แผนการสอนที่ 16 · web viewการเคล อนท ของ...

46
แแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแ 4/15 แแแแ…………………………………………………………………… แแแ แแแ………………….… แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ 1. ไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไ 1………………………………….…………… 2……………………………………………….. 3………………………………..……………… 2. ไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไ ไไไ………………………….………………………… ไไไไไไไไไไไไไไไไ ไไไ…………………………………………………………….……………… 3. ไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไ 2 ไไไไไไไ 3.1…………………………………ไไไไไไไไ……………..ไไ ไไไไไไไไไ…………………………. ………………………………………………………………………………….…… ……….. 3.2 …………………………………ไไไไไไไไ……………..ไไไไไไไไ ไไไ…………………...……… ………………………………………………………………………………………………… .. 4. ไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไ ไไไไไไไไไไไไ………ไไไไไไไไ……..………. ไไไไไไไ………………………ไไไไไไไไไไไไไไไไ ไไไไ………………ไไไไไไไไไไไไไไไไไ…….……. 5. ไไไไไไไไไไไไไไไไไไไไ……………………………………………ไไไ ไไไไไไไไไไไไไไไ

Upload: others

Post on 27-Oct-2020

3 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

แบบทดสอบเก็บคะแนนเรื่อง การเคลื่อนท่ีของสิง่มชีวีติ ชัน้มธัยมศึกษาปีท่ี

4/15

ชื่อ……………………………………………………………… เลขท่ี…… ………………….…

การเคลื่อนท่ีของอะมบีา จงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. ไซโทสเกเลตอนประกอบด้วยหน่วยยอ่ยคือ 1………………………………….…………… 2……………………………………………….. 3………………………………..………………2. โครงสรา้งท่ีใชใ้นการเคล่ือนท่ีของอะมบีาคือ………………………….………………………… ซึ่งเกิดจาการไหลของ…………………………………………………………….………………3. ไซโทพลาซมึของอะมบีาม ี2 สว่นคือ 3.1…………………………………เรยีกวา่……………..มีลักษณะคือ…………………………. ………………………………………………………………………………….…………….. 3.2 …………………………………เรยีกวา่……………..มีลักษณะคือ…………………...……… …………………………………………………………………………………………………..4. ในขณะที่เกิดเท้าเทียมมลัีกษณะการไหลของไซโทพลาซมึด้าน ไหลไปแทน……… ……..………. ด้านนอก ทำาใหโ้ซลเปล่ียน………………………เป็น และเจลเปล่ียนเป็น……………… …….…….

Page 2: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

5. โปรตีนแอกทินพบอยู่ใน การแยกและรวมตัว……………………………………………ของ โปรตีนแอกทินมผีลต่อการเปล่ียนแปลงของไซโทพลาซมึคือทำาให…้…………………….……. ……………………………………………………………………………………….………………

การเคลื่อนท่ีของ พารามเีซยีม ยูกลีนาจงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. โครงสรา้งท่ีพารามเีซยีมใชใ้นการเคล่ือนที่คือ …………………………………………………… และโครงสรา้งที่ยูกลีนาใชใ้นการเคล่ือนที่คือ ……………………………………………………2. ซเีลียและแฟลเจลลัมมโีครงสรา้งองค์ประกอบคล้ายกันแต่มีความแตกต่างกันด้าน 2.1………………………………………ลักษณะคือ…………………...………………………… …………………………………………………………………...……………………………….. 2.2………………………………………ลักษณะคือ…………………………...………………… ………………………………………………………………………...…………..……………….3.ซเีลียและแฟลเจลลัมมโีครงสรา้งองค์ประกอบท่ีเป็นแกนสำาคัญคือ 3.1………..………….………..3.2………….……………….3.3…………………………………4. เบซลับอดีพบท่ี………………………..…………..มรีหสัไมโครทบููลเป็น……………………….5. บรเิวณท่ีเป็นสว่นหางของแฟลเจลลัมมรีหสัไมโครทบููลเป็น……………………………………..

Page 3: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

6. ไดนีนอารม์ประกอบด้วย…………………….…………..มีความสำาคัญอยา่งไรต่อไมโครทบููลคือ ………………………………………………………….…………………………………………. ไมโครทบููลมโีปรตีนใดเป็นสว่นประกอบ……………………..………………………………….7. การบงัคับใหไ้มโครทบููลโค้งงอต้องอาศัยสารท่ีใหพ้ลังงานคือ……………..…………………….8. ถ้าตัดเบซลับอดีออกจะมผีลอยา่งไร……………………………………..………………………..

แมงกระพรุนจงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. แมงกระพรุนมโีครงสรา้งใดบา้งท่ีสำาคัญ……………………...…………………………….......... …………………………………………………………………………………………..…………2. นำ3าสามารถเขา้สูร่า่งกายแมงกระพรุนทาง………………..และเขา้ไปอยูใ่นชอ่ง………….……… 3. เนื3อเยื่อใดของแมงกระพรุนท่ีทำาหน้าท่ีคล้ายกล้ามเนื3อของสตัวช์ั 3นสงู……………………………………………………………………………………………………………….……………………4 .การหดตัวสลับกันของเนื3อเยื่อผนังลำาตัวและเนื3อเยื่อขอบกระดิ่งทำาให้ ชอ่งแกสโตรวาสคิวลารม์ขีนาด…………………….…แล้วมผีลทำาให…้…………..ดันนำ3าออกมา5. แรงท่ีทำาใหแ้มงกระพรุนเคล่ือนท่ีไปเกิดจาก……………………………….……………………..

Page 4: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

6. โครงสรา้งหลักท่ีแมงกระพรุนใชใ้นการเคล่ือนที่คือเนื3อเยื่อ 6.1………………………………………….6.2……………………..…………………………..

หมกึ1. หมกึมโีครงสรา้งใดบา้งท่ีสำาคัญต่อการเคล่ือนที่………………………..………………………… …………………………………………………………………………...………………………..2. โครงสรา้งหลักท่ีหมกึใชใ้นการเคล่ือนท่ีคือ…………………………..…………………………..3. หมกึเคล่ือนท่ีเดินหน้าหรอืถอยหลังโดยบงัคับ………………………..…………………………..4. หมกึนำานำ3าเขา้ทางชอ่งทางใด…………………………………………….………………………..5. การพน่นำ3าออกทางไซฟอ่นใชก้ารทำางานของ…………………………………..…………………6. จากการดภูาพเคล่ือนไหวครบีของหมกึชว่ยในการเคล่ือนที่หรอืไม่อยา่งไร……………………. ……………………………………………………………………………………..……………….7.แรงท่ีทำาใหห้มกึเคล่ือนท่ีไปเกิดจาก………………………………………………….……………

8. มปีัจจยัใดบา้งที่เกี่ยวขอ้งกับการเคล่ือนที่ของหมกึตอบเป็นขอ้ๆ………………………...………. ………………………………………………………………………………………….………….

Page 5: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

ดาวทะเล1. ดาวทะเลมโีครงสรา้งระบบหลักที่เกี่ยวกับการนำานำ3าเขา้สูร่า่งกายคือระบบ ……………………… ในรา่งกายซึ่งประกอบด้วย……………………………………………...…………………………2. ดาวทะเลนำานำ3าเขา้ทางชอ่งทางใด…………………………………………...……………………3. โครงสรา้งหลักของ ดาวทะเลที่ใชใ้นการเคล่ือนท่ีคือ……………………………………………4. การยดืตัวของทิวบฟ์ทีเกิดจากการหดตัวของ………………………………………..ทำาใหช้อ่งใน แอมพูลลามขีนาด……………….…เกิด………..………….ดันให้ เขา้สูทิ่วบฟ์ที…………………5. ลิ3นที่แอมพูลลาสำาคัญอยา่งไร………………………………..…………………………………… ขณะทิวบฟ์ทียดืตัวลิ3นท่ีแอมพูลลาจะ……………………………………………………………… ขณะทิวบฟ์ทีหดสั3นลิ3นท่ีแอมพูลลาจะ…………………………………….……………………….

ไสเ้ดือนดินจงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. โครงสรา้งหลักท่ีไสเ้ดือนดินใชใ้นการเคล่ือนที่ของรา่งกายคือ 1.1…………………………………………….. 1.2……………………………….……………..2.โครงสรา้งประกอบอ่ืนที่ไสเ้ดือนดินใชใ้นการเคล่ือนที่คือ………………………………………..

Page 6: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

4. จากภาพเคล่ือนไหวขณะปล้องลำาตัวยดืออกกล้ามเนื3อวง…….…..กล้ามเนื3อตามยาว……………... ขณะปล้องลำาตัวยดืหดเขา้กล้ามเนื3อวง…….………….กล้ามเนื3อตามยาว……………....................5. ปากจกิดินขณะลำาตัว……………………………….………………………………………………6. เดือยจกิดินขณะลำาตัว ……………………………………………………………………………..7.ลักษณะการทำางานแบบสภาวะตรงขา้ม ( antagonism )องค์ประกอบคือ ต้องมกีล้ามเนื3อ ชุดๆหนึ่ง……… ……………..อีกชุดจะ และต้องเกิดพรอ้มกัน …………………

แมลงจงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. โครงสรา้งหลักท่ีแมลงใชใ้นการเคล่ือนที่ของรา่งกายคือ 1.1………………..………………………….. 1.2……………………………………………..2 . กล้ามเนื3อที่ใชใ้นการขยบัขาคือ…………………………………และ…………………………….3. . ถ้าขาแมลงงอเขา้กล้ามเนื3อเฟล็กเซอร…์…………………กล้ามเนื3อเอ็กเทนเซอร…์…………..... ถ้าขาแมลงเหยยีดออกกล้ามเนื3อเฟล็กเซอร…์……………กล้ามเนื3อเอ็กเทนเซอร…์……………..4. ถ้าแมลงกระโดดกล้ามเนื3อเฟล็กเซอร์ กล้าม……………………เนื3อเอ็กเทนเซอร…์…………...… ถ้าแมลงเกาะอยูก่ับที่กล้ามเนื3อเฟล็กเซอร์ กล้าม………………เนื3อเอ็กเทนเซอร…์……………...

Page 7: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

5. กล้ามเนื3อที่ใชใ้นการขยบัปีกคือ…………………………………และ……………………….……6 . ถ้าปีกแมลงยกขึ3นกล้ามเนื3อยดึเปลือกหุม้อก……………….กล้ามเนื3อตามยาว…………………... ถ้าปีกแมลงขยบัลงกล้ามเนื3อยดึเปลือกหุม้อก……………….กล้ามเนื3อตามยาว……….………….7.การทำางานของกล้ามเนื3อที่ปีกและขาจดัเป็นการทำางานของกล้ามเนื3อแบบ……………….………..

การเคลื่อนท่ีของ ปลา นก เสอืชต้ีา จงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. โครงสรา้งหลักท่ีปลาใชใ้นการเคล่ือนท่ีของรา่งกายคือกล้ามเนื3อ 1.1………………………………………….. 1.2…………………………….……………..2 . ถ้าลำาตัวปลาโค้งเขา้กล้ามเนื3อตรงนั3นจะ…………………….……………………………………. ถ้าลำาตัวปลาโค้งออกกล้ามเนื3อตรงนั3นจะ……………………………...………………………….3. การหดและคลายตัวของกล้ามเนื3อลำาตัวของปลาเกิดลักษณะแบบใด……….…….……………..... ………………………………………………………………………………..…………………….4. ปลาลดแรงเสยีดทานขณะวา่ยนำ3าโดย………………………………………...……………………5. ปลาใชป้ระโยชน์จากครบีในด้านใดบา้ง………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………6. โครงสรา้งหลักท่ีนกใชใ้นการบนิคือกล้ามเนื3อ 1.1……………………..…………………. 1.2………………………..…………………..

Page 8: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

7. ถ้าปีกนกยกขึ3นกล้ามเนื3อยดึยกปีก……………….……...กล้ามเนื3อกดปีก……….……………….. ถ้าปีกนกขยบัปีกลงกล้ามเนื3อยดึยกปีก………………….กล้ามเนื3อกดปีก…….………………..…8. ขนมปีระโยชน์อยา่งไรต่อการบนิของนกตามหลักฟสิกิส์ ……………………...……………………………………………………………………………………………………..……………………ความเรว็ของอากาศท่ีผ่านปีกด้านบนจะ………………..……..ด้านล่างของปีกทำาใหค้วามดันอากาศด้านบนของปีก……………..…………….ด้านล่างทำาให้เกิด……………..……..……….ท่ีใต้ปีกนก9.การท่ีเสอืชต้ีาก้าวเท้าขณะวิง่ได้ยาวเพราะการโค้งงอ

ของ………….………………………..ได้มาก

ระบบโครงกระดกูจงเติมคำาลงในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์

1. กระดกูแกน (axial skeleton) และกระดกูรยางค์(appendicular skeleton) ของคน

กระดกูแกนม…ี…………...ชิ3นได้แก่………………………………………………………………………………………………………………………………………………

กระดกูรยางค์มี ชิ3น……………ได้แก่………………………………………………………………………………..................................................................................................

กระดกูซีโ่ครงม…ี………….คู่ กระดกูซีโ่ครงลอยมลัีกษณะคือ………………………………………………...……………………..……………………………………………………………..……….…..เป็นกระดกูซีโ่ครงคู่

Page 9: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

2.ขอ้ต่อท่ีเคล่ือนท่ีได้ดีพบท่ี…….……………………………………………………………………3.ขอ้ต่อท่ีเคล่ือนท่ีได้เล็กน้อยพบท่ี…………………………………………………………………4. ขอ้ต่อแบบบานพบัพบท่ี…………………………………………………………………………… ทำาใหอ้วยัวะนั3นเคล่ือนท่ีได้ทิศทางๆใดบา้ง……………………………………………….............5. ขอ้ต่อแบบลกูกลมในเบา้พบท่ี…………………………………………………………………… ทำาใหอ้วยัวะนั3นเคล่ือนท่ีได้ทิศทางๆใดบา้ง…………………………………………………..........

6. ขอ้ต่อ แบบเดือยท่ีแขนพบท่ี……………………………………………………………………… ขอ้ต่อแบบเดือยท่ีทำาใหอ้วยัวะนั3นเคล่ือนท่ีได้หลายทิศทางพบ

Page 10: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

ท่ี……………………….……......... ขอ้ต่อแบบอานมา้พบท่ี ทำาใหอ้วยัวะนั3นเคล่ือนที่ได้ทิศ……………ทางๆใดบา้ง…………………

ระบบกล้ามเน้ือตารางเปรยีบเทียบกล้ามเน้ือ 3 ชนิด

สิง่เปรยีบเทียบ กล้ามเน้ือลาย กล้ามเน้ือเรยีบ กล้ามเน้ือหัวใจ1. รูปรา่ง

ลักษณะของเซลล์

2. นิวเคลียสต่อเซลล์

3. ควบคมุการทำางานโดยระบบ

4. ตำาแหน่งที่พบ

5. ลักษณะทำางาน

จงตอบคำาถามต่อไปน้ี1. หมอนรองกระดกูเป็นกระดกูชนิด................................พบท่ี.........................มปีระโยชน์คือ ...........................................................................................................................................................

Page 11: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

2. ขอ้ต่อระหวา่งนิ3วมอืและนิ3วเท้าจะพบสว่นที่สำาคัญ 3 อยา่งคือ 1......................2......................... 3....................... ถ้าทั3ง 3 สว่นเกิดผิดปกติจะเกิดอะไรขึ3น..........................................................................................................................................................................................................................3. คำาวา่ muscle หมายถึง.........................................ประกอบด้วย....................................................... จำานวนมากคำาวา่ muscle fiber หรอื muscle cell หมายถึง............................................................. ประกอบด้วย…...................จำานวนมากคำาวา่ myofibril หมายถึง................................................. ประกอบด้วย microfilament คือโปรตีนท่ีสำาคัญ.............ชนิดคือ..........................และ..................4. จงระบุชื่อองค์ประกอบของ myofibril ลงในภาพ

6. จงวาดภาพแสดงลักษณะการจดัเรยีงตัวของโปรตีนแอกทินและไมโอซนิใน myofibril ขณะกล้ามเน้ือหดตัวทำางาน เมื่อเปรยีบเทียบจากรูปในขอ้ท่ี5 กล้ามเนื3อยงัไมห่ดตัว

Page 12: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

7.การหดตัวทำางานของกล้ามเนื3อต้องอาศัยไอออนของธาต.ุ............................................................... และสารท่ีใหพ้ลังงานคือ..................................................................................................................8.แขนงอเขา้ กล้ามเนื3อไบเซพ.................................................กล้ามเนื3อไตรเซพ...............................9.แขนยื่นออกกล้ามเนื3อไบเซพ................................................กล้ามเนื3อไตรเซพ...............................10. เอ็นยดึกระดกูยดึ ( tendon )ยดึระหวา่ง........................................กับ........................................... ถ้าเอ็นยดึกระดกูขาดจะมผีลคือ......................................................................................................

แบบทดสอบเก็บคะแนนเรื่อง ระบบประสาทและอวยัวะรบัความรูส้กึ ชัน้

มธัยมศึกษาปีท่ี 4/15

Page 13: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

ชื่อ……………………………………………………………… เลขท่ี…… ………………….…

การรบัรูแ้ละการตอบสนองต่อสิง่เรา้ของ สิง่มชีวีติเซลล์เดียว และ สตัวบ์า ง ชนิด

1. การรบัรูแ้ละตอบสนองโดยทัว่ไปประกอบด้วย………….แนวทางคือ1.1 สิง่เรา้ ................................. ............................... ........................... .......................

การตอบสนอง 1.2 สิง่เรา้ ............................. ............................... ........................... . การตอบสนอง2. สิง่เรา้คือ......................................................................แบง่เป็น 2.1.......................ได้แก่............... .................................................2.2................................ได้แก่……………………….................. หน่วยรบัความรูส้กึได้แก่.............................................................................................................. หน่วยแปลความรูส้กึได้แก่............................................................................................................ หน่วยสัง่การได้แก่......................................................................................................................... หน่วยปฏิบติังาน

Page 14: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

ได้แก่.................................................................................................................. การตอบสนองคือ...........................................................................................................................3. ถ้านักเรยีนเหน็สนัุขแยกเขี3ยวและวิง่เขา้มานักเรยีนจะตกใจ หวัใจเต้นเรว็และวิง่หนีทันที สิง่เรา้คือ..................................................... หน่วยรบัความรูส้กึคือ............................................... หน่วยแปลความรูส้กึคือ........................................................หน่วยสัง่การคือ............................... หน่วยปฏิบติังานคือ............................................................. การตอบสนองคือ.............................4. ระบบที่ควบคมุการทำางานของรา่งกายและทำางานประสานกันคือ 2.1……………...2.2……..……5. เติมหมายเลขโครงสรา้งที่พบในสตัวนั์3นลงไปในชอ่งด้านขวามอื ( อาจมากกวา่หน่ึงหมายเลข )

1. เสน้ใยประสานงาน( coordinating fiber ) พารามเีซี่ยม …… …………………….

2. รา่งแหประสาท ( nerve net ) พลานาเรยี……………………………

3. ปมประสาท ( ganglian ) ไฮดรา………….….…………………

4. เซลล์ประสาทฟองนำ3า……………….………………

5. เสน้ประสาทแบบวงแหวน ( nerve ring )แมลง………………………………..

Page 15: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

6. เสน้ประสาทแบบขั3นบนัได ( nerve ladder ) ไสเ้ดือน………………………………

7. สมอง ( brain ) คน........................................................

8. เสน้ประสาท ( nerve cord )9. ไขสนัหลัง ( spinal cord )

6. ปมประสาท คือ…………………………………………………….…………………………7. เสน้ประสาทคือ.........................................................................................................................8. จงเปรยีบเทียบระบบประสาทของ ไฮดรา และ พลานารยี ตามตารางนี3

ขอ้เปรยีบเทียบ ไฮดรา พลานาเรยีโครงสรา้งระบบประสาทประกอบด้วยศูนยส์ัง่การของระบบประสาทการตอบสนองต่อสิง่เรา้เฉพาะอวยัวะ

9. จงเปรยีบเทียบระบบประสาทของ แมลง และไสเ้ดือนดิน ตามตารางนี3

ขอ้เปรยีบเทียบ แมลง ไสเ้ดือนโครงสรา้งระบบประสาทประกอบด้วยศูนยส์ัง่การของระบบประสาท

Page 16: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

การตอบสนองต่อสิง่เรา้เฉพาะอวยัวะ

10. ระบบประสาทของสตัวม์กีระดกูสนัหลัง โครงสรา้งระบบประสาทประกอบด้วย……………………………………...………………… ศูนยส์ัง่การของระบบประสาทคือ ……………………………………………………..……… การตอบสนองต่อสิง่เรา้เฉพาะอวยัวะ…………………………………………..………………11. สมองของสตัวม์กีระดกูสนัหลังพฒันามาจากโครงสรา้งท่ีเรยีกวา่..............................ในขณะที่ เป็นเอ็มบรโิอโดยสมองประกอบด้วย 3 สว่นคือ 1…………………………………2……………………………………3……………...……………12. สมองของสตัวเ์ลี3ยงลกูด้วยนมที่พฒันาดีกวา่สตัวอ่ื์นๆคือสมองสว่น.........................................

เซลล์ประสาท (nerve cell or neuron ) จงบอกชื่อโครงสรา้งต่างๆของเซลล์ประสาทในภาพนี3

Page 17: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

จงจบัคู่ขอ้ความที่สมัพนัธก์ันโดยนำาตัวอักษรหน้าขอ้ความด้านขวามาใสใ่นชอ่งวา่งด้านซา้ยมอื………..7. เยิอ่หุม้ไมอีลิน A. ใยประสาทท่ีนำากระแสประสาทเขา้สูตั่วเซลล์………..8. โนดออฟแรนเวยีร ์ B. เยิอ่หุม้เซลล์ชวนัน์ท่ีพนัหลายชั3นรอบใยประสาทแอกซอน…….….9. Schwann cell C. บรเิวณใยประสาทของแอกซอนท่ีไมม่เียิอ่หุม้ไมอีลิน …….….10. Axon D. ใยประสาทท่ีนำากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์………..11. dendrite E. เซลล์คำ3าจุนพบท่ีใยประสาทของแอกซอน………..12. ตัวเซลล์ F. พบออรแ์กเนลต่างๆเหมอืนเซลล์รา่งกายทัว่ไปจงใชภ้าพด้านล่างนี3ตอบคำาถามขอ้ 13 - 1513. เซลล์ประสาทขั3วเดียว ได้แก่………. พบท่ี……………………………………………………หน้าท่ี……………………………………………………………………………..………………….14. เซลล์ประสาทสองขั3ว ได้แก่ พบ………ท่ี……………………………………..……………หน้าท่ี……………………………………………………………………………..………………….15. เซลล์ประสาทหลายขั3ว ได้แก่…..…… พบท่ี ……………………,……….………………….. หน้าท่ี……………………………………………………………………………..………………….

Page 18: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

จงเติมขอ้ความท่ีถกูต้องลงในชอ่งวา่ง

เซลล์ประสาทรบัความรูส้กึ เซลล์ประสาทสัง่การ เซลล์ประสาทประสานงาน

( Sensory nerve cell ) ( motor nerve cell ) ( association nerve cell )- รบักระแสประสาทจาก - รบักระแสประสาทจาก

- รบักระแสประสาทจาก…….………………………. ………………………….. ……………………………..……………………………. ……………………………. ……………………………..- สง่ต่อกระแสประสาทไปที่ - สง่กระแสประสาทสัง่การไปที -

สง่ต่อกระแสประสาทไปที่………………………….. ……………………………… ………..……………………

- พบท่ี - พบท่ี - พบท่ี…………………………. ……………………………. ………………………………..

- เป็นเซลล์ประสาทกี่ขั 3ว - เป็นเซลล์ประสาทกี่ขั 3ว - เป็นเซลล์ประสาทกี่ขั 3ว…………………………. ……………………………. ………………………………...

- ลักษณะใยประสาท - ลักษณะใยประสาท - ลักษณะใยประสาท

Page 19: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

(ระบุ สั3นหรอืยาว ) (ระบุ สั3นหรอืยาว ) (ระบุ สั3นหรอืยาว ) แอกซอน……………. แอกซอน…………………. แอกซอน………………เดนไดรต์…………….. เดนไดรต์………………… เดนไดรต์………………

การทำางานของเซลล์ประสาทอธบิายและเติมคำาลงไปในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์การเกิดกระแสประสาท1. การวดักระแสประสาทวดัจากค่า………………..……..ท่ีเกิดขึ3น

ในเซลล์หรอืใยประสาทโดยใชเ้ครื่องมอืที่เรยีกวา่...................................................โดยใชป้ลายด้านหน่ึงแตะท่ี……………....................................................สว่นปลายด้านหน่ึงสอดเขา้......................................................

2. เซลล์ประสาทในระยะพกั ( resting stage หรอื polarization )มค่ีาศักยไ์ฟฟา้……...… มลิลิโวลต์3. เซลล์ประสาทในระยะเกิดกระแสประสาท( Depolarization )มค่ีาศักยไ์ฟฟา้…..……มลิลิโวลต์4. เซลล์ประสาทในระยะกลับสูส่ภาพปกติ ( Repolarization ) มค่ีาศักยไ์ฟฟา้……..…มลิลิโวลต์5. Action potential หรอื กระแสประสาท คือ………………………….……………………… ………………………………………………………………………………………………………6. Na - K pump. ทำางานอยา่งไร…………………………………………..………………………

Page 20: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

7. เซลล์ประสาทระยะพกั ( resting stage หรอื polarization) มเีหตกุารณ์ใดเกิดขึ3นบา้งระบุเป็นขอ้ๆ ……………………………………………………………………..………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………8. เซลล์ประสาทระยะเกิดกระแสประสาท ( action potential หรอื depolarization)มเีหตกุารณ์ใดเกิดขึ3นบา้ง ระบุเป็นขอ้ๆ……………………………………….…………....……………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………….…………………………………… ………………………………………………………………………………………………………9. เซลล์ประสาทระยะกลับเขา้สูส่ภาพปกติ ( repolarization )มีเหตกุารณ์ใดเกิดขึ3นบา้งระบุเป็นขอ้ๆ……………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………..………………………….. ……………………………………………………………………………………………………… 10. การเคล่ือนท่ีของกระแสประสาทเกิดได้ 2 แบบคือ 1…………..............2………………...……11. ใยประสาทท่ีไมม่เียื่อไมอีลินกระแสประสาทเคล่ือนท่ีแบบ......................................................... ใยประสาทท่ีมเียื่อไมอีลินกระแสประสาทเคล่ือนท่ีแบบ.............................................................12. ความเรว็ของกระแสประสาทขึ3นอยูก่ับปัจจยัใดบา้งระบุเป็นขอ้ๆ……………………………………………………………………………………………………….

Page 21: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

………………………………………………………………………………………………………

การถ่ายทอดกระแสประสาท1. ออทโต ลอวพิบวา่เมื่อกระตุ้นเสน้ประสาทสมองคู่ท่ี 10 ของกบหวัใจกบจะทำางานชา้ลงเพราะ …………………………………………………………………………………….……………2. สารสื่อประสาทท่ีค้นพบต่อมได้แก่……………………………………………………………… ซึ่งถกูปล่อยออกมาจากปลายใยประสาท ไปสู่……………………ปลายใยประสาท……….….… ของอีกเซลล์ประสาทหน่ึง 3. ไซแนปส(์ synapse )คืออะไร........................................................................................................4. สารสื่อประสาทเก็บอยูใ่น......................................พบท่ีปลายใยประสาท...........................เท่านั3น5. โปรตีนตัวรบัสารสื่อประสาทพบท่ีปลายใยประสาท.....................................................เมื่อรบัสารสื่อประสาทแล้วจะทำาใหช้อ่ง Na+….…….……และทำาให้เกิด...............................................และเมื่อกระแสประสาทถ่ายทอด ผ่านไปแล้วสารสื่อประสาทจะถกูทำาลายโดย …………….……………..เพื่อนำากลับไปใชใ้หม่6. สารที่กระตุ้นใหม้กีารปล่อยสารสื่อประสาทได้แก่……………………………………………….. สารที่ยบัยั3งการปล่อยสารสื่อประสาทได้แก่……………………………..………………………. สารที่ยบัยั3งเอนไซมท์ี่สลายสารสื่อประสาทได้แก่………………………………………………..

Page 22: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

7. ทำาไมถ้าดื่มกาแฟจงึแก้ง่วงได้ …………………………...………………………………………..8. ทำาไมคนไขโ้รคประสาทต้องกินยาระงับประสาทเพราะ …………………………………………

จงระบุสว่นต่างๆบรเิวณ ไซแนปส ์ระหวา่ง เซลล์ประสาท กับ เซลล์ประสาท

โครงสรา้ง ระบบประสา ทสว่นกลาง เติมขอ้ความในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์

1. โครงสรา้งของระบบประสาทแบง่เป็น 2 ระบบคือ 1………………………….……………….....ได้แก่……............และ.................................2…………………………………...…………ได้แก่...................และ................................

2. จากภาพใหร้ะบุโครงสรา้งสว่นต่างๆของสมอง

Page 23: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

3. เยื่อหุม้สมองมี............ชั3นคือ 1……………………ลักษณะ.......................................................... 2……………………ลักษณะ.......................................................... 3……………………ลักษณะ.......................................................... 4. นำ3าเลี3ยงสมองและไขสนัหลังพบท่ีใดบา้ง………………….………………………………………

และมหีน้าท่ี………………………………………………………………

………………………5. เนื3อสมองประกอบด้วย.......................................................................................มากกวา่รอ้ยละ 90 เนื3อสมองสเีทาคือ........................................................................................................................... เนื3อสมองสขีาวคือ..........................................................................................................................

Page 24: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

6. ลักษณะท่ีเด่นชดัของสมองคนท่ีทำาใหฉ้ลาดและเรยีนรูไ้ด้ดีคือ 1……………………2………..…7. สมองคนเราแบง่เป็น..............สว่นคือ 1………………………ประกอบด้วย...................……...... 2……………………..ประกอบด้วย………………...…… 3……………………….ประกอบด้วย...............................8. ก้านสมอง ( brain stem ) ประกอบด้วย...............................................และ..................................... 9. ไขสนัเริม่ตั3งแต่..................................................และไปสิ3นสดุที่………………….………………10. ไขสนัสว่นเนื3อสเีทาคือ....................................................สว่นเนื3อสขีาวคือ...................................

Page 25: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

กิจกรรมต่อไปนี้เก่ียวขอ้งกับสมองสว่นใดและ ลักษณะการ ทำางาน ภายใต้อำานาจจติใจหรอืนอกอำานาจจติใจ

กิจกรรม เก่ียวขอ้งกับสมอง ลักษณะการทำางาน- การดมกล่ิน- การหายใจ- การเต้นของหวัใจ-การทรงตัว- การแยกกระแสประสาท- ความหวิ- การทำางานของกล้ามเนื3อ- การสรา้งฮอรโ์มนประสาท- การเคี3ยว- การหลัง่นำ3าลาย- ความดันเลือด- ความต้องการทางเพศ- การพูดการรบัรูภ้าษา- การได้ยนิ- การจาม การสะอึก- การมองเหน็- การรบัรส- การเคล่ือนไหวของนัยน์ตา

จากภาพจงระบุโครงสรา้งสว่นต่างๆของไขสนัหลัง

Page 26: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

โครงสรา้ง ระบบประสา ทรอบนอก เติมขอ้ความในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. ระบบประสาทรอบนอกประกอบด้วย 1…………………………….. 2…………………………2. เสน้ประสาทสมองมทีั3งหมด................คู่ทำาหน้าที่ได้ 3 แบบคือ 1………….…………………… 2……………………………………………..3………………………………………………………3. เสน้ประสาทสมองท่ีเป็นเสน้ประสาทรบัความรูส้กึคือคู่ท่ี ............................................................. รบัความรูส้กึจากอวยัวะ…………………………...........................................................................4. เสน้ประสาทสมองท่ีเป็นเสน้ประสาทสัง่การคือคู่ท่ี …………..…….. …..................................... สัง่การไปท่ีอวยัวะคือ.....................................................................................................................5. เสน้ประสาทสมองท่ีเป็นเสน้ประสาททั3งรบัความรูส้กึและสัง่การคือคู่ท่ี.........................................6. เสน้ประสาทไขสนัหลังมทัี3งหมด................คู่แบง่เป็นท่ี

Page 27: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

คอ.............คู่ท่ีอก...............คู่ท่ีเอว........คู่. ท่ีกระเบนเหน็บ.................คู่ท่ีก้นกบ....................คู่7. ปมประสาทรากบนเป็นท่ีอยูข่อง ราก……………………………บนทำาหน้าท่ี…………………

รากล่างทำาหน้าท่ี……………………………………..สว่นเนื3อสีเทาคล้ายปีกผีเสื3อด้านบนของไขสนัหลังเรยีกวา่ และสว่นที่อยูด่้านล่างเรยีก…………………………วา่………………………

จากภาพจงระบุโครงสรา้งของเสน้ประสาทไขสนัหลัง

การทดลองการสง่กระแสประสาทของเสน้ประสาทไขสนัหลังของกบ

Page 28: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

การทดลองท่ี 1 : โดยทำาลายสมองกบแล้วใชเ้ขม็แทงขา กบหดขา

วเิคราะห์ : การรบัและสง่กระแสประสาทผ่านรากบนและรากล่างอาจเป็นไปได้ 4 รูปแบบคือ 1. ราก...................ทำาหน้าที่รบักระแสความรูส้กึ ราก..................ทำาหน้าที่สง่กระแสประสาทสัง่การ 2. ราก...................ทำาหน้าที่รบักระแสความรูส้กึ ราก..................ทำาหน้าที่สง่กระแสประสาทสัง่การ 3. ราก...................ทำาหน้าที่ทั3งรบักระแสความรูส้กึและสง่กระแสประสาทสัง่การ 4. ราก...................ทำาหน้าที่ทั3งรบักระแสความรูส้กึและสง่กระแสประสาทสัง่การการทดลองท่ี 2 : ตัดรากล่างแล้วใชเ้ขม็แทงขา กบไมห่ดขา

วเิคราะห์ : การรบัและสง่กระแสประสาทจาก 4 รูปแบบนักเรยีนคิดวา่ควรจะตัดรูปแบบใดและรูปแบบใดที่ไมค่วรตัดทิ3งพรอ้มให้

Page 29: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

เหตผุลประกอบ รูปแบบท่ี1...............เพราะ................................................................................................. ..................................................................................................................................... รูปแบบท่ี2...............เพราะ.................................................................................................. ..................................................................................................................................... รูปแบบท่ี3...............เพราะ................................................................................................. ...................................................................................................................................... รูปแบบท่ี4...............เพราะ................................................................................................. .....................................................................................................................................สรุปเหลือรูปแบบท่ียงัเป็นไปได้คือ...............................................................................................การทดลองท่ี 3 : ตัดรากล่างแล้วใชเ้ขม็แทงจุดท่ี 2 กบหดขา

วเิคราะห์ : รูปแบบใดท่ีควรตัดออกอีก ( จากท่ีเหลือในการทดลองท่ี 2 )

Page 30: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

รูปแบบท่ี...............ตัดออกเพราะ....................................................................................... ...........................................................................................................................................สรุปเหลือรูปแบบท่ียงัเป็นไปได้คือ รูปแบบท่ี..................................เพราะ.................................................................................. .......................................................................................................................................... รูปแบบท่ี..................................เพราะ................................................................................... .........................................................................................................................................การทดลองท่ี 4 : ตัดรากบนแล้วใชเ้ขม็แทงขาหลัง กบไมห่ดขา

วเิคราะห์ : รูปแบบใดท่ีควรตัดออกอีก ( จากท่ีเหลือในการทดลองท่ี 3 ) รูปแบบท่ี...............ตัดออกเพราะ...................................................................................... ...........................................................................................................................................สรุปเหลือรูปแบบท่ียงัเป็นไปได้คือ........................................เพราะ.............................................

Page 31: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

..............................................................................

.........................................................................การทดลองท่ี 5 : ตัดรากบนแล้วใชเ้ขม็แทงจุดท่ี 3 กบหดขา

สรุปเหลือรูปแบบท่ีเป็นไปได้คือ.................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................

การทำางานของระบบประสาทสัง่การ ( ระบบประสาทโซมาติก ) เติมขอ้ความในชอ่งวา่งให้สมบูรณ์1. ระบบประสาทสัง่การประกอบด้วย 2 ระบบคือ

1……………………………(……………………………).ทำางาน............................จติใจ2……………………………(………..……………………….).ทำางาน......................จติใจระบบประสาทโซมาติก ( somatic nerous system = SNS )

2. ระบบประสาทโซมาติกควบคมุการทำางานของ..........................................................................รบัความรูส้กึจากหน่วยรบัความรูส้กึสง่ผ่าน...............................................................................แล้วสัง่การผ่าน........................................................................

Page 32: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

...........................ไปหน่วยปฏิบตัิจงระบุสว่นต่างๆของวงจรระบบประสาทโซมาติก

ระบบประสาทโซมาติกบางครั 3งสัง่การโดยไมต้่องผ่านสมองโดยรบัความรูส้กึและสัง่การผ่าน........................................................โดยตรงเชน่การกระตกุขาเมื่อเคาะท่ีหวัเขา่ ซึ่งเรยีกลักษณะนี3วา่.....................................ซึ่งทำางานโดยไมต้่องใชส้มองคิดคล้ายกับระบบประสาท.............................3. รเีฟล็กซแ์อกชัน่ ( reflex action )

คือ................................................................................................................................................................................................................................................

4. รเีฟล็กซอ์ารก์ ( reflex arc ) คือ...................................................................................................

5. จงระบุสว่นต่างๆของรเีฟล็กซแ์อกชัน่ของการกระตกุขาเมื่อเคาะท่ีหวัเขา่

Page 33: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

6. ระบุสว่นต่างๆของรเีฟล็กซแ์อกชัน่เมื่อเหยยีบเศษแก้วหรอืตะปู พรอ้มระบุรายละเอียด

7. จงเขยีนรเีฟล็กซอ์ารก์ของการกระตกุขาเมื่อเคาะที่หวัเขา่

8. จงเขยีนรเีฟล็กซอ์ารก์ของการเหยยีบเศษแก้ว

การทำางานของระบบประสาทสัง่การ ( ระบบประสาทอัตโนวติั ) ระบบประสาทอัตโนวติั ( autonomic nerous system = ANS )

สิง่เรา้

การตอบ

สิง่เรา้

การตอบ

Page 34: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

1. ระบบประสาทอัตโนวติัม ีหน่วยปฏิบติังานเป็น.............................................................................. และแบง่เป็น.............ระบบคือ 1.......................................................2............................................. ซึ่งทั3งสองระบบจะทำางานในลักษณะ.............................................................................................

2. ระบบซมิพาเทติกศูนยส์ัง่งานผ่านเสน้ประสาทที่มาจาก...............................และ............................ระบบพาราซมิพาเทติกศูนยส์ัง่งานผ่านเสน้ประสาทท่ีมาจาก.......................และ...............................3. สารสื่อประสาทระหวา่งเซลล์ประสาทก่อนไซแนปสแ์ละหลังไซแนปสข์องระบบซมิพาเทติกและ ระบบพาราซมิพาเทติกคือสาร..................................................แต่สารสื่อประสาทระหวา่งเซลล์ประสาทหลังไซแนปสก์ับหน่วยปฏิบติังานถ้าเป็นระบบซมิพาเทติกใชส้าร.......................................แต่ถ้าเป็นระบบพาราซมิพาเทติกใช้สาร..............................................................................................

อวยัวะรบัความรูส้กึ ( ตา ) 1. ระบุโครงสรา้งสว่นต่างๆของนัยน์ตา

Page 35: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

2.ระบุลักษณะสำาคัญและหน้าที่ลงในตารางชื่อโครงสรา้ง ลักษณะ หน้าท่ี1. สเคลอรา2. โครอยด์3. เรตินา4. กระจกตา5. รูมา่นตา6. มา่นตา7. เลนสต์า8. เซลล์รูป

แท่ง

Page 36: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

9. เซลล์รูปกรวย

10. เสน้ประสาทสมองคู่ท่ี 2

11. โฟเวยี12. จุดบอด

แสง13. กล้าม

เนื3อยดึเลนส์

14. เอ็นยดึเลนส์

3. วาดรูปกลไกการมองเหน็ และอธบิาย ………………………… ………………………………

………………………………………………………….

……………………………………….

………………………………………

………………………………………

………………………………………

………………………………………4. อธบิายการมองเหน็วตัถเุป็น

Page 37: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

ก. สีขาว………………………………………………………………………….……………ข. สชีมพู………………………………………………………

………….………………….ค. สี

มว่ง………………………………………………………………….…………………..

5. ตาบอดสเีกิดจาก…………………………….……………………………………………………ตาบอดสทีี่พบบอ่ยคือ.....................................................................................................................เป็นลักษณะที่ถ่ายทอด.............................................ได้และพบในเพศ............................................มากกวา่เพศ………………………….6. สายตาสั3นเกิดจาก………………….…………และ.............................แก้ได้โดย............................สายตายาวเกิดจาก…………….………….......และ แก้ได้……………………โดย.............................7. สายตาเอียงเกิดจาก…………………………..……………………แก้ได้โดย.................…………

อวยัวะรบัความรูส้กึ ( หู ) 1. ระบุโครงสรา้งท่ีเป็นสว่นประกอบของหู

Page 38: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

2. ระบุลักษณะและหน้าที่ท่ีสำาคัญของโครงสรา้งที่เป็นสว่นประกอบของหู

ชื่อโครงสรา้ง ลักษณะ หน้าท่ี- ใบหู- รูหู- เยื่อแก้วหู- ขี3หู- ท่อยูสเตเชีย่น- กระดกูค้อน- กระดกูทัง่- กระดกูโกลน- คอเคลีย- เซมซิอรค์ิวลาร์แคแนล- แอมพูลลา- เซลล์ขน- เสน้ประสาทรบัเสยีง

อวยัวะรบัความรูส้กึ ( จมูก ลิ้น ผิวหนัง ) 1. ระบุโครงสรา้งสว่นประกอบจมูก

Page 39: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

2. ระบุโครงสรา้งสว่นประกอบลิ3น

3. ระบุลักษณะและหน้าที่สำาคัญของโครงสรา้งสว่นประกอบจมูกและลิ3น

Page 40: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

ชื่อโครงสรา้ง ลักษณะ หน้าท่ีจมูก- เซลล์ประสาทรบั

กล่ิน- เสน้ประสาทรบั

กล่ิน- ออลแฟกทอรบีลั

บ์ลิ้น- ปุ่มลิ3น- ตุ่มรบัรส- เซลล์รบัรส- เสน้ประสาทรบั

รส

4. ระบุโครงสรา้งสว่นประกอบผิวหนัง

Page 41: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์

5. จงระบุชนิดของหน่วยรบัความรูส้กึท่ีผิวหนังใหถ้กูต้อง

…………………….. ……………………….. ……………………………..

……………………… ……………………………….. ………………………………..

Page 42: แผนการสอนที่ 16 · Web viewการเคล อนท ของ พาราม เซ ยม ย กล นา จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์