แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ... 1/ท31101...8.1 ส...

234
แผนการจัดการเรียนรู้ที1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท4 ภาคเรียนที่ 1/............ สาระหลักที1 : การอ่าน หน่วยการเรียนรู้ที1 เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ใช๎เวลาสอนทั้งหมด 3 ชั่วโมง สอนมาแล๎ว - ชั่วโมง สอนครั้งนี1 ชั่วโมง ชั้น ม. 4/1 สอนวันที............เดือน........................... ............. เวลา....................... – เวลา............................. ชั้น ม. 4/2 สอนวันที............เดือน........................... ............. เวลา....................... – เวลา............................. ผู้สอน ........................................... สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การอํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วจะต๎องรู๎หลักในการอํานจึงจะสามารถอํานได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะ เหมาะสมกับ เรื่องที่อําน และได๎รับอรรถรสจากการอําน ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู2.1 ตัวชี้วัด 1.1 .4-6/1 อํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะและเหมาะสม กับเรื ่องที่อําน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู1. บอกหลักการอํานบทร๎อยแก๎วได๎ 2. อํานบทร๎อยแก๎วได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อําน สาระการเรียนรู1.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การอํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วที่เป็นบทบรรยาย 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู3. มุํงมั่นในการทํางาน กิจกรรมการเรียนรู(วิธีสอนแบบบรรยาย วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ ) นักเรียนทําแบบทดสอบกํอนเรียน หนํวยการเรียนรู๎ที1 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความสําคัญของการอํานในชีวิตประจําวัน แล๎วให๎นักเรียนรํวมกัน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอํานออกเสียงของวัยรุํนในป๓จจุบัน

Upload: others

Post on 07-Jan-2020

2 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

  • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยีนท่ี 1/............ สาระหลักที่ 1 : การอ่าน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ใช๎เวลาสอนทั้งหมด 3 ชั่วโมง สอนมาแล๎ว - ชั่วโมง สอนครั้งนี้ 1 ชั่วโมง ชั้น ม. 4/1 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ชั้น ม. 4/2 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ผู้สอน ........................................... สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วจะต๎องรู๎หลักในการอํานจึงจะสามารถอํานได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะ เหมาะสมกับเรื่องท่ีอําน และได๎รับอรรถรสจากการอําน ตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวช้ีวัด

    ท 1.1 ม.4-6/1 อํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะและเหมาะสม กับเรื่องท่ีอําน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้

    1. บอกหลักการอํานบทร๎อยแก๎วได๎ 2. อํานบทร๎อยแก๎วได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อําน สาระการเรียนรู ้

    1.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การอํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วที่เป็นบทบรรยาย

    3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

    - สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

    4.2 ความสามารถในการคิด

    - ทักษะการคิดวิเคราะห๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

    1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู๎ 3. มุํงม่ันในการทํางาน

    กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ)

    นักเรียนทําแบบทดสอบกํอนเรียน หนํวยการเรียนรู๎ที่ 1 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความสําคัญของการอํานในชีวิตประจําวัน แล๎วให๎นักเรียนรํวมกัน

    แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอํานออกเสียงของวัยรุํนในป๓จจุบัน

  • 2. ให๎นักเรียนเสนอแนะแนวทางในการแก๎ป๓ญหาการอํานออกเสียงที่ไมํถูกต๎อง พร๎อมยกตัวอยําง ป๓ญหาที่เกิดข้ึนและแนวทางการแก๎ไขประกอบด๎วย 3. ครูอธิบายให๎นักเรียนเข๎าใจเกี่ยวกับป๓ญหาในการอํานออกเสียงที่เกิดขึ้นในป๓จจุบัน และชี้แจงให๎ นักเรียนทราบวํา การอํานออกเสียง เป็นการใช๎ทักษะทางภาษาผํานกระบวนการอํานเพ่ือใช๎ในการ

    สื่อสารระหวํางผู๎สํงสารและผู๎รับสารให๎เกิดความเข๎าใจระหวํางกัน 4. ให๎นักเรียนศึกษาความรู๎เกี่ยวกับการอํานบทร๎อยแก๎ว จากหนังสือเรียน 5. ให๎นักเรียนรํวมกันสรุปสาระสําคัญและฝึกอํานบทความจากเอกสารประกอบการสอนที่ครูแจกให๎ 6. ครูสังเกตการอํานออกเสียงของนักเรียน และให๎ข๎อเสนอแนะในจุดที่มีความบกพรํอง แล๎วอํานให๎ นักเรียนฟ๓งเป็นตัวอยําง 7. ครูยกตัวอยํางพิธีกร นักขําวรายการโทรทัศน๑ รายการวิทยุที่มีความสามารถและสามารถยึด เป็นแบบอยํางในการใช๎ภาษาไทยที่ดี เพื่อให๎นักเรียนสังเกตการอําน การใช๎คํา การออกเสียง และสามารถนําแบบอยํางที่ดีไปเป็นแนวปฏิบัติในการฝึกอํานได๎

    8. ให๎นักเรียนทบทวนความรู๎เกี่ยวกับหลักการอํานร๎อยแก๎ว แล๎วจับคูํกับเพ่ือนสนิทตามความสมัครใจ เพื่อฝึกอํานออกเสียง บทความสุดยอดของศิลปะ 9. ให๎นักเรียนแตํละคูํประเมินผลการอํานจากแบบประเมิน แล๎วรํวมกันแสดงความคิดเห็นหรือ เสนอแนะวิธีการอํานเพื่อการแก๎ไขข๎อบกพรํองให๎ดีขึ้น 10. ครูสนทนาซักถามป๓ญหาที่เกิดขึ้นในการอําน แล๎วให๎นักเรียนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 11. ครูเสนอแนะแนวทางในการแก๎ป๓ญหาการอําน แล๎วให๎นักเรียนนําไปปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการอําน ให๎ถูกต๎องและดีขึ้นตามลําดับ 12. ให๎นักเรียนแตํละคูํนําแนวทางที่ครูเสนอแนะมาฝึกและปรับปรุงครั้งที่ 2 13. ให๎นักเรียนนําผลการประเมินมาเปรียบเทียบการอํานครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 14. ครูคัดเลือกนักเรียนที่ได๎คะแนนสูงที่สุดจากผลการประเมิน 5 อันดับแรก มาอํานหน๎าชั้นเรียน ให๎นักเรียนฟ๓ง เมื่อนักเรียนอํานจบแล๎วครูอธิบายและเสนอแนะข๎อแก๎ไข หากอํานได๎ถูกต๎อง ให๎ครูชมเชยและให๎เพ่ือนๆในชั้นเรียนยึดเป็นแบบอยํางของการอํานออกเสียงที่ดี การวัดและประเมินผล

    วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์

    ตรวจแบบทดสอบกํอนเรียน แบบทดสอบกํอนเรียน ร๎อยละ 60 ผํานเกณฑ๑

    ประเมินการอํานบทร๎อยแก๎ว แบบประเมินการอํานบทร๎อยแก๎ว ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑

    ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้

    1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช๎ภาษา ม.4 2. เอกสารประกอบการสอน 3. บทร๎อยแก๎ว บทความสุดยอดของศิลปะ

  • 8.2 แหล่งการเรียนรู้

    1. ห๎องสมุด 2. รายการวิทยุ รายการโทรทัศน๑

  • เอกสารประกอบการสอน

    ธรรมะทอรัก

    ผู๎หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ ทําให๎ตาบอดท้ังสองข๎าง เธอทุกข๑ทรมานกับการสูญเสียการมองเห็น แตํสามีของเธอก็พยายามปลอบใจและให๎กําลังใจเธอตลอด เขาพยายามสอนให๎เธอใช๎ประสาทสัมผัสให๎มากขึ้น ที่ทํางานของเธอกับสามีอยูํคนละทาง แตํเขาจะขับรถไปสํงและไปรับเธออยูํเสมอ

    จนวันหนึ่งสามีของเธอรู๎สึกเหน็ดเหนื่อยมาก เขาจึงขอให๎เธอลองพยายามขึ้นรถเมล๑ไปทํางานเอง โดยที่เขาไมํต๎องไปรับไปสํงได๎ไหม นาทีนั้น... เธอรู๎สึกเหมือนถูกทิ้งให๎โดดเดี่ยวและน๎อยใจสามี แตํก็พยายามทําตามที่เขาขอ เธอพยายามขึ้นรถเมล๑เอง พยายามไปทํางานด๎วยตัวเอง จนในที่สุดเธอก็สามารถทําได๎……. วันหนึ่งกํอนที่เธอจะลงรถไปทํางานตามปกติ คนขับรถเมล๑ก็เข๎ามาจับแขนและพูดวํา “ผมอิจฉาคุณจริงๆ ครับ” เธอถามวําอิจฉาเรื่องอะไร คนขับรถเมล๑บอกวํา “สามเดือนท่ีผํานมา ผมเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งขึ้นรถเมล๑ตอนเช๎ามานั่งตรงเบาะหลังคุณ เฝูามองคุณ ตามคุณลงรถ และเฝูาดูคุณเดินเข๎าไปที่ทํางานอยํางหํวงใย และทุกๆเย็น เขาจะมาเฝูารอดูคุณข้ึนรถ และคอยดูคุณจนคุณลงจากรถ” พอเธอได๎ยินดังนั้น น้ําตาก็ไหลด๎วยความตื้นตันและสํานึกผิด เพราะตลอดเวลาที่ผํานมา เขาไมํเคยทิ้งเธอไปไหน เขาอยูํดูแลเธออยํางใกล๎ชิด เขาเหนื่อยยิ่งกวําตอนที่ต๎องคอยมารับมาสํงเธอเสียอีก

    http://www.diarylove.com/Cha em/images/20081213_imagesCAMOTHBJ.jpg

  • เธอหวนนึกถึงคําพูดที่เขาบํนลอยๆออกมาบํอยๆวํา

    ชีวิตคนไมํแนํนอน อาจตายวันนี้พรุํงนี้ได๎ทุกเมื่อ ดูอยํางคุณสิ เมื่อวานยังมองเห็น วันนี้คุณมองไมํเห็นแล๎ว...

    เธอคิดน๎อยใจเขามาตลอดสามเดือน เพราะหลงเข๎าใจผิดวําเขาเบื่อและรําคาญการเป็นคนตาบอดของเธอ

    ณ วันนี้เธอรู๎แล๎ววํา เขากลัววํา ถ๎าวันนี้พรุํงนี้เขาอาจตายไป เธอจะไมํสามารถไปไหนมาไหน หรือมีชีวิตอยูํได๎ถ๎าขาดเขานั่นเอง…….

    ( ธรรมะทอรัก : ว. วชิรเมธ ี)

    http://www.diarylove.com/Cha em/images/20081213_dik_20.gif

  • บทความ สุดยอดของศิลปะ ค าชี้แจง : ให๎นักเรียนจับคูํกันเพื่อฝึกแบํงวรรคตอนในการอําน และการอํานออกเสียงจากบทความท่ีกําหนด ใครที่ได๎ไปเยือนบ๎านของชาวญี่ปุุน อยํางแรกท่ีเจ๎าบ๎านมักจะนํามาต๎อนรับคือน้ําชา ซึ่งมีคุณภาพดีไมํแพ๎ประเทศใดในโลก แตํถ๎าเจ๎าบ๎านเป็นพระหรือนักบวช และบ๎านที่คุณไปเยือนนั้นอยูํในวัดญี่ปุุน น้ําชาที่นํามาต๎อนรับคุณอยํางเป็นพิธีการสักหนํอย ยํอมหนีไมํพ๎น “มัทชะ” ซึ่งทําจากผงชา เติมน้ําแล๎วตีให๎เป็นฟอง รสชาติคํอนข๎างขม แตํให๎ความรู๎สึกกลมกลํอมเมื่อกินกับขนมหวาน ซึ่งเจ๎าบ๎านต๎องนํามาต๎อนรับคูํเคียงกันเสมอ การดื่มมัทชะมิใชํเป็นแคํการเสพรสชาเทํานั้น แตํยังเป็นโอกาสที่จะได๎ชื่นชมความงามของถ๎วยชา ทั้งด๎วยสายตาและสัมผัส รูปลักษณ๑ เส๎นสี และพ้ืนผิวของถ๎วยชานั้นเป็นผลงานศิลปะท่ีจรรโลงใจ และให๎ความรู๎สึกละเมียดละไมไมํแพ๎รสชา น้ําชาที่นํามาต๎อนรับมีปริมาณไมํก่ีช๎อนครัว แตํอาจใช๎เวลาดื่มนานนับสิบนาที เพราะนอกจากจิบพลาง ชื่นชมถ๎วยชาพลางแล๎ว ยังมีการสนทนากันอยํางสบาย ๆ บางครั้งเรื่องที่สนทนาอาจข๎องแวะอยูํกับรสชาติของน้ําชาและความงามของถ๎วยชา ใครที่เป็นคนเรํงรีบ ชอบทําอะไรเร็ว ๆ หากได๎มาดื่มชาในบรรยากาศแบบนี้ ทีแรกอาจอึดอัด แตํไมํนานก็อาจได๎สัมผัสกับความสงบ ที่รุํมร๎อนก็อาจเย็นลง และพบวําความเนิบช๎า ละเมียดละไมนั้น ก็มีเสนํห๑ไมํน๎อย การดื่มชาเป็นศิลปะอยํางหนึ่งที่มีความหมายมากกวําการเสพทางปาก ถ๎าเป็นความสุข ก็เป็นความสุข ที่มากกวํารสชาติทางลิ้น หากยังรวมไปถึงการสนองสุนทรียารมณ๑ด๎านอ่ืน ๆ ที่สําคัญคือ กลํอมเกลาจิตใจให๎ประณีตและสงบเย็น ความสุขจากรสชาติอันจัดจ๎านและการกระตุ๎นเร๎านั้น หาได๎ไมํยาก แตํความสุขจากอารมณ๑อันละเมียดละไมนั้นหาได๎ยากและมีคุณคํามากกวํา ญี่ปุุนได๎พัฒนาศิลปะแหํงการดื่มชาจนเกิดพิธีชงชาขึ้น หากคุณโชคดี คุณอาจได๎รับเชิญให๎รํวมพิธีดังกลําว ซึ่งคนทั่วไปไมํคํอยมีโอกาสมากนัก พิธีชงชาที่สมบูรณ๑แบบจะมีข้ึนได๎ก็เฉพาะในห๎องหรือในเรือนหลังเล็ก ๆ ที่เรียบงํายไร๎สิ่งประดับประดา ซึ่งอยูํทํามกลางธรรมชาติ การชงชาจะเป็นไปอยํางเชื่องช๎า เริ่มตั้งแตํทําความสะอาดภาชนะได๎แกํ ถ๎วยชา ช๎อนตักผงชา ไม๎กวน น้ําชา ล๎างด๎วยน้ําแล๎วเช็ดด๎วยผ๎า จากนั้นจึงใสํผงชา เติมน้ําร๎อน แล๎วกวนน้ําชาจนแตกเป็นฟอง แล๎วจึงนํามา มอบให๎แกํอาคันตุกะ ขั้นตอนทั้งหมดนี้จะได๎ชามาเพียงถ๎วยเดียวเทํานั้น หากผู๎รํวมพิธีมี 10 คน ก็ต๎องทํา 10 ครั้ง แตํละครั้งใช๎เวลาไมํต่ํากวํา 3 นาที เวลาที่เนิ่นนาน บรรยากาศที่สงบไร๎เสียงพูดคุย และความสลัวภายในห๎อง จะคํอย ๆ น๎อมใจผู๎คนให๎สงบ ผัสสะจะละเอียดขึ้น และความสุขจะบังเกิดทีละน๎อย ๆ จากการได๎ยินเสียงน้ําเดือดในกาและเสียงนกร๎อง และจากการชื่นชมภาชนะท่ีใช๎ในการชงชา ซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เมื่อน้ําชา ถูกนํามาต๎อนรับ ใจที่สงบยํอมเข๎าถึงรสชาติอันสุขุมลุํมลึกได๎ไมํยาก ศิลปะที่สุดยอดนั้นคือความงดงามที่กลํอมเกลาจิตให๎สงบ นิ่ง และเย็น เข๎าถึงภาวะที่โปรํงเบา และสัมผัสกับมิติอันลึกซ้ึงภายใน แตํคุณคําของศิลปะมิได๎มีเพียงเทํานั้น หากยังสามารถนําพาให๎ผู๎คนซาบซึ้งถึงสัจธรรมของชีวิตด๎วย ในวัฒนธรรมการชงชาของญี่ปุุน ถ๎วยชาที่ถือวํางดงามและมีคุณคําอยํางยิ่ง คือ ถ๎วยชาที่มี ผิวไมํเรียบ รูปทรงไมํสม่ําเสมอ และเปิดเนื้อดินเผาโดยไร๎เครื่องเคลือบราวกับเป็นงานที่ยังไมํแล๎วเสร็จ แตํงานเหลํานี้เป็นฝีมือของชํางชั้นครูที่เข๎าถึงสุดยอดของศิลปะ คุณคงคาดไมํถึงวําถ๎วยรูปรํางแปลก ๆ เหลํานี้บางใบ มีมูลคําสูงกวํารถเบนซ๑เสียอีก แตํคุณคําท่ีสําคัญกวํานั้น คือ การเผยแสดงสัจธรรมของชีวิตและโลกวํา ไมํมีอะไรสมบูรณ๑แบบ นี้ก็เชํนเดียวกับเรือนชงชา ที่เปิดเนื้อไม๎แสดงถึงความเกําแกํ คร่ําครํา ย้ําเตือนถึงความไมํเที่ยงของสรรพสิ่ง ชีวิตคือความไมํสมบูรณ๑แบบ มิอาจเป็นดั่งใจได๎เสมอไป ขึ้นแล๎วก็ลง งดงามแล๎วก็แกํหงํอม หาความ จิรังยั่งยืนไมํได๎ นี้คือสัจธรรมความจริง ที่ถูกยกยํองให๎เป็นศิลปะอันนําชื่นชม ผํานวัฒนธรรมการชงชา ใครที่รํวมพิธีชงชา

  • จะถูกย้ําเตือนความจริงข๎อนี้ จนอาจได๎คิดวําชื่อเสียง เกียรติยศ และความม่ังคั่งนั้น เป็นมายา แตํถึงแม๎จะไมํยอมรับ ก็ต๎องถูกพิธีนี้บังคับให๎จําต๎องยอมรับจนได๎ เพราะทางเข๎าเรือนชงชานั้นต่ํามาก จนแม๎แตํจักรพรรดิหรือโชกุนก็ต๎องก๎มหัวเข๎าไปเชํนเดียวกับสามัญชน และเม่ือเข๎าพิธีแล๎ว ไมํวําใครก็มีสถานะเสมอกันสุดยอดของศิลปะนั้นมิใชํอะไรอื่น หากคือ ความงาม ความจริง และความดีท่ีประสานกันเป็นหนึ่งนั่นเอง

    สุดยอดของศิลปะ : ภาวัน. นิตยสาร IMAGE . มิถุนายน 2551.

  • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยีนท่ี 1/......... สาระหลักที่ 1 : การอ่าน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ใช๎เวลาสอนทั้งหมด 3 ชั่วโมง สอนมาแล๎ว - ชั่วโมง สอนครั้งนี้ 1 ชั่วโมง ชั้น ม. 4/1 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ชั้น ม. 4/2 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ผู้สอน ........................................... สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอํานออกเสียงบทร๎อยกรองจะถูกกําหนดด๎วยฉันทลักษณ๑ของคําประพันธ๑ประเภทตํางๆ การศึกษา และเข๎าใจหลักการอํานบทร๎อยกรองจะทําให๎สามารถอํานได๎อยํางถูกต๎อง มีความไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อําน ตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวช้ีวัด

    ท 1.1 ม.4-6/ 1 อํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องท่ีอําน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้

    1. บอกหลักการอํานบทร๎อยกรองประเภทตํางๆได๎ 2. อํานบทร๎อยกรองประเภทตํางๆได๎อยํางถูกต๎องไพเราะ สาระการเรียนรู้ 3.2 สาระการเรียนรู้แกนกลาง

    - การอํานออกเสียงบทร๎อยกรอง เชํน กลอนสุภาพ กาพย๑ยานี 11 กาพย๑ฉบัง 16 กาพย๑สุรางคนางค๑ 28 โคลงสี่สุภาพ รําย และฉันท๑ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

    - สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

    4.2 ความสามารถในการคิด

    - ทักษะการคิดวิเคราะห๑

    คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู๎ 3. มุํงม่ันในการทํางาน

    กิจกรรมการเรียนรู้

  • (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการต่อเรื่องราว(Jigsaw) วิธีสอนโดยเน้น

    กระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ )

    1. ครูเปิดซีดีเก่ียวกับพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตรา ทางชลมารค ให๎นักเรียนดู 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให๎นักเรียนเข๎าใจวํา การเสด็จพระราชดําเนินของพระมหากษัตริย๑ไทยนับแตํโบราณกาลมา นอกจากการเสด็จพระราชดําเนินทางบก ที่เรียกวํา "พยุหยาตราสถลมารค" แล๎ว การเสด็จพระราชดําเนินทางน้ํา คือ “พยุหยาตราชลมารค” ก็เป็นเส๎นทางการคมนาคมที่สําคัญยิ่ง ตั้งแตํครั้งสมัยสุโขทัยเป็นราชธานีของไทยเรา การเหํเรือในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค จึงนับวําเป็นศิลปะการอํานคําประพันธ๑ประเภทหนึ่ง 3. ให๎นักเรียนชํวยกันบอกคุณสมบัติของผู๎ที่จะอํานบทร๎อยกรองได๎ดีวําจะต๎องมีคุณสมบัติอยํางไรบ๎าง 4. ครูอธิบายให๎นักเรียนทราบวํา การอํานบทร๎อยกรองหรือกวีนิพนธ๑ มีวิธีการอําน 2 ลักษณะ คือ การ อํานออกเสียงธรรมดา และการอํานทํานองเสนาะ 5. ให๎นักเรียนศึกษาความรู๎เกี่ยวกับหลักเกณฑ๑ในการอําน จากหนังสือเรียน 6. ครูอธิบายวิธีการอํานทํานองเสนาะให๎เกิดความไพเราะยิ่งข้ึน โดยใช๎วิธีการทอดเสียง การครวญ เสียง การหลบเสียง และการกระแทกเสียง แล๎วเลือกบทประพันธ๑ที่มีความเหมาะสมและสอด คล๎องกับวิธีการอํานมาเป็นตัวอยํางให๎นักเรียนฝึกอําน เชํน

    7. ให๎นักเรียนรวมกลุํมกัน กลุํมละ 9 คน ให๎แตํละกลุํมชํวยกันศึกษาความรู๎และทําความเข๎าใจ เกี่ยวกับวิธีการอํานร๎อยกรองประเภทตํางๆ จากหนังสือเรียน โดยให๎แตํละคนเลือก หรือจับสลาก บทร๎อยกรองคนละ 1 ชนิด ดังนี้ - การอํานกลอนสุภาพ - การอํานกาพย๑ยานี 11 กาพย๑ฉบัง 16 กาพย๑สุรางคนางค๑ 28 - การอํานโคลงสี่สุภาพ - การอํานอินทรวิเชียรฉันท๑ 11 วสันตดิลกฉันท๑ 14 - การอํานรํายยาว รํายสุภาพ 8. ให๎สมาชิกในแตํละกลุํมศึกษาความรู๎และฝึกอํานบทร๎อยกรองที่ได๎รับมอบหมาย

    ส่ิงใดในโลกลว้น อนิจจงั

    คงแต่บาปบุญยงั เท่ียงแท ้

    คือเงาติดตวัตรัง ตรึงแน่น อยูน่า

    ตามแต่บุญบาปแล ้ ก่อเก้ือรักษา

    ถึงตอ้งงา้วหลาวแหลนสักแสนเล่ม ใหติ้ดเตม็ตวัฉุดพอหลุดถอน

    แต่ตอ้งตาพาใจอาลยัวรณ์ สุดจะถอนทิ้งขวา้งเสียกลางคนั

  • 9. ให๎นักเรียนที่ได๎รับมอบหมายการอํานบทร๎อยกรองชนิดเดียวกันรวมกลุํม เพ่ือฝึกซ๎อมการอําน บทร๎อยกรองจนเกิดความชํานาญ โดยมีครูคอยให๎ความชํวยเหลือและให๎คําแนะนําในการอําน อยํางถูกต๎อง 10. ให๎นักเรียนรํวมกันสรุปหลักการอํานบทร๎อยกรองชนิดที่ตนได๎รับมอบหมาย และฝึกซ๎อมการอําน ให๎ถูกต๎อง และมีความไพเราะ การวัดและประเมินผล

    วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์

    ประเมินการอํานบทร๎อยกรอง แบบประเมินการอํานบทร๎อยกรอง ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑

    สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุํม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุํม ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑

    ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร๎อยละ 60 ผํานเกณฑ๑

    ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้

    1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช๎ภาษา ม.4 2. ซีดีพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตรา ทางชลมารค 3. บทร๎อยกรอง อํานไพเราะเสนาะโสต 8.2 แหล่งการเรียนรู้

    1. ห๎องสมุด 2. แหลํงข๎อมูลสารสนเทศ www.sema.go.th/files/Content/ www.school.net.th/library/create-web/ , www.st.ac.th/bhatips/klong.htm

    http://www.oknation.net/blog/Duplex/2008/12/29/entry-2http://www.school.net.th/library/create-web/

  • อ่านไพเราะเสนาะโสต ค าชี้แจง : นักเรียนอํานบทร๎อยกรองที่กําหนด แล๎วให๎ครูประเมินผลลงในแบบประเมินการอํานบทร๎อยกรอง กลอนสุภาพ กลอนสุภาพ/ แปดคํา/ประจําบํอน// อํานสามตอน/ทุกวรรค/ประจักษ๑แถลง// ตอนต๎นสาม/ตอนสอง/ต๎องแสดง// ตอนสามแจ๎ง/สามคํา/ครบจํานวน// กําหนดบท/ระยะ/กะสัมผัส// ให๎ฟาดฟ๓ด/ขัดความ/ตามกระสวน// วางจังหวะ/กะทํานอง/ต๎องกระบวน// จึงจะชวน/ฟ๓งเสนาะ/เพราะจับใจ// กาพย์ยานี 11 พระเสด็จ/โดยแดนชล// ทรงเรือต๎น/งามเฉิดฉาย// กิ่งแก๎ว/แพร๎วพรรณราย// พายอํอนหยับ/จับงามงอน// นาวา/แนํนเป็นขนัด// ล๎วนรูปสัตว๑/แสนยากร// เรือริ้ว/ทิวธงสลอน// สาครลั่น/ครั่นครื้นฟอง// กาพย์ฉบัง 16 กลางไพร/ไกํขัน/บรรเลง// ฟ๓งเสียง/เพียงเพลง// ซอเจ๎ง/จําเรียง/เวียงวัง// ยูงทอง/ร๎องกะโต๎ง/โหํงดัง// เพียงฆ๎อง/กลองระฆัง// แตรสังข๑/กังสดาล/ขานเสียง// กาพย์สุรางคนางค์ 28 วันนั้น/จันทร// มีดารากร// เป็นบริวาร// เห็นสิ้น/ดินฟูา// ในปุา/ทําธาร// มาลี/คลี่บาน// ใบก๎าน/อรชร// โคลงส่ีสุภาพ เสียงลือ/เสียงเลําอ๎าง// อันใด/พ่ีเอย// เสียงยํอม/ยอยศใคร// ทั่วหล๎า// สองเขือ/พ่ีหลับใหล// ลืมตื่น//ฤาพ่ี// สองพ่ี/คิดเองอ๎า// อยําได/๎ถามเผือ// อินทรวิเชียรฉันท์ บงเนื้อ/ก็เนื้อเต๎น// พิศเส๎น/สรีร๑รัว// ทั่วรําง/และท้ังตัว// ก็ระริก/ระริวไหว// แลหลัง/ละโลมโล// หิตโอ๎/เลอะหลั่งไป// เพํงผาด/อนาถใจ// ระกะรํอย/เพราะรอยหวาย// วสันตดิลกฉันท์

  • เรืองเรือง/พระมน/ทิรพิจิตร// กลพิศ/พิมานบน// กํองแก๎ว/และกาญ/จนระคน// รุจิเรข/อลงกรณ๑// ชํอฟูา/ก็เฟ้ือย/กลจะฟ๓ด// ดลฟาก/ทิฆัมพร// บราลี/พิไล/พิศบวร// นภศูล/สล๎างลอย// การอ่านร่ายยาว ศรีสิทธิ์/พิศาลภพ/ เลอหล๎าลบ/ลํมสวรรค๑/ จรรโลงโลก/กวํากว๎าง/ แผนแผํนผ๎าง/เมืองเมร/ุ ศรีอยุธเยนทร๑/แย๎มฟูา/ แจกแสงจ๎า/เจิดจันทร๑/ เพียงรพิพรรณ/ผํองด๎าว/ ขุนหาญห๎าว/แหนบาท/ สระทุกข๑ราษฎร๑/รอนเสี้ยน/ สํายเศิกเหลี้ยน/ลํงหล๎า/ ราญราบหน๎า/เภริน/ เข็ญขําวยิน/ยอบตัว/ ควบค๎อมหัว/ไหว๎ละล๎าว/ ทุกไทน๎าว/มาลย๑น๎อม/ ขอออกอ๎อม/มาอํอน/ ผํอนแผํนดิน/ให๎ผาย/ ขยายแผํนฟูา/ให๎แผ๎ว/ เลี้ยงทแกล๎ว/ให๎กล๎า/ พระยศไท/๎เทิดฟูา/ เฟ่ืองฟูุง/ทศธรรม// ทํานแฮ

  • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยีนท่ี 1/......... สาระหลักที่ 1 : การอ่าน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ใช๎เวลาสอนทั้งหมด 3 ชั่วโมง สอนมาแล๎ว - ชั่วโมง สอนครั้งนี้ 1 ชั่วโมง ชั้น ม. 4/1 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ชั้น ม. 4/2 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ผู้สอน ........................................... สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอํานออกเสียงบทร๎อยกรองจะถูกกําหนดด๎วยฉันทลักษณ๑ของคําประพันธ๑ประเภทตํางๆ การศึกษา และเข๎าใจหลักการอํานบทร๎อยกรองจะทําให๎สามารถอํานได๎อยํางถูกต๎อง มีความไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อําน ตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวช้ีวัด

    ท 1.1 ม.4-6/ 1 อํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองได๎อยํางถูกต๎อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องท่ีอําน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้

    1. บอกหลักการอํานบทร๎อยกรองประเภทตํางๆได๎ 2. อํานบทร๎อยกรองประเภทตํางๆได๎อยํางถูกต๎องไพเราะ สาระการเรียนรู้ 3.2 สาระการเรียนรู้แกนกลาง

    - การอํานออกเสียงบทร๎อยกรอง เชํน กลอนสุภาพ กาพย๑ยานี 11 กาพย๑ฉบัง 16 กาพย๑สุรางคนางค๑ 28 โคลงสี่สุภาพ รําย และฉันท๑ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

    - สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

    4.2 ความสามารถในการคิด

    - ทักษะการคิดวิเคราะห๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

    4. มีวินัย 5. ใฝุเรียนรู๎ 6. มุํงม่ันในการทํางาน

    กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการต่อเรื่องราว(Jigsaw) วิธีสอนโดยเน้น

  • กระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ )

    1. ให๎นักเรียนที่รับผิดชอบการฝึกอํานบทร๎อยกรองชนิดเดียวกันทบทวนหลักการอําน และออกมา สาธิตการอํานบทร๎อยกรองที่ถูกต๎องหน๎าชั้นเรียน 2. ครูเสนอแนะ หรือชื่นชมเพ่ือเป็นการเสริมกําลังใจให๎นักเรียนเกิดความภูมิใจและมีความเชื่อมั่น 3. ให๎นักเรียนกลับเข๎ากลุํมเดิม เพื่อถํายทอดความรู๎และฝึกการอํานบทร๎อยกรองชนิดที่ตนได๎ศึกษา มาถํายทอดแกํสมาชิกในกลุมํ โดยให๎เรียงลาํดับจากการอํานกลอนสุภาพ – การอํานรํายสุภาพ เมื่อครบทุกชนิดแล๎วให๎นักเรียนรํวมกันฝึกการอํานบทร๎อยกรองให๎ถูกต๎อง และปรับปรุงการอําน ให๎มีความไพเราะมากยิ่งข้ึน 4. ให๎ตัวแทนกลุํมออกมารับบทร๎อยกรอง อํานไพเราะเสนาะโสต เพ่ือฝึกการอํานให๎มีความถูกต๎อง 5. ครูกําหนดเวลาในการฝึกซ๎อมการอําน 20 นาที แล๎วเปิดโอกาสให๎กลุํมท่ีมีความพร๎อมมากที่สุด ออกมาทดสอบการอํานกับครูหนา๎ชัน้เรียน โดยให๎ครูประเมินผลการอํานลงในแบบประเมินการ อํานบทร๎อยกรอง 6. ให๎นักเรียนรํวมกันบอกคุณคําท่ีได๎รับจากการอํานบทร๎อยกรอง 7. ครูอธิบายและชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณคําท่ีได๎รับจากการอํานบทร๎อยกรอง เพ่ือเป็นการกระตุ๎น ให๎นักเรยีนเกิดความตระหนกัและปลกูจิตสํานกึของความเป็นไทยท่ีคงรักษาไว๎ซึง่มรดกทางภาษา ของชาติ

    นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนํวยการเรียนรู๎ที่ 1 การวัดและประเมินผล

    วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์

    ประเมินการอํานบทร๎อยกรอง แบบประเมินการอํานบทร๎อยกรอง ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑

    สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุํม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุํม ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑

    ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร๎อยละ 60 ผํานเกณฑ๑

    ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้

    1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช๎ภาษา ม.4 2. ซีดีพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตรา ทางชลมารค 3. บทร๎อยกรอง อํานไพเราะเสนาะโสต 8.2 แหล่งการเรียนรู้

    1. ห๎องสมุด 2. แหลํงข๎อมูลสารสนเทศ www.sema.go.th/files/Content/ www.school.net.th/library/create-web/ www.st.ac.th/bhatips/klong.htm

    http://www.oknation.net/blog/Duplex/2008/12/29/entry-2http://www.school.net.th/library/create-web/

  • อ่านไพเราะเสนาะโสต ค าชี้แจง : นักเรียนอํานบทร๎อยกรองที่กําหนด แล๎วให๎ครูประเมินผลลงในแบบประเมินการอํานบทร๎อยกรอง กลอนสุภาพ กลอนสุภาพ/ แปดคํา/ประจําบํอน// อํานสามตอน/ทุกวรรค/ประจักษ๑แถลง// ตอนต๎นสาม/ตอนสอง/ต๎องแสดง// ตอนสามแจ๎ง/สามคํา/ครบจํานวน// กําหนดบท/ระยะ/กะสัมผัส// ให๎ฟาดฟ๓ด/ขัดความ/ตามกระสวน// วางจังหวะ/กะทํานอง/ต๎องกระบวน// จึงจะชวน/ฟ๓งเสนาะ/เพราะจับใจ// กาพย์ยานี 11 พระเสด็จ/โดยแดนชล// ทรงเรือต๎น/งามเฉิดฉาย// กิ่งแก๎ว/แพร๎วพรรณราย// พายอํอนหยับ/จับงามงอน// นาวา/แนํนเป็นขนัด// ล๎วนรูปสัตว๑/แสนยากร// เรือริ้ว/ทิวธงสลอน// สาครลั่น/ครั่นครื้นฟอง// กาพย์ฉบัง 16 กลางไพร/ไกํขัน/บรรเลง// ฟ๓งเสียง/เพียงเพลง// ซอเจ๎ง/จําเรียง/เวียงวัง// ยูงทอง/ร๎องกะโต๎ง/โหํงดัง// เพียงฆ๎อง/กลองระฆัง// แตรสังข๑/กังสดาล/ขานเสียง// กาพย์สุรางคนางค์ 28 วันนั้น/จันทร// มีดารากร// เป็นบริวาร// เห็นสิ้น/ดินฟูา// ในปุา/ทําธาร// มาลี/คลี่บาน// ใบก๎าน/อรชร// โคลงส่ีสุภาพ เสียงลือ/เสียงเลําอ๎าง// อันใด/พ่ีเอย// เสียงยํอม/ยอยศใคร// ทั่วหล๎า// สองเขือ/พ่ีหลับใหล// ลืมตื่น//ฤาพ่ี// สองพ่ี/คิดเองอ๎า// อยําได/๎ถามเผือ// อินทรวิเชียรฉันท์ บงเนื้อ/ก็เนื้อเต๎น// พิศเส๎น/สรีร๑รัว// ทั่วรําง/และท้ังตัว// ก็ระริก/ระริวไหว// แลหลัง/ละโลมโล// หิตโอ๎/เลอะหลั่งไป// เพํงผาด/อนาถใจ// ระกะรํอย/เพราะรอยหวาย// วสันตดิลกฉันท์

  • เรืองเรือง/พระมน/ทิรพิจิตร// กลพิศ/พิมานบน// กํองแก๎ว/และกาญ/จนระคน// รุจิเรข/อลงกรณ๑// ชํอฟูา/ก็เฟ้ือย/กลจะฟ๓ด// ดลฟาก/ทิฆัมพร// บราลี/พิไล/พิศบวร// นภศูล/สล๎างลอย// การอ่านร่ายยาว ศรีสิทธิ์/พิศาลภพ/ เลอหล๎าลบ/ลํมสวรรค๑/ จรรโลงโลก/กวํากว๎าง/ แผนแผํนผ๎าง/เมืองเมร/ุ ศรีอยุธเยนทร๑/แย๎มฟูา/ แจกแสงจ๎า/เจิดจันทร๑/ เพียงรพิพรรณ/ผํองด๎าว/ ขุนหาญห๎าว/แหนบาท/ สระทุกข๑ราษฎร๑/รอนเสี้ยน/ สํายเศิกเหลี้ยน/ลํงหล๎า/ ราญราบหน๎า/เภริน/ เข็ญขําวยิน/ยอบตัว/ ควบค๎อมหัว/ไหว๎ละล๎าว/ ทุกไทน๎าว/มาลย๑น๎อม/ ขอออกอ๎อม/มาอํอน/ ผํอนแผํนดิน/ให๎ผาย/ ขยายแผํนฟูา/ให๎แผ๎ว/ เลี้ยงทแกล๎ว/ให๎กล๎า/ พระยศไท/๎เทิดฟูา/ เฟ่ืองฟูุง/ทศธรรม// ทํานแฮ

  • แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ค าชี้แจง ให๎นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต๎องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. งานเขียนร๎อยแก๎วประเภทใด มุํงนําเสนอเนื้อหาข๎อเท็จจริงทุกข๎อ ก. นิทาน เรื่องสั้น ข. บทความ นวนิยาย ค. พงศาวดาร คัมภีร๑ศาสนา ง. จดหมายเหตุ นิยายอิงพงศาวดาร 2. การอํานให๎เกิดจินตภาพ ควรปฏิบัติอยํางไร ก. อํานให๎ถูกต๎องตามอักขรวิธีในภาษาไทย ข. อํานจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ค. อํานออกเสียงให๎ดังกังวานจนผู๎ฟ๓งเกิดจินตภาพ ง. อํานเน๎นคําที่สําคัญ และคําที่ต๎องการให๎เกิดจินตภาพ 3. การอํานบทร๎อยกรองประเภทใด ที่ต๎องมีความแมํนยําในการอํานลงเสียงหนัก เสียงเบา ก. โคลง ข. ฉันท๑ ค. กาพย๑ ง. รําย 4. ข๎อใดอธิบายวิธีการอํานไมํถูกต๎อง ก. การอํานทอดเสียง – วิธีการอํานโดยผํอนเสียง ข. การครั่นเสียง – การอํานที่ทําให๎เสียงสะดุดสะเทือน ค. การเอ้ือนเสียง – การอํานลากเสียงช๎าๆ และไว๎หางเสียง ง. การหลบเสียง – การเอื้อนหักหลบจากเสียงโศกเศร๎าเป็นเสียงปกติ 5. การอํานคําให๎เอ้ือสัมผัสในเพื่อเพ่ิมความไพเราะ เป็นการอํานในข๎อใด ก. ข๎าอุตสําห๑มาเคารพอภิวันท์ อํานวํา อะ-พิ- วัน ข. บุญบันดาลดลจิต พระธิดา อํานวํา พระ- ทิ- ดา ค. คิดถึงบาทบพิตร อดิศร อํานวํา อะ- ดิด- สอน ง. เหมือนร๎างห๎องมาหยารัศมี อํานวํา มา-หะ-หยา-รัด-สะ-หมี 6. การอํานกาพย๑ยานี 11 ข๎อใดแบํงวรรคตอนในการอํานได๎ถูกต๎อง ก. นาวา / แนํนเป็นขนัด // ล๎วนรูปสัตว๑ / แสนยากร // เรือริ้ว / ทิวธงสลอน // สาครลั่น / ครั่นครื้นฟอง // ข. พระเสด็จโดย / แดนชล ทรงเรือต๎น / งามเฉิดฉาย // กิ่งแก๎ว / แพร๎วพรรณราย // พายอํอนหยับ / จับงามงอน // ค. ตับเหล็ก / ลวกหลํอนต๎ม // เจือน้ําส๎ม / โรยพริกไทย // โอชา / จะหาไหน // ไมํมี / เทียบเปรียบ /มือนาง // ง. เห็นนวลครวญ / ครุํนคิด // กําเริบจิต / วาบหวั่นไหว // ไปได๎ก็ / จะไป // โอบเอวอ๎ุม / พํุมพวงพยุง // 7. บุคคลในข๎อใดใช๎น้ําเสียงในการอํานได๎ถูกต๎อง ก. แตงโม อํานบทรักด๎วยน้ําเสียงสั่นเครือ

  • ข. ปุูงกี๋ อํานบทเศร๎าด๎วยน้ําเสียงนุํมนวล ค. มะลิ อํานบทตลกขบขันด๎วยน้ําเสียงที่มีชีวิตชีวา ง. นะโม อํานบทกลําวเกินจริงด๎วยน้ําเสียงต่ํากวําปกติ 8. การอํานด๎วยน้ําเสียงหนักแนํน สั้น กระชับ เหมาะกับการอํานเนื้อความในลักษณะใด ก. เนื้อความประเภทสั่งสอน ข. เนื้อความประเภทตัดพ๎อตํอวํา ค. เนื้อความประเภทแสดงอารมณ๑กลัว ง. เนื้อความประเภทแสดงอารมณ๑โกรธ 9. คําประพันธ๑ประเภทใด ที่ได๎รับการถํายทอดจากอินเดีย ก. คําประพันธ๑ประเภทโคลง ข. คําประพันธ๑ประเภทฉันท๑ ค. คําประพันธ๑ประเภทรําย ง. คําประพันธ๑ประเภทกาพย๑ 10. ข๎อใดกลําวไมํถูกต๎อง ก. การอํานฉันท๑จะต๎องรู๎จักคําครุ ลหุ ข. การอํานรํายทุกชนิดจะมีทํานองเหมือนกัน ค. การอํานฉันท๑จะไมํเอ้ือนเสียงคําท่ีมีลหุ เพราะมีเสียงเบาและสั้น ง. การอํานฉันท๑ในวรรคที่มีสัมผัสนอกจะต๎องเอ้ือนเสียงต่ํา สั้น และกระชับ 1. ค 2. ง 3. ข 4. ง 5. ค 6. ก 7. ค 8. ง 9. ข 10. ง

    เฉลย

  • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยีนท่ี 1/......... สาระหลักที่ 1 : การอ่าน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การอ่านสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ใช๎เวลาสอนทั้งหมด 2 ชั่วโมง สอนมาแล๎ว - ชั่วโมง สอนครั้งนี้ 1 ชั่วโมง ชั้น ม. 4/1 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ชั้น ม. 4/2 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ผู้สอน ........................................... สาระส าคัญ /ความคิดรวบยอด สื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑มีความหลากหลายและเข๎าถึงผู๎อํานได๎รวดเร็วมากขึ้น ผู๎อํานควรรู๎และเข๎าใจถึงลักษณะและแนวทางการอํานสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑เพื่อจะได๎อํานอยํางมีวิจารณญาณ รู๎จักการแยกแยะและมีเหตุผลในการอํานมากขึ้น ตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวช้ีวัด

    ท 1.1 ม.4-6/ 8 สังเคราะห๑ความรู๎จากการอํานสื่อสิ่งพิมพ๑ สื่ออิเล็กทรอนิกส๑ และแหลํง เรยีนรู๎ตํางๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู๎ทางอาชีพ ม.4-6/ 9 มีมารยาทในการอําน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เข๎าใจและอธิบายลักษณะและแนวทางการอํานสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ได๎ 2. อํานสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ได๎อยํางถูกต๎อง สาระการเรียนรู้

    3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. การอํานจับใจความสําคัญจากสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ 2. มารยาทในการอําน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

    4.2 ความสามารถในการคิด

    - ทักษะการคิดวิเคราะห๑ - ทักษะการคิดอยํางสร๎างสรรค๑ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - กระบวนการปฏิบัติ - กระบวนการทํางานกลุํม คุณลักษณะอันพึงประสงค์

    1. มีวินัย

  • 2. ใฝุเรียนรู๎ 3. มุํงม่ันในการทํางาน

    กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม)

    นักเรียนทําแบบทดสอบกํอนเรียน หนํวยการเรียนรู๎ที่ 2 1. ครูถามนักเรียนวําสื่อสิ่งพิมพ๑คืออะไร แบํงออกเป็นก่ีประเภท อะไรบ๎าง เพื่อนําเข๎าสูํบทเรียน 2. ครูให๎นักเรียนศึกษาความรู๎เรื่อง ความหมาย ประเภทของสื่อสิ่งพิมพ๑ จากหนังสือเรียน หนังสือค๎นคว๎า

    เพ่ิมเติม หรือแหลํงข๎อมูลสารสนเทศตามความเหมาะสม แล๎วสรุปสาระสําคัญจดลงในสมุด 3. ให๎นักเรียนรวบรวมสื่อสิ่งพิมพ๑ที่อํานในชีวิตประจําวัน แล๎วชํวยกันแยกประเภทของสื่อสิ่งพิมพ๑ พร๎อมอธิบาย

    ลักษณะของสื่อสิ่งพิมพ๑ที่ได๎นําเสนอวํามีความแตกตํางกันอยํางไร 4. นักเรียนแบํงกลุํม กลุํมละ 4-6 คน ตามความสมัครใจ แล๎วให๎แตํละกลุํมศึกษาเรื่อง การอํานสื่อสิ่งพิมพ๑ประเภท

    เรื่องสั้น จากหนังสือเรียน แล๎วสรุปสาระสําคัญจดลงในสมุด 5. ครูให๎นักเรียนแตํละกลุํมชํวยกันยกตัวอยํางเรื่องสั้นที่ตนเองชอบหรือสนใจ มา 1 เรื่อง อํานให๎สมาชิกในกลุํม

    ฟ๓ง แล๎วเขียนบอกองค๑ประกอบและชนิดของเรื่องสั้นเรื่องนั้น 6. นักเรียนแตํละกลุํมออกมานําเสนอผลงานหน๎าชั้นเรียน โดยเลําเรื่องยํอของเรื่องสั้นของกลุํมตนเองให๎เพื่อนฟ๓ง

    และบอกองค๑ประกอบ และชนิดของเรื่องสั้นเรื่องนั้น ครูและเพ่ือนนักเรียนรํวมกันแสดงความคิดเห็นและให๎ข๎อเสนอแนะ

    7. ครูให๎นักเรียนศึกษาความรู๎เรื่อง การอํานสื่อสิ่งพิมพ๑ประเภทนวนิยาย จากหนังสือเรียน หนังสือ ค๎นคว๎าเพ่ิมเติม หรือแหลํงข๎อมูลสารสนเทศตามความเหมาะสม แล๎วสรุปสาระสําคัญจดลงในสมุด

    8. ครูให๎นักเรียนเลือกนวนิยายที่ตนเองชื่นชอบมาคนละ 1 เรื่อง แล๎วให๎นักเรียนอํานให๎จบภายในระยะเวลา 1 เดือน (ครูอาจกําหนดระยะเวลาได๎ตามความเหมาะสม)

    9. ครูให๎นักเรียนวิจารณ๑นวนิยายตามโครงสร๎างที่ได๎ศึกษามาแล๎วออกมานําเสนอหน๎าชั้นเรียน โดยครูและเพ่ือนนักเรียนรํวมกันแสดงความคิดเห็นและให๎ข๎อเสนอแนะ

    10. ครูและนักเรียนรํวมกันสรุปความรู๎เรื่อง การอํานสื่อสิ่งพิมพ๑ประเภทเรื่องสั้นและนวนิยาย การวัดและประเมินผล

    วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกํอนเรียน แบบทดสอบกํอนเรียน ร๎อยละ 60 ผํานเกณฑ๑ ประเมินแผํนพับนักอําน แบบประเมินแผํนพับนักอําน ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุํม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุํม ระดับคุณภาพ 2 ผํานเกณฑ๑ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร๎อยละ 60 ผํานเกณฑ๑ ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้

    1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช๎ภาษา ม.4 2. หนังสือค๎นคว๎าเพ่ิมเติม 1) โกชัย สาริกบุตร. การอ่านขั้นใช้วิจารณญาณ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ๑แสงรุ๎งการพิมพ๑, 2521. 2) แววมยุรา เหมือนนิล. การอ่านจับใจความ. กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2541. 3) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย

    http://www.opac.lib.su.ac.th/search~S0?/t%7b673%7d%7b722%7d%7b707%7d%7b717%7d%7b744%7d%7b722%7d%7b697%7d/t|a1d2c3cde8d2b9/1%2C58%2C81%2CB/frameset&FF=t|a1d2c3cde8d2b9a8d1baa8e3a4c7d2c1&2%2C%2C2

  • หน่วยท่ี 1-15 . นนทบุรี : สํานักพิมพ๑มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545. 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1. ห๎องสมุด 2. แหลํงข๎อมูลสารสนเทศ www.bcc.ac.th/www/syllabus/work/1/w30201.pdf www.st.ac.th/bhatips/tip49/reading1.html

    http://www.bcc.ac.th/www/syllabus/work/1/w30201.pdf

  • แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ค าชี้แจง ให๎นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต๎องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. ข๎อใดกลําวถึงสื่อสิ่งพิมพ๑ได๎ถูกต๎อง ก. เป็นสื่อที่มีความหลากหลายและสามารถเข๎าถึงผู๎อํานได๎รวดเร็ว ข. เป็นสื่อที่ตีพิมพ๑ออกมามีลักษณะตํางจากต๎นฉบับ ค. เป็นสื่อที่มีกลุํมเปูาหมายเพื่อติดตํอเพียงกลุํมเดียว ง. เป็นสื่อที่แสดงให๎คนในสังคมได๎รับรู๎ขําวสารเทํานั้น 2. สื่อสิ่งพิมพ๑ใด ที่ผลิตโดยไมํมุํงหวังผลกําไรเพียงให๎ผู๎อํานได๎ศึกษาหาความรู๎และมีการกําหนด การออกเผยแพรํเป็นครั้งๆ หรือในวาระพิเศษ ก. วารสาร ข. นิตยสาร ค. จุลสาร ง. แผํนพับ 3. ข๎อใดเป็นสื่อสิ่งพิมพ๑ที่ผลิตขึ้นโดยใช๎เรื่องราวสมมุติและให๎ผู๎อํานได๎รับความเพลิดเพลินสนุกสนาน เป็นสําคัญ ก. ตําราอาหาร ข. นิทานอีสป ค. หนังสือพิมพ๑ ง. โบว๑ชัวร๑ 4. ข๎อใดไม่ใช่สื่อสิ่งพิมพ๑ที่พิมพ๑เพ่ือเผยแพรํขําวสาร ก. แผํนพับ ข. ใบปิด ค. หนังสือฉบับกระเป๋า ง. ใบปลิว 5. ข๎อใดกลําวถึงลักษณะของเรื่องสั้น ไม่ถูกต้อง ก. เป็นเรื่องที่มีขนาดสั้นและมีโครงเรื่องงําย ข. มีเค๎าเรื่องที่กระชับและมีพฤติการณ๑สําคัญเพียงอยํางเดียว ค. ตัวละครไมํมาก การกระทําและพฤติกรรมต๎องไปสูํจุดสุดยอด ง. มีลักษณะคล๎ายนวนิยายแตํสั้น ซับซ๎อน และชัดเจน 6. เมื่อผู๎อํานอํานเรื่องสั้นจบแล๎วความหมายที่ผู๎อํานสรุปได๎คือสิ่งใด ก. โครงเรื่อง ข. ข๎อคิดท่ีได๎จากเรื่อง ค. แกํนเรื่อง ง. เนื้อเรื่อง 7. ชนิดของเรื่องสั้นใดที่ตอนจบจบแบบหักมุมที่ผู๎อํานคาดไมํถึง ก. ชนิดผูกเรื่อง ข. ชนิดเพํงแสดงลักษณะของตัวละคร ค. ชนิดถือฉากเป็นสํวนสําคัญ ง. ชนิดแสดงแนวความคิดเห็น 8. ข๎อใด ไม่ใช่ ประเด็นที่ควรสังเกตในการอํานเรื่องสั้น ก. พิจารณาแกํนเรื่องวําคืออะไร ข. สรุปใจความสําคัญของเรื่องวําคือเรื่องใด ค. วิเคราะห๑วิจารณ๑ลักษณะเดํนของเรื่องสั้นเรื่องนั้น ง. พิจารณารูปแบบการเขียนวําใช๎แนวการเขียนแบบใด 9. ข๎อใดไมํเป็นลักษณะของนวนิยาย ก. เป็นเรื่องเลําที่เขียนให๎ใกล๎เคียงกับความจริงเทําที่จะสามารถทําได๎ ข. เป็นเรื่องเลําร๎อยแก๎วที่สร๎างมาจากจินตนาการสํวนหนึ่ง ค. เป็นเรื่องที่ทําให๎เห็นวําเป็นเรื่องท่ีเกิดข้ึนจริง ง. เป็นเรื่องที่ยึดหลักความเป็นจริงเป็นเกณฑ๑ 10. วิธีที่ผู๎แตํงไมํใช๎แสดงลักษณะนิสัยของตัวละคร คือข๎อใด

  • ก. ผู๎แตํงใช๎อธิบายความคิดของตัวละคร ข. ผู๎แตํงใช๎วิธีกลําวถึงโดยใช๎การบรรยายสถานที่เป็นหลัก ค. ผู๎แตํงบรรยายนิสัยของตัวละครเองจากการสังเกตภายนอก ง. ผู๎แตํงใช๎วิธีที่ตัวละครแสดงตัวตนด๎วยคําพูดและพฤติกรรม 11. ตัวละครที่มีหลายมิติ มีลักษณะอยํางไร ก. ตัวละครที่มีนิสัยเปลี่ยนไปตามเหตุการณ๑และสิ่งแวดล๎อม ข. ตัวละครที่มีนิสัยประจํา กลําวคือ เป็นคนดีตลอดท้ังเรื่อง ค. ตัวละครที่มีนิสัยเปลี่ยนไปบ๎างแตํก็ยังคงนิสัยประจําไว๎ ง. ตัวละครที่มีนิสัยด๎านเดียวตลอดเรื่อง 12. สิ่งที่เป็นสํวนประกอบสําคัญชํวยให๎เข๎าใจเรื่องราวพฤติกรรมได๎มากท่ีสุด คือข๎อใด ก. ฉากและบรรยากาศ ข. ทรรศนะของผู๎แตํง ค. บทสนทนา ง. แกํนเรื่อง 13. ข๎อใดไม่ใช่อุปกรณ๑ท่ีชํวยในการอํานสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ ก. เครื่องคอมพิวเตอร๑ ข. คอมพิวเตอร๑แบบพกพา ค. โทรศัพท๑เคลื่อนที่ ง. รูปภาพ 14. ข๎อใดไม่ใช่แนวทางในการอํานสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ ก. ความนําเชื่อถือของข๎อมูล ข. ความถูกต๎องของข๎อมูล ค. ความทันสมัยของข๎อมูล ง. ความสัมพันธ๑ของข๎อมูล 15. ข๎อใดเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ประเภทออฟไลน๑ทั้งหมด ก. ซีดีรอม ฮาร๑ดดิสก๑ แผํนดิสก๑ ข. ซีดีรอม เว็บไซต๑ อีเมล ค. ซีดีรอม เว็บไซต๑ ฮาร๑ดดิสก๑ ง. แผํนดิสก๑ ฮาร๑ดดิสก๑ อีเมล 1. ก 2. ค 3. ข 4. ค 5. ง 6. ค 7. ก 8. ข 9. ค 10. ข 11. ก 12. ค 13. ง 14. ง 15. ก

    เฉลย

  • แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยีนท่ี 1/......... สาระหลักที่ 1 : การอ่าน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การอ่านสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ใช๎เวลาสอนทั้งหมด 2 ชั่วโมง สอนมาแล๎ว - ชั่วโมง สอนครั้งนี้ 1 ชั่วโมง ชั้น ม. 4/1 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ชั้น ม. 4/2 สอนวันที่............เดือน.........................พ.ศ. ............. เวลา......................น. – เวลา............................น. ผู้สอน ........................................... สาระส าคัญ /ความคิดรวบยอด สื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑มีความหลากหลายและเข๎าถึงผู๎อํานได๎รวดเร็วมากขึ้น ผู๎อํานควรรู๎และเข๎าใจถึงลักษณะและแนวทางการอํานสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑เพื่อจะได๎อํานอยํางมีวิจารณญาณ รู๎จักการแยกแยะและมีเหตุผลในการอํานมากขึ้น ตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวช้ีวัด

    ท 1.1 ม.4-6/ 8 สังเคราะห๑ความรู๎จากการอํานสื่อสิ่งพิมพ๑ สื่ออิเล็กทรอนิกส๑ และแหลํง เรยีนรู๎ตํางๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู๎ทางอาชีพ ม.4-6/ 9 มีมารยาทในการอําน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เข๎าใจและอธิบายลักษณะและแนวทางการอํานสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ได๎ 2. อํานสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ได๎อยํางถูกต๎อง สาระการเรียนรู้

    3.2 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. การอํานจับใจความสําคัญจากสื่อสิ่งพิมพ๑และสื่ออิเล็กทรอนิกส๑ 2. มารยาทในการอําน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

    4.2 ความสามารถในการคิด

    - ทักษะการคิดวิเคราะห๑ - ทักษะการคิดอยํางสร๎างสรรค๑ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - กระบวนการปฏิบัติ - กระบวนการทํางานกลุํม คุณลักษณะอันพึงประสงค์

    4. มีวินัย

  • 5. ใฝุเรียนรู๎ 6. มุํงม่ันในการทํางาน

    กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม)

    1. ครูถามน�