worakarn.comworakarn.com/document/social/lesson1.pdf · 2015-04-27 ·...
TRANSCRIPT
จุดประสงค์ปลายทางวิเคราะห์การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนา และการคิดตามแบบวิทยาศาสตร์
สามารถน าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
จุดประสงค์น าทาง 1. อธิบายความหมายของพระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ได้
2. บอกหลักการของพระพุทธศาสนาและหลักการวิทยาศาสตรไ์ด้3. เปรียบเทียบหลกัความสอดคล้องและความแตกต่างของพระพุทธศาสนา และวิทยาศาสตร์ได้4. เปรียบเทียบความคิดในหลักการของพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ได้5. น าหลักการของพระพุทธศาสนากับหลักการของวิทยาศาสตรไ์ปประยุกต์ใช้ ได้เหมาะสม
บทเรียนชุดน้ี นักเรียนจะได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ดังต่อไปน้ี
1. หลักการของพระพุทธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์- ความสอดคล้อง- ความแตกต่าง
2. การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคิดแบบวิทยาศาสตร์
หลักการทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาเพื่อประโยชน์สูงสุดของมนุษย์ คือ การพ้นทุกข์และก่อให้เกิดความสุข อันเกิดจากการปฏิบัติธรรม
ประโยชน์ทางพระพุทธศาสนานั้นมี 3 อย่าง คือ1. ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน2. สัมปรายกิัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์ในภายหน้า3. ปรมัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์อยา่งยิ่งหรือประโยชน์สูงสุด
หลักการทางวิทยาศาสตร์
การศกึษาทางวิทยาศาสตร์ คือ การน าเอาธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ในการบ าบัดทุกขแ์ละบ ารุงความสุขให้แก่คนเรา
วิทยาศาสตร์ แปลว่า วิชาความรู้ ดังนั้น วิทยาศาสตร์ จึงหมายถงึความรู้ที่เกี่ยวกับธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา ซ่ึงมนุษย์ได้ท าการศกึษาค้นคว้า สั่งสมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังจะต้องศกึษาต่อไปในอนาคตอีกอยา่งไม่มีท่ีสิ้นสุด โดยน าความรู้จากสิ่งแวดลอ้มรอบๆ ตัวเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์
วิธีคิดแบบพระพุทธศาสนา
การคิดแบบพระพุทธศาสนา เป็นการคิดแบบสืบสาวจากผลไปหาเหตุ และสืบสาวจากเหตุไปหาผล เช่น การคิดโดยอาศัยอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ดังนี้
1. ทุกข์ = ความกังวลใจ ความไม่สบายกายความไม่สบายใจ2. สมุทัย = สาเหตุแห่งทุกข์ เป็นการพิจารณาถึงต้นเหตุ
= ที่ท าให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจนั้น3. นิโรธ = การดับทุกข์ เพือ่ท าให้ความทุกข์หายไป4. มรรค = การรู้แจ้งถึงหนทางแห่งการดับทุกข์
วิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ ได้แก่
การคิดแบบวิทยาศาสตร์ เป็นการคิดแบบสาวผลไปหาเหตุเชน่เดียวกับ การคิดแบบพระพุทธศาสนา วิธีคิดแบบวิทยาศาตร์มี 5 ขั้นตอน ดังนี้1. ปัญหา = สิ่งที่เป็นข้อสงสัย2. สมมติฐาน = ความน่าจะเป็นของปญัหา การคาดเดาเหตุผล
= เพื่อตอบค าถามให้แกป่ัญหาที่เป็นข้อสงสัยให้ได้3. ทดลอง = วิธีการในการกระท าต่างๆ เพือ่หาวิธีในการตอบปัญหา4. วิเคราะห์ = การน าข้อมลูที่ได้จากการทดลองมาคิดวิเคราะห์
= พิจารณาในการตอบปญัหา5. การสรุปผล = ได้รับค าตอบจากการวิเคราะห์ สามารถตอบปญัหาได้
= จนเกิดเป็นความ
ความสอดคล้องของวิธีคิดแบบพระพุทธศาสนา กับวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์
วิธีการคิดแบบพระพุทธศาสนาและวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์มีความสอดคล้องกันคือ มีข้ันตอนและรูปแบบวิธีการคิดเหมือนกัน ทุกข์ในวิธีการคิดของอริยสัจ 4 คือ ปัญหาของวิธีการคิดแบบวิทยาศาสตร์ จากนั้นมีการตรวจสอบสาเหตุของทุกข์และปัญหา รวมทั้งการทดลองเพื่อขจัดปัญหา สุดท้ายน าไปสู่การวิเคราะหแ์ละรู้แจ้งสามารถขจัดปัญหา
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า วิธีคิดแบบพระพุทธศาสนา เป็นวิธีการคิดแบบเดียวกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งทั้งสองวิธีมุง่ขจัดปัญหาเหมือนกัน ดังค ากล่าวของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ว่า “ถ้าจะมีศาสนาใดรองรับความคิดแบบวิทยาศาสตร์ได้ละก็ ศาสนานั้นก็คือ ศาสนาพุทธ”
ความแตกต่างของวิธีคิดแบบพระพุทธศาสนา กับวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์
1. หลักการทางวิทยาศาสตร์มุ่งเข้าใจปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ต้องการรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ อะไรเป็นผลที่ตามมา ส่วนหลักการพระพุทธศาสนาก็มุ่งเข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ เช่นเดียวกัน แตกต่างตรงที่พระพุทธศาสนาเน้นเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิถีชีวิตของมนุษย์มากกว่ากฎเกี่ยวกับสิ่งที่ไร้ชีวิต จุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนาคือ สอนให้คนเป็นคนดีขึ้น พัฒนาขึ้น สมบูรณ์ข้ึน
2. หลักการทางวิทยาศาสตร์ต้องการเรียนรู้กฎธรรมชาติและหาทางควบคุมธรรมชาติหรือเอาชนะธรรมชาติ ส่วนหลักการทางพระพุทธศาสนาเป็นการทดสอบความรู้สึกทุกข์หรือไม่เป็นทุกข์ มุ่งแสวงหาความจริงจากทั้งภายนอกและภายในตัวมนุษย์อันเป็นเหตุที่ท าให้เกิดปัญหา ทางด้านจิตวิญญาณอันเป็นผลกระทบต่อการด ารงชีวิตและต่อคุณภาพชีวิต
ตอนที่ 1 : ให้นักเรียนตอบค าถามต่อไปนี้1. ความคดิ หมายความว่า..................................................................................................................................2. ในชั้นน้ีนักเรียน เรียนการคดิ………..ประเภท คอื ………………………………………………………………………………...................………………….. ……………………………………………………………………………………………...................……..3. การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนา หมายถึง………………………………………………..................... ……………………………………………………………………………………………...................……..4. ขั้นตอนการคดิตามนัยทางพระพุทธศาสนามี…………….ขั้นตอน คือ ……………………………………………………………………………………………...................…….. ……………………………………………………………………………………………...................……..5. การคิดแบบวิทยาศาสตร์คอื……………………………………………..แบ่งออกเป็น……….ขั้นตอน คือ ……………………………………………………………………………………………...................…….. ……………………………………………………………………………………………...................……..
ตอนที่ 2 : ให้นักเรียนตอบค าถามเกี่ยวกับหลักการคิดของพระพุทธศาสนา กับวิทยาศาสตร์ต่อไปนี้
1. การคิดตามนัยทางพระพุทธศาสตร์มีหลักการส าคัญ……………ประการ คอื ………………………………………………………………………………...................………………….. ……………………………………………………………………………………………...................……..
……………………………………………………………………………………………...................…….. ………………………………………………………………………………...................…………………..2. การคิดแบบวิทยาศาสตร์มีหลักการส าคัญ………………….ประการ คือ ………………………………………………………………………………...................………………….. ……………………………………………………………………………………………...................……..
……………………………………………………………………………………………...................…….. ……………………………………………………………………………………………...................……..
สถานการณ์ท่ี 1 : ให้นักเรียนชมภาพวิดีทัศนข์องส านักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ชุด “เลิกเหล้า เลิกจน” ตามล าดับ แล้ววิเคราะห์การคิดตามหลักพระพุทธศาสนา และหลักวิทยาศาสตร์
[คลิกที่ภาพเพื่อชมวิดีทัศน]์ ที่มา : http://www.thaihealth.or.th
สถานการณ์ท่ี 1 :
วิธีคิดแบบพระพุทธศาสนา วิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์
สถานการณ์ท่ี 2 : ให้นักเรียนชมภาพวิดีทัศนข์องกระทรงศึกษาธิการ และบริษัท ไทยแอทลาส โกลบอล ฟูด จ ากัด ตามล าดับ แล้ววิเคราะห์การคิดตามหลักพระพุทธศาสนา และหลักวิทยาศาสตร์
[คลิกที่ภาพเพื่อชมวิดีทัศน]์ ที่มา : http://www.adintrend.com
สถานการณ์ท่ี 2 :
วิธีคิดแบบพระพุทธศาสนา วิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์
แบบทดสอบท้ายบท ชดุที่ 1 เรื่อง วิธีคิดชาววิทย์ – ชาวพุทธ - แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนดิเลือกตอบ 4 ตัวเลือก - ให้นักเรียนท าให้ครบทกุข้อ โดยเลือกค าตอบที่ถูกต้องแล้วกากบาทลงใน กระดาษค าตอบที่แจกให้ - ให้นักเรียนใช้เวลาในการท าแบบทดสอบ ประมาณ 20 นาที - หลังจากท าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจค าตอบจากท้ายเล่ม
ค าชี้แจง : ให้นักเรียนท าแบบทดสอบท้ายบท