ข้อมูลเบื้องต้น · 2018-10-18 ·...

ประเทศซาอุดิอาระเบีย | ตลาดทีน่่าสนใจ : ข้อมูลพื้นฐาน 1

www.thehalalfood.info By National Food Institute, Thailand 2015

ข้อมูลเบื้องต้น จัดท าข้อมูล ณ วันท่ี 17 พฤษภาคม 2557

ลักษณะภูมิประเทศ

เศรษฐกิจและการเงิน

ประชากร

วัฒนธรรม



ลักษณะภูมิประเทศ

ขนาดพื้นที่ 2,149,690 ตารางกิโลเมตร (มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 13 ของโลก) และเกือบทั้งหมดเป็นพ้ืนดิน โดยมีแหล่งน้ าในประเทศน้อยมาก มีระยะทางเขตชายแดน 4,431 กิโลเมตร และเขตชายฝั่ง 2,640 กิโลเมตร

ที่ตั้ง อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง หรือทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนคาบสมุทรอาหรับ (Arabian Peninsula) โดยมีพรมแดนติดกับ 7 ประเทศ และมีมหาสมุทรล้อมรอบ 3 ด้าน กล่าวคือ ทิศเหนือติดกับจอร์แดน (Jordan) และอิรัก (Iraq) ทิศตะวันออกติดคูเวต (Kuwait) กาตาร์ (Qatar) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และบาห์เรน (Bahrain) ซึ่งมีอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) กั้นระหว่างกลาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับโอมาน (Oman) ทิศใต้ติดกับเยเมน (Yemen) และทิศตะวันตกติดกับอียิปต์ (Egypt) ซึ่งมีทะเลแดง (Red Sea) กั้นระหว่างกลาง

เมืองหลวง กรุงริยาด (Riyadh)

เมืองเศรษฐกิจส าคัญ

เมืองเจดดะฮ์ (Jeddah) หรือจิดดะฮ์ (Jiddah) เป็นเมืองหลวงเก่า แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองท่าส าคัญ และศูนย์กลางการพาณิชย์ทางฝั่งตะวันตก นครมักกะฮ์ (Makkah) หรือเมกกะ (Mecca) เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจญ์ (The Hajj pilgrimage) มีวิหารกะอ์บะฮ์ (Kaaba) ซึ่งถือเป็นสุเหร่าแห่งแรกของโลก และเป็นที่ประสูติของศาสดา มูฮัมหมัด ซึ่งอนุญาตให้เข้าเมืองได้เฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น นครมะดีนะฮ์ (Madinah) หรือเมดินา (Medina) เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ฝังพระศพของศาสดามูฮัมหมัด ซึ่งอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะชาวมุสลิมเช่นกัน เมืองดัมมัม (Dammam) เป็นเมืองอุตสาหกรรมและเขตบ่อน้ ามันทางภาคตะวันออก เมืองทาอีฟ (Taif) เป็นเมืองเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกองุ่น ทับทิม ลูกมะเดื่อ (Figs) กุหลาบ และน้ าผึ้ง



ตัวอย่างเมืองส าคญัในซาอุดีอาระเบีย:

ท่าเรือในเจดดะฮ์ (ซ้าย) และวิหารกะอ์บะฮ์ในนครมักกะฮ์ (ขวา)

ทรัพยากร ธรรมชาติ

น้ ามันดิบ เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ ามันดิบอันดับ 1 ของโลก โดยมีน้ ามันดิบส ารองปริมาณ 267.9 พันล้านบาร์เรล (ณ วันที่ 1 มกราคม 2556) หรือประมาณร้อยละ 25 ของปริมาณน้ ามันดิบส ารองของโลก มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเวเนซูเอลา นอกจากนี้ มีทรัพยากรธรรมชาติอ่ืนที่ส าคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ และสินแร่มีค่า อาทิ เหล็ก ทองค า ทองแดง

ภูมิประเทศ พ้ืนที่ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นทะเลทราย (Sandy desert) มีลักษณะเป็นที่ราบเอียงจาก ฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก โดยมีจุดสูงสุดของประเทศอยู่ที่ Jabal Sawda มีความสูงจากระดับน้ าทะเล 3,133 เมตร ขณะที่จุดต่ าสุดอยู่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย ที่ระดับน้ าทะเล (0 เมตร) นอกจากนี้ มีส่วนที่เป็นที่ราบสูงและภูเขาทางด้านตะวันตกด้วย โดยบางแห่งมีสภาพที่แห้งแล้งจัดจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ (Uninhabited)

ภูมิอากาศ มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งอย่างรุนแรง (Torrid) โดยเฉพาะในวันที่มีอากาศร้อนจัด มักจะมีพายุทรายพัด โดยทั่วไปมี 2 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน (เดือนมีนาคม-ตุลาคม) มีอุณหภูมิเฉลี่ย 32-50 องศาเซลเซียส และฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) มีอุณหภูมิเฉลี่ย 2-20 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ ในช่วงเปลี่ยนฤดูจะมีฝนตกเล็กน้อย ส าหรับตอนกลางของประเทศมีลักษณะภูมิอากาศแบบภาคพ้ืนทวีป (Continental Climate) ขณะที่บริเวณฝั่งทะเลด้านตะวันออก (อ่าวเปอร์เซีย) และตะวันตก (ทะเลแดง) มีความชื้นสูง เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากทะเล และมีอุณหภูมิประมาณ 18-38 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือและภาคใต้มีอากาศเย็นสบาย เนื่องจากมีลักษณะพ้ืนที่เป็นภูเขาสูง

เวลา อยู่ในเขตเวลามาตรฐานอาหรับ (Arabia Standard Time: AST) หรือมีเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าเวลาสากลเชิงพิกัด (Coordinated Universal Time: UTC) 3 ชั่วโมง โดยไม่มีการปรับช่วงเวลาตามฤดูกาลที่เรียกว่า Daylight Saving Time (DST) ทั้งนี้ เวลาท้องถิ่นในซาอุดีอาระเบียช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง



ข้อมูลอ้างอิง: 1. กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ. (ม.ป.ป.). ราชอาณาจักรซาอดุิอาระเบีย

(Kingdom of Saudi Arabia) ข้อมูลทั่วไป (ออนไลน์). สืบค้นจาก http://sameaf.mfa.go.th/th/country/middle-east/detail.php?ID=28#1

2. ส านักงานแรงงานประเทศซาอุดิอาระเบยี (เจดดาห์). (ม.ป.ป.). ข้อมูลทั่วไปของประเทศ (ออนไลน์). สืบค้นจาก http://sau-jeddah.mol.go.th/

3. Central Intelligence Agency (CIA). (April 2014.) Middle East: Saudi Arabia (Online). Retrieved from https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/sa.html

4. Vacation Zone. (ม.ป.ป.). ประเทศซาอุดิอาระเบยี:กรุงริยาด (ออนไลน์). สืบค้นจาก http://www.vacationzone.co.th/info/index_riyad.php

5. Wikipedia. (May 2014). Geography of Saudi Arabia (Online). Retrieved from http://en.wikipedia.org/wiki/Geography_of_Saudi_Arabia

http://sameaf.mfa.go.th/th/country/middle-east/detail.php?ID=28#1

http://sau-jeddah.mol.go.th/

https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/sa.html

http://www.vacationzone.co.th/info/index_riyad.php

http://en.wikipedia.org/wiki/Geography_of_Saudi_Arabia



เศรษฐกิจและการเงิน ซาอุดิอาระเบียมีระบบเศรษฐกิจแบบพ่ึงพาการค้าน้ ามัน (Oil-based economy) เป็นหลัก

ภายใต้อ านาจการควบคุมกิจการต่าง ๆ ในประเทศที่เข้มแข็งของรัฐบาล และเนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ผลิตและผู้ค้าน้ ามันรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งผลให้เป็นประเทศที่มีบทบาทส าคัญอย่างมากในองค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ ามันเพ่ือการส่งออก (Organization of the Petroleum Exporting Countries: OPEC) อย่างไรก็ตาม เพ่ือให้เกิดการน าทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศมาใช้มากขึ้น และเพ่ือสร้างความหลากหลายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลได้พยายามกระตุ้นการเติบโตของภาคเอกชนอ่ืนให้เพ่ิมขึ้นเช่นกัน อาทิ การผลิตกระแสไฟฟ้า การสื่อสารโทรคมนาคม การขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ และการผลิตปิโตรเคมี ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ

National accounts Units 2553 2554 2555 25561/ 25572/ GDP, real growth rate % 7.43 8.57 5.13 3.57 4.39 GDP, current prices Billions SAR 1,975.54 2,510.65 2,666.44 2,694.27 2,800.57 GDP, current prices Billions USD 526.81 669.51 711.05 718.47 746.82 GDP, deflator (2542=100) Index 185.13 216.71 218.93 213.59 212.69 GDP per capita, current prices SAR 72,798.93 88,496.65 91,964.69 90,924.27 92,567.78 GDP per capita, current prices USD 19,413.05 23,599.11 24,523.92 24,246.47 24,684.74 GDP (PPP) Billions USD 746.27 826.14 883.67 927.76 984.30 GDP (PPP) per capita GDP USD 27,500.17 29,120.19 30,477.39 31,309.46 32,534.06 GDP (PPP) share of world total % 0.99 1.04 1.06 1.07 1.08 Implied PPP conversion rate SAR/USD 2.65 3.04 3.02 2.90 2.85 Total investment % of GDP 30.74 27.02 26.35 28.29 29.31 Gross national savings % of GDP 43.41 50.70 49.51 47.62 46.99

ที่มา: IMF. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ 2/ค่าคาดการณ์ Monetary Units 2553 2554 2555 25561/ 25572/

Inflation, average consumer prices (2550=100)

Index 114.70 119.00 122.40 127.00 131.55

Inflation, average consumer prices % 3.80 3.75 2.86 3.76 3.58 ที่มา: IMF. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ 2/ค่าคาดการณ์

Trade Units 2553 2554 2555 25561/ 25572/ Volume of imports of goods and services

% 0.97 3.54 9.82 5.05 5.61

Volume of Imports of goods % 5.11 12.17 18.82 5.06 5.49 Volume of exports of goods and services

% 0.42 4.63 4.30 - 0.35 3.63

Volume of exports of goods % 1.10 5.61 4.62 - 0.49 3.54 ที่มา: IMF. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ 2/ค่าคาดการณ์



People Units 2552 2553 2554 2555 25561/ Unemployment rate % of Total

Labor Force 5.38 5.55 5.77 5.52 5.57

Labor force persons 8,611,001 9,353,808 10,544,089 10,997,856 11,361,770 ที่มา: CDSI. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ

Government finance Units 2553 2554 2555 25561/ 25572/ General government revenue Billions

SAR 822.08 1,193.38 1,382.34 1,255.56 1,251.84

General government revenue % of GDP

41.61 47.53 51.84 46.60 44.70

General government total expenditure

Billions SAR

780.35 891.74 981.37 996.03 1,012.30

General government total expenditure

% of GDP

39.50 35.52 36.81 36.97 36.15

General government gross debt

Billions RUB

167.00 135.50 98.80 88.00 78.00

General government gross debt

% of GDP

8.45 5.40 3.71 3.27 2.79

ที่มา: IMF. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ 2/ค่าคาดการณ์

Balance of payments Units 2553 2554 2555 25561/ 25572/ Current account balance Billions USD 66.75 158.58 164.69 138.88 132.02 Current account balance % of GDP 12.67 23.69 23.16 19.33 17.68

ที่มา: IMF. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ 2/ค่าคาดการณ์

GDP - composition, by end use 25561/ Household consumption 29.7% Government consumption 21.7% Investment in fixed capital 23.5% Investment in inventories 3.5% Exports of goods and services 52.9% Imports of goods and services -31.4%

ที่มา: CIA. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ

GDP - composition, by sector of origin 25561/ Agriculture 2.0% Industry 62.5% Services 35.5%

ที่มา: CIA. หมายเหต:ุ 1/ค่าประมาณการ



ที่มา: IMF

. ที่มา: CDSI.

การจัดตั้งเมืองเศรษฐกิจ รัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้ด าเนินการก่อสร้างเมืองเศรษฐกิจ (Economic Cities) จ านวน 6

แห่ง ภายใต้โครงการ 10x10 ในปี 2549 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือสร้างการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับมาตรฐานค่าครองชีพของชาวซาอุดี ทั้งนี้ แต่ละเมืองจะมีลักษณะและจุดเด่นที่เหมาะสมต่อการลงทุนแตกต่างกัน ดังนี้

0

1

2

3

4

5

6

7

8

9

0

5,000

10,000

15,000

20,000

25,000

30,000

35,000

2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2557

GDP (PPP) per capita (USD) GDP Real Growth Rate (%)

0

20

40

60

80

100

120

140

160

180

2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555

Wholesale Price Index (ปี 2531=100)



เมืองเศรษฐกิจ ลักษณะและจุดเด่นของเมือง

1. King Abdullah Economic City (KAEC)

อยู่ทีเ่มือง Rabigh ใกล้กับทะเลแดง เหมาะส าหรับอุตสาหกรรมเบาและภาค

บริการ เช่น ท่ า เ รือ ระบบขนส่ งและกระจายสินค้า

มีพ้ืนที่ขนาด 168 ล้านตารางเมตร และมูลค่าการลงทุน 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. Prince Abdulaziz bin Musaid Economic City (PABMEC)

อยู่ที่เมือง Hael และเป็นทางเชื่อมการค้าและการคมนาคมในภูมิภาคตะวันออกกลาง

เ ห ม า ะ ส า ห รั บ ธุ ร กิ จ ก า ร เ ก ษ ต ร อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง การผลิตแร่ และภาคบริการ เช่น ท่าเรือ ระบบขนส่งและกระจายสินค้า


เมืองเศรษฐกิจ ลักษณะและจุดเด่นของเมือง

3. Knowledge Economic City (KEC)

อ ยู่ ใ ก ล้ กั บ สุ เ ห ร่ า ใ น น ค ร ม ะ ดี น ะ ฮ์ (Madinah)

เหมาะส าหรับอุตสาหกรรมฐานความรู้ (Knowledge based industries) โดยเฉพาะ ที่เก่ียวกับศาสนาอิสลาม และภาคบริการ

มีพ้ืนที่ขนาด 4.8 ล้านตารางเมตร และมูลค่าการลงทุน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ



4. Jazen Economic City (JEC)

อยู่ใกล้กับทะเลแดง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

เหมาะส าหรับกิจการด้านพลังงาน และอุตสาหกรรมที่ ใช้แรงงานจ านวนมาก (Labor intensive industries)


5. Tabouk Economic City (TEC) มีแผนด าเนินการในระยะต่อไป

6. Eastern Province Economic City (EPEC) มีแผนด าเนินการในระยะต่อไป ระบบเงินตรา

สกุลเงิน Saudi Riyal (รหัสย่อ: SAR) หรือ ริยาลซาอุดิ (لاير)

อัตราส่วน 100 ฮาลาลา (Halalas: هللة) เท่ากับ 1 ริยาลซาอุดิ 1 เคิร์ช (Qirsh) เท่ากับ 5 ฮาลาลา

เหรียญ 5 อัตรา ได้แก่ 5 ฮาลาลา 10 ฮาลาลา (หรือ 2 เคิร์ช) 25 ฮาลาลา (หรือ 1/4 ริยาลซาอุดิ) 50 ฮาลาลา (หรือ 1/2 ริยาลซาอุดิ) และ 100 ฮาลาลา (หรือ 1 ริยาลซาอุด)ิ

ธนบัตร 6 อัตรา ได้แก่ 1 ริยาลซาอุดิ 5 ริยาลซาอุดิ 10 ริยาลซาอุดิ 50 ริยาลซาอุดิ

100 ริยาลซาอุดิ และ 500 ริยาลซาอุดิ

โดยรัฐบาลได้ประกาศใช้ธนบัตรชุดที่ 5 เป็นชุดล่าสุด เมื่อปี 2550 ซึ่ง เปลี่ยนเป็นภาพของกษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุดิอาระเบีย (King Abdullah bin Abdul Aziz of Saudi Arabia) ปรากฏบนธนบัตรแทนภาพของกษัตริย์ฟาฮัด (King Fahad)



อัตราแลกเปลี่ยน (ค่าเฉลี่ยทั้งปี)

หน่วยเงินตรา 2552 2553 2554 2555 2556 1 USD SAR 3.7500 3.7500 3.7500 3.7500 3.7500 1 SAR THB 9.1425 8.4504 8.1306 8.2882 8.1929

ที่มา: CIA และธนาคารแห่งประเทศไทย. หมายเหต:ุ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นอัตราคงที่ (Fixed rate)

ระบบธนาคาร

สถาบันการเงินและธนาคารอิสลามจ าเป็นต้องด าเนินงานบนหลักการของระบบอัลมุฎอเราะบะฮ์ (al-Mudharabah) และภายใต้กฎหมายชะรีอะฮ์ (al-Sharikah) เช่น ห้ามการลงทุนและท าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย (al-Riba) การพนัน (al-Qimar and al-Gharar) ความเสี่ยง (Khatar) การหลอกลวง (Gharar) การเอารัดเอาเปรียบ (Istiglal) และการแทรกแซงทางการตลาด (al-Tadakkhul Fi al-Suq) โดย



อาศัยธนาคารพาณิชย์อิสลาม (Masaref al-Islamiyah) บริษัทประกัน (al-Sharikah al-Tamin) กองทุนรวมและวาณิชธนกิจ (al-Mudharabah) เป็นตัวกลางส าคัญทางระบบการเงินและการลงทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันซาอุดิอาระเบียมีระบบการธนาคารที่ทันสมัย ซึ่งนอกจากธนาคารอิสลามที่ด าเนินกิจการตามหลักของศาสนาแล้ว ยังมีธนาคารพาณิชย์แห่งชาติ (National Commercial Bank) อีกจ านวน 13 แห่ง หรือที่เรียกว่า ธนาคารอัลอาลี (Al Ahli Bank: التجاري األهلي البنك ) ซึ่งเป็นธนาคารสัญชาติซาอุดิอาระเบียนแห่งแรก และมีมูลค่าสินทรัพย์มากที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งธนาคารอิสลามของโลก

ธนาคารกลางซาอุดิอาระเบีย หรือ SAMA (Saudi Arabia Monetary Agency) มีหน้าที่ก าหนดนโยบายทางการเงินการคลัง การออกธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ และก ากับควบคุมธนาคารพาณิชย์ในประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลได้จัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะทางอีก 5 แห่ง เพ่ือให้บริการสินเชื่อแก่ประชาชนส าหรับการพัฒนาภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ได้แก่ กองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมซาอุดิ (Saudi Industrial Development Fund: SIDF) ธนาคารเพ่ือการเกษตรซาอุดิอาระเบียน (Saudi Arabian Agricultural Bank: SAAB) กองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Development Fund) กองทุนเพ่ือการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund) และธนาคารสินเชื่อซาอุดิ (Saudi Credit Bank) นโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ

รัฐบาลซาอุดีอาระเบียจะก าหนดนโยบายต่าง ๆ โดยยึดหลักการค้าเสรีบนพ้ืนฐานแห่งคุณค่าของศาสนาอิสลาม ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีแนวนโยบายลดการพ่ึงพิงรายได้จากภาคธุรกิจการค้าน้ ามัน และปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นการสร้างความหลากหลายให้กับภาคการผลิต ทั้งอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ตลอดจนภาคบริการ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเป็น ตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจแทนภาครัฐ ด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การพัฒนาทักษะและฝีมือของแรงงานชาวซาอุดีเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพการท างาน การส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการพัฒนาและก่อสร้างปัจจัยพื้นฐานเพ่ือรองรับการขยายตัวของประชากรและเศรษฐกิจในประเทศ

ธนาคารพาณิชย์แห่งชาติในเมืองเจดดะห ์



ข้อมูลอ้างอิง: 1. กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์. (มิถุนายน 2550). ประเทศซาอุดิอาระเบีย (ออนไลน์).

สืบค้นจาก http://www.dtn.go.th/dtn/service/file/file_2/Saudi_Arabia_profile.pdf 2. ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2557). อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานคร (ออนไลน์).

สืบค้นจาก http://www2.bot.or.th/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=123&language=TH 3. นิพล แสงศรี. (ม.ป.ป.). ความรู้เกี่ยวกับการเงินอิสลามในตะวันออกกลาง (ออนไลน์). สืบค้นจาก

http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=4&id=2251 4. มหาวิทยาลยัหอการค้าไทย. (กันยายน 2549). ราชอาณาจักรซาอดุิอาระเบีย (ออนไลน์). สืบค้นจาก

http://utcc2.utcc.ac.th/tradestrategies/Saudi_11-9-49.pdf 5. Central Department of Statistics & Information. (ND). Labor force & unemployment rate (Online).

Retrieved from http://www.cdsi.gov.sa/english/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=85&Itemid=162

6. Central Department of Statistics & Information. (ND). Wholesale Price Index (Online). Retrieved from http://www.cdsi.gov.sa/english/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=212&Itemid=152

7. International Monetary Fund (IMF). (October 2013). World Economic Outlook (Online). Retrieved from http://www.imf.org/external/pubs/ft/weo/2013/02/weodata/weorept.aspx?sy=2003&ey=2018&scsm=1&ssd=1&sort=country&ds=.&br=1&c=456&s=NGDP_R%2CNGDP_RPCH%2CNGDP%2CNGDPD%2CNGDP_D%2CNGDPRPC%2CNGDPPC%2CNGDPDPC%2CPPPGDP%2CPPPPC%2CPPPSH%2CPPPEX%2CNID_NGDP%2CNGSD_NGDP%2CPCPI%2CPCPIPCH%2CPCPIE%2CPCPIEPCH%2CTM_RPCH%2CTMG_RPCH%2CTX_RPCH%2CTXG_RPCH%2CLUR%2CLP%2CGGR%2CGGR_NGDP%2CGGX%2CGGX_NGDP%2CGGXCNL%2CGGXCNL_NGDP%2CGGXONLB%2CGGXONLB_NGDP%2CGGXWDN%2CGGXWDN_NGDP%2CGGXWDG%2CGGXWDG_NGDP%2CNGDP_FY%2CBCA%2CBCA_NGDPD&grp=0&a=&pr.x=44&pr.y=4

8. Royal Embassy of Saudi Arabia in Washington, DC. (ND). Banking (Online). Retrieved from http://www.saudiembassy.net/about/country-information/economy_global_trade/banking.aspx

9. Wikipedia. (Last modified in April 2014). Saudi riyal (Online). Retrieved from http://en.wikipedia.org/wiki/Saudi_riyal

10. World Bank. (ND). Labor force, total (Online). Retrieved from http://data.worldbank.org/indicator/SL.TLF.TOTL.IN

http://www.dtn.go.th/dtn/service/file/file_2/Saudi_Arabia_profile.pdf

http://www2.bot.or.th/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=123&language=TH

http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=4&id=2251

http://utcc2.utcc.ac.th/tradestrategies/Saudi_11-9-49.pdf

http://www.cdsi.gov.sa/english/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=85&Itemid=162



http://www.imf.org/external/pubs/ft/weo/2013/02/weodata/weorept.aspx?sy=2003&ey=2018&scsm=1&ssd=1&sort=country&ds=.&br=1&c=456&s=NGDP_R%2CNGDP_RPCH%2CNGDP%2CNGDPD%2CNGDP_D%2CNGDPRPC%2CNGDPPC%2CNGDPDPC%2CPPPGDP%2CPPPPC%2CPPPSH%2CPPPEX%2CNID_NGDP%2CNGSD_NGDP%2CPCPI%2CPCPIPCH%2CPCPIE%2CPCPIEPCH%2CTM_RPCH%2CTMG_RPCH%2CTX_RPCH%2CTXG_RPCH%2CLUR%2CLP%2CGGR%2CGGR_NGDP%2CGGX%2CGGX_NGDP%2CGGXCNL%2CGGXCNL_NGDP%2CGGXONLB%2CGGXONLB_NGDP%2CGGXWDN%2CGGXWDN_NGDP%2CGGXWDG%2CGGXWDG_NGDP%2CNGDP_FY%2CBCA%2CBCA_NGDPD&grp=0&a=&pr.x=44&pr.y=4








http://www.saudiembassy.net/about/country-information/economy_global_trade/banking.aspx

http://en.wikipedia.org/wiki/Saudi_riyal

http://data.worldbank.org/indicator/SL.TLF.TOTL.IN



ประชากร จ านวนประชากรทั้งหมด (ปี 2556) 29,994,272 คน (ท่ีมา: CDSI)

อัตราการเติบโตของประชากร 1.49% (ประมาณการปี 2557)

ประชากรต่างชาติ 23% เป็นชาวต่างชาติจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและเอเชีย

ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน อิยิปต์ เยเมน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ จอร์แดน ปาเลสไตน์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา ซูดาน ซีเรีย และตุรกี รวมทั้งชาวตะวันตกอีกประมาณแสนคน

โครงสร้างอายุ (ประมาณการปี 2557) 0-14 ปี: 27.6% (ชาย 3,869,961 คน หญิง 3,681,616 คน) 15-24 ปี: 19.3% (ชาย 2,832,538 คน หญิง 2,458,339 คน) 25-54 ปี: 45.4% (ชาย 7,086,004 คน หญิง 5,323,373 คน) 55-64 ปี: 3.2% (ชาย 674,571 คน หญิง 555,136 คน) 65 ปี ข้ึนไป: 3.1% (ชาย 444,302 คน หญิง 420,146 คน)

ภาษาราชการ อาหรับ (Arabic)

(แต่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อทั่วไปได้)

เชื้อชาติ อาหรับ 90% Afro-asian 10%

สัดส่วนเพศ คือ จ านวนเพศชายต่อเพศหญิง 1 คน (ประมาณการปี 2557) แรกเกิด: 1.05 25-54 ปี: 1.33 0-14 ป:ี 1.05 55-64 ปี: 1.20 15-24 ปี: 1.15 65 ปี ขึ้นไป: 1.08 เฉลี่ยประชากรทั้งหมด: 1.21

ศาสนา ประชากรทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม 85–90% นิกายซุนหนี่ (Sunni) 10–15% นิกายชีอะห์ (Shias) อัตราการเกิด (ประมาณการปี 2557) 18.78 คน/ประชากร 1,000 คน

อัตราการตาย (ประมาณการปี 2557) 3.32 คน/ประชากร 1,000 คน

อายุมัธยฐาน (Median age) (ประมาณการปี 2557) ประชากรทั้งหมด: 26.4 ปี ชาย: 27.3 ปี หญิง: 25.3 ปี

ความยืนยาวของอายุ (Life expectancy at birth) (ประมาณการปี 2557) ประชากรทั้งหมด: 74.82 ปี ชาย: 72.79 ปี หญิง: 76.94 ปี

http://en.wikipedia.org/wiki/Sunni

http://en.wikipedia.org/wiki/Shia



สัดส่วนประชากรอาศัยในเมือง(Urbanization) (ปี 2554) 82.3% ของประชากรทั้งหมด

5 เมืองทีม่ีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุด (2552)

อัตราการขยายตัวของ ความเป็นสังคมเมือง (Urbanization rate) 2.38% ต่อปี (2553-2558)

อัตราการย้ายถิ่นสุทธิ (ประมาณการปี 2557) -0.59 คน/ประชากร 1,000 คน

จ านวนผู้ที่อ่านออกเขียนได้ (ปี 2554) คือ บุคคลอายุ 15 ปี ข้ึนไปที่สามารถอ่านออกเขียนได้ ประชากรทั้งหมด: 87.2% (ชาย: 90.8% หญิง: 82.2%)

ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา (ปี 2551) 5.1% ของ GDP

ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ (ปี 2554) 3.7% ของ GDP

ประชากรวัยท างาน (ปี 2556) 11,361,770 คน (ท่ีมา: CDSI)

แรงงานตามสาขาอาชีพ (ปี 2548) การเกษตร 6.7% อุตสาหกรรมการผลิต 21.4% และบริการ 71.9% ประชากรที่ว่างงาน (ปี 2556) 632,647 คน ชาย 267,299 คน หญิง 365,348 คน (ท่ีมา: CDSI)

สถิติจ านวนประชากรในซาอุดีอาระเบีย จ าแนกตามเขตการปกครอง ปี 2553

จากการส ามะโนประชากรในปี 2553 พบว่า มักกะฮ์ (Makkah) เป็นเขตการปกครองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดในซาอุดีอาระเบีย จ านวน 6,915,006 คน หรือร้อยละ 25.4 ของจ านวนประชากรทั้งประเทศ รองลงมาได้แก่ อัรริยาด (Al Riyadh) และอัชชัรกิยะห์ (Ash Sharqiyah) มีจ านวนประชากร 6,777,146 และ 4,105,780 คน หรือร้อยละ 24.9 และ 15.1 ตามล าดับ โดยจ านวนประชากรในแต่ละเมืองภายใต้เขตการปกครองทั้ง 13 เขต มีดังนี้

เขตการปกครอง/เมือง จ านวนประชากร (คน) มักกะฮ์ (Makkah) 6,915,006

Jiddah 3,456,259 Mecca (Al Makkah Al Mokarramah) 1,675,368 Al Ta'if 987,914 Al Qunfidhah 272,424 Al Lith 128,529 Al Imumum 92,222 Rabigh 92,072



Khulays 56,687 Ranyah 45,942 Turubah 43,947 Al Khurmah 42,223 Al Kamil 21,419

อัรริยาด (Al Riyadh) 6,777,146 Al Riyadh 5,254,560 Al Kharj 376,325 Ad Duwadimi 217,305 Al Majmaah 133,285 Al Quwayiyah 126,161 Wadi Ad Dawasir 106,152 Afif 77,978 Ad Diriyah 73,668 Azulfi 69,231 Al Aflaj 68,201 Hawtat Bani Tamim 43,323 Shagra 40,541 Al Muzahimiya 39,865 As Sulayyil 36,383 Rumah 28,055

เขตการปกครอง/เมือง จ านวนประชากร (คน) Duruma 24,429 Thadiq 17,175 Huraymila 15,334 Al Hariq 14,760 Al Ghat 14,415

อัชชัรกิยะห์ (Ash Sharqiyah) 4,106,780 Ad Dammam 904,597 Al Ahsa 1,063,112 Al Jubayl 378,949 Al Khafji 76,279 Al Khubar 578,500 Al Qatif 524,182 An Nuayriyah 52,340 Buqayq 53,444 Haft Al Babin 389,993 Qaryah Al Ulya 24,634 Ras Tannurah 60,750

อะซีร์ ('Asir) 1,974,392 Khamis Mushayt 512,599 Abha 366,551



Muhayil 228,979 Bishah 205,346 Ahad Rufaydah 113,043 Al Majardah 103,531 Balqam 75,391 Sarat Abidah 67,120 Rijal Alma 65,406 Dalvan Al Janub 63,119 Bareq 60,000 Tathlith 59,188 An Nammas 54,119

อัลมะดีนะฮ์ (Al Madinah) 1,777,933 Al Madinah Al Monawarah (Medina) 1,180,770 Yanbu Al Bahar 298,675 Al Ula 64,591 Badr 63,468 Al Mahd 62,511 Al Hinakiyah 59,326 Khaybar 48,592

เขตการปกครอง/เมือง จ านวนประชากร (คน) ญีซาน (Jizan) 1,365,090

Sabya 228,375 Samtah 201,656 Abu Arish 197,112 Jizan 157,536 Ahad Al Masarihah 110,710 Baysh 77,442 Al Aridah 76,705 Damad 71,601 Ad Darb 69,134 Al Aydabi 60,779 Ad Dair 58,494 Ar Rayth 18,961 Al Harth 18,586 Farasan 17,999

อัลกอซิม (Al Qassim) 1,215,858 Buraydah 614,093 Unayzah 163,729 Ar Rass 133,482 Al Bukayriyah 57,621 Al Badai 57,164 An Nabhaniyah 47,744



Al Midhnab 44,043 Riadh Al Khabra 34,497 Uyun Al Jiwa 26,544 Al Asyah 26,336 Ash Shimasiyah 10,605

ตะบูก (Tabuk) 791,535 Tabuk 569,797 Umluj 61,162 Dhuba 51,951 Al Wajh 44,570 Tayma 36,199 Haqil 27,856

ฮาอิล (Ha'il) 597,144 Ha'il 412,758 Al Qhazaiah 102,588 Ash Shinan 41,641 Baqa 40,157

เขตการปกครอง/เมือง จ านวนประชากร (คน) นัจญ์รอน (Najran) 504,652

Najran 328,112 Sharurah 85,977 Khubash 22,133 Hubuna 20,400 Yadamah 16,851 Thar 16,047 Badr Al Janub 11,117 Al Khirkhir 4,015

อัลเญาฟุ (Al Jawf) 440,009 Sakaka 242,813 Al Quryyat 147,550 Dawmat Al Jandeal 49,646

อัลบาฮะฮ์ (Al Bahah) 411,888 Al Bahah 103,411 Al Mukhwah 70,664 Biljurashi 65,223 Qilwah 58,246 Al Aqiq 47,235 Al Mandag 35,629 Al Qara 31,480

อัลฮุดูด อัช ชะมาลียะห์ (Al Hudud ash Shamaliyah) 320,524 Ar'ar 191,051 Rafha 80,554



Turayf 48,919 รวม 27,197,957

นโยบายเกี่ยวกับแรงงานชาวต่างชาติที่ส าคัญ

เนื่องจากซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีแรงงานชาวต่างชาติไหลเข้ามาจ านวนมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท าให้เกิดปัญหาการว่างงานของชาวซาอุดี ดังนั้น รัฐบาลจึงก าหนดนโยบายต่าง ๆ เกี่ยวกับแรงงานชาวต่างชาติ อาทิ

ก. นโยบาย Saudization มีวัตถุประสงค์เพ่ือลดอัตราการจ้างงานหรือการบรรจุแรงงานชาวต่างชาติ โดยก าหนดให้บริษัทที่มีแรงงานตั้งแต่ 20 คนข้ึนไป ต้องจ้างแรงงานชาวซาอุดีเข้าท างานร้อยละ 5 ของจ านวนแรงงานทั้งหมด และให้เพ่ิมจ านวนการจ้างงานขึ้นทุกปีในอัตราเดียวกัน อย่างไรก็ดี การด าเนินนโยบายดังกล่าวไม่ประสบผลส าเร็จเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงงานชาวซาอุดสี่วนใหญ่ไม่พร้อมส าหรับการท างานที่ต้องใช้แรงงานมาก และพวกเขามักเรียกร้องค่าจ้างแรงงานที่สูงกว่าแรงงานชาวต่างชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่มีการก าหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ า โดยให้เป็นไปตามภาวะของตลาดแรงงาน

ข. การให้สิทธิแรงงานหรือชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์ในอหังสาริมทรัพย์ กล่าวคือ สามารถซื้อที่ดินและบ้านได้ทั่วราชอาณาจักร โดยบุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่พ านักอยู่อย่างถูกต้อง หรือมีหนังสือแสดงถิ่นที่อยู่ (IQAMA) ทั้งนี้ เพ่ือกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ

ค. การก าหนดให้แรงงานต่างชาติทุกคนต้องมีการประกันสังคมด้านอุบัติเหตุจากการท างานและด้านสุขภาพ

ง. การให้สิทธิแรงงานชาวต่างชาติในการเดินทางทั่วราชอาณาจักร โดยไม่ต้องมีหนังสืออนุญาตจากนายจ้าง และให้ใช้เฉพาะหนังสือแสดงถิ่นที่อยู่ (IQAMA) เท่านั้น

ข้อมูลอ้างอิง: 1. มหาวิทยาลยัหอการค้าไทย. (กันยายน 2549). ราชอาณาจักรซาอดุิอาระเบีย (ออนไลน์). สืบค้นจาก

http://utcc2.utcc.ac.th/tradestrategies/Saudi_11-9-49.pdf 2. ส านักงานแรงงานประเทศซาอุดีอาระเบยี(เจดดาห์). (ม.ป.ป.). ข้อมูลด้านแรงงาน (ออนไลน์). สืบคน้จาก

http://sau-jeddah.mol.go.th/node/268 3. Central Department of Statistics & Information (CDSI). (ND). Labour force & unemployment rates

(Online). Retrieved from http://www.cdsi.gov.sa/english/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=85&Itemid=162

4. Central Intelligence Agency (CIA). (April 2014.) Middle East: Saudi Arabia (Online). Retrieved from https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/sa.html

5. Wikipedia. (March 2014). Regions of Saudi Arabia (Online). Retrieved from http://en.wikipedia.org/wiki/Regions_of_Saudi_Arabia

http://utcc2.utcc.ac.th/tradestrategies/Saudi_11-9-49.pdf

http://sau-jeddah.mol.go.th/node/268



https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/sa.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Regions_of_Saudi_Arabia



วัฒนธรรม วัฒนธรรมของซาอุดีอาระเบียหล่อหลอมขึ้นโดยชนชาติอาหรับและศาสนาอิสลามจนกลายเป็น

ลักษณะเฉพาะของชาวซาอุดี ทั้งพิธีกรรมทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมพ้ืนบ้าน เช่น การเต้นร า การเล่นดนตรี นอกจากนี้ ค่านิยมดั้งเดิมและประเพณีวัฒนธรรมของชาวซาอุดีบางประการยังถูกน ามาปรับเป็นข้อห้ามตามกฎหมายต่าง ๆ ที่บังคับใช้ในประเทศด้วย เช่น การห้ามจ าหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การห้ามผู้หญิง ชาวซาอุดีขับรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งการเรียนรู้และปฏิบัติให้ถูกต้องตามวัฒนธรรมของคู่เจรจา จะน าไปสู่ความส าเร็จในการท าธุรกิจได้เช่นกัน

การใช้ชีวิตในสังคม

ชาวซาอุดีมีวัฒนธรรมการแบ่งแยกชายหญิงในสังคมที่ชัดเจน (Sexual segregation society) และเป็นสังคมอนุรักษ์นิยมสูง นอกจากนี้ พวกเขายังให้ความส าคัญและความเคารพต่อผู้อาวุโสอย่างมาก ส่วนการใช้ชีวิตในสังคมการท างาน พวกเขาจะใช้ระบบพรรคพวก (Nepotism) เป็นหลักในการตัดสินใจ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าการท างานกับคนที่รู้จักและไว้ใจไดเ้ป็นเรื่องทีส่ าคัญอย่างมาก

การใช้ชีวิตในครอบครัว

ชาวซาอุดีมีความผูกพันและความรับผิดชอบต่อครอบครัวค่อนข้างสูง โดยพวกเขาจะให้ความส าคัญกับเรื่องเชื้อสายและการขยายวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก ซึ่งครอบครัวชาวซาอุดีมีแนวโน้มเป็นครอบครัวขนาดใหญ่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ครอบครัวจะมีขนาดใหญ่ แต่พวกเขากลับมีความใกล้ชิดกันมาก และมักจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิกครอบครัว

การทักทาย เมื่อชาวซาอุดีพบปะพ่ีน้องมุสลิมด้วยกัน จะกล่าวค าทักทายว่า ‘อัสซาลามุ อะไลกุม’ (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) และอีกฝ่ายต้องกล่าวตอบรับว่า ‘วะอะไลกุม อัสซาลาม’ (ขอความสันติจงมีแด่ท่านเช่นกัน) หรือ ‘วะเราะฮฺมะตุลลอฮิ วะบะเราะกาตุฮฺ’ (และความเมตตาของอัลลอฮฺและความจ าเริญจากพระองค์จงเป็นของท่าน) หลังจากการกล่าวทักทายแล้ว ผู้ชายชาวซาอุดีจะจับมือกับผู้ชายด้วยกัน เพ่ือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น และหากเป็นเพ่ือนสนิทอาจมีการชนแก้มกัน ส่วนผู้หญิงชาวซาอุดีจะทักทายกับเพ่ือนสนิทด้วยการกอดและชนแก้ม ทั้งนี้ ในซาอุดีอาระเบีย ผู้หญิงและผู้ชายจะถูกห้ามไม่ให้จับมือทักทายกัน เว้นแต่เป็นญาติพี่น้องร่วมสายโลหิต หรือบุคคลที่มิอาจแต่งงานด้วยได้เท่านั้น

การแต่งกาย ผู้ชายชาวซาอุดีสวมหมวก Taqiyah แล้วคลุมด้วยผ้าโพกศีรษะ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ผ้าสีขาวบางส าหรับฤดูร้อน เรียกว่า Ghutra และผ้าผสมขนสัตว์ลายตาหมากรุก สีแดง-ขาว เรียกว่า Shumagg/Smagh/Shmagh ส าหรับฤดูหนาว หลังจากนั้นจะรัดด้วยเชือกสีด า เรียกว่า Igaal หรือ Ogal เพ่ือกันผ้าหลุด ส่วนเสื้อผ้าจะสวมชุดคลุมยาวทั้งตัวถึงข้อเท้า เรียกว่า Thawb ทั้งแบบคอกลม และคอปกตั้งแบบเสื้อเชิ้ต ทั้งปลายแขนปล่อย และปลายแขนติดกระดุม ทั้งนี้ ในโอกาสและพิธีการส าคัญ ผู้ชายชาวซาอุดีจะสวม เสื้อคลุม เรียกว่า Bisht ทับอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะท าจากขนอูฐหรือขนแกะ มีสีด า สีน้ าตาลทอง สีขาว สีเนื้อ และตกแต่งด้วยแถบผ้าปักสีทองบริเวณสาบเสื้อ



ตัวอย่างการแต่งกายของผู้ชายชาวซาอุดี (ซ้าย) และชุดคลุม Bisht (ขวา)

ผู้หญิงชาวซาอุดีสวมชุดคลุมสีด า เรียกว่า Abaya คลุมศีรษะด้วยผ้าสีด า บางคนอาจคลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งอีกชั้น ซึ่งเป็นวัฒนธรรมโบราณที่ผู้หญิงชาวซาอุดีใช้ปกป้องผิวหนังและดวงตาจากแสงแดดกลางทะเลทราย อย่างไรก็ตาม ชุด Abaya ในปัจจุบันมีการตกแต่งด้วยเหรียญเครื่องประดับโลหะ และอัญมณีด้วย

ตัวอย่างการแต่งกายของผู้หญิงชาวซาอุดี (ซ้าย) และการคลุมปิดทั้งหน้าแบบโบราณ

การรับประทานอาหาร

โดยทั่วไปชาวซาอุดีมักรับประทานอาหารไม่มากนักระหว่างวัน แต่จะเน้นอาหารมื้อหนักในตอนเย็น ทั้งนี้ วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวซาอุดีจะนั่งรับประทานอาหารบนพ้ืนที่มีเบาะรองนั่ง หรือบนโต๊ะเตี้ย และมักใช้นิ้วมือ (มือขวาเท่านั้น) หรือขนมปังในการหยิบตักอาหาร โดยต้องล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร ส าหรับอาหารมื้อแรก พวกเขาจะจิบเพียงกาแฟและอินทผลัม 2-3 ชิ้น หลังจากท าพิธีละหมาดตอนเช้า แล้วจะรับประทานขนมปัง นม และอินทผลัมอีกมื้อในตอนสาย ส่วนมื้อหลักจะเป็นตอนเย็นก่อนการท าพิธีละหมาด

ปัจจุบันการรับประทานอาหารของชาวซาอุดีปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากรูปแบบการใช้ชีวิตประจ าวันที่เปลี่ยนไป โดยพวกเขาจะนั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะอาหาร ใช้ช้อนส้อมแทนมือ แต่ยังคงวัฒนธรรมการใช้มือขวาตักอาหารเท่านั้น ส่วนช่วงเวลารับประทานนั้น จะเริ่มมื้อเช้าที่เวลาประมาณ 8.00 น. มื้อกลางวันและมื้อเย็นจะรับประทานประมาณ 14.30 น. และ 20.00 น. โดยชาวซาอุดีหันมาบริโภคข้าวแทนขนมปังกันมากขึ้น

ชาวซาอุดีมักต้อนรับแขกด้วยการเสริฟอินทผลัมและกาแฟอาหรับ หรือ ‘Al-Qahwa’ และดื่มจากแก้วกาแฟใบเล็กที่ไม่ ( دلة) กาแฟจะเสริฟจากเหยือกที่เรียกว่า Dallah (,‎قهوة)



มีหูจับ เรียกว่า Fenjan ทั้งนี้ อาจมีการเติมเครื่องเทศบางอย่างในกาแฟเพ่ือเพ่ิมรสชาติด้วย เช่น กระวาน (Cardamon) นอกจากนี้ ครอบครัวชาวซาอุดีจะมาร่วมวงกันเพ่ือจิบน้ าชายามบ่าย โดยชาที่ดื่มจะเป็นชาอาหรับ หรือชาด าไม่ใส่นม แต่อาจใส่เครื่องเทศบางอย่าง

ตัวอย่างการนั่งรับประทานอาหารของชาวซาอุดีแบบด้ังเดิม

อาหารประจ าชาติ

อาหารหลัก (Staple foods) ของชาวซาอุดี ได้แก่ ถั่วปากอ้า (Fava) ข้าว ข้าวสาลี โยเกิร์ต อินทผลัม และไก่ ส่วนเมนูอาหารประจ าถ่ิน ได้แก่ คับซะ (Kabsa) หรือข้าวหมกแบบซาอุดี ชะวัรมา (Shawarma) หรือเนื้อย่างคล้ายคะบับ (Kabab) มีทั้งเนื้อแกะ เนื้อไก่ และเนื้อวัว โดยทั่วไปมักรับประทานกับสลัดตาบูเลห์ (Tabouleh) สลัดฟัตตุช (Fattoush) หรือห่อด้วยแป้งแบน (Fatir) มูตาบแบค (Mutabbaq) หรือมะตะบะ ฟาลาเฟล (Falafel) หรือถั่วปากอ้าบดทอด เป็นอาหารทานเล่นของชาวซาอุดี ทั้งนี้ อาหารที่ชาวซาอุดีรับประทานแทบทุกมื้อ คือ ขนมปังไร้เชื้อแบบอาหรับ เรียกว่า โค๊บซ (Khobz) ซึ่งจะใช้ห่อหุ้มอาหารแทนจาน และตักอาหารแทนช้อนส้อม

ตัวอย่างอาหารประจ าถ่ินของซาอุดีอาระเบีย: คับซะ (ซ้าย) และชะวัรมา (ขวา)



ตัวอย่างอาหารประจ าถ่ินของซาอุดีอาระเบีย: สลัดตาบูเลห์ (ซ้าย) และสลัดฟัตตุช (ขวา)

ตัวอย่างอาหารประจ าถ่ินของซาอุดีอาระเบีย: มูตาบแบค (ซ้าย) และฟาลาเฟล (ขวา)

ตัวอย่างขนมปังไร้เชื้อโค๊บซ อาหารที่ชาวซาอุดีต้องรับประทานแทบทุกมื้อ

กิจกรรม สันทนาการ

ฟุตบอลจัดเป็นกีฬาประจ าชาติของซาอุดีอาระเบีย โดยมีทีมชาติที่สามารถเข้าไปร่วมแข่งขันในระดับโลกได้ อย่าง FIFA W orld Cup และนักเตะฟุตบอลชาวซาอุดีหลายคนยังสามารถไปร่วมเล่นให้กับทีมฟุตบอลฝั่งยุโรป นอกจากนี้ ชาวซาอุดียังชื่นชอบการเล่นบาสเก็ตบอลด้วย ทั้ งนี้ กิจกรรมที่ เกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ถือเป็นเรื่องต้องห้ามในซาอุดีอาระเบีย เช่น การยิงนก การตกปลา ส่วนกิจกรรมสันทนาการประเภทอ่ืนที่ชาวซาอุดีนิยม ได้แก่ Al Sihba หรือการขับบทกวีประกอบเพลงพ้ืนเมือง Al Ardha หรือการร าดาบ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมจากยุคเบดูอิน (Bedouin) และกลายเป็นการเต้นร าประจ าชาติไปแล้ว



ตัวอย่างกิจกรรมการร าดาบของชาวซาอุดี

วันหยุด นักขัตฤกษ์

วันตรุษอีดิลฟิตรี (Eid Al-Fitr) ตรงกับวันที่ 1 เดือนเชาว้าล (Shawwal) หรือเดือนที่ 10 ตามปฏิทินอิสลาม เป็นเทศกาลสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยทั่วไปหยุด 6 วัน วันตรุษอีดิลอัฎฮา (Eid Al-Adha) ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุ้ลฮิจญะห์ (Dhul-Hijjah) หรือเดือนที่ 12 ตามปฏิทินอิสลาม เป็นเทศกาลประกอบพิธีฮัจญ์ โดยทั่วไปหยุด 10 วัน วันชาติ ตรงกับวันที่ 23 กันยายน

ทั้งนี้ ปฏิทินอิสลาม หรือปฏิทินฮิจญ์เราะฮ์ (Hejira Calendar) เป็นระบบปฏิทินจันทรคติ (Lunar calendar) โดยหนึ่งปีจะมี 354 หรือ 355 วัน ประกอบด้วย

เดือนที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ จ านวนวัน 1 มุฮัรรอม Muharram 30 المحرّم 2 ซอฟัร Safar 29 صفر 3 ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล Rabi' I األوّل ربيع 30 4 ร่อบีอุซซานีย์ Rabi' II الثاني ربيع 29 5 ญะมาด้ิลอูลา Jumada I األولى جمادى 30 6 ญะมาดิซซานีย ์ Jumada II الثانية جمادى 29 7 เราะญับ Rajab 30 رجب 8 ชะอ์บาน Sha'aban 29 شعبان 9 เราะมะฎอน Ramadan 30 رمضان 10 เชาว้าล Shawwal 29 شوّال 11 ซุ้ลเกาะอ์ดะห์ Dhu al-Qi'dah القعدة ذو 30 12 ซุ้ลฮิจญะห์ Dhu al-Hijjah الحّجة ذو 29/30



ข้อมูลอ้างอิง: 1. บินมูซา. (กันยายน 2554). จรรยามารยาทในการทักทายกันในอสิลาม (ออนไลน์). สืบค้นจาก

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=746411 2. โพสท์จัง. (ม.ป.ป.). เครื่องแต่งกายชายอาหรับและส่วนประกอบ (ออนไลน์). สืบค้นจาก

http://board.postjung.com/686489.html 3. Advameg, Inc. (ND). Culture of Saudi Arabia (Online). Retrieved from http://www.everyculture.com/Sa-

Th/Saudi-Arabia.html 4. Wikipedia. (Last modified in May 2014). Culture of Saudi Arabia (Online). Retrieved from

http://en.wikipedia.org/wiki/Culture_of_Saudi_Arabia 5. Wikipedia. (Last modified in May 2014). Islamic calendar (Online). Retrieved from

http://en.wikipedia.org/wiki/Islamic_calendar

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=746411

http://board.postjung.com/686489.html

http://www.everyculture.com/Sa-Th/Saudi-Arabia.html

http://www.everyculture.com/Sa-Th/Saudi-Arabia.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Culture_of_Saudi_Arabia

http://en.wikipedia.org/wiki/Islamic_calendar

ข้อมูลเบื้องต้น · 2018-10-18 ·...

Documents