29 มิ.ย.สมโภชนักบุญเปโตร และเปาโล
DESCRIPTION
29 มิ.ย.สมโภชนักบุญเปโตร และเปาโลTRANSCRIPT
การสมโภชในวันนี้เป็นการเฉลิมฉลอง
ที่เก่าแก่ที่สุดวันหนึ่ง และที่จริงเป็น
การฉลองที่ มีม าก่อนการฉลอง
พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดเสียอีก ตั้งแต่
ศตวรรษที่
แล้วที่ในวันฉลองนี้มีการถวายมิสซา
3 มิสซา ด้วยกันคือ ที่พระวิหาร
นักบุญเปโตรในรัฐวาติกันมิสซาหนึ่ง
ที่พระวิหารนักบุญเปาโล นอกก าแพง
เมืองอีกมิสซาหนึ่ง และมิสซาที่สามที่
ค าตากอมบ์นั กบุญ เซบาสเตียน
ซึ่ง เชื่อว่าศพของท่านนักบุญอัคร
ธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านคงจะ
ถูกซ่อนไว้ ณ ที่นี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
นักบุญ เปโตร ซีมอนเป็นชาวประมง
คนหนึ่งของต าบลเบทไซดา (ลก.5:3 ;
ยน.1:44) แต่ว่าต่อมาได้ย้ายมาตั้งหลกั
แ ห ล่ ง ที่ เ มื อ ง ค า ร์ เ ป อ ร์ น า อุ ม
(มก.1:21.29)
นักบุญ อันเดร น้องชายของท่านได้
เป็นคนแนะน าให้ท่านติดตามพระเยซูเจ้า
(ยน.1:42) และอาจเป็นนักบุญ ยอห์น
บัปติสต์ ที่ได้เป็นผู้ตระเตรียมจิตใจ
ของท่านส าหรับการพบปะครั้งส าคัญ
ของท่านกับองค์พระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าได้ทรงเปลี่ยนชื่อท่านและ
ทรงเรียกท่านด้วยชื่อใหม่ว่า “เปโตร”
(มธ.16:17-19; ยน. 21: 15-17)
เพื่อท าหน้าที่เป็นศิลาพื้นฐานในตัว
บุคคลของท่านเอง
นักบุญ เปโตร เป็นพยานบุคคลแรกๆ
ผู้หนึ่งที่ได้แลเห็นพระคูหาว่างเปล่า
ของพระอาจารย์ (ยน.20:6) และได้รับ
การประจักษ์มาขององค์พระเยซูเจ้า
ผู้ทรงกลับคืนชีพ (ลก.23:34)
หลั งจ ากที่พร ะ เยซู เ จ้ า ได้ เสด็ จ
ขึ้นสวรรค์แล้ว ท่านก็ท าหน้าที่เป็น
ผู้น าบรรดาคริสตชน (กจ. 1:15 ;
15:7)ได้กล่าวสรุปข่าวดี (พระวรสาร)
(กจ.2:14-41)และทา่นเองเปน็คนแรก
ที่ได้แลเห็นความจ าเป็น ที่จะต้อง
เปิดพระศาสนจักร ไปสู่พวกคน
ต่างชาติ(กจ.10-11)
ภ า ร กิ จ ด้ า น วิ ญญ าณที่ ไ ด้ รั บ
มอบหมายมิใช่ว่าจะช่วยใหท้า่นหมด
จากสภาพของความเป็นคนหรือ
จากข้อบกพร่องต่างๆ ทางอารมณ์
ก็หา ไม่ (มธ . 10:41;14:26,66-72;
ย น . 13:6;18:10;ม ธ . 14:29-31)
นักบุญเปาโล เองก็มิได้ลังเลใจแต่
อย่างใดที่จะพูดจาต่อว่าท่านเวลาที่
พบกันที่เมืองอันติโอก (กจ.15; กท.
2:11-14)
เพื่อเชิญชวนท่านวา่ไมต่อ้งปฏบิตัติาม
แบบของพวกยิว ในเรื่องนี้รู้สึกว่า
นักบุญเปโตร ยังตัดสินใจช้าและ
ยังถือว่ากลุ่มคริสตชนซึ่งเดิมทีเป็น
คนต่างศาสนาก็ยังด้อยกว่าหรือเป็น
รองกลุ่มคริสตชนที่เดิมทีเป็นชาวยิว
(กจ.6:1-2)
ต่อเมื่อนักบุญ เปโตร ได้มาที่กรุงโรม
เมื่อนั้นแหละท่านจึงจะได้กลายเป็น
อัครธรรมทูตของทุกๆ คน และได้ท า
หน้าที่ของท่านอย่างครบถ้วนคือเปน็
“ศิลาหัวมุม” ของพระศาสนจักรของ
พระเยซูเจ้าโดยรวมชาวยวิและคนตา่ง
ศาสนาให้ เข้ามาอยู่ภายในอาคาร
เดียวกัน และท่ านได้ประทับตรา
ภารกิจหน้าที่นี้ด้วยการหลั่งโลหิต
ของท่านตามแบบพระอาจารย์
นักบุญ เปาโล นักบุญเปาโลหลังจาก
ที่ได้กลับใจในระหว่างทางที่มุ่งไปสู่
กรุงดามัสกัสแล้ว ก็ได้เดินทางใน
แถบทะ เล เมดิ เตอร์ เร เนียนเป็น
จ านวน 3 ครั้ง ด้วยกันที่ถือว่าเป็น
ครั้งส าคัญ
การเดินทางครั้งแรกของท่านนั้นมี
นักบุญ บาร์นาบัส ร่วมเดินทางไป
ด้วย (กจ 13-14) โดยออกเดินทาง
จากเมืองอันติโอก หยุดพักที่ เกาะ
ไซปรัสแล้วก็เดินทางผ่านประเทศตรุกี
ในปัจจุบันนี้
หลังจากการประชุมของบรรดาอัคร
ธรรมทูตที่กรุงเยรูซาเลมแล้ว ท่านก็
ได้เริ่มการเดินทางครั้งที่ 2 ซึ่งการ
เดินทางครั้งนี้ได้รับการขอร้องจาก
บรรดาอัครธรรมทูตทั้ง 12 อย่าง
เป็นทางการ ( กจ.15:36-18 : 22 )
ท่านได้เดินทางผ่านดินแดนตุรกี ได้
ประกาศพระวรสารในแคว้นฟรีเจีย
และกาลาเทียซึ่งท่านได้ล้มเจ็บลง
(กท.4:13) จากนั้นก็ได้เดินทางเข้าสู่
ยุโรปพร้อมกับนักบุญ ลูกา และได้
ตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้น ที่แคว้นฟิลิปปี
(ประเทศกรีก)
ที่แคว้นนี้ท่านได้ถูกจับขังคุกเป็นระยะ
หนึ่งแต่หลังจากนั้นเมื่อได้รับการ
ปล่อยตัวแล้วก็เริ่มประกาศพระวร
สารใหม่อีกที่กรุงเอเธนส์ (ประเทศ
กรีก)
ภารกิจของท่านต้องหยุดชะงักลงต่อ
หน้าบรรดานักปรัชญาชาวกรีก แต่ที่
เมืองโครินธ์ ท่านได้ตั้งกลุ่มคริสตชน
ขึ้นซึ่ งภายหลัง ได้ท า ให้ท่ านต้อง
หนักใจมากกว่าที่อื่นๆ จากนั้นก็กลับ
เข้าสู่เมืองอันติโอก
ส าหรับการเดินทางครั้งที่ 3 นั้น
( กจ 18:23-21,17) ท่านได้เดินทาง
ไปเยี่ยมกลุ่มคริสตชนต่างๆ ที่ท่านได้
ตั้งขึ้น (ประเทศตุรกี ) เป็นต้นกลุ่ม
คริสตชนที่เมืองเอเฟซัส จากนัน้กม็ุง่
สู่ประเทศกรีก ไปเยี่ยมกลุ่มคริสตชน
ที่เมืองโครินธ์ แล้วข้ามไปเมืองมิเล
ตุสพลาง
ได้แจ้งให้บรรดาสมณทั้งหลายได้
ทราบถึงการทดลองต่างๆ ที่ท่าน
ก าลังจะได้รับและก็เป็นเช่นนั้นจริงคือ
หลังจากที่ท่านได้กลับมาที่กรุงเยรู
ซาเลมได้ไม่นาน ท่านก็ถูกพวกชาวยิว
จับและถูกขังคุก(กจ21)แต่เนื่องจากว่า
ท่านถือสิทธิ์เป็นพลเมืองโรมัน จึงได้
อุทธรณ์ไปที่กรุงโรม
และดังนี้ก็เป็นการเริ่มต้นการเดินทาง
ต่อมา ของท่าน แต่ว่าไม่เหมือน
ครั้งก่อนๆ เพราะไม่มีอิสรภาพในการ
เดินทางถูกจับกุมตัว (กจ. 21-26 )
ท่านได้ ไปถึงกรุงโรมในราวปี 60
หรือ 61
และ ได้ถูกขังอยู่ ในคุกจนถึงปี 63
แม้ว่ าอยู่ ใ นคุ ก ท่ าน ได้ รั บความ
สะดวกสบายหลายประการ และ
สามารถติดต่อกับบรรดาคริสตชนที่
กรุงโรมได้ ท่านได้เขียนจดหมายจาก
คุกและ ต่อมาในปีเดียวกันนั้นเองท่าน
ได้เป็นอิสระ
*อาจจะเป็นไปได้ที่ ในช่วงนี้ท่านได้
เดินทางเป็นครั้งสุดท้ายไปประเทศ
สเปน ( รม.15: 24-28 ) หรืออาจจะ
เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มคริสตชนที่
ทิโมธีและติตัสปกครองอยู่นักบุญ
เปาโลเองได้เขียนจดหมายถึงท่านทั้ง
สองนี้ โดยบอกเป็นนัยๆ ว่าวาระ
สุดท้ายของท่านก าลังใกล้เข้ามาแล้ว
และท่านได้ถูกจับขังคุกอีกครั้ง
นักบุญ เปา โล ได้ เ ป็ นมรณสักขี
ประมาณปี 67 ด้วยการถูกตัดศีรษะ
นักบุญเปโตร และนักบุญเปาโล เป็น
ชื่อสองชื่อที่ผูกพันอยู่กับพระศาสน
จักรตลอดมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
ในธรรมประเพณีที่ท่าน ทั้งสองได้
มอบให้แก่เราคริสตชนทุกๆ คน
ค าภาวนาทลูขอและขอ้ปฏบิตัิ
1. ใหเ้ราได้สวดภาวนาให้แด ่
สมเดจ็พระสนัตะปาปา..
บรรดาผูป้กครองประเทศ...
พระสงัฆราชของเรา...
บา้นเณรหรอืวดัของเราดว้ย...
2. ใหเ้ราทกุๆ คนไดซ้ือ่สตัยใ์นความ
จรงิทีอ่คัรธรรมทตูทัง้สองได้
มอบใหแ้กเ่รา