ประกาศคุณูปการ

งานวิจัยในชั้นเรียนฉบับนี้สําเร็จไดดวยความรวมมือและความกรุณาของบุคลคลหลายฝายผูวิจัยขอขอบคุณ ทานผูอํานวยการ ภราดาพิสูตร วาปโส ทานรองผูอํานวยการ ภราดาจักรกรีอินธิเสน ที่ใหแนวทางในการปฏิบัติหนาที่ ขอบคุณอาจารยทุกทานที่ไดศึกษาคนควาแลวนําความรูมาเขียน บันทึกไว รวมทั้งคุณครูที่ปรึกษา มาสเตอรสุเทพ ทองขาว มาสเตอรจรัล ที่กรุณาใหขอเสนอแนะ พรอมทั้งใหผูวิจัยไดศึกษาขอมูลตางๆ ซ่ึงเปนแนวทางการวิจัยครั้งนี้ และ ขอขอบใจนักเรียนที่ใหความรวมมือเปนอยางดี

ผูวิจัยหวังวางานวิจัยในชั้นเรียนฉบับนี้จะมีประโยชนในการจัดประสบการณกิจกรรมสรางสรรคเพื่อพัฒนาใหนักเรียนมีความกลาแสดงออกตอไป

ครูปรียานุช สวางศรีผูวิจัย

โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง ระดับปฐมวัย

บทที่ 1บทนํา

ความสําคัญและที่มาสภาพสังคมการดําเนินชีวิตในยุคปจจุบัน สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็วบุคคลในสังคมนั้นๆ จะ

ตองมีการปรับตัวอยางรวดเร็ว เพื่อเผชิญกับปญหาตางๆ สังคมปจจุบันจึงตองการบุคคลที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง เปนพื้นฐานในการพัฒนาความเปนตัวของตัวเอง การเปนผูนํา – ผูตามที่ดี มีความคิดริเร่ิมสรางสรรค กลาคิด กลาทํา กลาตัดสินใจ กลาแสดงออก และสามารถอยูในสังคมอยางมีความสุขเขาใจบทบาทตนเอง

ดังนั้นในการจะพัฒนาใหบุคคลมีความมั่นใจในตนเองจะตองเร่ิมต้ังแตเด็กปฐมวัยเพราะเด็กปฐมวัย มีพัฒนาการทั้งรางกาย อารมณ สังคมและบุคลิกภาพอยางรวดเร็ว เปนการปูพื้นฐานในการดําเนินชีวิต ซึ่งมีอิทธิพลตอการพัฒนา ในชั้นตอไป อีริคสัน(Erikson) มีความเห็นวาเด็กปฐมวัยเปนวัยที่กําลังเรียนรูส่ิงแวดลอมรอบๆตัวเด็ก เปนสิ่งที่แปลกใหม ถาในชีวิตไดพัฒนาการเปนไปดวยดี มีลักษณะทางบวก มากวาทางลบ พัฒนาการนั้นๆก็จะเปนไปในทางที่ดีจะเปนคนที่สามารถเผชิญปญหา แกปญหา สามารถตัดสินใจได ซึ่งตรงกันขาม บุคคลที่ขาดความเชื่อมั่น จะตองคอยพึ่งพาอาศัยผูอ่ืนอยูเสมอ ไมกลาคิด ไมกลาทํา และไมกลาตัดสินใจ ซึ่งสอดคลองกับเฮอรลอด (Hurlock. 1964:661) ไดกลาวถึงผลการอบรมเลี้ยงดูโดยวิธีประชาธิปไตย วาการใหความรักความสนใจ และการเห็นความสําคัญของเด็ก จะทําใหเด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีเพื่อนมากเปนมิตร ซื่อสัตยราเริง มีอารมณมั่นคง มีความคิดริเร่ิม พึ่งตนเองไดสามารถเผชิญชีวิตดวยความมั่นใจ และทําในสิ่งที่ตนเองสนใจ อยากรู อยากลงมือกระทํา การไมตอบคําถามที่เด็กตองการรู จะเปนการยับยั้งการสรางความเชื่อมั่นในตนเองของเด็ก ผูที่มีสวนในการสรางประสบการณ และจัดสิ่งแวดลอมใหเด็ก ไดแก พอแม ครู เพื่อน และบุคคลดูแลเด็กนั่นเอง

ดังนั้นผูวิจัยจึงจัดการเรียนการสอนโดยจัดกิจกรรมสรางสรรคเพื่อสงเสริมความเชื่อมั่นในตนเอง และการกลาแสดงออกของเด็กซึ่งการจัดกิจกรรมสรางสรรคทําใหเด็กไดคิด ตัดสินใจเลือก ทําชิ้นงานที่ตนเองสนใจพรอมทั้งสงเสริมใหเด็กไดพูดบอกเลาในส่ิงที่คนกระทําและจินตนาการตางๆของเด็กวัตถุประสงคของการวิจัย

1.เพื่อใหผูเรียนกลาพูด กลาแสดงออก มีความมั่นใจในตนเอง2.เพื่อสงเสริมใหนักเรียนมีความสามารถในการสรางชิ้นงานที่ดี ตามจินตนาการและความคิดสราง

สรรคของตนเอง

3.เพื่อสงเสริมใหนักเรียนทํางานรวมกับผูอ่ืนได

ขอบเขตของการวิจัย1.1 ประชากรในการวิจัยครั้งนี้คือนักเรียนชั้นอนุบาลปที่ 3 ปการศึกษา 25471.2 ในการวิจัยครั้งนี้ เปนการสงเสริม โดยใชกิจกรรมสรางสรรคพัฒนานักเรียนชั้นอนุบาลปที่ 3

คํานิยามศัพทชุดการสอน หมายถึง ส่ือการจัดการเรียนการสอน ในการวิจัยครั้งนี้ โดยชกิจจกรรมสรางสรรคในการสง

เสริมเด็กเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและกลาแสดงออกลักษณะที่พึงประสงค หมายถึง ส่ิงที่เราคาดหวังหรือตองการใหเปนไป ในเร่ืองดังตอไปนี้1.มีความกลาในการบอก - เลาเรื่องเกี่ยวกับผลงานที่ตนทํา2.มีความสามารถในการสรางชิ้นงานที่ดี3.มีความเปนผูนํา - ผูตามที่ดี

ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ1. ใชชุดการสอนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสงเสริมเด็กใหมีความเชื่อมั่นในตนเองและกลาแสดงออก2. เพื่อใหเด็กอนุบาล 3 มีลักษณะที่พึงประสงค

บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวของ

การวิจัยในชั้นเรียน เร่ือง การพัฒนานักเรียนใหกลาแสดงออกของนักเรียนชั้นอนุบาลปที่ 3 โดยใชกิจกรรมสรางสรรค ผูวิจัยไดศึกษาเอกสารที่เกี่ยวของในประเด็นสําคัญ ดังนี้1. ความเชื่อมั่นในตนเอง

1.1 ความหมายของความเชื่อมั่นในตนเองความเชื่อมั่นในตนเองเปนบุคลิกภาพอยางหนึ่งของบุคคล ซึ่งสามารถสงเสริมใหพัฒนาข้ึนไดความเริ่มต้ังแตเด็กปฐมวัย ซึ่งมีผูใหความหมายไวหลายทาน ผูวิจัยไดคัดเลือกมาเสนอดังตอไปนี้

สมพร พลอยงาม (2518 :115) กลาววา ความเชื่อมั่นในตนเอง หมายถึง ความแนใจความมั่นใจ หรือความกลาหาญของบุคคลที่จะเผชิญตอเหตุการณตาง ๆ หรือเผชิญตอความจริงตลอดจนมีความตั้งใจกระทําสิ่งตาง ๆ ใหสําเร็จแมจะมีเหตุการณหรือส่ิงใดมาเปนอุปสรรคก็ไมบังเกิดความทอถอยแตอยางใดยังคงตั้งใจกระทําสิ่งนั้น ๆ ตอไป โดยมั่นใจตนเองวา สามารถกระทําสิ่งที่ตนเองกําลังกระทําอยูใหสําเร็จลุลวงไปไดอยางถูกตองเหมาะสม ทั้งนี้ตองยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเอง โดยไมฟงความคิดเห็นของผูอ่ืนเลย

อารี เกษมรัตน (2523 : 18) กลาววา ความเชื่อมั่นใจตนเอง หมายถึง การกลาแสดงออก กลาตัดสินใจในการกระทําสิ่งตาง ๆ ดวยความมั่นใจที่จะเผชิญกับปญหาตาง ๆ โดยไมทอถอย และสามารถปรับตัวอยูในสังคมไดอยางเหมาะสม

จงใจ ขจรศิลป (2523 : 27) กลาววา ความเชื่อมั่นใจตนเอง หมายถึง การกลาแสดงออก กลาตัดสินใจในการกระทําสิ่งตาง ๆ ใหสําเร็จไดตามที่ตองการ เด็กจะเกิดความมั่นใจในตนเองไดหรือไม ข้ึนอยูกับส่ิงแวดลอมรอบตัวเด็ก เชน พอ แม ครู เพื่อนและบุคคลอื่น ๆ ที่เด็กรูจักรวมทั้งการมีโอกาสพบกับความสําเร็จของเด็กดวย

ดังนั้นจึงพอสรุปไดวา ความเชื่อมั่นในตัวเองเปนบุคลิกภาพอยางหนึ่งที่มีความสําคัญตอการพัฒนาเด็ก เพราะถาเด็กขาดความเชื่อมั่นแลวจะทําใหเด็กไมมีความเปนตัวของตัวเองลังเล ขาดความริเร่ิม และไมสามารถที่จะจัดการปญหาในชีวิตประจําวันได

1.2 ความสําคัญของความเชื่อมั่นในตนเองละมายมาศ ศรทัตต และจรรยา สุวรรณทัต (2510 : 98) ไดกลาวถึง ความสําคัญของความเชื่อมั่นใน

ตนเองวา เด็กที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จะตองคอยแตพึ่งพาผูอ่ืนอยูเสมอ ซึ่งทําใหเด็กขาดความกลาที่จะเผชิญตออุปสรรคหรืองานที่ยากลําบาก

สวนา พรพัฒนกุล (2520 : 17) กลาววา ความเชื่อมั่นในตนเองเปนปจจัยที่จะชวย สงเสริมความสํานึกในหนาที่หรือความสํานึกในทางการเมือง ความเชื่อมั่นในตนเองซึ่งเปนสิ่งที่แสดงวาบุคคลเปนสวนหนึ่งของสังคมและมีความหมายตอสังคม ถาทุกคนมีความเชื่อมั่นในตนเองแลว จะไมเฉยเมยตอภาวการณตาง ๆในสังคมของตน หลังเขาไปมีสวนรวมตามสิทธิและหนาที่ที่ถูกตอง ดังนั้น ความเชื่อมั่นในตนเองจึงเปนสิ่งที่จะกระตุน ใหทุกคนกลาแสดงออกซึ่งความคิดเห็นตอทุก ๆ ส่ิงที่เกี่ยวกับชีวิตและความอยูรอดของสังคม

วาสนา สอนเจริญ (2537 : 20) กลาววา ความเชื่อมั่นในตนเองเปนบุคลิกภาพที่สําคัญยิ่งประการหนึ่งในการดํารงชีวิตของบุคคลทั่วไป ต้ังแตเล็กจนโตเปนผูใหญ การที่บุคคลจะประสบความสําเร็จทั้งทางดานการเรียน การทํางาน การใชชีวิตอยูในสังคม อยางมีคุณคาเปนประโยชนตอสวนรวมตองอาศัยความเชื่อมั่นในตนเอง และตองเปนความเชื่อมั่นในตนเองที่เปนสัมมาทิฏฐิ คือ เปดใจยอมรับฟงความคิดเห็นของผูอ่ืนอยูเสมอ

1.3 ทฤษฎีพัฒนาการทางบุคลิภาพอิริคสัน (Ericson) เนนความสําคัญของเด็กปฐมวัยวา เปนวัยที่กําลังเรียนรูส่ิงแวดลอมรอบ

ตัวเด็กเปนสิ่งที่แปลกใหมและนาตื่นเตนสําหรับเด็กบุคลิกภาพจะสามารถพัฒนาไดหรือไมข้ึนอยูกับวาแตละชวงอายุของเด็กจะพบกับส่ิงที่นาพอใจตามขั้นพัฒนาการตาง ๆ ของแตละวัยมากเพียงใด ถาเด็กไดรับการตอบสนองตอส่ิงที่ตนเองพอใจ ในชวงอายุนั้น เด็กจะพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ดีและเหมาะสมพัฒนาการทางบุคลิกภาพของคนมีดังนี้

ข้ันที่ 1 ข้ันพัฒนาความไววางใจ ในสภาพแวดลอมและบุคคลรอบตัวอยูในวัยแรกเกิดถึง 1 ขวบทารกจะพัฒนาความรูสึกวาตนเองเปนที่ยอมรับและสามารถใหความไววางใจเปนมิตรและเปดเผย

ข้ันที่ 2 พัฒนาดานความเปนตัวของตัวเอง หรือละลายความสงสัยไมแนใจในตนเอง อยูในวัย 1 – 3ขวบ เด็กวัยนี้ยังจะเปนผูรูจักที่จะเริ่มชวยเหลือตนเอง เด็กสามารถทํางานงาย ๆ ซึ่งเหมาะสมกับวัย เชนการหยิบขนมเขาปาก เดิน วิ่ง ถาพอแมบังคับหรือหามไมใหทํา เด็กก็จะเกิดความละอายในสิ่งที่ตนกระทํา และเด็กก็จะรูสึกวาตนเองไมสามารถทําอะไรไดอยางถูกตองและไดผล เด็กจะเกิดความละอายในสิ่งที่ตนกระทํา

ข้ันที่ 3 ข้ันพัฒนาความคิดริเร่ิม หรือความรูสึกผิด อยูในชวงอายุ 3 – 6 ป เด็กในชวงนี้มีการกระตือรือรน ที่จะเรียนรูส่ิงตาง ๆ รอบตัว เด็กมีการเรียนแบบจากผูใกลชิด ถาเด็กไมมีอิสระในการคนพบ ก็จะสงผลไปสูความคับของใจ ซึ่งจะสงผลตอจิตใจของเด็ก และความรูสึกผิดติดตัว เกิดความทอถอยที่จะทําสิ่งใหม ๆ ตอไป

หลังจากนั้นเด็กก็จะพัฒนาตอไปจนถึงวัยผูใหญ ซึ่งทฤษฎีของ อิริคสัน จะเนนความสําคัญของการอบรมเลี้ยงดูเด็กเล็ก โดยวาการพัฒนาตาง ๆ เปนไปอยางตอเนื่อง ถาในชวงพัฒนาการใดก็ตาม

เด็กไมสามารถประสบความสําเร็จในแตละขั้นพัฒนาการ เด็กจะเกิดความขัดแยงในใจ และจะไมสามารถพัฒนาการที่สูงขึ้น ในขั้นตอไปนอกจากการขจัดความขัดแยงในใจนั่นได

1.4 ปจจัยในการสงเสริมใหเกิดความเชื่อมั่นในตนเองจากการศึกษาของ เฮอรลอค (Hurlock) พบวา ผลการอบรมเลี้ยงดูเด็กโดยวิธีประชาธิปไตย

คือใหความรัก ความสนใจและเห็นความสําคัญของเด็ก จะทําใหเด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง เพื่อนมากเปนมิตรที่ซื่อสัตย มีอารมณมั่นคง มีความริเร่ิม พึ่งตนเองได สามารถเผชิญชีวิตดวยความมั่นใจ และทําใหเด็กรูจักรับผิดชอบ สวนการเลี้ยงดูแบบอัตตาธิไตย หรือแบบใหทําตามอยางเครงครัด จะทําใหเด็กขาดความรูสึกปลอดภัย ขาดความริเร่ิม ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และขาดความรับผิดชอบ เพราะเด็กไมเคยไดฝกการตัดสินใจดวยตนเอง (Hurlock : 1964 : 661)

ในการสงเสริมความเชื่อมั่นในตนเองใหกับเด็กนี้ นอกจากสถาบันครอบครัวแลวสถานศึกษายังเปนอีกสถาบันหนึ่ง ที่มีสวนชวยสงเสริม ความเชื่อมั่นใหแกเด็ก ครูควรจัดบรรยากาศใหเอื้อกับเด็กใหเด็กรูสึกอบอุน เมื่ออยูกับครูดวยการแสดงความเปนมิตรกับเด็ก และพูดคุยกับเด็กเปนกันเอง ครูยอมรับศักยภาพ ความแตกตางของแตละบุคคลของเด็ก

1.5 ลักษณะบุคคลที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสมพงษ ติรพัฒน และ ชูชีพ ออนโดกสูง ไดสรุปพฤติกรรมที่แสดงถึงความมั่นใจในตนเองไว ดังนี้

1. กลาพูด กลาแสดงออก กลาแสดงความคิดเห็น2. ไมข้ีอาย ไมเคอะเขิน3. จิตใจมั่นคงเปลี่ยนความเชื่อยาก มั่นใจในความคิดของตนเอง4. กลาตัดสินใจไมลังเล5. ไมวิตกกังวล6. กลาเผชิญตอความจริง7. มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแนวแน8. ใจคอมั่นคง ไมเชื่อคนงาย มีเหตุผล9. กลาเสี่ยง10. เปนผูนําชอบชวยเหลือหมูคณะ11. ต้ังความหวังไวสูง และคิดวาจะทําใหสําเร็จ12. มีความเกรงใจและเห็นใจผูอ่ืน13. มีความคิดริเร่ิมสรางสรรค ชอบทําสิ่งแปลก ๆ ใหม ๆ

การใหกําลังใจ

เด็กทุกคนมีธรรมชาติตองการกําลังใจ จากพอแมหรือครูและผูใหญแวดลอมเพื่อใหตนเองมีพลังใจที่จะทําสิ่งที่ดีที่สุด เด็ก ๆ ที่มีลักษณะขี้อาย หรือเด็กที่ถูกบั่นทอนจิตใจตลอดเวลา ดวยเหตุที่ทําอะไรลมเหลวอยูเสมอ มีความจําเปนที่จะตองไดรับการชวยเหลืออยางยิ่งใหมีกําลังใจ การใหกําลังใจ คือการใหความกลา ความหวังและความเชื่อมั่น ซึ่งจะเปนสวนสงเสริมใหเด็กสามารถเผชิญ และจัดการกับทุกงานที่ผานเขามาในชีวิต โดยเฉพาะอยางยิ่งงานที่เปนอันตราย งานที่ยาก หรือนําความเจ็บปวดมาให กําลังใจจากพอแมผูปกครองและครูจะเปนเหมือนแรงยั่วยุ ใหเด็กเห็นความสําคัญของตนจึงชวยสรางใหเด็ก เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง เกิดความริเร่ิมสรางสรรคและสรางใหเด็กเกิดความมานะอดทนอยางดียิ่ง

ในการใหกําลังใจแตเด็กนั้น ทานพอแมและครูจําเปนตองพยายามสื่อทัศนคติของทานในรูปลักษณะดังตอไปนี้

1. หนูเปนเด็กเกง และเข็มแข็งกลาหาญ2. หนูเปนเด็กที่ไมคอยยอมแพอะไรงาย ๆ3. พอแมและครูมีความเชื่อมั่น หนูอยูในความสามารถที่จะรับความเจ็บปวดได และสามารถจะหยุด

ดูและเรียนรูจากความเจ็บปวด แลวในที่สุดก็จะเอาชนะได4. พอแมละครูจะไมขอใหหนูทําอะไรเกิดความสามารถของหนู5. การอุตสาหะพยายามในสวนของหนู ทําใหพอแมและครูยินดีเปนอยางยิ่ง6. หนูยอมสามารถจะจัดการกับชีวิตของหนูไดตามทีหนูปรารถนา

บทที่ 3วิธีดําเนินการวิจัย

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงคเพื่อสงเสริมและพัฒนาใหนักเรียนระดับชั้นอนุบาลปที่ 3 กลาพูด กลาแสดงออก มีความมั่นใจในตนเอง โดยใชชุดการสอนของกิจกรรมสรางสรรค มีวิธีดําเนินการวิจัย ดังนี้

ขั้นตอนและวิธีดําเนินการวิจัย

1. ประชากรประชากร เปนนักเรียน ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง อําเภอเมือง จังหวัดระยอง

ปการศึกษา 2547 จํานวน 10 คน

2. ตัวแปรที่ศึกษา2.1 ตัวแปรตน ไดแก การจัดการเรียนการสอนโดยกิจกรรมสรางสรรค2.2 ตัวแปรตาม ไดแก ความสามรถในการทํากิจกรรมสรางสรรค

3.วิธีการนําไปใชใชระยะเวลาในการฝก เดือนสิงหาคม เดือนกันยายน เดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม และ เดือนมกราคม ตามตารางสอนกิจกรรมสรางสรรค

4.การเก็บรวบรวมขอมูล4.1 ขอมูลที่เก็บ ไดแก คะแนนจากการประเมินพฤติกรรม4.2 วิธีการเก็บรวบรวมขอมูล ไดแก การประเมินพฤติกรรมการทํากิจกรรมสรางสรรค4.3 เครื่องมือที่ใช ไดแก แบบประเมินพฤติกรรม 3 เร่ือง

- การบอก - เลาเรื่องเกี่ยวกับผลงานที่ตนทํา - การสรางชิ้นงานที่ดี ในการวาดภาพ การฉีกปะ และ งานประดิษฐ - การปฏิบัติกิจกรรมกลุม5.การวิเคราะหขอมูลเปรียบเทียบหาคาเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ กอนใชชุดการสอนกับหลังใชชุดการสอน

6.สถิติที่ใชในการวิเคราะหขอมูล ไดแก คาเฉลี่ย

7.การนําเสนอขอมูลนําเสนอโดยความเรียง ประกอบตาราง

บทที่ 4 ผลการวิจัย

การวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการพัฒนานักเรียนให กลาแสดงออก โดยใชชุดการสอนของกิจกรรมสรางสรรคปรากฏผลการวิจัย ดังนี้

ผลการวิเคราะหขอมูล ดังแสดงในตารางและการแปรความหมายผลการวิเคราะหขอมูล ผูวิจัยไดกําหนดสัญลักษณตางๆ ดังตอไปนี้

N = แทนจํานวนนักเรียนในกลุมตัวอยาง X = แทนคาคะแนนเฉลี่ย EX = แทนคะแนนรวมของนักเรียนกลุมตัวอยาง

1. คะแนนเฉลี่ยจากการประเมินพฤติกรรมกอนใชชุดการสอนและหลังการใชชุดการสอนตารางที่ 1. คาสถิติการประเมินพฤติกรรมกอนใชชุดการสอนและหลังการใชชุดการสอนนักเรียนกลุมตัวอยาง

รายการ จํานวนนักเรียนN

คาเฉลี่ยX

คะแนนรวมEX

ผลการประเมินกอนใชชุดการสอน 10 4 40ผลการประเมินหลังใชชุดการสอน 10 7.5 75

จากตารางที่ 1 พบวา ผลสัมฤทธิ์ในการทํากิจกรรมสรางสรรคเร่ืองการพัฒนานักเรียนให กลาแสดงออกหลังจากการใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรค นักเรียนมีคะแนนสูงกวากอนใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรคซึ่งแสดงใหเห็นอยางชัดเจนวานักเรียนมีความกาวหนาของการพัฒนาความกลาแสดงออกดีข้ึน

2. คะแนนจากการประเมินพฤติกรรมการทํากิจกรรมสรางสรรคกอนและหลังการทํากิจกรรมตารางที่ 2 เปรียบเทียบคะแนนการประเมินพฤติกรรมการทํากิจกรรมสรางสรรคกอนและหลังการทํากิจกรรมของนักเรียนระดับชั้นอนุบาลปที่ 3 จํานวน 10 คน (คะแนนเต็ม 9 คะแนน)

นักเรียนคนที่ คะแนนกอนทํากิจกรรม คะแนนหลังทํากิจกรรม ความกาวหนา1 5 8 32 4 8 43 4 7 34 3 6 35 3 7 46 3 8 57 4 8 48 5 7 29 5 8 310 4 8 4

คะแนนรวม 40 75 35คะแนนเฉลี่ย 4 7.5 3.5

จากตารางที่ 2 พบวา คะแนนเฉลี่ยกอนทํากิจกรรมสรางสรรคของนักเรียน เทากับ 4 คะแนนเฉลี่ยหลังทํากิจกรรมสรางสรรคของนักเรียน เทากับ 7.5

ดังนั้น นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มข้ึนโดยเฉลี่ย = 7.5 - 4 = 3.5

นั่นคือภายหลังการฝกทํากิจกรรมสรางสรรค ตามตารางการสอนกิจกรรมสรางสรรคและชุดการสอนที่ฝกใหนักเรียนปฏิบัติ นักเรียนมีพัฒนาการกลาแสดงออกที่ดีข้ึน

บทที่ 5สรุป อภิปราย และ ขอเสนอแนะ

การวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง การพัฒนานักเรียนใหกลาแสดงออก ของนักเรียนระดับชั้นอนุบาลปที่ 3 โดยใชกิจกรรมสรางสรรค โดยมีวัตถุประสงคเพื่อใหผูเรียนกลาพูด กลาแสดงออก มีความมั่นใจในตนเองมีความสามารถในการสรางชิ้นงานที่ดี ตามจินตนาการและความคิดสราง สรรคของตนเองและฝกใหนักเรียนทํางานรวมกับผูอ่ืนได จากการวิจัยในครั้งนี้ สามารถ อภิปรายผลและเสนอแนะไดดังนี้สรุปผลการวิจัย

การทํากิจกรรมสรางสรรคเร่ืองการพัฒนานักเรียนให กลาแสดงออกหลังจากการใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรคนักเรียนมีคะแนนสูงกวากอนใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรค ซึ่งแสดงใหเห็นอยางชัดเจนวานักเรียนมีความกาวหนาของการพัฒนาความกลาแสดงออกดีข้ึนอภิปรายผลการวิจัย

1. จากการหาคาเฉลี่ยซึ่งมีผลสัมฤทธิ์เร่ืองการพัฒนานักเรียนให กลาแสดงออกหลังจากการใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรค นักเรียนมีคะแนนสูงกวากอนใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรคซึ่งแสดงใหเห็นอยางชัดเจนวานักเรียนมีความกาวหนาของการพัฒนาความกลาแสดงออกดีข้ึน

2. จากการเปรียบเทียบคะแนนการประเมินพฤติกรรมการทํากิจกรรมสรางสรรคกอนและหลังการทํากิจกรรมของนักเรียนระดับชั้นอนุบาลปที่ 3 จํานวน 10 คน พบวา คะแนนเฉลี่ยกอนทํากิจกรรมสรางสรรคของนักเรียน เทากับ 4 คะแนนเฉลี่ยหลังทํากิจกรรมสรางสรรคของนักเรียน เทากับ 7.5

ดังนั้น นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มข้ึนโดยเฉลี่ย = 7.5 - 4 = 3.5

นั่นคือภายหลังการฝกทํากิจกรรมสรางสรรค ตามตารางการสอนกิจกรรมสรางสรรคและชุดการสอนที่ฝกใหนักเรียนปฏิบัติ นักเรียนมีพัฒนาการกลาแสดงออกที่ดีข้ึนขอเสนอแนะ

1. ขอเสนอแนะจากการวิจัยในครั้งนี้1.1 ควรเพิ่มกิจกรรมสรางสรรคที่นักเรียนเสนอ หรือ นักเรียนตองการทํา และ เหมาะสมกับวัย ของ

ผูเรียน1.2 ชุดการสอนควรมีส่ือการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย

2. ขอเสนอแนะเพื่อการทําวิจัยในครั้งตอไป2.1 ควรใชชุดการสอนกิจกรรมสรางสรรคกับนักเรียนในระดับชั้นอนุบาลปที่ 1 – 2 ตอไป

ภาคผนวก

กําหนดการสอนกิจกรรมสรางสรรคระดับชั้นอนุบาลปที่ 2 , 3ภาคเรียนที่ 1 / 2547

สัปดาหที่ 1-2 ปฏิบัติตามขอตกลงของหองศูนยการเรียนรู และเลนตามมุมตางๆสัปดาหที่ 3 ฝนสีกับใบไม (ตกแตงเปนตนอโศกอินเดีย)สัปดาหที่ 4 ปนดินน้ํามันตามจินตนาการสัปดาหที่ 5 งานกลุม (จํานวน 2 คน) ระบายสีภาพ (ภาพสิ่งที่นํามาไหวครู)สัปดาหที่ 6 ติดปะรูปทรงเรขาคณิตตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 7 งานประดิษฐ เนื้อหา วันสําคัญ วันสุนทรภู (หนากาก)สัปดาหที่ 8 พับกระดาษ ติดปะ ตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 9 งานกลุม (จํานวน 3 คน) พับกระดาษรูปทรงเรขาคณิตติดปะ ตกแตงภาพสัปดาหที่ 10 งานประดิษฐ (หุนมือจากถุงพลาสติก)สัปดาหที่ 11 วาดภาพตามจินตนาการสัปดาหที่ 12 ฉีกปะ (ภาพสัตวที่พบในฤดูฝน)สัปดาหที่ 13-14 งานประดิษฐ (ของที่ระลึกวันแม)สัปดาหที่ 15 งานกลุม (จํานวน 3-4 คน) ติดปะกลีบกุหลาบตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 16 พิมพภาพดวยมือและตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 17 ปนดินน้ํามันตามจินตนาการสัปดาหที่ 18 หยดเทียนสี ตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 19 งานกลุม (จํานวน 3-4 คน) พับกระดาษภาพเรือและจรวด ติดปะ ตกแตงภาพสัปดาหที่ 20-21 ประเมินการทํากิจกรรมในหองศูนยการเรียนรู , เลนตามมุมอยางอิสระ

กําหนดการสอนกิจกรรมสรางสรรคระดับชั้นอนุบาลปที่ 2 , 3ภาคเรียนที่ 2 / 2547

สัปดาหที่ 1 วาดภาพตามจินตนาการสัปดาหที่ 2 ปนดินน้ํามันตามจินตนาการสัปดาหที่ 3 ทบทวนปฏิบัติตามขอตกลงของหองศูนยการเรียนรู และเลนตามมุมตางๆสัปดาหที่ 4 ตัดปะตกแตงตอเติมภาพตามจินตนาการสัปดาหที่ 5 ติดปะภาพกระทงตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 6 งานประดิษฐ เนื้อหา วันสําคัญ วันพอแหงชาติ (พับสี เปนดอกพุทะรักษา- บัตรอวยพร)สัปดาหที่ 7 พับกระดาษ ติดปะ ตกแตงตอเติมภาพ (ภาพผีเสื้อ)สัปดาหที่ 8 พิมพภาพ ตกแตงตอเติมภาพตามจินตนาการสัปดาหที่ 9 งานประดิษฐ ภาพ POP UP เนื้อหา วันสําคัญ วันคริสตมาสสัปดาหที่ 10 วาดภาพตามจินตนาการ บัตรอวยพรวันปใหม ( ส.ค.ส. ตั้งโตะ)สัปดาหที่ 11 ตัดปะภาพ ประกอบเปนภาพ POP UPสัปดาหที่ 12 งานกลุม (จํานวน 3-4 คน) ติดปะภาพดวยวัสดุธรรมชาติสัปดาหที่ 13 ปนดินน้ํามันตามจินตนาการสัปดาหที่ 14 ทบทวนปฏิบัติตามขอตกลงของหองศูนยการเรียนรู และเลนตามมุมตางๆสัปดาหที่ 15 ประดิษฐตุกตาจากเศษวัสดุสัปดาหที่ 16 วาดภาพตามจินตนาการสัปดาหที่ 17 ปนดินน้ํามันตามจินตนาการสัปดาหที่ 18 ฉีกปะตกแตงตอเติมภาพตามจินตนาการสัปดาหที่ 19 งานกลุม (จํานวน 3-4 คน) พับกระดาษ ติดปะ ตกแตงตอเติมภาพสัปดาหที่ 20 ประเมินการทํากิจกรรมในหองศูนยการเรียนรู , เลนตามมุมอยางอิสระ

แผนการณจัดประสบการณสัปดาหที่ 15 วันที่ 16 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2547

จุดประสงคการเรียนรู1. สงเสริมจินตนาการและความคิดสรางสรรค2. พัฒนากลามเนื้อมือใหประสานสัมพันธกับสายตา3. ฝกความรับผิดชอบ4. ฝกทํางานรวมกับผูอ่ืน

เนื้อหาสาระการเรียนรูเราสามารถเรียนรู และเขาใจสิ่งตางๆไดดวยประสาทสัมผัสทั้ง 5 พรอมทั้ง

สามารถคิดหรือทําสิ่งตางๆ ยินดีที่จะชวยเหลือผูอ่ืน สิ่งตางๆรอบตัวเรามีความ แตกตางกันส่ือการสอน

1. กระดาษใบงานกลุม2. กลีบดอกกุหลาบ3. สีเทียน4. กาว

กิจกรรม1. สนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติและสิ่งที่คนสรางขึ้น2. แนะนําการติดปะกลีบดอกกุหลาบบนภาพ เชนภาพปลา ไก ตนไม เปนตน3. นักเรียนติดปะกลีบดอกกุหลาบบนภาพ ที่นักเรียนชอบรวมกับเพื่อน4. ตรวจใบงาน5. ติดแสดงผลงานของนักเรียน6. นักเรียนเลนของเลน และจัดเก็บของเลนเขาที่

ประเมินผล สังเกตขณะนักเรียนติดปะกลีบดอกกุหลาบบนภาพ ที่นักเรียนชอบรวมกับเพื่อน และการเลาเรื่องจากผลงาน

แผนการณจัดประสบการณสัปดาหที่ 19 วันที่ 13-17 กันยายน พ.ศ. 2547

จุดประสงคการเรียนรู1. สงเสริมจินตนาการและความคิดสรางสรรค2. พัฒนากลามเนื้อมือใหประสานสัมพันธกับสายตา3. ฝกความรับผิดชอบ4. เพื่อใหนักเรียนรูจักรูปทรง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม

เนื้อหาสาระการเรียนรูสิ่งตางๆรอบตัวเรามีรูปทรงที่แตกตางกัน มีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต

ส่ือการสอน1. กระดาษใบงาน2. กระดาษสีรูปทรง สี่เหลี่ยม3. สีเทียน4. กาว

กิจกรรม1. สนทนาเกี่ยวกับรูปทรง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม2. แนะนํากระดาษสีรูปทรง สี่เหลี่ยม และการพับกระดาษ ติดปะ ตกแตงตอเติมภาพ3. นักเรียนพับกระดาษ ภาพเรือ และ ภาพจรวด ติดปะ ตกแตงตอเติมภาพตาม

จินตนาการ4. ตรวจใบงาน5. นักเรียนเลนของเลน และจัดเก็บของเลนเขาที่

ประเมินผลสังเกตขณะนักเรียนพับกระดาษภาพเรือ , ภาพจรวดติดปะตกแตงตอเติมภาพและเลาเรื่อง

เกี่ยวกับผลงาน

แผนการณจัดประสบการณสัปดาหที่ 23 วันที่ 1-5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547

จุดประสงคการเรียนรู1. สงเสริมจินตนาการและความคิดสรางสรรค2. พัฒนากลามเนื้อมือใหประสานสัมพันธกับสายตา3. พัฒนากลามเนื้อมือใหแข็งแรง4. เพื่อสงเสริมใหนักเรียนกลาแสดงออก

เนื้อหาสาระการเรียนรูเราสามารถเรียนรู และเขาใจสิ่งตางๆไดดวยประสาทสัมผัสทั้ง 5 พรอมทั้งสามารถคิดหรือ

ทําสิ่งตางๆ ไดดวยตนเองส่ือการสอน

1. อุปกรณ ของเลนในหองศูนยการเรียน2. ดินน้ํามัน3. กระดานสําหรับตั้งภาพที่นักเรียนปน

กิจกรรม1. ทบทวนการปฏิบัติตามขอตก ความรับผิดชอบ2. นักเรียนปนดินน้ํามันตามจินตนาการ5. สนทนาเกี่ยวกับผลงานของนักเรียนที่ไดทําโดยนักเรียนเลาเปนเรื่องราวและนําผลงาน

ของนักเรียน จัดแสดง4. นักเรียนเลนของเลน และจัดเก็บของเลนเขาที่

ประเมินผล สังเกตขณะนักเรียนปนดินน้ํามันตามจินตนาการ การเลาเรื่องจากผลงาน และการเลนของเลน - จัดเก็บของเลนเขาที่

แผนการณจัดประสบการณสัปดาหที่ 30 วันที่ 20-24 ธันวาคม พ.ศ. 2547

จุดประสงคการเรียนรู1. สงเสริมจินตนาการและความคิดสรางสรรค2. พัฒนากลามเนื้อมือใหประสานสัมพันธกับสายตา3. ฝกความรับผิดชอบ4. เพื่อสงเสริมใหนักเรียนกลาแสดงออก5. เพื่อสงเสริมใหนักเรียนประพฤติปฏิบัติตนไดเหมาะสม

เนื้อหาสาระการเรียนรู1. สิ่งตางๆรอบตัวเรามีลักษณะที่แตกตางกัน มีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต2. การปฏิบัติตนที่เหมาะสมกับวัย

ส่ือการสอน2. กระดาษใบงาน3. กระดาษสีเขียวรูปตนคริสตมาส4. สีเทียน5. กาว

กิจกรรม1. สนทนาเกี่ยวกับความสําคัญของวันคริสตมาส2. แนะนํากระดาษใบงานที่ติดภาพ POP UP และติดกระดาษรูปตนคริสตมาส ตกแตงตอ

เติมภาพ3. นักเรียนทําใบงานที่ติดภาพ POP UP และติดกระดาษรูปตนคริสตมาส ตกแตงตอเติม

ภาพ4. สนทนาซักถาม “ นักเรียนนําบัตรนี้มอบใหใคร “5. นักเรียนเลนของเลน และจัดเก็บของเลนเขาที่

ประเมินผล สังเกตขณะนักเรียนทําใบงานที่ติดภาพ POP UP และตอบคําถาม

แผนการณจัดประสบการณสัปดาหที่ 32 วันที่ 10-14 มกราคม พ.ศ. 2548

จุดประสงคการเรียนรู1. สงเสริมจินตนาการและความคิดสรางสรรค2. พัฒนากลามเนื้อมือใหประสานสัมพันธกับสายตา3. ฝกความรับผิดชอบ4. เพื่อสงเสริมใหนักเรียนกลาแสดงออก5. เพื่อฝกใหนักเรียนเลือกและตัดสินใจดวยตนเอง

เนื้อหาสาระการเรียนรู สิ่งตางๆรอบตัวเรามีลักษณะที่แตกตางกัน มีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต

ส่ือการสอน1. กระดาษใบงาน2. กระดาษภาพรูปตางๆ เชน ตนไม ดอกไม หมี เปนตน3. สีเทียน4. กาว

กิจกรรม1. สนทนาเกี่ยวกับความสําคัญของวันครู2. แนะนํากระดาษใบงานที่ติดภาพ POP UP และติดกระดาษรูปตนไม ตกแตงตอเติม

ภาพ3. นักเรียนทําใบงานที่ติดภาพ POP UP และติดกระดาษรูปตนไม ตกแตงตอเติมภาพ4. สนทนาซักถามเกี่ยวกับภาพที่นักเรียนตกแตง5. นักเรียนเลนของเลน และจัดเก็บของเลนเขาที่

ประเมินผล สังเกตขณะนักเรียนทําใบงานที่ติดภาพ POP UP และตอบคําถาม

แบบฟอรมรายงานการวิจัยช้ันเรียน ปการศึกษา 2547ชื่องานวิจัย การพัฒนานักเรียนใหกลาแสดงออกชื่อผูวิจัย ครูปรียานุช สวางศรี

สาระการเรียนรู กิจกรรมสรางสรรคอาจารยท่ีปรึกษา มาสเตอรสุเทพ ทองขาว

เคาโครงการทําวิจัยในชั้นเรียน มี ไมมี ที่มาความสําคัญของการวิจัย มี ไมมี ออกแบบเก็บขอมูล เสร็จ ไมเสร็จ เก็บขอมูลเรียบรอย เสร็จ ไมเสร็จ แปลผลและอภิปรายผล เสร็จ ไมเสร็จ สรุปเปนรูปเลม เสร็จ ไมเสร็จ

......................................... (ครูปรียานุช สวางศรี ) ผูวิจัย

.......................................... (มาสเตอรสุเทพ ทองขาว) อาจารยที่ปรึกษา

นวัตกรรม- แผนการณจัดประสบการณกิจกรรมสรางสรรค- แบบการประเมินพฤติกรรมกอนการปฏิบัติกิจกรรมสรางสรรค- แบบการประเมินพฤติกรรมหลังการปฏิบัติกิจกรรมสรางสรรค- ใบงานกลุม- ใบงานรายบุคคล

สื่อ- ทีวีจําลอง- แผนพลาสติกลอกลาย

บรรณานุกรม

พัชรี ผลโยธิน การเรียนรูของเด็กปฐมวัย ตามแนวคิดไฮรโดปพิมพคร้ังที่ 1 กรุงเทพ ฯ บริษัทอมรินทรพร้ินติ้งแอนพับลิชชิ่ง 2543

วัชรี ธุวธรรม 49 ยุทธการรักลูก พิมพคร้ังที่ 1 กรุงเทพ ฯห.ส.น. ศูนย