บทที 2 · 2019-09-03 · q v , 2 2 c q v , 3 3 c q v ดังนัน t t c q v...
TRANSCRIPT
10/10/59
1
1
บทที� 2
คุณสมบตัิของ R-L-C
2.1 คุณสมบัติของ R-L-C ในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
2.1.1 ตัวต้านทาน (Resistor, R)
การที�ตวันาํไฟฟ้า หรือ อุปกรณ์ไฟฟ้ามีการต่อตา้นการไหลของกระแสไฟฟ้านี� เรียกวา่ ตวันาํ
นั�นมค่ีาความตา้นทานไฟฟ้า (Resistance)
สารทุกชนิดมีคุณสมบตัิต่อตา้นการไหลของกระแสไฟฟ้าเสมอ กล่าวอีกนยัหนึ�งกคื็อ สารทุก
ชนิดจะมีความตา้นทานไฟฟ้าอยูใ่นตวัเองเสมอและมีค่าต่างกนั ซึ� งขึ�นอยูก่บัโครงสร้างอะตอม และ
โครงสร้างทางผลึกของสารนั�น สารที�เป็นโลหะจะมีอิเลก็ตรอนอิสระจาํนวนมาก หรืออีกนยัหนึ�ง
โลหะนั�นทาํใหอิ้เลก็ตรอนวงนอกสุดหลุดไปเป็นอิเลก็ตรอนอิสระไดง่้าย ดงันั�น โลหะจึงมีความ
ตา้นทานไฟฟ้าตํ�า ซึ�งตรงกนัขา้มกบัสารจาํพวกฉนวน
คุณสมบตัิของสารต่างชนิดกนัที�มีความตา้นทานไฟฟ้าต่างกนั เรียกว่า ความต้านทานจําเพาะ
(Specific Resistance) ซึ�งจะใชสั้ญลกัษณ์ อ่านวา่ โร (Rho)
2
10/10/59
2
3
ชนิดของสารความต้านทานจาํเพาะ ( - m)
ที�อูณหภูมิ 20 C
ตวันาํ(Conductor)
เงิน(Silver) 1.6 x 10-8
ทองแดง(copper) 1.7 x 10-8
อะลูมิเนียม(Aluminum) 2.8 x 10-8
คอนสแตนตนั(Constantan) 49 x 10-8
สารกึ� งตวันาํ(Semiconductor)
คาร์บอน(Carbon) 4 x 10-5
เจอร์มาเนียม(Germanium) 0.45
ซิลิคอน(Sillicon) 2500
ฉนวน(Insulator)
กระดาษ(Paper) 1010
ไมกา(Mica) 5 x 1011
แกว้(Glass) 1012
ตารางที� 2.1 ตวัอยา่งความตา้นทานจาํเพาะของสารชนิดต่าง ๆ
4
10/10/59
3
5
6
ตัวอย่างที� 2.1 จงหาความตา้นทานที�อุณหภูมิ 20 c ของสารต่อไปนี�
ก. ลวดทองแดงยาว 1 m. มีพื�นที�หนา้ตดัเป็นรูปวงกลมเส้นผา่นศนูยก์ลาง 2 mm.
ข. ลวดคอนสแตนตนัยาว 2.5 m มีพื�นที�หนา้ตดัเป็นรูปวงกลมเส้นผา่นศนูยก์ลาง 1 mm.
วธิีทาํ
ก. จาก A = 2
2 6 21mm.r = =3.142 10 m
1000
จะไดค้วามตา้นทานของทองแดงยาว 1 m. คือ
RA = 8 3
6
1m.1.7 10 = 5.411 10
3.142 10
Ans
ข. จาก A = 2
2 6 20.5mm.r = =0.7854 10 m
1000
จะไดค้วามตา้นทานของคอนสแตนตนัยาว 2.5 m. คือ
RA = 8
6
2.5m.49 10 = 1.56
0.7854 10
Ans
10/10/59
4
7
8
10/10/59
5
9
2.1.2 ตัวเหนี�ยวนํา (Inductor , L)
หมายถึง ขดลวดตวันาํซึ�งจะขดเป็นกี�รอบกไ็ดแ้ละขดลวดนี�อาจจะมีแกนเป็นสารแม่เหลก็ เช่น
แกนเหลก็ หรือ แกนเฟอร์ไรต์ (Ferrite) หรือแกนที�ไม่ใช่สารแม่เหลก็กไ็ด ้เช่น พลาสติก กระดาษ หรือ
อากาศ เป็นตน้
เมื�อจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านตวัเหนี�ยวนาํจะทาํใหเ้กิดเส้นแรงแม่เหลก็เหนี�ยวนาํขึ�น ซึ�งเส้นแรง
แม่เหลก็นี�จะทาํใหเ้กิดแรงเคลื�อนไฟฟ้าเหนี�ยวนาํขึ�น
รูปที� 2.3 ตวัเหนี�ยวนาํ
10
นิยามและหน่วยของความเหนี�ยวนาํ
จากกฎของฟาราเดยจ์ะได้ Vind = emf. = t
n
=
dt
dn
แต่ niF
ดงันั�น Vind = emf. = dt
dinni
dt
dn
2
ค่า
2n นี� เป็นค่าคงที�ของตวัเหนี�ยวนาํ เรียกวา่ ความเหนี�ยวนาํ โดยใชอ้กัษร L แทนค่านี�
ดงันั�นจะได ้ Vind = dt
diL
โดย L =
2n
เมื�อ = ความตา้นทานแม่เหล็ก มีหน่วยเป็นแอมแปร์-รอบ/เวเบอร์ (A/Wb)
สมการ L =
2n นี� เรียกวา่กฎของโอห์มสําหรับตวัเหนี�ยวนาํ (Ohm’s law for inductor)
10/10/59
6
11
12
10/10/59
7
13
ตวัตา้นทานและตวัเกบ็ประจุตามรูปที� 2.5 นั�น ปกติจะมีค่าน้อยมากจนไม่จาํเป็นตอ้งนาํมาคิดก็
ได ้ ยกเวน้ในกรณีที�นาํตวัเหนี�ยวนาํไปใชง้านที�ความถี�สูงๆ หรือในวงจรที�ตอ้งการความถูกตอ้งสูง
จาํเป็นตอ้งนาํค่า R และ C ไปคิดดว้ยในการออกแบบวงจร ตวัเหนี�ยวนาํตามรูปที� 2.5 นั�น เมื�อใชก้บั
กระแสตรงที�มีค่าคงที�จะมีค่าเท่ากบัการลดัขั�วของ L เขา้ดว้ยกนั และตดัค่า C ออก ตวัเหนี�ยวนาํจึงเป็น
เสมือนเป็นความตา้นทานค่าตํ�าๆ ตวัหนึ�ง แต่เมื�อใชก้บักระแสตรงที�ไม่สมํ�าเสมอหรือใชก้บั
กระแสสลบัแลว้ ค่า L จะมีผลต่อวงจรโดยจะมีผลมากหรือนอ้ยขึ�นอยูก่บัความถี�ของกระแสสลบันั�น
หรือ ขึ�นอยูก่บัอตัราการเปลี�ยนแปลงกระแส (di/dt) ดงัไดก้ล่าวมาแลว้
ในบางครั� งมกัเรียกตวัเหนี�ยวนาํวา่ โชก (Choke) ซึ�งหมายถึง “ตวัต่อตา้น” จากสมการของความ
ตา้นทานแม่เหลก็ ในกรณีที�ตวัเหนี�ยวนาํใชแ้กนอากาศจะไดค่้า o ดงันั�นจะได ้
oA
แทนค่า ในสมการ จะได ้
22 nn
= o AL
A
14
10/10/59
8
15
การสะสมพลงังานในตวัเหนี�ยวนาํ
ตวัเหนี�ยวนาํในอุดมคติจะเป็นตวัสะสมพลงังาน (Energy-storage) และจะไม่มีพลงังานสูญเสีย
เกิดขึ�นบนตวัเหนี�ยวนาํเลย แต่ตวัเหนี�ยวนาํที�ใชง้านจริงนั�นจะมีการสูญเสียอยูเ่สมอ เนื�องจากความ
ตา้นทานที�ติดมากบัลวดตวันาํ และเนื�องจากฮีสเตอริซีสที�เกิดจากแกนของตวัเหนี�ยวนาํ (กรณีที�ใชแ้กน
เป็นสารแม่เหลก็)
ในกรณีที�เป็นตวัเหนี�ยวนาํในอุดมคติ (ไม่มีการสูญเสีย) จะไดพ้ลงังานสะสมบน
ตวัเหนี�ยวนาํ (W) มีหน่วยเป็นจูล (J) ตามสมการ
2Li
2
1W
โดยที� i คือ กระแสไฟฟ้าขณะใดๆ ที�ผา่นตวัเหนี�ยวนาํ
https://www.youtube.com/watch?v=NgwXkUt3XxQ
16
10/10/59
9
17
18
10/10/59
10
19
20
10/10/59
11
21
22
สาํหรับปริมาณที�ขึ�นกบัเวลา หรือ เรียกตามภาษาคณิตศาสตร์วา่ ฟังกช์ั�นของเวลานั�นจะใชอ้กัษร
ตวัเลก็ ซึ� งจะวเิคราะห์ในรูปของค่าในขณะใดขณะหนึ�ง เรียกว่า ปริมาณชั�วขณะ (Instantaneous
quantities) ตามสมการ
q = cv
หน่วยของความจุ คือ ฟารัด (Farad หรือ F) ซึ�งคาํวา่ฟารัดนี�มาจากชื�อนกัฟิสิกส์ชาวองักฤษชื�อ
ไมเคิล ฟาราเดย ์(Michael Faraday)
1 F = 1 คูลอมบ/์โวลท ์(Coulomb/volt)
ซึ� งหน่วยฟารัดนี� เป็นหน่วยใหญ่ตวัเกบ็ประจุที�ใชง้านจริงจะมีความจุนอ้ยกว่า 1F จึงมกัระบุค่า
ของความจุเป็น F , nF และ pF
ฉนวนหรือที�เรียกอีกอยา่งว่า สารไดอิเลก็ตริก (Dielectric) ที�กั�นอยูร่ะหวา่งแผน่โลหะทั�งสอง
ของตวัเกบ็ประจุนั�นมีคุณสมบตัิที�จะสามารถทาํใหต้วัเกบ็ประจุมีความจุมากนอ้ยต่างกนัไปตามชนิด
ของฉนวน เรียกวา่ สภาพยอม (Permittivity) หรือ ค่าคงที�ไดอิเลก็ตริก (Dielectric constant) ต่างกนัดงันี�
10/10/59
12
23
r o
โดยที� = สภาพยอมของสารไดอิเลก็ตริก
o = สภาพยอมของสุญญากาศ (8.85 pF/m)
r = สภาพยอมสัมพนัธ์ของสารไดอิเลก็ตริก
r ของสารต่างชนิดกนัจะมีค่าต่างกนั เช่น ไมกามีค่า 5.0 แกว้มีค่า 7.5 และเซรามิกบางชนิดมีค่า
7,500 เป็นตน้ ดงันั�น ความจุของตวัเกบ็ประจุแต่ละชนิดนั�นจะขึ�นอยูก่บัค่า ของสารไดอิเลก็ตริกนี�
นอกจากค่าความจุของตวัเกบ็ประจุจะขึ�นอยูก่บั ของสารไดอิเลก็ตริกแลว้ ค่าความจุยงัขึ�นอยู่
กบัพื�นที�ของแผน่โลหะ (A) และขึ�นอยูก่บัระยะห่างระหว่างแผน่โลหะทั�งสอง (d) ตามสมการ
C = d
A
พลงังานที�สะสมไวที้�ตวัเกบ็ประจุ คือ
W = 2Cv2
1
24
ตัวอย่างที� 2.2 จงคาํนวณหาค่าความจุของตวัเกบ็ประจุ ดงัต่อไปนี�
ก. แผ่นโลหะมีพื�นที� 8 cm2 วางห่างกนั 0.2 cm และใชอ้ากาศเป็นฉนวน
ข. แผ่นโลหะมีพื�นที� 16 cm2 วางห่างกนั 0.1 cm และใชส้ารไดอิเลก็ตริกเป็นเซรามิก
วธิีทํา
ก. จากสมการ C = d
A
เมื�อ (อากาศ) = o = 8.85 pF, d = 0.2x10-2 m และ A = 8x10-4 m2
แทนค่า C = 8.85
2
4
10x2.0
10x8 = 3.54 pF
ค่าความจุเมื�อใชอ้ากาศเป็นฉนวน, C = 3.54 pF Ans
ข. เซรามิก มี o = 7500x8.85 pF/m
เมื�อ d = 0.1x10-2 m และ A= 16x10-4 m2
แทนค่า C = 7500x8.85
2
4
10x1.0
10x16 = 0.106 F
ค่าความจุเมื�อใชส้ารไดอิเลก็ตริกเป็นเซรามิก, C= 0.106 F Ans
10/10/59
13
25
ตัวอย่างที� 2.3 จากตวัอยา่งที� 2.2 ถา้ป้อนแรงดนัใหก้บัตวัเกบ็ประจุแต่และตวั 100 V
จงหา ก. ประจุที�เกบ็ไวใ้นตวัเกบ็ประจุแต่ละตวั
ข. พลงังานที�สะสมไวใ้นประจุแต่ละตวั
วธิีทาํ
ก. จาก Q = CV
Q1 = C1V = 3.54x10-12 x100 = 354 pF
Q2 = C2V = 0.106x10-6x100 = 10.6 F Ans
ข. จากสมการ W = 2Cv2
1
จะได ้ W1 = 21vC
2
1 = 12 21x3.54x10 x(100 )
2 = 17.7 nJ Ans
W2 = 22vC
2
1 = 6 21x0.106x10 x(100 )
2 = 0.53 mJ Ans
26
10/10/59
14
27
การต่อตวัเกบ็ประจุแบบอนุกรมนั�นจะไดป้ระจุไฟฟ้า (Q) บนตวัเกบ็ประจุแต่ละตวัมีค่าเท่ากนั
แต่แรงดนัคร่อมตวัเก็บประจุแต่ละตวันั�น จะขึ�นอยูก่บัค่าความจุของตวัเกบ็ประจุนั�นๆ
1
1C
QV ,
22
C
QV ,
33
C
QV ดงันั�น
TT
C
QV
จากรูปที� 2.10 ตามกฎของ KVL จะได ้ VT = V1+V2+V3
จะได ้ 321T C
Q
C
Q
C
Q
C
Q
เอา Q หารตลอดจะได ้ 321T C
1
C
1
C
1
C
1
ดงันั�น ถา้มีตวัเกบ็ประจุจาํนวน n ตวัต่ออนุกรมกนัไดส้มการ
n321T C
1...
C
1
C
1
C
1
C
1
และถา้มีตวัเกบ็ประจุเพียง 2 ตวัต่ออนุกรมกนัจะได ้
TC21
21
CC
CC
28
10/10/59
15
29
ประจุรวม (QT) QT = CTV
แทนค่า Q1,Q2 และ Q3 ลงในสมการของ QT จะได ้
CTV = C1V + C2V + C3V
ดงันั�น CT = C1 + C2 + C3
ถา้มีตวัเกบ็ประจุจาํนวน n ตวัต่อขนานกนั จะไดค่้าผลรวมของความจุ คือ
CT = C1 + C2 + C3+…+ Cn
30
10/10/59
16
31
32
10/10/59
17
33
34
10/10/59
18
35
2.3 การคาํนวณหาค่าจํานวนเชิงซ้อนในวงจรไฟสลบั
36
10/10/59
19
37
38
2.3.1 วงจรอนุกรม (Series circuit)
ตัวอย่างที� 2.5 วงจรอนุกรม R-L-C วงจรหนึ�งมีค่าตาม R = 6 , XL = 10 , XC = 2
จงคาํนวณหาค่าอิมพีแดนซ์รวม (Zt) ของวงจร
วธีิทาํ จากสูตร Zt = R + j (XL – XC)
= 6+ j (10 – 2)
= 6 + j 8
หรือ Zt = 10 53.13
R
jXL
vZt
- jXC
10/10/59
20
39
40
2.3.2 วงจรขนาน (Parallel circuit)
ตัวอย่างที� 2. 6 วงจรขนาน 2 วงจร คือ R-L และ R-C มีค่ากาํหนดดงัรูป จงแสดงการ
คาํนวณหาค่าอิมพีแดนซ์รวม (Zt) ของวงจร
วิธีทาํ
วิธีที� 1
จากสูตร
แทนค่า
1 2
1 2 1 2
1 2
1 2
1 1 1
t
t
Z Z
Z Z Z Z Z
Z ZZ
Z Z
2
2
2
(3 4) (2 8) (6 24 8 32) (38 16)
(3 4) (2 8) (5 4) (5 4)
(38 16) (5 4) (190 152 80 64 (190 72 64)
(5 4) (5 4) (25 20 20 16) (25 16)
(254 72) 254 72( )
41 41 41
6.2 1.76
t
t
t
t
j j j j j jZ
j j j j
j j j j j jZ
j j j j j
jZ j
Z j
3 2
4j 8j
10/10/59
21
41
วิธีที� 2
จากสูตร
1 2
1 2
1
1
2
2
1
1 1 1
1 10.2 53.13
5 53.13
1 10.121 75.96
8.25 75.96
t
t
YZ
Z Z Z
Y Y Y
Y SZ
Y SZ
0.2 53.13 0.121 75.96
(0.120 0.16) (0.029 0.117) 0.149 0.043 0.155 16.10
1 16.45 16.10 6.2 1.78
0.155 16.10
t
t
t
t
Y
Y j j j S
Z jY
3 2
4j 8j
42
10/10/59
22
43
วิธีที� 3
1 2
1 2t
1 2
t
t
Z 3 j4 5 53.13 ,Z 2 j8 8.25 75.96
Z Z (5 53.13 8.25 75.96 ) 41.25 22.83Z
Z Z (5 53.13 8.25 75.96 ) 6.40 38.66
Z 6.45 15.83
Z (6.21 j1.76)
44
10/10/59
23
45
46
แบบทดสอบ สปัดาห์ที� 2
10/10/59
24
47
1.คาปาซิเตอร์ตวัหนึ�งมีแผน่เพลทขนาด4 ซม.x5 ซม.นาํมาประกบแผน่ไดอีเลก็ตริคที�ทาํดว้ยฉนวนไมกา้เจาะรู(ดงัรูป)
จงคาํนวณหาค่าความจุ(Capacitance) มีค่ากี�พิโกฟารัด(pF) ? (5คะแนน)
1cm
5cm
4cmMica dielectric
0.1cm
แบบทดสอบ
48
2. วงจรขนานดังรูป มีค่าตามที�กําหนด จงคํานวณหาค่าอิมพีแดนซ์รวม(Zt) ของวงจร(5คะแนน)
RLR
C
jXL
v
Z1
Z2
3
- jXC
4
5j 10j
10/10/59
25
49
เฉลยทดสอบ สปัดาห์ที� 2
50
1.คาปาซิเตอร์ตวัหนึ�งมีแผน่เพลทขนาด4 ซม.x5 ซม.นาํมาประกบแผน่ไดอีเลก็ตริคที�ทาํดว้ยฉนวนไมกา้เจาะรู(ดงัรูป)
จงคาํนวณหาค่าความจุ(Capacitance) มีค่ากี�พิโกฟารัด(pF) ? (5คะแนน)
1cm
5cm
4cmMica dielectric
0.1cm
เฉลยแบบทดสอบ
10/10/59
26
51
วิธีทํา
2 2 44 2
air
4 2 4 2 4 2mica
d (1) 10A 0.785 10 m
4 4
A ((4 5) 10 )m (0.785 10 )m 19.215 10 m
air mica
air airo air o r
4 412
3 3
12 1 1
13
Ct C C
A ACt x x x x
d d
0.785x10 19.215x10Ct 8.85x10 (1x ) (5x )
1x10 1x10
Ct 8.85x10 (7.85x10 ) (960x10 )
Ct 857.2x10 F
Ct 85.72 pF
1cm
5cm
4cmMica dielectric
0.1cm
52
2. วงจรขนาน 2 วงจรคือ R-L และ R-C มีค่ากําหนดดังรูปจงแสดงการคํานวณหาค่าอิมพีแดนซ์รวม(Zt) ของวงจร
(10คะแนน)
RLRC
jXL
v
Z1
Z2
3
- jXC
4
5j 10j
10/10/59
27
53
วิธีทํา
)24.3j54.6(38.2630.7Z54.3560.8
16.979.62Z
2.6877.1004.5983.5
2.6877.10x04.5983.5
ZZ
ZZZ
2.6877.1010j4Z,04.5983.55j3Z
t
t
2121
t
21
54
แบบทดสอบ สปัดาห์ที� 2ชดุที� 2
10/10/59
28
55
แบบทดสอบ บทที� 2 : กาํลงัไฟฟ้า แผนกวชิาไฟฟ้า
ประจาํภาคเรียนที� 1 ประจาํปีการศึกษา 2559
ชื�อ……………………………. เลขที�…… ชั�น ..............
คาํชี�แจง 1. แบบทดสอบมี 2 ขอ้รวม 15 คะแนน
2. ใหแ้สดงวธีิทาํลงในกระดาษสอบ
3. อนุญาตใหเ้ปิดตาํราไดแ้ต่หา้มยมืกนัในระหวา่งสอบ
1. จากวงจรดงัรูปกาํหนดใหค้่าแรงดนัไฟฟ้าของแหล่งจ่ายเท่ากบั2030 V
จงคาํนวณหาค่า ก. ค่าอิมพแีดนซ์สมมูลยข์องวงจร (Z) (5 คะแนน)
ข. กาํลงัไฟฟ้าสูญเสียในวงจร (P) (3 คะแนน)
5
2
j4
V3020
56
2. แหล่งจ่ายไฟสลับตัวหนึ�งถูกจ่ายให้กับวงจรดังรูป
จงคํานวณหาค่า
ก. Apparent Power (S) ของวงจร (3 คะแนน)
ข. กระแสรวม(It) ของวงจร (3 คะแนน)
ค. เพาเวอร์แฟคเตอร์รวม(Pf.)ของวงจร (1 คะแนน)
Load 1
Load 2 Load 3
P1=150WQ1=200VAR(ind)
P2=400WPf.=0.75 leading
Q3=200VAR(ind)S3=500 VA
100 0 V
ES
10/10/59
29
57
เฉลยทดสอบ สปัดาห์ที� 2ชดุที� 2
58
แบบทดสอบ บทที� 2 : กาํลงัไฟฟ้า แผนกวชิาไฟฟ้า ประจาํภาคเรียนที�
1 ประจาํปีการศึกษา 2559
ชื�อ……………………………. เลขที�…… ชั�น ..............
คาํชี� แจง 1. แบบทดสอบมี 2 ขอ้ๆละ 10 คะแนนรวม 20 คะแนน
2. ให้แสดงวิธีทาํลงในกระดาษสอบ
3. อนุญาตให้เปิดตาํราไดแ้ต่ห้ามยมืกนัในระหวา่งสอบ
1. จากวงจรดงัรูปกาํหนดให้ค่าแรงดนัไฟฟ้าของแหล่งจ่ายเท่ากบั 2030 V จงคาํนวณหาค่ากาํลงัไฟฟ้าสูญเสีย
(P) ( ในวงจร 10 คะแนน)
วิธีทาํ
5
2
j4
V3020
10/10/59
30
59
วิธีทํา
1
2
2
t 1 2
t
t
t
Z 2 2 0
5 0 4 90Z 5 // j4
5 0 54 90
Z 3.13 51.34
Z Z Z
Z 2 0 3.13 51.34
Z 4.65 31.71
Z 3.95 j2.44
5
2
j4
V3020
60
t
EI
Z
20 30 VI
4.65 31.71
I 4.30 1.71 A
P = I2R = (4.31)2x 3.95 = 73.38 W
หรือ
S V I
S 20 30 Vx4.30 1.7 A
S 86 31.71 (73.16 j45.20) VA
P 73.16 W
10/10/59
31
61
2. แหล่งจ่ายไฟสลับตัวหนึ�งถูกจ่ายให้กับวงจรดังรูป
จงคํานวณหาค่า
ก. Apparent Power (S) ของวงจร (5คะแนน)
ข. กระแสรวม(It) ของวงจร (3 คะแนน)
ค. เพาเวอร์แฟคเตอร์รวม(Pf.)ของวงจร (2 คะแนน)
วิธีทํา
t 1 2 3
1
S S S S
Load 1 ,S 150 j200 VA
Load 1
Load 2 Load 3
P1=150WQ1=200VAR(ind)
P2=400WPf.=0.75 leading
Q3=200VAR(ind)S3=500 VA
100 0 V
ES
62
วิธีทํา ก.
2 2 2
2
1
2 2
2
2
2
Load 2,S P jQ
P 400 W
Cos 2 0.75 leading , 2 Cos (0.75) 41.41
P S Cos 2
P 400WS 533.33 VA
Cos 2 0.75
S 533.33 41.41 VA
t 1 2 3
1
S S S S
Load 1 ,S 150 j200 VA 250 53.13 VA
10/10/59
32
63
3 3 3
3
3
3 3
3
3
1
3
Load3, S P jQ
S 500 VA
Q 200 VAR
Q S Sin 3
200 VARQSin 3 0.4
S 500 VA
3 Sin (0.4) 23.58
S 500 23.58 VA
64
t 1 2 3
t
t
S S S S
S 250 53.13 533.33 41.41 500 23.58
S 51009.35 2.68 VA
ข.
ค. Cos = Cos (2.68 ) = 0.99 lagging
t
t
S Es I
S 1009.35 2.68 VAI 10.09 2.68 A
Es 100 0 V
I 10.09 2.68 A