แบบทดสอบ · web viewเฉลยแบบทดสอบเก บคะแนน...
TRANSCRIPT
แบบทดสอบเก็บคะแนนบทท่ี 14 การสบืพนัธุข์องพชืดอก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จงเลือกคำาตอบท่ีถกูต้องท่ีสดุเพยีงขอ้เดียว1. เทาน้ำ�า ( Spirogyra ) ใชว้ธิกีารใดในการสบืพนัธุแ์บบไมอ่าศัยเพศ
ก. Binary fission ข. Conjugationค. Fragmentation ง. Budding
2. ในการแบง่ออกเป็น 2 สว่นเท่า ๆ กัน (Binary fission ) ของพารามเีซยีมนั�นพบวา่
ก. Micronucleus เท่านั�นท่ีแบง่ตัวแบบไมโทซสิข. Macronucleus เท่านั�นท่ีแบง่ตัวแบบไมโทซสิ
ค. ทั�ง Micronucleus และ Macronucleus จะแบง่ตัวแบบไมโอซสิ
ง. Micronucleus แบง่ตัวแบบไมโทซสิ สว่น Macronucleus จะแบง่ตัวแบบไมโอซสิ3. ยูกลีนาเป็นโพรโทซยัเชน่เดียวกับพารามเีซยีม ทั �งยูกลีนาและพารามเีซยีมต่างก็สบืพนัธุแ์บบไมอ่าศัยเพศ โดยการแบง่ออกเป็น 2 สว่น (Binary fission ) แต่ยูกลีนาแบง่ตัวต่างจากพารามเีซยีมท่ี
ก. ยูกลีนาแบง่ตัวตามยาวขณะท่ีพารามเีซยีมแบง่ตัวตามขวาง ข. ยูกลีนาแบง่ตัวตามขวางขณะที่พารามเีซยีมแบง่ตัวตามยาว
ค. ยูกลีนาแบง่ตัวตามยาวขณะเคล่ือนท่ีสว่นพารามเีซยีมแบง่ตัวขณะหยุดนิ่ง ง. ยูกลีนาแบง่ตัวตามขวางขณะหยุดนิ่งสว่นพารามเีซยีมแบง่ตัวขณะเคล่ือนท่ี4. กระบวนการต่าง ๆ เหล่านี� คือ กระบวนการสบืพนัธุโ์ดยไมใ่ชเ้พศ ยกเวน้ขอ้ใด
ก. Spore formation ข. Budding
ค. Budding ง. Conjugation5. สิง่มชีวีติชนิดใด ท่ีการสบืพนัธุส์ว่นใหญ่ท่ีเราพบมกัจะเป็นการสบืพนัธุช์นิดไมใ่ชเ้พศ โดยเฉพาะอยา่งยิง่การแตกหน่อ
ก. พารามเีซยีม ข. เหด็โคนค. ยสีต์ ง. สาหรา่ยสนี้ำ�าตาล
จากแผนภาพของราขา้งล่างนี้ใชต้อบคำาถามขอ้ 6 – 8
6. สว่น A ท้ำาหน้าที่ใดก. ใหแ้มลงถ่ายละอองเรณู ข. ใชล้มถ่ายละอองเรณูค. การสบืพนัธุโ์ดยไมใ่ชเ้พศ ง. คอนจูเกชนั
7. โครงสรา้ง A นี�เรยีกวา่ก. Sporangiospore ข. Sporangiophore ค. Sporangium ง. Spore
8. เซลล์ท่ีอยูใ่นโครงสรา้ง A มกีารแบง่เซลล์โดยวธิกีารใด และมีจ้ำานวนโครโมโซมเท่าใด
ก. Mitosis , n ข. Mitosis , 2nค. Meiosis , n ง. Meiosis , 2n
9. ค้ำาใดหมายถึง การแบง่ตัวออกเป็น 2 สว่น ซึ่งอาจจะมากหรอืน้อยกวา่ กันก็ได้
ก. External fertilizationข.Vegetative reproduction
ค.Binary fission ง. Spore formation
10. สิง่มวีชิติชนิดใด ไมม่กีารแตกหน่อก. ยสีต์ ข. ไฮดรา ค. ต้นตายใบเป็น ง. ไสเ้ดือน
11. พชืชนิดใดที่ไมม่ไีหลใชใ้นการงอกล้ำาต้นขึ�นมาเป็นต้นใหม่ก. มะมว่ง ข. สตรอเบอรรี่ ค. บวับางชนิด ง. พชืตระกลูหญ้า
12. ขอ้ใดจดัเป็นขอ้ด้อยส้ำาหรบัการสบืพนัธุแ์บบไมอ่าศัยเพศก. ใชส้ิง่มชีวีติเพยีงตัวเดียว ข. ลกูที่เกิดมามลัีกษณะ
เหมอืนกันหมดค. ลกูที่เกิดมาอยูใ่กล้ตัวแมม่ากเกินไป ง. ลกูมกีารกระจาย
พนัธุไ์ด้ดีพอประมาณ13. ประโยชน์ที่ส้ำาคัญส้ำาหรบัการเพาะเลี�ยงเนื�อเยื่อพชื คือ
ก. ได้ต้นใหมม่จี้ำานวนมากมายในเวลาอันสั �น ข. ได้ลักษณะของพชืใหม ่ๆ
ค. พชืเจรญิเติบโตได้เรว็หลังจากน้ำามาปลกูลงดินง. ปราศจากเชื�อโรครบกวนตลอดชวีติพชื
14. ในการเพาะเลี�ยงเนื�อเยื่อพชื พชืเหล่านั �นจะได้อาหารจากท่ีใดก. จากการสงัเคราะหด้์วยแสง ข. จากอาหารสงัเคราะหท่ี์เลี�ยงค. จากเซลล์แรกท่ีน้ำาไปเลี�ยง ง. จากธรรมชาติเหมอืนพชือ่ืน ๆ
15. ภายใน Embryo sac ของพชืมดีอกสว่นมาก ประกอบด้วย
ก. Ovule , Synergids , Polar nuclei ข. Ovule , Antipodal cell , Synergids , Polar nucleiค. Egg , Antipodal cells , Synergids , Polar nuclei ง. Egg , Synergids , Polar nuclei
16. ถงุเอ็มบรโิอของพชืดอก เมื่อเทียบกับพชืไรท่้อล้ำาเลียงหรอืพชืมีท่อล้ำาเลียงชั�นต้ำ่า คือ โครงสรา้งใด
ก. Megasporangium ข. Archegoniumค. Megaspore ง. Mature female gemetophyte
17. สว่นใดถือวา่เป็นแกมโีตไฟต์ของพชืดอกก. รงัไข่ ข. ออวูล ค. ถงุเอ็มบรโิอ ง. นิวเคลียสอสจุิ
18. ในการสบืพนัธุแ์บบสลับของพชืจะต้องมีก. พชืสองชนิด คือ ชนิดสปอรโรไฟต์ซึ่งมโีครโมโซม 2 ชุด กับ
ชนิดแกมโีทไฟต์ ซึ่งมโีครโมโซม 1 ชุด สลับกันข. พชืสองชนิด คือ ชนิดสปอรโ์รไฟต์ซึ่งมโีครโมโซม 1 ชุด กับ
ชนิดแกมโีทไฟต์ ซึ่งมโีครโมโซม 2 ชุด สลับกันค. อาจเป็นพชืชนิดเดียวกันก็บได้ แต่จะต้องมสีว่นสรา้งสปอ
แรงเกียมกับแกมแีทนเกียมสลับกันง. อาจเป็นพชืชนิดเดียวกันก็ได้ แต่ต้องสรา้งอารคีโกเนียมและ
แอนเทอรเิดียมสลับกัน19. ในระยะที่ละอองเรณูสรา้งหลอดละอองเรณูยื่นเขา้สูก่้านชูยอดเกสรตัวเมยีจะมนิีวเคลียสจ้ำานวนเท่าใด และในการเจรญิของเซลล์แม่ของเมกะสปอรไ์ปเป็นถงุเอ็มบรโิอมกีารแบง่ไมโทซสิกี่ครั �ง
ก. 1 นิวเคลียส , 1 ครั�ง ข. 2 นิวเคลียส , 2 ครั�งค. 3 นิวเคลียส , 4 ครั�ง ง. 4 นิวเคลียส , 4 ครั�ง
20. ขอ้แตกต่างระหวา่งแกมโีตไฟต์และสปอโรไฟต์ของพชืมดีอกคือขอ้ใด
ก. ขนาด และอายุ ข. ขนาดและจ้ำานวนโคโมโซมค. อายุ และจ้ำานวนโครโมโซม ง. ขนาด อายุ และจ้ำานวนโครโมโซม
21. ละอองเรณู หมายถึงอะไรก. เซลล์ท่ีได้จากการแบง่ตัวแบบไมโอซสิของไมโครสปอรม์าเท
อรเ์ซลล์ข. เซลล์ท่ีได้จากการแบง่ตัวแบบไมโทซสิของนิวเคลียสใน
ไมโครสปอรม์าเทอรเ์ซลล์ค. เซลล์ท่ีได้จากการแบง่ตัวแบบไมโอซสิของไมโครสปอร์ง. เซลล์ท่ีได้จากการแบง่ตัวแบบไมโทซสิของนิวเคลียสใน
ไมโครสปอร์22. การสรา้งเซลล์สบืพนัธุเ์พศเมยีของพชืมดีอกและสตัวช์ั �นสงู มีความแตกต่างกันในเรื่องใด
ก. จ้ำานวนเซลล์ท่ีได้จากการแบง่เซลล์ดิพลอยด์ข. จ้ำานวนครั�งของการแบง่ไมโอซสิของเซลล์ดิพลอยด์ค. จ้ำานวนครั�งของการแบง่ไมโทซสิของเซลล์แฮพลอยด์และไม
โอซสิของเซลล์ดิพลอยด์ง. จ้ำานวนเซลล์ท่ีได้และจ้ำานวนครั�งของการแบง่ไมโทซสิของ
เซลล์ท่ีได้จากจ้ำานวนเซลล์ดิพลอยด์23. ในถงุเอ็มบรโิอของพชื เซลล์ที่จะเจรญิเกี่ยวขอ้งกับการปฏิสนธิคือ
ก. เซลล์ไข่ ข. เซลล์ท่ีมโีพลาร์นิวเคลียสค. ทั�งเซลล์ไขแ่ละเซลล์ที่มโีพลารนิ์วเคลียส ง. เซลล์ท่ีอยู่ตรงขา้มกับไมโครไพล์
24. การปฏิสนธใินพชืได้แก่การท่ี
ก. ละอองเรณูเขา้ผสมกับโอวูล ข. ละอองเรณูเขา้ผสมกับเซลล์ไข่ค. สเปิรม์นิวเคลียสตัวที่ 1 เขา้ผสมกับเซลล์ไข่ง. สเปิรม์นิวเคลียสตัวที่ 2 เขา้ผสมกับโพลารนิ์วเคลียส
25. ล้ำาดับของพชืท่ีเรยีงตามความเด่นของชว่งสปอรโ์รไฟต์จากน้อยไปมากคือ
ก. มอส เฟนิ มะมว่ง ข. มอส มะมว่ง เฟนิค. มะมว่ง เฟนิ มอส ง. มะมว่ง มอส เฟนิ
26. ถงุเอ็มบรโิอ ( Embryo sac ) ของพชืดอกเทียบได้กับโครงสรา้ง ( Structure ) ใด ของพวกเฟนิ
ก. แกมโีทไฟต์ ข. ไซโกตค. อวยัวะที่สรา้งเซลล์สบืพนัธุเ์พศเมยี ( Archegonium )
ง. อับสปอร ์( Sporangium )27. น้ำ�าเป็นปัจจยัส้ำาคัญในการท้ำาใหเ้กิดปฏิสนธใินพชืชั�นต่ เชน่ มอส เฟนิ เป็นต้น ส้ำาหรบัในพชืมดีอกและสนนั�น การปฏิสนธเิกิดขึ�นได้โดย
ก. การถ่ายละอองเรณู ข. ละอองเรณูค. หลอดละอองเรณู ง. สเปิรม์นิวเคลียส
28. ไข่
3 ต้นแกมโีตไฟต์ ไซโกตท่ีเจรญิเต็มที่
2 เซลล์สบืพนัธุเ์พศผู้ 4 1
สปอร์ ต้นสปอรโรไฟต์ท่ีเจรญิเต็มท่ี
จากแผนภาพวงชวีติแบบสลับนี� จะมกีารแบง่นิวเคลียสแบบไมโอซสิที่ระยะใด
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 429. เอ็มบรโิอของพชืมดีอกคือ
ก. กลุ่มเนื�อเยื่อที่ก้ำาลังเจรญิภายในเยื่อหุม้เมล็ดทั�งหมดข. กลุ่มเนื�อเยื่อที่ก้ำาลังเจรญิภายในเยื่อหุม้เมล็ด ยกเวน้ใบ
เลี�ยงค. กลุ่มเนื�อเยื่อที่ก้ำาลังเจรญิภายในเยื่อหุม้เมล็ด ยกเวน้เอนโด
สเปิรม์ง. กลุ่มเนื�อเยื่อที่ก้ำาลังเจรญิภายในเยื่อหุม้เมล็ด ยกเวน้ใบ
เลี�ยงและเอนโดสเปิรม์30. สว่นใดท่ีไมใ่ช ่สว่นประกอบของเอ็มบรโิอของขา้วโพด
ก. ใบเลี�ยง ข. เอนโดสเปิรม์ ค. เอพคิอทิลง. แรดิเคิล
31. สว่นใดต่อไปนี� พบได้ทั�งในเมล็ดละหุง่และเมล็ดขา้วโพดก. เอนโดสเปิรม์ และไฮโพคอทิล ข. ใบเลี�ยง
และแรดิเคิลค. เอนโดสเปิรม์ และใบเลี�ยง ง. เอพคิอทิล และ
เยื่อหุม้เอพคิอทิล32. ในการงอกของเมล็ดถัว่ด้ำา ขอ้ใดแสดงล้ำาดับของสว่นท่ีปรากฎใหเ้หน็ได้ถกูต้อง
ก. เอพคิอทิล ไฮโพคอทิล รากแก้ว ข. ไฮโพคอทิล รากแก้ว เอพคิอทิล
ค. รากแก้ว เอพคิอทิล ไฮโพคอทิล ง. รากแก้ว ไฮโพคอทิล เอพคิอทิล33. เนื�อเยื่อบรเิวณใดของเอ็มบรโิอของพชืท่ีมบีทบาทมากท่ีสดุ ในการเริม่ต้นท้ำาใหเ้มล็ดเริม่งอกเป็นต้นกล้า
ก. แรดิเคิล ข. ไฮโพคอทิล ค. เอพคิอทิลง. พลมููล
34. ถ้าน้ำาเมล็ดถัว่ด้ำามาเพาะลงในกะบะดิน จะพบการเจรญิเป็นอยา่งไร
ก. ไฮโพคอทิลจะงอกออกมาก่อนเพื่อชูล้ำาต้นขึ�นไปในอากาศเพื่อใหพ้ชืได้รบัแสง
ข. แรดิเคิลจะงอกออกมาก่อนเพื่อเจรญิต่อไปเป็นรากเพื่อยดึดิน และชว่ยดดูน้ำ�าและเกลือแร่
ค. เอพคิอทิลจะงอกออกมาก่อนเพื่อใหพ้ชืได้สรา้งใบใชใ้นการสงัเคราะหด้์วยแสง
ง. แรดิเคิลและไฮโพคอทิลจะงอกออกมาพรอ้ม ๆ กันเพื่อจะมีรากเจรญิลงไปในดินและต้นเจรญิขึ�นในอากาศ
35. ถ้าใสส่ารเคมบีางชนิดไปท้ำาลายไมโครทบููลของเซลล์พชืท่ีก้ำาลังแบง่เซลล์แบบไมโทซสิ และอยูใ่นระยะเมตาเฟส แล้วปล่อยใหก้ารแบง่เซลล์ด้ำาเนินต่อไปจะมผีลอยา่งไร
ก. เซลล์พชืไมม่กีารสรา้งเซลล์เพลต จงึท้ำาใหไ้มแ่บง่ออกเป็น 2 เซลล์
ข. เซลล์พชืไมม่กีารแบง่นิวเคลียสจงึไมม่กีารแบง่เซลล์ออกเป็น 2 เซลล์
ค. เซลล์พชืมกีารแบง่ตามปกติและได้เซลล์ใหม ่2 เซลล์ ที่มีจ้ำานวนโครโมโซม
ง. เซลล์พชืมกีารแบง่ตามปกติ แต่เซลล์หน่ึงมโีครโมโซม สว่นอีกเซลล์หน่ึงไมม่โีครโมโซม
เฉลยแบบทดสอบเก็บคะแนนบทท่ี 14 การสบืพนัธุข์องพชืดอก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.เฉลยขอ้ คเหตผุล เทาน้ำ�า หรอื Spirogyra เป็นสาหรา่ยสเีขยีวชนิดหน่ึงอาศัยในน้ำ�าจดื มกีาร
สบืพนัธุท์ั �งแบบไมอ่าศัยเพศและอาศัยเพศ ส้ำาหรบัการสบืพนัธุแ์บบไม่
อาศัยเพศแบบหน่ึง คือการหกัเซลล์ท่ีเรยีงตัวกันเป็นสายยาวออกเป็นท่อน
ๆ เรยีกวา่ Fragmentation แต่ละท่อนจะเพิม่จ้ำานวนเซลล์มากขึ�นแล้วหกั
เป็นท่อน ๆ อีกเรื่อย ๆ ไป2.เฉลยขอ้ ก
เหตผุล พารามเีซยีมเป็นโพรโทรซวัท่ีมนีิวเคลียส 2 อัน คืออันใหญ่หน่ึงอันเรยีก
วา่ Maccronucleus กับนิวเคลียสอันเล็กอันหน่ึงเรยีกวา่ Micronucleus ใน
การสบืพนัธุแ์บบไมอ่าศัยเพศเฉพาะนิวเคลียสอันเล็ก จะแบง่ตัวแบบ
Mitosis สว่นนิวเคลียสใหญ่จะแบง่ออกเป็น 2 สว่นง่าย ๆ จากนั�นเซลล์
ของพารามเีซยีมจะคอดเขา้หากันท้ำาใหไ้ด้พารามเีซียม 2 ตัว
3.เฉลยขอ้ ก เหตผุล การแบง่ตัวโดย Binary fission ยูกลีนานั�นจะ
แบง่ตามความยาวของล้ำาตัว สว่นพวกพารามเีซยีมจะแบง่ตัวตามขวาง
4. เฉลยขอ้ งเหตผุล Conjugation เป็นวธิหีน่ึงของกระบวนการสบืพนัธุโ์ดยใชเ้พศ เพราะมี
การรวมนิวเคลียสเขา้ด้วยกัน เป็นการสบืพนัธุข์องสิง่มชีวีติพวกโพรติสต์
เชน่ สาหรา่ยบางชนิด พารามเีซยีม รา เป็นต้น
5.เฉลยขอ้ คเหตผุล ยสีต์เป็นราชนิดหน่ึง ที่มกีารสบืพนัธุทั์�งแบบใช ้และไมใ่ชเ้พศแต่ท่ีพบ
มากท่ีสดุ คือ การสบืพนัธุช์นิดไมใ่ชเ้พศโดยการแตกหน่อ สว่นการสบื
พนัธุแ์บบไมใ่ชเ้พศแบบ Fission ก็มเีชน่เดียวกับการสบืพนัธุแ์บบไมใ่ช้
เพศ คือ การสรา้งสปอร ์เชน่ การสรา้งสปอรช์นิดโคนิเดีย สว่นสปอร์
แบบอาศัยเพศ ได้แก่ แอสโคสปอร์6. เฉลยขอ้ ค
เหตผุล โครงสรา้ง A ในแผนภาพเป็นสว่นของอับสปอรข์องรา ซึ่งท้ำาหน้าท่ีสบื
พนัธุ ์โดยไมใ่ชเ้พศ7.เฉลยขอ้ ค
เหตผุล โครงสรา้ง A คือ อับสปอร ์( Sporangium ) ของราก พวก Rhizopus sp.
ภายในบรรจุสปอร ์( Sporangiospore ) หรอื ก้านท่ีชูอับสปอรเ์รยีกวา่
สปอรแ์รงกิโอฟอร ์(Sporangiophore)8.เฉลยขอ้ ก
เหตผุล สปอรท่ี์อยูใ่นอับสปอรม์โีครโมโซมชุดเดียว n และการแบง่เซลล์เกิดโดย
วธิไีมโอซสิ9.เฉลยขอ้ ค
เหตผุล Binary fission คือ กระบวนการแบง่ตัวสิง่มชีวีติออกเป็น 2 สว่น เกือบจะ
เท่า ๆ กัน เชน่ สาหรา่ยเซลล์เดียว อะมบีา ยูกลีนา
10. เฉลยขอ้ งเหตผุล ไสเ้ดือนดินมกีารสบืพนัธุโ์ดยใชเ้พศ ถึงแมจ้ะ
ม ี2 เพศในตัวเดียว11. เฉลยขอ้ ก
เหตผุล มะมว่งไมม่กีารสบืพนัธุโ์ดยการไหล12. เฉลยขอ้ ข
เหตผุล การสบืพนัธุแ์บบไมอ่าศัยเพศ ท้ำาใหส้ิง่มชีวีติท่ีเกิดมาใหมม่ลัีกษณะ
เหมอืนตัวเดิมหากเป็นลักษณะท่ีไมด่ีจะมลัีกษณะเหมอืน ๆ กันหมด13. เฉลยขอ้ ก
เหตผุล ประโยชน์ที่ส้ำาคัญของการเพาะเลี�ยงเนื�อเยื่อ คือ การได้ปรมิาณพชืจ้ำานวน
มากมายตามความต้องการ เชน่ เป็นแสนเป็นล้านต้นพรอ้มกัน ในขณะท่ี
วธิอ่ืีนจะได้จ้ำานวนพชืมากมายเชน่นี�ต้องใชเ้วลานานกวา่จะขยายพนัธุไ์ด้
14. เฉลยขอ้ ขเหตผุล ในการเพาะเลี�ยงเนื�อเยื่อ จะต้องใหอ้าหารสงัเคราะห์
แก่เนื�อเยื่อเหล่านั�น ไมว่า่จะเป็นฮอรโ์มน กรดอะมิโน เอนไซมห์รอือาหารอ่ืน ๆ
15. เฉลยขอ้ คเหตผุล ภายใน Embryo sac ของพชืดอกสว่น
ประกอบด้วยเซลล์ ต่าง ๆ คือ1. Egg , 3 Antipodal cells2. Synergids3. Polar nuclei ดังภาพ
16. เฉลยขอ้ ข.เหตผุล ภายในถงุเอ็มบรโิอของพชืดอก มไีขเ่ชน่
เดียวกับ Archegonium พชืชั�นต้ำ่า17. เฉลยขอ้ ค
เหตผุล แกมโีตไฟต์ของพชื ดอก คือ ถงุเอ็มบรโิอถือเป็นแกมโีตไฟต์ของเพศเมยี18. เฉลยขอ้ ก
เหตผุล การสบืพนัธุส์ลับของพชื หมายถึง การสลับระหวา่งชว่งแกมโีตไฟต์ ซึ่งมี
โครโมโซมเพยีง 1 ชุด กับสปอโรไฟต์ซึ่งมีโครโมโซม 2 ชุด
19. เฉลยขอ้ คเหตผุล ในระยะที่ละอองเรณูสรา้งหลอดละอองเรณู
ยื่นเขา้ไปสูก่้านชูยอดเกสรตัวเมยี จะมนิีวเคลียส 3 นิวเคลียส คือ 2 สเปิรม์นิว
เคลียส และ 1 ทิวบ์นิวเคลียส สว่นเซลล์แมข่องเมกะสปอรไ์ปเป็นถงุเอ็มบรโิอ มกีารแบง่ไมโอซสิได้ 4 เซลล์ 3 ใน 4 เซลล์สลายไป เหลือเซลล์เดียว เรยีกวา่ เมกะ สปอรนิ์วเคลียสในเมกะสปอรจ์งึแบง่ไมโทซสิ 3 ครั�ง 8 นิวเคลียส
20. เฉลยขอ้ ง
เหตผุล ความแตกต่างระหวา่งแกมโีตไฟต์ และสปอร์โรไฟต์ของพชืดอก ขึ�นกับ
1. ขนาดแกมโีตไฟต์ลดรูปลงมาเหลือเพยีงดอกอยู่บนต้นสปอโรไฟต์
2. อายุ แกมโีตไฟต์มอีายุน้อยและสั �นกวา่ต้นสปอร์โรไฟต์
3. จ้ำานวนโครโมโซมของแกมโีตไฟต์ม ีn สว่นสปอโรไฟต์ม ี2n
21. เฉลยขอ้ งเหตผุล ละอองเรณูเป็นสว่นท่ีม ี2 สเปิรม์นิวเคลียส
1 ทิวบนิ์วเคลียส ซึ่งทั�งหมดนั�นเกิดจากไมโครสปอรม์าเทอรเ์ซลล์ แบง่ตัวให4้
ไมโครสปอร ์ไมโครสปอรแ์ต่ละนิวเคลียสจะแบง่ตัวอีก 2 หน จงึได้
นิวเคลียสทั�งหมดของละอองเรณู
22. เฉลยขอ้ งเหตผุล การสรา้งเซลล์สบืพนัธุเ์พศเมยีมดีอกในคราว
เดียวจะได้ 8 เซลล์ สว่นในเซลล์สตัวไ์ด้ 4 เซลล์ การแบง่ไมโทซสิของเซลล์ท่ี
ได้จากเซลล์ดิพลอยด์นั�น เซลล์สบืพนัธุพ์ชืแบง่ถึง 3 หน สว่นเซลล์สตัว์
ไมม่กีารแบง่ไมโทซสิ23. เฉลยขอ้ ค
เหตผุล ในถงุเอ็มบรโิอของพชืเซลล์ท่ีจะเกี่ยวขอ้งกับการปฏิสนธมิอียู ่2 พวก คือ
เซลล์ไขซ่ึ่งปฏิสนธแิล้วจะกลายเป็นไซโกตกับโพลาร์นิวเคลียส เมื่อ
ปฏิสนธแิล้วกลายเป็นเอนโอสเปิรม์24. เฉลยขอ้ ค
เหตผุล การปฏิสนธใินพชื คือ การท่ีสเปิรม์นิวเคลียสตัวที่ 1 เขา้ผสมกับเซลล์ไข ่
โดยเฉพาะในพชืพวกสนสองใบ แต่พชืมดีอกจะมีการผสมของสเปิรม์
นิวเคลียสอีกตัว โดยการผสมกับโพลารนิ์วเคลียสกลายเป็นเอนโดสเปิรม์
25. เฉลยขอ้ กเหตผุล ล้ำาดับของพชืท่ีมสีปอโรไฟต์จากต้นเล็กไปจน
กระทัง่ต้นใหญ่ คือ มอส เฟนิ มะมว่ง
26. เฉลยขอ้ คเหตผุล ถงุเอ็มบรโิอ ( Embryo sac ) ของพชื
ดอกเทียบได้กับอวยัวะสรา้งเซลล์สบืพนัธุเ์พศเมยี ( Archegonium ) ของพวกเฟนิ
ท่ีมไีขอ่ยูภ่ายในเหมอืน ๆ กัน27. เฉลยขอ้ ค
เหตผุล ในพชืดอกไมอ่าศัยน้ำ�าเป็นตัวกลางในการผสมพนัธุ ์แต่จะมที่อใหส้เปิรม์
นิวเคลียสไหลไปผสมกับไขแ่ทนท่ีจะต้องวา่ยน้ำ�าเขา้ไปผสมดังภาพ
ภาพแสดงการเกิดละอองเรณูและการงอกหลอดละอองเรณู
28. เฉลยขอ้ กเหตผุล การแบง่ไมโอซสิจะเกิดท่ีระยะที่ 1 ของวง
ชวีติแบบสลับเน่ืองจากเป็นการแบง่ตัวจากต้นสปอโรไฟต์ท่ีเจรญิเต็มท่ีมโีครโมโซม
2n ไปเป็นสปอรม์ีโครโมโซม n จากการแบง่เซลล์โดยลดจ้ำานวน
โครโมโซมลงครึง่หน่ึง คือกระบวนการไมโอซสิ
29. เฉลยขอ้ คเหตผุล เอ็มบรโิอของพชืมดีอก คือ กลุ่มเนื�อเยื่อท่ี
เจรญิมาจากไซโกต แล้วเจรญิเป็นเอ็มบรโิอ สว่นเอนโดสเปิรม์เกิดแตกต่างจากไซ
โกต แล้วใชเ้ป็นอาหารของเอ็มบรโิอ
30. เฉลยขอ้ ข
เหตผุล เอนโดสเปิรม์ใชเ้ป็นอาหารของตัวอ่อนไมใ่ช่สว่นของเอ็มบรโิอพชื31. เฉลยขอ้ ง
เหตผุล พชืพวกแองจโิอสเปิรม์ในเมล็ด พบทั�งใบเลี�ยง แรดิเคิล เอนโดสเปิร ์เอพิ
คอทิล ยกเวน้ในถัว่ เอนโดสเปิรม์จะรวมกับใบเลี�ยง และในขา้วโพดจะมี
ทั�งเยื่อหุม้เอพคิอทิล และเยื่อหุม้แรดิเคิล
32. เฉลยขอ้ งเหตผุล การงอกของเมล็ดถัว่ด้ำาเป็นไปตามล้ำาดับ
ภาพ
33. เฉลยขอ้ กเหตผุล ในการงอกของเมล็ดสว่นแรกท่ีงอกออกมา
คือ แรดิเคิล ซึ่งต่อไปจะกลายเป็นราก ดดูน้ำ�าเขา้สูล่้ำาต้น
34. เฉลยขอ้ ข
เหตผุล แรดิเคิลต่อไปกลายเป็นรากจะงอกออกมาก่อน เพื่อดดูน้ำ�า นอกจากนั�น
ขณะท่ีเมล็ดงอกยงัไมม่กีารสงัเคราะหด์้วยแสง เน่ืองจากยงัมอีาหารอยูใ่น
เอนโดสเปิรม์35. เฉลยขอ้ ข
เหตผุล เซลล์พชืไมโครทบููลสรา้งใยไมโทติก ( Mitotic spindle ) ดังนั�น เมื่อใส่
สารเคมที้ำาลายไมโครทบููล จะไมเ่กิดการดึงโครมาทิด แยกออกจากกัน
หรอืไมม่กีารแบง่นิวเคลียสนัน่เอง นิวเคลียสจงึไม่แยกไปคนละขา้งของ
เซลล์ จงึไมแ่บง่เซลล์ออกเป็นสองเซลล์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------