นิ พ.ศ. ๒๔๙๗

จะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดินไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 49:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๔

คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๑๙๓/๒๕๔๐ การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนในที่ดินที่ตั้งอยูบนเกาะ

ยอมตกอยูภายใตบังคับของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) คือ ตองมีหลักฐานการแจง

การครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรองการทําประโยชน โฉนดตราจอง

ตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” อยางใดอยางหนึ่งมาแสดง หรือตองเปนผูมีสิทธิตาม

กฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ หรือที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติ

ใหจัดแกประชาชน หรือที่ดินซึ่งไดจัดหาผลประโยชนตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ แหงประมวล

กฎหมายที่ดินโดยคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติแลว หากมิไดมีหลักฐานดังกลาวหรือมิได

เปนผูมีสิทธิในที่ดินตามที่กฎหมายกําหนดไวดังกลาว แมจะไดครอบครองทําประโยชนสืบตอกันมา

ตั้งแตกอนพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ประกาศใช และมิไดแจง

การครอบครองที่ดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

ก็ไมมีสิทธิขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ประเด็นปญหา การที่พนักงานเจาหนาที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง

การทําประโยชน หรือปฏิเสธการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนคําสั่งที่

ชอบดวยกฎหมาย หรือไม หรือเปนการละเลยไมดําเนินการตามอํานาจหนาที่ที่กฎหมายกําหนด

หรือเปนการปฏิบัติหนาที่ที่ลาชาหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด และคณะกรรมการ

วินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๖/๒๕๔๖

รายการจดทะเบียนขายเฉพาะสวนใน น.ส. ๓ ก. ที่เจาของรวมคนหนึ่งไดจด

ทะเบียนซื้อที่ดินเฉพาะสวนของเจาของรวมอีกคนหนึ่งมา โดยสวนของผูซื้อที่มีอยูแลวและสวนของ

เจาของรวมคนอื่นที่ไมใชคูสัญญาคงมีอยูตามเดิม ถือเปนหลักฐานที่แสดงความเปนมาของ

เจาของรวม ทําใหเห็นสัดสวนการเปนเจาของที่ดินที่ถูกตองตรงกับขอเท็จจริงที่แตละคนมีอยู ซึ่ง

เปนประโยชนในทางทะเบียนที่ดินและเปนประโยชนตอเจาของรวม ดังนั้น หากมีการออกโฉนด

ที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก. ดังกลาว การยกรายการจดทะเบียนขายเฉพาะสวนมาจดแจงใน

โฉนดที่ดินยอมเปนประโยชนทั้งทางทะเบียนและเจาของรวม และไมเปนการเพิ่มภาระใหผูเปน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 50:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๕

เจาของรวมทุกคนตองยื่นคําขอจดทะเบียนบรรยายสวน และเสียคาธรรมเนียมอีก เมื่อ

เจาพนักงานที่ดินไดออกโฉนดที่ดินโดยมิไดยกรายการขายเฉพาะสวนใน น.ส. ๓ ก. ที่นํามาขอ

ออกโฉนดที่ดินมาจดลงในสารบัญจดทะเบียนของโฉนดที่ดิน ศาลจึงพิพากษาใหเจาพนักงานที่ดิน

ดําเนินการยกรายการจดทะเบียนขายเฉพาะสวนใน น.ส. ๓ ก. มาจดแจงลงในโฉนดที่ดินให

ปรากฏภายในเวลาที่กําหนด คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๔/๒๕๔๗

ในการขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน

(น.ส. ๓ ก.) ตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อปรากฏวาที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินมี

ขางเคียงจดที่สาธารณประโยชน จึงตองมีการรับรองแนวเขตที่ดินโดยผูที่มีอํานาจหนาที่ในการ

ดูแลรักษา และเมื่อผูรับมอบอํานาจจากผูมีหนาที่ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชนไดใหการรบัรองวา

การรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินมิไดรุกล้ําทางดังกลาว โดยไมปรากฏขอเท็จจริงบงชี้วามีการทุจริต

หรือกระทํานอกเหนืออํานาจ หรือรวมกันกระทําการโดยไมชอบ ผูมอบอํานาจจึงตองผูกพันตาม

การกระทําของผูรับมอบอํานาจที่กระทําการในขอบเขตอํานาจนั้น

เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ในการออกโฉนดที่ดินที่พิพาทซึ่งมีขางเคียงติดตอกับ

ทางหลวงสุขาภิบาล ประธานกรรมการสุขาภิบาลในฐานะผูอํานวยการทางหลวงมีหนาที่ดูแล

ทางหลวง และนายอําเภอทองที่ในฐานะผูปกครองทองที่ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชน ไดมอบ

อํานาจใหตัวแทนไประวังชี้แนวเขตที่ดินแลวปรากฏวา มิไดรุกล้ําทางหลวงสุขาภิบาล ผลการรังวัด

ที่ดินไดเนื้อที่นอยกวาหลักฐานเดิมซึ่งนายอําเภอรับรองวาหลักฐานเดิมถูกตอง ทั้งเจาพนักงาน

ที่ดินไดประกาศการออกโฉนดที่ดินแลวไมมีผูคัดคานจึงไดออกโฉนดที่ดิน การกระทําดังกลาว

ถือไดวาเปนการกระทําตามขั้นตอนที่กฎหมายกําหนดไวตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๕๙ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับขอ ๘ ขอ ๙ และขอ ๑๐ ของกฎกระทรวง ฉบับที ่๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗)

ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ระเบียบคณะกรรมการ

จัดที่ดินแหงชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรอง

การทําประโยชน และระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการเขียนขางเคียงและการรับรองแนวเขตที่ดิน

พ.ศ. ๒๕๓๐ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๘๓/๒๕๔๗ การที่ปรากฏตามหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) สําหรับที่ดิน

แปลงพิพาทซึ่งมีชื่อโรงเรียนเปนผูแจงการครอบครองวา โรงเรียนไดที่ดินมาโดยที่ธรณีสงฆยกให

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 51:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๖

แมตอมาเมื่อโรงเรียนนํา ส.ค. ๑ ไปขอออก น.ส. ๓ ก. โดยมีการบันทึกไววาไดมาโดยราษฎรอุทิศให

การบันทึกครั้งหลังนี้ก็มีน้ําหนักนอยกวา เพราะเวลาไดผานพนเหตุการณเปนเวลาถึงสี่สิบป

ประกอบกับพยานบุคคลผูสูงอายุใหถอยคํายืนยันวาที่ดินพิพาทเปนที่ของวัด รวมทั้งเหตุผลที่

โรงเรียนเคยชี้แจงแกหัวหนาการประถมศึกษาอําเภอวาที่ดินแปลงพิพาทเปนที่ธรณีสงฆ จึงฟงเปน

ที่ยุติวาที่ดินแปลงพิพาทเปนที่ธรณีสงฆตามมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติลักษณะปกครอง

คณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ ซึ่งตามมาตรา ๗ แหงพระราชบัญญัติฉบับเดียวกันกําหนดหามโอน หากจะ

โอนกรรมสิทธิ์ก็แตโดยตราเปนพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา แลวแตกรณี ตามมาตรา ๓๔

แหงพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ เมื่อไมปรากฏวามีการโอนใหแกโรงเรียนตามวิธีการที่

กําหนดไวในกฎหมาย ที่ดินดังกลาวจึงยังเปนที่ธรณีสงฆอยู การที่โรงเรียนนําที่ธรณีสงฆไปออก

น.ส. ๓ ก.จึงไมชอบดวยกฎหมาย แตเมื่อนํามาออกเปนหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง (น.ส.ล.)

แลว น.ส. ๓ ก. ซึ่งเปนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิมเปนอันยกเลิกไปตามมาตรา ๕๙ เบญจ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ สวน

น.ส.ล. ที่กรมที่ดินไดออกโดยอาศัยหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ไมชอบดวยกฎหมาย การออก

น.ส.ล. ดังกลาว จึงเปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๗๐/๒๕๔๙ เมื่อกรณีฟงเปนที่ยุติวาที่ดินพิพาทอยูในพื้นที่ที่กันไวสําหรับเปนทางหลวงอันเปน

สาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับประชาชนใชรวมกันตามมาตรา ๑๓๐๔ (๒) แหงประมวล

กฎหมายแพงและพาณิชย การครอบครองและการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓)

ที่ดินดังกลาวจึงไมชอบตามขอ ๓ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่บังคับใชอยูในขณะนั้น ดังนั้น การ

ครอบครองที่ดินพิพาทจึงเปนการครอบครองที่ไมชอบดวยกฎหมายมาโดยตลอด และการที่

เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๑) ออกโฉนดที่ดินโดยอาศัยหลักฐานการรับรองการทําประโยชน

ที่ออกโดยไมชอบดวยกฎหมายดังกลาว จึงเปนการออกโฉนดที่ดินที่ไมชอบดวยมาตรา ๕๙ วรรคหนึง่

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับขอ ๑๔ (๑) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออก

ตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๒๓/๒๕๔๒

การที่ราษฎรเขาครอบครองทําประโยชนในที่ดินในเขตทรงสงวนโดยมิไดรับ

อนุญาตจากกองทัพเรือ และนําที่ดินที่ตนครอบครองไปขอออกโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 52:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๗

ที่ดินนั้น เมื่อพิจารณาพระบรมราชโองการในป พ.ศ. ๒๔๖๕ แลว จะเห็นไดวาการที่กรมหลวงชุมพร

เขตอุดมศักดิ์ทรงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหกองทัพเรือมีอํานาจอนุญาตใหราษฎรเขา

จับจองที่ดินในเขตทรงสงวนไดนั้น ไมไดประสงคที่จะใหเปนกรณียกเวนไมตองดําเนินการตาม

กฎหมายที่ดินแตอยางใด ผูที่ไดรับอนุญาตใหจับจองที่ดินยังคงตองปฏิบัติตามหลักเกณฑและ

วิธีการที่กําหนดไวในกฎหมายที่ดินจึงจะไดสิทธิในที่ดินโดยชอบดวยกฎหมาย สวนการ

เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑและวิธีการจับจองที่ดินที่กําหนดไวตามกฎหมายที่ดิน ก็ไมมีผลเปนการ

ยกเลิกอํานาจหนาที่ของกองทัพเรือในการพิจารณาอนุญาตใหราษฎรจับจองที่ดินในเขตทรงสงวน

เมื่อกองทัพเรือไดอนุญาตใหราษฎรเขาจับจองที่ดิน และผูไดรับอนุญาตใหเขาจับจองที่ดินปฏิบัติ

ตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดินแลว จึงจะไดสิทธิในที่ดินดังกลาว การครอบครองที่ดิน

ในเขตทรงสงวนโดยมิไดรับอนุญาตจากกองทัพเรือ และนําที่ดินที่ครอบครองไปขอออกโฉนดที่ดิน

ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เจาพนักงานที่ดินยอมไมอาจออกโฉนดที่ดินใหได

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๗๔๘/๒๕๔๘ การที่เจาพนักงานที่ดินมีคําสั่งไมออกโฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดีโดยใหเหตุผลวา

หลักฐานการแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดิน (ส.ค. ๒) ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวล

กฎหมายที่ดินที่ผูฟองคดีนํามาใชเปนหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน ไมสามารถใชเปน

หลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดินได เพราะผูแจงการครอบครอง (ส.ค. ๒) ไดแจงการครอบครอง

ที่ดินสวนที่ไมไดครอบครองทําประโยชนดวย และตอมามีผูแยงการครอบครองจากผูแจง ส.ค. ๒

และนํามาโอนใหผูฟองคดี ซึ่งการแยงการครอบครองไมถือวาเปนการครอบครองตอเนื่องตามนัย

มาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ผูฟองคดีซึ่งรับโอนที่ดินมาจากบุคคลดังกลาวยอมไมมี

สิทธิขอออกโฉนดที่ดิน นั้น คําสั่งดังกลาวยอมกระทบตอสิทธิและหนาที่ของผูฟองคดีแลว จึงเปน

คําส่ังทางปกครองตามนัยมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙

การที่ผูฟองคดีนําขอพิพาทมาฟองตอศาลปกครอง จึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐ

ออกคําส่ังโดยไมชอบดวยกฎหมายตามนัยมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้ง

ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งผูฟองคดียอมเปนผูไดรับความเดือดรอน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 53:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๘

หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดตามนัยมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน

จึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๓/๒๕๓๕ การออกหนังสือรับรองการทําประโยชนเฉพาะราย นอกจากจะเขาหลักเกณฑที่

กําหนดไวในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๕๘ ทวิ (๓) แลว ยังตองเปนไปตามระเบียบที่

คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติกําหนดดวย ซึ่งระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ ฉบับที่ ๒

(พ.ศ. ๒๕๑๕) หมวด ๔ เร่ือง การขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเฉพาะราย

โดยมิไดแจงการครอบครองกําหนดไวในขอ ๙ วา “การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนใหแกผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินเฉพาะราย โดยมิไดแจงการครอบครองที่ดิน

ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ จะตองอยูภายใต

หลักเกณฑ และตองไดรับอนุมัติจากผูวาราชการจังหวัดเปนการเฉพาะราย” ดังนั้น ที่ดินซึ่งโจทก

เขาจับจองครอบครองหลังจากที่ประกาศใชประมวลกฎหมายที่ดินแลว จึงเปนที่ดินที่ไมอาจจะแจง

การครอบครองไดตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

และผูวาราชการจังหวัดไดมีหนังสือใหโจทกออกจากที่พิพาท อันแสดงใหเห็นวาไมมีการอนุมัติให

ออกหนังสือรับรองการทําประโยชนเฉพาะรายสําหรับที่ดินพิพาท จึงไมอยูในหลักเกณฑที่ระเบียบ

คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติกําหนดที่จะออกหนังสือรับรองการทําประโยชนได คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๑๙๓/๒๕๔๐

การออกหนังสือรับรองการทําประโยชนในที่ดินที่ตั้งอยูบนเกาะ ยอมตกอยูภายใต

บังคับของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) คือ ตองมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน

(ส.ค. ๑) มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรองการทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราวา

“ไดทําประโยชนแลว” อยางใดอยางหนึ่งมาแสดง หรือตองเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวยการ

จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ หรือที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติใหจัดแกประชาชน

หรือที่ดินซึ่งไดจัดหาผลประโยชนตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน โดย

คณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติไดอนุมัติแลว หากมิไดมีหลักฐานดังกลาวหรือมิไดเปนผูมีสิทธิในที่ดิน

ตามที่กฎหมายกําหนดไวดังกลาว แมจะไดครอบครองทําประโยชนสืบตอกันมาตั้งแตกอน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ประกาศใช และมิไดแจงการครอบครอง

ที่ดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็ไมมีสิทธิขอ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 54:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๔๙

ออกหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดิน คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๒๗/๒๕๔๒

เมื่อมีการประกาศกําหนดทองที่และวันเริ่มตนของการเดินสํารวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน ผูที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินโดยมิไดแจงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ไดไปพบพนักงานเจาหนาที่เพื่อนํา

สํารวจรังวัดออกโฉนดที่ดินแลว แตพนักงานเจาหนาที่ใหรออยูกอน ครั้นเมื่อไปพบตามกําหนดก็ไดรับแจงวาหมดโครงการเดินสํารวจแลว เหตุขัดของซึ่งทําใหไมมีการสํารวจรังวัดที่ดินพิพาท ตามวัน เวลาที่พนักงานเจาหนาที่ปดประกาศจึงมิใชเปนความผิดของผูครอบครอง การนําเจาพนักงานที่ดินไปทําการรังวัดที่ดินพิพาทเพื่อขอออกโฉนดที่ดินยอมถือไดวาประสงคจะไดสิทธิในที่ดินพิพาท

และเปนผูปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนกรณีผูตกคางการแจง การครอบครอง ซึ่งสามารถขอออกโฉนดที่ดินเปนการเฉพาะรายไดตามมาตรา ๕๙ ทวิ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

เมื่อมีการดําเนินการออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายโดยมิไดแจงการครอบครองตาม

หลักเกณฑและวิธีการที่กฎหมายกําหนด โดยพนักงานเจาหนาที่ไดทําการรังวัดตรวจสอบรายละเอียดและดําเนินการตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติแลว กรมที่ดินยอมไมอาจปฏิเสธการออกโฉนดที่ดินเพียงเพื่อใหผูประสงคขอออกโฉนดที่ดินดําเนินการขอเอกสารสิทธิในที่ดินพิพาทตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ เนื่องจากผูนั้นมีสิทธิ

ดําเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดินได คําพิพากษาฎีกาที ่๘๑๑๓/๒๕๔๖ ตามพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕ บัญญัติ

รับรองถึงสิทธิของผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดิน

ใชบังคับ ดังนั้น สิทธิในที่ดินที่บุคคลมีอยูตามประมวลกฏหมายที่ดิน จึงหมายรวมถึงสิทธิครอบครอง

ตามแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ดวย เมื่อ พ. ไดขายที่ดินพิพาทซึ่งเปนที่ดินที่มีสิทธิ

ครอบครองใหแกจําเลย และจําเลยไดเขาครอบครองทําประโยชนโดยทําเปนสวนผลไม แสดงให

เห็นวา พ. ไดสละสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทและโอนที่ดินพิพาทโดยการสงมอบการครอบครอง

ใหแกจําเลย จําเลยรับโอนมาโดยชอบ จึงเปนผูมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมาย

ที่ดิน มาตรา ๕๙ วรรคสอง สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (โจทก) จึงไมมีสิทธิในที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 55:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๐

พิพาทและไมมีอํานาจนําที่ดินพิพาทมาใชในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามพระราชบัญญัติ

การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๒๖ (๔ ) แตอยางใด คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๓๑/๒๕๔๒

การที่ผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) จะ

ขอใหเปลี่ยนแปลงเอกสารสิทธิจากหนังสือรับรองการทําประโยชนดังกลาวเปนหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) จะตองมีคําขอเปนหนังสือตอเจาพนักงานที่ดินเพื่อใหดําเนินการใหหากไมมี

คําขอรองรับการพิจารณาการกระทําทางปกครองของเจาหนาที่ของรัฐ เจาหนาที่ของรัฐยอมไมมี

หนาที่ที่จะตองพิจารณาสั่งการในทางปกครองเพื่อแกไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสิทธิให

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 56:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๑

มาตรา ๖๐ ในการออกโฉนดที่ดินตามความในมาตรา ๕๘ และมาตรา ๕๙ ถามี

ผูโตแยงสิทธิกัน ใหพนักงานเจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดิน แลวแตกรณี มีอํานาจทําการสอบสวน

เปรียบเทียบ ถาตกลงกันก็ใหดําเนินการตามความตกลงนั้น แตถาไมตกลงกัน ใหพนักงาน

เจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดินเสนอเรื่องพรอมทั้งความเห็นไปยังผูวาราชการจังหวัด เพื่อ

พิจารณาสั่งการ

เมื่อผูวาราชการจังหวัดสั่งประการใดแลว ใหแจงแกคูกรณีทราบ และใหฝายที่

ไมพอใจไปดําเนินการฟองหรือรองตอศาลภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันทราบคําสั่ง

ในกรณีที่ไดฟองหรือรองตอศาลแลว ใหรอเร่ืองไวจนกวาศาลจะพิพากษาหรือ

มีคําสั่งประการใด จึงใหดําเนินการไปตามกรณี ถาไมฟองหรือรองภายในกําหนด ก็ใหดําเนินการ

ไปตามที่ผูวาราชการจังหวัดสั่ง

(ความในมาตรา ๖๐ เดิมถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๖๐ ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ถามี

ผูโตแยงสิทธิกัน ใหพนักงานเจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดิน แลวแตกรณี มีอํานาจทําการสอบสวนเปรียบเทียบ ถาตกลงกันไดก็ใหดําเนินการไปตามที่ตกลง หากตกลงกันไมไดใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขามีอํานาจพิจารณาสั่งการไปตามที่เห็นสมควร

เมื่อเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาสั่งประการใดแลวใหแจงเปนหนังสือตอคูกรณีเพื่อทราบ และใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองตอศาลภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันทราบคําสั่ง

ในกรณีที่ไดฟองตอศาลแลว ใหรอเรื่องไว เมื่อศาลไดพิพากษาหรือ มีคําสั่งถึงที่สุดประการใด จึงใหดําเนินการไปตามกรณี ถาไมฟองภายในกําหนด ก็ใหดําเนินการไปตามที่เจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาสั่ง แลวแตกรณี

ประเด็นปญหา ในกรณีที่กรมปาไม (เดิม) คัดคานวา การออกโฉนดที่ดินหรือ

หนังสือรับรองการทําประโยชนทับที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติ เจาพนักงานที่ดินหรือพนักงาน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 57:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๒

เจาหนาที่จะมีอํานาจในการสอบสวนเปรียบเทียบและสั่งการตามมาตรา ๖๐ แหงประมวล

กฎหมายที่ดินหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑๔๒/๒๕๓๓

ตามที่มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติวา “ในการออก

โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ถามีผูโตแยงสิทธิกัน ใหพนักงานเจาหนาที่หรือ

เจาพนักงานที่ดินมีอํานาจทําการสอบสวนเปรียบเทียบ ฯลฯ ” นั้น มาตราดังกลาวใชในกรณีการ

ขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเทานั้น ซึ่งหมายความวา มาตรา ๖๐ จะตองใชกับที่ดินที่สามารถ

ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได และการที่มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง ไดบัญญัติ

วา “ถามีผูโตแยงสิทธิกัน” ก็หมายความวา มีการโตแยงสิทธิกันระหวางบุคคลสองฝายซึ่งตางอาง

วาตนมีสิทธิในที่ดินนั้น และอาจขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นได กรณีที่กรมปาไมคัดคาน

การขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติ ไมถือวาเปนการโตแยงสิทธิกัน

เพราะในเขตปาสงวนแหงชาติ ผูใดจะมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินไมได และที่ดินในเขต

ปาสงวนแหงชาติก็ไมอาจออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินได ดังนั้น พนักงานเจาหนาที่หรือ

เจาพนักงานที่ดินจึงใชอํานาจตามมาตรา ๖๐ ทําการสอบสวนเปรียบเทียบในกรณีที่มีการพิพาท

ระหวางเจาหนาที่ของรัฐ (เจาหนาที่ปาไม) กับเอกชนที่ขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนในเขตปาสงวนแหงชาติไมได ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๖๙๐/๒๕๓๘ การสอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดินจะตองใชกับ

ที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได และการที่มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง

ไดบัญญัติวา “ถามีผูโตแยงสิทธิกัน” หมายความวาเปนการโตแยงสิทธิกันระหวางบุคคลสองฝาย

ซึ่งตางอางวาตนมีสิทธิในที่ดินนั้นและอาจออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นได แตการที่กรมปาไม

คัดคานการขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาตินั้น ไมถือวาเปนการโตแยง

สิทธิกัน เพราะในเขตปาสงวนแหงชาติผูใดจะมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครองครองที่ดินไมได และที่ดิน

ในเขตปาสงวนแหงชาติก็ไมอาจออกหนังสือสําคัญแสดงสิทธิในที่ดินได สําหรับกรณีการออกโฉนด

ที่ดินในเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตปาไมตามมติคณะรัฐมนตรี หรือที่ดินของรัฐ

ประเภทอื่น (สาธารณสมบัติของแผนดิน) คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย คณะ

ที่ ๗) เห็นวา ที่ดินดังกลาวนั้นตางก็เปนสาธารณสมบัติของแผนดินตามมาตรา ๑๓๐๔ แหงประมวล

กฎหมายแพงและพาณิชยเชนเดียวกับที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติ ซึ่งจะโอนไดโดยอาศัยอํานาจ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 58:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๓

ตามกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา นอกจากนั้น ที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยาน

แหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา และเขตปาไมตามมติคณะรัฐมนตรียังเขาลักษณะเปนที่ดินที่หาม

มิใหออกโฉนดที่ดินตามขอ ๑๔ (๕) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ อีกดวย ดังนั้น พนักงานเจาหนาที่หรือ

เจาพนักงานที่ดินจึงใชอํานาจตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดินทําการสอบสวน

เปรียบเทียบในกรณีการออกโฉนดที่ดินในเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ เขตรกัษาพนัธุ

สัตวปา เขตปาไมตามมติคณะรัฐมนตรีหรือที่ดินของรัฐที่เปนสาธารณสมบัติของแผนดินไมได

ประเด็นปญหา ตามที่มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

บัญญัติวา ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ถามีผูโตแยงสิทธิกัน ให

พนักงานเจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดิน แลวแตกรณี มีอํานาจทําการสอบสวนเปรยีบเทยีบ ถาตกลง

กันไดก็ใหดําเนินการไปตามที่ตกลง หากตกลงกันไมไดใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือ

เจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขามีอํานาจพิจารณาสั่งการไปตามที่เห็นสมควร นั้น การดําเนินการ

ดังกลาวควรเปนอยางไร มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๐/๒๕๔๗

เมื่อมีกรณีการขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยอาศัย

หลักฐานแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ซึ่งมีปญหาวาอาจไมชอบดวยกฎหมายเพราะ

ผูแจงการครอบครองไมไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดิน

ใชบังคับ เจาพนักงานที่ดินจะตองตรวจสอบใหแนชัดวาที่ดินที่ขอออก น.ส. ๓ ก. เปนที่ดินแปลง

เดียวกับที่ดินตาม ส.ค. ๑ นั้น หรือไม ผูแจงการครอบครองไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดิน

อยูกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับหรือไม และเปนที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได

หรือไม หากปรากฏวาเปนที่ดินแปลงเดียวกัน แตแจงการครอบครองโดยไมชอบดวยกฎหมาย

ยอมเปนที่ดินที่ไมสามารถออก น.ส. ๓ ก. ได ตามขอ ๕ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)

ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งจะตองดําเนินการ

จําหนาย ส.ค. ๑ ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดิน ตามคําสั่งกรมที่ดิน ที่ ๒๓/๒๕๑๓ เร่ือง

จําหนาย ส.ค. ๑ ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดิน ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓ โดย

เจาพนักงานที่ดินจะตองรายงานใหผูวาราชการจังหวัดพิจารณามีคําสั่งตอไป

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 59:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๔

ตามที่มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติวา ในการออก

โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ถามีผูโตแยงสิทธิกันใหพนักงานเจาหนาที่หรือ

เจาพนักงานที่ดิน แลวแตกรณี มีอํานาจทําการสอบสวนเปรียบเทียบ ถาตกลงกันไดก็ให

ดําเนินการไปตามที่ตกลง หากตกลงกันไมไดใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดิน

จังหวัดสาขามีอํานาจพิจารณาสั่งการไปตามที่เห็นสมควร หมายความวาพนักงานเจาหนาที่หรือ

เจาพนักงานที่ดินจะตองทําการสอบสวนทั้งผูขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

และผูโตแยงคัดคาน แลวนําพยานหลักฐานของทั้งสองฝายที่ไดจากการสอบสวนมาเปรียบเทียบ

กันวา พยานหลักฐานของฝายใดจะมีน้ําหนักนาเชื่อถือมากกวากัน แลวจึงมีอํานาจสั่งการไป

ตามที่เห็นสมควร คือส่ังการไปตามพยานหลักฐานที่เปรียบเทียบไดโดยอาจจะสั่งใหออกหรือ

ไมออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนทั้งหมดหรือบางสวนก็ได แลวแตกรณี

การที่เจาพนักงานที่ดินเห็นวา ที่ดินที่นํามาขอออก น.ส. ๓ ก. เปนที่ดินที่แจงการ

ครอบครองไมชอบดวยกฎหมาย และตองจําหนาย ส.ค. ๑ แตไมไดดําเนินการตามคําสั่งกรมที่ดิน

ที่ ๒๓/๒๕๑๓ กลับดําเนินการประกาศการออก น.ส. ๓ ก. และเมื่อมีผูคัดคานก็ไดอาศัยอํานาจ

ตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดินมีคําสั่งไมดําเนินการออก น.ส. ๓ ก. ใหผูฟองคดี

เพราะหลักฐาน ส.ค. ๑ ไมชอบดวยกฎหมาย โดยไมปรากฏวาไดสอบสวนพยานหลักฐานของ

ผูคัดคานหรือไม คําสั่งดังกลาวจึงมิใชคําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน แตเปนเพียงการสั่งการตามหนาที่ทั่วไป ซึ่งไมถูกตองตามกฎหมายและ

กฎกระทรวงที่เกี่ยวของ รวมทั้งไมถูกตองตามขั้นตอน หรือวิธีการอันเปนสาระสําคัญที่กําหนดไว

สําหรับการกระทํานั้น ประเด็นปญหา คําสั่งของเจาพนักงานที่ดินหรือพนักงานเจาหนาที่ที่ส่ังการใน

การสอบสวนเปรียบเทียบการขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามมาตรา ๖๐

แหงประมวลกฎหมายที่ดินเปน “คําส่ังทางปกครอง” หรือไม และระยะเวลาการฟองคดีโตแยง

คําสั่งดังกลาวควรเปนอยางไร มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๐๖/๒๕๔๕ (ประชุมใหญ)

การที่เจาพนักงานที่ดินซึ่งเปนเจาหนาที่ของรัฐไดอาศัยอํานาจตามมาตรา ๖๐

แหงประมวลกฎหมายที่ดินอันเปนกฎหมายปกครอง มีคําสั่งในการสอบสวนเปรียบเทียบตาม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 60:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๕

อํานาจหนาที่ คําสั่งดังกลาวจึงเปนคําสั่งทางปกครอง เมื่อผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งดังกลาวไมชอบ

ดวยกฎหมายยอมเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย

ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

พ.ศ. ๒๕๔๒ การฟองคดีตอศาลปกครองในประเด็นดังกลาวเมื่อเจาพนักงานที่ดินมีคําสั่งตาม

มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่งแลว ผูฟองคดีสามารถฟองคดีไดภายในระยะเวลาตามมาตรา ๖๐ วรรคสอง

โดยไมตองอุทธรณคําสั่งตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กําหนดในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ

ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เสียกอน เนื่องจากขั้นตอนตามที่กําหนดไวในมาตรา ๖๐ แหงประมวล

กฎหมายที่ดินมีหลักเกณฑที่ประกันความเปนธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการไมต่ํากวา

หลักเกณฑที่กําหนดในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อยูแลว คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๔๖/๒๕๔๗

คําสั่งของเจาพนักงานที่ดินในการสอบสวนเปรียบเทียบและสั่งการตามมาตรา ๖๐

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปน “คําสั่งทางปกครอง” ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ

ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การฟองโตแยงคําสั่งดังกลาวจึงเปนคดีที่อยูในอํานาจพิจารณา

พิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง

และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แตการฟองคดีตอศาลปกครองตองยื่นภายใน ๖๐ วัน

นับแตวันที่ทราบคําสั่ง โดยผูฟองคดีไมตองอุทธรณตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กําหนดไวใน

พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. ๒๕๓๙ เนื่องจากประมวลกฎหมายที่ดิน

ไดกําหนดระยะเวลาการฟองคดีไวโดยเฉพาะ และมีหลักเกณฑที่ประกันความเปนธรรมหรือ

มีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการไมต่ํากวาหลักเกณฑที่กําหนดในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ

ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่ผูฟองคดีนี้ยื่นฟองคดีเกินกําหนดระยะเวลาดังกลาว

โดยอางเหตุจําเปนวา ไดอุทธรณคําสั่งตอเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) และผูถูกฟองคดีมี

หนังสือแจงไมรับอุทธรณใหผูฟองคดีทราบลาชา นั้น ปรากฏวาตามหนังสือดังกลาวเปนการแจงให

ผูฟองคดีดําเนินการตามคําสั่งเดิม โดยไมปรากฏวามีการพิจารณาขอเท็จจริงหรือพยานหลักฐาน

ใหม อันเปนเพียงการยืนยันคําสั่งทางปกครองเดิม จึงไมอาจรับฟงเปนเหตุจําเปนวาทาํใหผูฟองคดี

ไมสามารถยื่นฟองคดีตอศาลไดภายในกําหนดระยะเวลาตามมาตรา ๕๒ แหงพระราชบัญญัติ

จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 61:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๖

ประเด็นปญหา เจาพนักงานที่ดินหรือพนักงานเจาหนาที่ปฏิบัติหนาที่ในการสอบสวนเปรียบเทียบการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดินโดยชอบดวยกฎหมาย หรือละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ ดังกลาวลาชาหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดและคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๐๓/๒๕๔๙ การที่ผูขอสํารวจรังวัดออกโฉนดที่ดินบางรายไมไปยืนยันเอกสารหลักฐานและ

ถอยคําที่ไดใหไวตอพนักงานเจาหนาที่ในวันสอบสวนเปรียบเทียบนั้น ยอมมีผลเปนการปฏิเสธการ

สอบสวนเปรียบเทียบ ดังนั้น เมื่อการสอบสวนเปรียบเทียบไมสามารถตกลงกันได การที่

เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) มีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่ดินพิพาท แลวมีคําสั่ง

ออกโฉนดที่ดินใหกับผูที่มีพยานหลักฐานรับฟงไดวาบุคคลดังกลาวไดครอบครองทําประโยชนใน

ที่ดินพิพาทจริง จึงเปนการดําเนินการตามที่มาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดินกําหนดไว คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๘๒/๒๕๔๒

ในการขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หากมีผูโตแยงคัดคานแลวคูกรณีตกลง

กันไมได เจาพนักงานที่ดินตองดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบ เมื่อสอบสวนเปรียบเทียบแลว

เจาพนักงานที่ดินยอมมีอํานาจสั่งไปในทางใดทางหนึ่งไดตามที่มาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดินบัญญัติไว เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ราชพัสดุจังหวัด (ในขณะนั้น) ไดคัดคานการรังวัดออก

โฉนดที่ดินของผูรองทุกข และเจาพนักงานที่ดินไดทําการสอบสวนเปรียบเทียบคูกรณี แตไม

สามารถตกลงกันได เจาพนักงานที่ดินจึงมีคําสั่งวาที่ดินที่ผูรองทุกขขอออกโฉนดที่ดินเปนที่ราชพัสดุ

มากอนการแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑) การแจง ส.ค. ๑ ที่ดินดังกลาวไมกอใหเกิดสิทธิข้ึนใหม

แกผูแจงแตประการใด ที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินจึงไมอยูในหลักเกณฑที่จะออกโฉนดที่ดินได จึงมี

คําสั่งใหยกเลิกคําขอออกโฉนดที่ดินของผูรองทุกข และใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองคดีตอ

ศาลภายในกําหนด ๖๐ วัน นับแตวันรับทราบคําสั่งนี้ เมื่อพนกําหนดระยะเวลา หากไมมีการ

ฟองรองก็ใหยกเลิกคําขอ แตเมื่อครบกําหนดระยะเวลาดังกลาวแลวไมปรากฏวาผูรองทุกขไป

ฟองคดีตอศาล ดังนั้น คําขอออกโฉนดที่ดินของผูรองทุกขยอมเปนอันยกเลิกไปตามคําส่ังของ

เจาพนักงานที่ดินดังกลาว การปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานที่ดินในกรณีนี้จึงเปนไปตามทีป่ระมวล

กฎหมายที่ดินบัญญัติแลว

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 62:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๗

ประเด็นปญหา ในการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หากมีผูโตแยงสิทธิกัน แตพนักงานเจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดินยังไมไดดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ผูถูกโตแยงสิทธิจะสามารถนําคดีพิพาทไปฟองรองตอศาลไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๕๗/๒๕๒๙ แมประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ จะบัญญัติใหผูวาราชการจังหวัดมีอํานาจ

เพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ) เมื่อปรากฏวาไดออกโดยคลาดเคลื่อน เชน ออก

น.ส. ๓ ทับที่ของบุคคลอื่น แตก็มิไดหมายความวาเฉพาะผูวาราชการจังหวัดเทานั้นที่ส่ังเพิกถอน

หรือแกไข น.ส. ๓ ที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย และมิไดหมายความวาการ

เพิกถอนหรือแกไข น.ส. ๓ ที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือโดยไมชอบดวยกฎหมายนั้นจะตอง

ดําเนินการตามวิธีการตามที่มาตรา ๖๑ บัญญัติไวเพียงประการเดียว ในบางกรณีคูกรณีอาจเห็นวา

การดําเนินการตามมาตรา ๖๑ อาจไมทันการหรือเกิดความลาชาเนื่องจากคูกรณีอีกฝายหนึ่ง

ประวิงเวลาไว คูกรณีก็มีสิทธิดําเนินคดีทางศาลเพื่อใหศาลพิพากษาหรือมีคําสั่งเพิกถอนหรือแกไข

การออก น.ส. ๓ โดยคลาดเคลื่อนหรือโดยไมชอบนั้นได สวนบทบัญญัติมาตรา ๖๐ แหงประมวล

กฎหมายที่ดินก็เปนเรื่องที่คูกรณีโตแยงสิทธิในการออกโฉนดที่ดินและกําหนดระยะเวลาการ

ฟองรองไว ในกรณีที่ผูวาราชการจังหวัดไดพิจารณาสั่งในปญหาพิพาทนั้น ตามบทบัญญัติ

มาตรา ๖๐ และมาตรา ๖๑ มิไดหามการฟองคดีหากมิไดดําเนินการตามขั้นตอนที่กําหนดไว

ดังนั้น คูกรณีจึงมีอํานาจฟองไดเองหากถูกโตแยงตามบทบัญญัติมาตรา ๕๕ แหงประมวล

กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๙๕๙/๒๕๓๘

การยื่นคําคัดคานตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ ที่มีเนื้อหาในคําคัดคาน

อางวา ที่ดินที่โจทกขอเปลี่ยนหนังสือรับรองการทําประโยชนจาก น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. เปนที่ดินของจําเลย นั้น เปนการโตเถียงเรื่องกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในที่ดินระหวางโจทกจําเลย ถือวามี ขอโตแยงเกิดขึ้นกับโจทกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๕ แลว โจทกจึงชอบที่จะเสนอคดีตอศาลได

การที่เจาหนาที่บริหารงานที่ดินมีหนังสือใหจําเลยซึ่งเปนผูคัดคานไปพบพนักงาน

เจาหนาที่เพื่อสอบสวนเปรียบเทียบและดําเนินการตามระเบียบตอไป โดยสงหนังสือใหจําเลย

ตามที่อยูของจําเลยแลว แตเมื่อถึงวันนัด จําเลยไมไดไปพบเปนเหตุใหพนักงานเจาหนาที่ทําการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 63:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๘

สอบสวนเปรียบเทียบไมได จึงไมสามารถสั่งการใดๆ ใหโจทกจําเลยปฏิบัติตามได แตตามประมวล

กฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ มิไดหามโจทกฟองคดีหากมิไดดําเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกําหนด

โจทกจึงมีอํานาจฟองไดเองเมื่อถูกโตแยงสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๕ คําพิพากษาฎีกาที ่๕๓ – ๕๔/๒๕๔๐

บทบัญญัติในมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดินเปนเพียงการกําหนดวิธีการ

ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบ กรณีที่มีการโตแยงสิทธิกันในการขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเทานั้น แมจะมีขอกําหนดไววาเมื่อเจาพนักงานที่ดินสั่งการอยางไรแลว ใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองรองตอศาลภายในกําหนด ๖๐ วันนับแตวันทราบคําสั่งก็ตาม แตขอกําหนดดังกลาวคงเปนเพียงการกําหนดขั้นตอนเพื่อใหเจาพนักงานที่ดินปฎิบัติ

ภายหลังจากที่ไดส่ังการไปแลว คือหากมีการฟองคดีตอศาลก็ใหเจาพนักงานที่ดินรอเรื่องไวจนกวาศาลจะไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดประการใดก็ใหดําเนินการไปตามนั้น ถาไมฟองภายในกําหนดก็ใหดําเนินการไปตามที่เจาพนักงานที่ดินสั่ง แลวแตกรณี หาใชเปนเงื่อนไขในการฟองคดีตอศาลไม ทั้งบทบัญญัติดังกลาวก็มิไดมีขอหามมิใหฟองคดีหากมิไดดําเนินการตามขั้นตอนที่กําหนด

ไวในบทบัญญัติดังกลาวกอนดวย ดังนั้น เมื่อโจทกทั้งสองถูกโตแยงสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๕ โจทกทั้งสองจึงมีอํานาจฟอง

คําพิพากษาฎีกาที่ ๘๗๙๓/๒๕๔๓ บทบัญญัติในมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดินเปนเพียงการกําหนดวิธีการ

ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบและสั่งการในกรณีที่มีการโตแยงสิทธิกันในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเทานั้น แมจะมีขอกําหนดไววาเมื่อ เจาพนักงานที่ดินสั่งการอยางไรแลวใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองรองตอศาลภายในกําหนด ๖๐ วัน นับแตวันทราบคําสั่งก็ตาม แตขอกําหนดดังกลาวคงเปนเพียงการกําหนดขั้นตอนเพื่อใหเจาพนักงานที่ดินปฏิบัติภายหลังจากที่ได ส่ังการไปแลว คือหากมีการฟองคดีตอศาลก็ให เจาพนักงานที่ดินรอเรื่องไวจนกวาศาลจะไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดประการใด ก็ใหดําเนินการไปตามนั้น ถาไมฟองภายในกําหนดก็ใหดําเนินการไปตามที่เจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาสั่งแลวแตกรณี มิใชเปนเงื่อนไขในการฟองคดีตอศาล ประกอบกับบทบัญญัติดังกลาวมิไดหามการฟองคดีเมื่อไมดําเนินการตามขั้นตอนที่กําหนดไว ดังนั้น หากถูกโตแยงสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๕ ก็ยอมมีอํานาจฟองได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 64:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๕๙

ประเด็นปญหา ในการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หากมีผูโตแยงสิทธิกัน พนักงานเจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดินจะสามารถใชดุลพินิจไมดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๔๒/๒๕๔๑ มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ระบุวา ใหพนักงานเจาหนาที่

หรือเจาพนักงานที่ดิน แลวแตกรณี มีอํานาจทําการสอบสวนเปรียบเทียบ เปนการใหดุลพินิจ

พนักงานเจาหนาที่ที่จะทําการสอบสวนเปรียบเทียบหรือไมก็ได มิไดบังคับใหตองทําการสอบสวน

เปรียบเทียบทุกกรณี บทบัญญัติดังกลาวจึงมิใชเปนกรณีที่มีกฎหมายใหฝายบริหารวินิจฉัย

ขอพิพาทกอน ดังนั้น พนักงานเจาหนาที่ยอมมีอํานาจใชดุลพินิจไมเปรียบเทียบได ซึ่งมีผลให

คูกรณีมีอํานาจฟองคดีตอศาลโดยตรง

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๔/๒๕๔๔ การฟองวาเจาพนักงานที่ดินไดดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๐

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน โดยไมสุจริตและใชดุลพินิจมิชอบดวยกฎหมาย โดยขอใหศาลปกครอง

เพิกถอนคําสั่งที่มิชอบดวยกฎหมายดังกลาว เปนคดีที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ

ศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) ประกอบกับมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แหง

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๐๗/๒๕๔๕

การที่ผูปกครองทองที่ไมรับรองแนวเขตที่ดินใหแกผูฟองคดี ถือวาเปนการโตแยง

สิทธิครอบครองที่ดินของผูฟองคดีตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งพนักงาน

เจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดินตองดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบวาฝายใดมีสิทธิครอบครอง

ที่ดินบริเวณนั้นดีกวากันเสียกอน ถาตกลงกันไดจึงพิจารณาออกโฉนดที่ดินใหแกผูมีสิทธิตามที่

ตกลงกัน แตถาตกลงกันไมไดก็ใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา

มีอํานาจพิจารณาสั่งการไปตามที่เห็นสมควร หากฝายใดไมพอใจในคําสั่งนั้นก็มีสิทธิฟองตอศาลได

แตหากเปนกรณีที่ยังมิไดทําการสอบสวนเปรียบเทียบและมีคําสั่งอยางหนึ่งอยางใดเกี่ยวกับคําขอ

ออกโฉนดที่ดิน เปนกรณีที่ยังมิไดมีคําสั่งทางปกครองเกี่ยวกับคําขอออกโฉนดที่ดินอันจะเปนเหตุ

ใหผูฟองคดีนํามาฟองตอศาลปกครองได กรณีเชนนั้นถือวาผูฟองคดียังไมไดรับความเดือดรอน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 65:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๐

เสียหายที่จะมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ

วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๒/๒๕๔๖

การฟองโตแยงการสอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดินของเจาพนักงานที่ดินที่มีคําสั่งไมออกโฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดี โดยมีคําขอใหศาลสั่งเพกิถอน

การคัดคานการรังวัดที่ดินของคูกรณีและเพิกถอนคําส่ังไมออกโฉนดที่ดินของเจาพนักงานที่ดิน

เปนคดีพิพาทที่ผูฟองคดีมีความประสงคใหศาลวินิจฉัยชี้ขาดวาที่ดินพิพาทเปนที่ดินที่ผูฟองคดี

มีสิทธิครอบครอง จึงเปนคดีพิพาทที่เกี่ยวกับสิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และการที่ศาล

จะมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหเพิกถอนการคัดคานการรังวัดที่ดินของคูกรณีซึ่งเปนหนวยงาน

ทางปกครอง และเพิกถอนคําส่ังไมออกโฉนดที่ดินของเจาพนักงานที่ดินไดนั้น จําเปนที่จะตอง

พิจารณาขอเท็จจริงใหเปนที่ยุติกอนวาที่ดินพิพาทเปนที่ดินที่ผูฟองคดีมีสิทธิครอบครองตาม

กฎหมายหรือไม อันเปนการพิจารณาขอพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายแพงและ

พาณิชย ประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายอื่นที่บัญญัติในเรื่องนั้นไวเปนพิเศษ จึงมิใชคดีพิพาท

ที่อยูในอํานาจศาลปกครองตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา

คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๘ – ๔๒/๒๕๔๖

คําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบกรณีที่มีการคัดคานการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินที่

เจาพนักงานที่ดินไดส่ังการตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนคําสั่งทาง

ปกครองตามมาตรา ๕ (๑) แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่ง

ตามมาตรา ๖๐ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ไดบัญญัติใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการ

ฟองคดีตอศาลภายใน ๖๐ วัน ไวเปนการเฉพาะแลว จึงไมตองอุทธรณตามมาตรา ๓ วรรคสอง

แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๑๐/๒๕๔๖ เมื่อผูฟองคดีไปยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินตามหลักฐานหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ตอเจาพนักงานที่ดิน และไดนํารังวัดชี้เขตที่ดินแลวปรากฏวา เจาของที่ดิน

ขางเคียงคัดคานแนวเขตที่ดิน เจาพนักงานที่ดินจึงไมอาจออกโฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดีได แตยัง

ไมทันที่เจาพนักงานที่ดินหรือพนักงานเจาหนาที่จะดําเนินการสอบสวนเปรียบเทียบหรือมีคําสั่ง

อยางหนึ่งอยางใดเกี่ยวกับคําขอออกโฉนดที่ดินดังกลาวตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดิน ผูฟองคดีไดฟองคดีตอศาลปกครองเสียกอน กรณีจึงเปนเรื่องที่เจาหนาที่ของรัฐยังไมมีคําสั่ง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 66:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๑

ทางปกครองอันจะเปนเหตุใหผูฟองคดีนํามาฟองตอศาลปกครองได ผูฟองคดียังไมไดรับความ

เดือดรอนหรือเสียหายจากคําสั่งของเจาหนาที่ของรัฐที่จะมีสิทธฟิองคด ีตามนยัมาตรา ๔๒ วรรคหนึง่

แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําพิพากษาฎีกาที่ ๙๘๙ – ๙๙๓/๒๕๒๒ มาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนบทบัญญัติใหอํานาจพนักงาน

เจาหนาที่หรือเจาพนักงานที่ดินที่จะสอบสวนเปรียบเทียบในกรณีมีการโตแยงสิทธิกันในการออก

โฉนดที่ดิน และเมื่อผูวาราชการจังหวัดมีคําสั่งเกี่ยวกับเร่ืองนั้นและไดแจงใหคูกรณีทราบแลว ให

ฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองตอศาลภายในกําหนดเวลา ๖๐ วันนับแตวันทราบคําสั่ง แตมิได

กําหนดเกี่ยวกับเวลาฟองเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามมาตรา ๑๓๗๕ แหงประมวลกฎหมาย

แพงและพาณิชย ซึ่งตองนับต้ังแตวันแยงการครอบครอง คําพิพากษาฎีกาที่ ๔๖๕๕/๒๕๓๔ การฟองเจาพนักงานที่ดินเปนจําเลยโดยอางแตเพียงวาคําสั่งที่ใหออกโฉนดที่ดิน

พิพาทแกบุคคลอื่นเปนคําสั่งที่ไมชอบดวยกฎหมายเปนการฝาฝนตอบทกฎหมายและความเปนจริง

เพราะที่ดินพิพาทเปนของโจทก เหตุผลเพียงเทาที่อางดังกลาวไมอาจถือไดวาเจาพนักงานที่ดิน

กระทําไปโดยไมชอบดวยเหตุผลและไมสุจริต จึงยอมไมมีอํานาจฟองเพิกถอนคําสั่งได คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๖๔๓/๒๕๓๗ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ เปนเรื่องที่มีกรณีโตแยงสิทธิกันเกี่ยวกับการ

ออกโฉนดที่ดิน และไมอาจตกลงกันไดในชั้นเจาพนักงานที่ดิน และตองฟองคดีตอศาล

ซึ่งเจาพนักงานที่ดินจะตองรอเรื่องไวจนกวาศาลจะมีคําพิพากษาอยางหนึ่งอยางใดแลวจึงให

เจาพนักงานที่ดินดําเนินการตอไป แตการฟองคดีตอศาล หากประสงคใหมีการบังคับแก

เจาพนักงานที่ดินใหกระทําการหรืองดเวนกระทําการใด ตองยื่นฟองเจาพนักงานที่ดินเปนจําเลย

มาดวย คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๕/๒๕๓๘ การที่โจทกซึ่งเปนผูครอบครองทําประโยชนในที่พิพาทยื่นคําขอออกหนังสือ

รับรองการทําประโยชน และเจาหนาที่ไดออกไปทําการรังวัดพิสูจนสอบสวนแลวมีความเห็นควร

ออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหแกโจทก แตจําเลยที่ ๑ ซึ่งเปนกํานัน และจําเลยที่ ๒ ซึ่งเปน

นายอําเภอไดคัดคานโดยอางวาเปนที่สาธารณสมบัติของแผนดิน และจําเลยที่ ๒ ไมยอมออก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 67:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๒

หนังสือรับรองการทําประโยชนให เปนการโตแยงสิทธิของโจทกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา

ความแพง มาตรา ๕๕ แลว

แมโจทกจะมิไดยื่นฟองคดีภายใน ๖๐ วัน นับแตวันทราบคาํสัง่ตามมาตรา ๖๐ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน ก็เปนเรื่องที่จําเลยที่ ๒ จะปฏิบัติตามอํานาจหนาที่ที่กฎหมายใหอํานาจ ส่ังการไวตอไปได ไมเปนการตัดสิทธิโจทกที่จะฟองบังคับจําเลยทั้งสองเปนคดีตอศาล

คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๑๒/๒๕๓๘ การที่โจทกฟองวาที่ดินพิพาทเปนของโจทกและโจทกครอบครองตลอดมา แต

ผูปกครองทองที่คัดคานการขอออกโฉนดที่ดินโดยอางวาที่ดินพิพาทเปนที่สาธารณประโยชน เปน

เหตุใหเจาพนักงานที่ดินไมยอมออกโฉนดที่ดินพิพาทใหแกโจทก เปนการโตแยงสิทธิของโจทก

โจทกจึงมีอํานาจฟองโดยไมตองปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ เนื่องจากโจทกมิได

ฟองผูปกครองทองที่ในฐานะเจาพนักงานผูออกโฉนดที่ดิน คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๐๓/๒๕๓๘ การที่เจาพนักงานที่ดินสั่งงดออกโฉนดที่ดินเพื่อดําเนินการตามขั้นตอนที่ประมวล

กฎหมายที่ดินมาตรา ๖๐ บัญญัติไว โดยทําการสอบสวนเปรียบเทียบจากพยานหลักฐานของคูกรณีทุกฝาย แลวใชดุลพินิจไปตามที่เห็นสมควร เมื่อเจาพนักงานที่ดินสั่งประการใดแลว ใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองตอศาลภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันทราบคําสั่งนั้น หมายถึงใหคูกรณีฟองเพื่อขอใหศาลพิจารณาพิพากษาเกี่ยวดวยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่พิพาทวาผูใดมีสิทธิ

ดีกวากัน โดยเจาพนักงานที่ดินจะรอเรื่องการออกโฉนดที่ดินไวในระหวางนั้น แมโจทกจะกลาวในคําฟองวา คําสั่งของเจาพนักงานที่ดินซึ่งเปนจําเลยเปนคําสั่งที่ไมชอบดวยกฎหมาย เพราะจําเลยมิไดไตสวนและรับฟงพยานหลักฐานโดยรอบคอบ เมื่อปรากฏวาจําเลยไดรวบรวมพยานหลักฐานทั้งของฝายโจทกและฝายผูคัดคานมาเปรียบเทียบกันแลวเห็นวา หลักฐานและเอกสารของฝาย

ผูคัดคานมีเหตุผลดีกวา จึงมีคําสั่งใหงดออกโฉนดที่ดินใหโจทก คําสั่งดังกลาวจึงชอบดวยกฎหมาย โจทกไมมีสิทธิขอใหเพิกถอนคําสั่ง

คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๑๔/๒๕๔๐ การยื่นคําคัดคานอันเปนการใชสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ นั้น

หากเนื้อหาในคําคัดคานที่จําเลยอางวาที่ดินที่โจทกขอออกโฉนดที่ดินเปนที่ดินของจําเลย ยอมเปน

การโตแยงเรื่องกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินระหวางโจทกกับจําเลย ถือวามีขอโตแยง

เกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๕ แลว โจทก

จึงชอบที่จะเสนอคดีตอศาลได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 68:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๓

คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๐/๒๕๔๔ การรังวัดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนใหแกประชาชน หาก

มีผูโตแยงคัดคาน เจาพนักงานที่ดินมีอํานาจทําการสอบสวนเปรียบเทียบ ถาตกลงกันได

ก็ดําเนินการไปตามที่ตกลง หากตกลงกันไมได เจาพนักงานที่ดินมีอํานาจพิจารณาสั่งการไปตามที่

เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ วรรคแรก คูกรณีฝายที่ไมพอใจคําสั่งมีสิทธิทีจ่ะ

ฟองคูกรณีอีกฝายหนึ่งตอศาลไดภายใน ๖๐ วันนับแตไดทราบคําสั่งดังกลาว อันเปนการใหโอกาส

แกคูกรณีที่ไมพอใจคําสั่งไดนําพยานหลักฐานมาสืบโตแยงใหเห็นวาคําสั่งในการสอบสวน

เปรียบเทียบดังกลาวไมถูกตอง แตถาเจาพนักงานที่ดินมีคําสั่งใหออกโฉนดที่ดินแกบุคคลใด

อันเปนการใชดุลพินิจส่ังการตามที่ตนไดทําการสอบสวนเปรียบเทียบไปโดยสุจริตตามอํานาจ

หนาที่ชอบดวยมาตรา ๖๐ แลว อีกฝายยอมไมมีอํานาจที่จะฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งดังกลาว คําพิพากษาฎีกาที่ ๔๗๒๕/๒๕๔๕ การที่โจทกบรรยายคําฟองโดยตั้งประเด็นกลาวหาวา เจาพนักงานที่ดินปฏิบัติ

หนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง โดยการสั่งใหออกโฉนดที่ดินแกผูคัดคานตาม

มาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ในทํานองใหรับผิดฐานละเมิด แตในคําฟองมิไดบรรยาย

ขอเท็จจริงโดยชัดแจงวาเจาพนักงานที่ดินพิจารณาหลักฐานไมรอบคอบอยางไร กระทําโดย

ประมาทปราศจากความระมัดระวังอยางไร รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคล วัน เวลา และ

สถานที่ที่เกี่ยวของตามสมควร โดยมีคําขอทายคําฟองเพียงใหศาลพิพากษาวาคําสั่งดังกลาว

ไมชอบดวยกฎหมายและใหเพิกถอนคําสั่งดังกลาว กับใหออกโฉนดที่ดินใหแกโจทก ถือไมไดวา

โจทกฟองกรมที่ดินใหรับผิดฐานละเมิด แตมีลักษณะเปนการโตแยงคัดคานคําสั่งของเจาพนักงาน

ที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ ซึ่งบทบัญญัติดังกลาวกําหนดใหฝายที่ไมพอใจไป

ดําเนินการฟองตอศาลภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันทราบคําสั่ง หมายถึง ใหคูกรณีฟองขอให

ศาลพิจารณาพิพากษาเกี่ยวดวยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทวาผูใดมีสิทธิดีกวากัน โดยเจาพนักงาน

ที่ดินจะรอเรื่องการออกโฉนดไวในระหวางนั้น เมื่อศาลไดพิพากษาหรือมีคําสั่งถึงที่สุดประการใด

กรมที่ดินตองปฏิบัติตาม โจทกจึงชอบที่จะดําเนินการตามขั้นตอนดวยการฟองผูคัดคานตอไป

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 69:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๔

มาตรา ๖๑ เมื่อความปรากฏวาไดออกโฉนดที่ดินหรือไดจดทะเบียนสิทธิและ

นิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน หรือจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนที่ดินใหแกผูใดโดยคลาดเคลื่อน

หรือไมชอบดวยกฎหมาย ใหอธิบดีมีอํานาจเรียกโฉนดที่ดินหรือเอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและ

นิติกรรมหรือเอกสารที่ไดจดแจงรายการทะเบียนที่ดินนั้นมาแกไขใหถูกตอง หรือเพิกถอนเสียได

กอนที่จะแกไขหรือเพิกถอนตามความในวรรคแรก ใหแจงใหผูมีสวนไดเสียทราบ

โดยตรงลวงหนาไมนอยกวาสิบหาวัน เพื่อใหโอกาสโตแยงคัดคาน เมื่ออธิบดีพิจารณาประการใด

แลว ก็ใหดําเนินการตอไปตามควรแกกรณี

(ความในมาตรา ๖๑ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๗ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ

ที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๖๑ เมื่อความปรากฏวาไดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

หรือไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน หรือจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนที่ดิน

ใหแกผูใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย ใหผูดํารงตําแหนงตอไปนี้มีอํานาจเพิกถอน

แกไข หรือออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือเพิกถอน แกไขเอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิ

และนิติกรรม หรือเอกสารที่ไดจดแจงรายการทะเบียนที่ดินนั้นได แลวแตกรณี

(๑) อธิบดีสําหรับโฉนดที่ดิน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซึ่งกระทําตอ

พนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ (๑) และการจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนที่ดินสําหรับ

โฉนดที่ดิน

(๒) ผูวาราชการจังหวัดสําหรับหนังสือรับรองการทําประโยชน การจดทะเบียน

สิทธิและนิติกรรมซึ่งกระทําตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ (๒) และการจดแจงเอกสาร

รายการจดทะเบียนที่ดินสําหรับหนังสือรับรองการทําประโยชน

ใหพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ มีอํานาจสอบสวนและเรียกโฉนดที่ดิน

หนังสือรับรองการทําประโยชน เอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เอกสารที่ไดจดแจง

รายการทะเบียนที่ดินหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวของนั้นมาพิจารณา กอนที่จะดําเนินการเพิกถอนหรือ

แกไขใหแจงใหผูมีสวนไดเสียทราบลวงหนาไมนอยกวาสิบหาวันเพื่อใหโอกาสคัดคาน ถาไม

คัดคานภายในกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่รับแจง ใหถือวาไมมีการคัดคาน

เมื่อผูมีอํานาจตามวรรคหนึ่งพิจารณาประการใดแลวก็ใหดําเนินการไปตามนั้น

ถามีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากเขียนหรือพิมพขอความผิดพลาดโดยมีหลักฐาน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 70:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๕

ชัดแจงและผูมีสวนไดเสียยินยอมเปนลายลักษณอักษรแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑

มีอํานาจแกไขใหถูกตองได

ในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดใหเพิกถอนหรือแกไขอยางใดแลว

ใหพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ดําเนินการตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดี

กําหนด

(ความในมาตรา ๖๑ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔

ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๖๑ เมื่อความปรากฏวาไดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทาํประโยชน

หรือไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือจดแจงเอกสารรายการ

จดทะเบียนอสังหาริมทรัพยใหแกผูใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย ใหผูดํารง

ตําแหนงตอไปนี้เปนพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสั่งเพิกถอน แกไข หรือออกใบแทนหนังสือแสดง

สิทธิในที่ดิน หรือเพิกถอน แกไข เอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือเอกสารที่ไดจดแจง

รายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยนั้นได

(๑) อธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมาย สําหรับกรุงเทพมหานคร

(๒) ผูวาราชการจังหวัด สําหรับจังหวัดอื่น

กอนที่จะดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจสอบสวนและ

เรียกโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทําประโยชน เอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เอกสาร

ที่ไดจดแจงรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวของมาพิจารณา และแจงใหผูมี

สวนไดเสียทราบเพื่อใหโอกาสคัดคาน ถาไมคัดคานภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันที่ทราบ ให

ถือวาไมมีการคัดคาน

เมื่อผูมีอํานาจตามวรรคหนึ่งพิจารณาประการใดแลว ก็ใหดําเนินการไปตามนั้น

ถามีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากเขียนหรือพิมพขอความผิดพลาดโดยมีหลักฐาน

ชัดแจง และผูมีสวนไดเสียยินยอมเปนลายลักษณอักษรแลว ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจแกไขให

ถูกตองได

ในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดใหเพิกถอนหรือแกไขอยางใดแลว

ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกําหนด

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 71:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๖

(ความในมาตรา ๖๑ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล

กฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๓ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๖๑ เมื่อความปรากฏวาไดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน หรือไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพยใหแกผูใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย ใหอธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายมีอํานาจหนาที่สั่งเพิกถอนหรือแกไขได

กอนที่จะดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ใหอธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีอํานาจเรียกโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทําประโยชน เอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เอกสารที่ไดจดแจงรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวของมาพิจารณา พรอมทั้งแจงใหผูมีสวนไดเสียทราบเพื่อใหโอกาสคัดคาน ถาไมคัดคานภายในกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ใหถือวาไมมีการคัดคาน

คณะกรรมการสอบสวนการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย อยางนอยตองมีเจาพนักงานฝายปกครองและตัวแทนคณะผูบริหารทองถิ่นหรือผูบริหารทองถิ่นที่ที่ดินนั้นต้ังอยูเปนกรรมการ

การสอบสวนตามวรรคสองตองดําเนินการใหแลวเสร็จและสงใหอธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันที่ไดมีคําสั่งใหทําการสอบสวนในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไมสามารถดําเนินการใหแลวเสร็จภายในกําหนดเวลาดังกลาว ใหคณะกรรมการสอบสวนรายงานเหตุที่ทําใหการสอบสวนไมแลวเสร็จตออธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายเพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน โดยใหอธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายสั่งขยายระยะเวลาดําเนินการไดตามความจําเปนแตไมเกินหกสิบวัน

ใหอธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายพิจารณาใหแลวเสร็จภายใน สิบหาวันนับแตไดรับรายงานการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคสี่ เมื่ออธิบดีหรือรองอธิบดีซ่ึงอธิบดีมอบหมายพิจารณาประการใดแลว ก็ใหดําเนินการไปตามนั้น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 72:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๗

การดําเนินการเพิกถอนแกไขตามความในมาตรานี้ ถาไมไดโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนมาใหถือวาโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนนั้นสูญหาย ใหเจาพนักงานที่ดินออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเพื่อดําเนินการตอไป

ถามีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากเขียนหรือพิมพขอความผิดพลาดโดยมีหลักฐานชัดแจงและผูมีสวนไดเสียยินยอมเปนลายลักษณอักษรแลว ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจหนาที่แกไขใหถูกตองได

ในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดใหเพิกถอนหรือแกไขอยางใดแลว ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกําหนด

การต้ังคณะกรรมการสอบสวน การสอบสวน การแจงผูมีสวนไดเสียเพื่อใหโอกาสคัดคาน และการพิจารณาเพิกถอนแกไข ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

กฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไข

เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๓ คือ

กฎกระทรวง กําหนดหลักเกณฑและวิธีการในการตั้งคณะกรรมการสอบสวน การสอบสวน

การแจงผูมีสวนไดเสียเพื่อใหโอกาสคัดคาน และการพิจารณาเพิกถอนหรือแกไขการออกโฉนดที่ดิน

หรือหนังสือรับรองการทําประโยชน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือ

การจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย โดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย

พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งมีรายละเอียดดังตอไปนี้

หมวด ๑

การต้ังคณะกรรมการสอบสวนและการสอบสวน

ขอ ๑ เมื่อความปรากฏวาไดมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือการจดแจงเอกสารรายการจด

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 73:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๘

ทะเบียนอสังหาริมทรัพยใหแกผูใด โดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย ใหอธิบดีหรือรอง

อธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นคณะหนึ่ง ดังนี้

(๑) กรณีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยคลาดเคลื่อน

หรือไมชอบดวยกฎหมาย

(ก) สําหรับกรุงเทพมหานคร ประกอบดวยเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร

หรือเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขา หรือขาราชการสังกัดกรมที่ดินที่อธิบดีหรือรองอธิบดี

ซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นสมควร เปนประธาน ผูวาราชการกรุงเทพมหานครหรือผูแทน ผูอํานวยการเขต

ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยูหรือผูแทน และผูแทนสวนราชการอื่นที่เกี่ยวของตามที่เห็นสมควร เปนกรรมการ

และขาราชการตั้งแตระดับหาขึ้นไปในสํานักงานที่ดินกรุงเทพมหานครหรือสํานักงานที่ดิน

กรุงเทพมหานครสาขา เปนกรรมการและเลขานุการ

(ข) สําหรับจังหวัดอื่น ประกอบดวยเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงาน

ที่ดินจังหวัดสาขา หรือขาราชการสังกัดกรมที่ดินที่อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย

เห็นสมควร เปนประธาน นายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู

หรือผูแทน ตัวแทนคณะผูบริหารทองถิ่นหรือผูบริหารทองถิ่นซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยูหรือผูแทน และผูแทน

สวนราชการอื่นที่เกี่ยวของตามที่เห็นสมควร เปนกรรมการ และขาราชการตั้งแตระดับหาขึ้นไปใน

สํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินจังหวัดสาขา เปนกรรมการและเลขานุการ

ในกรณีที่ที่ดินนั้นมีอาณาเขตติดตอ คาบเกี่ยว หรืออยูในเขตปาสงวน

แหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา หรือเขตที่ไดจําแนกใหเปน

เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ใหแตงตั้งผูแทนกรมปาไม เปนกรรมการดวย

(๒) กรณีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยหรือการจดแจง

เอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย

(ก) สําหรับกรุงเทพมหานคร ประกอบดวยเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร

หรือเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขา หรือขาราชการสังกัดกรมที่ดินที่อธิบดีหรือรองอธิบดี

ซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นสมควร เปนประธาน และกรรมการซึ่งเปนขาราชการตั้งแตระดับหาขึ้นไป

ในสํานักงานที่ดินกรุงเทพมหานครหรือสํานักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขาอีกสองคน โดยให

กรรมการคนหนึ่งเปนเลขานุการ

(ข) สําหรับจังหวัดอื่น ประกอบดวยเจาพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจาพนักงาน

ที่ดินจังหวัดสาขา หรือขาราชการสังกัดกรมที่ดินที่อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 74:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๖๙

เห็นสมควร เปนประธาน และกรรมการซึ่งเปนขาราชการตั้งแตระดับหาขึ้นไปในสํานักงานที่ดิน

จังหวัดหรือสํานักงานที่ดินจังหวัดสาขาอีกสองคน โดยใหกรรมการคนหนึ่งเปนเลขานุการ

ขอ ๒ ใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการสอบสวนพยานหลักฐานใหไดความ

วาไดมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยหรือการจดแจงเอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยที่สอบสวนนั้น

คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายหรือไม

การนัดสอบสวน การนัดพิจารณาหรือการอยางอื่นที่คณะกรรมการสอบสวนตอง

แจงใหผูมีสวนไดเสียทราบ ใหกระทําเปนหนังสือ

ขอ ๓ ในการสอบสวน ใหคณะกรรมการสอบสวนมีอํานาจเรียกโฉนดที่ดิน หนังสือ

รับรองการทําประโยชน เอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เอกสารที่ไดจดแจงรายการ

ทะเบียนอสังหาริมทรัพยหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวของจากผูยึดถือมาประกอบการพิจารณาพรอมทั้ง

แจงใหผูมีสวนไดเสียทราบเพื่อใหโอกาสคัดคาน

เมื่อคณะกรรมการไดรับเอกสารมาตามวรรคหนึ่งแลว ใหออกใบรับไวเปน

หลักฐาน

ในกรณีคณะกรรมการสอบสวนไมอาจเรียกเอกสารมาตามวรรคหนึ่งได ใหบันทึก

เหตุผลไวในสํานวนการสอบสวนที่เสนออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายดวย

ขอ ๔ เมื่อดําเนินการสอบสวนเสร็จแลว ใหคณะกรรมการสอบสวนรายงานผล

การสอบสวนนั้นตออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย

ในรายงานผลการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ใหสรุปขอเท็จจริงและเหตุที่มีการออก

โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับ

อสังหาริมทรัพยหรือการจดแจงเอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยโดยคลาดเคลื่อนหรือไม

ชอบดวยกฎหมายนั้น รวมทั้งใหเสนอความเห็นตออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายดวยวา

สมควรสั่งเพิกถอนหรือแกไขความคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายนั้นหรือไมอยางไร

กรรมการสอบสวนผูใดมีความเห็นแยง ใหทําความเห็นแยงติดไวกับสํานวนการ

สอบสวนโดยใหถือเปนสวนหนึ่งของสํานวนการสอบสวนนั้นดวย

ขอ ๕ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไมสามารถดําเนินการสอบสวนใหแลวเสร็จ

ภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันที่ไดมีคําสั่งใหดําเนินการสอบสวน ใหคณะกรรมการสอบสวน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 75:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๐

รายงานเหตุที่ทําใหการสอบสวนนั้นไมแลวเสร็จตออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อขอ

ขยายระยะเวลาการสอบสวนกอนครบกําหนดระยะเวลาดังกลาว

ขอ ๖ ภายในสิบหาวันนับแตวันที่ไดรับรายงานการสอบสวนจากคณะกรรมการ

สอบสวน ถาอธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นสมควรใหมีการสอบสวนเพิ่มเติม

ใหกําหนดประเด็นพรอมทั้งสงเอกสารที่เกี่ยวของไปใหคณะกรรมการสอบสวนคณะเดิมเพื่อ

ดําเนินการสอบสวนเพิ่มเติมตอไป

ใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการสอบสวนเพิ่มเติมใหแลวเสร็จโดยเร็ว และ

ใหสงผลการสอบสวนเพิ่มเติมนั้นไปใหอธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย

หมวด ๒ การแจงผูมสีวนไดเสียเพือ่ใหโอกาสคัดคาน

ขอ ๗ ในการสอบสวน ใหคณะกรรมการสอบสวนสงหนังสือแจงผูมีสวนไดเสีย

เพื่อใหโอกาสคัดคานการเพิกถอนหรือแกไขการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือการจดแจงเอกสารรายการ

ทะเบียนอสังหาริมทรัพยที่คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายนั้น

ขอ ๘ การแจงผูมีสวนไดเสียเพื่อใหโอกาสคัดคานใหกระทําเปนหนังสือ โดยสง

ทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับตามที่อยูที่ผูมีสวนไดเสียไดใหไวแกพนักงานเจาหนาที่ในสารบบ

ที่ดินแปลงนั้น

ขอ ๙ ในกรณีที่ ไมอาจแจงผูมีส วนได เสีย เพื่อให โอกาสคัดคานได ให

คณะกรรมการสอบสวนแจงผูมีสวนไดเสียโดยปดหนังสือแจงไวในที่เปดเผยสามารถเห็นไดชัดเจน

ณ สํานักงานที่ดิน สํานักงานเขต ที่วาการอําเภอหรือที่วาการกิ่งอําเภอ ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการ

กํานันทองที่ สํานักงานหรือที่ทําการองคกรปกครองสวนทองถิ่น ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู และในบริเวณ

ที่ดินนั้น แหงละหนึ่งฉบับ

ใหถือวาผูมีสวนไดเสียไดรับแจงเมื่อลวงพนระยะเวลาสิบหาวันนับแตวันปด

หนังสือแจง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 76:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๑

ขอ ๑๐ เมื่อผูมีสวนไดเสียไดรับแจงหรือถือวาไดรับแจงเพื่อใหมีโอกาสคัดคาน

แลว และมีความประสงคที่จะคัดคานการเพิกถอนหรือแกไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง

การทําประโยชนหรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือการจดแจง

เอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยที่คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายนั้น ใหทําหนังสือ

คัดคานยื่นตอประธานคณะกรรมการสอบสวนภายในกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง โดย

ใหระบุเหตุผลที่คัดคานพรอมทั้งแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวของดวย

ถาผูมีสวนไดเสียไมคัดคานภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ใหถือวาไมประสงค

ที่จะคัดคาน

หมวด ๓ การสั่งเพกิถอนหรือแกไข

ขอ ๑๑ เมื่อไดรับรายงานการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนตามขอ ๔

หรือขอ ๖ แลว อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายจะพิจารณาสั่งเพิกถอนหรือแกไขการออก

โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับ

อสังหาริมทรัพย หรือการจดแจงเอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยที่คลาดเคลื่อนหรือ

ไมชอบดวยกฎหมายนั้นได ตอเมื่อปรากฏชัดแจงวาไดมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการ

ทําประโยชน หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือการจดแจง

เอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยนั้นโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย

ขอ ๑๒ ในการออกคําสั่งเพิกถอนหรือแกไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง

การทําประโยชน หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือการจดแจง

เอกสารรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพยที่คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายตามขอ ๑๑ ให

อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายแจงคําสั่งดังกลาวพรอมดวยเหตุผลใหผูมีสวนไดเสียทราบ

ดวย ทั้งนี้ ใหนําความในขอ ๗ ขอ ๘ และขอ ๙ มาใชบังคับโดยอนุโลม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 77:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๒

ประเด็นปญหา การที่เจาหนาที่ไดลงวัน เดือน ป ที่ออกใบแทนหนังสือรับรอง

การทําประโยชน (หรือโฉนดที่ดิน) ผิดไปจากขอเท็จจริง ถือวาเปนการออกหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน (หรือโฉนดที่ดิน) คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย หรือไม มีคําวินิจฉัยของ

ศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๑๓/๒๕๔๙

กรณีที่เจาหนาที่แกไขเดือนที่ออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓)

ฉบับพิพาทใน น.ส. ๓ ฉบับพนักงานเจาหนาที่ เนื่องจากเจาหนาที่ไดระบุเดือนที่ออกใบแทน

ในสารบัญจดทะเบียน น.ส. ๓ ดังกลาว คลาดเคลื่อนจากเดือนกรกฎาคมเปนเดือนมิถุนายน นั้น

การกระทําดังกลาวเปนการดําเนินการตามวิธีการที่กําหนดในขอ ๑๘ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓

(พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให

ทราบวาไดมีการออกใบแทน น.ส. ๓ ฉบับพิพาทไปเมื่อวัน เดือน ปใดเทานั้น เมือ่มหีลกัฐานชดัแจง

วาเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) มีคําสั่งใหออกใบแทน น.ส. ๓ ฉบับพิพาทเมื่อเดือนกรกฎาคม

จึงเปนการระบุเดือนที่ออกใบแทนโดยคลาดเคลื่อน เจาหนาที่จึงมีอํานาจดําเนินการแกไขให

ถูกตองไดโดยไมตองแจงใหผูมีสวนไดเสียเกี่ยวกับ น.ส. ๓ ฉบับพิพาทใหความยินยอม เนื่องจาก

กรณีดังกลาวมิใชเปนการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือการจดแจงเอกสารรายการ

จดทะเบียนอสังหาริมทรัพยโดยคลาดเคลื่อนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ประเด็นปญหา การที่ศาลมีคําพิพากษาใหเปนไปตามสัญญาประนีประนอม

ยอมความที่คูความในคดีแพงตกลงยินยอมใหมีการเพิกถอนรายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ที่พนักงานเจาหนาที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินไดดําเนินการใหไป นั้น คําพิพากษาดังกลาวถือวา

เปนคําพิพากษาถึงที่สุดใหเพิกถอนหรือแกไขรายการจดทะเบียนฯ ที่เจาพนักงานที่ดินจะตอง

ดําเนินการเพิกถอนหรือแกไขใหเปนไปตามคําพิพากษานั้นตามนัยมาตรา ๖๑ วรรคแปด แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน

(ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๓ หรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 78:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๓

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๕๖/๒๕๔๙ แมผูฟองคดีซึ่งเปนทายาทของเจามรดกไดยื่นฟองคดีตอศาลยุติธรรมขอใหศาล

เพิกถอนการจดทะเบียนโอนมรดกระหวางผูจัดการมรดกกับทายาทผูรับโอน และใหใสชื่อผูฟองคดี

เปนผูรับมรดกรวมดวย แตตอมาผูฟองคดีและคูความไดตกลงทําสัญญาประนีประนอมยอมความ

กัน โดยผูจัดการมรดกและทายาทที่ไดรับโอนมรดกที่ดินพิพาทไดตกลงเพิกถอนการจดทะเบียน

โอนมรดกนั้น และใหผูฟองคดีรับโอนมรดกแตเพียงผูเดียว ซึ่งศาลไดมีคําพิพากษาตามสัญญา

ประนีประนอมยอมความ และคําพิพากษาดังกลาวก็ไมใชคําพิพากษาถึงที่สุดใหเพิกถอนหรือ

แกไขรายการจดทะเบียนโอนมรดกที่พิพาท ดังนั้น เมื่อผูฟองคดีนําสัญญาประนีประนอม

ยอมความและคําพิพากษาตามยอมไปยื่นคําขอตอเจาพนักงานที่ดินใหเพิกถอนรายการ

จดทะเบียนโอนมรดก จึงเปนการขอเพิกถอนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไมอยูใน

หลักเกณฑการขอเพิกถอนการจดทะเบียนตามนัยมาตรา ๖๑ วรรคแปด แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดินที่เจาพนักงานที่ดินจะตองดําเนินการเพิกถอนตามนัยดังกลาวได

เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา คูความไดตกลงทําสัญญาประนีประนอมยอมความและ

ศาลมีคําพิพากษาตามยอม โดยไมไดวินิจฉัยวาการจดทะเบียนโอนมรดกไมชอบดวยกฎหมาย

แตอยางใด กรณีไมใชการเพิกถอนรายการจดทะเบียนตามมาตรา ๖๑ วรรคแปด แหงประมวล

กฎหมายที่ดินแลว หากผูฟองคดีประสงคจะขอจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทใหเปนไป

ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคําพิพากษาตามยอม ผูฟองคดีตองเสียคาธรรมเนียม

การโอนในอัตรารอยละ ๒ ตามขอ ๒ (๗) (ก) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตาม

ความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เจาพนักงานที่ดินไมอาจ

จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินใหโดยคิดคาธรรมเนียมในอัตรารอยละ ๐.๕ ของขอ ๒ (๗) (ง) ของ

กฎกระทรวงดังกลาวได

ประเด็นปญหา การที่อธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให

เพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปน “คําสั่งทางปกครอง” หรือไม มีคํา

วินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดและคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 79:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๔

คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๘๑/๒๕๔๙ คําสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่อาศัยอํานาจตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดินใหเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ของผูฟองคดี มีผลทําให น.ส. ๓ ก.

ของผูฟองคดีถูกเพิกถอน และผูฟองคดีตองเสียสิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินไป คําส่ัง

ดังกลาวจึงเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ

ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งดังกลาวไมชอบดวยกฎหมายและนํามาฟอง

ตอศาลปกครอง จึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ

ออกคําสั่งโดยไมชอบดวยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้ง

ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แมคดีจะมีประเด็นที่จะตองพิจารณา

เกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ศาลปกครองก็มีอํานาจที่จะแสวงหาขอเท็จจริงเพื่อการพิจารณาถึงความชอบ

ของการใชอํานาจตามกฎหมายของอธิบดีกรมที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) เทานั้น หากศาลปกครองเห็นวา

คําสั่งไมชอบดวยกฎหมาย ก็ยอมมีอํานาจสั่งเพิกถอนคําสั่งไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แหง

พระราชบัญญัติเดียวกัน แตศาลไมอาจมีคําบังคับที่เปนการรับรองสิทธิในที่ดินใหแกผูฟองคดีได คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๒๐๖/๒๕๔๑ คําสั่งใหเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ออกโดย

คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย ตามมาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปน

คําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙

ดังนั้น กอนที่จะนําขอพิพาทมารองทุกขตอคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ผูรองทุกขจะตอง

ดําเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกําหนดใหคูกรณีใชสิทธิอุทธรณ ตามมาตรา ๔๔ แหง

พระราชบัญญัติเดียวกัน เพื่อใหฝายปกครองดําเนินการแกไขปญหาเสียชั้นหนึ่งกอน

ประเด็นปญหา เมื่ออธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายไดมีคําสั่ง

ใหเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนแลว หากเจาของโฉนดที่ดินหรือหนังสือ

รับรองการทําประโยชนเห็นวาเปนคําสั่งที่ไมชอบดวยกฎหมายและประสงคจะอุทธรณโตแยง

จะตองใชสิทธิอุทธรณโตแยงตามกฎหมายใด มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 80:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๕

คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๗๑๔/๒๕๔๙ ตามมาตรา ๖๑ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดบัญญัติข้ันตอนการ

ดําเนินการกรณีที่จะเพิกถอนหรือแกไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือการจด

ทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใหผูที่มีสวนไดเสียไดมีโอกาสคัดคานตอคณะกรรมการสอบสวนทีแ่ตงตัง้

ข้ึนโดยคําสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน สําหรับกรณีที่ผานขั้นตอนการดําเนินการของคณะกรรมการ

สอบสวนมาแลว โดยอธิบดีกรมที่ดินไดมีคําสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนแลว หากเจาของโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ถูกเพิกถอนเห็นวาคําสั่ง

เพิกถอนดังกลาวไมถูกตองก็ตองใชสิทธิอุทธรณตามมาตรา ๔๔ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ

ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายที่ดินไมไดกําหนดระยะเวลา

การอุทธรณไวโดยเฉพาะ และไมอาจนําระยะเวลาการคัดคานของผูมีสวนไดเสียตามมาตรา ๖๑

แหงประมวลกฎหมายที่ดินมาใชบังคับโดยอนุโลมได เพราะเปนคนละขั้นตอนกัน

ประเด็นปญหา คําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาเพิกถอนหรือ

แกไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ฯลฯ ที่คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย

เปนคําสั่งทางปกครองหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๕๗/๒๕๔๖

ถึงแมการออกคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาเพิกถอนหนังสือ

แสดงสิทธิในที่ดินจะเปนการใชอํานาจตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินก็ตาม แตก็เปน

เพียงการออกคําสั่งภายในฝายปกครองเพื่อแสวงหาขอเท็จจริงมาประกอบการพิจารณาเทานั้น

ยังไมมีการสั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่กระทบสิทธิของผูมีชื่อในหนังสือแสดงสิทธิใน

ที่ดินดังกลาว ที่จะทําใหเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย อันจะเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอ

ศาลปกครองไดตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา

คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๔๒๔/๒๕๔๖

คําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

เปนเพียงการเตรียมการเพื่อจัดใหมีคําสั่งทางปกครองของอธิบดีกรมที่ดิน หรือรองอธิบดีกรมที่ดิน

ที่ไดรับมอบหมายตอไป ซึ่งเปนการพิจารณาทางปกครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 81:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๖

วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีจึงยังไมใชผูเดือดรอนหรือผูเสียหาย อันเกิด

จากคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่มีสิทธิฟองขอใหศาลสั่งเพิกถอนคําสั่งดังกลาวตาม

มาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

พ.ศ. ๒๕๔๒

ประเด็นปญหา การที่เจาหนาที่ของรัฐมีหนังสือถึงผูครอบครองที่ดินใหนําโฉนด

ที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนซึ่งออกโดยไมชอบดวยกฎหมายเพราะออกทับที่

สาธารณประโยชนบางสวนไปมอบใหเพื่อทําการแกไขใหถูกตอง เปน “คําสั่งทางปกครอง” หรือไม

มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๙๓/๒๕๔๕

การที่ผูวาราชการจังหวัดมีหนังสือถึงผูครอบครองที่ดินใหนําโฉนดที่ดินซึ่งออกทับ

ที่สาธารณประโยชนบางสวนไปมอบใหเพื่อทําการแกไขใหถูกตอง โดยมีเนื้อหาเปนการตอบ

ขอรองเรียนของผูครอบครองที่ดิน และแนะนําผูครอบครองที่ดินใหนําโฉนดที่ดินไปยื่นขอใหมีการ

รังวัดสอบเขตใหมใหถูกตอง เมื่อหนังสือไมไดระบุชื่อผูรับวาเปนผูมีชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทและ

ไมไดมีลักษณะเปนการออกคําสั่งตอผูมีชื่อในโฉนดที่ดิน จึงยังไมมีลักษณะเปนการแจงคําสั่ง

ทางปกครองที่ส่ังใหผูมีชื่อตามโฉนดที่ดินสงโฉนดที่ดินคืนเพื่อแกไขความผิดพลาดตามที่กําหนด

ในมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ยังไมกอใหเกิดหนาที่กับผูมีชื่อในโฉนดที่ดินและแมผูนั้น

จะไมดําเนินการตามที่ผูวาราชการจังหวัดแจงใหทราบก็ไมกอใหเกิดผลเสียหายใดๆ ข้ึน กรณียัง

ถือไมไดวาหนังสือดังกลาวหรือขอความที่ระบุในหนังสือเปนการกระทําที่กอใหเกิดความเสียหาย

ตอผูครอบครองที่ดินและผูมีชื่อในโฉนดที่ดิน บุคคลทั้งสองจึงไมใชผูเดือดรอนเสียหายตาม

มาตรา ๔๒ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

ประเด็นปญหา ในกรณีที่ไดมีการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (หรือ

โฉนดที่ดิน) ในเขตปาสงวนแหงชาติซึ่งกรมปาไม (เดิม) เห็นวาไมชอบดวยกฎหมาย กรมปาไมใน

ฐานะผูดูแลรักษาปาสงวนแหงชาติจะดําเนินการฟองรองเจาของที่ดินเพื่อขอใหศาลเพิกถอน

หนังสือรับรองการทําประโยชน (หรือโฉนดที่ดิน) นั้นได หรือไม เพียงใด หากไมสามารถดําเนินการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 82:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๗

ฟองรองได สมควรดําเนินการเกี่ยวกับเร่ืองนี้ประการใด มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา

(กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑๔๒/๒๕๓๓ ถามีการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (หรือโฉนดที่ดิน) ในเขตปาสงวน

แหงชาติแลว การออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (หรือโฉนดที่ดิน) ดังกลาวยอมไมชอบดวย

กฎหมาย เพราะในเขตปาสงวนแหงชาตินั้น จะออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไมได กรมปาไมจึง

อาจขอใหพนักงานเจาหนาที่ที่มีอํานาจตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๖๑ ส่ังเพิกถอนหรือ

แกไขหนังสือรับรองการทําประโยชนนั้นได แตเนื่องจากอํานาจในการสั่งเพิกถอนหรือแกไขหนังสือ

รับรองการทําประโยชนตามมาตรา ๖๑ เปนดุลพินิจของพนักงานเจาหนาที่ตามมาตราดังกลาว

ที่จะใชอํานาจนั้นหรือไมก็ได ถาพนักงานเจาหนาที่มิไดส่ังเพิกถอนหรือแกไขหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนแลว กรมปาไมในฐานะผูดูแลรักษาปาสงวนแหงชาติสามารถนําคดีมาฟองศาลเพื่อขอให

ศาลเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ออกโดยไมชอบดวยกฎหมายนั้นได

ขอสังเกต ความเห็นนี้เปนความเห็นกอนที่จะมีการแกไขเพิ่มเติมมาตรา ๖๑

แหงประมวลกฎหมายที่ดินโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๙)

พ.ศ. ๒๕๔๓ จากเดิมที่บัญญัติใหอธิบดีกรมที่ดินและผูวาราชการจังหวัด (แลวแตกรณี) มีอํานาจ

ในการเพิกถอนหรือแกไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ฯลฯ ที่คลาดเคลื่อนหรือไม

ชอบดวยกฎหมาย เปนใหอธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจหนาที ่

เพิกถอนหรือแกไขได

ประเด็นปญหา กรณีที่ปรากฏวามีการออกโฉนดที่ดินสําหรับที่ราชพัสดุทับทีด่นิ

ของเอกชน หากทางราชการจะคืนที่ดินดังกลาวใหแกเอกชน จะถือวาเปนการจําหนายทรัพยสิน

ของแผนดินหรือไม ถาเปนการจําหนายทรัพยสินของแผนดิน จะถือวาเปนการจําหนาย

สาธารณสมบัติของแผนดินที่ตองดําเนินการตราพระราชบัญญัติหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

กฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๘๔/๒๕๑๔ กรณีที่ทางราชการรังวัดออกโฉนดที่ดินสําหรับที่ราชพัสดุคลาดเคลื่อนตอความ

เปนจริง เชน รังวัดกันเอาที่ดินของเอกชนบางสวนมาเปนที่ราชพัสดุ การที่จะนําที่ดินคืนแกเอกชน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 83:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๘

จึงมิใชเปนการจําหนายที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน กรณีดังกลาวเปนการเพิกถอนหรือ

แกไขโฉนดที่ดินที่ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน

มาตรา ๖๑ กําหนดใหอธิบดีมีอํานาจเรียกโฉนดที่ดินหรือเอกสารที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

หรือเอกสารที่ไดจดแจงรายการทะเบียนมาเพิกถอนหรือแกไขใหถูกตองได ไมจําเปนตอง

ดําเนินการโดยตราเปนพระราชบัญญัติ

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินปฏิเสธคํารองขอของประชาชนที่ขอให

เพิกถอนรายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน

โดยผูรองไดนําหลักฐานมาพิสูจนใหเห็นแลววาการจดทะเบียนนั้นไมชอบดวยกฎหมาย คําสั่งของ

เจาพนักงานที่ดินดังกลาวถือวาชอบดวยกฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๙/๒๕๔๗

การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทางมรดก

ตามมาตรา ๘๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนการใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาที่ที่มีผล

เปนการสรางนิติสัมพันธข้ึนระหวางบุคคลในอันที่จะกอ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมี

ผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาที่ของบุคคล จึงเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕

แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งการจดทะเบียนที่ชอบดวย

กฎหมายนอกจากจะตองดําเนินการถูกตองตามรูปแบบ ข้ันตอน และวิธีการอันเปนสาระสําคัญ

ตามที่กําหนดไวในมาตราดังกลาว และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แลว สาระของการจดทะเบียนคือ

ขอเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิในการรับมรดกอสังหาริมทรัพยที่ขอจดทะเบียนนั้นจะตองชอบดวย

กฎหมายดวย ดังนั้น เมื่อมีหลักฐานแสดงวาผูฟองคดีเปนบุตรของเจามรดก ยอมมีสิทธิไดรับ

มรดกที่ดินที่พิพาทดวย การที่ทายาทผูขอจดทะเบียนยืนยันตอพนักงานเจาหนาที่วา เจามรดกมี

ทายาทผูมีสิทธิไดรับมรดกเพียงผูขอจดทะเบียนเทานั้น โดยไมไดแจงใหพนักงานเจาหนาที่ทราบ

วาผูฟองคดีก็เปนบุตรดวย จึงเปนขอเท็จจริงเกี่ยวกับทายาทผูมีสิทธิไดรับมรดกที่ไมถูกตอง ดังนั้น

การที่เจาพนักงานที่ดินดําเนินการจดทะเบียนใหไปตามที่ผูขอจดทะเบียนโอนมรดกแสดงหลักฐาน

จึงเปนการจดทะเบียนที่ไมชอบดวยกฎหมาย เมื่อเจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ไปโดยไมชอบดวยกฎหมาย เจาพนักงานที่ดินมีหนาที่ดําเนินการตามหลักเกณฑและวิธีการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 84:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๗๙

ที่กําหนดไวในมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินและกฎกระทรวงที่เกี่ยวของ โดยตองรายงาน

ขอเท็จจริงพรอมความเห็นและเหตุผลไปยังผูบังคับบัญชาตามลําดับจนถึงอธิบดีกรมที่ดิน หรือ

รองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทําการสอบสวนตอไป

การที่ไมดําเนินการดังกลาวกลับแจงใหทายาทที่รองขอใหเพิกถอนไปใชสิทธิทางศาล เปนการ

กระทําที่ไมชอบดวยกฎหมายอันมีลักษณะเปนการสรางขั้นตอนโดยไมจําเปนหรือสรางภาระให

เกิดกับประชาชนเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง

และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

ประเด็นปญหา การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนพิพาทเปน

การออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายอันจะตองดําเนินการเพิกถอนหรือแกไขตาม

มาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๙๖/๒๕๒๗ เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา โฉนดที่ดินของผูรองทุกขบางสวนออกทับทางสาธารณประโยชน

อธิบดีกรมที่ดินยอมมีอํานาจสั่งเพิกถอนหรือแกไขไดตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ซึ่งกอนที่จะมีการดําเนินการเพื่อเพิกถอนโฉนดที่ดินนั้น กรมที่ดินไดแจงใหเจาพนักงานที่ดิน

มีหนังสือแจงใหผูรองทุกขยินยอมใหมีการรังวัดกันเขตทางสาธารณประโยชนออก แลวแกไขรูป

แผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดินใหถูกตอง แตผูรองทุกขไมยินยอมและคัดคานภายในกําหนดเวลา

ดังนั้น การที่อธิบดีกรมที่ดินดําเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินจึงเปนการปฏิบัติไปตามขั้นตอนของ

กฎหมายแลว

หมายเหตุ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไดตั้งขอสังเกตประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีวา การที่อธิบดีกรมที่ดินไดส่ังการใหเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้งที่มีเพียงบางสวนของโฉนดที่ดินดังกลาวเทานั้นที่ออกทับทางสาธารณประโยชน ถือวาเปนการใชอํานาจเกินกวาที่จะมี “เหตุผล” สนับสนุน ดังนั้น จึงเปนการใชอํานาจโดยไมชอบ เนื่องจากมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดใหอํานาจแกอธิบดีกรมที่ดินไวหลายประการ คือ เพิกถอน แกไข หรือออกใบแทนโฉนดที่ดิน กรณีนี้สมควรสั่งแกไขใหถูกตองได การที่เจาของที่ดิน (ผูรองทุกข) ไมยินยอมหรือไมใหความรวมมือในการรังวัดกันเขตทางสาธารณะออก ไมใชเหตุผลที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 85:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๐

จะทําใหอธิบดีกรมที่ดินจะสามารถใชดุลพินิจส่ังการเพิกถอนโฉนดที่ดินเสียทั้งฉบับ ทั้งนี้ ในการส่ังแกไขโฉนดที่ดินเพียงบางสวน อธิบดีกรมที่ดินมีวิธีการตามบทบัญญัติของกฎหมายอยูแลวที่จะดําเนินการได โดยพนักงานเจาหนาที่สามารถเขาไปทําการรังวัดไดตามมาตรา ๖๖ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๕๗/๒๕๒๘ เมื่อปรากฏวาที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ของผูรองทุกขอยู

ในเขตที่สาธารณประโยชน ซึ่งทางราชการไดประกาศขึ้นทะเบียนไวเปนที่สงวนหวงหามสําหรับ

เลี้ยงสัตวกอนที่ผูรองทุกขจะเขาครอบครอง ผูรองทุกขจึงไมมีสิทธิครอบครองที่ดินแตอยางใด

ดังนั้น การออก น.ส. ๓ ดังกลาวยอมไมชอบดวยกฎหมาย ยอมตองถูกเพิกถอนตามมาตรา ๖๑

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การปฏิบัติหนาที่ของเจาหนาที่ของรัฐที่ดําเนินการเพิกถอน น.ส. ๓ ดังกลาว

จึงเปนการปฏิบัติไปตามอํานาจหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนด คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๙๓/๒๕๒๘ แมทางราชการจะตกลงโอนที่ดินที่เปนทางสาธารณประโยชนแลกเปลี่ยนกับที่ดินของเอกชนเพื่อนํามาจัดทําเปนถนนสาธารณประโยชนก็ตาม แตหากหนวยงานซึ่งมีหนาที่ตามกฎหมายในการดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผนดินดังกลาวมิไดดําเนินการใหมีการถอนสภาพ หรือออกพระราชบัญญัติโอนที่ดินที่เปนทางสาธารณประโยชนใหแกเอกชนรายนั้นใหถูกตองตามมาตรา ๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ เสียกอน ทางสาธารณประโยชนดังกลาวยอมยังคงเปน สาธารณสมบัติของแผนดินและไมสามารถนําไปออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินได การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหแกเอกชนโดยทับทางสาธารณประโยชนดังกลาวจึงเปนการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ไมชอบดวยกฎหมาย ซึ่งตองแกไขหรือเพิกถอนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และเพื่อมิใหเกิดความเดือดรอนเสียหายดังกลาวแกเจาของหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หากปรากฏวาเปนกรณีที่มีเพียงบางสวนของหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาวออกทับทางสาธารณประโยชน ก็ควรแกไขโดยกันรูปที่ดินสวนที่เปนทางสาธารณประโยชนออก

หมายเหตุ ขอเท็จจริงกรณีรองทุกขนี้ปรากฏวา อําเภอเมืองอุบลราชธานีไดออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เนื้อที่ประมาณ ๕๐ ตารางวา ใหแกนาง ป. ทบัทางเกวยีนสาธารณประโยชนที่อยูติดกับที่ดินของผูรองทุกขทําใหผูรองทุกขไมสามารถออกสูทางสาธารณะได ทั้งนี้ มีเหตุเนื่องมาจากการที่ชาวบานและผูปกครองทองที่ไดรวมกันพัฒนาถนนในหมูบานโดยตัดทางสายใหมซึ่งตองผานที่ดินของนาง ป. ชาวบานและผูปกครองทองที่จึงขอรองใหนาง ป.อุทิศ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 86:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๑

ที่ดินใหตัดถนนดังกลาว และไดตกลงยกที่ดินสวนที่เปนทางเกวียนเดิมใหเปนการตอบแทน ตอมานาง ป. ไดไปขอออก น.ส. ๓ ก. โดยคลุมทางเกวียนพิพาทไปดวย ผูรองทุกขจึงรองทุกขขอความเปนธรรมใหมีทางออกสูทางสาธารณประโยชนดวย ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขไดมี คําวินิจฉัยดังกลาวขางตน และในการนี้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไดตั้งขอสังเกตเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีวา เร่ืองรองทุกขกรณีนี้เปนเรื่องที่นาพิจารณาเปนพิเศษเพราะเปนกรณีที่มีความขัดแยงกันระหวาง “ประโยชนสาธารณะ” กับ “ประโยชนของเอกชน” ที่ชัดแจง กลาวคือ ขอเท็จจริงปรากฏวา ชาวบานไดขอรองใหนาง ป. แลกเปลี่ยนที่ดินของตนกับทางเกวียนสาธารณะ ซึ่งมีเนื้อที่นอยกวา เพื่อนํามาจัดทําเปนถนนสาธารณะสายใหม ในขณะที่คณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขวินิจฉัยวา การออก น.ส. ๓ ก. ไมชอบดวยกฎหมาย เพราะออกทับทางสาธารณประโยชน ซึ่งตองดําเนินการแกไขใหถูกตอง ทั้งนี้ เพื่อแกไขความเดือดรอนของผูรองทุกข อยางไรก็ตาม ความเห็นดังกลาวก็ไมนาเปนอุปสรรคในการที่ทางราชการจะตราพระราชบัญญัติโอนที่ดินใหแกนาง ป. ทั้งนี้โดยคํานึงถึง “ประโยชนสาธารณะ” ที่ไดจากถนน สายใหมและคํานึงถึง “สภาพที่ดินของผูรองทุกข” ที่ติดถนนอยูดานหนึ่งแลว

คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๓๓/๒๕๔๑ ผูรองทุกขไดซื้อที่ดินพิพาทมาจากเจาของเดิมต้ังแตพ.ศ. ๒๕๐๔ แตตอมาเมื่อ

พ.ศ. ๒๕๑๐ เจาของเดิมกลับทําหนังสือยอมอุทิศที่ดินพิพาทบางสวนใหสรางทางหลวง โดยผูรองทุกข

มิไดรูเห็นยินยอมดวย และผูรองทุกขยังคงครอบครองที่ดินพิพาทตอเนื่องมาโดยตลอด หนังสือ

ยินยอมอุทิศที่ดินของเจาของเดิมยอมไมผูกพันผูรองทุกข ดังนั้น เมื่อผูรองทุกขไปขอรังวัดตรวจสอบ

เนื้อที่ตาม น.ส. ๓ และเปลี่ยน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ตามนัยมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน การที่เจาหนาที่ไดรังวัดกันเนื้อที่บางสวนไวเพื่อจัดทําทางหลวง และออก น.ส. ๓ ก.

ใหผูรองทุกขโดยยึดถือตามหนังสืออุทิศที่ดินของเจาของเดิม เปนเหตุใหจํานวนเนื้อที่ดินตาม

น.ส. ๓ ก. ของผูรองทุกขขาดหายไป จึงเปนการออก น.ส. ๓ ก. โดยไมชอบดวยกฎหมาย ซึ่งจะตอง

ดําเนินการแกไขใหถูกตองตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๖๗/๒๕๔๕

การที่เจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนแบงแยกที่ดินเปนการใชอํานาจตามกฎหมาย

ที่มีผลเปนการสรางนิติสัมพันธข้ึนระหวางบุคคล จึงเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 87:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๒

พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูฟองคดีเห็นวาไมชอบดวย

กฎหมายจึงไดมีหนังสือใหเพิกถอนการจดทะเบียนดังกลาว ถือไดวาผูฟองคดีไดอุทธรณคําสั่ง

ทางปกครองตอเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) ตามมาตรา ๔๔ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน

หากผูถูกฟองคดีเห็นดวยกับคําอุทธรณจะตองดําเนินการเพิกถอนหรือแกไขตามมาตรา ๖๑ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน แตถาไมเห็นดวยก็จะตองรายงานความเห็นพรอมเหตุผลไปยังผูมีอํานาจ

พิจารณาคําอุทธรณตามมาตรา ๔๕ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูถูกฟองคดีไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดี แตกลับมีหนังสือปฏิเสธและ

ใหไปใชสิทธิทางศาล จึงเปนคําวินิจฉัยอุทธรณที่ไมถูกตองตามมาตรา ๔๕ แหงพระราชบัญญัติ

ดังกลาว ผูฟองคดียอมมีสิทธินําคดีมาฟองตอศาลได คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๙๐/๒๕๔๖

ผูถูกฟองคดีดํารงตําแหนงเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา เปนเจาพนักงานที่ดิน

ตามคําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๔๖๖/๒๕๒๒ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๒ และเปนพนักงาน

เจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จึงมีอํานาจสอบสวนและเรียกหนังสือรับรอง

การทําประโยชนที่ออกโดยคลาดเคลื่อน หรือไมชอบดวยกฎหมายมาพิจารณา สรุปรายงานชี้แจง

เหตุที่คลาดเคลื่อน หรือไมชอบดวยกฎหมายไปยังผูมีอํานาจสั่งเพิกถอนหรือแกไขตามมาตรา ๖๑

แหงประมวลกฎหมายที่ดินได เมื่อเหตุแหงการฟองคดีเกิดจากการที่ผูถูกฟองคดีใชอํานาจเรียก

หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) จากผูฟองคดีมาพิจารณาดําเนินการเพื่อเสนอ

ความเห็นใหพนักงานเจาหนาที่ผูมีอํานาจตามกฎหมายพิจารณาสั่งเพิกถอนหรือแกไขตามมาตรา ๖๑

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เนื่องจากมีบางสวนออกทับที่สาธารณสมบัติของแผนดิน

โดยผูถูกฟองคดีไดเรียก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีมาพิจารณาตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๔๕ ก็ยังดําเนินการ

ไมแลวเสร็จ ประเด็นสําคัญแหงคดีนี้จึงเปนเรื่องกลาวหาวาผูถูกฟองคดีปฏิบัติหนาที่ในเร่ือง

ดังกลาวลาชาเกินสมควร การที่ศาลปกครองชั้นตนกําหนดประเด็นวา ผูฟองคดีมีสิทธิครอบครอง

ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. พิพาทหรือไม โดยไมมีผูใดโตแยงเรื่องสิทธิครอบครองของผูฟองคดี และมีคําสั่ง

ไมรับคําฟองในประเด็นนี้ไวพิจารณา จึงเปนการไมชอบ สมควรเพิกถอนกระบวนพิจารณาของ

ศาลปกครองชั้นตน ตามขอ ๗ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด

วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 88:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๓

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๖๓/๒๕๔๘ เมื่อศาลยุติธรรมมีคําพิพากษาถึงที่สุดวา ผูฟองคดีซึ่งเปนผูคัดคานการออก

โฉนดที่ดินตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนผูมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทบางสวน

ดีกวาผูขอออกโฉนดที่ดิน คําพิพากษาดังกลาวยอมมีผลผูกพันคูกรณี และเมื่อขอเท็จจริงปรากฏ

วาผูขอออกโฉนดที่ดินไมไดเปนผูมีสิทธิครอบครองที่ดินบางสวน การที่เจาพนักงานที่ดินออก

โฉนดที่ดินใหไปเต็มพื้นที่ จึงเปนการออกไปโดยคลาดเคลื่อน ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีกรม

ที่ดินที่ไดรับมอบหมายมีหนาที่ตองแกไขโฉนดที่ดินพิพาทใหถูกตองตามมาตรา ๖๑ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน เมื่อผูฟองคดีนําคําพิพากษาไปแสดงตอเจาพนักงานที่ดินเพื่อขอจดทะเบียนแบง

ไดมาโดยการครอบครอง จึงเปนการแสดงความประสงคจะใหแกไขโฉนดที่ดินที่ออกโดย

คลาดเคลื่อนดังกลาวและออกหนังสือสําคัญแสดงสิทธิในที่ดินใหแกผูฟองคดี ซึ่งเจาพนักงานที่ดิน

ชอบที่จะเสนอตออธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีกรมที่ดินที่ไดรับมอบหมายเพื่อสั่งการตอไป การที่

เจาพนักงานที่ดินปฏิเสธคําขอและไมดําเนินการใดๆ ยอมเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมาย

กําหนดใหตองปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ

วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๔๕๐/๒๕๔๘

การที่ ผูฟองคดีไดมีหนังสือรองขอใหอธิบดีกรมที่ดินและเจาพนักงานที่ดิน

พิจารณาแกไขโฉนดที่ดินที่ออกโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดิน เชน จํานวนเนื้อที่ไมถูกตองและการระบุขางเคียงไมตรงตามที่ผูฟองคดีมีสิทธิครอบครอง

หรือไมตรงตามหนังสือรับรองการทําประโยชนที่นํามาใชออกโฉนดที่ดิน เพื่อใหถูกตองเปนไปตาม

ขอเท็จจริงและหลักฐานที่ดินเดิม แตไมไดรับแจงผลการพิจารณาตามหนังสือรองขอดังกลาว จึง

ฟองขอใหศาลสั่งใหอธิบดีกรมที่ดินดําเนินการแกไขโฉนดที่ดินตามมาตรา ๖๑ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน กรณีดังกลาวเปนกรณีที่อธิบดีกรมที่ดินไมไดดําเนินการแจงผลการพิจารณาตาม

หนังสือรองขอใหแกไขโฉนดที่ดิน อันเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐปฏิบัติหนาที่

ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) แหง

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งตองยื่นฟองคดีนี้

ภายในระยะเวลาตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คือภายใน ๙๐ วัน นับแตวันที่รู

หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี หรือนับแตวันที่พนกําหนด ๙๐ วัน นับแตวันที่ผูฟองคดีไดมี

หนังสือรองขอตออธิบดีกรมที่ดินเพื่อใหพิจารณาแกไขโฉนดที่ดินที่ออกโดยคลาดเคลื่อนดังกลาว

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 89:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๔

และไมไดรับหนังสือช้ีแจงผลการพิจารณา เมื่อผูฟองคดียื่นฟองคดีเมื่อพนระยะเวลาดังกลาว ยอม

เปนการยื่นฟองคดีเมื่อพนระยะเวลาการฟองคดี ศาลจึงไมอาจรับคําฟองไวพิจารณาได คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๔๔/๒๕๔๘

ขอเท็จจริงและคําวินิจฉัยทํานองเดียวกันกับคําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๔๕๐/๒๕๔๘ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๘๗๗/๒๕๔๘ เมื่อขอเท็จจริงไดความตามคําฟองวา เดิมนาย ก. เปนเจาของที่ดินตาม น.ส. ๓ ก.

เลขที่ ๒๔๑ เนื้อที่ ๒ ไร ๓ งาน ๑๓ ตารางวา ตอมาพนักงานเจาหนาที่ไดแกไขเนื้อที่เปน ๑๓ ไร

๑ งาน ๒๐ ตารางวา แลวจดทะเบียนแบงขายใหผูฟองคดี ๕ ไรเศษ โดยออก น.ส. ๓ ก. แปลงแยก

ในนามผูฟองคดี ตอมาอธิบดีกรมที่ดินไดมีคําสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก.ของผูฟองคดี เพิกถอนรายการ

จดทะเบียนแบงขายและแกไขเนื้อที่ของ น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๔๑ ใหกลับเปน ๒ ไร ๓ งาน

๑๓ ตารางวาตามเดิม ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองตอศาลปกครองโตแยงคําสั่งดังกลาว กรณีจึงเปน

คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไมชอบดวยกฎหมาย ตามมาตรา ๙

วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

เพราะคําสั่งที่เพิกถอนรายการจดทะเบียนแบงขายที่ดิน และ น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีโดยอางเหตุ

แหงการเพิกถอนสืบเนื่องมาจากการกระทําที่คลาดเคลื่อนของเจาหนาที่ที่ส่ังแกไขเนื้อที่ใน น.ส. ๓ ก.

ฉบับเดิม ประเด็นพิพาทในคดีนี้จึงเกิดจากการกระทําของเจาหนาที่ของรัฐโดยตรง คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๗๗๒/๒๕๔๙ มูลเหตุที่อธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)

ฉบับที่พิพาท เนื่องมาจากมีการตรวจพบวามีการใช ส.ค. ๑ ของที่ดินแปลงอื่นที่ไดออก น.ส. ๓ ก.

ไปแลว มาสวมแทน ส.ค. ๑ ของที่ดินแปลงพิพาท ฉะนั้น สาเหตุการเพิกถอนมิไดมีปญหาวา

การครอบครองที่ดินชอบหรือไม จึงไมมีกรณีที่จะตองพิสูจนเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท

แตอยางใด หากแตเพิกถอนเพราะเอกสารหลักฐานที่ใชในการออก น.ส. ๓ ก. ไมชอบ กรณีพิพาท

ที่ผูฟองคดีซึ่งเปนเจาของที่ดินโตแยงคําสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. และคําวินิจฉัยอุทธรณในคดีนี้

มีเพียงวา อธิบดีกรมที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๑) ออกคําสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. โดยอางเหตุวา ส.ค. ๑

ที่ใชเปนหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. เปน ส.ค. ๑ ของที่ดินแปลงอ่ืน เปนการชอบหรือไม จึงเปน

คดีที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหง

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 90:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๕

คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๙๑๑/๒๕๔๙ การที่ผูฟองคดีฟองวา อธิบดีกรมที่ดินมีคําสั่งใหเพิกถอนโฉนดที่ดินของผูฟองคดี

ซึ่งเปนโฉนดที่ดินที่ออกโดยอาศัยหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๘๑๖/๓๒๓

โดยใหเหตุผลในการเพิกถอนวา ไดออกไปโดยไมตรงตามหลักฐานที่ดินเดิม และทับที่ดินตาม

หลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๘๒๙/๓๒๓ เปนการกระทําที่ไมชอบ

ดวยกฎหมาย ขอใหอธิบดีกรมที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) ยกเวนคารังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดินใหม และ

ขอความเปนธรรมกรณีโฉนดที่ดินถูกเพิกถอน ถือวาเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงาน

ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย ไมวาจะเปนการออกกฎ

คําสั่ง หรือการกระทําอื่นใดตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง

และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แมการที่ศาลจะวินิจฉัยวา คําสั่งที่เปนเหตุแหงการฟองคดี

ชอบดวยกฎหมายหรือไม ศาลจําตองวินิจฉัยใหไดความยุติวา ที่ดินตามโฉนดที่ดินของผูฟองคดี

เปนที่ดินแปลงเดียวกับ น.ส. ๓ เลขที่ ๘๑๖/๓๒๓ หรือเปนที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก.เลขที่

๘๒๙/๓๒๓ แตเหตุเพียงเทานี้หาอาจถือไดวาคดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินอันอยูใน

อํานาจของศาลยุติธรรมไม คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๑๖๗/๒๕๕๐ คดีที่ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่ใชอํานาจตามมาตรา ๖๑ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดินสั่งแกไขรายการจดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์รวมและโฉนดที่ดินแปลงแยก

โดยใหเหตุผลในการออกคําสั่งวา ผูฟองคดีขอแบงกรรมสิทธิ์รวมที่ดินพิพาท ทั้งในฐานะที่ผูฟองคดี

มีชื่อถือกรรมสิทธิ์เปนสวนตัว และในฐานะเปนผูจัดการมรดกของเจาของรวม อันเปนกรณีที่ถือไดวา

ผูฟองคดีเปนผูมีสวนไดเสียเปนปฏิปกษตอกองมรดกที่ตองหามทํานิติกรรมตามมาตรา ๑๗๒๒

แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย นั้น เปนกรณีที่ศาลจะตองวินิจฉัยใหเปนที่ยุติกอนวา การ

จดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์รวมดังกลาว เปนกรณีที่ถือวาผูฟองคดีเปนผูมีสวนไดเสียเปนปฏิปกษตอ

กองมรดกที่ตองหามทํานิติกรรมตามมาตรา ๑๗๒๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

หรือไม ศาลจึงจะวินิจฉัยไดวาคําสั่งของอธิบดีกรมที่ดินดังกลาวชอบดวยกฎหมายหรือไม ประเด็น

หลักแหงคดีจึงเปนเรื่องเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในทรัพยสินอันเปนกองมรดกของเจามรดกซึ่งเปน

ขอพิพาทเกี่ยวกับการจัดการมรดกอันอยูในอํานาจพิจารณาของศาลยุติธรรม

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๕๗/๒๕๒๙ (อางแลวในมาตรา ๖๐)

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 91:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๖

คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๐๙/๒๕๓๓ พนักงานเจาหนาที่ที่เปนผูรับผิดชอบและมีอํานาจออกใบจอง หนังสือรับรองการ

ทําประโยชนและจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดินในเขตทองที่ที่รับผิดชอบ ยอมจะตองทราบดีวา

ที่ดินแปลงใดเปนที่ดินรกรางวางเปลา ที่ดินแปลงใดมีการครอบครองจนไดสิทธิครอบครองแลว

เมื่อไดรวมกันดําเนินการจัดที่ดิน ออกใบจอง และหนังสือรับรองการทําประโยชนทับที่ดินที่ผูอ่ืน

มีสิทธิครอบครองอยู และจดทะเบียนนิติกรรมขายที่ดินดังกลาวใหแกผูอ่ืนตอไปอีก ยอมถือไดวาเปน

การโตแยงสิทธิของผูมีสิทธิครอบครองที่ดินที่แทจริง ผูนั้นมีสิทธิฟองคดีตอศาลได ผูมีสิทธิ

ครอบครองรายดังกลาวจึงมีอํานาจฟองพนักงานเจาหนาที่ไดโดยไมจําตองฟงผลคําพิพากษาใน

อีกคดีหนึ่งวาใครเปนผูมีสิทธิครอบครองที่พิพาท

เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา การออกหนังสือรับรองการทําประโยชนทับที่ดินของ

ผูอ่ืนบางสวน อันเปนการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ไมชอบดวยกฎหมายเฉพาะสวนที่ทับกัน

เทานั้น ซึ่งสามารถทําการแกไขใหถูกตองตามความเปนจริงได โจทกไมมีอํานาจขอใหเพิกถอน

ใบจองและหนังสือรับรองการทําประโยชนทั้งฉบับ คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๙๗/๒๕๓๘ การที่เจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไปตามคําขอของคูกรณีเปน

การกระทําไปตามอํานาจหนาที่ เมื่อปรากฏวาการจดทะเบียนดังกลาวเปนการฉอฉลโจทก ผูที่

โตแยงสิทธิของโจทกก็คือคูกรณีที่ขอจดทะเบียน โจทกยอมฟองคูกรณีในการจดทะเบียนสิทธิและ

นิติกรรมดังกลาวไดโดยไมตองฟองเจาพนักงานที่ดิน เพราะเมื่อปรากฏวาการจดทะเบียนเปนการ

คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมาย และศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดใหเพิกถอนหรือ

แกไขอยางใดแลว พนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ยอมมีหนาที่จะตองดําเนินการตาม

คําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกําหนด ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดิน คําพิพากษาฎีกาที ่๙๐๕๗/๒๕๓๙

กรณีโจทกฟองวาจําเลยนําที่ดินของโจทกไปออกโฉนดที่ดินโดยแจงความเท็จตอ

เจาพนักงานจนหลงเชื่อแลวออกโฉนดที่ดินใหจําเลย ขอใหเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาทนั้น แมประมวล

กฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง (๒) จะใหผูวาราชการจังหวัดมีอํานาจเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออก

โดยไมชอบดวยกฎหมาย ก็มิไดหมายความวาเฉพาะผูวาราชการจังหวัดเทานั้นที่ส่ังเพิกถอนโฉนด

ที่ดินที่ออกโดยไมชอบดวยกฎหมายได คูกรณีมีสิทธิดําเนินคดีทางศาล เพื่อใหศาลพิพากษาหรือมี

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 92:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๗

คําสั่งเพิกถอนการออกโฉนดที่ดินโดยไมชอบดวยกฎหมายได อีกทั้งตามคําขอทายฟองโจทกขอให

เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท มิไดมีคําขอใหผูวาราชการจังหวัดเพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน จึงมิใช

คําขอที่บังคับแกบุคคลภายนอกที่มิไดเปนคูความในคดี แตเปนกรณีขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ

คําสั่งเพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน โจทกจึงมีอํานาจฟองไดเองโดยไมตองฟองผูวาราชการจังหวัด

หรือเจาหนาที่ที่เกี่ยวของเปนคูความดวย คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๖/๒๕๔๑ ผูเปนเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินยอมมีสิทธิขอใหพนักงานเจาหนาที่ผูมีอํานาจแกไข

โฉนดที่ดินของตนที่ไดออกไปโดยคลาดเคลื่อนใหถูกตองตามความเปนจริงไดตามมาตรา ๖๑ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน โดยไมมีกําหนดอายุความ คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๙/๒๕๔๒

จําเลยที่ ๒ ในฐานะผูวาราชการจังหวัดซึ่งเปนพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสั่ง

เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ไดออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายในเขตจังหวัดตามประมวล

กฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ (๒) การเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาทจึงอยูในอํานาจหนาที่ของจําเลยที่ ๒

เมื่อโจทกมีหนังสือรองขอใหจําเลยที่ ๒ ในฐานะพนักงานเจาหนาที่ส่ังเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกทับ

ที่ดินพิพาทของโจทก แตจําเลยที่ ๒ ไมดําเนินการให ยอมถือไดวาสิทธิของโจทกถูกจําเลยที่ ๒

โตแยงแลว โจทกจึงมีอํานาจฟองจําเลยที่ ๒ ได คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๔๔/๒๕๔๒ โจทกเปนผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แตไดมีการออก น.ส. ๓ ก. ของที่ดิน

พิพาทวาจําเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ เปนผูครอบครองและไดทําประโยชนในที่ดินพิพาทแลว การออก น.ส. ๓ ก.

ดังกลาวจึงไมชอบและคลาดเคลื่อนจากความเปนจริง ซึ่งอาจถูกเพิกถอนไดโดยพนักงานเจาหนาที่

ผูมีอํานาจตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ เมื่อจําเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ไมมีสิทธิครอบครองใน

ที่ดินพิพาท จําเลยที่ ๖ ผูรับโอนสิทธิตอจากจําเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ จึงไมมีสิทธิดีกวาจําเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕

และจําเลยที่ ๗ ผูรับโอนสิทธิครอบครองจากจําเลยที่ ๖ ในที่ดินพิพาทก็ยอมไมมีสิทธิดีกวาจําเลย

ที่ ๖ ซึ่งเปนผูโอน คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๖๗๒/๒๕๔๔ ที่ดินเฉพาะสวนที่พิพาทเปนของจําเลย การที่โจทกนําเจาพนักงานที่ดินรังวัดออก

โฉนดรวมเอาที่ดินสวนที่พิพาทเขาไปดวยยอมเปนการไมชอบดวยกฎหมาย ศาลฎีกามีอํานาจ

เพิกถอนโฉนดที่ดินเฉพาะที่ทับที่ดินสวนที่พิพาทไดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ จําเลย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 93:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๘

มีสิทธิที่จะไปดําเนินการออกโฉนดที่ดินไดตอไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดไวในประมวล

กฎหมายที่ดิน คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๙๙/๒๕๔๖ การที่จําเลยไมมีสิทธิครอบครองที่ดินแตเปนการครอบครองแทนโดยอาศัยสิทธิ

ของโจทก และนําที่ดินที่อยูในความครอบครองของโจทกไปขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชน

(น.ส. ๓ ก.) เปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย ศาลมีอํานาจสั่งใหเพิกถอนไดตามประมวล

กฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ คําพิพากษาฎีกาที ่๑๕๖๔/๒๕๔๘ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง ใหอธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีซึ่ง

อธิบดีมอบหมายใชอํานาจบริหารในการเพิกถอนหรือแกไขโฉนดที่ดินซึ่งออกโดยคลาดเคลื่อน

ไมชอบดวยกฎหมายได เมื่อคดีมาสูศาลและศาลเห็นวา โฉนดที่ดินออกโดยคลาดเคลื่อน มาตรา ๖๑

วรรคแปด ไดกําหนดวิธีการใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามคําพิพากษาถึงที่สุดไวแลว ศาลไม

จําตองพิพากษาบังคับใหคูความไปดําเนินการขอรังวัดแบงแยกโฉนดที่ดินอีก ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑/๒๕๓๓

ตามที่มาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติใหอธิบดีกรมที่ดินหรือ

ผูวาราชการจังหวัดมีอํานาจสั่งเพิกถอน แกไข หรือออกใบแทนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนที่ไดจดทะเบียนหรือจดแจงเอกสารรายการไปโดยคลาดเคลื่อน หรือไมชอบดวยกฎหมายได

โดยใหมีการสอบสวนและแจงใหผูมีสวนไดเสียทราบเพื่อใหโอกาสคัดคานนั้น แสดงใหเห็นวา

การจะแกไข หรือยกเลิกเพิกถอนเอกสารที่เปนเอกสารมหาชน เชน โฉนดที่ดินจะกระทําไดก็ตอเมื่อ

มีกฎหมายบัญญัติไวโดยชัดแจง หาใชเปนอํานาจของพนักงานเจาหนาที่หรือของนายทะเบียน

โดยลําพังที่จะทําการเพิกถอนการจดทะเบียนใดๆ ที่ตนไดกระทําลงไปแลวไดไม เพราะเอกสาร

มหาชนดังกลาว เมื่อเจาหนาที่ไดจัดทําขึ้นหรือรับรองความถูกตองแลวตามประมวลกฎหมาย

วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๒๗ ใหสันนิษฐานไวกอนวาเปนของแทจริงและถูกตอง คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๗๒/๒๕๓๗

การที่เจาพนักงานที่ดินมีหนังสือแจงใหผูรองทุกขซึ่งเปนผูครอบครองที่ดินตาม

หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินซึ่งออกทับที่สาธารณประโยชนสงมอบหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาว

ฉบับเจาของที่ดินเพื่อประกอบการเพิกถอนหรือแกไขใหถูกตองตอไป ตามนัยมาตรา ๖๑ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน อันเปนขั้นตอนการดําเนินการสอบสวนพยานหลักฐาน เรียกหนังสือแสดง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 94:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๘๙

สิทธิในที่ดินมาทําการตรวจสอบ เพื่อพิจารณาสรุปรายงานชี้แจงเหตุที่คลาดเคลื่อนหรือไมชอบ

ดวยกฎหมายไปยังผูมีอํานาจหนาที่ทําการเพิกถอนหรือแกไขตอไป ซึ่งยังไมเปนการแนนอนวา ผูมี

อํานาจหนาที่ส่ังเพิกถอนหรือแกไขจะพิจารณาเปนประการใด ในชั้นนี้จึงยังไมอาจถือวาผูรองทุกข

เปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได

จากการกระทําของเจาหนาที่ของรัฐที่ขัดหรือไมถูกตองตามกฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 95:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๐

มาตรา ๖๒ บรรดาคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวดวยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ไดออกโฉนดที่ดินแลว เมื่อศาลพิจารณาพิพากษาคดีถึงที่สุดแลว ใหศาลแจงผลของคําพิพากษาอันถึงที่สุดหรือคําสั่งนั้นตอเจาพนักงานที่ดินแหงทองที่ซ่ึงที่ดินนั้นตั้งอยูดวย

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 96:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๑

มาตรา ๖๓ โฉนดที่ดินของผูใดเปนอันตราย ชํารุด สูญหายดวยประการใดใหเจาของมาขอรับใบแทนโฉนดที่ดินนั้นได

เมื่อไดออกใบแทนไปแลว โฉนดที่ดินเดิมเปนอันยกเลิก เวนแตศาลจะสั่งเปนอยางอ่ืน

สําหรับการขอใบแทนใบจอง หนังสือรับรองการทําประโยชนหรือใบไตสวนใหนําความดังกลาวขางตนมาใชบังคับโดยอนุโลม

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินหรือพนักงานเจาหนาที่มีคําสั่งใหออก

ใบแทนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนที่พิพาทเปนคําสั่งที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม

มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๑๓/๒๕๔๙

กรณีที่ผูมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาของศาลมายื่นคําขอออกใบแทน

หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ฉบับพิพาทตอเจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) เพื่อขอจด

ทะเบียนแบงไดมาโดยการครอบครองตามคําพิพากษาศาล เพราะไมได น.ส. ๓ ฉบับพิพาทมา

ถือวาเปนการขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุด

เกี่ยวกับ น.ส. ๓ ฉบับพิพาท ตามมาตรา ๖๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับขอ ๑๒ และ

ขอ ๑๗ วรรคหนึ่ง (๑) (๓) และวรรคสอง ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตาม

ความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ดังนั้น การที่เจาพนักงานที่ดิน

(ผูถูกฟองคดี) รับคําขอออกใบแทน น.ส. ๓ ฉบับพิพาท แลวดําเนินการออกประกาศการขอออก

ใบแทนมีกําหนดสามสิบวันแลวนําประกาศไปปดในสถานที่ตามที่กําหนดในขอ ๑๗ วรรคหนึ่ง (๑)

ของกฎกระทรวงฉบับดังกลาวครบถวนตามหลักฐานรายงานการปดประกาศดังกลาว ซึ่งตาม

กฎหมายไมมีขอกําหนดใหตองแจงใหผูฟองคดีซึ่งมีชื่อเปนเจาของที่ดินตาม น.ส. ๓ ที่พิพาททราบ

เมื่อครบกําหนดระยะเวลาการประกาศ ไมมีผูคัดคานการขอออกใบแทนดังกลาว ผูถูกฟองคดียอม

มีอํานาจลงลายมือชื่อออกใบแทน น.ส. ๓ ฉบับเจาของที่ดินใหแกผูขอได ตามขอ ๑๘ ของ

กฎกระทรวงฉบับเดียวกัน ดังนั้น การที่ผูถูกฟองคดีมีคําส่ังออกใบแทน น.ส. ๓ ฉบับพิพาทได

ดําเนินการโดยถูกตองตามขั้นตอนและวิธีการอันเปนสาระสําคัญสําหรับการออกใบแทนและ

ผูถูกฟองคดีมีอํานาจในการออกใบแทนตามบทกฎหมายดังกลาวแลว จึงเปนคําส่ังที่ชอบดวย

กฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 97:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๒

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที ่อ.๒๙๕/๒๕๔๙ ในการดําเนินการออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เจาหนาที่ของรัฐที่มี

อํานาจหนาที่จะตองดําเนินการสอบสวนและตรวจสอบโดยละเอียดถึงความมีอยูของตนฉบับ

เอกสารดังกลาว โดยควรเรียกเจาของที่ดินมาสอบปากคําเพื่อยืนยันวาตนฉบับเอกสารฉบับ

สํานักงานที่ดินยังคงใชเปนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอยู สําหรับกรณีพิพาทในคดีนี้ แมการออก

ใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เจาหนาที่ของกรมที่ดินจะไดดําเนินการตาม

ข้ันตอนที่กฎหมายกําหนดโดยครบถวนแลวก็ตาม แตการออกใบแทนดังกลาวเจาหนาที่มิได

สอบสวนตรวจสอบโดยละเอียดถึงความมีอยูของตนฉบับ น.ส. ๓ ก. ฉบับเดิม ตลอดจนไมไดเรียก

ผูมีชื่อเปนเจาของ น.ส. ๓ ก. มาสอบปากคําเพื่อยืนยันวาตนฉบับ น.ส. ๓ ก. ฉบับเดิมยังคงมี

สภาพเปนเอกสารสิทธิของที่ดินอยู โดยไดออกใบแทน น.ส. ๓ ก.พรอมทั้งไดจดทะเบียนโอนที่ดิน

ตาม น.ส. ๓ ก.ดังกลาวใหแกผูซื้อที่ดินไดจากการขายทอดตลาดไป ตอมาภายหลังจึงปรากฏ

ขอเท็จจริงวา เจาของที่ดินเดิมไดนํา น.ส. ๓ ก.ไปออกเปนโฉนดที่ดินและขายใหแกผูอ่ืนไปกอน

หนานั้นแลว เปนเหตุใหผูซื้อที่ดินไดจากการขายทอดตลาดไมไดสิทธิในที่ดิน ฉะนั้น การออก

ใบแทน น.ส. ๓ ก.ที่พิพาทจึงถือไมไดวาเจาหนาที่ไดกระทําการโดยชอบดวยกฎหมาย ซึ่งการ

กระทําดังกลาวเกิดจากความประมาทเลินเลอของเจาหนาที่ของกรมที่ดิน และทําใหผูฟองคดีซึ่ง

เปนผูซื้อที่ดินไดจากการขายทอดตลาดไดรับความเสียหาย กรมที่ดินในฐานะหนวยงานตนสังกัด

จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนตอผูฟองคดีในผลแหงการละเมิดที่เจาหนาที่ของตนไดกระทํา

ในการปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลอตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิด

ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 98:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๓

มาตรา ๖๔ ถาโฉนดที่ดินฉบับสํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินสาขา

เปนอันตราย ชํารุด สูญหาย ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจเรียกโฉนดที่ดินฉบับเจาของที่ดิน

มาพิจารณาแลวจัดทําขึ้นใหมโดยอาศัยหลักฐานเดิมได

(ความในมาตรา ๖๔ เดิมถูกยกเลิกโดยมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๖๔ ถาโฉนดที่ดิน ใบไตสวน หนังสือรับรองการทําประโยชน หรือ

ใบจอง ฉบับสํานักงานที่ดินเปนอันตราย ชํารุด สูญหาย ใหพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ มีอํานาจเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาวจากผูมีสิทธิในที่ดินมาพิจารณาแลวจัดทําขึ้นใหม โดยอาศัยหลักฐานเดิมได

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 99:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๔

หมวด ๕ การรังวัดที่ดิน

มาตรา ๖๕ การรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดิน ใหเปนไปตามหลักเกณฑและ

วิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา ๖๕ นี้คือ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ.

๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๙ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ฯลฯ กําหนดไวดังตอไปนี้

ขอ ๑ การรังวัดทําแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ใหกระทําได ๒ วิธี คือ (๑) แผนที่ชั้นหนึ่ง กระทําโดยการใชกลองธีโอโดไลทและเครื่องมือวัดระยะโยงยึด

หลักเขตวัดงามมุม ภาคของทิศ หรือใชกลองสํารวจแบบประมวลผล หรือการรังวัดดวยเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมหรือดวยเครื่องมือสํารวจประเภทอื่นที่มีความละเอียดถูกตองไมต่ํากวาเกณฑมาตรฐานที่กรมที่ดินกําหนด โดยคํานวณเปนคาพิกัดฉากสืบเนื่องจากหมุดหลักฐานแผนที่ของกรมที่ดิน และคํานวณพื้นที่โดยวิธีคณิตศาสตรจากคาพิกัดฉากของแตละมุมเขต

(๒) แผนที่ชั้นสอง ซึ่งใชแผนที่ระวางเปนหลัก กระทําโดยใชวิธีวัดระยะเปน มุมฉาก หรือวัดระยะสกัดเปนรูปสามเหลี่ยมจากเสนหมุดหลักฐานโครงงานแผนที่หรือโดยวิธีจากรูปถายทางอากาศ และคํานวณเนื้อที่โดยวิธีคณิตศาสตร หรือโดยมาตราสวน

ที่ดินบริเวณใดควรกระทําโดยวิธีใด ใหอธิบดีกําหนด ขอ ๒ ที่ดินในแผนระวางที่ออกโฉนดที่ดินซึ่งทําการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดิน

ไวแลวโดยวิธีแผนที่ชั้นหนึ่งหรือโดยวิธีแผนที่ชั้นสอง เมื่อมีความจําเปนตองรังวัดใหม ใหทําการรังวัดโดยมีมาตรฐานเทาเดิมหรือดีกวา

ขอ ๓ เพื่อใหเสนเขตที่ดินที่ทําการรังวัดเปนเสนตรงไมคดไปคดมา ใหเจาของที่ดินทั้งสองฝายทําความตกลงกําหนดเสนเขตเสียใหมใหเปนเสนตรงเสนเดียวหรือหลายเสนตอกันได เมื่อตกลงกันประการใด ใหพนักงานเจาหนาที่ทําการรังวัดไปตามนั้น

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 100:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๕

มาตรา ๖๖ เพื่อประโยชนแกการรังวัด ใหพนักงานเจาหนาที่และคนงานมีอํานาจ เขาไปในที่ดินของผูมีสิทธิในที่ดิน หรือผูครอบครองในเวลากลางวันได แตจะตองแจงใหผูมีสิทธิในที่ดินทราบเสียกอน และใหผูมีสิทธิในที่ดินหรือผูครอบครองที่ดินนั้นอํานวยความสะดวกตามควรแกกรณี

ในกรณีตองสรางหมุดหลักฐานการแผนที่ในที่ดินของผูใด ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสรางหมุดหลักฐานลงไดตามความจําเปน

ในการรังวัด เมื่อมีความจําเปนและโดยสมควร พนักงานเจาหนาที่มีอํานาจที่จะ ขุดดิน ตัด รานกิ่งไมหรือกระทําการอยางอ่ืนแกสิ่งที่กีดขวางแกการรังวัดไดเทาที่จําเปน ทั้งนี้ใหระลึกถึงการที่จะใหเจาของไดรับความเสียหายนอยที่สุด

ประเด็นปญหา ในการรังวัดตรวจสอบที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน

พนักงานเจาหนาที่มีอํานาจเขาไปในที่ดินของบุคคลอื่นหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

กฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) และคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑๙๙/๒๕๑๙

อํานาจหนาที่ของหนวยงานหรือเจาหนาที่ของรัฐในการดูแลรักษา และดาํเนนิการ

คุมครองปองกันที่ดิน อันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน หมายความรวมถึงการที่จะปองกันมิให

บุคคลใดมาบุกรุกที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินได การที่จะทราบวา มีบุคคลใดบุกรุก

ที่ดินหรือไม ผูดูแลรักษาจะตองทราบเขตที่ดินสาธารณสมบัติของแผนดินที่แนนอนเสียกอน จึงมี

สิทธิและหนาที่ที่จะขอใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการตรวจสอบเขตที่ดินได สวนการที่

เจาพนักงานที่ดินจะดําเนินการรังวัดเพื่อตรวจสอบที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินโดยวิธีใด

นั้น ยอมเปนทางปฏิบัติของเจาพนักงานที่ดินเอง เพราะบางกรณีการรังวัดตรวจสอบเขตที่ดินอาจ

ทําไดโดยการรังวัดเฉพาะที่ดินที่ตองการรังวัด แตบางกรณีก็อาจจําเปนตองตรวจสอบไปถึงที่ดิน

ขางเคียงเพื่อความถูกตองดวยได ทั้งนี้ เจาพนักงานที่ดินมีสิทธิในการที่จะเขาไปในที่ดินของ

บุคคลอื่นตามมาตรา ๖๖ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และเรียกผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงมาระวัง

แนวเขตหรือมาใหถอยคําหรือสงเอกสารตามมาตรา ๗๐ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ไดอยูแลว คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๓๘/๒๕๔๓

ในกรณีที่มีความจําเปนตองทําการรังวัดที่ดินหรือทางสาธารณะเพื่อตองการทราบวามีการบุกรุกที่ดินหรือทางสาธารณะดังกลาวหรือไม ในทางปฏิบัติพนักงานเจาหนาทีใ่นการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 101:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๖

รังวัดมักจะอางวาไมสามารถเขาไปในที่ดินขางเคียงที่ติดกับทางสาธารณะหรือที่ดินที่มีการรังวัดสอบเขตได หากเจาของที่ดินขางเคียงนั้นมิไดขอรังวัดสอบเขตดวย และมักแจงใหเจาของที่ดินที่ถูกอางวาเปนผูบุกรุกนั้นไปขอรังวัดสอบเขต ซึ่งเปนไปไมไดที่ผูบุกรุกจะไปขอรังวัดสอบเขตที่ดินของตน ทําใหเกิดปญหาอยูตลอดมา คณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขจึงเห็นวา พนักงานเจาหนาที่ในการรังวัดมีอํานาจที่จะเขาไปในที่ดินขางเคียง เพื่อประโยชนในการรังวัดไดตามมาตรา ๖๖ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน แมเจาของที่ดินนั้นจะมิไดขอรังวัดก็ตาม

ประเด็นปญหา การที่พนักงานเจาหนาที่ดําเนินการรังวัดปกหลักเขตที่ดินพิพาท

เปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม หรือการที่ไมดําเนินการดังกลาวเปนการละเลยตอ

หนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดและ

คณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๕๓/๒๕๔๖

การที่ผูฟองคดีและนาย ฉ. เจาของที่ดินขางเคียงกับที่ดินของผูฟองคดีซึ่งเปน

คูความในคดีของศาลยุติธรรมไดตกลงทําสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลมีคําพิพากษา

ตามยอมแลววา ที่ดินพิพาทซึ่งเปนสวนที่โฉนดที่ดินของผูฟองคดีและโฉนดที่ดินของนาย ฉ. ทับซอน

กันเปนที่ดินของนาย ฉ. ไมใชเปนของผูฟองคดี คําพิพากษาตามยอมดังกลาวยอมผูกพัน

ผูฟองคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๔๕ ดังนั้น การที่เจาหนาที่ของ

สํานักงานที่ดินทําการรังวัดสอบเขตที่ดินของนาย ฉ. และไดทําการปกหลักเขตที่ดินใหมแทน

หลักเขตเกาที่สูญหายไปในที่ดินพิพาท จึงไมไดรุกล้ําที่ดินของผูฟองคดีตามที่กลาวอางในคําฟอง

การปกหลักเขตที่ดินดังกลาวชอบดวยประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๙ ทวิ ประกอบมาตรา ๖๖ แลว คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๒๗๙/๒๕๔๓

ผูมีสิทธิในที่ดินมีหนาที่อํานวยความสะดวกตามสมควรแกกรณีเพื่อใหพนักงานเจาหนาที่เขาไปในที่ดินเพื่อทําการรังวัดตามมาตรา ๖๖ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น การที่สํานักงานที่ดินไดนัดรังวัดที่ดินจํานวน ๘ คร้ัง แตไมสามารถรังวัดได เนื่องจากมีผูคัดคานและขัดขวางการรังวัดและผูรองทุกขไมสามารถนําเจาหนาที่เขาทําการรังวัดที่ดินได ซึ่งพนักงานเจาหนาที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินไมมีอํานาจในการดําเนินการกับผูที่ขัดขวางการรังวัดที่ดิน จึงเปนเร่ืองที่ผูรองทุกขจะตองไปดําเนินการตามกฎหมายอื่น เพื่อใหสามารถนําทําการรังวัดได เมื่อไมสามารถทําการรังวัดได สํานักงานที่ดินจึงไมสามารถออก น.ส. ๓ ใหแกผูรองทุกขได การ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 102:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๗

ดําเนินการของเจาพนักงานที่ดินดังกลาว จึงยังไมอาจถือไดวาเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติในการรังวัดและออก น.ส. ๓ ใหแกผูรองทุกข

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 103:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๘

มาตรา ๖๗ เมื่อพนักงานเจาหนาที่ไดจัดทําหลักหมายเขตที่ดิน หรือไดสรางหมุดหลักฐานเพื่อการแผนที่ลงไวในที่ใด หามมิใหผูหนึ่งผูใดนอกจากพนักงานเจาหนาที่ ทําลาย ดัดแปลง เคลื่อนยาย ถอดถอนหลักหมายเขตหรือหมุดหลักฐานเพื่อการแผนที่นั้นไปจากที่เดิม เวนแตจะไดรับอนุญาตจากเจาพนักงานที่ดิน

คําวินิจฉัยทีน่าสนใจ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที ่๗๙/๒๕๕๐

แมเจาหนาที่รังวัดจะเปนเจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติ

จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แตการรังวัดทําแผนที่พิพาทเปนการ

ดําเนินการตามคําสั่งศาลยุติธรรมเพื่อประกอบการพิจารณาคดีที่มีการฟองรองกันตอศาล หาใชกฎ

หรือคําส่ังทางปกครองที่ผูฟองคดีจะนํามายื่นฟองตอศาลปกครองใหเพิกถอนได หากผูฟองคดี

เห็นวาการรังวัดนั้นไมถูกตอง ก็ชอบที่จะนําพยานหลักฐานไปคัดคานตอศาลยุติธรรมที่พิพากษาคดี คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๗/๒๕๐๖

เจาพนักงานที่ดินผูไปทําแผนที่พิพาทตามคําสั่งศาลในคดีแพง ไมใชพนักงาน

เจาหนาที่ตามมาตรา ๖๗ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะมิไดเปนผูปฏิบัติการตามประมวล

กฎหมายที่ดิน ตามความหมายในมาตรา ๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และไมใชเจาพนักงาน

ของศาลหรือเจาพนักงานผูมีอํานาจปฏิบัติการตามหนาที่ เพื่อเปนหลักฐานในการยึดอายัดหรือ

รักษาสิ่งใด ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๑

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 104:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๙๙

มาตรา ๖๘ เมื่อบุคคลใดมีความจําเปนที่จะตองกระทําการตามความในมาตรา ๖๗ ใหยื่นคํารองตอเจาพนักงานที่ดินเพื่อขออนุญาต

ในกรณีที่เจาพนักงานที่ดินไมอนุญาต ใหเจาของที่ดินมีสิทธิอุทธรณตอรัฐมนตรีได ภายในสิบหาวันนับจากวันทราบคําสั่งไมอนุญาต ใหรัฐมนตรีสั่งภายในหกสิบวันนับจากวันไดรับอุทธรณ คําสั่งรัฐมนตรีใหเปนที่สุด

ถารัฐมนตรีไมสั่งภายในกําหนดหกสิบวันด่ังกลาวในวรรคกอน ใหถือวาอนุญาต

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 105:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๐

มาตรา ๖๙ เมื่อเปนการสมควรจะทําการสอบเขตที่ดินตามแผนที่ระวางในทองที่ใด ใหผูวาราชการจังหวัดประกาศใหผูมีสิทธิในที่ดินทราบลวงหนาไมนอยกวาสิบหาวัน การประกาศใหทําหนังสือปดไวในบริเวณที่ดินเพื่อใหผูที่เกี่ยวของทราบดวยและใหแจงกําหนด วัน เวลา ไปใหผูมีสิทธิในที่ดินทราบอีกชั้นหนึ่ง และใหผูมีสิทธิ ในที่ดินนําพนักงานเจาหนาที่ทําการรังวัดสอบเขตที่ดิน

ผูมีสิทธิในที่ดินตามความในวรรคกอน จะตั้งตัวแทนนําพนักงานเจาหนาที่ทําการรังวัดสอบเขตที่ดินของตนก็ได

ที่ดินที่ไดทําการสอบเขตแลว ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจทําโฉนดที่ดินใหใหม แทนฉบับเดิม สวนฉบับเดิมเปนอันยกเลิกและใหสงคืน (มีการเพิ่มมาตรา ๖๙ ทวิ โดยขอ ๘ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔

ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ดังตอไปนี้)

มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอสอบเขตโฉนดทีด่นิเฉพาะรายของตน

ใหยื่นคําขอพรอมดวยโฉนดที่ดินนั้นตอเจาพนักงานที่ดิน และใหพนักงานเจาหนาที่ไปทําการรังวัด

ให

ในการรังวัด ถาปรากฏวาการครอบครองไมตรงกับแผนที่ในโฉนดที่ดิน เมื่อผูมี

สิทธิในที่ดินขางเคียงดานที่เกี่ยวของไดลงชื่อรับรองแนวเขต ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจแกไขให

ตรงกับความเปนจริงได เวนแตจะเปนการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย

หากปรากฏวามีผูคัดคาน ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจสอบสวนไกลเกลี่ย โดยถอื

หลักฐานแผนที่เปนหลักในการพิจารณา ถาตกลงกันไดใหดําเนินการไปตามที่ตกลง แตตองไมเปน

การสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย หากตกลงกันไมได ใหแจงใหคูกรณีไปฟองรองตอศาลภายใน

เกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ถาไมมีการฟองรองภายในกําหนดดังกลาว ใหถือวาผูขอไมประสงค

จะสอบเขตโฉนดที่ดินนั้นตอไป

ในกรณีผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอใหตรวจสอบเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่ดินนั้น

ตอนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอทองที่ และใหนําความในวรรคสอง

และวรรคสามมาใชบังคับโดยอนุโลม

(ความในมาตรา ๖๙ ทวิ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏวิตั ิฉบับที ่๓๓๔

ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 106:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๑

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๐ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอสอบเขตโฉนดที่ดินเฉพาะรายของตน

ใหยื่นคําขอพรอมดวยโฉนดที่ดินนั้นตอเจาพนักงานที่ดิน และใหพนักงานเจาหนาที่ไปทําการรังวัด

ให

ในการรังวัด ถาปรากฏวาการครอบครองไมตรงกับแผนที่หรือเนื้อที่ในโฉนดที่ดิน

เมื่อผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับรองแนวเขตแลว ใหเจาพนกังานทีด่นิมอํีานาจแกไขแผนทีห่รือเนือ้ที่

ใหตรงกับความเปนจริงได เวนแตจะเปนการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย

ในกรณีที่ไมอาจติดตอผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงใหมาระวังแนวเขตไดหรือในกรณี

ที่ผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับการติดตอจากพนักงานเจาหนาที่ใหมาระวังแนวเขตแลวแตไมมา

หรือมาแตไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไมไดคัดคานการรังวัด ใหพนักงานเจาหนาที่แจงเปน

หนังสือใหผูนั้นมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดสงหนังสือ ถา

ผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไมดําเนินการอยางหนึ่งอยางใดภายในกําหนดดังกลาว และผูขอไดให

คํารับรองวามิไดนําทําการรังวัดรุกล้ําที่ดินขางเคียงและยินยอมใหแกไขแผนที่หรือเนื้อที่ใหตรงกับ

ความเปนจริง ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามวรรคสองไปไดโดยไมตองมีการรับรองแนวเขต

การติดตอหรือการแจงผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามความในวรรคสาม ใหเปนไป

ตามหลักเกณฑ และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

หากปรากฏวามีผูคัดคาน ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจสอบสวนไกลเกลี่ย โดยถอื

หลักฐานแผนที่เปนหลักในการพิจารณา ถาตกลงกันไดใหดําเนินการไปตามที่ตกลง แตตองไมเปน

การสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย หากตกลงกันไมได ใหแจงคูกรณีไปฟองรองตอศาลภายใน

เกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ถาไมมีการฟองรองภายในกําหนดดังกลาว ใหถือวาผูขอไมประสงค

จะสอบเขตโฉนดที่ดินนั้นตอไป

ในกรณีผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอใหตรวจสอบเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทํา

ประโยชนเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่ดินนั้น

ตอหัวหนาเขต นายอําเภอ หรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอทองที่ แลวแตกรณี และ

ใหนําความในวรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่และวรรคหามาใชบังคับโดยอนุโลม

(ความในมาตรา ๖๙ ทวิ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๐ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 107:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๒

(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอสอบเขตโฉนดที่ดินเฉพาะราย

ของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยโฉนดที่ดินนั้นตอเจาพนักงานที่ดินและใหพนักงานเจาหนาที่ไปทําการรังวัดให

ในการรังวัด ถาปรากฏวาการครอบครองไมตรงกับแผนที่หรือเนื้อที่ใน โฉนดที่ดิน เมื่อผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับรองแนวเขตแลว ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจแกไขแผนที่หรือเนื้อที่ใหตรงกับความเปนจริงได เวนแตจะเปนการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย

ในกรณีที่ไมอาจติดตอผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงใหมาระวังแนวเขตได หรือในกรณีที่ผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับการติดตอจากพนักงานเจาหนาที่ใหมาระวังแนวเขตแลวแตไมมา หรือมาแตไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไมไดคัดคานการรังวัด ใหพนักงานเจาหนาที่แจงเปนหนังสือใหผูนั้นมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดสงหนังสือ ถาผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไมดําเนินการอยางหนึ่งอยางใดภายในกําหนดดังกลาว และผูขอไดใหคํารับรองวามิไดนําทําการรังวัดรุกล้ําที่ดินขางเคียงและยินยอมใหแกไขแผนที่หรือเนื้อที่ใหตรงกับความเปนจริง ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามวรรคสองไปไดโดยไมตองมีการรับรองแนวเขต

การติดตอหรือการแจงผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามวรรคสาม ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

หากปรากฏวามีผูคัดคาน ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจสอบสวนไกลเกลี่ยโดยถือหลักฐานแผนที่เปนหลักในการพิจารณา ถาตกลงกันไดก็ใหดําเนินการไปตามที่ตกลง แตตองไมเปนการสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย หากตกลงกันไมไดใหแจงคูกรณีไปฟองตอศาลภายในเกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ถาไมมีการฟองภายในกําหนดดังกลาว ใหถือวาผูขอไมประสงคจะสอบเขตโฉนดที่ดินนั้นตอไป

ในกรณีผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอใหตรวจสอบเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทําประโยชนเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่ดินนั้นตอเจาพนักงานที่ดิน และใหนําความในวรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคหา มาใชบังคับโดยอนุโลม

กฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคสี่ คือ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๑

(พ.ศ. ๒๕๒๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ วาดวย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 108:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๓

การติดตอหรือการแจงผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงใหมารับรองแนวเขตหรือคัดคานการรังวัด ซึ่ง

กําหนดทางปฏิบัติไวดังตอไปนี้

(๑) ในกรณีที่ผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับการติดตอจากพนักงานเจาหนาที่ให

มาระวังแนวเขตแลว แตไมมาหรือมาแตไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไมคัดคานการรังวัด

ใหพนักงานเจาหนาที่ทําหนังสือแจงใหมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานการรังวัดโดยสงทาง

ไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปยังผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามที่อยูที่เคยติดตอหรือตามที่อยูที่ผูมี

สิทธิในที่ดินขางเคียงนั้นไดแจงเปนหนังสือไวตอพนักงานเจาหนาที่

(๒) ในกรณีที่ไมอาจติดตอผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงใหมาระวังแนวเขตได ให

พนักงานเจาหนาที่ปดหนังสือแจงใหผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงนั้นมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือ

คัดคานการรังวัดไวในที่เปดเผย ณ บริเวณที่ดินของผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงและ ณ ที่วาการเขต

หรือที่วาการอําเภอหรือกิ่งอําเภอในทองที่อันเปนที่ตั้งของที่ดินนั้นแหงละหนึ่งฉบับ พรอมกับใหสง

หนังสือแจงนั้นทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปยังผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามที่อยูที่พนักงาน

เจาหนาที่สอบถามไดความจากนายทะเบียนอําเภอหรือนายทะเบียนทองถิ่น หรือถาสอบถามแลว

ยังไมทราบที่อยูของผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียง ก็ใหสงไปยังผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามที่อยู

ที่ปรากฏหลักฐานที่สํานักงานที่ดิน

ประเด็นปญหา ในกรณีที่การรังวัดสอบเขตที่ดินของเอกชนที่มีแนวเขตติดตอกับ

ที่ดินสาธารณประโยชน หากปรากฏวาเจาหนาที่ของรัฐที่มีอํานาจหนาที่ในการดูแลรักษา

ที่สาธารณประโยชนนั้นคัดคานแนวเขต เจาพนักงานที่ดินจะมีอํานาจทําการสอบสวนไกลเกลี่ย

ตามนัยมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ

แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ หรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

วินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๗๖/๒๕๔๒

ในกรณีที่มีการโตแยงคัดคานการรังวัดสอบเขตที่ดิน ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เจาพนักงานที่ดินมีเพียงอํานาจในการสอบสวนไกลเกลี่ยเทานั้น ไมมี

อํานาจสั่งการวาเห็นดวยหรือไมเห็นดวยกับฝายใด ในกรณีที่การรังวัดสอบเขตที่ดินที่มีแนวเขต

ติดตอกับที่สาธารณประโยชน และเจาพนักงานที่มีอํานาจหนาที่ดูแลรักษาคัดคานแนวเขต การ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 109:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๔

สอบสวนไกลเกลี่ยของเจาพนักงานที่ดินยอมไมมีผลทําใหเกิดการโอนที่ดินของรัฐใหแกเอกชน

โดยไมไดปฏิบัติตามวิธีการที่กฎหมายกําหนดไว ดังนั้น ในการรังวัดสอบเขตที่ดินที่มีแนวเขต

ติดตอกับที่สาธารณประโยชน เมื่อผูมีอํานาจหนาที่ในการดูแลรักษาคัดคาน เจาพนักงานที่ดิน

จะตองดําเนินการตามอํานาจหนาที่ที่กฎหมายกําหนดไว

เมื่อปรากฏวาเจาพนักงานที่มีอํานาจหนาที่ดูแลรักษาคัดคานการรังวัดสอบเขต

ที่ดินมีโฉนดของผูรองทุกข เจาพนักงานที่ดินจะตองดําเนินการสอบสวนไกลเกลี่ย หากตกลงกันไมได

ใหแจงคูกรณีไปฟองตอศาลภายในเกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การที่สํานักงานที่ดินมีหนังสือแจงตอผูรองทุกขวาไมสามารถดําเนินการ

ตามคําขอรังวัดสอบเขตที่ดินของผูรองทุกขตอไปได ยอมถือไดวาเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่

กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ

ประเด็นปญหา ในการใชอํานาจทําการสอบสวนไกลเกลี่ยตามมาตรา ๖๙ ทวิ

วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล

กฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ เจาพนักงานที่ดินจังหวัดจะมอบหมายใหนายชางรังวัด

เปนผูดําเนินการแทนไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทกุขที่ ๑๖/๒๕๓๑

ตามมาตรา ๗๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติใหนําบทบัญญัติใน

มาตรา ๖๙ ทวิ มาใชบังคับกับการรังวัดแบงแยกที่ดินออกเปนหลายแปลงดวย เมื่อการรังวัดเพื่อแบงกรรมสิทธิ์รวมเปนการรังวัดแบงแยกที่ดินออกเปนหลายแปลง เจาพนักงานที่ดินจังหวัดจึงมีอํานาจทําการสอบสวนไกลเกลี่ยได และตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา ไมไดบังคับวาเจาพนักงาน

ที่ดินจังหวัดจะตองทําการสอบสวนไกลเกลี่ยดวยตนเอง ดังนั้น เพื่อประโยชนในการปฏิบัติราชการ เจาพนักงานที่ดินจังหวัดจึงอาจมอบหมายใหนายชางรังวัดซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชาตามสายงานบริหารเปนผูดําเนินการสอบสวนไกลเกลี่ยแทนได

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินหรือพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการรังวัด

สอบเขตที่ดินและแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดินพิพาท หรือทําการสอบสวนไกลเกลี่ยชอบ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 110:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๕

ดวยกฎหมายหรือไม หรือละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติตามมาตรา ๖๙ ทวิ

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย

ที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ หรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดและคณะกรรมการ

วินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที ่อ.๙๒/๒๕๔๗ การที่ชางรังวัด (ผูถูกฟองคดีที่ ๒) ไดดําเนินการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินโดยการ

นําชี้ของเจาของที่ดินและเจาหนาที่ของรัฐที่มีอํานาจหนาที่ดูแลรักษาทางหลวง โดยไดทําการรังวัด

ตามหลักวิชา กับไดนําหลักฐานการรังวัดเดิมมาใชเปนหลักฐานประกอบการรังวัดครั้งนี้ และเมื่อ

ผลการรังวัดปรากฏวาไดเนื้อที่และรูปแผนที่เทาเดิม เจาหนาที่ก็ไดแจงใหนายอําเภอผูมีอํานาจ

หนาที่ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชนที่อยูขางเคียงซึ่งไมไประวังชี้แนวเขตทราบดวย ซึ่งตาม

หลักฐานการรังวัดเดิม นายอําเภอไดตรวจสอบและรับรองแนวเขตโฉนดที่ดินไวแลววาไมรุกล้ํา

ทางสาธารณประโยชน และในการรังวัดครั้งนี้นายอําเภอก็มิไดโตแยงคัดคานแตอยางใด เมื่อที่ดิน

ที่ขอรังวัดสอบเขตกับที่ดินของผูฟองคดีไมมีแนวเขตติดตอกัน โดยมีทางสาธารณประโยชน

คั่นกลางและนายอําเภอไดรับรองแนวเขตทางสาธารณประโยชนแลว ดังนั้น จึงถือไดวา

เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๑) และผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดดําเนินการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดิน

ดังกลาวตามขั้นตอนและวิธีการตามที่กฎหมาย กฎ และระเบียบกําหนดไวแลว ตามมาตรา ๖๙ ทว ิ

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๑ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติ

ใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการรังวัดสอบเขต

แบงแยก และรวมโฉนดที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๗ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๐/๒๕๔๘

เมื่อปรากฏขอเท็จจริงวา ในการรังวัดสอบเขตที่ดินตามคําขอของผูฟองคดีนั้น

ผูฟองคดีนําทําการรังวัดไมตรงกับหลักฐานการรังวัดที่มีอยูเดิมเนื่องจากหลักเขตที่ดินสูญหายไป

หนึ่งหลัก ชางรังวัดไดใหผูฟองคดีและเจาของที่ดินขางเคียงนําชี้ตําแหนงของหลักเขตที่สูญหายไป

เพื่อปกหลักใหม แตผูฟองคดีและเจาของที่ดินขางเคียงนําชี้ในตําแหนงที่แตกตางกัน ชางรังวัดจึง

ไดทําแผนที่แสดงเขตคัดคานไว และเจาพนักงานที่ดินไดทําการสอบสวนไกลเกลี่ยคูกรณีโดยถือ

หลักฐานแผนที่เปนหลักในการพิจารณา แตคูกรณีไมสามารถตกลงกันได เจาพนักงานที่ดินจึงแจง

ใหทั้งสองฝายไปฟองคดีตอศาลภายใน ๙๐ วันนับแตวันที่ไดรับแจง กรณีจึงถือไดวาไดมีการ

ดําเนินการไปตามขอ ๕ ของระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการรังวัดสอบเขต แบงเขต และรวมโฉนดที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 111:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๖

พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งกําหนดไววา การรังวัดสอบเขต แบงแยก และรวมโฉนดที่ดินนั้น เมื่อผูขอและ

เจาของที่ดินขางเคียงนําชี้เขตที่ดินแลว ชางรังวัดตองตรวจสอบและคนหาหลักเขตที่ดินตามหลัก

วิชาเพื่อใหทราบวาเขตที่ดินที่ผูขอและเจาของที่ดินขางเคียงนําทําการรังวัดตรงกับเขตโฉนดที่ดิน

หรือไม ถาไมมีหลักฐานการรังวัดเดิมตรวจสอบ ใหทําการรังวัดไปตามที่ผูขอและเจาของที่ดิน

ขางเคียงนําชี้ และในวรรคสอง กําหนดวา ในกรณีที่ที่ดินแปลงที่ขอรังวัดหรือแปลงขางเคียงเปน

แผนที่ชั้นหนึ่งหรือมีหลักฐานการรังวัดใหม (ร.ว.ม) ถาเจาของที่ดินนําทําการรังวัดไมตรงกับ

หลักฐานการรังวัดเดิม ชางรังวัดตองแจงใหผูขอและเจาของที่ดินดานที่เกี่ยวของทราบ เมื่อผูขอ

และเจาของที่ดินขางเคียงไดตกลงแนวเขตกันอยางไร ก็ใหรังวัดไปตามนั้น แตถาผูขอและเจาของ

ที่ดินขางเคียงไมสามารถตกลงกันได ก็ใหทําแผนที่แสดงเขตคัดคานไวดวย และเปนการดาํเนนิการ

ไปตามที่มาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติไวแลว จึงไมใชกรณี

ที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ

ในการรังวัดสอบเขตที่ดินของผูฟองคดี คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๘๕/๒๕๔๙

ในกรณีที่มีผูขอแบงแยกที่ดินตามมาตรา ๗๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งตอง

นํามาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายดังกลาวมาใชบังคับโดยอนุโลมนั้น เมื่อปรากฏวาเจาหนาที่

ไดทําการรังวัดแลว รูปแผนที่และเนื้อที่การครอบครองไมตรงกับแผนที่หรือเนื้อที่ในโฉนดที่ดินซึ่ง

เปนรูปแผนที่อยางเกา แตเมื่อเจาของที่ดินแปลงขางเคียงดานที่เกี่ยวของไดลงนามรับรองแนวเขต

แลว พรอมทั้งใหถอยคําวาไดครอบครองมานานแลว และขอเท็จจริงไมปรากฏวาเปนการสมยอม

เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย เจาพนักงานที่ดินจึงยอมมีอํานาจแกไขแผนที่หรือเนื้อที่ใหตรงกับความ

เปนจริงตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดินได โดยอาศัยตามรูปแผนที่

ที่เจาหนาที่ไดจําลองตามผลการรังวัดไว ตามนัยขอ ๑๐.๑ ของระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการรังวัด

สอบเขต แบงแยก และรวมโฉนดที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งกําหนดไววา กรณีแผนที่อยางเกาไมมี

หลักฐานการรังวัดเดิมที่จะตรวจสอบได หรือเปนแผนที่ชั้นสองซึ่งสามารถตรวจสอบได

โดยประมาณ ใหผูทําการรังวัดสอบสวนเจาของที่ดินขางเคียงไวเปนหลักฐาน วามีการสมยอมเพื่อ

หลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม ถาไมเปนการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย และปรากฏวารูปแผนที่

หรือเนื้อที่ที่ทําการรังวัดใหมแตกตางกับรูปแผนที่หรือเนื้อที่ในโฉนดที่ดินเนื่องจากครอบครอง

ใหหมายเหตุในตนรางแผนที่ดวยหมึกแดงวา “ไมสามารถหาหลักฐานครอบลงรูปแผนที่เดิมได”

แลวใหชางรังวัดเสนอความเห็นตอเจาพนักงานที่ดิน เพื่อพิจารณาดําเนินการสั่งแกไขรูปแผนที่หรือ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 112:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๗

เนื้อที่ในโฉนดที่ดินตอไป แตเมื่อปรากฏวาผูฟองคดีซึ่งเปนเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ไดรวมยื่นคําขอ

แบงกรรมสิทธิ์รวมที่ดินพิพาท มิไดลงนามรับรองรูปแผนที่และไมยอมรับผลการรังวัดก็ยอมทําให

เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๑) ไมสามารถดําเนินการจดทะเบียนแบงแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให

แลวเสร็จได กรณีดังกลาวนี้จึงตองปฏิบัติตามหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๐๑/ ว ๑๕๘๐๒ ลงวันที่

๘ มิถุนายน ๒๕๔๑ ที่ใหมีหนังสือเตือนใหผูขอไปดําเนินการจดทะเบียนภายในกําหนดระยะเวลา

๓๐ วัน นับแตวันที่มีหนังสือแจงเตือน หากผูขอไมดําเนินการใหรอเร่ืองไวพิจารณา ๕ ป นับแตวัน

ทําการรังวัด เมื่อครบกําหนดระยะเวลา ๕ ปแลว ผูขอยังไมมาดําเนินการ สํานักงานที่ดินจะแจงให

ไปดําเนินการภายในกําหนด ๓๐ วัน นับแตวันที่มีหนังสือแจงครบกําหนดแลว แตถาผูขอไมไป

ดําเนินการตอไปก็จะสั่งยกเลิกคําขอ ซึ่งคดีนี้เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๑) ไดปฏิบัติหนาที่

ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติตามขั้นตอนตางๆ ถูกตองครบถวนแลว คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๐๗/๒๕๔๙

การที่ชางรังวัดไดนํารูปแผนที่ที่รังวัดไดลงระวางแผนที่แลว ปรากฏวาไมทับที่ดิน

แปลงขางเคียงและที่สาธารณประโยชน อีกทั้งเจาของที่ดินขางเคียงไดลงชื่อรับรองแนวเขตแลว

แมตอมาจะมีผูคัดคานการนําทําการรังวัดของผูฟองคดี โดยอางวาผูฟองคดีนําทําการรังวัดรุกล้ํา

ที่ดินของตนตามหลักฐานใบจองก็ตาม แตนายอําเภอไดมีคําสั่งใหยกเลิกเพิกถอนใบจองดังกลาว

แลว ดังนั้น การรังวัดสอบเขตเพื่อเปลี่ยนตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” เปนโฉนดที่ดิน

จึงเปนการดําเนินการตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินและระเบียบขั้นตอนแลว

เมื่อผูปกครองทองที่ซึ่งมีอํานาจหนาที่ในการดูแลรักษาที่สาธารณะไดใหถอยคํา

รับรองวา ผูฟองคดีมิไดนําทําการรังวัดปกหลักเขตทับทางสาธารณประโยชน และที่ดินที่ผูฟองคดี

นําทําการรังวัดเปนที่ดินที่ผูฟองคดีครอบครองและทําประโยชนแลว และมิไดมีลักษณะตองหามมิ

ใหออกโฉนดที่ดิน ประกอบกับผูอํานวยการสวนสงเสริมการรังวัด กรมที่ดิน ใหถอยคํารับรองวา

รูปแผนที่และระยะที่ปรากฏในตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” เปนรูปแผนที่และระยะ

โดยประมาณ จึงเห็นไดวา การที่รูปแผนที่และเนื้อที่จากการรังวัดสอบเขตที่ดินของผูฟองคดี

แตกตางจากรูปแผนที่และเนื้อที่ในตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” เปนผลมาจากการทํา

การรังวัดและการคํานวณเนื้อที่ตางวิธีกันระหวางการรังวัดออกตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชน

แลว” เมื่อป พ.ศ. ๒๔๗๕ กับการรังวัดสอบเขตที่ดินเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ และวันที่ ๑

สิงหาคม ๒๕๓๘ หาใชกรณีที่ผูฟองคดีกับผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงสมยอมแลกเปลี่ยนแนวเขตเพื่อ

หลีกเลี่ยงกฎหมายไม ดังนั้น เมื่อการรังวัดสอบเขตเพื่อเปลี่ยนตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 113:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๘

แลว” เปนโฉนดที่ดิน ชางรังวัดไดดําเนินการตามกฎหมายและระเบียบขั้นตอนดังที่ไดวินิจฉัย

มาแลว ทั้งผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดลงชื่อรับรองแนวเขตถูกตองแลว เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี

ที่ ๒) จึงตองดําเนินการแกไขแผนที่และเนื้อที่ในตราจองที่ตราวา “ไดทําประโยชนแลว” ใหตรงกับ

ความจริงแลวเปลี่ยนเปนโฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดีตอไป การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมดําเนินการตาม

นัยดังกลาว ถือไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ ละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติในการ

รังวัดสอบเขตที่ดินตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน สวนผูวาราชการจังหวัด (ผูถูก

ฟองคดีที่ ๑) ไมมีอํานาจหนาที่เกี่ยวกับการรังวัดสอบเขตที่ดินตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมิไดละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ

แตอยางใด คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๒๗/๒๕๔๙

ในการรังวัดออกโฉนดที่ดินพิพาทใหแกผูฟองคดีนั้น ผูฟองคดีใหถอยคําตอ

เจาหนาที่วา ไดนําทําการรังวัดออกโฉนดที่ดินตามแนวเขตที่ครอบครองทําประโยชน ไมมีการ

สมยอมแนวเขตกับเจาของที่ดินขางเคียง โดยมีเจาของที่ดินขางเคียงและผูปกครองทองที่รับรอง

แนวเขตทุกดาน ซึ่งเจาของที่ดินขางเคียงไดนํารังวัดออกโฉนดที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก. ใน

คราวเดียวกันและผูฟองคดีไดรับรองแนวเขตใหเชนกัน ประกอบกับผูฟองคดีมิไดกลาวอางวาไดมี

การโยกยายหลักเขตที่ดินหลังจากตางฝายตางรับรองแนวเขตที่ดินซึ่งกันและกันดังกลาวแลว คง

อางแตเพียงวาแนวเขตผิดไปจากแนวเขต น.ส. ๓ ก. เดิม เทานั้น จึงฟงไดวาการรังวัดออก

โฉนดที่ดินดังกลาวไดดําเนินการตามที่ผูฟองคดีนําชี้แนวเขตที่ครอบครองทําประโยชน ซึ่งในการ

นําชี้ของผูฟองคดีแนวเขตมีการเปลี่ยนแปลงไปจากหลักฐานเดิมจึงมีการปกหลักเขตที่ดินเพิ่มเติม

เมื่อผูฟองคดีไมโตแยงและไมมีผูคัดคานการรังวัดออกโฉนดที่ดินของผูฟองคดี การออกโฉนดที่ดิน

ใหผูฟองคดีโดยมีการปกหลักเขตที่ดินตางไปจากหลักเขตเดิมใน น.ส. ๓ ก. จึงเปนการกระทําที่

ชอบดวยกฎหมาย

ในการดําเนินการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินดังกลาว ผูฟองคดีและเจาของที่ดิน

ขางเคียงทิศตะวันออกไดใหถอยคําตอเจาหนาที่วาไดนํารังวัดปกหลักเขตตามเขตที่ครอบครอง

มาแตเดิม ซึ่งมีร้ัวเกาและหลักเขตเกาเปนเขตโดยไมไดสมยอมแนวเขตกัน แมการครอบครอง

ไมตรงกับแผนที่หรือเนื้อที่ในโฉนดที่ดิน แตเจาของที่ดินขางเคียงไดรับรองแนวเขตแลว เจาพนักงาน

ที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) จึงมีอํานาจแกไขแผนที่หรือเนื้อที่ใหตรงกับความจริงไดตามมาตรา ๖๙ ทวิ

วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ ภายหลังผูถูกฟองคดีมีคําสั่งใหแกไขเนื้อที่และ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 114:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๐๙

รูปแผนที่ในโฉนดที่ดินดังกลาว ผูฟองคดีไดไปใหถอยคํายินยอมใหมีการแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่

ใหถูกตองตามผลการรังวัด พรอมทั้งไดนําโฉนดที่ดินดังกลาวไปใหผูถูกฟองคดีแกไขเนื้อที่และ

รูปแผนที่ พยานหลักฐานดังกลาวจึงฟงไดวาผูฟองคดีและเจาของที่ดินขางเคียงในดานที่เกี่ยวของ

ตกลงยินยอมใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดินพิพาท ฉะนั้น การ

ดําเนินการรังวัดสอบเขตและสั่งแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดินของผูฟองคดีดังกลาว

จึงชอบดวยกฎหมาย

ตอมาเมื่อผูฟองคดีขอรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินพิพาทอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏวา

เจาของที่ดินขางเคียงดานทิศตะวันออกไดคัดคานแนวเขตตามที่ผูฟองคดีนํารังวัด เจาพนักงาน

ที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) จึงดําเนินการตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดิน โดยทํา

การสอบสวนไกลเกลี่ยแลว แตคูกรณีตกลงกันไมได ผูถูกฟองคดีจึงสั่งใหคูกรณีไปฟองศาลภายใน

เกาสิบวันนับแตวันที่ทราบคําส่ัง การดําเนินการดังกลาวของผูถูกฟองคดีจึงเปนการดําเนินการ

ตามอํานาจหนาที่ที่กําหนดในกฎหมายแลว คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๕๕/๒๕๔๙

ในวันทําการรังวัดโฉนดที่ดินพิพาท ผูฟองคดีและนางสาว น.ผูถือกรรมสิทธิ์รวม

ไดใหถอยคําวาขอแบงหักที่ดินดานทิศตะวันออกใหเปนที่สาธารณประโยชนเปนแปลงแยก ๑ สวน

ที่ดินดานทิศเหนือแบงแยกใหผูฟองคดีเปนแปลงแยก ๒ และที่ดินดานทิศใตแบงแยกใหนางสาว น.

เปนแปลงคงเหลือ โดยที่โฉนดที่ดินพิพาทมีรูปแผนที่อยางเกา และไมมีหลักฐานการรังวัดเดิมให

ตรวจสอบได เจาหนาที่ผูทําการรังวัดจึงทําการรังวัดปกหลักเขตที่ดินตามที่ผูขอและเจาของที่ดิน

ขางเคียงนําชี้ตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในขอ ๕ ของระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการรังวัดสอบเขต

แบงแยก และรวมโฉนดที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๗ แมเปนกรณีที่ตองทําการรังวัดแบงแยกจํากัดเนื้อที่ให

เปนไปตามความประสงคของผูขอ โดยตองทําการรังวัดสอบเขตรอบแปลงที่ดินกอนตามขอ ๘ ของ

ระเบียบดังกลาว แตโดยที่ที่ดินสวนที่แบงหักเปนที่สาธารณประโยชนมีสภาพเปนหนองน้ําที่ไม

สามารถปกหลักเขตที่ดินเพื่อทําการรังวัดได ยอมมีผลทําใหการสองกลองรังวัดและหาคาพิกัดฉาก

เพื่อคํานวณเนื้อที่ดินโดยวิธีคณิตศาสตรไมอาจกระทําได จึงตองใชรูปแผนที่ในโฉนดที่ดินเดิมเปน

หลักในการคํานวณเนื้อที่ตามวิธีมาตราสวน สวนที่ดินที่ผูฟองคดีและนางสาว น.ขอแบงกรรมสิทธิ์

รวมไดรังวัดดวยกลองธีโอโดไลท และเมื่อเจาหนาที่ผูทําการรังวัดไดคํานวณเนื้อที่ทั้งในสวนที่ดินที่

ผูฟองคดีและนางสาว น. ขอแบงกรรมสิทธิ์รวมและสวนของที่ดินที่แบงหักเปนที่สาธารณประโยชน

จึงแสดงใหเห็นวาเจาหนาที่ไดทําการรังวัดและคํานวณเนื้อที่ครอบคลุมเนื้อที่ทั้งหมดตามรูปแผนที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 115:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๐

ของโฉนดที่ดินพิพาทแลว การที่ผูฟองคดีอางวาเจาหนาที่ทําการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินดังกลาว

โดยไมสองกลองรังวัดและหาคาพิกัดฉากของทุกหมุดในสวนของที่ดินพิพาท ทําใหการรังวัดสอบ

เขตโฉนดที่ดินดังกลาวไมถูกตองตามเนื้อที่ที่มีอยูจริง จึงไมอาจรับฟงได นอกจากนี้ การที่

เจาหนาที่ไดรังวัดไปตามที่ผูขอและเจาของที่ดินขางเคียงนําชี้แนวเขตไดรูปแผนที่และเนื้อที่ตาง

จากเดิมโดยเนื้อที่เพิ่มขึ้น เมื่อเจาหนาที่สอบสวนแลวไมปรากฏวามีการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยง

กฎหมาย เจาหนาที่จึงมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปจดทะเบียนแบงแยกโฉนดที่ดินพิพาท ซึ่งผูฟองคดี

กับนางสาว น. ไดไปดําเนินการจดทะเบียนแบงหักเปนที่สาธารณประโยชนและแบงกรรมสิทธิ์รวม

พรอมทั้งใหความยินยอมในการแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใหเปนไปตามผลการรังวัด ตลอดจนให

การรับรองวามิไดนํารังวัดที่ดินรุกล้ําที่ดินขางเคียงและมิไดสมยอมแนวเขตที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยง

กฎหมาย ดังนั้น เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) จึงมีอํานาจแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดิน

ดังกลาว ใหตรงกับความเปนจริงได ตามนัยมาตรา ๗๙ ประกอบมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคสอง และ

วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และขอ ๑๐.๑ ของระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการรังวัดสอบเขต

แบงแยก และรวมโฉนดที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๗ การรังวัดสอบเขต การแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ของ

โฉนดที่ดินพิพาทของผูถูกฟองคดี จึงเปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมาย

สวนการแจงใหผูฟองคดีไปดําเนินการจดทะเบียนแบงแยกที่ดินก็เพื่อใหการ

แบงแยกที่ดินแลวเสร็จตามคําขอ หากผูฟองคดีไมไปดําเนินการกรณียอมอยูในดุลพินิจของ

ผูถูกฟองคดีที่จะยกเลิกคําขอแบงแยกกรรมสิทธิ์รวมหรือไมก็ได การที่ผูถูกฟองคดีไมยกเลิกคําขอ

และผูฟองคดีไมไดยื่นคําขอเพื่อยกเลิกคําขอรังวัดแบงแยกที่ดิน ผูถูกฟองคดีจึงมีหนาที่ตอง

ดําเนินการตามคําขอเดิมของผูฟองคดีตอไป คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๙๔/๒๕๒๔

กรณีที่เจาพนักงานที่ดินไดสอบสวนไกลเกลี่ยแลว แตคูกรณีตกลงกันไมได เจาพนักงานที่ดินจึงไดแจงใหคูกรณีไปฟองรองตอศาล เปนการปฏิบัติตามบทบัญญัติมาตรา ๖๙ ทว ิ

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๙๓/๒๕๒๕ เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา เจาพนักงานที่ดินไดทําการรังวัดสอบเขต โดยใช

หลักฐานเกี่ยวกับโฉนดที่ดินและหลักฐานแผนที่ที่ดินขางเคียงซึ่งมีอยูที่สํานักงานที่ดินแลว แตเนื่องจากโฉนดที่ดินของผูรองทุกขเปนโฉนดแผนที่อยางเกาไมมีหลักฐานที่จะปูโฉนดที่ดินได จึงไดรังวัดโดยประมาณจากรูปแผนที่ ปรากฏวา ไดเนื้อที่ ๑๗ ไร ๙๔ ตารางวาเทานั้น เมื่อผูรองทุกข

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 116:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๑

จะใหรังวัดใหไดจํานวนเนื้อที่ถึง ๓๖ ไร ตามโฉนดที่ดิน ก็ปรากฏวามีผูคัดคานวารังวัดบุกรุกที่ดิน ซึ่งในกรณีเชนนี้ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติใหเปนหนาที่ของ

ผูสอบเขตจะตองดําเนินการฟองเจาของที่ดินขางเคียงผูคัดคาน ดังนั้น กรณีนี้เจาหนาที่ของรัฐไดปฏิบัติหนาที่โดยชอบดวยกฎหมายแลว และเปนเรื่องพิพาทกันระหวางเอกชนกับเอกชนเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ซึ่งจะตองไปใชสิทธิทางศาล

คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๖/๒๕๓๑ ในการรังวัดแบงกรรมสิทธิ์รวมที่ดินของนาย บ. กับผูถือกรรมสิทธิ์รวม ผูรองทุกขในฐานะเจาของที่ดินขางเคียงไดแตงตั้งตัวแทนไประวังชี้แนวเขต แตตัวแทนของผูรองทุกขไมสามารถนําชี้แนวเขตที่ดินที่ถูกตองได จึงแสดงความจํานงขอใหมีการรังวัดสอบเขตที่ดินของ

ผูรองทุกขกอน โดยไมไดคัดคานการรังวัดแตอยางใด แตผูรองทุกขก็ไมยอมดําเนินการนํารังวัดสอบเขตที่ดินของตนใหเสร็จส้ิน ผูขอรังวัดแบงกรรมสิทธิ์รวมจึงไดนําทําการรังวัดตอไปจนเสร็จส้ิน ผลปรากฏวาหลักเขตที่ดินอยูครบ ระยะและรูปแผนที่คงเดิม และเนื้อที่เทาเดิม สํานักงานที่ดินจึงมีหนังสือแจงใหผูรองทุกขตรวจสอบแนวเขตที่ดินของตน แลวไปพบพนักงานเจาหนาที่เพื่อรับรอง

แนวเขตหรือคัดคานการรังวัด การดําเนินการของสํานักงานที่ดินดังกลาวจึงเปนการดําเนินการไปโดยถูกตองตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๑ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๕๙๗ และระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการติดตอหรือการแจงผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงใหมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานการ

รังวัด พ.ศ. ๒๕๒๑ แลว ตามมาตรา ๗๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติใหนําบทบัญญัติใน

มาตรา ๖๙ ทวิ มาใชบังคับกับการรังวัดแบงแยกที่ดินออกเปนหลายแปลงดวย เมื่อการรังวัดเพื่อแบงกรรมสิทธิ์รวมเปนการรังวัดแบงแยกที่ดินออกเปนหลายแปลง เจาพนักงานที่ดินจังหวัดจึงมี

อํานาจทําการสอบสวนไกลเกลี่ยได และตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหก ไมไดบังคับวาเจาพนักงานที่ดินจังหวัดจะตองทําการสอบสวนไกลเกลี่ยดวยตนเอง ดังนั้น เพื่อประโยชนในการปฏิบัติราชการ เจาพนักงานที่ดินจังหวัดจึงอาจมอบหมายใหนายชางรังวัดซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชาตามสายงานบริหารเปนผูดําเนินการสอบสวนไกลเกลี่ยแทนได คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๒๘/๒๕๓๒ มาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดกําหนดใหผูมีสิทธิในที่ดินเทานั้นที่

จะขอรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินของตนเปนการเฉพาะราย โดยใหยื่นคําขอพรอมกับโฉนดที่ดินตอ

เจาพนักงานที่ดิน และกําหนดใหผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงดังกลาวที่จะทําการคัดคานการรังวัด

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 117:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๒

สอบเขตที่ดินได เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูรองทุกขมิไดรองทุกขวาผูรองทุกขไดครอบครองที่ดิน

ดังกลาว หรือรองทุกขวาไดยื่นคําขอรังวัดสอบเขตที่ดินแลวเจาพนักงานที่ดินไมดําเนินการให

ประกอบกับสิทธิของผูรองทุกขที่เขาไปอยูในที่ดินบริเวณดังกลาวไดก็โดยอาศัยสิทธิตามสัญญา

เชาเทานั้น กรณีนี้เจาพนักงานที่ดินหรือกรมที่ดินจึงไมมีหนาที่ตามกฎหมายที่จะตองดําเนินการ

อยางใดอยางหนึ่งใหแกผูรองทุกข คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๕๖/๒๕๓๖

กรณีที่ผูรองทุกขไดคัดคานการที่พนักงานเจาหนาที่ทําการรังวัดที่ดินเพื่อเปลี่ยน

น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ใหแกผูอ่ืน โดยอางวาเปนการรังวัดทับที่ดินที่ผูรองทุกขไดครอบครอง

ทําประโยชน และเจาพนักงานที่ดินไดทําการสอบสวนไกลเกลี่ยตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวล

กฎหมายที่ดินแลว แตคูกรณีไดตกลงกันวาจะไปปรึกษากันเองกอนไดผลประการใดจะแจงให

เจาหนาที่ทราบ ถือไดวาเจาหนาที่บริหารงานที่ดินไดดําเนินการสอบสวนไกลเกลี่ยตามอํานาจ

หนาที่ที่กฎหมายกําหนดไวแลว จึงไมเปนการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ

และไมเปนการกระทําที่ขัดหรือไมถูกตองตามกฎหมายแตอยางใด พนักงานที่ดินหรือกรมที่ดินจึง

ไมมีหนาที่ตามกฎหมายที่จะตองดําเนินการอยางใดอยางหนึ่งใหแกผูรองทุกข คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๔๓/๒๕๓๙ การที่ผูรองทุกขกับผูถือกรรมสิทธิ์รวมขอรังวัดแบงกรรมสิทธิ์รวมที่ดินออกจากกัน

แตไมสามารถตกลงแนวเขตที่ดินในสวนของแตละคนได เจาพนักงานที่ดินจึงทําการสอบสวนไกลเกลี่ย

แตคูกรณียังไมสามารถตกลงกันได เจาพนักงานที่ดินจึงแจงใหผูรองทุกขไปฟองตอศาลนั้น เปน

การดําเนินการไปตามหลักเกณฑที่กฎหมายบัญญัติไวตามมาตรา ๗๙ ประกอบมาตรา ๖๙ ทวิ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดินแลว การที่เจาพนักงานที่ดินไมดําเนินการรังวัดแบงกรรมสิทธิ์รวมใหตาม

คําขอของผูรองทุกข จึงหาใชการกระทําที่ขัดหรือไมถูกตองตามกฎหมายไม คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๘๑/๒๕๔๑ แมในการรังวัดแบงแยกที่ดินของผูขอรังวัด ผูรองทุกขในฐานะเจาของที่ดิน

ขางเคียงจะไมไดไปรวมระวังแนวเขต เนื่องจากผูขอรังวัดอางวาไมสามารถติดตอผูรองทุกขได แต

เมื่อในการรังวัดตองมีการปกหลักเขตใหมแทนหลักเขตเกาที่สูญหายไป เจาพนักงานที่ดินก็ได

ปฏิบัติตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินและตามหนังสือเวียนของกรมที่ดิน

ที่ มท ๐๖๐๖/ว.๐๕๒๕๖ ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ ที่ใหแจงเปนหนังสือใหเจาของที่ดิน

ขางเคียงทราบเพื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานการรังวัด โดยไดมีหนังสือแจงใหผูรองทุกขทราบแลว

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 118:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๓

จึงเห็นไดวาเจาพนักงานที่ดินไดปฏิบัติตามกฎหมายและหนังสือเวียนดังกลาวแลว สวนการ

ปกหลักเขตที่ดินใหมแทนหลักเขตเดิมที่สูญหายไปนั้น เมื่อเจาพนักงานที่ดินเห็นวาที่ดินของผูขอ

รังวัดเปนไปตามแผนที่เดิมที่มีอยูก็มีอํานาจปกหลักเขตใหมแทนหลักเขตเกาได ทั้งนี้ ไมเปนการ

ตัดสิทธิเจาของที่ดินขางเคียงที่จะโตแยงหรือคัดคาน แมจะไมไดไปรวมระวังแนวเขตก็ตาม และ

เมื่อเจาพนักงานที่ดินทราบวายังไมมีการสงหมายขางเคียงใหผูรองทุกข จึงไดนัดรังวัดใหมซึ่ง

ผูแทนของผูรองทุกขไดไปรวมระวังชี้แนวเขตและยอมรับช้ีแนวเขตตามหลักเขตที่ดินที่ปกใหม แต

คัดคานวาหลักเขตที่ปกใหมไมถูกตองตามหลักเขตเดิมอันมีผลเปนการคัดคานการรังวัด

เจาพนักงานที่ดินจึงทําการสอบสวนไกลเกลี่ยโดยใชแผนที่ปกหลักเขตในการพิจารณา แตคูกรณี

ตกลงกันไมได จึงมีคําสั่งใหคูกรณีไปฟองตอศาลภายใน ๙๐ วัน ถือวาเจาพนักงานที่ดินไดปฏิบัติ

หนาที่ในการรังวัดที่ดิน การปกหลักเขตที่ดินใหมและการสอบสวนไกลเกลี่ยเปนไปตามที่

มาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติไวแลว คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๒๒/๒๕๔๒ ในกรณีของการรังวัดสอบเขตที่ดินนั้นเมื่อเจาพนักงานที่ดินไดทําการรังวัดที่ดิน

ตามคําขอของผูรองทุกขแลว ปรากฏวาเจาของที่ดินขางเคียงคัดคานการรังวัด ชางรังวัดจึงจัดทํา

แผนที่พิพาทตามที่ผูขอและผูคัดคานไดนําการรังวัดและรับรองไว หลังจากนั้นเจาพนักงานที่ดินจึง

ไดนัดใหคูกรณีไปพบเพื่อสอบสวนไกลเกลี่ยโดยถือแผนที่เปนหลักในการพิจารณา แตทั้งสองฝาย

ไมสามารถตกลงกันได เจาพนักงานที่ดินจึงมีคําสั่งใหคูกรณีไปฟองตอศาลภายใน ๙๐ วัน นับแต

วันที่ไดรับแจง ซึ่งผูรองทุกขไดรับทราบคําสั่งดังกลาวแลวและไดยื่นฟองเจาของที่ดินขางเคียงที่

คัดคานการรังวัดตอศาลจังหวัดสระบุรีในขอหาละเมิด ขับไล และเรียกคาเสียหาย ขณะนี้คดีอยูใน

ระหวางการพิจารณาของศาล กรณีถือไดวาเจาพนักงานที่ดินไดปฏิบัติหนาที่ในการรังวัดสอบเขต

ที่ดินของผูรองทุกขตามที่มาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดกําหนดไวแลว และไม

ปรากฏวามีการดําเนินการในลักษณะกลั่นแกลงผูรองทุกขแตอยางใด กรณีจึงถือไดวาเจาพนักงาน

ที่ดินไดดําเนินการรังวัดสอบเขตที่ดินของผูรองทุกขเปนไปตามประมวลกฎหมายที่ดินกําหนดไวแลว คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๐๙/๒๕๔๒

บทบัญญัติวรรคสามของมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดกําหนด

วิธีการในการปฏิบัติของพนักงานเจาหนาที่เปนขั้นตอนไวโดยชัดเจนแลว เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา

ในวันรังวัดสอบเขตที่ดินของผูรองทุกข แมวาสํานักงานที่ดินอําเภอจะไมไดมีหนังสือแจงให

นายอําเภอ หรือกํานัน หรือผูใหญบาน ผูปกครองทองที่ไปรวมตรวจสอบที่ดิน นําชี้และรับรอง

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 119:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๔

แนวเขตที่สาธารณประโยชน แตจากบันทึกถอยคํา (ท.ด. ๑๖) ของนาย ส. (ผูใหญบาน) ระบุวา

นาย ส. ไดไปรวมตรวจสอบที่ดินแปลงนี้พบวามีทางสาธารณประโยชนที่ประชาชนใชรวมกันมา

นานกวา ๕๐ ป ตัดผานในที่ดินของผูรองทุกข นาย ส. จึงไมสามารถเปนพยานรับรองการขอรังวัด

ตรวจสอบเนื้อที่ได กรณีจึงถือไดวา นาย ส. ซึ่งไดรับมอบอํานาจจากนายอําเภอใหไปรวม

ตรวจสอบที่ดิน นําชี้และรับรองแนวเขตที่สาธารณประโยชนไดรับทราบจากเจาหนาที่ของ

สํานักงานที่ดินใหไปรวมนําชี้และรับรองแนวเขตที่สาธารณประโยชนในฐานะผูดูแลรักษา

ที่สาธารณประโยชนตามกฎหมาย ตามที่วรรคสามของมาตรา ๖๙ ทวิ ดังกลาวกําหนดแลว เมื่อ

ปรากฏวา นาย ส. ไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตแตไมไดคัดคานการรังวัดที่ดิน นายอําเภอและ

เจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอก็ตองดําเนินการในขั้นตอนตอไปตามที่วรรคสามของมาตรา ๖๙ ทวิ

กําหนดไว กลาวคือ นายอําเภอและเจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอตองมีหนังสือแจงใหผูปกครอง

ทองที่ไปลงชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานการรังวัดภายใน ๓๐ วัน นับแตวันที่ไดสงหนังสือ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๔๖/๒๕๔๒

การที่ผูรองทุกขอางวา สํานักงานที่ดินไดรังวัดออกโฉนดที่ดินใหแกผูรองทุกขมี

เนื้อที่นอยกวาหลักฐาน น.ส. ๓ เดิม จึงยื่นคําขอรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดิน และไดนําชี้แนวเขตที่ดิน

ดานติดคลองสาธารณประโยชนแตกตางไปจากรูปแผนที่ในโฉนดที่ดินที่เปนเสนตรงโดยผูรองทุกข

นําชี้เปนเสนโคง ซึ่งผูปกครองทองที่ไดรับรองแนวเขตที่ดินแลว แตเมื่อนํารูปแผนที่ครอบระวางแผนที่

แลว ปรากฏวาแนวเขตที่ดินทับคลองสาธารณประโยชน เจาหนาที่จึงไมแกไขรูปแผนที่และเนื้อทีใ่น

โฉนดที่ดินของผูรองทุกข ผูรองทุกขจึงรองทุกขตอคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ซึ่งคณะกรรมการ

วินิจฉัยรองทุกขไดมีมติใหสํานักงานที่ดินทําการรังวัดตรวจสอบแนวเขตคลองสาธารณประโยชน

และที่ดินที่พิพาทแลว ผูปกครองทองที่ยืนยันแนวเขตตามหลักฐานระวางแผนที่ จึงไมอาจถือวา

ผูปกครองทองที่ไดรับรองแนวเขตที่ดินตามการนํารังวัดของผูรองทุกข ดังนั้น การที่สํานักงานที่ดิน

ไมแกไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดินของผูรองทุกข ตามที่ผูรองทุกขนํารังวัดจึงไมเปนการ

กระทําที่ขัดหรือไมถูกตองตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๑๕๓/๒๕๔๓ การที่ชางรังวัดทําการรังวัดแบงแยกโฉนดที่ดินโดยนํารูปแผนที่หลังโฉนดที่ดิน ที่พิพาทและที่ดินขางเคียงทุกแปลงไปประกอบการรังวัด รวมทั้งไดสอบสวนแนวเขตและตรวจสอบ

หลักเขตที่มีอยูในที่ดินแลวปรากฏวา ไดรูปแผนที่และเนื้อที่คลาดเคลื่อนจากเดิม จึงไดสอบสวน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 120:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๕

เจาของที่ดินและเจาของที่ดินขางเคียงแลวเสนอใหแกรูปแผนที่และเนื้อที่ตามการรังวัดใหม เปนการดําเนินการตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ

คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๘๙/๒๕๔๕ การที่เจาพนักงานที่ดินไดดําเนินการแบงกรรมสิทธิ์รวมที่ดินตามคําขอของ

ผูจัดการมรดกในฐานะสวนตัวและในฐานะผูจัดการมรดก โดยไดดําเนินการรังวัดแบงแยกและ

สรางโฉนดที่ดินแปลงแยก ถือไดวาเปนขั้นตอนการดําเนินการภายในของเจาพนักงานที่ดินตาม

มาตรา ๗๙ และมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และเมื่อปรากฏตอมาวาการ

จดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์รวมดังกลาวเปนการกระทําที่ผูจัดการมรดกมีสวนไดเสียเปนปฏิปกษตอ

กองมรดก เจาพนักงานที่ดินจึงแจงใหผูจัดการมรดกแกไขเรื่องดังกลาว ซึ่งผูจัดการมรดกไดไปยื่น

คํารองขอใหศาลสั่งอนุญาต ศาลชั้นตนมีคําสั่งอนุญาต แตศาลอุทธรณกลับใหยกคํารอง และศาลฎกีา

พิพากษายืน หลังจากนั้นเจาพนักงานที่ดินก็มิไดกระทําการใดๆ เกี่ยวกับการจดทะเบียนแบง

กรรมสิทธิ์รวมที่ดินพิพาทอีก การที่เจาพนักงานที่ดินเพียงแตทําการรังวัดที่ดิน และสรางโฉนดที่ดิน

แปลงแยกเตรียมไว มิใชการดําเนินการตามคําสั่งศาลชั้นตนที่อนุญาตใหมีการแบงแยกกรรมสิทธิ์

รวมในที่ดินโดยคําพิพากษายังไมถึงที่สุด นอกจากนั้น คําพิพากษาศาลฎีกาก็มิไดพิพากษาให

เจาพนักงานที่ดินดําเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินและดําเนินการตางๆ เกี่ยวกับการขอแบงแยก

โฉนดที่ดิน ดังนั้น แมการดําเนินการของเจาพนักงานที่ดินจะมีผลกระทบตอผูฟองคดีซึ่งเปนผูมีสิทธิ

รับมรดก แตก็ไมเขาหลักเกณฑตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง

และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีจึงไมอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๙๗/๒๕๔๕

ในการรังวัดสอบเขตที่ดินของเจาของที่ดินขางเคียงและของผูฟองคดีมีการโตแยง

คัดคานการรังวัดสอบเขตที่ดินของกันและกัน อันเปนการโตแยงสิทธิระหวางเอกชนตอเอกชนวา

ใครมีสิทธิดีกวากันตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซึ่งในกรณีที่มีผูคัดคานการรังวัดและ

คูกรณีไมสามารถตกลงกันได ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา บัญญัติใหคูกรณ ี

ไปฟองศาล เมื่อศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังถึงที่สุดประการใดใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการ

ไปตามนั้น เมื่อเปนเรื่องโตแยงสิทธิซึ่งเปนมูลละเมิดเรียกคาเสียหาย จึงอยูในอํานาจศาลยุติธรรม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 121:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๖

ตามนัยคําวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหนาที่ระหวางศาลที่ ๔/๒๕๔๕ มิใชคดีปกครองตามมาตรา ๙

วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๖๑/๒๕๔๕

เมื่อผูฟองคดีไดขอยกเลิกคําขอรังวัดสอบเขตที่ดินและผูถูกฟองคดี (เจาพนักงาน

ที่ดิน) ไดมีคําสั่งยกเลิกคําขอตามความประสงคแลว ถือไดวาผูฟองคดีไมประสงคจะสอบเขตที่ดิน

ดังกลาวตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินแลว ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิฟองคดีนี้ตอ

ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา

คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๕๓/๒๕๔๖ (อางแลวในมาตรา ๖๖) คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๐๕/๒๕๔๖

เมื่อผูฟองคดีไดยื่นคําขอเพื่อการตรวจสอบเนื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทํา

ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๓ ชางรังวัดไดออกไปดําเนินการรังวัดแลว แต

เจาของที่ดินขางเคียงคัดคานการรังวัดจนกระทั่งวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๔ ผูถูกฟองคดีที่ ๒

(เจาพนักงานที่ดิน) จึงไดแจงวามีเหตุขัดของเกี่ยวกับการนําชี้แนวเขตพิพาท เปนเหตุใหผูฟองคดี

ไมพอใจจึงเรียกรองคาเสียหายเนื่องจากการปฏิบัติหนาที่ลาชา กรณีถือวาเปนคดีพิพาทตาม

มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งผูเสียหายจะตองฟองหนวยงานของรัฐดังกลาวโดยตรง แตจะฟองเจาหนาที่ไมได

ตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙

เมื่อปรากฏวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ เปนเจาหนาที่อยูในสังกัดกรมที่ดินซึ่งเปนนิติบุคคลตาม

กฎหมายมหาชน มีบทบาทอํานาจหนาที่ในการปฏิบัติการทั้งหลายใหเปนไปตามประมวล

กฎหมายที่ดิน จึงชอบที่ศาลปกครองชั้นตนจะกําหนดใหกรมที่ดินเปนผูถูกฟองคดีเพิ่มข้ึนให

สอดคลองกับบทบัญญัติมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่

พ.ศ. ๒๕๓๙ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๓๘/๒๕๔๖

การฟองวาเจาพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตและรวมโฉนดที่ดินทับคลอง

สาธารณประโยชน ทําใหผูฟองคดีและชาวบานซึ่งมีที่ดินติดกับคลองไดรับความเดือดรอนไม

สามารถใชคลองเปนทางระบายน้ําในฤดูฝนได ซึ่งผูฟองคดีไดคัดคานการรังวัดแลวแตเจาพนักงาน

ที่ดินไมรับคําคัดคานโดยอางวาไมใชการคัดคานตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 122:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๗

และเมื่ออุทธรณโตแยงก็ไดรับการยืนยันเชนเดิม กรณีเปนการฟองวาหนวยงานทางปกครอง

กระทําการไมถูกตองตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้ง

ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อการกระทําดังกลาวทําใหผูฟองคดีไดรับ

ความเดือดรอนจากการไมสามารถใชประโยชนจากคลองสาธารณประโยชนได ผูฟองคดีจึงมีสิทธิ

ฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ

วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๙๘/๒๕๔๖

ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๙ กําหนดใหผูที่ประสงคจะแบงแยกที่ดินตองยื่น

คําขอตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ และกฎหมายดังกลาวไดบัญญัติข้ันตอนการ

ดําเนินการคัดคานไวในมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคหา แตเมื่อผูฟองคดีไดขอยกเลิกคําขอ

รังวัดแบงแยกที่ดิน การดําเนินการตางๆ เพื่อแบงแยกที่ดินตองยุติลงนับแตวันที่ยกเลิกคําขอ

คําคัดคานการรังวัดแบงแยกที่ดินและหนังสือของเจาพนักงานที่ดินที่แจงเรื่องการคัดคานแนวเขต

ที่ดินซึ่งเปนขั้นตอนหนึ่งในการดําเนินการมาสูการแบงแยกที่ดินยอมส้ินผลไป จึงไมมีมูลเหตุแหง

การฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมเปนผูเดือดรอนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒

วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๑/๒๕๔๗

เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ชางรังวัดไดออกไปทําการรังวัดที่ดินใหตามคําขอของ

ผูฟองคดีแลว แตการรังวัดมีเหตุขัดของเนื่องจากเจาของที่ดินแปลงขางเคียงคัดคานแนวเขตที่ดิน

ที่ผูฟองคดีนํารังวัด ผูฟองคดีจึงขอยกเลิกคําขอรังวัดสอบเขตที่ดินดังกลาว ตอมาผูฟองคดียื่น

คําขอรังวัดสอบเขตที่ดินเปนคร้ังที่สอง แตการรังวัดก็ยังมีเหตุขัดของเชนเดิมอีก การรังวัดจึง

หยุดชะงักอยูและเจาพนักงานที่ดินไดเรียกใหผูฟองคดีไปพบเพื่อดําเนินการตอไปแตผูฟองคดี

ไมไปพบ กรณีไมอาจถือไดวาเจาพนักงานที่ดินไมดําเนินการตามคําขอของผูฟองคดี เมื่อการรังวัด

ไมอาจดําเนินการตอไปไดเพราะผูฟองคดีมีสวนกอใหเกิดการขัดของขึ้นดวย จึงถือไดวาผูฟองคดี

ไมใชผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได

ที่จะมีสิทธิฟองเจาพนักงานที่ดินวาไมยอมดําเนินการรังวัดสอบเขต คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๘/๒๕๔๗ แมผูอํานวยการเขตจะเปนเจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติ

จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แตการที่ผูอํานวยการเขตคัดคาน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 123:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๘

การรังวัดสอบเขตที่ดินของผูฟองคดี ไมใชกรณีที่เจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยมิชอบดวยกฎหมาย

ที่กระทบตอผูฟองคดี ไมวาจะเปนการออกกฎ คําสั่ง หรือการกระทําอื่นใด แตเปนการทําหนาที่

ดูแลรักษาที่สาธารณสมบัติของแผนดิน อันเปนการโตแยงสิทธิในที่ดินของผูฟองคดี ศาลปกครอง

ไมมีอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่งใหเพิกถอนคําคัดคานแนวเขตที่ดินในกรณีนี้ได คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๗๗/๒๕๔๗

การที่กํานันในฐานะตัวแทนผูรับมอบอํานาจจากนายอําเภอตามมาตรา ๑๒๒

ประกอบกับมาตรา ๔๐ แหงพระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗

คัดคานแนวเขตที่ดินที่ผูฟองคดียื่นคําขอรังวัดสอบเขตตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน ไมใชกรณีที่หนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวย

กฎหมาย ไมวาจะเปนการออกกฎ คําสั่ง หรือการกระทําอื่นใด เนื่องจากกระทําการโดยไมมีอํานาจ

หรือนอกเหนืออํานาจหนาที่อันเปนคดีพิพาทที่ศาลปกครองจะพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่งให

เพิกถอนคําคัดคานดังกลาวได ตามนัยมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) ประกอบมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑)

แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ผูฟองคดีจึงไมมี

สิทธิฟองคดีตอศาลปกครองขอใหบังคับกํานันและนายอําเภอถอนการคัดคานการรังวัดสอบเขต

ที่ดินไดตามนัยมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่งแหงพระราชบัญญัติเดียวกัน คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๐๔/๒๕๔๗

ผูฟองคดีซึ่งเปนเจาของที่ดินขางเคียงไดไปรวมระวังชี้แนวเขตในวันทําการรังวัด

สอบเขตโฉนดที่ดินแปลงพิพาท โดยไมไดลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดคานการรังวัด ตอมา

เจาพนักงานที่ดินมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปทําการตรวจสอบแนวเขตที่ดินและลงชื่อรับรอง

แนวเขตหรือทําการคัดคานภายในกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่ไดสงหนังสือ อันเปนการปฏิบัติ

ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๙ ทวิ วรรคสาม ซึ่งเพียงแตการดําเนินการดังกลาวนั้น ยังไม

ถือวาเสร็จส้ินการดําเนินการตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งเจาพนักงานที่ดินก็ยังมิไดส่ังการหรือใหมี

การแกไขรูปแผนที่หรือเนื้อที่ในโฉนดที่ดินของผูขอทําการรังวัด อันจะกอใหเกิดความเสียหายแก

ผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมใชผูเดือดรอนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา

๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๙๑/๒๕๔๘ (ประชุมใหญ)

การที่ผูฟองคดีไดรองคัดคานวาเจาหนาที่ของรัฐไดทําการรังวัดแนวเขตที่ดินเพื่อ

ออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงรุกล้ําที่ดินของผูฟองคดีที่มีหลักฐานหนังสือรับรองการทํา

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 124:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๑๙

ประโยชน(น.ส. ๓ ก.) และที่ไมมีหลักฐานหนังสือแสดงสิทธิซึ่งอยูติดตอกันโดยไมชอบดวย

กฎหมาย และมีคําขอใหศาลปกครองมีคําสั่งหามมิใหมีการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงเปน

สําคัญ จึงเปนกรณีกลาวหาผูถูกฟองคดี (ผูวาราชการจังหวัด , นายอําเภอ , เจาพนักงานที่ดิน ,

หัวหนาชางรังวัด , ชางรังวัดและกํานัน) วาปฏิบัติหนาที่รังวัดแนวเขตที่ดินเพื่อออกหนังสือสําคัญ

สําหรับที่หลวงโดยไมถูกตองตามรูปแบบ ข้ันตอน หรือวิธีการอันเปนสาระสําคัญตามที่กฎหมาย

กําหนด ซึ่งเปนคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายตาม

มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๒๗๖ ของรัฐธรรมนูญ

แหงราชอาณาจักรไทย คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๗๔๙/๒๕๔๙

ในการพิจารณาวา คดีที่ฟองนั้นเปนคดีประเภทใด อยูในเขตอํานาจของศาลใด

ตองพิจารณาจากขอกลาวหาที่บรรยายในคําฟองและคําขอเปนหลัก การฟองขอใหศาลเพิกถอนคําสั่ง

ทางปกครองเปนคดีปกครองที่อยูในอํานาจของศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย

พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๗๖ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และมาตรา ๗๒

วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

ศาลยุติธรรมไมมีอํานาจตามกฎหมายที่จะเพิกถอนคําสั่งทางปกครองได

คดีนี้เปนกรณีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาที่รังวัดของสํานักงานที่ดินทําการรังวัด

แบงแยกที่ดินของผูฟองคดีทําใหที่ดินของผูฟองคดีขาดหายไป เปนเหตุใหการจดทะเบียนแบงแยก

ที่ดินไมชอบดวยกฎหมาย ซึ่งการจดทะเบียนดังกลาวเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อเหตุแหงการฟองคดี

ตามที่ผูฟองคดีกลาวอางเกิดจากการที่เจาหนาที่ของสํานักงานที่ดินรังวัดแบงแยกที่ดินแปลงขางเคียง

คลาดเคลื่อน ทําใหเนื้อที่ดินของผูฟองคดีขาดหายไป ผูฟองคดีจึงฟองขอใหเพิกถอนการรังวัดและ

การจดทะเบียนแบงแยกที่ดิน โดยผูฟองคดีไมไดมีปญหาเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินหรือพิพาทเรื่อง

กรรมสิทธิ์ที่ดินกับเจาของที่ดินขางเคียงแตอยางใด คดีจึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ

ศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา

คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แมคดีมีประเด็นจะตองวินิจฉัยวาที่ดินพิพาทเปนที่ดินของผูฟองคดีหรือ

ของเจาของที่ดินแปลงขางเคียงที่ขอรังวัด ซึ่งเปนประเด็นเกี่ยวกับสิทธิก็ตาม ก็เปนประเด็น

เกี่ยวพันที่ศาลมีอํานาจวินิจฉัยกอนได เพื่อที่จะสามารถวินิจฉัยประเด็นความชอบดวยกฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 125:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๐

ของคําสั่งทางปกครองขางตน อันเปนประเด็นหลักแหงคดี ทั้งนี้ ตามขอ ๔๑ วรรคสอง แหง

ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๒๔๔/๒๕๔๕ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหา เปนบทบัญญัติใหอํานาจ

เจาพนักงานที่ดินสอบสวนไกลเกลี่ยเพื่อใหการรังวัดสอบเขต และการออกโฉนดที่ดินตามผลการ

รังวัดใหมซึ่งเปลี่ยนไปสามารถดําเนินการตอไปได เพื่อประโยชนแกคูกรณีที่จะไดทราบแนวเขตที่

แทจริงตามที่ตกลงกัน และถาไกลเกลี่ยแลวไมสามารถตกลงกันไดก็แจงใหคูกรณีไปฟองภายใน

๙๐ วัน ถาไมมีการนําคดีไปฟองภายในกําหนดดังกลาว เพียงถือวาผูขอสอบเขตโฉนดที่ดิน

ไมประสงคจะใหดําเนินการตามคําขออีกตอไป และทําใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจที่จะไมรังวัด

สอบเขตที่ดินตอไปได โดยไมมีความผิดเทานั้น หาใชเปนบทกําหนดวิธีการและขั้นตอนที่ใหผูยื่น

คําขอรังวัดตองปฏิบัติกอนจึงจะฟองคดีไดไม และไมมีผลทําใหการถูกโตแยงสิทธิของโจทกตาม

ความจริงไมเกิดขึ้นหรือหมดไป

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 126:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๑

มาตรา ๗๐ เพื่อประโยชนแกการรังวัด ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจ (๑) เรียกผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงมาระวังแนวเขต และลงชื่อรับทราบแนว

เขตที่ดินของตน (๒) เรียกใหบุคคลที่เกี่ยวของมาใหถอยคํา หรือสั่งใหสงเอกสาร หรือ

หลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวของในการสอบสวน (มีการเพิ่มมาตรา ๗๐ ทวิ โดยขอ ๙ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔

ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ดังตอไปนี้)

มาตรา ๗๐ ทวิ ใหนํามาตรา ๖๖ และมาตรา ๗๐ มาใชบังคับแกการพิสูจน

สอบสวนที่ดินเพื่อออกหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยอนุโลม

(ความในมาตรา ๗๐ ทวิ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่

๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๗ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๗๐ ทวิ ใหนําความในมาตรา ๖๖ และมาตรา ๗๐ มาใชบังคับแก

การพิสูจนสอบสวนที่ดินเพื่อออกหนังสือรับรองการทําประโยชน และการตรวจสอบเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยอนุโลม

คําวินิจฉัยที่นาสนใจ

คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๖๓๓/๒๕๒๓ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๕๐ (๒) มาตรา ๕๓ เทศบาล

มีหนาที่จัดใหมีและบํารุงรักษาทางบก ทางน้ํา หาไดบัญญัติใหเทศบาลหรือจําเลยซึ่งเปน

นายกเทศมนตรีมีหนาที่ตองระวังแนวเขตและลงชื่อรับทราบแนวเขตตามประมวลกฎหมายที่ดิน

มาตรา ๗๐ ไม ฉะนั้นแมจําเลยจะไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตทางสาธารณะ การกระทําของ

จําเลยก็ไมเปนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 127:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๒

หมวด ๖ การจดทะเบยีนสิทธิและนิติกรรม

มาตรา ๗๑ ใหผูดํารงตําแหนงตอไปนี้เปนพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนสิทธิ

และนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

(๑) เจาพนักงานที่ดินหรือผูทําการแทนสําหรับที่ดินในเขตที่มีสํานักงานที่ดิน

จังหวัด หรือสํานักงานที่ดินสาขา และเฉพาะที่ดินที่มี โฉนดที่ดิน หรือที่มีใบไตสวนหรือ

อสังหาริมทรัพยอยางอื่นในที่ดินดังกลาวนั้นรวมกับที่ดิน

(๒) นายอําเภอหรือผูทําการแทน ปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอหรือ

ผูทําการแทนสําหรับที่ดินหรืออสังหาริมทรัพยอยางอื่นในทองที่อําเภอหรือกิ่งอําเภอนั้น สําหรับ

กรณีอ่ืนนอกจากระบุไวใน (๑)

(ความในมาตรา ๗๑ เดิมถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๗๑ ใหเจาพนักงานที่ดิน เปนพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนสิทธิ

และนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย สําหรับอสังหาริมทรัพยที่อยูในเขตทองที่สํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินสาขานั้น

หมายเหตุ ตามมาตรา ๑๙ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย

ที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ บัญญัติวา การปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเปนอํานาจ

หนาที่ของหัวหนาเขต นายอําเภอหรือปลัดอําเภอผู เปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภออยูกอนวันที่

พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหผูดํารงตําแหนงดังกลาวปฏิบัติตอไปพลางกอนจนกวารัฐมนตรีจะได

ประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษาเปนทองที่ไป

ประเด็นปญหา ที่ดินที่มีการทําประโยชนและไดขอออกโฉนดที่ดินไว แตไมไดไปรับ

โฉนดที่ดินจากเจาพนักงานที่ดินเกิน ๑๐ ป เจาพนักงานที่ดินจึงสั่งทําลายโฉนดที่ดินดังกลาว หาก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 128:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๓

เจาของที่ดินจะขอจดทะเบียนโอนที่ดินตอไปจะตองใหนายอําเภอรับรองการทําประโยชนอีก

หรือไม และนายอําเภอมีอํานาจในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินดังกลาวหรือไม

มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้ คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๙๙/๒๕๐๒ ที่ดินพิพาทเปนที่ดินที่มีการทําประโยชนแลว และเจาพนักงานที่ดินไดดําเนินการ

ออกโฉนดที่ดิน โดยไดทําการรังวัดและสอบสวนสิทธิในที่ดินตามใบไตสวนและสรางโฉนดที่ดินไวพรอมที่จะมอบใหเจาของที่ดินซึ่งไดยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินไว แตเจาของที่ดินไมไปรับใบไตสวนและโฉนดที่ดินเกิน ๑๐ ป เจาพนักงานที่ดินจึงสั่งทําลาย ที่ดินพิพาทจึงเปนที่ดินที่อยูในความหมายของพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๖ กลาวคือ เปนที่ดินที่อยูในประเภทที่เจาของมีสิทธิขอรับโฉนดที่ดินตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดิน หากจะโอนตอไปไมตองใหนายอําเภอรับรองวาไดทําประโยชนแลว และการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินดังกลาวที่กระทําโดยนายอําเภอผูทําการแทนนายอําเภอ ยอมเปนการกระทําที่ชอบดวยประมวลกฎหมายที่ดินตามมาตรา ๗๑ (๒)

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๙๑/๒๕๔๖ เจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ซึ่งเปนพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน มีอํานาจสอบสวนและเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาพิจารณา สรุปรายงานชี้แจงเหตุที่คลาดเคลื่อนหรือไมชอบดวยกฎหมายไปยังผูมีอํานาจสั่งเพิกถอนหรือแกไขตามมาตรา ๖๑ ได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 129:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๔

มาตรา ๗๒ ผูใดประสงคจะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย

ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ใหคูกรณีนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาจดทะเบียนตอ

พนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ แลวแตกรณี

(มีการเพิ่มวรรคสองของมาตรา ๗๒ โดยขอ ๑๐ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ

ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ดังตอไปนี้)

การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามความในวรรคหนึ่ง สําหรับที่ดินที่มีโฉนด

ที่ดิน ใบไตสวน หรือหนังสือรับรองการทําประโยชน คูกรณีอาจยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ ณ

กรมที่ดิน เพื่อใหพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ดําเนินการจดทะเบียนใหก็ได เวนแตการจด

ทะเบียนที่ตองมีการประกาศหรือตองมีการรังวัด

(ความในมาตรา ๗๒ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๗๒ ผูใดประสงคจะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับ

อสังหาริมทรัพยตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ใหคูกรณีนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาขอจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑

การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง สําหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ใบไตสวนหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน คูกรณีอาจยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ ณ กรมที่ดิน หรือสํานักงานที่ดินแหงใดแหงหนึ่ง เพื่อใหพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ดําเนินการจดทะเบียนให เวนแตการจดทะเบียนที่ตองมีการประกาศหรือตองมีการรังวัด

ประเด็นปญหา กรณีที่มีผูมาขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามคําพิพากษา

ถึงที่สุด ซึ่งศาลใหถือเอาคําพิพากษาดังกลาวเปนการแสดงเจตนาของคูกรณีอีกฝายหนึ่งที่ไมยอม

มาจดทะเบียนดวย พนักงานเจาหนาที่จะจดทะเบียนตามคําพิพากษาดังกลาวใหไดหรือไม มีคํา

วินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 130:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๕

คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๐๘/๒๕๒๐ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๒ ที่บัญญัติใหคูกรณีนําหนังสือแสดงสิทธิ

ในที่ดินมาจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่นั้น หมายถึง คูกรณีที่มีความประสงคจะขอทําการ

จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไดยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่โดยปกติ จึงตองนําหนังสือ

แสดงสิทธิในที่ดินฉบับผูถือมาจดทะเบียน มิใชกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาชี้ขาดใหถือเอา

คําพิพากษาเปนการแสดงเจตนาของคูกรณีที่ไมยอมมาจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ ดังนั้น

กรณีการขอจดทะเบียนตามที่ศาลมีคําพิพากษาเชนนั้น หากผูขอมาจดทะเบียนมีหลักฐาน

มาแสดงวาศาลไดพิพากษาใหจดทะเบียนได โดยใหถือเอาคําพิพากษาของศาลเปนการแสดง

เจตนาของคูกรณีที่ไมยอมมาจดทะเบียน แมคูกรณีอีกฝายหนึ่งไมมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับ

ผูถือไปแสดง เพราะผูมีชื่อในหนังสือดังกลาวไมยอมมาจดทะเบียนให พนักงานเจาหนาที่ก็ชอบที่

จะจดทะเบียนใหตามคําพิพากษาที่ถึงที่สุดได

ประเด็นปญหา ที่ดินที่มีหลักฐานการแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑) และที่ดินที่

ยังไมไดรับคํารับรองวา “ไดทําประโยชนแลว” สามารถนํามาขอจดทะเบียนโอนตอไปไดหรือไม มี

คําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้ คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๗๐/๒๕๐๙ ศาลจะบังคับใหพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนโอนที่ดินที่ยังมิไดรับคํารับรองจาก

นายอําเภอวาไดทําประโยชนแลวไมได ผูประสงคจะขอจดทะเบียนโอนที่ดินชอบที่จะดําเนินการ

ตามกฎหมายเพื่อใหไดมาซึ่งคํารับรองจากนายอําเภอวาที่ดินรายพิพาทไดทําประโยชนแลว

เสียกอน จึงจะมีสิทธิขอใหนายอําเภอจดทะเบียนโอนที่ดินใหตอไป หากยังมิไดดําเนินการดังกลาว

ยอมมาฟองขอใหบังคับนายอําเภอจดทะเบียนโอนสิทธิที่ดินรายพิพาทใหโดยฝาฝนบทกฎหมาย

ดังกลาวไมได คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๓๙/๒๕๑๑

ที่ดินที่มีหลักฐานการแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑) แสดงวาเปนที่ดินที่มีการ

ครอบครองและทําประโยชนอยูแลว ตามพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

มาตรา ๕ ที่ดินเชนนี้เพียงแตมีคํารับรองจากนายอําเภอก็สามารถโอนกันไดตามมาตรา ๙ โดยมี

หนังสือสําคัญแสดงสิทธิในที่ดินมาจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๒

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 131:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๖

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินไมดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ใหแกผูยื่นคําขอที่ไมไดนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาขอจดทะเบียนเปนการกระทําที่ชอบดวย

กฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้ คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๖๗๖/๒๕๒๙ หากเจาพนักงานที่ดินไมยอมจดทะเบียนโอนที่ดินใหแกโจทกผูชนะคดีตาม

คําพิพากษาเพราะที่ดินติดจํานองธนาคาร และธนาคารไมยอมสงโฉนดที่ดินให โจทกจะรองขอให

ศาลในคดีเดิมมีคําสั่งใหเจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนใหโดยไมตองมีโฉนดที่ดินคูฉบับมาแสดง

ไมได หากโจทกเห็นวาการที่เจาพนักงานที่ดินไมกระทําการตามที่โจทกประสงคนั้นไมชอบดวย

กฎหมายและเปนการโตแยงสิทธิของโจทก ก็ชอบที่โจทกจะดําเนินการวากลาวกับเจาพนักงาน

ที่ดินตามกฎหมายตอไป

การที่คูกรณีทําสัญญาประนีประนอมยอมความโอนโฉนดที่ดินพิพาทใหแกกัน

และศาลมีคําพิพากษาตามยอมแลว สัญญาประนีประนอมยอมความและคําพิพากษาตามยอม

ดังกลาวยอมไมผูกพันเจาพนักงานที่ดินซึ่งเปนบุคคลภายนอก คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๗๕/๒๕๓๕ เมื่อโจทกไมไดมีชื่อเปนผูมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓)

แมโจทกจะมีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกลาว โจทกก็ไมมีสิทธิที่จะยื่นคําขอใหพนักงานเจาหนาที่เปลี่ยนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ใหเปน น.ส. ๓ ก. ในชื่อของโจทกได เพราะไมมีกฎหมายใดใหสิทธิในการยื่นคําขอเชนนั้น การที่พนักงานเจาหนาที่ไมรับดําเนินการใหจึงไมเปนการโตแยงสิทธิของโจทกแตอยางใด

คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๒๓/๒๕๓๖ กรณีที่พนักงานเจาหนาที่มีหนาที่ตองจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับ

อสังหาริมทรัพยตามมาตรา ๗๑ ประกอบดวยมาตรา ๗๒ แหงประมวลกฎหมายที่ดินนั้น หมายถึง กรณีที่ผูประสงคจะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้นๆ จะตองมีสิทธิในอสังหาริมทรัพยนั้นโดยชอบ และตองนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาขอจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ ในกรณีที่หนังสือแสดงสิทธิเปนของผูอ่ืนและยังมีขอแยงกันอยู พนักงานเจาหนาที่ยอมไมอาจจดทะเบียนใหได ดังนั้น การที่พนักงานเจาหนาที่แจงใหผูขอจดทะเบียนทราบวา ไมสามารถที่จะจดทะเบียนใหได ขอใหใชสิทธิทางศาล จึงเปนการปฏิบัติหนาที่โดยชอบ ไมเปนละเมิดและไมไดโตแยงสิทธิของผูขอจดทะเบียนนั้น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 132:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๗

มาตรา ๗๓ เมื่อปรากฏตอพนักงานเจาหนาที่วานิติกรรมที่คูกรณีนํามาขอจดทะเบียนนั้นเปนโมฆะกรรม พนักงานเจาหนาที่ไมตองจดทะเบียนให

หากนิติกรรมที่คูกรณีนํามาขอจดทะเบียนนั้นปรากฏวาเปนโมฆียะกรรม ใหพนักงานเจาหนาที่รับจดทะเบียนในเมื่อคูกรณีฝายที่อาจเสียหายยืนยันใหจด

ประเด็นปญหา กรณีที่สามีและภริยาไดทําสัญญากอนสมรสหรือสัญญาระหวาง

สมรสใหฝายใดฝายหนึ่งเปนผูมีอํานาจจัดการสินสมรสแตเพียงฝายเดียว หากคูสมรสฝายที่ไมมี

อํานาจจัดการสินสมรสมาขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโดยคูสมรสอีกฝายหนึ่งไมไดใหความ

ยินยอม พนักงานเจาหนาที่จะปฏิเสธไมจดทะเบียนใหไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

กฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๒๘๐/๒๕๒๐

มาตรา ๗๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ใหอํานาจเจาพนักงานที่ดินปฏิเสธการรับ

จดทะเบียนนิติกรรมเพียงเฉพาะกรณีนิติกรรมเปนโมฆะเทานั้น จึงยอมตองยึดถือปฏิบัติไปเทาที่มี

อํานาจอยูในกฎหมายเทานั้น สวนการใดจะเปนโมฆะหรือโมฆียะหรือไม ตองเปนไปตาม

บทบัญญัติในกฎหมายและตามขอเท็จจริงที่เกิดขึ้นเฉพาะรายไป ดังนั้น เมื่อบทบัญญัติใน

ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย บรรพ ๕ มิไดระบุใหนิติกรรมที่ทําขึ้นโดยคูสมรสฝายที่ไมมี

อํานาจจัดการเปนโมฆะเพราะเหตุที่อํานาจจัดการไดถูกจํากัดโดยสัญญากอนสมรสหรือสัญญา

ระหวางสมรส ประกอบกับมาตรา ๑๔๖๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยไดบัญญัติวา

ขอความในสัญญากอนสมรสไมมีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผูทําการโดย

สุจริต ซึ่งแสดงใหเห็นถึงความมุงหมายของประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยวาประสงคจะใหผล

ของสัญญามีผลผูกพันเฉพาะระหวางสามีภริยาเทานั้น และไมมีผลศักดิ์สิทธิ์จนตองถือวา

บุคคลภายนอกทุกคนจะตองลวงรู ฉะนั้น เมื่อบุคคลภายนอกไดทํานิติกรรมกับคูสมรสฝายที่ไมมี

อํานาจจัดการโดยสุจริตที่มิไดลวงรูถึงสัญญากอนสมรสนั้น จึงตองถือวาสามีและภริยามีอํานาจ

จัดการสินสมรสรวมกันตามหลักทั่วไป และยอมถือวานิติกรรมที่ทําไปมีผลสมบูรณไมเปนโมฆะ

แตอยางใด พนักงานเจาหนาที่กรมที่ดินยอมไมมีอํานาจปฏิเสธการรับจดทะเบียนตามมาตรา ๗๓

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 133:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๘

ประเด็นปญหา กรณีที่ผูขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมฝายใดฝายหนึ่งหรือทัง้

สองฝายมีคูสมรส แตไมมีหนังสือยินยอมของคูสมรสที่ใหทํานิติกรรมไดมาแสดง หากคูกรณีแหง

นิติกรรมดังกลาวอีกฝายหนึ่งยืนยันใหจดทะเบียน พนักงานเจาหนาที่จะปฏิเสธไมรับจดทะเบียน

ใหไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑๘๕/๒๕๒๐

มาตรา ๑๔๘๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยบัญญัติวา “การจัดการ

สินสมรสซึ่งตองจัดการรวมกันหรือตองไดรับความยินยอมจากอีกฝายหนึ่งตามมาตรา ๑๔๗๖ ถา

คูสมรสฝายหนึ่งไดทํานิติกรรมไปแตเพียงฝายเดียว หรือโดยปราศจากความยินยอมของคูสมรสอีก

ฝายหนึ่ง คูสมรสอีกฝายหนึ่งอาจฟองใหศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได เวนแตคูสมรสอีกฝายหนึ่งได

ใหสัตยาบันแลว หรือในขณะที่ทํานิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกไดกระทําโดยสุจริตและเสีย

คาตอบแทน

การฟองขอใหศาลเพิกถอนนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง หามมิใหฟองเมื่อพนหนึ่งป

นับแตวันที่ไดรูเหตุอันเปนมูลใหเพิกถอนหรือเมื่อพนสิบปนับแตวันที่ไดทํานิติกรรมนั้น”

นิติกรรมที่ทําขึ้นตามมาตรา ๑๔๘๐ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายแพงและ

พาณิชยเปนนิติกรรมประเภทหนึ่งที่มีความไมสมบูรณแฝงอยูจนกวาคูสมรสอีกฝายหนึ่งจะไดให

สัตยาบัน แตบทบัญญัติดังกลาวมีผลบังคับกันเองเฉพาะระหวางคูสมรสโดยกฎหมายไมได

ประสงคใหมีผลไปบังคับถึงบุคคลภายนอกที่กระทําการโดยสุจริตดวย สวนบทบัญญัติใน

มาตรา ๗๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดบัญญัติใหอํานาจพนักงานเจาหนาที่ปฏิเสธการ

จดทะเบียนไวเฉพาะแตกรณีนิติกรรมเปนโมฆะเทานั้น ดังนั้น นิติกรรมที่กระทําข้ึนตาม

มาตรา ๑๔๘๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยไมอยูในขายบังคับตามมาตรา ๗๓ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน พนักงานเจาหนาที่ยอมไมมีสิทธิปฏิเสธการจดทะเบียนนิติกรรมที่คูสัญญา

ฝายใดฝายหนึ่งหรือทั้งสองฝายมีคูสมรสแตไมมีความยินยอมเปนหนังสือของคูสมรสมาแสดง

หากคูกรณีอีกฝายหนึ่งยินยอมและยืนยันใหจดทะเบียน

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินปฏิเสธการจดทะเบียนสิทธิและนติกิรรม

ใหแกผูขอโดยใหเหตุผลวาที่ดินตกเปนสาธารณสมบัติของแผนดินแลว เปนการกระทําที่ชอบดวย

กฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 134:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๒๙

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๙๘/๒๕๑๐ การที่เจาพนักงานที่ดินไมยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินใหแกโจทกเพราะ

เห็นวาไมอาจทําไดตามกฎหมาย เนื่องจากที่ดินพิพาทไดตกเปนสาธารณสมบัติของแผนดินแลวตามพระราชบัญญัติวาดวยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งจะโอนแกกันมิได เวนแตอาศัยอํานาจแหงบทกฎหมายเฉพาะตามมาตรา ๑๓๐๕ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไมถือวาเจาพนักงานที่ดินนั้นจงใจหรือประมาทเลินเลอตอโจทกโดยผิดกฎหมายทําใหโจทกเสียหาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 135:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๐

มาตรา ๗๔ ในการดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของพนักงานเจาหนาที่ ตามมาตรา ๗๑ ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนคูกรณี และเรียกบุคคลที่เกี่ยวของมาใหถอยคํา หรือสงเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวของไดตามความจําเปน แลวใหพนักงานเจาหนาที่ ดําเนินการไปตามควรแกกรณี

ถามีกรณีเปนที่ควรเชื่อไดวา การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น จะเปนการหลีกเลี่ยงกฎหมาย หรือเปนที่ควรเชื่อไดวาบุคคลใดจะซื้อที่ดินเพื่อประโยชนแกคนตางดาว ใหขอคําสั่งตอรัฐมนตรี คําสั่งรัฐมนตรีเปนที่สุด

ประเด็นปญหา พนักงานเจาหนาที่มีอํานาจพิจารณาและดําเนินการจดทะเบียน

สิทธิและนิติกรรมไดเพียงใด และพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจจดทะเบียนโอนทรัพยมรดกซึ่ง

เจามรดกไดแสดงเจตนายกใหแกบุคคลตามที่ระบุไวในพินัยกรรม ใหแกบุคคลนอกพินัยกรรม

หรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๑๔๓/๒๕๑๕

ตามที่มาตรา ๗๔ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติวา ในการ

ดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ใหพนักงาน

เจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนคูกรณีและเรียกบุคคลที่เกี่ยวของมาใหถอยคํา หรือสงเอกสารหลกัฐาน

ที่เกี่ยวของไดตามความจําเปน แลวใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการตามควรแกกรณี แสดงวา

พนักงานเจาหนาที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมีอํานาจใชดุลพินิจวาจะควรรับจดทะเบียน

ใหไดเพียงใด และในกรณีที่ไมรับจดทะเบียนก็อาจดําเนินการตามที่เห็นสมควรได แตการใช

ดุลพินิจดังกลาวจะตองเปนไปโดยถูกตองตามกฎหมายดวย หากการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ขัดตอกฎหมาย พนักงานเจาหนาที่ยอมไมอาจรับจดทะเบียนได เชน กรณีที่ผูจัดการมรดกตาม

พินัยกรรมและตามคําสั่งศาลขอจดทะเบียนโอนทรัพยสินในกองมรดกใหแกบุคคลซึ่งพินัยกรรม

มิไดระบุใหเปนผูรับพินัยกรรม อันเปนการจัดการมรดกที่ขัดตอมาตรา ๑๗๑๙ แหงประมวล

กฎหมายแพงและพาณิชย พนักงานเจาหนาที่ยอมมิอาจจดทะเบียนใหได

ประเด็นปญหา พนักงานเจาหนาที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตาม

ประมวลกฎหมายที่ดินมีอํานาจตรวจสอบการซื้อขายที่ดินวามีการหลีกเลี่ยงกฎหมายวาดวยการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 136:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๑

เชาที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย)

ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๘๓/๒๕๑๘ พนักงานเจาหนาที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย

ตามประมวลกฎหมายที่ดินมีอํานาจตามมาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายที่ดินที่จะตรวจสอบการซื้อขายที่นาวา เจาของนาที่มาขอจดทะเบียนขายไดทําการหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม เพื่อปฏิบัติการใหเปนไปตามเจตนารมณของพระราชบัญญัติควบคุมการเชานา พ.ศ. ๒๕๑๗ (เดิม) รวมทั้งประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และประมวลกฎหมายที่ดิน

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๗๓๗/๒๕๓๔ ในการดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามมาตรา ๗๑ และมาตรา ๗๔

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ไดบัญญัติใหเจาพนักงานที่ดินเปนพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และมีอํานาจสอบสวนคูกรณีเพื่อตรวจสอบวา คูกรณีมีสิทธิและหนาที่จะตองปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาอยางไร และคูกรณีไดปฏิบัติตามสิทธิและหนาที่ดังกลาวแลวหรือไม นอกจากนี้ มาตรา ๗๗ แหงประมวลกฎหมายที่ดินยังบัญญัติใหการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตองปฏิบัติตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง ซึ่งขอ ๑ และขอ ๒ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดใหการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเปนไปตามแบบ ท.ด. ๑ และพนักงานเจาหนาที่ตองทําการสอบสวนเกี่ยวกับสิทธิและความสามารถของบุคคล ความสมบูรณของนิติกรรม ขอกําหนดสิทธิในที่ดินและการคาที่ดิน หรือการหลีกเลี่ยงกฎหมาย ฯลฯ กอนดําเนินการจดทะเบียน จึงเห็นไดวาการสอบสวนขอเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเปนหนาที่ที่พนักงานเจาหนาที่ตองปฏิบัติตามกฎหมาย และขอเท็จจริงที่สอบสวนไดเปนสาระสําคัญในการพิจารณาวาสมควรดําเนินการจดทะเบียนตามคําขอหรือไม เมื่อพระราชบัญญัติการเชาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ไดกําหนดสิทธิหนาที่ของผูใหเชานาและผูเชานาเพื่อปองกันความเสียหายที่อาจเกิดกับผูเชานาหรือผูรับโอนที่นาไวตามมาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๔ วาผูใหเชานาจะขายนาไดตอเมื่อไดแจงใหผูเชานาทราบ โดยดําเนินการตามที่กฎหมายกําหนด ขอเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายดังกลาวจึงเปนขอเท็จจริงที่เจาพนักงานที่ดินซึ่งเปนพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขายนามีอํานาจสอบสวนคูกรณีตามมาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อที่จะทราบวาไดมีการปฏิบัติตามหนาที่และสิทธิที่กําหนดไวในพระราชบัญญัติการเชาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ แลวหรือไม โดยการสอบสวนวามีการเชานาหรือไม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 137:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๒

ประเด็นปญหา ตามคําสั่งกรมที่ดินที่ ๑๐/๒๕๐๑ ลงวันที่ ๑๑ มิถนุายน ๒๕๐๑

เร่ือง หนังสือมอบอํานาจ ขอ ๗ ที่วางระเบียบปฏิบัติไว ในกรณีที่ผูมอบอํานาจมีอายุตั้งแต ๖๐ ป

ข้ึนไป ซึ่งอยูในเกณฑผูสูงอายุ พนักงานเจาหนาที่ควรจะไดระมัดระวังไวเปนพิเศษวา ผูมอบ

อํานาจดังกลาวยังคงมีชีวิตอยูและมีสติสัมปชัญญะสมบรูณหรือไม ในบางกรณีที่มีเหตุอันสมควร

ควรใหผูปกครองทองที่รับรองเสียกอน นั้น เปนคําสั่งที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของ

คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๒๕/๒๕๒๓

ตามบทบัญญัติมาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จํากัดอํานาจของ

พนักงานเจาหนาที่ในการดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยไวเพียง

การสอบสวนคูกรณี และเรียกบุคคลที่เกี่ยวของมาใหถอยคําหรือสงเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวของได

ตามความจําเปนเทานั้น กรมที่ดินจึงไมมีอํานาจออกคําส่ังนอกเหนือจากที่มาตรา ๗๔ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดินใหอํานาจไว ตามคําสั่งกรมที่ดินที่ ๑๐/๒๕๐๑ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน

๒๕๐๑ เร่ือง หนังสือมอบอํานาจ ขอ ๗ ที่วางระเบียบปฏิบัติไววา ในกรณีผูมอบอํานาจมอีายตุัง้แต

๖๐ ป ข้ึนไป ซึ่งอยูในเกณฑผูสูงอายุ ควรจะไดระมัดระวังเปนพิเศษวา จะยังคงมีชีวิตอยูหรือไม

และมีสติสัมปชัญญะสมบูรณหรือไม ในบางกรณีที่มีเหตุอันสมควร ควรใหผูปกครองทองที่

ผูเชื่อถือไดรับรองเสียกอนพรอมดวยบันทึกคํารับรองของคูกรณีอีกฝายหนึ่งไวดวยนั้น เปนการ

ตีความขยายอํานาจออกไปใหบุคคลอ่ืนกระทําการแทนเจาหนาที่โดยไมมีกฎหมายที่จะอางอิงได

จึงเปนการใชอํานาจเกินกฎหมาย ซึ่งการพิจารณาบทบัญญัติของกฎหมายที่กอใหเกิดหนาที่ของ

บุคคลนั้น จําตองตีความโดยเครงครัด จะขยายความเอาเองหรือถือเอาเองยอมทําไมได แมแต

กฎกระทรวงซึ่งเปนกฎหมายก็จะออกเกินอํานาจที่กฎหมายใหไวมิได ถาทําไปกฎกระทรวงนั้นก็ไม

มีผลบังคับ

คําสั่งกรมที่ดินที่ ๑๐/๒๕๐๑ เปนคําสั่งที่เกินอํานาจตามที่กฎหมายใหไว จึงเปน

คําส่ังที่มิชอบ ซึ่งที่ถูกตองควรจะแกคําสั่งดังกลาวเปนวาใหพนักงานเจาหนาที่ทําการสอบสวน

คูกรณี หรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวของมาใหถอยคําหรือสงเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวของตามความ

จําเปน ดังที่มาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดใหอํานาจไว

หมายเหตุ ตอมาไดมีการแกไขขอความในคําสั่งดังกลาวแลว

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 138:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๓

ประเด็นปญหา พนักงานเจาหนาที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินจะรับจดทะเบียนซื้อขายที่ดินที่มีผูไดมาโดยการครอบครองปรปกษตามคําสั่งศาล ใหแกคูกรณีตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคําพิพากษาตามยอมไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๒๙๔/๒๕๓๔ ในกรณีที่มีผูยื่นขอจดทะเบียนขายที่ดินเฉพาะสวนของตนใหแกผู อ่ืนตาม คําพิพากษาตามยอมนั้น ผูยื่นคําขอไดแนบคําพิพากษาของศาลที่ส่ังใหกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดที่ดินบางสวนตกเปนของผูครอบครองปรปกษมาแสดงพรอมกับการยื่นขอจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีเชนนี้จึงมีเหตุที่พนักงานเจาหนาที่จะตองสอบสวนการมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกลาวใหแนชัดเสียกอน ตามมาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การที่พนักงานเจาหนาที่ยังไมยินยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในขณะที่มีการยื่นคําขอ จึงเปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมายแลว

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๓๘๔/๒๕๓๔ เมื่อศาลไดมีคําพิพากษาใหกรรมสิทธิ์ในที่ดินบางสวนตกเปนของผูครอบครอง

ปรปกษตามมาตรา ๑๓๘๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยและคดีถึงที่ สุดแลว

ผูครอบครองปรปกษจึงเปนผูมีสิทธิขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสําหรับที่ดินสวนที่ครอบครอง

ปรปกษไดตามมาตรา ๗๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และผลของการครอบครองปรปกษทําให

เจาของเดิมมีกรรมสิทธิ์ตามโฉนดที่ดินเพียงเทาที่เหลือจากการครอบครองปรปกษ หากเจาของ

ที่ดินเดิมจะโอนกรรมสิทธิ์ใหกับบุคคลอื่น ผูรับโอนก็ยอมไดสิทธิเพียงเทาที่ผูโอนนั้นจะพึงมีได

เทานั้น

เมื่อขณะที่เจาของเดิมยื่นคําขอจดทะเบียนขายที่ดินใหแกผูซื้อตามคําพิพากษา

ตามยอม ไดมีการแนบคําพิพากษาที่ส่ังใหกรรมสิทธิ์ที่ดินบางสวนตกเปนของผูครอบครองปรปกษ

มาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินดวย กรณีจึงมีเหตุที่พนักงานเจาหนาที่

จะตองสอบสวนการมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกลาวใหแนชัดเสียกอนตามมาตรา ๗๔ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน การที่พนักงานเจาหนาที่ยังไมยินยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ใหแกผูซื้อตาม

คําพิพากษาตามยอม จึงเปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมายแลว และเมื่อตอมาผูครอบครอง

ปรปกษมายื่นขอจดทะเบียน พนักงานเจาหนาที่จึงตองดําเนินการจดทะเบียนสิทธิใหแก

ผูครอบครองปรปกษเสียกอน เพื่อใหทราบจํานวนเนื้อที่ที่ดินที่เหลืออยูซึ่งเจาของที่ดินเดิมยังคงมี

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 139:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๔

กรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแลวจึงจะรับจดทะเบียนโอนขายเฉพาะสวนตามคําพิพากษาตามยอม

ตอไปได

ประเด็นปญหา กรณีที่เจาพนักงานที่ดินไมดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ใหตามคําขอของผูขอจดทะเบียน หรือไดดําเนินการจดทะเบียนใหไปเปนการกระทําที่ชอบดวย

กฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดและศาลฎีกา ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๑๔/๒๕๔๗

ตามมาตรา ๑๑๐๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไดบัญญัติถึงกิจการ

อันจะพึงทําในที่ประชุมต้ังบริษัทประการหนึ่ง คือ การใหสัตยาบันแกบรรดาสัญญาซึ่งผูเร่ิมกอการ

ไดทําไวและคาใชจายอยางหนึ่งอยางใด ซึ่งเขาออกไปในการเริ่มกอตั้งบริษัทเพื่อใหบรรดาหนี้และ

การจายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทไดมีมติอนุมัติ พนจากความรับผิดของผูเร่ิมกอการตั้งบริษัทตาม

มาตรา ๑๑๑๓ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว และรายงานการประชุมดังกลาวจะตองนําไปเปน

หลักฐานประกอบการจดทะเบียนตั้งบริษัทตอกรมทะเบียนการคา เมื่อตามหลักฐานรายงาน

การประชุมที่ผูเร่ิมกอการนําไปจดทะเบียนตอกรมทะเบียนการคาไมปรากฏวามีการใหสัตยาบัน

กรณีที่ผูเร่ิมกอการไดซื้อที่ดินแปลงพิพาทมา ซึ่งเปนจํานวนเงินถึงสองลานกวาบาท มีเพียงการให

สัตยาบันแกคาใชจายที่ผูเ ร่ิมกอการไดทดรองเงินสวนตัวไปจํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท เทานั้น

นอกจากนั้น ตามสัญญาซื้อขายที่ดินดังกลาวก็ไมไดระบุวาผูเร่ิมกอการไดซื้อที่ดินไวแทนผูฟองคดี

การที่ผูฟองคดีนําสัญญาซื้อขายที่ดินมาใหสัตยาบันในการประชุมวิสามัญจึงไมอาจทําไดเพราะ

ขัดกับมาตรา ๑๑๐๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยดังกลาวขางตน ดังนั้น กรณีจึงบงชี้

ไดวาขณะที่ทําสัญญาซื้อขายที่ดิน ผูเร่ิมกอการตั้งบริษัทมิไดมีเจตนาที่จะซื้อที่ดินแทนผูฟองคดี

แตอยางใด การที่เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๑) มีคําส่ังไมจดทะเบียนโอนที่ดินพรอม

ส่ิงปลูกสรางจากผูที่เปนผูเร่ิมกอการใหแกผูฟองคดีในประเภทโอนใหตัวการ ซึ่งกําหนดใหเรียกเก็บ

คาธรรมเนียมประเภทไมมีทุนทรัพยแปลงละ ๕๐ บาท ตามขอ ๒ (๗) (ฑ) ของกฎกระทรวง

ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน

พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงเปนคําสั่งที่ชอบดวยกฎหมายแลว

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 140:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๕

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๐๓/๒๕๑๙ เมื่อปรากฏจากการสืบสวนและสอบสวนของพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนสิทธิ

และนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยวา มีกรณีควรเชื่อไดวาในการขอจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน

พิพาท โจทกจะซื้อไวเพื่อประโยชนแกคนตางดาวก็ยอมเปนหนาที่ของพนักงานเจาหนาที่ที่จะ

ดําเนินการตอไปเพื่อขอคําสั่งรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๔ วรรคสอง เมื่อ

พนักงานเจาหนาที่กําลังดําเนินการสอบสวนพยานเพื่อเสนอรัฐมนตรีอยู อันเปนการปฏิบัติหนาที่

ตามกฎหมาย โจทกยอมไมอาจฟองขอใหศาลบังคับใหพนักงานเจาหนาที่รับจดทะเบียนสิทธิและ

นิติกรรมใหได

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๒๒/๒๕๔๙ ผูฟองคดีฟองคดีนี้โดยอางวา ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการทีเ่จาพนกังาน

ที่ดินละเลยไมเก็บรักษาเอกสารใบมอบอํานาจและสารบบที่ดิน น.ส. ๓ ก. ที่ดินแปลงพิพาทและ

ไมคนหาหรือออกใบแทนใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมอาจใชเอกสารดังกลาวในการดําเนิน

คดีแพงและคดีอาญากับผูกระทําผิดปลอมแปลงลายมือชื่อผูฟองคดีในหนังสือมอบอํานาจใหยื่น

คําขอจดทะเบียนไถถอนจํานองและขายที่ดินพิพาทของผูฟองคดีไปได เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา

ที่ดินพิพาทไดมีการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเจาของที่ดินจากผูฟองคดีไปยังบุคคลภายนอก ซึ่งการจะ

พิสูจนวาการจดทะเบียนไดดําเนินการโดยไมชอบตองอาศัยเอกสารหลักฐาน เชน ใบมอบอํานาจ

ของผูฟองคดีที่มอบใหบุคคลใดเปนผูดําเนินการจดทะเบียน ซึ่งลวนแตอยูในสารบบที่สูญหายไป

เมื่อไมมีเอกสารหลักฐานในสวนที่จะพิสูจนไดวาผูฟองคดีไดมอบอํานาจใหบุคคลอื่นไปจดทะเบยีน

โอนที่ดินโดยถูกตองหรือไม การจะดําเนินการพิสูจนวาการโอนที่ดินดําเนินการไมชอบ จึงไมอาจ

ดําเนินการไดโดยงาย การนําพยานบุคคลมาสืบวาไมเคยเห็นผูฟองคดีลงนามในใบมอบอํานาจให

บุคคลใดๆ ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทก็ไมสามารถทําได เพราะไมมีบุคคลใดอยูกับผูฟองคดีได

ตลอดเวลา ฉะนั้น การที่เจาหนาที่ของกรมที่ดิน (ผูถูกฟองคดี) ทําสารบบเรื่องราวที่ดินของผูฟองคดี

สูญหายไป เปนเหตุให ผูฟองคดีไมอาจใช เอกสารหลักฐานในสารบบที่ดินแปลงพิพาท

เพื่อดําเนินคดีกับผูเกี่ยวของในการติดตามเอาที่ดินแปลงพิพาทคืน ในเบื้องตนรับกันวาที่ดินแปลง

พิพาทไมมีชื่อผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิในที่ดิน แมวาจะยังไมไดขอยุติวาที่ดินแปลงพิพาทตกเปนสิทธิ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 141:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๖

เด็ดขาดของบุคคลใดก็ตาม ก็ถือวาผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายแลว สวนในอนาคต

ผูฟองคดีจะติดตามเอาที่ดินแปลงพิพาทคืนมาไดหรือไม เปนเรื่องไมแนนอน จึงไมอาจอางเอาเปน

เหตุเพื่อใหผูถูกฟองคดีพนจากความรับผิดไปได อยางไรก็ตาม หากผูฟองคดีสามารถติดตามเอา

คืนที่ดินพิพาทจากบุคคลภายนอกได ก็ตองขอใหผูถูกฟองคดีดําเนินการจดทะเบียนแกไขชื่อ

เจาของที่ดินพิพาทกลับมาเปนของผูฟองคดี ซึ่งกอนจะจดทะเบียนดังกลาว ผูถูกฟองคดียอมจะ

เรียกคาเสียหายที่ชําระใหแกผูฟองคดีไดตามสวนในอนาคต

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 142:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๗

มาตรา ๗๕ การดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินมี

โฉนดที่ดิน ใหเจาพนักงานที่ดินบันทึกขอตกลงหรือทําสัญญาเกี่ยวกับการนั้นแลวแตกรณี แลวให

จดบันทึกสาระสําคัญลงในโฉนดที่ดินฉบับสํานักงานที่ดินจังหวัด หรือสํานักงานที่ดินสาขา และ

ฉบับเจาของที่ดินใหตรงกันดวย

(ความในมาตรา ๗๕ เดิมถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๕ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๗๕ การดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่มี

โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ใหเจาพนักงานที่ดินบันทึกขอตกลงหรือทําสัญญาเกี่ยวกับการนั้น แลวแตกรณี แลวใหจดบันทึกสาระสําคัญลงในโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนฉบับสํานักงานที่ดินและฉบับเจาของที่ดินใหตรงกันดวย

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 143:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๘

มาตรา ๗๖ ในกรณีการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ซ่ึงพนักงานเจาหนาที่ไดทําการสอบสวนและรังวัดหมายเขตไวแลว แตยังไมไดออกโฉนดที่ดิน ใหไปขอจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ตามความในมาตรา ๗๑

การจดทะเบียนดั่งกลาวในวรรคกอน ใหจดแจงในใบไตสวน อนุโลมตามวิธีการวาดวยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน

คําวินิจฉัยที่นาสนใจ

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๓๑/๒๕๐๘ ตราบใดที่ผูถือครองที่ดินยังไมไดมาซึ่งโฉนดที่ดินหรือยังไมไดรับโฉนดที่ดินไปจาก

พนักงานเจาหนาที่ เพียงแตเจาพนักงานที่ดินออกใบไตสวนใหเทานั้น ยอมไมอาจถือวาตนได

กรรมสิทธิ์ในที่ดินถูกตองตามกฎหมายแลว เพราะใบไตสวนไมใชหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน

อยางโฉนดที่ดิน

ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๖ เปนบทบัญญัติที่สืบเนื่องมาจากมาตรา ๗๒

มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ และมาตรา ๗๕ ซึ่งเปนเรื่องที่คูกรณีแสดงเจตนาทํานิติกรรมตอกันตาม

ความในมาตรา ๗๒ ซึ่งผูขอจดทะเบียนตองนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินยื่นตอเจาพนักงานที่ดินไป

ดวย หากที่ดินยังไมมีโฉนดที่ดินแตมีใบไตสวน การจดทะเบียนจะตองอนุโลมใหจดแจงในใบ

ไตสวนตามวิธีการจดทะเบียนโฉนดที่ดิน เมื่อการจดทะเบียนตามมาตรา ๗๖ มิไดบัญญัติให

ผูครอบครองที่ดินชนิดนี้ตองใชสิทธิทางศาลเปนคดีไมมีขอพิพาทเสียกอน เจาพนักงานที่ดินไมอาจ

เกี่ยงใหผูครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไตสวนตองนําคําสั่งศาลไปแสดงจึงจะดําเนินการออก

โฉนดที่ดินใหได เพราะกรณีไมตองดวยประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๘ ที่บัญญัติใหผูขอ

จดทะเบียนตองยื่นคําขอพรอมคําพิพากษาหรือคําสั่งศาลอันถึงที่สุดแสดงวาตนมีกรรมสิทธิ์ที่ดิน

ดังกลาวนั้นดวย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 144:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๓๙

มาตรา ๗๗ การจดทะเบียนสิทธิและนิ ติกรรมเกี่ ยวกับที่ ดินหรืออสังหาริมทรัพยอยางอ่ืน ถาประมวลกฎหมายนี้มิไดบัญญัติไวเปนอยางอ่ืน ใหปฏิบัติตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยไดออกกฎกระทรวงตามความในมาตรานี้คือ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ฯลฯ กฎกระทรวง

ฉบับที่ ๓๕ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ฯลฯ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๒ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ฯลฯ และกฎกระทรวง

ฉบับที่ ๕๒ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ฯลฯ กําหนดหลักเกณฑ วิธีการในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโดย

มีรายละเอียดดังตอไปนี้

ขอ ๑ ภายใตบังคับขอ ๘ และขอ ๙ บุคคลใดมีความประสงคจะขอทําการจด

ทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ใหบุคคลนั้นยื่นคําขอตามแบบ ท.ด. ๑ สําหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หรือ

แบบ ท.ด. ๑ ก สําหรับที่ดินที่ยังไมมีโฉนดที่ดินและอสังหาริมทรัพยอยางอื่น พรอมทั้งแนบหนังสือ

แสดงสิทธิในที่ดินหรือหลักฐานอยางอื่นตอพนักงานเจาหนาที่

แบบ ท.ด. ๑ และแบบ ท.ด. ๑ ก ตามวรรคหนึ่งใหเปนไปตามที่อธิบดีประกาศ

กําหนด

ขอ ๒ กอนทําการจดทะเบียนใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนในเรื่องดังตอไปนี้

ดวย คือ

(๑) สิทธิและความสามารถของบุคคลรวมตลอดถึงความสมบรูณแหง

นิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

(๒) ขอกําหนดสิทธิในที่ดินและการคาที่ดิน หรือการหลีกเลี่ยงกฎหมาย เชน

การไดมาซึ่งที่ดิน เพื่อประโยชนแกคนตางดาว

(๓) การกาํหนดทุนทรัพยสําหรับเสียคาธรรมเนียมในการจดทะเบียน

ขอ ๓ ในกรณีที่เห็นเปนการสมควร พนักงานเจาหนาที่จะใหคูกรณีนําพนักงาน

เจาหนาที่หรือเจาหนาที่อ่ืนไปตรวจสภาพของที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพยอยางอื่น โดยคูกรณีเปน

ผูออกคาใชจายเองก็ได

ขอ ๔ นิติกรรมที่คูกรณีขอใหจดทะเบียนนั้น ถาทําในรูปหนังสือสัญญา ใหทําเปน

คูฉบับ เพื่อเก็บไว ณ สํานักงานที่ดิน ๑ ฉบับ และมอบใหผูเปนฝายอีก ๑ ฉบับ หรือ ๒ ฉบับ

แลวแตกรณี ถาทําเปนรูปบันทึกขอตกลงใหทํา ๑ ฉบับ เพื่อเก็บไว ณ สํานักงานที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 145:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๐

ขอ ๕ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่ยังไมมีโฉนดที่ดิน ใบไตสวน

หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามแบบ น.ส.๓ ก. หรือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยอยางอื่น

ในที่ดินดังกลาว หรือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยอยางอื่นในที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ใบไตสวน หรือหนังสือ

รับรองการทําประโยชนตามแบบ น.ส.๓ ก. ในกรณีไมรวมกับที่ดินดังกลาว ใหประกาศการขอจด

ทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมีกําหนดสามสิบวัน

ประกาศตามวรรคหนึ่งใหปดไวในที่เปดเผย ณ สํานักงานที่ดินทองที่ซึ่งที่ดินหรือ

อสังหาริมทรัพยอยางอื่นตั้งอยู สํานักงานเขตหรือที่วาการอําเภอหรือที่วาการกิ่งอําเภอทองที่ ที่ทํา

การแขวงหรือที่ทําการกํานันทองที่ และบริเวณที่ดินหรืออสังหาริมทรัพยนั้น แหงละหนึ่งฉบับ

ขอ ๖ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมดังตอไปนี้ ไมตองประกาศตามความใน

ขอ ๕ คือ

(๑) การจดทะเบียนเลิกสิทธิหรือนิติกรรม เชน เลิกเชา เลิกภาระจํายอม เปนตน

(๒) การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการจํานอง เชน การ

ไถถอน การขึ้นเงิน การผอนตน การโอนสิทธิ การโอนหลุดเปนสิทธิ การโอนชําระหนี้จํานอง การ

แกไขเปลี่ยนแปลงจํานองหรือหนี้อันจํานองเปนประกัน เปนตน

(๓) การไถถอนจากการขายฝาก การปลดเงื่อนไขการไถหรือการโอนสิทธิ

การไถจากการขายฝาก

(๔) การจดทะเบียนการไดมาจากการขายทอดตลาดโดยมีการบังคับคดีทางศาล

(๕) การจดทะเบียนตาม (๒) (๓) หรือ (๔) แลวจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ประเภทอื่นตอไปในวันเดียวกัน

(๖) เมื่อมีการประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทหนึ่ง

ประเภทใดไวครบกําหนดแลว ตอมามีการตกลงเปลี่ยนประเภทการจดทะเบียนหรือเปล่ียนคูกรณี

ฝายผูรับสัญญา

(๗) การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทหนึ่งประเภทใดซึ่งไดกระทํา

ติดตอในวันเดียวกันเมื่อการจดทะเบียนลําดับแรกนั้นมีการประกาศตามขอ ๕ แลว

(๘) การจดทะเบียนการโอนตามคําสั่งศาล

(๙) การจดทะเบียนการโอนตามคําส่ังพนักงานเจาหนาที่ผูมีอํานาจตาม

กฎหมายอื่น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 146:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๑

ขอ ๗ ในการประกาศตามความในขอ ๕ ถาไมมีผูใดคัดคานภายในกําหนดเวลา

แลว ใหดําเนินการจดทะเบียนตอไป ในกรณีที่มีผูคัดคาน ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวน

พยานหลักฐานและทําการเปรียบเทียบทั้งสองฝาย ถาตกลงกันได ใหทําหนังสือสัญญา

ประนีประนอมยอมความไวแลวดําเนินการตามนั้น ถาตกลงกันไมได ใหงดดําเนินการไวแลวแจง

ใหทั้งสองฝายไปจัดการฟองรองวากลาวกันตอไป และเมื่อมีคําพิพากษาถึงที่สุดแลว จึงดําเนินการ

จดทะเบียนตามผลแหงคําพิพากษา

ฯลฯ ฯลฯ

ประเด็นปญหา ในกรณีที่ไดประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมแลวมี

ผูคัดคานการขอจดทะเบียน พนักงานเจาหนาที่จะตองรับฟงคําคัดคานในทุกกรณีหรือไม ในกรณทีี่

คําคัดคานไมมีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟงไดและคูกรณีไมอาจตกลงกันได การที่พนักงานเจาหนาที่

งดดําเนินการจดทะเบียนและแจงใหคูกรณีไปฟองรองวากลาวกันตอไป จะถือวาเปนการละเมิดตอ

ผูขอจดทะเบียนหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๙/๒๕๔๖

เมื่อมีผูขอจดทะเบียนโอนสิทธิการเชาหองชุดใหแกบุคคลอื่นตามที่มีการประนอม

หนี้กัน อันเปนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยในที่ดินที่มีโฉนดโดยไม

รวมที่ดิน ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนพนักงานเจาหนาที่ตองดําเนินการตามขอ ๕ และขอ ๗ ของ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยประกาศการขอจดทะเบียนโอนสิทธิการเชามีกําหนด ๓๐ วัน ถาไมมี

ผูคัดคานใหดําเนินการจดทะเบียนตอไป ถามีผูคัดคานใหสอบสวนพยานหลักฐานและทําการ

เปรียบเทียบทั้งสองฝาย ถาตกลงกันไมไดใหงดการดําเนินการไว แลวแจงใหทั้งสองฝายไปฟองรอง

กันตอไป เมื่อปรากฏวามีผูคัดคานการจดทะเบียนการโอนดังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตองพิจารณา

เหตุผลของการคัดคานวามีเหตุผลเพียงพอหรือไม เพียงใดกอน หากมีการรับฟงคําคัดคานในทกุกรณี

โดยไมพิจารณาถึงสิทธิในทรัพยสินของผูคัดคานหรือเหตุแหงการคัดคานกอนวามีผลกระทบตอ

สิทธิในทรัพยสินที่จะขอจดทะเบียนหรือไม ยอมไมเปนไปตามเจตนารมณของขอ ๗ ของ

กฎกระทรวงดังกลาว การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมพิจารณาเหตุผลของการคัดคานและสั่งงด

ดําเนินการจดทะเบียนโอนสิทธิการเชาทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิด

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 147:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๒

ของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจจากกฎตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินปฏิเสธการจดทะเบียนสิทธิและนติกิรรม

เพราะผูขอจดทะเบียนไมยอมเสียคาธรรมเนียมตามจํานวนที่เจาพนักงานที่ดินเรียกเก็บ เปนการ

กระทําที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๘/๒๕๔๖

การที่ผูฟองคดีนําคําพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งวินิจฉัยใหจําเลยซึ่งเปนฝายผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินใหผูฟองคดี หากจําเลยไมปฏิบัติตามใหถือเอาคําพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจําเลยมาขอใหผูถูกฟองคดี (เจาพนักงานที่ดิน) ดําเนินการจดทะเบียนโอนที่ดินตามคําสั่งศาล ผูถูกฟองคดีจะตองรับ จดทะเบียนโอนที่ดินดังกลาวโดยเรียกเก็บคาธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์โดยคํานวณจากราคาประเมินทุนทรัพยเพื่อเรียกเก็บคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ประกาศใชอยูในขณะที่มีการจดทะเบียน ในคดีนี้ คือ วันที่ผูฟองคดียื่นคํารองขอจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทตอพนักงานเจาหนาที่ ไมใชวันที่ผูฟองคดียื่นคําฟองตอศาลยุติธรรม เพราะในขณะที่ยื่นฟองสิทธิของผูฟองคดีเปนเพียงผูทรงสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายซึ่งเปนบุคคลสิทธิระหวางผูฟองคดีกับ ผูจะขาย ยังถือไมไดวาผูฟองคดีเปนเจาของที่ดินจนกวาศาลจะมีคําพิพากษาชี้ขาดวาผูใดเปนผูมีสิทธิดีกวากัน และเมื่อศาลมีคําพิพากษาแลว การจะไดกรรมสิทธิ์ตามคําพิพากษาก็ตอง จดทะเบียนตามที่กฎหมายกําหนด นิติกรรมจึงจะสมบูรณตามกฎหมาย ดังนั้น การที่ผูถูกฟองคดีปฏิเสธการจดทะเบียนโอนที่ดินตามคําสั่งศาลใหแกผูฟองคดี เพราะผูฟองคดีไมยอมเสียคาธรรมเนียมตามที่ผูถูกฟองคดีเรียกเก็บ จึงเปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมายแลว

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๕๐/๒๕๔๙

มาตรา ๗๗ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติวา การจดทะเบียนสิทธิและ

นิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินหรืออสังหาริมทรัพยอยางอื่น ถาประมวลกฎหมายนี้มิไดบัญญัติไวเปนอยางอื่น

ใหปฏิบัติตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดไวในกฎกระทรวง และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 148:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๓

(พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งใช

บังคับในขณะนั้น ขอ ๖ ระบุวาการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการขายทอดตลาดโดยมีการ

บังคับคดีทางศาล ไมตองประกาศตามความในขอ ๕ ดังนั้น แมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

ขายที่ดินซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครอง (ส.ค. ๑) ตามคําสั่งศาลที่นาย ซ.เปนผูซื้อไดจาก

การขายทอดตลาดจะไมปรากฏวามีการประกาศใหคัดคานตามความในกฎกระทรวงฉบับดังกลาว

ก็เห็นวานาย ซ. ไดรับโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทมาจากนาย ห. ซึ่งเปนผูแจง ส.ค. ๑ และ

ครอบครองที่ดินอยูเดิมโดยชอบดวยกฎหมายแลว นาย ห. จึงไมมีสิทธิในที่ดินพิพาทแลว ผูฟองคดี

ซึ่งเปนผูรับโอนที่ดินดังกลาวจากนายห.ยอมไมมีสิทธิในที่ดินพิพาทดวย ผูฟองคดีจึงไมมีสวนไดเสีย

ในการออกเอกสารสิทธิที่สืบเนื่องมาจาก ส.ค. ๑ ในที่ดินดังกลาว และไมมีอํานาจฟองขอใหศาล

ตรวจสอบความชอบดวยกฎหมายของการออกเอกสารสิทธิในที่ดินนั้น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 149:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๔

มาตรา ๗๘ การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินซ่ึงไดมาตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ หรือโดยประการอื่นนอกจากนิติกรรมสําหรับที่ ดินที่มีโฉนดที่ ดินแลว ใหปฏิบัติตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยไดออกกฎกระทรวงตามความในมาตรานี้ คือ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยมีรายละเอียดดังตอไปนี้

ฯลฯ ฯลฯ

ขอ ๘ การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ซึ่งไดมาตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

มาตรา ๑๓๘๒ ใหดําเนินการดังนี้

(๑) ผูไดมาตองยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่พรอมดวยคําพิพากษา หรือคําสั่ง

ศาลอันถึงที่สุด แสดงวาตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกลาวนั้น

(๒) ถาผูไดมาไดกรรมสิทธิ์ที่ดินมาเต็มตามโฉนดที่ดินใหพนักงานเจาหนาที่จด

ทะเบียนในประเภทไดมาโดยการครอบครอง

(๓) ถาโฉนดที่ดินมีชื่อบุคคลคนเดียวหรือหลายคน แตผูไดมาไดกรรมสิทธิ์ เฉพาะ

สวนหนึ่งสวนใด ใหสอบสวนวาตางฝายตางจะยอมใหผูไดมามีชื่อรวมในโฉนดที่ดินหรือไม

ถาตกลงกัน ก็ใหจดทะเบียนในประเภทไดมาโดยการครอบครอง โดยเติมชื่อผูไดมาลงไปในโฉนด

ถาไมตกลงกัน ก็ใหแบงแยกสวนของผูไดมาออก โดยใหผูไดมา และผูมีชื่อในโฉนดที่ดินที่ยังมี

กรรมสิทธิ์อยูไปดู และระวังเขตที่ดินในกรรมสิทธิ์ของตนแลวจดทะเบียนในประเภทแบงไดมาโดย

การครอบครอง

ถาผูไดมาไดกรรมสิทธิ์เฉพาะสวนของคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนไมเต็มตาม

โฉนดที่ดิน ใหจดทะเบียนในประเภทไดมาโดยการครอบครองเฉพาะสวน

(๔) ในกรณีตาม (๑) (๒) และ (๓) ถาไมไดโฉนดที่ดินมาใหถือวาโฉนดที่ดินสูญหาย

ใหเจาพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดิน แลวดําเนินการจดทะเบียนตอไปตามควรแกกรณี

ในกรณีเชนวานี้ โฉนดที่ดินเดิมเปนอันใชไมไดตอไป

(๕) ถาผูไดมาไดกรรมสิทธิ์มาไมตรงตามโฉนดที่ดิน ใหเจาพนักงานที่ดินออก

โฉนดที่ดินใหใหม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 150:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๕

เมื่อออกโฉนดที่ดินใหใหมแลว ถาไดโฉนดที่ดินเดิมมา ใหหมายเหตุดวยหมึกแดง

ลงไวในดานหนาของโฉนดเดิมแสดงวาโฉนดที่ดินฉบับนั้นไดมีการออกโฉนดใหมแลว สําหรับกรณี

ไมไดโฉนดที่ดินเดิมมา ใหระบุไวในประกาศแจกโฉนดที่ดิน แสดงวาไมไดโฉนดที่ดินมาดวย

(๖) ถาโฉนดที่ดินนั้นมีการจดทะเบียนผูกพัน เชน จํานอง เชา ภาระจํายอม ให

พนักงานเจาหนาที่แจงใหศาลทราบ เมื่อศาลแจงมาอยางไร ใหปฏิบัติตามควรแกกรณี

ขอ ๙ การจดทะเบียนสิทธิในที่ดินโดยประการอื่นนอกจากนิติกรรม ให

ดําเนินการดังนี้

(๑) ผูไดมาตองยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ พรอมดวยเอกสารแสดงสิทธิการ

ไดมาและโฉนดที่ดิน

(๒) ถาเปนกรณีไดมาโดยศาลสั่ง ใหจดทะเบียนในประเภทโอนตามคําส่ังศาล

โดยระบุคําส่ังศาลไวดวย

(๓) ถาเปนกรณีไดมาโดยประการอื่น ใหปฏิบัติตามความใน (๒) โดยอนุโลม

(๔) ถาโฉนดที่ดินมีชื่อไมตรงกับกรณีศาลสั่งมา หรือมีการจดทะเบียนผูกพันอยู

เชน จํานอง เชา ภาระจํายอม ใหพนักงานเจาหนาที่แจงใหศาลทราบ เมื่อศาลแจงมาอยางไร

ใหปฏิบัติตามควรแกกรณี

ประเด็นปญหา ที่ดินที่ยังไมมีโฉนดที่ดินหรือที่ดินที่มีใบไตสวนจะขอจดทะเบียน

ไดมาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา ๑๓๘๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยไดหรือไม มีคํา

วินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้ คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๖๐/๒๕๐๗

การขอจดทะเบียนสิทธิในที่ดินซึ่งไดมาตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ นั้น ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๘ บัญญัติไวเฉพาะสําหรับกรณีที่ดินมี โฉนดที่ดินแลว จึงเห็นไดวาการไดกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ ยอมหมายถึง การครอบครองที่ดินที่ ผู อ่ืนมีกรรมสิทธิ์แลว เมื่อที่ดินที่ผูรอง

ครอบครองไมมีโฉนดหรือยังไมเคยมีผูใดมีกรรมสิทธิ์มากอน ไมมีกฎหมายสนับสนุนใหรองขอใหศาลแสดงกรรมสิทธิ์ได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 151:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๖

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๔๘/๒๕๐๘ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๓ และตามกฎหมายเกากอนมีประมวล

กฎหมายที่ดิน คือ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๓๕ กําหนดวา ตราบใดที่ ผูครอบครองที่ดินหรือเจาของที่ดินยังไมไดกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายดังกลาวแลว ที่ดินนั้นยังไมเปนกรรมสิทธิ์ของผูใด นอกจากนี้ การไดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ หมายถึง การครอบครองที่ดินที่ผูอ่ืนมีกรรมสิทธิ์ เมื่อที่ดินที่ผูรองครอบครองไมมี

โฉนด หรือยังไมเคยมีผูใดมีกรรมสิทธิ์ก็ไมมีกฎหมายสนับสนุนใหผูรองขอใหศาลแสดงกรรมสิทธิ์ได จะนําบทกฎหมายดังกลาวมาอนุโลมใชบังคับแกที่ดินที่มีใบไตสวนไมได เพราะที่ดินที่มีใบไตสวนเปนที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครองเทานั้น

ประเด็นปญหา พนักงานเจาหนาที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินจะรับจดทะเบียน

ซื้อขายที่ดินที่มีผูไดมาโดยการครอบครองปรปกษตามคําสั่งศาล ใหแกคูกรณีตามสัญญา

ประนีประนอมยอมความและคําพิพากษาตามยอมไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

กฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๓๘๔/๒๕๓๔ (อางแลวในมาตรา ๗๔) ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินปฏิเสธการจดทะเบียนสิทธิและนติกิรรม

ใหแกผูขอจดทะเบียนตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคําพิพากษาตามยอม เนื่องจาก

ปรากฏขอเท็จจริงวามีผูไดมาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกลาวตามมาตรา ๑๓๘๒ แหงประมวลกฎหมาย

แพงและพาณิชยตามคําสั่งศาลแลว เปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของ

คณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข ดังนี้ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๓๐/๒๕๓๕

เมื่อปรากฏวามีบุคคลภายนอกไดครอบครองปรปกษที่ดินพิพาทบางสวนจนได

กรรมสิทธิ์ตามมาตรา ๑๓๘๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยแลวกอนที่ผูรองทุกขจะรับ

โอนที่ดินพิพาทมา โดยมีคําพิพากษาศาลซึ่งถึงที่สุดเปนการรับรองสิทธิ คําพิพากษาดังกลาวยอม

ผูกพันเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินในฐานะคูความตามมาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมาย

วิธีพิจารณาความแพง และโดยที่เปนคําพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินเปนคุณแก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 152:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๗

ผูครอบครองปรปกษ จึงใชยันแกผูรองทุกขในฐานะบุคคลภายนอกไดตามมาตรา ๑๔๕ วรรคสอง (๑)

แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ผูครอบครองปรปกษจึงมีสิทธิขอจดทะเบียนสิทธิ

สําหรับที่ดินสวนที่ครอบครองปรปกษไดตามมาตรา ๗๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และผลของ

การครอบครองปรปกษดังกลาวทําใหเจาของกรรมสิทธิ์รวมมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเพียงเทาที่เนื้อที่ดิน

ที่เหลือจากการครอบครองปรปกษ ผูรองทุกขจึงมีสิทธิเพียงเทาที่เจาของกรรมสิทธิ์รวมผูโอนจะพึงมี

ไดเทานั้น แมคดีเกี่ยวกับการครอบครองปรปกษจะถึงที่สุดหลังจากผูรองทุกขไดที่ดินมาตาม

คําพิพากษาตามยอมแลว แตคําพิพากษาตามยอมไมใชคําพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในทรัพยสิน

และผูรองทุกขยังไมไดจดทะเบียนการไดมาตอพนักงานเจาหนาที่ การไดมาซึ่งที่ดินของผูรองทุกข

ยอมไมบริบูรณตามมาตรา ๑๒๙๙ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และผูรองทุกข

ไมไดอยูในฐานะบุคคลภายนอกที่จะยกขึ้นเปนขอตอสูผูครอบครองปรปกษไดตามมาตรา ๑๒๙๙

วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังนั้น การที่พนักงานเจาหนาที่ไมยอมรับ

จดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะสวนแกผูรองทุกขตามคําพิพากษาตามยอม จนกวาจะได

ดําเนินการจดทะเบียนสิทธิแกผูครอบครองปรปกษเสียกอน จึงไมใชเร่ืองที่พนักงานเจาหนาที่

ละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ และไมเปนการกระทําที่ขัดหรือไมถูกตอง

ตามกฎหมาย

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ

คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๘๕/๒๕๔๕ การจดทะเบียนสิทธิในที่ดินซึ่งไดมาโดยการครอบครองปรปกษตามคําสั่ง

ศาลยุติธรรม ตองปฏิบัติตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ ตามมาตรา ๗๘

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน หากในการปฏิบัติของเจาพนักงานที่ดินเพื่อใหเปนไปตามคําสั่งศาล

ดังกลาวมีเหตุขัดของ ก็ชอบที่ผูไดมาซึ่งสิทธิในที่ดินหรือทายาทจะตองไปใชสิทธิทางศาลอีกครั้ง

เพื่อขอใหมีคําสั่งแกไขขอขัดของดังกลาวใหหมดสิ้นไป ตามขอ ๘ (๖) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗

(พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งเปน

เร่ืองที่อยูในอํานาจศาลยุติธรรม มิใชคดีปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติ

จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 153:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๘

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๕๙/๒๕๒๗ คําสั่งของศาลที่แสดงวาโจทกไดกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทนั้น เปนคําสั่งที่รับรองวา

การครอบครองที่พิพาทของโจทกเปนผลใหโจทกไดกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ เพื่อประโยชนในการจดทะเบียนสิทธิในที่พิพาทตอไปตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๗๘ ซึ่งการยื่นคํารองแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยนั้นตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ และมาตรา ๗๘ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ไมไดกําหนดหลักเกณฑวาผูรองจะตองเปนผูครอบครองที่พิพาทอยูในขณะที่ยื่นคํารองขอตอศาล คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๕๙/๒๕๓๗

โจทกไดกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปกษตามประมวล

กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ การที่โจทกจะมีชื่อในโฉนดที่ดินไดอยางไร ก็ตองเปนไปตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๗๘ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งโจทกสามารถที่จะปฏิบัติตามและไดรับผลตามความประสงคของโจทกอยูแลว โดยไมจําเปนตองอาศัยคําสั่งศาลให

จําเลยทั้งสองสงมอบโฉนดที่ดินพิพาทใหแกโจทกแตอยางใด คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๔๓๓/๒๕๓๗ ตามคําสั่งของศาลชั้นตนในคดีที่โจทกรองขอแสดงกรรมสิทธิ์เฉพาะสวน โดยการ

ครอบครองปรปกษไดระบุไวแลววา ที่ดินสวนที่โจทกไดมาโดยการครอบครองปรปกษตามประมวล

กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๒ มีเนื้อที่เทาใด ทิศใด มีความกวางยาวและเขตติดตอ

อยางไร โจทกจึงไดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่ศาลชั้นตนระบุไวดังกลาวแยกตางหากจากเจาของ

กรรมสิทธิ์รวมคนอื่นๆ กรมที่ดิน (จําเลย) จึงตองจดทะเบียนแบงแยกที่ดินใสชื่อโจทกเปนเจาของ

กรรมสิทธิ์ตามจํานวนเนื้อที่ดินดังกลาวตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๗๘ ประกอบกับ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๘ วรรคหนึ่ง (๓) คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๒๐๘/๒๕๔๐

คําพิพากษาศาลฎีกาในคดีกอนวินิจฉัยวา ที่ดินพิพาทอยูในเขตที่ดินของโจทก

ดังนั้น ผลของคําพิพากษาศาลฎีกาดังกลาวจึงผูกพันคูความในกระบวนพิจารณาของศาลที่

พิพากษา นับแตวันที่ไดพิพากษาจนถึงวันที่คําพิพากษานั้นไดถูกเปลี่ยนแปลง แกไข กลับ หรืองด

เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๔๕ ซึ่งตามคําใหการของจําเลยทั้งสาม

ในคดีนี้ก็ไมปรากฏวาหลังจากศาลฎีกาพิพากษาในคดีดังกลาวแลว จําเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไดบอก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 154:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๔๙

กลาวเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือไปยังโจทกวา จําเลยที่ ๑ และที่ ๒ จะยึดถือครอบครองที่ดิน

พิพาทในฐานะเจาของตอไปตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘๑ และจําเลย

ที่ ๓ ก็มิไดใหการตอสูวาตนมีสิทธิดีกวาโจทกแตประการใด กรณีจึงตองถือวาจําเลยทั้งสามไมมี

กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทดีไปกวาโจทก คดีจึงสามารถวินิจฉัยชี้ขาดไดโดยไมตองสืบพยานตอไป

การที่ศาลชั้นตนมีคําสั่ งงดสืบพยานจึงชอบแลว แตการไดมาซึ่งกรรมสิทธิ์ ในที่ดินตาม

มาตรา ๑๓๘๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๘

และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ บัญญัติไวแลววาจะตองดําเนินการอยางไร ซึ่งโจทกสามารถนํา

คําพิพากษาไปดําเนินการตามขั้นตอนไดอยูแลว จึงไมจําตองอาศัยคําส่ังศาลใหจําเลยสงมอบ

โฉนดที่ดินใหเพื่อไปจดทะเบียนแตอยางใด

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 155:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๐

มาตรา ๗๙ เมื่อผูมีสิทธิในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินแลวประสงคจะแบงแยกที่ดินเปน

บางสวน ตองใหพนักงานเจาหนาที่ไปทําการรังวัดแบงแยกที่ดิน เมื่อไดรังวัดแบงแยกเสร็จแลว

ถาจะตองจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ก็ใหจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียกอน แลวให

เจาพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหมให

สําหรับกรณีที่ดินที่มีใบไตสวน ใหนําความดั่งกลาวขางตนมาใชบังคับโดยอนุโลม

(ความในมาตรา ๗๙ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๑๑ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ

ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๗๙ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะแบงแยกที่ดินออกเปนหลายแปลง

หรือรวมที่ดินหลายแปลงเขาเปนแปลงเดียวกัน ใหยื่นคําขอพรอมดวยหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑

เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ ใหนํามาตรา ๖๙ ทวิ มาใชบังคับโดยอนุโลมดวย และถาจะตองจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ก็ใหจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียกอน แลวจึงออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับใหมให

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนแบงแยกและออกโฉนดที่ดิน

ใหแกผูขอเปนการดําเนินการที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัย

รองทุกข ดังนี้ คําวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขที่ ๔๔/๒๕๓๘ เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ในการรังวัดแบงแยกที่ดินของเจาของที่ดินแปลงขางเคียง นั้น

ผูรองทุกขไดแตงตั้งผูแทนออกไประวังชี้แนวเขตในฐานะเจาของที่ดินขางเคียง โดยไดลงนาม

รับรองความถูกตองของการรังวัดที่ดินในวันที่ทําการรังวัดดวย กรณีถือไดวาผูรองทุกขซึ่งเปน

เจาของที่ดินขางเคียงยอมรับในผลการระวังชี้แนวเขตและการดําเนินการดังกลาววาเปนไปโดยถูกตอง

ตามที่กฎหมายกําหนดไวแลว ดังนั้น เมื่อสํานักงานที่ดินไดออกโฉนดที่ดินใหกับผูขอรังวัดแบงแยก

จึงยังรับฟงไมไดวาเปนการปฏิบัติหนาที่โดยขัดหรือไมถูกตองตามกฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 156:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๑

มาตรา ๘๐ ในกรณีไถถอนจากจํานอง หรือไถถอนจากการขายฝากซึ่งที่ดินมี

โฉนดที่ดินแลว เมื่อผูรับจํานอง หรือผูรับซื้อฝากไดทําหลักฐานเปนหนังสือวาไดมีการไถถอนแลว

ใหเจาของที่ดิน หรือผูขายฝากนําโฉนดที่ดินมาขอจดทะเบียนไถถอนตอเจาพนักงานที่ดิน

เมื่อเจาพนักงานที่ดินตรวจเปนการถูกตองก็ใหจดทะเบียนในโฉนดที่ดินใหปรากฏ

การไถถอนนั้น

สําหรับที่ดินที่มีใบไตสวน ใหนําความดั่งกลาวขางตนมาใชบังคับโดยอนุโลม

(ความในมาตรา ๘๐ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๑๑ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ

ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน) มาตรา ๘๐ ในกรณีไถถอนจากจํานอง หรือไถถอนจากการขายฝากซึ่ง

ที่ดินมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแลว เมื่อผูรับจํานองหรือผูรับซ้ือฝากไดทําหลักฐานเปนหนังสือวาไดมีการไถถอนแลว ใหผูมีสิทธิในที่ดินหรือผูมีสิทธิไถถอนนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาขอจดทะเบียนไถถอนตอพนักงานเจาหนาที่ได

เมื่อพนักงานเจาหนาที่ตรวจเปนการถูกตอง ก็ใหจดทะเบียนในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหปรากฏการไถถอนนั้น

ไมพบคําวินิจฉัยที่เกี่ยวของ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 157:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๒

มาตรา ๘๑ การไดมาซึ่งที่ดินทางมฤดก ใหผูขอรับมฤดกนําหลักฐานหรือหนังสือ

แสดงสิทธิในที่ดินมายื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐาน

และประกาศใหทราบในที่เปดเผยในสํานักงานที่ดินจังหวัด หรือสํานักงานที่ดินสาขาในที่วาการ

อําเภอ และในบริเวณที่ดินมีกําหนดหกสิบวัน เมื่อไมมีผูโตแยง และหลักฐานเปนที่เชื่อไดวา ผูรอง

มีสิทธิในการรับมฤดกก็ใหจดทะเบียนใหตามคําขอ

ในกรณีที่มีผูโตแยง ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนคูกรณี และเรียก

บุคคลใด ๆ มาใหถอยคํา หรือสงเอกสารที่เกี่ยวของไดตามความจําเปน และใหพนักงานเจาหนาที่

เปรียบเทียบ ถาเปรียบเทียบไมตกลง ก็ใหพนักงานเจาหนาที่ส่ังการไปตามที่เห็นสมควร

ถาฝายใดไมพอใจคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ ก็ใหฝายนั้นไปฟองรองกันเอง

ยังศาล ภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันทราบคําสั่ง แตในกรณีที่เจามฤดกตายไปยังไมถึงหนึ่งป

ก็ใหพนักงานเจาหนาที่กําหนดเวลาใหไปฟองรองกันเองได แตตองไมเกินหนึ่งปกับหกสิบวัน นับ

แตวันเจามฤดกตาย

(ความในมาตรา ๘๑ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๑๑ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ

ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๘๑ การขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทางมรดก

ใหผูไดรับมรดกนําหลักฐานสําหรับที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน พรอมดวยหลักฐานในการ

ไดรับมรดกมายื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ ถาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอยูกับบุคคลอื่น ใหพนักงาน

เจาหนาที่มีอํานาจเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาวนั้นได

เมื่อพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐาน และเชื่อไดวาผูขอเปนทายาทแลว

ใหประกาศโดยทําเปนหนังสือปดไวในที่เปดเผยมีกําหนดหกสิบวัน ในกรณีการขอจดทะเบียนสิทธิ

ซึ่งกระทําตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ (๑) ใหปดประกาศ ณ สํานักงานที่ดิน ที่วาการ

อําเภอหรือกิ่งอําเภอทองที่ ที่ทําการกํานัน และบริเวณที่ดินนั้นแหงละหนึ่งฉบับ ถาเปนกรณีการขอ

จดทะเบียนสิทธิซึ่งกระทําตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ (๒) ใหปดประกาศ ณ ที่วาการ

อําเภอหรือกิ่งอําเภอ ที่ทําการกํานันและบริเวณที่ดินนั้นแหงละหนึ่งฉบับ

ในการนี้ใหพนักงานเจาหนาที่มีหนังสือสงประกาศดังกลาวใหบุคคลที่ผูขอแจงวา

เปนทายาททุกคนทราบเทาที่สามารถจะทําได หากไมมีผูใดโตแยงภายในกําหนดเวลาที่ประกาศ

และมีหลักฐานเปนที่เชื่อไดวาผูขอมีสิทธิไดรับมรดกแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 158:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๓

จดทะเบียนใหตามที่ผูขอแสดงหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมาย ทั้งนี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ

และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีที่มีผูโตแยง ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนคูกรณี และเรียก

บุคคลใด ๆ มาใหถอยคํา หรือใหสงเอกสารที่เกี่ยวของไดตามความจําเปน และใหพนักงาน

เจาหนาที่เปรียบเทียบ ถาเปรียบเทียบไมตกลง ใหพนักงานเจาหนาที่ส่ังการไปตามที่เห็นสมควร

ถาฝายใดไมพอใจคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ ใหฝายนั้นไปฟองรองตอศาล

ภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันทราบคําสั่ง ในกรณีที่ไดฟองรองตอศาล ใหรอเร่ืองไว เมื่อศาลได

พิพากษาหรือมีคําส่ังถึงที่สุดประการใด ใหดําเนินการไปตามนั้น ถาไมฟองรองภายในกําหนด

ใหดําเนินการไปตามคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่

(ความในมาตรา ๘๑ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔

ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๖ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๘๑ การขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทางมรดก

ใหผูไดรับมรดกนําหลักฐานสําหรับที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินพรอมดวยหลักฐานในการ

ไดรับมรดก มายื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ถาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอยูกับ

บุคคลอื่น ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาวนั้นได

เมื่อพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐาน และเชื่อไดวาผูขอเปนทายาทแลว

ใหประกาศโดยทําเปนหนังสือปดไวในที่เปดเผยมีกําหนดหกสิบวัน ณ สํานักงานที่ดินทองซึ่งที่ดิน

ตั้งอยู เขตหรือที่วาการอําเภอหรือกิ่งอําเภอทองที่ ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการกํานัน และบริเวณที่ดิน

นั้นแหงละหนึ่งฉบับ และใหพนักงานเจาหนาที่มีหนังสือสงประกาศดังกลาวใหบุคคลที่ผูขอแจงวา

เปนทายาททุกคนทราบเทาที่สามารถจะทําได หากไมมีผูใดโตแยงภายในกําหนดเวลาที่ประกาศ

และมีหลักฐานเปนที่เชื่อไดวาผูขอมีสิทธิไดรับมรดกแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการจด

ทะเบียนใหตามที่ผูขอแสดงหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมาย ทั้งนี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑและ

วิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีที่มีผูโตแยง ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนคูกรณี และเรียก

บุคคลใดๆ มาใหถอยคํา หรือส่ังใหสงเอกสารที่เกี่ยวของไดตามความจําเปน และใหพนักงาน

เจาหนาที่เปรียบเทียบ ถาเปรียบเทียบไมตกลงใหพนักงานเจาหนาที่ส่ังการไปตามที่เห็นสมควร

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 159:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๔

เมื่อพนักงานเจาหนาที่ส่ังประการใดแลว ใหแจงใหคูกรณีทราบ และใหฝายที่ไม

พอใจไปดําเนินการฟองตอศาลภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันที่ทราบคําสั่ง

ในกรณีที่ไดฟองตอศาลแลวใหรอเร่ืองไว เมื่อศาลไดพิพากษาหรือมีคําสั่งถึงที่สุด

ประการใดจึงใหดําเนินการไปตามกรณี ถาไมฟองภายในกําหนดก็ใหดําเนินการไปตามที่พนักงาน

เจาหนาที่ส่ัง

(ความในมาตรา ๘๑ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล

กฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๔ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๓ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๘๑ การขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซ่ึงไดมาโดยทาง

มรดก ใหผูไดรับมรดกนําหลักฐานสําหรับที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินพรอมดวยหลักฐานในการไดรับมรดกมายื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ถาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอยูกับบุคคลอื่นใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาวนั้นได

เมื่อพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐานและเชื่อไดวาผูขอเปนทายาทแลว ใหประกาศโดยทําเปนหนังสือปดไวในที่เปดเผยมีกําหนดสามสิบวัน ณ สํานักงานที่ดิน เขตหรือที่วาการอําเภอหรือกิ่งอําเภอ สํานักงานเทศบาล ที่ทําการองคการบริหารสวนตําบล ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการกํานันทองที่ซ่ึงที่ดินต้ังอยู และบริเวณที่ดินนั้นแหงละหนึ่งฉบับ และใหพนักงานเจาหนาที่มีหนังสือสงประกาศดังกลาวใหบุคคลที่ผูขอแจงวาเปนทายาททุกคนทราบเทาที่จะทําได หากไมมีทายาทซึ่งมีสิทธิไดรับมรดกโตแยงภายในกําหนดเวลาที่ประกาศและมีหลักฐานเปนที่เชื่อไดวาผูขอมีสิทธิไดรับมรดกแลว ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการจดทะเบียนใหตามที่ผูขอแสดงหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมาย ทั้งนี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีที่มีทายาทซึ่งมีสิทธิไดรับมรดกโตแยง ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนคูกรณีและเรียกบุคคลใดๆ มาใหถอยคํา หรือสั่งใหสงเอกสารที่เกี่ยวของไดตามความจําเปน และใหพนักงานเจาหนาที่เปรียบเทียบ ถาเปรียบเทียบไมตกลง ใหพนักงานเจาหนาที่สั่งการไปตามที่เห็นสมควร

เมื่อพนักงานเจาหนาที่สั่งประการใดแลว ใหแจงใหคูกรณีทราบ และใหฝายที่ไมพอใจไปดําเนินการฟองตอศาลภายในกําหนดหกสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง หากผูนั้นมิไดฟองตอศาลและนําหลักฐานการยื่นฟองพรอมสําเนาคําฟองเกี่ยวกับสิทธิใน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 160:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๕

การไดรับมรดกมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ภายในกําหนดเวลาดังกลาว ก็ใหดําเนินการไปตามที่พนักงานเจาหนาที่สั่ง

ในกรณีที่ทายาทไดยื่นฟองตอศาลภายในกําหนดเวลาตามความในวรรคสี่ หรือทายาทอื่นซ่ึงมีสิทธิไดรับมรดกไดฟองคดีเกี่ยวกับสิทธิในการไดรับมรดกตอศาลกอนที่พนักงานเจาหนาที่ไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการไดมาโดยทางมรดก เมื่อผูนั้นนําหลักฐานการยื่นฟองพรอมสําเนาคําฟองแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ ใหพนักงานเจาหนาที่ระงับการจดทะเบียนไว เมื่อศาลไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดประการใด ก็ใหดําเนินการไปตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น

รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยไดออกกฎกระทรวงตามความในมาตรานี้ คือ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย

ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดหลักเกณฑ วิธีการจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดย

ทางมรดก โดยมีรายละเอียดดังตอไปนี้

ขอ ๑ เมื่อมีผูมาขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทาง

มรดก ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐานแลวบันทึกลงในเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิ

และนิติกรรม (ท.ด. ๑) และในแบบบันทึกการสอบสวนขอจดทะเบียนโอนมรดก (ท.ด. ๘) ดวย

ขอ ๒ มรดกมีพินัยกรรม ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐานและวัน

ตายของเจามรดกตลอดจนสิทธิในการรับมรดกตามพินัยกรรมดวย

ขอ ๓ มรดกไมมีพินัยกรรม ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐานและ

พิจารณาการเปนทายาท สิทธิในการรับมรดก และวันตายของเจามรดก โดยใหผูขอแสดงบัญชี

เครือญาติและหลักฐานอื่นประกอบดวย

ขอ ๔ การจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทางมรดกไมมี

พินัยกรรม และมีทายาทซึ่งมีสิทธิไดรับมรดกหลายคน นอกจากจะตองดําเนินการตามขอ ๓ แลว

ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการดังตอไปนี้ดวย

(๑) ในกรณีที่ทายาทบางคนมาขอจดทะเบียนรับมรดกตามสิทธิของตนหรือขอให

ลงชื่อทายาทอื่นที่มีสิทธิไดรับมรดกทุกคนตามที่ผูขอแสดงไวในบัญชีเครือญาติ เมื่อไมมีผูโตแยง

ภายในกําหนดเวลาที่ประกาศ ใหพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนใหตามที่ผูขอแสดงหลักฐานการมี

สิทธิตามกฎหมาย

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 161:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๖

(๒) ในกรณีที่ทายาทบางคนมาขอจดทะเบียนรับมรดกทั้งหมด ถาผูขอนําทายาท

ที่แสดงไวในบัญชีเครือญาติทุกคนมาใหถอยคํายินยอม หรือนําหลักฐานการไมรับมรดกของ

ทายาทดังกลาวนั้นมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ไดภายในกําหนดเวลาที่ประกาศ ใหพนักงาน

เจาหนาที่จดทะเบียนใหตามที่ผูขอแสดงหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมาย แตถาผูขอไมสามารถ

นําทายาทที่แสดงไวในบัญชีเครือญาติทุกคนมาใหถอยคํายินยอม หรือไมสามารถนําหลักฐานการ

ไมรับมรดกของทายาทดังกลาวนั้นมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ภายในกําหนดเวลาที่ประกาศได

ก็ใหพนักงานเจาหนาที่ยกคําขอเสีย

ในกรณีที่จะตองมีคําสั่งศาลเพื่อเปนหลักฐานการไมรับมรดกของทายาท ใหผูขอ

นําคําสั่งศาลที่ถึงที่สุดแลวมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่พรอมกับการใหถอยคํายินยอมของ

ทายาทนั้นดวย แตถายังไมมีคําสั่งศาลดังกลาว ใหพนักงานเจาหนาที่รอเร่ืองไวจนกวาจะมีคําสั่ง

ศาลถึงที่สุด ในกรณีเชนนี้ ใหผูขอนําหลักฐานการดําเนินการทางศาลมาแสดงตอพนักงาน

เจาหนาที่ภายในกําหนดสามสิบวัน นับแตวันที่ทายาทนั้นมาใหถอยคํายินยอม ถาผูขอไมนํา

หลักฐานการดําเนินการทางศาลมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ภายในกําหนดดังกลาว ก็ให

พนักงานเจาหนาที่ยกคําขอนั้นเสีย

ประเด็นปญหา กรณีที่มีการจดทะเบียนผูจัดการมรดกในโฉนดที่ดินแลว หาก

ตอมาผูจัดการมรดกถึงแกกรรม และทายาทนําหลักฐานมาขอจดทะเบียนเลิกผูจัดการมรดกและ

ขอจดทะเบียนโอนมรดกตอไป พนักงานเจาหนาที่จะดําเนินการตามคําขอใหไดหรือไม มีคํา

วินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรางกฎหมาย) ดังนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๓๓/๒๕๒๖ ในกรณีที่มีการจดทะเบียนลงชื่อผูจัดการมรดกในโฉนดที่ดินแลว ตอมาผูจัดการ

มรดกตาย และทายาทเห็นวาไมจําตองมีการตั้งผูจัดการมรดกใหม ทายาทอาจรองขอตอกรมที่ดิน

ใหถอนชื่อผูจัดการมรดกออกจากโฉนดที่ดินเพื่อขอจดทะเบียนโอนมรดกตามมาตรา ๘๑ แหง

ประมวลกฎหมายที่ดิน และเมื่อเจาพนักงานที่ดินไดดําเนินการสอบสวนแลวก็อาจถอนชื่อผูจัดการ

มรดกออกจากโฉนดที่ดินไดโดยไมตองรอใหศาลมีคําสั่งเพิกถอนผูจัดการมรดกกอน ทั้งนี้ เพราะ

การเปนผูจัดการมรดกมีลักษณะเปนการเฉพาะตัว สวนในกรณีที่มีการจดทะเบียนเลิกผูจัดการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 162:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๗

มรดกตามคําขอของทายาทแลวจะมีการตั้งผูจัดการมรดกใหมหรือไม เปนเรื่องที่ทายาทจะ

พิจารณาเห็นสมควร ทายาทอาจขอจดทะเบียนรับโอนมรดกโดยไมตั้งผูจัดการมรดกก็ได

ประเด็นปญหา บันทึกถอยคําของทายาทที่เจาพนักงานที่ดินตามประมวลกฎหมาย

ที่ดินบันทึกไววาทายาทผูนั้นไมประสงคขอรับมรดกที่ดินพิพาท ทั้งนี้ เพื่อประกอบการพิจารณา

ดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกใหแกทายาทคนอื่นๆ ที่ยื่นคําขอจดทะเบียน จะถือเปนหลักฐาน

แสดงวาทายาทผูนั้นสละมรดกไดหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนี้ คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๙๐/๒๕๔๐

การที่เจาพนักงานที่ดินบันทึกถอยคําของทายาทวาไมประสงคจะรับมรดก ที่พิพาท และยินยอมใหทายาทอื่นรับโอนมรดกไปแตผูเดียว การบันทึกดังกลาวเปนการปฏิบัติตาม

ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๘๑ ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ถอยคําตามที่บันทึกไมใชกรณีการสละมรดกของทายาท แตมีลักษณะเปนสัญญาประนีประนอมยอมความอันมีผลบังคับใชไดตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๘๕๐, มาตรา ๘๕๒ และมาตรา ๑๗๕๐

ประเด็นปญหา การที่เจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนมรดกรายพิพาทเปนการ

ดําเนินการที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดและศาลฎีกา ดังนี้

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๙/๒๕๔๗ (อางแลวในมาตรา ๖๑) คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๘๑/๒๕๑๑ ในการที่เจาพนักงานที่ดินดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินรายพิพาทได

ปฏิบัติการไปตามนัยมาตรา ๘๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินโดยชอบ เชน การประกาศการขอรับ

มรดกที่ดิน เมื่อมีผูคัดคานการขอรับมรดกโดยอางสิทธิตามคําพิพากษาศาลฎีกา เจาพนักงานที่ดนิ

ก็ไดขอความเห็นไปยังกรมที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินก็ทําการศึกษาคําพิพากษาศาลฎีกาดังกลาวและเห็น

วาเปนไปตามที่ผูคัดคานกลาวอางจริง และแจงความเห็นใหเจาพนักงานที่ดินทราบเพื่อดําเนินการ

ตอไป แสดงวาทั้งเจาพนักงานที่ดินและกรมที่ดินปฏิบัติหนาที่ดวยความระมัดระวัง และเพื่อใหการ

งานเปนไปโดยความถูกตอง ไมมีพฤติการณใดสอใหเห็นเลยวามีเจตนาราย และการที่

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 163:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๘

เจาพนักงานที่ดินสั่งใหผูคัดคานรับโอนมรดกรวมกับโจทกผูขอจดทะเบียนโอนมรดกก็เนื่องจาก

เห็นวาพยานหลักฐานในเบื้องตนแสดงใหเห็นแลววาผูคัดคานมีสวนไดเสียในที่ดินพิพาทดวย และ

ทั้งสองฝายไมยอมตกลงตามขอเปรียบเทียบของเจาพนักงานที่ดิน เจาพนักงานที่ดินยอมส่ังการ

ตามที่เห็นสมควรไดตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๘๑ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายที่ดิน การสั่ง

การของเจาพนักงานที่ดินจึงเปนการสั่งการที่สมควรแกเหตุผลตามทองเรื่องแลว มิไดกอใหเกิด

ความเสียหายอันเปนการละเมิดแกโจทกเลย คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๒๔/๒๕๒๐ ในการยื่นขอรับมรดกในที่ดินจะตองมีการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดินตาม

มาตรา ๘๑ เสียกอน หากมีชื่อผูที่ไมไดยื่นคําขอรับมรดกอยูในโฉนดที่ดินยอมเปนการไมชอบดวยกฎหมาย ทายาทหรือผูมีสวนไดเสียในที่ดินยอมมีอํานาจฟองรองบังคับได

ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๘๑ กําหนดวา การขอจดทะเบียนสิทธิ

เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทางมรดก ใหผูไดรับมรดกนําหลักฐานสําหรับที่ดิน หรือ

หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินพรอมดวยหลักฐานในการรับมรดกไปยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ตาม

มาตรา ๗๑ การที่เจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนลงชื่อทายาทผูมีสิทธิรับมรดก โดยบุคคลดังกลาว

ไมไดไปยื่นคําขอและปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดินขางตน จึงเปนการ

จดทะเบียนที่ไมถูกตอง คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๒๘๖/๒๕๓๙ ตามประมวลกฎหมายที่ ดินมาตรา ๘๑ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔

(พ.ศ. ๒๕๑๖) บัญญัติเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดย ทางมรดก ในกรณีที่มีทายาทที่มีสิทธิไดรับมรดกหลายคน และทายาทบางคนขอจดทะเบียน รับโอนมรดกทั้งหมด ผูขอจดทะเบียนจะตองแสดงบัญชีเครือญาติทุกคน และตองนําทายาทตาม

บัญชีเครือญาติทุกคนมาใหถอยคํายินยอม หรือนําหลักฐานการไมรับมรดกของทายาทดังกลาวมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ภายในกําหนดเวลาที่ประกาศ ดังนั้น การที่เจาพนักงานที่ดิน จดทะเบียนโอนมรดกที่ดินพิพาทใหแกจําเลยไปทั้งแปลง โดยทายาทอื่นไมไดใหคํายินยอมเปนการไมปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกําหนด การจดทะเบียนโอนมรดกที่พิพาทเฉพาะสวนของทายาท

อ่ืนจึงไมชอบดวยประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๘๑ ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 164:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๕๙

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ คําพิพากษาฎีกาที่ ๙๘/๒๕๐๓

ในการขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาทางมรดกตามมาตรา ๘๑

แหงประมวลกฎหมายที่ดิน กําหนดใหผูรับมรดกนําหลักฐานสําหรับที่ดินพรอมดวยหลักฐานใน

การขอรับมรดกมายื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ตอจากนั้นใหเจาหนาที่ทําการสอบสวน ถาเชื่อวาผูขอเปนทายาทใหประกาศโดยทําเปนหนังสือ

ปดไวในที่เปดเผยโดยมีกําหนด ๓๐ วัน และภายในกําหนดเวลาดังกลาว หากไมมีผูใดคัดคานให

เจาหนาที่ดําเนินการจดทะเบียนใหกับผูรับมรดกนั้น อยางไรก็ตาม กฎหมายก็มิไดหามวาถาไมได

คัดคานการประกาศรับมรดกแลวจะนําคดีไปฟองรองตอศาลอีกไมได คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๙๔/๒๕๔๐

ตามที่มาตรา ๘๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติข้ันตอนการจดทะเบียนสิทธิ

เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยซึ่งไดมาโดยทางมรดกไววา เมื่อมีผูโตแยงการขอจดทะเบียนสิทธิในที่ดินซึ่ง

ไดมาโดยทางมรดกของผูยื่นคําขอ ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนและเปรียบเทียบคูกรณี

ถาเปรียบเทียบแลวคูกรณีไมสามารถตกลงกันไดใหพนักงานเจาหนาที่ส่ังการตามที่เห็นสมควร

หากคูกรณีไมพอใจสามารถดําเนินการฟองตอศาลไดภายใน ๖๐ วันนับแตวันทราบคําสั่ง โดยให

พนักงานเจาหนาที่รอเร่ืองไว เมื่อศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดอยางไรจึงดําเนินการไปตาม

ควรแกกรณี ระยะเวลาที่กําหนดใหคูกรณีไปฟองรองกันดังกลาวเปนเพียงขั้นตอนหนึ่งที่กฎหมาย

กําหนดไว ไมใชอายุความตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๓ ดังนั้น แมวา

คูกรณีจะไมพอใจคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่แลวไมไดฟองศาลตามกําหนดระยะเวลาดังกลาว

พนักงานเจาหนาที่ก็สามารถดําเนินการตอไปไดตามระเบียบทางราชการและกฎหมายตามที่

เห็นสมควรได

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 165:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๐

มาตรา ๘๒ ในกรณีที่มีผูมายื่นคําขอเปนผูจัดการมฤดกหรือทรัสตีที่กอต้ังทรัสต

ข้ึนไวแลว โดยชอบดวยกฎหมายกอนวันใชประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย บรรพ ๖ เกี่ยวกับ

ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพยอยางอื่น ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐานแลวจึงใหรับ

จดทะเบียนจัดการมฤดกหรือทรัสตีได

(ความในมาตรา ๘๒ เดิมถูกยกเลิกโดยขอ ๑๑ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ

ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๘๒ ผูใดประสงคจะขอจดทะเบียนลงชื่อผูจัดการมรดกในหนังสือ

แสดงสิทธิในที่ดิน ใหยื่นคําขอพรอมดวยนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้น และหลักฐานการเปนผูจัดการมรดกมาแสดงตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑ ถาเปนผูจัดการมรดกโดยคําสั่งศาล ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการจดทะเบียนใหตามคําขอ แตถาเปนผูจัดการมรดกในกรณีอ่ืน ใหพนักงานเจาหนาที่สอบสวนและตรวจสอบหลักฐาน และใหนําความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง มาใชบังคับโดยอนุโลม เมื่อไมมีผูโตแยง ใหพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนลงชื่อผูจัดการมรดกในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นได แตถามี ผูโตแยงก็ใหรอเรื่องไว และใหคูกรณีไปฟองรองตอศาล เมื่อศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง ถึงที่สุดประการใดแลว ใหดําเนินการไปตามคําพิพากษาหรือคําสั่งศาลนั้น

ในกรณีที่ผูจัดการมรดกซึ่งไดมีชื่อในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแลวขอ จดทะเบียนสิทธิในที่ดินใหแกทายาท ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการจดทะเบียนใหตามคําขอโดยไมตองประกาศตามมาตรา ๘๑

ในกรณีที่ทรัสตีของทรัสตซ่ึงไดกอตั้งขึ้นโดยชอบดวยกฎหมายไวแลวขอจดทะเบียนในฐานะเปนทรัสตี เมื่อพนักงานเจาหนาที่สอบสวนพยานหลักฐานแลว ใหดําเนินการจดทะเบียนได

คําวินิจฉัยที่นาสนใจ

คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๗๙/๒๕๔๕ การที่เจาพนักงานที่ดินจดทะเบียนใสชื่อผูจัดการมรดกลงในโฉนดที่ดินพรอมทั้ง

จดทะเบียนโอนมรดกที่ดินตามคําขอของผูจัดการมรดกซึ่งไดรับแตงตั้งตามคําสั่งศาล ใหแก

ทายาทโดยธรรมทุกคนเวนแตผูฟองคดี ถือวาเปนการปฏิบัติหนาที่ตามมาตรา ๘๒ วรรคหนึ่งและ

วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดินและตามหนังสือเวียนของกรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๑๐/๐๔๘๔๑

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 166:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๑

ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๔๒ แมผูฟองคดีจะคัดคานวาคําส่ังศาลที่แตงตั้งผูจัดการมรดก

รายดังกลาวยังไมถึงที่สุด เพราะอยูระหวางการพิจารณาของศาลอุทธรณ แตเจาพนักงานที่ดิน

ไมรับคําคัดคานโดยอางวามีอํานาจดําเนินการตามหนังสือกรมที่ดินดังกลาว ทําใหผูฟองคดีซึ่งตั้ง

บานเรือนอยูในที่ดินมรดกไดรับความเดือดรอน กรณีก็ยังไมอาจถือไดวาผูฟองคดีไดรับความ

เดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายจากการกระทําของเจาพนักงานที่ดินตาม

มาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับขอพิพาทดังกลาวเกิดจากการกระทําของผูจัดการมรดกซึ่งเปนขอพิพาท

ระหวางเอกชนดวยกัน จึงตองฟองคดีตอศาลยุติธรรม

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 167:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๒

มาตรา ๘๓ ผูใดมีสวนไดเสียในที่ดินใดอันอาจจะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียน

หรือใหมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได มีความประสงคจะขออายัดที่ดินตอพนักงานเจาหนาที่

ก็ใหทําได

เมื่อพนักงานเจาหนาที่สอบสวนเห็นสมควรใหรับอายัดไวไดไมเกินกําหนดหกสิบ

วันนับแตวันที่ขออายัด โดยใหผูนั้นไปดําเนินการทางศาล เมื่อศาลไดมีคําสั่งหรือคําพิพากษาแลว

ใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการตอไปตามควรแกกรณี

(ความในมาตรา ๘๓ เดิมถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๗ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ และใหใชความตอไปนี้แทน)

มาตรา ๘๓ ผูใดมีสวนไดเสียในที่ดินใดอันอาจจะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียน

หรือใหมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได มีความประสงคจะขออายัดที่ดิน ใหยื่นคําขอตอ

เจาพนักงานที่ดิน

เมื่อเจาพนักงานที่ดินสอบสวนหลักฐานที่ผูขอไดนํามาแสดงใหปรากฏแลว ถา

เห็นสมควรเชื่อถือก็ใหรับอายัดไวไดมีกําหนดหกสิบวันนับแตวันที่ขออายัด โดยใหผูนั้นไปดําเนินการ

ทางศาลและใหนําหลักฐานการยื่นฟองพรอมสําเนาคําฟองในกรณีที่ขออายัดมาแสดงตอ

เจาพนักงานที่ดินผูรับอายัดภายในกําหนดเวลาที่อายัด ถาผูขออายัดมิไดปฏิบัติดังกลาวใหถือวา

การอายัดสิ้นสุดและจะขออายัดซ้ําในกรณีเดียวกันอีกไมได แตถาผูขออายัดไดแสดงหลักฐาน

ดังกลาวภายในกําหนดเวลาที่อายัด ใหการอายัดมีผลตอไปจนกวาศาลจะสั่งใหถอนการอายัด

หรือมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุด

ถาเจาพนักงานที่ดินเห็นเองหรือผูมีสวนไดเสียคัดคานวา การอายัดนั้นไมชอบ

ดวยกฎหมายใหมีอํานาจสอบสวนพยานหลักฐานเทาที่จําเปน เมื่อเปนที่เชื่อไดวาไดรับอายัดไว

โดยไมชอบดวยกฎหมาย เจาพนักงานที่ดินมีอํานาจสั่งใหยกเลิกการอายัดนั้นได และแจงใหผูขอ

อายัดทราบ

(ความในมาตรา ๘๓ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล

กฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติแกไข

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๓ และใหใชความตอไปนี้แทน)

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 168:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๓

มาตรา ๘๓ ผูใดมีสวนไดเสียในที่ดินใดอันอาจจะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียน หรือใหมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได มีความประสงคจะขออายัดที่ดิน ใหยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๗๑

เมื่อพนักงานเจาหนาที่สอบสวนเอกสารหลักฐานที่ผูขอไดนํามาแสดงแลว ถาเห็นสมควรเชื่อถือก็ใหรับอายัดไวมีกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่สั่งรับอายัด เมื่อพนกําหนดระยะเวลาดังกลาว ใหถือวาการอายัดสิ้นสุดลงและผูนั้นจะขออายัดซํ้าในกรณีเดียวกันอีกไมได

ถาผูมีสวนไดเสียคัดคานวาการอายัดนั้นไมชอบดวยกฎหมาย ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสอบสวนพยานหลักฐานเทาที่จําเปน เมื่อเปนที่เชื่อไดวาไดรับอายัดไวโดยไมชอบดวยกฎหมาย ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสั่งยกเลิกการอายัดนั้น และแจงใหผูขออายัดทราบ

ประเด็นปญหา การที่หนวยราชการขอความรวมมือใหสํานักงานที่ดินหมายเหตุ

ไวในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เพื่อใหผูที่มาขอจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้นทราบวาที่ดิน

ดังกลาวนั้นเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน จะถือเปนการอายัดที่ดินหรือไม มีคําวินิจฉัยของศาลฎีกา

ดังนี้ คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๑๘๕/๒๕๔๐ การที่กรมที่ดินแจงใหเจาพนักงานที่ดินหมายเหตุไวในบัญชีอายัด และกลัดติดไว

ในโฉนดที่ดินแปลงพิพาทวา “เมื่อมีผูมาขอจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ใหแจงใหคูกรณีทราบ

วา กองทัพบกอางวาเปนที่สนามบินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินจริง ผูรับโอนยอมไมไดสิทธิ

ในที่ดินนี้แตอยางใด ถาคูกรณีทราบแลวประสงคจะใหจดทะเบียนก็ใหบันทึกถอยคําไวแลว

ดําเนินการจดทะเบียนตอไปได” นั้น ไมมีผลเปนการอายัดที่ดินตามมาตรา ๘๓ แหงประมวล

กฎหมายที่ดิน ที่จะทําใหที่ดินพิพาทถูกหามจดทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนโดยเด็ดขาด

คําวินิจฉัยกรณีอ่ืนๆ ที่นาสนใจ

คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๒๘/๒๕๐๙ แมเจาพนักงานที่ดินมีคําส่ังอายัดที่ดินตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดินไวแลว ก็ไมมีกฎหมายหามศาลมีคําสั่งใหยึดหรืออายัดที่ดินนั้นซ้ําอีก

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 169:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๔

คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๒๘/๒๕๑๑ ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๘๓ ใหอํานาจเจาพนักงานที่ดินที่จะสั่งอายัดที่ดินได

ตามที่เห็นสมควร โดยพิจารณาจากหลักฐานและพฤติการณที่ผูขออายัดแสดง ไมจําตองสอบสวนโดยเครงครัดอยางเชนคดีอาญา

ผูมีสิทธิไดรับมรดกที่ดินตามพินัยกรรมของเจามรดกยอมมีสวนไดเสียในที่ดิน อัน

อาจจะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียนหรือใหมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได จึงมีสิทธิขออายัด

ที่ดินตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๘๓ ได คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๖๑/๒๕๓๐ การขออายัดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๘๓ นั้น ใหสิทธิแกผูมีสวน

ไดเสียที่จะอายัดไดกอนที่จะมีการเสนอคดีข้ึนสูศาล เมื่อมีการเสนอคดีข้ึนสูศาลไปแลวจะกลับมา

ขออายัดที่ดินตอพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา ๘๓ อีกไมได คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๔๐/๒๕๓๗ ตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน มิไดบัญญัติถึงผลของการอายัดที่ดิน

ไวโดยชัดแจงวา หากมีการโอนที่ดินไปยังบุคคลภายนอกในระหวางอายัดแลว นิติกรรมการโอนไมมี

ผลบังคับดังเชนผลการอายัดตามที่บัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ในกรณีที่มี

การโอนที่ดินไปยังบุคคลภายนอกในระหวางการอายัด และผูรับโอนไดรับโอนโดยมีคาตอบแทน

และโดยสุจริต การโอนดังกลาวมีผลสมบูรณผูกพันกันได คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๑๕๕/๒๕๓๙

เจตนารมณของการอายัดที่ดินตามมาตรา ๘๓ มีความมุงหมายเปนการตัดสิทธิของเจาของที่ดิน ในอันที่จะจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนที่ดินไวชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกวาจะมีการวินิจฉัยปญหาเกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้นแลว เพื่อรักษาผลประโยชนของผูมีสวนไดเสีย ผูขอ

อายัดและเจาของที่ดินมิใหไดรับความเสียหายเกินกวาจําเปน เพราะถาไมมีการอายัดและปลอยใหมีการจดทะเบียนไดเร่ือยๆ ผูมีสวนไดเสียอาจตองฟองรองเจาของที่ดินและผูรับโอนตอๆ ไป ถาชนะคดีก็ตองสิ้นเปลืองคาใชจายและคาเสียหายอีกมาก การอายัดที่ดินจึงมีผลเปนการตัดสิทธิเจาของที่ดินในการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนที่ดินทุกประเภทที่อาจกอใหเกิดความ

เสียหายแกผูขออายัด มิไดจํากัดอยูแตเฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเฉพาะประเภท ที่พิพาทกันเทานั้น

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 170:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๕

คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๔๙๕/๒๕๔๐ การที่เจาพนักงานที่ดินจะรับอายัดที่ดินตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมาย

ที่ดิน ข้ึนอยูกับดุลพินิจของเจาพนักงานวาผูขออายัดเปนผูมีสวนไดเสียในที่ดินหรือไม

เหตุที่เจาพนักงานที่ดินใชดุลพินิจรับอายัดที่ดินตามคําขอของผูอายัด เพราะเห็น

วาตามหลักฐานหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ผูขออายัดนํามาแสดง ทําใหเห็นวาผูขออายัดอาจ

บังคับใหมีการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ผูขออายัดทําสัญญาจะซื้อที่ดินแปลงพิพาทจาก

ผูมีสิทธิในที่ดิน อันสงผลใหมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนที่ดินพิพาทได ผูขออายัดเปนผูมีสวน

ไดเสียในที่ดินที่มีสิทธิขออายัดตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดินได คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓๓/๒๕๔๓ เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ที่ดินพิพาทเปนที่ดินที่ จ. ตองโอนใหบริษัท อ. ตาม

ขอตกลงในการกอต้ังบริษัท อ. แต จ. ถึงแกกรรมกอนที่จะโอนที่ดินใหบริษัทตามขอตกลง ผูชําระ

บัญชีของบริษัท อ.ยอมเปนผูมีสวนไดเสีย ในอันที่จะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียนโอนที่ดินสวน

ของ จ. ดังกลาวมาเปนของบริษัท อ. ตามขอตกลงกอตั้งบริษัท ดังนั้น จึงมีสิทธิขออายัดที่ดิน

ดังกลาวไดตามมาตรา ๘๓ วรรคแรก แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 171:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

๑๖๖

คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๕๔/๒๕๕๐ เมื่อศาลปกครองชั้นตนไดดําเนินกระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติ

จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของที่ประชุมใหญ

ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ กําหนด โดยเปดโอกาส

ใหผูฟองคดีไดโตแยงแสดงพยานหลักฐาน และมีการสรุปขอเท็จจริงใหผูฟองคดีทราบตามขั้นตอน

ที่กฎหมายกําหนดไวแลว ไมปรากฏวาผูฟองคดีคัดคานหรือโตแยงขอเท็จจริงแตอยางใด ที่ผูฟองคดี

อุทธรณวาศาลปกครองชั้นตนรับฟงขอเท็จจริงไมครบถวน ไมเรียกเจาหนาที่ผูออก น.ส. ๓ ก.

พิพาท รวมทั้งผูครอบครองที่ดินเดิมมาไตสวน จึงไมอาจรับฟงได คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๕/๒๕๔๙

การพิจารณาวาที่ดินแปลงใดจะออกโฉนดที่ดินไดหรือไม ตองใชระเบียบและ

กฎหมายในวันยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินดังกลาว เมื่อผูฟองคดีไดยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินกอนวันที่

๑ เมษายน ๒๕๓๗ เจาพนักงานที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๓) จะนําเอากฎหมายภายหลังวันที่ ๑

เมษายน ๒๕๓๗ มาบังคับ โดยเห็นวาบุคคลใดนําที่ดินที่มีสภาพที่ดินเชนเดียวกับรายพิพาทมายื่น

คําขอออกโฉนดที่ดิน ผูถูกฟองคดีที่ ๓ จะตองปฏิเสธการรับคําขอในทันที เพราะเปนที่ดินที่

ตองหามออกโฉนดที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ .ศ . ๒๕๓๗) ออกตามความใน

พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ การพิจารณาถึงคุณสมบัติและสภาพ

ที่ดินแปลงพิพาท จึงตองนําบทบัญญัติและระเบียบกฎหมายที่ใชบังคับอยูในวันที่ยื่นคําขอออก

โฉนดที่ดินมาใชบังคับ เพราะระเบียบและกฎหมายการกําหนดคุณสมบัติและสภาพที่ดินที่จะออก

โฉนดที่ดินไดหรือไม อาจเทียบเคียงไดกับกฎหมายสารบัญญัติจะตองใชกฎหมายในขณะเกิดเหตุ

มาบังคับใช จะนํากฎหมายในขณะพิจารณาคดีมาใชบังคับยอนหลังไมได สวนวิธีการดําเนินการ

วาจะตองมีข้ันตอนการดําเนินการตอไปอยางไร ตองใชกฎหมายในขณะดําเนินการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 172:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ภาคผนวก

Page 173:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ก)

ดัชนีคําพิพากษา/คําสั่งศาลปกครองสงูสุด พ.ศ. ๒๕๔๖ – พ.ศ. ๒๕๔๘ (กรณีฟองตรง)

เลขแดงที ่ ผูฟองคดี หนา ฟ.๒/๒๕๔๖ นายหลง พูลสวัสดิ์ กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒๐๑ ราย) ๒๘

ฟ.๘ – ฟ.๑๐/๒๕๔๖ (ประชุมใหญ)

นางละเมียด พาหน ๘

ฟ.๑๐/๒๕๔๘ นายเกษม แสงสวาง กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒ ราย) ๙

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 174:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ข)

ดัชนีคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๖ – พ.ศ. ๒๕๕๐

เลขแดงที ่ ผูฟองคดี หนา อ.๑๒/๒๕๔๖ นางสาวรักกนก โชคชัยกุล ๖๐ อ.๒๐/๒๕๔๖ วัดโปงแยง ๑๔ อ.๒๖/๒๕๔๖ นายสุริพงษ ปยะวัฒน ๔๔ อ.๒๘/๒๕๔๖ นางสุภาพร ชิดโคกสูง ๑๔๒ อ.๓๙/๒๕๔๖ คุณหญิง ชัชนี จาติกวณิช ๑๔๑ อ.๕๓/๒๕๔๖ นายจรัญ ดวงแปน ๙๖, ๑๑๖ อ.๓๔/๒๕๔๗ เทศบาลตําบลหนองบัว ๑๑, ๔๕ อ.๔๐/๒๕๔๗ นางสลับ สิงหปา ๕๓ อ.๖๑/๒๕๔๗ นายผดุงกาญจน หังสะไวศยะ ๑๑๗ อ.๖๘/๒๕๔๗ นายคมกริช ภารดี ๑๑๗ อ.๖๙/๒๕๔๗ นางตีมะ อุเส็น ๗๘, ๑๕๗ อ.๘๓/๒๕๔๗ วัดศรีงาม ๔๕ อ.๙๒/๒๕๔๗ นางเจือ ฤกษนิรันดร ๑๐๕ อ.๑๑๔/๒๕๔๗ บริษัท เอกจรสั คอนสตรัคชั่น จํากัด ๑๓๔ อ.๑๓๑/๒๕๔๗ นางสาวทรงศรี วีระกิจ ๓๖ อ.๑๓๕/๒๕๔๗ นายสุรัตน คลองแคลว ๑๒ อ.๑๗๗/๒๕๔๗ นางสมบุญ เรียงซอน ๑๑๘ อ.๑๐/๒๕๔๘ นายจําลอง นามเมือง ๑๐๕ อ.๖๑/๒๕๔๘ นายอวยชัย องควิมลการ ๑๐ อ.๑๔๑/๒๕๔๘ นายบุญเลศิ หม่ืนปราบ กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒ ราย) ๓๒ อ.๑๖๓/๒๕๔๘ นายแดง ทองมหา ๘๓ อ.๑๙๑/๒๕๔๘ (ประชุมใหญ)

นางเถลิงศรี ใจตระหนัก ๑๑๘

อ.๔๕/๒๕๔๙ นายวินัย เสรเีสถียรทรัพย ๑๐ อ.๘๕/๒๕๔๙ นายประสิทธิ์ ไทรงาม ๑๐๖

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 175:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ค)

เลขแดงที ่ ผูฟองคดี หนา อ.๑๐๗/๒๕๔๙ นายณรงครักษ สุคนธทรพัย ๑๐๗ อ.๑๑๓/๒๕๔๙ นายจํานงค วิเชียรศรี ๗๒, ๙๑ อ.๑๗๐/๒๕๔๙ นางพยุง พวงขจร ๔๖ อ.๒๙๕/๒๕๔๙ นางชญานิษฐ หรือสมใจ เพ็ญพิชชานันท หรือภัทรทิวานนท ๙๒ อ.๓๐๓/๒๕๔๙ บริษัท ฮกจงเส็ง จํากัด ๓๒, ๕๖ อ.๓๒๒/๒๕๔๙ นายแอ นิยมเดชา ๑๓๕ อ.๓๒๗/๒๕๔๙ นายนภา วะภานุศรี ๑๐๘ อ.๓๕๐/๒๕๔๙ นางมิเหนาะ โตะบวช ๑๒, ๑๔๒ อ.๓๕๕/๒๕๔๙ นางมุกดา วงศวณิชยรตัน ๑๐๙ อ.๓๕๖/๒๕๔๙ นางสุดฤทัย รัตนะพร ๗๓ อ.๕๔/๒๕๕๐ นายธีระ เตชะสนธิชัย ๑๓, ๓๓

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 176:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ง)

ดัชนีคําสั่งศาลปกครองสงูสุด พ.ศ. ๒๕๔๔ – พ.ศ. ๒๕๕๐

คําสั่งที ่ ผูฟองคดี หนา

๖๔/๒๕๔๔ นายขึม เมืองแสน ๕๙ ๗๙/๒๕๔๕ นายยอดยิ่ง มากศิริ ๑๖๐ ๒๘๙/๒๕๔๕ นายปรีชา สุวรรณชาต ิ ๑๑๕ ๒๙๗/๒๕๔๕ นางเจือ ฤกษนิรันดร ๑๑๕ ๓๖๑/๒๕๔๕ นายประสาท ลามอ ในฐานะผูจัดการมรดกของ

นายหมัด ลามอ ๑๑๖

๓๖๗/๒๕๔๕ นิติบุคคลอาคารชุดลาดพราวคอนโดทาวน โครงการ ๒ ๘๑ ๓๘๕/๒๕๔๕ นางละออง ฉายวิลัยกรณ กับผูฟองคดีรวม

(รวม ๓ ราย) ๑๔๗

๓๙๓/๒๕๔๕ นางสมัน ผิวทอง กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒ ราย) ๗๖ ๕๐๗/๒๕๔๕ นายสงัน โตดวง ๕๙ ๖๐๖/๒๕๔๕ (ประชุมใหญ)

นายจํานงค สงเนียม ๕๔

๖๕๐/๒๕๔๕ นายสันติ ยิ่งสุขวัฒนา กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒ ราย) ๓๖ ๓๘-๔๒/๒๕๔๖ นายสวิง บุญณะ กับผูฟองคดีรวม (รวม ๗ ราย) ๖๐ ๒๐๕/๒๕๔๖ นายธงชัย โทขุนทด ๑๑๖ ๒๑๐/๒๕๔๖ นางดาราณี จําเรียงฤทธิ์ หรือนางกัลยาณี เนติรัตนดารา ๖๐ ๓๓๘/๒๕๔๖ นายรักษ หาญจริยากูล กับผูฟองคดีรวม (รวม ๓ ราย) ๑๑๖ ๓๕๗/๒๕๔๖ นายศรี แมลจิตร กับผูฟองคดีรวม (รวม ๕ ราย) ๗๕ ๓๙๘/๒๕๔๖ นางอํานวย วัชรโยธิน ๑๑๗ ๔๒๔/๒๕๔๖ นายอชิรญาณ หรือสรศักดิ์ วรานันตกุล ๗๕ ๖๙๐/๒๕๔๖ นางปทุมมาศ ผลดี ๘๒ ๖๙๑/๒๕๔๖ นายดาบตํารวจ สมพงษ ขยันเกตุการณ ๑๒๓ ๔๖/๒๕๔๗ นายดํารงค นาคยิ้ม ๕๕

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 177:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(จ)

คําสั่งที ่ ผูฟองคดี หนา

๓๐๔/๒๕๔๗ นายอรรณพ นาคเวก ๑๑๘ ๓๔๔/๒๕๔๘ นายไพโรจน หิรัญวดี ๘๔ ๔๕๐/๒๕๔๘ นางกิ้ม หิรัญวดี ๘๓ ๗๔๘/๒๕๔๘ นายประธาน บุตะโลม ๔๗ ๘๗๗/๒๕๔๘ นายสมเกียรต ิ เจริญกุล ๘๔ ๕๘๑/๒๕๔๙ นายประยูร พลพิพัฒนพงศ ๗๔ ๗๑๔/๒๕๔๙ บริษัท รอยัลคราวน อินเตอรเนชั่นแนล จํากัด ๗๕ ๗๔๙/๒๕๔๙ นางสมใจ บํารุงผล กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒ ราย) ๑๑๙ ๗๗๒/๒๕๔๙ บริษัท เจริญโภคภัณฑอีสาน จํากัด (มหาชน) ๘๔ ๙๑๑/๒๕๔๙ นางอุไรวรรณ วรพงษ ๘๕ ๗๙/๒๕๕๐ นายประชา ทองสัมฤทธิ ์ ๙๘ ๑๖๗/๒๕๕๐ นางละออ เหลาวลัลภ กับผูฟองคดีรวม (รวม ๒ ราย) ๘๕

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 178:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ฉ)

ดัชนีคําพิพากษาศาลฎีกา

ฎีกา โจทก/ผูรอง หนา ๑๐๙๙/๒๕๐๒ นางสาวมอญ เทพทอง ๑๒๓ ๙๘/๒๕๐๓ นายคํา วิลัยภักดิ์ กับพวก (รวม ๓ ราย) ๑๕๙ ๑๗/๒๕๐๖ นางสาวเล็ง มันหา ๙๘

๑๐๖๐/๒๕๐๗ นางสาวนกแกว ศิริภักดี ๑๔๕ ๑๓๓๑/๒๕๐๘ นายณรงค สากลวาร ี ๑๓๘ ๑๓๔๘/๒๕๐๘ นางเฟอง รอดมา ๑๔๖ ๕๒๘/๒๕๐๙ นายสงา ภูพลับ กับพวก (รวม ๓ ราย) ๑๖๓ ๑๒๗๐/๒๕๐๙ นายบุญมา ชื่นพิบูรณ ๑๒๕

๑๐๗๖-๑๐๗๙/๒๕๑๐ นายสงวน บวัรอด ๓๗ ๑๓๙๘/๒๕๑๐ นายอุบล ลิมปพันธ กับพวก (รวม ๓ ราย) ๑๒๙ ๗๓๙/๒๕๑๑ นายชื้อ น้ําคาง ๑๒๕ ๑๐๒๘/๒๕๑๑ นายจิราวุฒิ เลขะวัฒนะ ผูจัดการมรดกของ

หลวงวุฒิการเนติชัย ๑๖๔

๑๑๘๑/๒๕๑๑ พันเอกเดช ตุลวรรธนะ ๑๕๗ ๑๔๐๓/๒๕๑๙ นางอรุณ หยุดยั้ง ๑๓๕ ๑๙๒๔/๒๕๒๐ นายกรี แขกเตา ๑๕๘ ๒๗๐๘/๒๕๒๐ นางคอง วุฒิจักร ๑๒๕

๑๓๐๐-๑๓๐๑/๒๕๒๑ นายกิติ แสงศรี, นายสิทธิ์ ดุสีดา ๓๗ ๙๘๙-๙๙๓/๒๕๒๒ นายถวลัย จันทรธวชั ๖๑ ๒๖๓๓/๒๕๒๓ นายบัญญัติ ปานุราช ๑๒๑ ๑๐๕๙/๒๕๒๗ นายเอ ทรัพยสิน ๑๔๘ ๔๑๙๕/๒๕๒๘ นายสอาด หมวกเอ่ียม ๑๑ ๑๘๕๗/๒๕๒๙ นายประดิษฐ กาญจนกําเนิด กับพวก ๕๗, ๘๕ ๒๖๗๖/๒๕๒๙ นางอรวรรณ พงษเภตรา ๑๒๖ ๑๕๖๑/๒๕๓๐ นายวีระ ณ นคร ๑๖๔

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 179:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ช)

ฎีกา โจทก/ผูรอง หนา ๓๕๒๐/๒๕๓๒ นายหนูเจ็น ที่ดินดํา ๓๘ ๕๗๐๙/๒๕๓๓ นายอํานวย ทิพยอาภรณ ๘๖ ๕๙๐๔/๒๕๓๓ พนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร เพ่ือประโยชนแก

นางอําพร ยืนยาว ๑๔

๔๖๕๕/๒๕๓๔ นางพรทิพย วิพันธ ๖๑ ๒๙๓/๒๕๓๕ นายมานุ ไชยฤทธิ ์ ๔๘ ๓๘๗๕/๒๕๓๕ นางประจวบ วรรณทอง ๑๒๖ ๓๘๐/๒๕๓๖ นายแดง สนิทบุญ ๓๘ ๓๑๒๓/๒๕๓๖ นายตุลา ประทุม ๑๒๖

๒๘๐-๒๘๔/๒๕๓๗ นายอรุณ สุทธิโยธา กับพวก ๓๘ ๑๐๕๙/๒๕๓๗ นางสมบูรณ มูลจิต ๑๔๘ ๓๖๔๓/๒๕๓๗ นายจรูญ อาจทรงฯ ๖๑ ๖๘๔๐/๒๕๓๗ นายเศรษฐพงษ จตุรงคสัมฤทธิ ์ ๑๖๔ ๗๐๘๒/๒๕๓๗ นายเกียรตศิักดิ์ ภักดีผล ๓๔ ๗๔๓๓/๒๕๓๗ นางสาย แฟงมูล ๑๔๘ ๕๗๕/๒๕๓๘ นางกลับเนี่ยว รักภู ๖๑ ๒๓๑๒/๒๕๓๘ นายฉลอง สวางเนตร ๖๒ ๒๗๕๗/๒๕๓๘ นายอํานวย ศักดิ์ศรี กับพวก ๓๘ ๓๘๐๓/๒๕๓๘ นางมาลา ญาณวัฒนา ๖๒ ๔๘๕๐/๒๕๓๘ นายประจวบ เทียนรอด ๓๙ ๖๙๕๙/๒๕๓๘ นายจีรกาญจน หรือจีรการณ วังตาล ๕๗ ๗๕๙๗/๒๕๓๘ นายเอกทัต ตุมมี ๘๖ ๕๑๕๕/๒๕๓๙ นายประยูร ยอดแกว ๑๖๔ ๖๒๘๖/๒๕๓๙ นายแชม ทรวงดอน ๑๕๘ ๙๐๕๗/๒๕๓๙ นางสาวหรือนางคร หรือคอน แกวแดง ๘๖ ๕๓-๕๔/๒๕๔๐ นางเทียม บางบัวงาม กับพวก ๕๘ ๕๙๐/๒๕๔๐ นายวิรัตน ธรรมสฤษฎ กบัพวก ๑๕๗

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 180:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ซ)

ฎีกา โจทก/ผูรอง หนา ๑๖๙๔/๒๕๔๐ นางเสาวนีย ปาหนัน ๑๕๙ ๒๗๑๔/๒๕๔๐ นายประเวศ เกษมวัน ๖๒ ๓๒๐๘/๒๕๔๐ นางสาวละออ แซตั้น ๑๔๘ ๖๑๙๓/๒๕๔๐ นายอ๊ีด ชายสิทธิ ์ ๔๔, ๔๘ ๗๑๘๕/๒๕๔๐ นางพรศิริ สุธรรมนิรันด กับพวก ๑๖๓ ๗๔๙๕/๒๕๔๐ พันตํารวจเอกกําพล ยุทธสารประสิทธิ ์ ๑๖๕ ๓๘๖/๒๕๔๑ นายจันทร ผาทอง ๘๗ ๑๑๔๒/๒๕๔๑ นายอนันต ตั้งสกุล ๕๙ ๗๙/๒๕๔๒ นายเจือ เงินบาท ๘๗ ๕๔๔/๒๕๔๒ นายผาย สัมพะวงษ ๘๗ ๒๑๒๗/๒๕๔๒ นางทองปน ปองขันธ ๔๙ ๔๕๔๒/๒๕๔๒ นายหัด ภูม่ันนา ๓๙ ๖๕๙๗/๒๕๔๒ นายทิฆัมพร โสวภาค ๓๔ ๑๑๓๓/๒๕๔๓ นายสุธีร อัศวาณิชย ๑๖๕ ๓๓๐๗/๒๕๔๓ นางสําอางค อินทรอํานวย ๓๙ ๘๐๐๗/๒๕๔๓ สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพือ่เกษตรกรรม ๑๔ ๘๗๙๓/๒๕๔๓ นายปรก อัมระนันท ๕๘ ๖๗๐/๒๕๔๔ นายพิรุณ สุขนาแซง ๖๓ ๗๖๗๒/๒๕๔๔ นายบัว ตายทอง กับพวก ๘๗ ๔๗๒๕/๒๕๔๕ นางจุฑามาส แพทยพันธุ ๖๓ ๕๒๔๔/๒๕๔๕ นายบุญเตบิ จันทนมาลา ๑๒๐ ๒๕๙๙/๒๕๔๖ นายพรมดี วัตรสาร หรือวตัระสาร หรือวัตสารฯ ๘๘ ๘๑๑๓/๒๕๔๖ สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพือ่เกษตรกรรม ๔๙ ๑๕๖๔/๒๕๔๘ พันตรีชาญสลิป ดิษาภิรมย ๘๘

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 181:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ฌ)

ดัชนีความเห็นทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๑๔ – พ .ศ. ๒๕๓๘

เลขเสร็จที ่ ชื่อหนวยงานที่ขอความเห็น หนา ๘๔/๒๕๑๔ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตร ี ๗๗ ๑๔๓/๒๕๑๕ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตร ี ๑๓๐ ๒๙๕/๒๕๑๗ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตร ี ๓๐ ๘๓/๒๕๑๘ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตร ี ๑๓๑ ๑๙๙/๒๕๑๙ สํานักงานเทศบาลเมืองภูเก็ต ๙๕ ๑๘๕/๒๕๒๐ กรมที่ดิน ๑๒๘ ๒๘๐/๒๕๒๐ กรมที่ดิน ๑๒๗ ๒๕/๒๕๒๓ สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตร ี ๑๓๒ ๔๓๓/๒๕๒๖ กรมที่ดิน ๑๕๖ ๑/๒๕๓๓ กรมทะเบียนการคา ๘๘

๑๔๒/๒๕๓๓ กระทรวงเกษตรและสหกรณ ๕๒, ๗๗ ๑๗๔/๒๕๓๔ กรมที่ดิน ๔๑ ๒๙๔/๒๕๓๔ กระทรวงเกษตรและสหกรณ ๑๓๓ ๓๘๔/๒๕๓๔ กรมที่ดิน ๑๓๓, ๑๔๖ ๗๓๗/๒๕๓๔ กรมที่ดิน ๑๓๑ ๔๐๗/๒๕๓๕ กรมปาไม ๒๗ ๖๘๑/๒๕๓๕ กรมปาไม ๔๓ ๗๘๑/๒๕๓๕ กรมที่ดิน ๒๙ ๒๐๗/๒๕๓๗ กระทรวงมหาดไทย ๒๙ ๙๗/๒๕๓๘ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตร ี ๒๘ ๖๕๑/๒๕๓๘(ประชุมใหญ)

กระทรวงมหาดไทย ๒๕

๖๙๐/๒๕๓๘ กระทรวงเกษตรและสหกรณ ๕๒

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 182:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ญ)

เลขเสร็จที ่ ชื่อหนวยงานที่ขอความเห็น หนา ๖๗๒/๒๕๔๔

(คณะกรรมการ วิธีปฏบิตัิราชการทางปกครอง)

กรมที่ดิน ๓๑

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 183:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ฎ)

ดัชนีคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข พ.ศ. ๒๕๒๕ – พ .ศ. ๒๕๔๓

เลขเสร็จที ่ ผูรองทุกข หนา ๙๔/๒๕๒๔ นายเชิญ ตั้งสมสุข ๑๑๐ ๙๓/๒๕๒๕ นายปวน ละอองศรี ๑๑๐ ๙๖/๒๕๒๗ นายไพโรจน โตออน ๗๙ ๕๗/๒๕๒๘ นายณรงค บุญศิร ิ ๘๐ ๙๓/๒๕๒๘ นายประพันธ พากเพียร ๘๐ ๑๖/๒๕๓๑ นางสาวจํารัสศรี เคียงสกุล ๑๐๔, ๑๑๑ ๒๘/๒๕๓๒ นายกําแหง เจือใจอํานาจ ๑๑๑ ๓๐/๒๕๓๕ นายยงยุทธ ศุภารักษสบืวงศ ๑๔๖ ๕๖/๒๕๓๖ นางสุภาพ อินทรมานะ ๑๑๒ ๗๒/๒๕๓๗ นางอุบลพันธ โวลแมน ๘๘ ๔๔/๒๕๓๘ พระครูธรรมธรประเสรฐิ ฉิมวงษ (ชินวํโส) ๑๕๐ ๔๓/๒๕๓๙ นายมานะ มณีนิล ๑๑๒ ๖๒/๒๕๔๑ นายดําเนิน เนตรปญญา ๓๕ ๙๐/๒๕๔๑ นายธันณรงค วิบูลสันต ิ ๓๕ ๑๓๓/๒๕๔๑ นางสุภารัตน ภูชฎาภิรมย ๘๑ ๑๘๑/๒๕๔๑ นางสุพร ชัยเดชสุริยะ ๑๑๒ ๒๐๖/๒๕๔๑ นางมาลี พูลศุข ๗๔ ๒๒/๒๕๔๒ นางระเบียบ บุตรน้ําเพชร ๑๑๓ ๒๓/๒๕๔๒ นายจําลอง ชุมเกษียร กับผูรวมรองทุกขอ่ืน ๔๖ ๑๐๙/๒๕๔๒ นางวลัยรตัน เดนปรีชาวงศ ๑๑๓ ๑๓๑/๒๕๔๒ นางสาวจุราภรณ แซเตียว ๕๐ ๑๔๖/๒๕๔๒ นางโตะ สิทธผิล ๑๑๔ ๑๗๖/๒๕๔๒ นายวิลาศ บนุนาค ๑๐๓ ๑๘๒/๒๕๔๒ นางทัศนีย จันทรแสง กับผูรองทุกขรวม (รวม ๕ ราย) ๕๖ ๑๙๔/๒๕๔๒ นางพอย บุญเกษ ๓๕ ๒๕๓/๒๕๔๒ นางวันเพ็ญ พ่ึงรักษาเกียรต ิ ๓๖

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 184:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

(ฏ)

เลขเสร็จที ่ ผูรองทุกข หนา ๑๓๘/๒๕๔๓ นางสาวจันทรจิรา สีขน ๙๕ ๑๕๓/๒๕๔๓ นายเฉลิมสิทธิ์ รุจิราวงศ ๑๑๔ ๒๗๙/๒๕๔๓ นางแพร ฉัตรอินทร ๙๖

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง

Page 185:  · 2011-07-06 · (๔) ที่สงวนหวงห ามตามมาตรา ๑๐ แห งพระราชบ ัญญัติให ใช ประมวลกฎหมาย

ประธานคณะทํางาน นางสมฤดี ธัญญสิริ ผูอํานวยการสํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง

คณะทํางาน นางวาสนา จันทราภรณ พนักงานคดีปกครอง ๘ว (รกน.พนักงานคดีปกครอง ๙ชช.) นางสาวอุมาภรณ สุนทรนันท พนักงานคดีปกครอง ๕ นางสาวกันยารัตน รูปสมศร ี พนักงานคดีปกครอง ๔ นายสุเมธ ธีระวัชรมาศ พนักงานคดีปกครอง ๔ นายพาชัย มงคลปรีดาไชย พนักงานคดีปกครอง ๔

ผูรับผิดชอบดําเนินการ นายพาชัย มงคลปรีดาไชย พนักงานคดีปกครอง ๔

ผูพิมพ นางสาวทิพวรรณ เมธานิมิตพงศ เจาหนาที่บันทึกขอมูล ๒ นางสาวสายพณิ ภักดี พนักงานธุรการ นางสาวไอลดา ขันจอก พนักงานธุรการ

สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง