สมมติฐานทางสถิติ (statistical hypothesis) 2hypothesis.pdf ·...
TRANSCRIPT
สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis)
สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis)
2
เป็นสมมติฐานที่ใช้ในการทดสอบค่าทางสถิติ ซึ่งจะอธิบายในรูปของสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ (การคำนวณค่าใดๆ ถ้าข้อมูล ที่ได้มาจากกลุ่มตัวอย่าง จะเรียกว่า ค่าสถิติ แต่ถ้าข้อมูล ที่ได้มาจากประชากร ทั้งหมด จะเรียกว่า (ค่าพารามิเตอร์)
สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis)
3
ค่าพารามิเตอร์ (Parameter) คือ ค่าต่างๆ ของประชากร เช่น ค่าเฉลี่ย , ค่าส่วนเบียงเบนมาตรฐาน และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ดังตารางแสดงสัญลักษณ์เปรียบเทียบระหว่างค่าสถิติที่ใช้กับกลุ่มตัวอย่าง กับค่าพารามิเตอร์ที่ใช้ กับประชากรทั้งหมด €
(µ)
€
(σ )
€
(ρ)
สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis)
4
แสดงสัญลักษณ์เปรียบเทียบระหว่างค่าสถิติ กับ ค่าพารามิเตอร์
€
(σ )
สถิติที่ใช้ ค่าสถิติ (กลุ่มตัวอย่าง)
ค่าพารามิเตอร์ (ประชากรทั้งหมด)
ค่าเฉลี่ย (Mean)
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
S ค่าความแปรปรวน (Variance)
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพนธ์ (Correlation) r ค่าสัดส่วน (Proportion)
P
€
X
€
2S€
µ
€
σ
€
2σ
€
ρ
€
π
€
สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis)
5
แบ่งได้เป็นน 2 ประเภท ได้แก่
1. สมมติฐานหลัก (Null Hypothesis) 2. สมมติฐานรอง (Alternative Hypothesis)
สมมติฐานหลัก (Null Hypothesis) : H0
6
ตัวอย่างคำอธิบายสัญลักษณ์ของสมมติฐานหลัก เช่น
€
0H : รายได้เฉลี่ยของชาวนาเท่ากับรายได้เฉลี่ยของชาวสวน
หรือ
€
0H : รายได้เฉลี่ยของชาวนาและชาวสวนไม่แตกต่างกัน
€
0H :1
µ =2
µ
กรณีค่าเฉลี่ยของประชากร 2 กลุ่ม ไม่แตกต่างกัน
สมมติฐานหลัก (Null Hypothesis) : H0
7
ตัวอย่างคำอธิบายสัญลักษณ์ของสมมติฐานหลัก เช่น
€
0H : ระดับรายได้เฉลี่ยไม่มีความสัมพันธก์ับอาชีพชาวนาและชาวสวน
หรือ
€
0H : ระดับรายได้เฉลี่ยไม่ขึ้นอยู่กับอาชีพชาวนาและชาวสวน
€
0H : ρ = 0
กรณีความสัมพันธ์เท่ากับศูนย์ หรือ ตัวแปรไม่มีความสัมพันธ์กัน
สมมติฐานรอง (Alternative Hypothesis) : H1
8
สมมติฐานรองหรือสมมติฐานทางเลือก เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ H1 เป็นสมมติฐานที่จะเขียนไม่ให้มีความหมายเหมือน หรือเขียนให้มีความหมายตรงกันข้ามกับสมมติฐานหลัก สมมติฐานรองหรือสมมติฐานทางเลือก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. สมมติฐานแบบไม่ระบุทิศทาง 2. สมมติฐานแบบระบุทิศทาง
สมมติฐานรอง (Alternative Hypothesis) : H1
9
€
0H :1
µ =2
µ
1. สมมติฐานแบบไม่ระบุทิศทาง (Non-directional Hypothesis)
€
1H :1
µ ≠2
µ(สมมติฐานหลัก)
(สมมติฐานรองแบบไม่ระบุทิศทาง)
€
1H : ρ ≠ 0
หรือ
€
0H : ρ = 0 (สมมติฐานหลัก)
(สมมติฐานรองแบบไม่ระบุทิศทาง)
สมมติฐานรอง (Alternative Hypothesis) : H1
10
€
0H :1
µ ≤2
µ2. สมมติฐานแบบระบุทิศทาง (Directional Hypothesis)
(สมมติฐานหลัก)
เป็นสมมติฐานรองที่จะเขียนไม่ให้มีความหมายแบบระบุทิศทาง โดยต้องเขียนระบุให้ค่าใดค่าหนึ่งมีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่าอีกค่าหนึ่ง
ในที่นี้ สมมติฐานหลัก H0 กำหนดให้มีความหมายว่า ค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 1 มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 2 ดังนั้นสมมติฐานรองแบบระบุทิศทางในกรณีนี้ จะต้องเขียนระบุทิศทางที่ตรงกันข้ามดังนี้
€
1H :1
µ >2
µ (หมายถึง ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 1 มากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 2)
สมมติฐานรอง (Alternative Hypothesis) : H1
11
€
0H :1
µ ≥2
µ2. สมมติฐานแบบระบุทิศทาง (Directional Hypothesis)
(สมมติฐานหลัก)
ในที่นี้ สมมติฐานหลัก H0 กำหนดให้มีความหมายว่า ค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 1 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 2 ดังนั้นสมมติฐานรองแบบระบุทิศทางในกรณีนี้ จะต้องเขียนระบุทิศทางที่ตรงกันข้ามดังนี้
€
1H :1
µ <2
µ (หมายถึง ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 1 น้อยกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 2)
หลักเกณฑ์สำคัญของการเขียนสมมติฐานทางสถิติ
12
€
0H :1
µ =2
µ1. สมมติฐานหลัก (H0) จะต้องเขียนให้ค่าพารามิเตอร์ หรือ ต้องมีเครื่องหมายเท่ากับ (=) เสมอ เช่น (เท่ากับ) หรือ (มากกว่าหรือเท่ากับ) หรือ (น้อยกว่าหรือเท่ากับ)
€
0H :1
µ ≥2
µ
€
1H :1
µ ≠2
µ
€
1H :1
µ <2
µ
€
0H :1
µ ≤2
µ
2. สมมติฐานรอง (H1) จะต้องเขียนให้ค่าพารามิเตอร์ไม่ซำ้กับสมมติฐาน หลัก (H0) หรือ ต้องใส่เครื่องหมายต่อไปนี้เสมอ เช่น (ไม่ระบุทิศทาง) (ระบุทิศทาง) หรือ (ระบุทิศทาง)
€
1H :1
µ >2
µ
ความสัมพันธ์ของการตั้งสมมติฐานการวิจัยกับสมมติฐานทางสถิติ
13
€
0H :µ ≠ 2,000
สมมติฐานการวิจัย : คนไทยมีรายได้เฉลี่ยปีละ 2,000 บาท สมมติฐานทางสถิติ (สมมติฐานหลัก) สมมติฐานทางสถิติ (สมมติฐานรอง)
อธิบาย สมมติฐาน (H0) ให้ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 2,000 บาท ส่วนสมมติฐานรอง (H1) จะให้ค่าเฉลี่ย ไม่เท่ากับ 2,000 บาท จึงเป็นการตั้งคำถามแบบไม่ระบุทิศทาง กรณีตัวอย่างนี้ สมมติฐานหลัก (H0) ตั้งเป็นสมมติฐานการวิจัย
€
0H :µ = 2,000
ความสัมพันธ์ของการตั้งสมมติฐานการวิจัยกับสมมติฐานทางสถิติ
14
สมมติฐานการวิจัย : เพศชายและเพศหญิงใช้เวลาในการรับประทานอาหารไม่แตกต่างกัน สมมติฐานทางสถิติ (สมมติฐานหลัก) สมมติฐานทางสถิติ (สมมติฐานรอง)
อธิบาย สมมติฐาน (H0) ให้ค่าเฉลี่ยของเพศชายเท่ากับเพศหญิง (เท่ากับคือไม่แตกต่าง) สมมติฐานรอง (H1) จะให้ความหมายที่ตรงกันข้าม คือ ค่าเฉลี่ยของเพศชายไม่เท่ากับเพศหญิง จึงเป็นการตั้งสมมติฐานแบบไม่ระบุทิศทาง กรณีตัวอย่างนี้ สมมติฐานหลัก (H0) ตั้งเป็นสมมติฐานการวิจัย
€
1H :Men
µ ≠Wemen
µ
€
0H :Men
µ =Wemen
µ
ความสัมพันธ์ของการตั้งสมมติฐานการวิจัยกับสมมติฐานทางสถิติ
15
สมมติฐานการวิจัย : เพศชายใช้เวลาในการรับประทานอาหารน้อยกว่าเพศหญิง สมมติฐานทางสถิติ (สมมติฐานหลัก) สมมติฐานทางสถิติ (สมมติฐานรอง)
อธิบาย การตั้งสมมติฐานลักษณะนี้เป็นแบบระบุทิศทาง ซึ่งระบุไว้ว่าเพศชายใช้เวลาในการรับประทานอาหารน้อยกว่าเพศหญิง ในกรณีนี้สมมติฐานหลัก (H0) ไม่สามารถตั้งให้เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยได้ ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่า การตั้งสมมติฐานหลัก (H0) จะต้องมีเครื่องหมายเท่ากับ (=) ร่วมอยู่ด้วยเสมอ แต่สมมติฐานการวิจัย ตามตัวอย่างนี้ไม่มีความหมายเท่ากับ (ไม่แตกต่าง) อยู่เลย ดังนั้น สมมติฐานการวิจัยจึงเป็นสมมติฐานรอง (H1) แทน แล้วให้สมมติฐาน (H0) เป็นในส่วนตรงกันข้าม ซึ่งมีความหมายว่า เพศชายใช้เวลาในการรับประธานอาหารมากกว่า หรือเท่ากับเพศหญิง
€
1H :Men
µ <Wemen
µ
€
0H :Men
µ ≥Wemen
µ
สมมติฐานการวิจัยที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้ ไม่สามารถนำมา ทดสอบสมมติฐานได้ด้วยตัวของมันเอง การทดสอบสมมติฐาน ทางสถิติเป็นตัวทดสอบแทน ดังนั้นการตั้งสมมติฐานการวิจัยและ สมมติฐานทางสถิติจึงต้องมีความสัมพันธ์กัน เพราะท้ายที่สุด ผู้วิจัย จะต้องสรุปให้ได้ว่าผลการวิจัยที่ออกมานั้นเป็นไปตามสมมติฐาน การวิจัยที่ตั้งไว้หรือไม่
16