aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน...
TRANSCRIPT
![Page 1: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/1.jpg)
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์(Guideline for Management of Gout)
โดย
สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2555
(ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์ ปี พ.ศ. 2544)
![Page 2: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/2.jpg)
ค�าน�า โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบเฉียบพลันท่ีพบบ่อยท่ีสุดเป็นผลจากภาวะกรดยูริกท่ีสูงในเลือดเป็น
เวลานานหลายๆปีท�าให้เกิดการตกผลึกของเกลือยูเรตในเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็น
เพศชายเริ่มต้นอาการตั้งแต่อายุ30ปีเป็นต้นไปส่วนเพศหญิงมักเริ่มต้นอาการในวัยหลังหมด
ประจ�าเดือนไปแล้วมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเฉียบพลันข้ึนการวินิจฉัยโรค
อาศัยประวัติการตรวจร่างกายรวมทั้งระดับกรดยูริกท่ีสูงในเลือดและยืนยันด้วยการตรวจพบผลึก
เกลือยูเรตจากน�้าไขข้อการวินิจฉัยโรคได้ช้าและได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้องนอกจากจะส่งผลให้ผู้ป่วย
ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดและเกิดความพิการจากข้อท่ีถูกท�าลายแล้วยังอาจท�าให้เสียชีวิต
จากภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะโรคไตวายในระยะท้ายได้ด้วยปัจจุบันมียาและผลิตภัณฑ์หลายชนิดใน
ท้องตลาดที่กล่าวอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคนี้ยาส่วนใหญ่นี้ไม่เคยผ่านการศึกษาวิจัยหรือตรวจสอบ
ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยมาก่อนเลยดังนั้นในปัจจุบันจึงพบผู้ป่วยโรคเกาต์ระยะท้ายหลาย
รายที่ต้องเผชิญกับผลข้างเคียงของยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพเหล่านี้ จุดประสงค์ของการท�า
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์คือเพื่อให้แพทย์ผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้เป็นแนวทางในการ
วินิจฉัยโรคสามารถให้ค�าแนะน�าและตัดสินใจเลือกใช้ยาหรือวิธีการรักษาโรคท่ีมีคุณภาพและมีความ
ปลอดภัยแก่ผู้ป่วยรวมทั้งเกิดความเหมาะสมและคุ้มค่าแก่ประเทศไทยมากที่สุด
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ฉบับใหม่นี้ทางสมาคมรูมาติสซ่ัมแห่งประเทศไทยได้
จัดท�าขึ้นโดยรวบรวมข้อมูลจากหลักฐานการศึกษาที่น่าเชื่อถือล่าสุดรวมทั้งแนวทางปฏิบัติและข้อ
แนะน�าจากต่างประเทศในปัจจุบันมาปรับเปลี่ยนแนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ของสมาคมฯ
ฉบับเดิมให้มีความสมบูรณ์และทันสมัยรวมท้ังเหมาะสมกับประเทศไทยมากยิ่งข้ึนอย่างไรก็ตาม
แนวทางเวชปฏิบัติฉบับนี้ไม่สามารถใช้เป็นมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยโรคเกาต์ทุกรายได้เนื่องจากการ
ดูแลรักษาผู้ป่วยควรตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลทางคลินิกและการตัดสินใจของผู้ป่วยในแต่ละรายรวมทั้ง
สภาวะแวดล้อมและเศรษฐานะของประเทศแนวทางเวชปฏิบัติอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อความรู้
ทางการแพทย์มีความก้าวหน้ามากขึ้นและแบบแผนการรักษามีการปรับเปลี่ยนไปในอนาคตแนวทาง
เวชปฏิบัติฉบับนี้ไม่ได้รวมยาบางชนิดหรือวิธีการรักษาบางอย่างซ่ึงไม่ได้ข้ึนทะเบียนให้ใช้รักษาโรคเกาต์
แต่มีหลักฐานทางคลินิกว่าอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคนี้ได้
แพทย์หญิงไพจิตต์อัศวธนบดี
นายกสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
วาระปีพ.ศ.2553-2555
![Page 3: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/3.jpg)
คณะท�างานแนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทยแพทย์หญิงกนกรัตน์ นันทิรุจแพทย์หญิงกุลศิริ ธรรมโชตินายแพทย์เกียรติ ภาสภิญโญแพทย์หญิงขวัญฤทัย ศรีพวาทกุลแพทย์หญิงจินตาหรา มังคะละนายแพทย์ชยวี เมืองจันทร์นายแพทย์ชาติวุฒิ ค�้าชูนายแพทย์โชคชัย กิตติญาณปัญญาแพทย์หญิงโชติมา ศรศิริวงศ์แพทย์หญิงดวงกมล ผดุงวิทย์วัฒนาแพทย์หญิงทัศนีย์ กิตอ�านวยพงษ์นายแพทย์ธานี ตั้งอรุณสันติแพทย์หญิงธาริณี โรจน์สกุลกิจแพทย์หญิงนันทนา กสิตานนท์แพทย์หญิงนันทรัตน์ วงษ์วรอาภรณ์นายแพทย์บดินทร์ บุตรธรรมนายแพทย์ปฐพงศ์ โตวิวัฒน์แพทย์หญิงประภัสสร อัศวโสตถิ์แพทย์หญิงปริฉัตร เอื้ออารีวงศาแพทย์หญิงปวีณา เชี่ยวชาญวิศวกิจนายแพทย์พงศ์ธร ณรงค์ฤกษ์นาวินนายแพทย์พนัสพงษ์ จันทร์บรรเจิดแพทย์หญิงพรเพ็ญ อัครวัชรางกูรแพทย์หญิงพัสวี วนานุวัธนายแพทย์พีระวัฒน์ บุนยตีรณะแพทย์หญิงไพจิตต์ อัศวธนบดีแพทย์หญิงภัทริยา มาลัยศรีนายแพทย์ภาสกร แสงสว่างโชติแพทย์หญิงภิรดี ศรีจันทร์นายแพทย์ยุทธนา สงวนศักดิ์โกศล
![Page 4: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/4.jpg)
นายแพทย์รัตตพล ภัคโชตานนท์แพทย์หญิงรัตนวดี ณนครแพทย์หญิงวันรัชดา คัชมาตย์นายแพทย์สมชาย เอื้อรัตนวงศ์แพทย์หญิงสหนันท์ เลิศสินกอบศิรินายแพทย์สิทธิชัย เนตรวิจิตรพันธ์นายแพทย์สิทธิชัย อุกฤษฏชนแพทย์หญิงสิริพร จุทองแพทย์หญิงสิริพร มานวธงชัยแพทย์หญิงสุจินต์ เลิศวิเศษนายแพทย์สุจิโรตถ์ หาญทวิชัยแพทย์หญิงสุมาภา ชัยอ�านวยนายแพทย์สุรชัย นิธิเกตุกุลนายแพทย์สุรวุฒิ ปรีชานนท์นายแพทย์สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์แพทย์หญิงเสาวนีย์ เบญจมานุกูลนายแพทย์อนวรรถ ซื่อสุวรรณนายแพทย์อภิชาญ ช�านาญเวชแพทย์หญิงอรรจนี มหรรฆานุเคราะห์แพทย์หญิงอังครัตน์ ศุภชัยศิริกุลแพทย์หญิงอัจฉรา กุลวิสุทธิ์แพทย์หญิงอัญชลี ไทรงามแพทย์หญิงเอมวลี อารมย์ดี
ผู้ร่วมท�าประชาพิจารณ์ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทยราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่านโรงพยาบาลเลิดสินโรงพยาบาลพะเยาโรงพยาบาลชุมแพอ�าเภอชุมแพจังหวัดขอนแก่น
![Page 5: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/5.jpg)
ความจ�าเป็นของแนวทางเวชปฏิบัต.ิ............................................................................................................07
ค�าจ�ากัดความของภาวะกรดยูริกในเลือดสูง...............................................................................................09
แนวทางปฏิบัติ..............................................................................................................................................09
แนวทางการรักษา..........................................................................................................................................11
ภาคผนวก
ภาคผนวกที่ 1 การแบ่งระดับของหลักฐานการศึกษา(levelsofevidence)................................31
และข้อแนะน�า(gradingofrecommendations)
ภาคผนวกที่ 2 แผนผังแสดงแนวทางปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูง...............................................32
ภาคผนวกท่ี 3สาเหตุของภาวะกรดยูริกในเลือดสูง............................................................................33
ภาคผนวกที่ 4 แผนผังแสดงแนวทางปฏิบัติการรักษาข้ออักเสบเฉียบพลันในโรคเกาต์....................34
ภาคผนวกท่ี 5แนวทางปฏิบัติการรักษาโรคเกาต์ในระยะยาว...........................................................35
ภาคผนวกท่ี 6 ขนาดยาallopurinolในผู้ป่วยโรคเกาต์ที่มีการท�างานของไตบกพร่อง..................36
ภาคผนวกที่ 7 ตารางการท�า allopurinol desensitization............................................................37
ภาคผนวกท่ี 8 ยาท่ีมีคุณสมบัติสามารถลดระดับกรดยูริกในเลือด.....................................................38
ภาคผนวกท่ี 9 ขนาดยาcolchicineเพื่อป้องกันข้ออักเสบก�าเริบซ้�าในผู้ป่วยโรคเกาต์..................38
ที่มีการท�างานของไตบกพร่อง
สารบัญ
หน้า
![Page 6: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/6.jpg)
![Page 7: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/7.jpg)
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์(Guideline for Management of Gout)สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
ความจ�าเปนของแนวทางเวชปฏิบัติ
โรคเกาต์เป็นโรคข้ออกัเสบทีพ่บบ่อยมากในเวชปฏบิตัิมอีบุตักิารณ์ร้อยละ1-2ในช่วง10ปี
ที่ผ่านมาพบอัตราของโรคเกาต์เพิ่มขึ้นถึง2เท่า1นอกจากนี้ยังพบเพ่ิมข้ึนตามอายุในเพศชาย
อายุมากกว่า65ปีพบได้ร้อยละ7และเพศหญิงอายุมากกว่า85ปีพบได้ร้อยละ32-3โรคเกาต์
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด4กลุ่มอาการทางเมตาบอลิก(metabolic
syndrome)5และโรคเบาหวาน6การรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยท�าให้ผู้ป่วยมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดีขึ้นรวมทั้งลดภาวะแทรกซ้อนทางข้อและไตลง
เนื่องจากในปัจจุบันมียารักษาโรคเกาต์เกิดขึ้นใหม่หลายชนิดอีกทั้งมีการศึกษาถึง
แบบแผนการด�าเนินชีวิตและการดูแลรักษาตนเองกันอย่างกว้างขวางทางสมาคมรูมาติสซ่ัมแห่ง
ประเทศไทยจึงได้จัดท�าแนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเกาต์ข้ึนโดยปรับปรุงพัฒนา
แนวทางเวชปฏิบัติให้ทันสมัยและเหมาะสมกับประเทศไทยโดยหวังว่าจะช่วยท�าให้ประสิทธิภาพ
การรักษาโรคและการด�าเนินชีวิตของผู้ป่วยโรคเกาต์ดีขึ้น
![Page 8: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/8.jpg)
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ฉบับนี้ถูกสร้างข้ึนจากความร่วมมือของคณะ
กรรมการจัดท�าแนวทางเวชปฏิบัติโดยทั้งหมดเป็นอายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซ่ัมในสมาคม
รูมาติสซั่มแห่งประเทศไทยซึ่งได้ท�าการรวบรวมข้อมูลที่มีหลักฐานการศึกษา(ภาคผนวก
ที่1)จากelectronicdatabase(Medline)และsystematicreviewdatabase(Co-
chranesystematicreview)ที่เกี่ยวกับโรคเกาต์จนถึงเดือนสิงหาคมพ.ศ.2554รวมทั้งได้
ศึกษาจากแนวทางเวชปฏิบัติโรคเกาต์จากต่างประเทศ ทั้งนี้จะเลือกเฉพาะข้อมูลที่มีหลักฐาน
น่าเชื่อถือระดับสูงสุด
ข้อจ�ากัดของแนวทางเวชปฏิบัติ
แนวทางเวชปฏิบัติส�าหรับโรคเกาต์ฉบับนี้ไม่สามารถใช้เป็นมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยโรค
เกาต์ทุกรายได้เนื่องจากการดูแลรักษาผู้ป่วยควรตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลทางคลินิกรวมทั้งการ
ตัดสินใจของผู้ป่วยในแต่ละรายแนวทางเวชปฏิบัติอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เม่ือความรู้ทางการ
แพทย์มีความก้าวหน้ามากขึ้นและแบบแผนการรักษามีการปรับเปลี่ยนไปในอนาคตการดูแล
รักษาโดยยึดแนวทางเวชปฏิบัติฉบับนี้จะไม่ยืนยันว่าผู้ป่วยทุกรายจะประสบความส�าเร็จจากการ
รักษาแนวทางเวชปฏิบัตินี้ไม่ได้รวมยาบางชนิดหรือวิธีการรักษาบางอย่างซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียน
ให้ใช้รักษาโรคเกาต์แต่มีหลักฐานทางคลินิกว่าอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเกาต์ได้การ
บันทึกข้อมูลอย่างละเอียดลงในเอกสารทางการแพทย์ของผู้ป่วยจะเป็นหลักฐานที่มีความส�าคัญ
เป็นอย่างมากหากการดูแลรักษาผู้ป่วยบางรายจะมีความแตกต่างไปจากแนวทางเวชปฏิบัติฉบับนี้
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่มและแพทย์สาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็น
แนวทางในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเกาต์
2.เพื่อให้อายุรแพทย์และพยาบาลโรคข้อและรูมาติสซ่ัมรวมทั้งแพทย์และพยาบาลสาขา
อื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทางในการให้ค�าแนะน�าผู้ป่วยใช้ประเมินโรคและติดตามผลการ
รักษารวมทั้งเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงในผู้ป่วยโรคเกาต์
กลุ่มเปาหมาย
1.อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่มและแพทย์สาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง
8 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 9: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/9.jpg)
2.แพทย์ทั่วไปพยาบาลวิชาชีพช�านาญการด้านการดูแลผู้ป่วยโรคข้อและบุคคลากร
ทางการแพทย์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ค�าจ�ากัดความของภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
ภาวะกรดยูริกในเลือดสูงคือภาวะที่ร่างกายมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติโดยเพศ
ชายมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่า7มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรและเพศหญิงมีระดับกรดยูริกในเลือด
สูงกว่า6มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรหรือมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่า6.8มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
เมื่ออิงตามคุณสมบัติทางเคมีซึ่งมีการตกผลึกของเกลือยูเรตในเนื้อเยื่อเมื่อมีระดับกรดยูริกในเลือด
สูงกว่า6.8มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรที่37องศาเซลเซียส7-8
แนวทางปฏิบัติ
เนื่องจากผู้ป่วยที่มีภาวะกรดยูริกในเลือดสูงส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแสดงทางคลินิกของ
โรคเกาต์จึงไม่แนะน�าให้ใช้ยาลดกรดยูริกในผู้ป่วยที่ภาวะกรดยูริกในเลือดสูงโดยที่ยังไม่มีอาการ
แสดงใดๆโดยมีแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้(ภาคผนวกที่2)
1.ค้นหาและรักษาสาเหตุหรือโรคที่ท�าให้กรดยูริกในเลือดสูง(ภาคผนวกที่3) โดยการ
ซักประวัติตรวจร่างกายหรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมในรายที่พบสาเหตุซึ่งสามารถ
แก้ไขได้ก็ให้แก้ไขหรือก�าจัดสาเหตุนั้นจากนั้นตรวจเลือดซ�้าอีก1-2ครั้งโดยมีระยะเวลาห่างกัน
1-2เดือนเพื่อตรวจว่าระดับกรดยูริกในเลือดได้ลดลงเป็นปรกติหรือไม่
2.พิจารณาส่งตรวจปริมาณกรดยูริกในปัสสาวะ24ช่ัวโมงเม่ือผู้ป่วยมีข้อบ่งช้ีข้อใดข้อ
หนึ่งดังต่อไปนี้
•มีประวัติครอบครัวเป็นนิ่วหรือเป็นโรคเกาต์ตั้งแต่อายุน้อย
•ตรวจพบนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
•มีอายุน้อยกว่า30ปี
3.พิจารณาให้ยาลดกรดยูริกในเลือดเมื่อมีข้อบ่งชี้ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
•มีปริมาณกรดยูริกในปัสสาวะมากกว ่า1100มิลลิกรัมต ่อวัน 11 (levelof
evidence,LoE4)
•มีแผนการรักษาด้วยยาเคมีบ�าบัดในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดหรือต่อมน�้าเหลืองทั้งนี้เพ่ือ
ป้องกันการเกิดภาวะtumorlysissyndrome
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 9
![Page 10: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/10.jpg)
4.ค้นหาและท�าการรักษาโรคอื่นๆซึ่งมักพบร่วมกับโรคเกาต์เช่นโรคความดันโลหิตสูง
เบาหวานไขมันในเลือดสูงและกลุ่มอาการเมตาบอลิกเป็นต้น12
5.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการด�าเนินชีวิตที่จะท�าให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงเช่นควบคุม
น�้าหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหยุดดื่มสุรางดหรือลดอาหารบางชนิดที่จะท�าให้กรดยูริกใน
เลือดสูงขึ้น13-14
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเกาต์
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคข้ออักเสบในโรคเกาต์ที่แน่นอน(definite)คือการตรวจพบผลึก
เกลอืโมโนโซเดยีมยเูรต(monosodiumuratecrystal)จากน�า้ไขข้อหรอืก้อนโทฟัสโดยมลีกัษณะ
เป็นรูปเข็มเมื่อตรวจผ่านกล้องจุลทรรศน์และมีคุณสมบัติเป็นnegativebirefringentเมื่อตรวจ
ผ่านกล้องจุลทรรศน์ชนิดcompensatedpolarizedlightในระยะที่มีการอักเสบเฉียบพลันจะ
พบผลึกดังกล่าวอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาว15
ในกรณีที่ไม่สามารถท�าการตรวจน�้าไขข้ออาจใช้เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเกาต์ของRome
(Romecriteria)16โดยอาศัยเกณฑ์2ใน3ข้อดังต่อไปนี้17-18
1.ข้อบวมเจ็บซึ่งเกิดขึ้นทันทีทันใดและหายภายใน2สัปดาห์
2.ระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่า7มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในผู้ชายและมากกว่า6มิลลิกรัม
ต่อเดซิลิตรในผู้หญิง
3.พบก้อนโทฟัส(tophus)
ในกรณีที่สงสัยว่ามีข้ออักเสบติดเชื้อหรือเป็นข้ออักเสบจากผลึกเกลือชนิดอื่นร่วมด้วยควร
ท�าการตรวจน�้าไขข้อและการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคดังกล่าว
ด้วย17
อาการคลินิกของข้ออักเสบในโรคเกาต์
ข้ออักเสบในโรคเกาต์แบ่งเป็น3ระยะได้แก่
1.ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน(acutegoutyarthritis)
2.ระยะสงบ(intercriticalgout)คือระยะที่ไม่มีข้ออักเสบหรือหายจากข้ออักเสบซ่ึง
เป็นช่วงระหว่างการอักเสบในแต่ละครั้ง
3.ระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟัส(chronictophaceousgout)
10 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 11: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/11.jpg)
จุดประสงค์ของการรักษา
1.ลดการอักเสบเฉียบพลันของข้อ
2.ลดความถี่ของข้ออักเสบ
3.ลดขนาดของก้อนโทฟัสและท�าให้ก้อนโทฟัสหายไป
4.ลดการท�าลายข้อและป้องกันความผิดรูปของข้อ
5.ป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตอันเนื่องจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
แนวทางการรักษา
การรักษาโรคเกาต์ควรใช้ทั้งการรักษาโดยวิธีไม่ใช้ยาและใช้ยาร่วมกันซ่ึงจะมีประสิทธิภาพ
ดีกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง(1b,A)การรักษาจะต้องปรับให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายๆไปโดย
ประเมินจาก
1.ปัจจัยเสี่ยงของโรคเกาต์ได้แก่ระดับของกรดยูริกในเลือดของผู้ป่วยความถี่ในการ
ก�าเริบของข้ออักเสบความผิดปกติทางภาพรังสีข้อและกระดูก19(2b,B)
2.ระยะของโรคได้แก่acutegout,intercriticalgout,chronicgout20(1b,A)
3.ปัจจัยเสี่ยงทั่วไปได้แก่อายุเพศความอ้วนการดื่มแอลกอฮอล์ยาซ่ึงมีผลต่อระดับ
กรดยูริกในเลือดdruginteractionและโรคร่วมอื่นๆ21(1b,B)
การรักษาโดยวิธีไม่ใช้ยา (Non-pharmacological therapy)
การรกัษาโดยวธิไีม่ใช้ยาประกอบด้วยการให้ความรูเ้กีย่วกบัโรคเกาต์และการให้ค�าแนะน�า
ในการปฏิบัติตนที่ถูกต้องแนวทางการรักษาที่ใช้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพของการรักษาให้ดียิ่งขึ้น(4,D)
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม
o ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีสารพูรีน (purine)สูง เช่นอาหารทะเลหอย
เนื้อแดงสัตว์ปีกเครื่องในสัตว์และยีสต์22-23(2b,B)
o ลดผลไม้รสหวานและเครื่องดื่มที่ผสมน�้าตาลฟรุกโตส24(3,C)
o ลดการดื่มสุรา25(โดยเฉพาะเบียร์)(3,C)
o สามารถรับประทานนมพร่องมันเนย22โยเกิร์ตไขมันต�่า26น�้าเต้าหู้27ผลไม้ที่มีวิตามิน
ซีสูง28-29ได้(3,C)เนื่องจากสารพูรีนจากพืชจะเพ่ิมระดับกรดยูริกในเลือดไม่มาก(3,C)อย่า
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 11
![Page 12: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/12.jpg)
งไรก็ตามผู้ป่วยบางรายที่มีโรคเกาต์ก�าเริบขึ้นภายหลังจากการรับประทานอาหารบางชนิดก็จะ
แนะน�าให้งดอาหารชนิดนั้นๆไป22
o มีข้อมูลว่าการรับประทานวิตามินซี500มิลลิกรัมต่อวันจะช่วยลดระดับกรดยูริกใน
เลอืดลงได้บ้าง30(1b,A)แต่ควรระมดัระวงัการใช้ในระยะยาวเนือ่งจากอาจท�าให้เกดินิว่ในระบบ
ทางเดินปัสสาวะตามมาได้31
- โรคร่วมและปัจจัยเสี่ยงของโรคเกาต์
o ควรให้การรักษาโรคร่วมและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ(1b,A)เช่นภาวะไขมันในเลือดสูง32
ความดันโลหิตสูง33น�้าตาลในเลือดสูง34ความอ้วน35การสูบบุหรี่และโรคหลอดเลือดหัวใจ36-37
o ลดน�้าหนักในผู้ป่วยที่มีน�้าหนักเกินหรืออ้วนการลดน�้าหนักควรลดแบบช้าๆโดยตั้ง
เป้าหมายไว้ที่น�้าหนักในอุดมคติ(idealbodyweight)35,38-39(2b,B)การลดน�้าหนักอย่าง
รวดเร็วเกินไปอาจท�าให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นและท�าให้เกิดข้ออักเสบก�าเริบตามมาได้40
o ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงซึ่งได้รับการรักษาด้วยยาขับปัสสาวะอยู่ควรเปลี่ยน
ยาขับปัสสาวะเป็นยาลดความดันโลหิตชนิดอื่นที่ไม่มีผลต่อระดับกรดยูริกในเลือด(4,D)โดยอาจ
เปลีย่นเป็นยาลดความดนัโลหติซึง่มฤีทธิเ์ร่งการขบักรดยรูกิออกทางปัสสาวะด้วย41(2b,B)ส�าหรบั
ผู้ป่วยซึ่งมีโรคหรือภาวะที่จ�าเป็นต้องใช้ยาขับปัสสาวะก็ไม่ต้องหยุดยาขับปัสสาวะ(4,D)ส�าหรับ
ผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูงอาจพิจารณายาซ่ึงมีฤทธิ์เร่งการขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะด้วย33
(1b,A)
o ผู้ป่วยที่มีประวัตินิ่วในทางเดินปัสสาวะหากไม่มีข้อห้ามควรแนะน�าให้ดื่มน�้าวันละ
มากกว่า2ลิตร
- หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุต่อข้อหรือการออกก�าลังกายอย่างหักโหม(intensephysical
exercise)42(B)เนื่องจากจะท�าให้ข้ออักเสบก�าเริบขึ้นควรออกก�าลังกายในระดับปานกลาง
(moderatephysicalexercise)43
การรักษาโดยวิธีการใช้ยา (Pharmacological therapy)
ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน(ภาคผนวกที่4)6
ในระยะที่มีข้ออักเสบก�าเริบอย่างเฉียบพลันควรพักใช้ข้อ(4,D),ยกข้อให้สูง(4,D),และ
ประคบข้อด้วยน�้าแข็ง(icepack)44-45(1b,A)ควรเริ่มยาต้านการอักเสบให้เร็วที่สุดและหยุดยา
เมื่อข้อหายอักเสบแล้วโดยเลือกใช้ยาคอลจิซีน(colchicine)46และ/หรือยาต้านการอักเสบที่
ไม่ใช่สเตียรอยด์(non-steroidalanti-inflammatorydrugs,NSAIDs)1เป็นล�าดับแรกหาก
12 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 13: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/13.jpg)
ไม่มีข้อห้ามในการใช้(1b,A)ส�าหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาลดกรดยูริกในเลือดอยู่แล้ว
ก็ควรให้ยาในขนาดเดิมต่อไปไม่ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนแปลงขนาดของยาหรือเร่ิมให้ยาลดกรด
ยูริกในเลือดในขณะที่ยังมีข้ออักเสบอยู่47(4,D)เพราะจะท�าให้ข้ออักเสบหายช้า
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
การรักษาด้วยNSAIDsควรให้ในขนาดต้านการอักเสบจนกระทั่งหายจากอาการอักเสบ
ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกิน7วันยาทุกชนิดในกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพของการรักษาเท่ากัน48
(1b,A)ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน(aspirin)เนื่องจากมีผลต่อระดับกรดยูริกในเลือดควรหลีกเลี่ยง
indomethacinในผู้สูงอายุเนื่องจากมักก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะซึมและมีผลข้างเคียงใน
ระบบทางเดินอาหารได้บ่อย2ควรหลีกเลี่ยงNSAIDsในผู้ป่วยมีภาวะหัวใจวายโรคตับและ
โรคไตท�างานบกพร่องไม่ควรใช้NSAIDsมากกว่า1ชนิดร่วมกันเพราะไม่ได้เพ่ิมประสิทธิภาพ
ของการรักษาแต่จะเพิ่มผลข้างเคียงให้มากข้ึนยกเว้นการใช้ร่วมกับแอสไพรินขนาดต�่าเพ่ือ
ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้อาจพิจารณา
ให้NSAIDsในรูปฉีดแทน49ในผู ้ป่วยที่ปัจจัยเสี่ยงต่อผลข้างเคียงในระบบทางเดินอาหาร
ควรให้ยาgastro-protectiveagentหรือprotonpumpinhibitorควบคู่ไปด้วย50-51(1a,A)
หรือพิจารณาให้ยาในกลุ่มcoxibsแทน15(1b,A)การใช้NSAIDsให้ค�านึงถึงความเสี่ยงของผล
ข้างเคียงในระบบหัวใจและหลอดเลือดไว้เสมอ52-53
ยาคอลจิซีน (Colchicine)
Colchicineเป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาข้ออักเสบเฉียบพลันในโรคเกาต์46
ขนาดที่แนะน�าคือ0.6มิลลิกรัมวันละ2-4ครั้ง54-55 ไม่แนะน�าให้ใช้ยาในขนาดสูงหรือ
รับประทานยาทุก2ชั่วโมงจนกระทั่งปวดข้อลดลงเนื่องจากจะท�าให้เกิดท้องเสียได้บ่อย54,56
(1b,A)ผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ท้องเสียปวดท้องคลื่นไส้และอาเจียนส่วนภาวะ
กดไขกระดูก,myopathyและneuropathy57พบได้น้อยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคตับ
หรือโรคไตร่วมด้วย58หากใช้ร่วมกับsimvastatinจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะrhabdomyolysis
ดังนั้นจึงควรติดตามอาการปวดเมื่อยและระดับเอ็นซัยม์กล้ามเนื้อ(creatinephosphokinase,
CPK)เมื่อต้องใช้ยา2ชนิดร่วมกันหรืออาจพิจารณาเปลี่ยนยาลดไขมันเป็นpravastatin
หรือfluvastatinแทนนอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังการใช้ยาชนิดนี้ร่วมกับยาบางชนิดเช่น
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 13
![Page 14: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/14.jpg)
clarithromycin59,erythromycin60,cyclosporine,ketoconazole,cimetidineเป็นต้น
เนื่องจากจะท�าให้เกิดภาวะเป็นพิษจากcolchicineขึ้น
ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid)
คอร์ติโคสเตียรอยด์เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคเกาต์ระยะข้ออักเสบ
เฉียบพลัน61-63จะพิจารณาใช้ในรายที่มีข้อห้ามในการให้NSAIDsหรือcolchicineเช่นมีภาวะ
ไตวายเลือดออกในทางเดินอาหารหรือเมื่อไม่ตอบสนองต่อยาต้านการอักเสบข้างต้น(1b,A)
ในรายที่มีข้ออักเสบเพียงข้อเดียวอาจพิจารณาฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าข้อ(intraarticular
corticosteroidinjection)64(2b,B)สิ่งที่ควรตระหนักก่อนให้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์คือจะต้อง
มั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อใดๆอยู่ในร่างกายในขณะนั้นขนาดของยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ใช้รักษา
การอักเสบเทียบเท่ากับขนาดของเพรดนิโซโลน0.5มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวันเมื่ออาการดีขึ้น
ให้รีบลดขนาดยาลงโดยเร็ว
ยาแก้ปวดชนิดอื่น
ยาแก้ปวดชนิดอื่นเช่นtramadolและกลุ่มยาระงับปวดที่อยู่ในกลุ่มสารเสพติด(opiate
analgesic)อาจช่วยบรรเทาอาการปวดอย่างรุนแรงในระยะสั้นได้เม่ือใช้ควบคู่กับcolchicine
หรือNSAIDs(4,D)
ระยะปลอดอาการ(intercriticalperiod)และระยะโรคเกาต์เร้ือรัง(chronicgout)
(ภาคผนวกที่5) 7
หลังจากข้ออักเสบเฉียบพลันทุเลาลงผู้ป่วยโรคเกาต์ทุกรายควรได้รับการประเมินเพื่อ
แก้ไขปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยกระตุ้นต่างๆที่ท�าให้เกิดภาวะกรดยูริกในเลือดสูงรวมทั้งประเมิน
ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรคเกาต์ได้แก่การก�าเริบของโรคข้ออักเสบการเกิดปุ่มโทฟัส
และโรคไตทั้งนี้ก็เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาให้ยาลดระดับกรดยูริกในเลือดในระยะยาว
ข้อบ่งชี้ของการใช้ยาลดกรดยูริกในเลือดส�าหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ได้แก่มีข้ออักเสบก�าเริบ
เป ็นๆหายๆบ่อยกว ่า 2ครั้งต ่อป ี65; มีข ้ออักเสบเรื้อรัง;มีปุ ่มโทฟัส66 (Strengthof
Recommendation,SoRC);มีความผิดปกติทางภาพรังสีกระดูกและข้อซ่ึงเข้าได้กับโรคเกาต์;
มีuricacidnephropathy67(SoRB);มีภาวะไตบกพร่อง(SORB)และมีความจ�าเป็นต้องได้
รับยาขับปัสสาวะอย่างต่อเนื่อง68-69(SoRB)
14 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 15: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/15.jpg)
จุดมุ่งหมายในการให้ยาลดกรดยูริกในเลือดคือการละลายผลึกเกลือยูเรตออกจากเนื้อเยื่อ
และป้องกันไม่ให้มีการตกผลึกเกลือยูเรตเพ่ิมข้ึนทั้งนี้ควรท�าให้ระดับกรดยูริกในเลือดต�่ากว่า
จดุอิม่ตวัในเนือ้เยือ่โดยตัง้เป้าหมายให้อยูใ่นระดบัเท่ากบัหรอืต�า่กว่า6มลิลกิรมัต่อเดซลิติร21,70-71
(LoE3)ในกรณีอยู่ในระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟัสแล้วอาจตั้งเป้าหมายลดระดับกรดยูริกในเลือดลง
มาเท่ากับหรือต�่ากว่า5มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร70,72-73
การเริ่มให้การรักษาด้วยยาลดระดับกรดยูริกในเลือดให้พิจารณาระหว่างประโยชน์
ที่จะได้รับกับความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดข้ึนโดยประเมินจากสภาพผู้ป่วยประวัติ
ข้ออักเสบที่ผ่านมาโรคประจ�าตัวยาที่รับประทานอยู่และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆการเร่ิมให้ยาลดกรด
ยูริกในเลือดจะท�าภายหลังที่ข้ออักเสบหายสนิทแล้วเป็นเวลานาน1-2สัปดาห์ผู้ป่วยที่ได้ยา
ลดกรดยูริกในเลือดอยู่และเกิดข้ออักเสบก�าเริบขึ้นก็ให้การรักษาข้ออักเสบตามแนวทางการ
รักษาในระยะข้ออักเสบเฉียบพลันโดยคงขนาดของยาลดกรดยูริกในเลือดเท่าเดิมไม่ควรหยุด
หรือปรับขนาดยาลดกรดยูริกในเลือดในขณะที่ยังมีข้ออักเสบอยู่เนื่องจากจะท�าให้ข้ออักเสบ
หายได้ช้า(4,C)การให้ยาลดระดับกรดยูริกในเลือดควรเริ่มในขนาดต�่าก่อนแล้วค่อยๆปรับ
ขนาดยาเพิ่มขึ้นทุก1-4สัปดาห์ตามผลตอบสนองของระดับกรดยูริกในเลือดและผลข้างเคียงที่
เกิดขึ้น74
ยายับยั้งการสร้างกรดยูริก (Uricostatic agent)
Allopurinol
Allopurinolเป็นยาที่มีcost-effectivenessสูงในการรักษาโรคเกาต์เร้ือรัง65(1b,A)
การรักษาจะเริ่มในขนาดต�่าก่อนคือ50–100มิลลิกรัมต่อวันแล้วปรับเพ่ิมขึ้นคร้ังละ
50–100มิลลิกรัมต่อวันทุก1–4สัปดาห์74จนสามารถควบคุมระดับกรดยูริกในเลือดได้ตาม
เป้าหมายขนาดยาสูงสุดที่ใช้คือ900มิลลิกรัมต่อวัน75-76เนื่องจากยามีactivemetabolite
ซึ่งมีระยะครึ่งชีวิต(halflife)ยาวดังนั้นจึงสามารถให้ยาวันละครั้งได้ยาชนิดนี้ถูกขับออกทาง
ไตดังนั้นในผู้ป่วยไตวายจึงควรปรับลดขนาดยาลงตามระดับการท�างานของไต77,78(ภาคผนวก
ที่6)8แต่ถ้าระดบักรดยรูกิในเลอืดยงัไม่ถงึเป้าหมายกอ็าจพจิารณาปรบัเพิม่ขนาดยาสงูกว่าระดบั
ที่แนะน�าไว้ได้แต่ควรเพิ่มครั้งละน้อยๆอย่างช้าๆพร้อมกับติดตามผลข้างเคียงของยาอย่าง
ใกล้ชิด78(3,C)หรือหากการท�างานของไตยังบกพร่องไม่มากโดยcreatinineclearance
(CCr)มากกว่า20มิลลิลิตรต่อนาทีก็อาจพิจารณาให้ยาที่ออกฤทธิ์เร่งการขับกรดยูริกทางไต
(uricosuricagents)เช่นbenzbromaroneร่วมกันก็ได้21,72
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 15
![Page 16: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/16.jpg)
ผลข้างเคียงของยาได้แก่ผื่น(พบร้อยละ2)คลื่นไส้ท้องร่วงปวดศีรษะและกลุ่มอาการ
ภูมิคุ้มกันไวเกิน(allopurinolhypersensitivitysyndrome)ซ่ึงพบร้อยละ0.3โดยมีลักษณะ
ส�าคัญทางคลินิกคือไข้ผื่นแพ้ยาอย่างรุนแรง(Steven-Johnsonsyndrome,exfoliative
dermatitis,toxicepidermalnecrolysis)ตับอักเสบอย่างรุนแรงเม็ดเลือดขาวอีโอซิโนฟิล
เพิ่มขึ้น(eosinophilia)และการท�างานของไตบกพร่อง78การแพ้ยาชนิดนี้พบบ่อยในผู้ป่วย
ที่มีการท�างานของไตบกพร่อง77ผู ้ป่วยที่ใช้ยาแอมพิซิลิน(ampicillin)หรือยาขับปัสสาวะ
(thiazide)ร่วมด้วยในกรณีที่แพ้ยาอาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ยาเร่งการขับกรดยูริกทางไต
(uricosuricagent)ก่อนหากใช้ไม่ได้ผลและเป็นกรณีแพ้ยาชนิดไม่รุนแรงควรส่งต่อให้
อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่มพิจารณาการท�าallopurinoldesensitization(ภาคผนวก
ที่7)9ต่อไปการใช้ยา6-mercaptopurineหรือazathioprineร่วมกับยาallopurinolจะท�า
ให้ระดับยา6-mercaptopurineหรือazathioprineในเลือดสูงข้ึนจึงควรลดขนาดยา6-
mercaptopurineหรือazathioprineลงเหลือร้อยละ30-50และติดตามจ�านวนเม็ดเลือด
ขาวในเลือดอย่างใกล้ชิด79การใช้ยาwarfarinร่วมกับallopurinolจะท�าให้ฤทธิ์ของwarfarin
มากขึ้นจึงต้องปรับลดขนาดยาwarfarinลงและติดตามค่าinternationalnormalizedratio
(INR)อย่างใกล้ชิด
กลุ่มยาเร่งการขับกรดยูริกทางไต (Uricosuric agents)
ยากลุ่มนี้จะพิจารณาในผู้ป่วยที่มีปริมาณกรดยูริกในปัสสาวะน้อยกว่า800มิลลิกรัมต่อ
วัน;ผู้ป่วยที่มีข้อห้ามในการใช้ยาหรือมีประวัติแพ้ยาallopurinol;หรือใช้ร่วมกับallopurinol
ในกรณีที่ใช้ยาallopurinolในขนาดเต็มที่แล้วยังไม่ได้ตามเป้าหมาย(SORB)อย่างไรก็ตามทั้ง
probenecidและsulfinpyrazoneต่างก็มีประสิทธิภาพในการลดระดับกรดยูริกในเลือดด้อย
กว่าallopurinol75(2a,B)
เนื่องจากยากลุ่มนี้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วกรดยูริกในทางเดินปัสสาวะได้(SoRB)จึง
ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีปริมาณกรดยูริกในปัสสาวะมากกว่า1000มิลลิกรัมต่อวัน(SoRB)รวมทั้ง
ควรหลีกเลี่ยงในผู ้ป่วยที่มีนิ่วในทางเดินปัสสาวะอยู่หรือเคยมีประวัติอดีตเป็นนิ่วในทางเดิน
ปัสสาวะหากไม่มีข้อห้ามควรแนะน�าให้ดื่มน�้าวันละมากกว่า2ลิตรหรือเปลี่ยนสภาวะความ
เป็นกรดของปัสสาวะให้เป็นด่าง(alkalinization;urinepH6.5-7)โดยให้potassium
citrate80หรือpotassiumbicarbonate81หรือsodamint81-82
16 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 17: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/17.jpg)
Sulfinpyrazone
เป็นอนุพันธ์ของยาphenylbutazoneมีประสิทธิภาพในการลดระดับกรดยูริกในเลือด
และมีฤทธิ์ในการต้านการจับกลุ ่มของเกร็ดเลือด(anti-plateletaggregation)ยาชนิดนี้
สามารถลดการก�าเริบของข้ออักเสบและลดขนาดโทฟัสได้แต่ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีการท�างาน
ของไตบกพร่อง83-86โดยไม่แนะน�าให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีค่าCCrน้อยกว่า60มิลลิลิตรต่อนาทีขนาด
ที่ใช้ในการรักษาคือ200-800มิลลิกรัมต่อวันแบ่งให้วันละ2คร้ังโดยเร่ิมด้วยขนาด50
มิลลิกรัมวันละ2ครั้ง(SoRB)ผลข้างเคียงของยาได้แก่กระเพาะอาหารอักเสบเลือดออกใน
ทางเดินอาหารยับยั้งการท�างานของเกร็ดเลือดมีน�้าคั่งในร่างกายและสมรรถภาพการท�างาน
ของไตลดลง84ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยได้แก่กดไขกระดูกและตับอักเสบมีปฏิกิริยากับยา
หลายชนิดเช่นsulfonamide,sulfonylurea,warfarin,และaspirinโดยแอสไพรินจะยับยั้ง
การขับกรดยูริกของยาsulfinpyrazone
Probenecid
เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดระดับกรดยูริกในเลือดแต่ด้อยกว่าsulfinpyrazone
(SoRB)มีประสิทธิภาพในการรักษาเฉพาะผู้ป่วยที่มีสมรรถภาพการท�างานไตปกติขนาดที่ใช้
ในการรักษา87คือ500-3000มิลลิกรัมต่อวันแบ่งให้วันละ2ครั้ง โดยเริ่มยาด้วยขนาด
250มิลลิกรัมวันละ2ครั้ง88ผลข้างเคียงได้แก่กระเพาะอาหารอักเสบกรดไหลย้อนไข้
ผื่นคันและนิ่วในทางเดินปัสสาวะยาprobenecidมีปฏิกิริยากับยาหลายชนิด เช ่น
methotrexate,ketorolac,furosemide,sulfonylurea,penicillin,ampicillin,nafcillin,
rifampicin, indomethacin,dapsone,heparin(โดยลดขบวนการเมตาบอลิซั่มของยา
heparin),aspirin(โดยยับยั้งการขับกรดยูริกของยาprobenecid)
Benzbromarone
เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดกรดยูริกในเลือดโดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่า
allopurinol21,89-91(1b,A)และสูงกว่าprobenecid91(1b,A)นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้
ในผู้ป่วยที่มีสมรรถภาพการท�างานไตบกพร่องเล็กน้อยจนถึงปานกลาง21(CCrมากกว่าหรือ
เท่ากับ20มิลลิลิตรต่อนาที)88 รวมทั้งผู ้ป่วยเปลี่ยนถ่ายไต92ขนาดที่ใช้รักษาคือ25–200
มิลลิกรัมต่อวันวันละครั้ง93ผลข้างเคียงได้แก่ท้องเสียไม่รุนแรงแต่ผลข้างเคียงที่ส�าคัญคือ
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 17
![Page 18: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/18.jpg)
hepaticnecrosisแม้จะพบเพียง1ใน17000รายแต่ก็เป็นสาเหตุที่ท�าให้ผู้ป่วยเสียชีวิต94-96
ดังนั้นจึงควรติดตามค่าการท�างานของตับอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในช่วง6เดือนแรกหลังจากที่
ได้รับยาชนิดนี้นอกจากนี้ยังเสริมฤทธิ์ของwarfarinให้มากข้ึนจึงต้องปรับลดขนาดwarfarin
ลงรวมทั้งติดตามค่าINRอย่างใกล้ชิด97หลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกับtroglitazoneเน่ืองจากอาจ
ส่งเสริมให้เกิดตับอักเสบอย่างรุนแรง98
ยาอื่นๆ
มีการศึกษาว่ายาที่ใช้รักษาโรคอื่นๆบางชนิดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดลงได้(ภาค
ผนวกที่8)10เช่นยาlosartan34,99ซึง่เป็นยาลดความดนัโลหติ(2b,B)และfenofibrate32-33,100
ซึ่งเป็นยาลดไขมันในเลือด(1b,A)ต่างก็มีฤทธิ์เร่งการขับกรดยูริกทางไตได้จึงอาจพิจารณายา
เหล่านี้ในผู้ป่วยโรคเกาต์ที่มีความดันโลหิตสูงหรือไขมันในเลือดสูงร่วมด้วย
การให้ยาลดกรดยูริกมากกว่าหนึ่งชนิดร่วมกัน
ในกรณีที่ใช้ยาลดกรดยูริกในเลือดชนิดหน่ึงอยู่แล้วแต่ยังไม่สามารถลดกรดยูริกในเลือดลง
มาจนถึงระดับเป้าหมายอาจพิจารณายาลดกรดยูริกในเลือดอีกชนิดหนึ่งที่มีกลไกการออกฤทธิ์
แตกต่างกันมาใช้ร่วมกันเช่นใช้ยาallopurinolร่วมกับยาชนิดใดชนิดหนึ่งในกลุ่มเร่งการ
ขับกรดยูริกทางไตเป็นต้นโดยมีระดับหลักฐานการศึกษาซึ่งใช้allopurinolควบคู่กับยาเร่งการ
ขับกรดยูริกดังต่อไปนี้probenecid101 (2b,B),benzbromarone72,102 (2b,B)และ
sulfinpyrazone103(3,B)
การปองกันการก�าเริบซ�้า
ผู้ป่วยโรคเกาต์ซึ่งได้รับการรักษาด้วยยาลดกรดยูริกในระยะแรกอาจมีข้ออักเสบก�าเริบ
บ่อยขึ้น47,104-105จึงควรพิจารณาให้ยาcolchicine0.6–1.2มิลลิกรัมต่อวันร่วมกับยาลดกรด
ยูริกในเลือดเพื่อป้องกันการก�าเริบซ�้าและควรให้ยาcolchicineไปจนกระทั่งไม่มีข้ออักเสบเป็น
ระยะเวลานานอย่างน้อย6เดอืน106-108(1b,A)ในผูป่้วยทีม่ไีตบกพร่องควรปรบัลดยาcolchicine
ตามสมรรถภาพการท�างานของไต(ภาคผนวกที่9) 11ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนผลข้างเคียงของ
colchicineได้อาจพิจารณาเลือกใช้NSAIDsหรือcoxibหรือสเตียรอยด์ในขนาดต�่าแทนถ้าไม่
มีข้อห้ามใช้109(4,D)
18 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 19: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/19.jpg)
การติดตามระดับกรดยูริกในเลือด
ในระหว่างปรับขนาดยาลดกรดยูริกในเลือดนอกจากจะประเมินผลการรักษาจากอาการ
ทางคลินิกแล้วควรตรวจระดับกรดยูริกในเลือดทุก1-4สัปดาห์110จนกว่าระดับกรดยูริกในเลือด
จะลดลงได้ตามเป้าหมายหลังจากนั้นอาจประเมินห่างออกเป็นทุก3-6เดือนรวมทั้งติดตามค่า
การท�างานของไตและตับเป็นระยะๆ111(4,D)
การหยุดการรักษา
แนวทางเวชปฏิบัติส่วนใหญ่แนะน�าให้รับประทานยาลดระดับกรดยูริกในเลือดตลอด
ชีวิต12,112แต่อาจพิจารณาลดหรือหยุดยาในผู ้ป่วยที่มีระดับกรดยูริกในเลือดลดลงได้ตาม
เป้าหมายโดยที่ไม่มีโทฟัสและไม่เกิดข้ออักเสบขึ้นอีกเลยเป็นเวลานานหลายปีแต่ถ้าเกิดการ
ก�าเริบข้ออักเสบเฉียบพลันหรือเริ่มเกิดโทฟัสขึ้นอีกก็สามารถกลับมาเริ่มยาลดกรดยูริกในเลือด
ใหม่ได้111,113
การส่งปรึกษาอายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่ม
ควรพิจารณาส่งผู้ป่วยเพื่อปรึกษาอายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซ่ัมเม่ือไม่แน่ใจในการ
วินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคเกาต์หรือไม่;ไม่สามารถควบคุมการอักเสบของข้อได้;ไม่สามารถควบคุม
ระดับกรดยูริกในเลือดได้ตามเป้าหมาย;มีภาวะหรือโรคร่วมที่เป็นอุปสรรคต่อการรักษา;หรือเกิด
ผลข้างเคียงหรือแพ้ยาลดกรดยูริกในเลือดอย่างรุนแรง
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 19
![Page 20: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/20.jpg)
เอกสารอ้างอิง
1.WallaceKL,RiedelAA, Joseph-RidgeN,WortmannR. Increasing
prevalenceofgoutandhyperuricemiaover10yearsamongolderadultsina
managedcarepopulation.JRheumatol2004;31:1582-7.
2.LawrenceRC,HelmickCG,ArnettFC,etal.Estimatesoftheprevalence
ofarthritisandselectedmusculoskeletaldisordersintheUnitedStates.Arthritis
Rheum1998;41:778-99.
3.MikulsTR,FarrarJT,BilkerWB,FernandesS,SchumacherHR,Jr.,Saag
KG.Goutepidemiology:resultsfromtheUKGeneralPracticeResearchDatabase,
1990-1999.AnnRheumDis2005;64:267-72.
4.KrishnanE,BakerJF,FurstDE,SchumacherHR.Goutandtheriskof
acutemyocardialinfarction.ArthritisRheum2006;54:2688-96.
5.ChoiHK,FordES.Prevalenceofthemetabolicsyndromeinindividuals
withhyperuricemia.AmJMed2007;120:442-7.
6.ChoiHK,DeVeraMA,KrishnanE.Goutandtheriskoftype2diabetes
amongmenwithahighcardiovascularriskprofile.Rheumatology(Oxford)
2008;47:1567-70.
7.TerkeltaubRA.PathogenesisandTreatmentofCrystal-inducedInflam-
mation.In:WilliamJ.KoopmanLWM,ed.Arthritis&AlliedConditions.15thed:
LippincottWilliams&Wilkins;2005:2257-372.
8.Perez-RuizF,LioteF.Loweringserumuricacidlevels:what isthe
optimaltargetforimprovingclinicaloutcomesingout?ArthritisRheum2007;57:
1324-8.
9.MichaelA.BeckerMJ.Clinicalgoutandthepathogenesisofhyperuri-
cemia.In:williamJ.KoopmanLWM,ed.ArthritisandAlliedcondition15thed.
Philadelphia:LippincortWilliamandWilkins;2005.
10. JordanKM,CameronJS,SnaithM,etal.BritishSocietyforRheumatology
andBritishHealthProfessionalsinRheumatologyguidelineforthemanagement
ofgout.Rheumatology(Oxford)2007;46:1372-4.
20 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 21: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/21.jpg)
11. YuTF,GutmanAB.Principlesofcurrentmanagementofprimarygout.
AmJMedSci1967;254:893-907
12. WoitmannRL.GoutandHyperuricemia.In:GaryS.FiresteinRCB,Edward
D.HarrisJr.,IainB.Mclnnes,ShaunRuddy,JohnS.Sergented.Kelly’sTextbook
ofRheumatology8thed.Canada:Saunderscompany;2008.
13. ChoiHK.Aprescriptionforlifestylechangeinpatientswithhyperuricemia
andgout.CurrOpinRheumatol2010;22:165-72.
14. TerkeltaubR.Themanagementofgoutandhyperuricemia.In:MarcC.
HochbergAJS,JosefS.Smolen,MichaelE.Weinblatt,MichaelH.Weisman,ed.
Rheumatology.5thed.Philadelphia:Elsevier;2010.
15. ZhangW,DohertyM,BardinT,etal.EULARevidencebasedrecom-
mendationsforgout.PartII:Management.ReportofataskforceoftheEULAR
StandingCommitteeforInternationalClinicalStudiesIncludingTherapeutics
(ESCISIT).AnnRheumDis2006;65:1312-24.
16. O’SullivanJB.GoutinaNewEnglandtown.Aprevalencestudyin
Sudbury,Massachusetts.AnnRheumDis1972;31:166-9.
17. MalikA,SchumacherHR,DinnellaJE,ClayburneGM.Clinicaldiagnostic
criteriaforgout:comparisonwiththegoldstandardofsynovialfluidcrystal
analysis.JClinRheumatol2009;15:22-4.
18. Pelaez-BallestasI,HernandezCuevasC,Burgos-VargasR,etal.Diagnosis
ofchronicgout:evaluatingtheamericancollegeofrheumatologyproposal,
Europeanleagueagainstrheumatismrecommendations,andclinicaljudgment.
JRheumatol2010;37:1743-8.
19. YuTF.Theeffectofallopurinolinprimaryandsecondarygout.Arthritis
Rheum1965;8:905-6.
20. McCarthyGM,BarthelemyCR,VeumJA,WortmannRL.Influenceof
antihyperuricemictherapyontheclinicalandradiographicprogressionof
gout.ArthritisRheum1991;34:1489-94.
21. Perez-RuizF,CalabozoM,Fernandez-LopezMJ,etal.Treatmentof
chronicgoutinpatientswithrenalfunctionimpairment:anopen,randomized,
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 21
![Page 22: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/22.jpg)
activelycontrolledstudy.JClinRheumatol1999;5:49-55.
22. ChoiHK,AtkinsonK,KarlsonEW,WillettW,CurhanG.Purine-richfoods,
dairyandproteinintake,andtheriskofgoutinmen.NEnglJMed2004;350:
1093-103.
23. KullichW,UlreichA,KleinG.[Changesinuricacidandbloodlipids
inpatientswithasymptomatichyperuricemiatreatedwithdiettherapyina
rehabilitationprocedure].Rehabilitation(Stuttg)1989;28:134-7.
24. ChoiHK,CurhanG.Softdrinks,fructoseconsumption,andtheriskof
goutinmen:prospectivecohortstudy.BMJ2008;336:309-12.
25. ChoiHK,AtkinsonK,KarlsonEW,WillettW,CurhanG.Alcoholintake
andriskofincidentgoutinmen:aprospectivestudy.Lancet2004;363:1277-81.
26. ChoiHK,LiuS,CurhanG.Intakeofpurine-richfoods,protein,anddairy
productsandrelationshiptoserumlevelsofuricacid:theThirdNationalHealth
andNutritionExaminationSurvey.ArthritisRheum2005;52:283-9.
27. GarrelDR,VerdyM,PetitClercC,MartinC,BruleD,HametP.Milk-and
soy-proteiningestion:acuteeffectonserumuricacidconcentration.AmJClin
Nutr1991;53:665-9.
28. GaoX,CurhanG,FormanJP,AscherioA,ChoiHK.VitaminCintakeand
serumuricacidconcentrationinmen.JRheumatol2008;35:1853-8.
29. ChoiHK,GaoX,CurhanG.VitaminCintakeandtheriskofgoutinmen:
aprospectivestudy.ArchInternMed2009;169:502-7.
30. HuangHY,AppelLJ,ChoiMJ,etal.TheeffectsofvitaminCsupple-
mentationonserumconcentrationsofuricacid:resultsofarandomizedcontrolled
trial.ArthritisRheum2005;52:1843-7.
31. BaxmannAC,DeOGMC,HeilbergIP.EffectofvitaminCsupplements
onurinaryoxalateandpHincalciumstone-formingpatients.KidneyInt2003;63:
1066-71.
32. FeherMD,HepburnAL,HogarthMB,BallSG,KayeSA.Fenofibrate
enhancesuratereductioninmentreatedwithallopurinolforhyperuricaemia
andgout.Rheumatology(Oxford)2003;42:321-5.
22 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 23: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/23.jpg)
33. BastowMD,DurringtonPN, IsholaM.Hypertriglyceridemiaand
hyperuricemia:effectsoftwofibricacidderivatives(bezafibrateandfenofibrate)
inadouble-blind,placebo-controlledtrial.Metabolism1988;37:217-20.
34. TakahashiS,MoriwakiY,YamamotoT,TsutsumiZ,KaT,FukuchiM.
Effectsofcombinationtreatmentusinganti-hyperuricaemicagentswith
fenofibrateand/orlosartanonuricacidmetabolism.AnnRheumDis2003;62:
572-5.
35. LyuLC,HsuCY,YehCY,LeeMS,HuangSH,ChenCL.Acase-control
studyoftheassociationofdietandobesitywithgoutinTaiwan.AmJClinNutr
2003;78:690-701.
36. KuoCF,SeeLC,LuoSF,etal.Gout:anindependentriskfactorforall-
causeandcardiovascularmortality.Rheumatology(Oxford)2010;49:141-6.
37. FeigDI,KangDH,JohnsonRJ.Uricacidandcardiovascularrisk.NEnglJ
Med2008;359:1811-21.
38. NichollsA,YablonskyH,ScottJT.Effectofweightreductiononlevels
ofuricacidinplasmaandurine.AnnRheumDis1973;32:280-1.
39. DesseinPH,ShiptonEA,StanwixAE,JoffeBI,RamokgadiJ.Beneficial
effectsofweightlossassociatedwithmoderatecalorie/carbohydraterestriction,
andincreasedproportionalintakeofproteinandunsaturatedfatonserumurate
andlipoproteinlevelsingout:apilotstudy.AnnRheumDis2000;59:539-43.
40. MaclachlanMJ,RodnanGP.Effectoffood,fastandalcoholonserum
uricacidandacuteattacksofgout.AmJMed1967;42:38-57.
41. PuigJG,MateosF,BunoA,OrtegaR,RodriguezF,Dal-ReR.Effectof
eprosartanandlosartanonuricacidmetabolisminpatientswithessential
hypertension.JHypertens1999;17:1033-9.
42. KnochelJP,DotinLN,HamburgerRJ.Heatstress,exercise,andmuscle
injury:effectsonuratemetabolismandrenalfunction.AnnInternMed1974;81:
321-8.
43. BoscoJS,GreenleafJE,KayeRL,AverkinEG.Reductionofserumuric
acidinyoungmenduringphysicaltraining.AmJCardiol1970;25:46-52.
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 23
![Page 24: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/24.jpg)
44. SchlesingerN.Responsetoapplicationoficemayhelpdifferentiate
betweengoutyarthritisandotherinflammatoryarthritides.JClinRheumatol
2006;12:275-6.
45. SchlesingerN,DetryMA,HollandBK,etal.Localicetherapyduring
boutsofacutegoutyarthritis.JRheumatol2002;29:331-4.
46. AhernMJ,ReidC,GordonTP,McCredieM,BrooksPM,JonesM.Does
colchicinework?Theresultsofthefirstcontrolledstudyinacutegout.Aust
NZJMed1987;17:301-4.
47. RundlesRW,MetzEN,SilbermanHR.Allopurinol inthetreatment
ofgout.AnnInternMed1966;64:229-58.
48. AltmanRD,HonigS,LevinJM,LightfootRW.Ketoprofenversus
indomethacin inpatientswithacutegoutyarthritis:amulticenter,double
blindcomparativestudy.JRheumatol1988;15:1422-6.
49. ShresthaM,MorganDL,MoredenJM,SinghR,NelsonM,HayesJE.
Randomizeddouble-blindcomparisonoftheanalgesicefficacyofintramuscular
ketorolacandoral indomethacin inthetreatmentofacutegoutyarthritis.
AnnEmergMed1995;26:682-6.
50. KochM,DeziA,FerrarioF,CapursoI.Preventionofnonsteroidalanti-
inflammatorydrug-inducedgastrointestinalmucosal injury.Ameta-analysis
ofrandomizedcontrolledclinicaltrials.ArchInternMed1996;156:2321-32.
51. RostomA,DubeC,WellsG,etal.PreventionofNSAID-inducedgastro-
duodenalulcers.CochraneDatabaseSystRev2002:CD002296.
52. BresalierRS,SandlerRS,QuanH,etal.Cardiovasculareventsassociated
withrofecoxibinacolorectaladenomachemopreventiontrial.NEnglJMed
2005;352:1092-102.
53. AldingtonS,ShirtcliffeP,WeatherallM,BeasleyR.Systematicreviewand
metaanalysisoftheriskofmajorcardiovasculareventswithetoricoxibtherapy.
NewZealandMedicalJournal2005;118:U1684.
54. TerkeltaubRA,FurstDE,BennettK,KookKA,CrockettRS,DavisMW.
Highversuslowdosingoforalcolchicineforearlyacutegoutflare:Twenty-
24 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 25: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/25.jpg)
four-houroutcomeofthefirstmulticenter,randomized,double-blind,placebo-
controlled,parallel-group,dose-comparisoncolchicinestudy.ArthritisRheum;
62:1060-8.
55. MorrisI,VarugheseG,MattinglyP.Colchicineinacutegout.BMJ2003;
327:1275-6.
56. TerkeltaubRA,FurstDE,BennettK,KookKA,CrockettRS,DavisMW.
Highversuslowdosingoforalcolchicineforearlyacutegoutflare:Twenty-
four-houroutcomeofthefirstmulticenter,randomized,double-blind,placebo-
controlled,parallel-group,dose-comparisoncolchicine study.Arthritis
Rheum2010;62:1060-8.
57. KunclRW,DuncanG,WatsonD,AldersonK,RogawskiMA,PeperM.
Colchicinemyopathyandneuropathy.NEnglJMed1987;316:1562-8.
58. WallaceSL,SingerJZ,DuncanGJ,WigleyFM,KunclRW.Renalfunction
predictscolchicinetoxicity:guidelinesfortheprophylacticuseofcolchicine
ingout.JRheumatol1991;18:264-9.
59. McKinnellJ,TayekJA.Shorttermtreatmentwithclarithromycinresulting
incolchicine-inducedrhabdomyolysis.JClinRheumatol2009;15:303-5.
60. CaracoY,PuttermanC,RahamimovR,Ben-ChetritE.Acutecolchicine
intoxication--possible roleoferythromycinadministration. JRheumatol
1992;19:494-6.
61. GroffGD,FranckWA,RaddatzDA.Systemicsteroidtherapyforacute
gout:aclinicaltrialandreviewoftheliterature.SeminArthritisRheum1990;19:
329-36.
62. AllowayJA,MoriartyMJ,HooglandYT,NashelDJ.Comparisonoftriam-
cinoloneacetonidewithindomethacininthetreatmentofacutegoutyarthritis.
JRheumatol1993;20:111-3.
63. JanssensHJ,JanssenM,vandeLisdonkEH,vanRielPL,vanWeelC.
Useoforalprednisoloneornaproxenforthetreatmentofgoutarthritis:a
double-blind,randomisedequivalencetrial.Lancet2008;371:1854-60.
64. FernandezC,NogueraR,GonzalezJA,PascualE.Treatmentofacute
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 25
![Page 26: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/26.jpg)
attacksofgoutwithasmalldoseof intraarticulartriamcinoloneacetonide.
JRheumatol1999;26:2285-6.
65. FerrazMB,O’BrienB.Acosteffectivenessanalysisofuratelowering
drugsinnontophaceousrecurrentgoutyarthritis.JRheumatol1995;22:908-14.
66. GutmanAB,YuTF.Protracteduricosurictherapyintophaceousgout.
Lancet1957;273:1258-60.
67. YuT,GutmanAB.Uricacidnephrolithiasisingout.Predisposingfactors.
AnnInternMed1967;67:1133-48.
68. BrestAN,HeiderC,MehbodH,OnestiG.Drugcontrolofdiuretic-in-
ducedhyperuricemia.JAMA1966;195:42-4.
69. NicoteroJA,ScheibET,MartinezR,RodnanGP,ShapiroAP.Prevention
ofhyperuricemiabyallopurinolinhypertensivepatientstreatedwithchlorothia-
zide.NEnglJMed1970;282:133-5.
70. ShojiA,YamanakaH,KamataniN.A retrospectivestudyof the
relationshipbetweenserumurate leveland recurrentattacksofgouty
arthritis:evidenceforreductionofrecurrentgoutyarthritiswithantihyperuricemic
therapy.ArthritisRheum2004;51:321-5.
71. SarawateCA,PatelPA,SchumacherHR,YangW,BrewerKK,BakstAW.
Serumuratelevelsandgoutflares:analysisfrommanagedcaredata.JClin
Rheumatol2006;12:61-5.
72. Perez-RuizF,CalabozoM,PijoanJI,Herrero-BeitesAM,RuibalA.Effectof
urate-loweringtherapyonthevelocityofsizereductionoftophiinchronicgout.
ArthritisRheum2002;47:356-60.
73. SchumacherHR.Crystal-inducedarthritis:anoverview.AmJMed1996;
100:46S-52S.
74. YamanakaH,TogashiR,HakodaM,etal.Optimalrangeofserumurate
concentrationstominimizeriskofgoutyattacksduringanti-hyperuricemic
treatment.AdvExpMedBiol1998;431:13-8.
75. ScottJT,HallAP,GrahameR.Allopurinolintreatmentofgout.BrMed
J1966;2:321-7.
26 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 27: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/27.jpg)
76. RodnanGP,RobinJA,TolchinSF.Efficacyofsingledailydoseallopurinol
ingoutyhyperuricemia.AdvExpMedBiol1974;41:571-5.
77. HandeKR,NooneRM,StoneWJ.Severeallopurinoltoxicity.Description
andguidelinesforpreventioninpatientswithrenalinsufficiency.AmJMed
1984;76:47-56.
78. Vazquez-MelladoJ,MoralesEM,Pacheco-TenaC,Burgos-VargasR.
Relationbetweenadverseeventsassociatedwithallopurinolandrenalfunction
inpatientswithgout.AnnRheumDis2001;60:981-3.
79. CumminsD,SekarM,HalilO,BannerN.Myelosuppressionassociated
withazathioprine-allopurinolinteractionafterheartandlungtransplantation.
Transplantation1996;61:1661-2.
80. PakCY,SakhaeeK,FullerC.Successfulmanagementofuricacid
nephrolithiasiswithpotassiumcitrate.KidneyInt1986;30:422-8.
81. TrinchieriA,EspositoN,CastelnuovoC.Dissolutionofradiolucentrenal
stonesbyoralalkalinizationwithpotassiumcitrate/potassiumbicarbonate.
ArchItalUrolAndrol2009;81:188-91.
82. AtsmonA,DeVriesA,LazebnikJ,SalingerH.Dissolutionofrenaluric
acidstonesbyoralalkalinizationandlargefluidintakeinapatientsuffering
fromgout.AmJMed1959;27:167-71.
83. BoelaertJ,LijnenP,RobbensE,etal.Impairmentofrenalfunctiondue
tosulphinpyrazoneaftercoronaryarterybypasssurgery:aprospectivedouble-
blindstudy.JCardiovascPharmacol1986;8:386-91.
84. WallsM,GoralS,StoneW.Acuterenalfailureduetosulfinpyrazone.
AmJMedSci1998;315:319-21.
85. FlorkowskiCM,ChingGW,FernerRE.Acutenon-oliguricrenalfailure
secondarytosulphinpyrazoneoverdose.JClinPharmTher1992;17:71.
86. BoelaertJ,SchurgersM,DaneelsR,LijnenP,AmeryA.Sulfinpyrazone:
riskforrenalinsufficiency.ArchInternMed1984;144:648-9.
87. BartelsEC,MatossianGS.Gout:six-yearfollow-uponprobenecid
(benemid)therapy.ArthritisRheum1959;2:193-202.
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 27
![Page 28: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/28.jpg)
88. HahnPC,EdwardsNL.ManagementofHyperuricemia.In:Koopman
WJ,MorelandLW,eds.Arthritis&AlliedConditions.Fifteenthed:Lippincott
Williams&Wilkins;2005:2341-55.
89. HanvivadhanakulP,AkkasilpaS,DeesomchokU.Efficacyofbenzbro-
maronecomparedtoallopurinolinloweringserumuricacidlevelinhyperuricemic
patients.JMedAssocThai2002;85Suppl1:S40-7.
90. ReindersMK,HaagsmaC,JansenTL,etal.Arandomisedcontrolled
trialontheefficacyandtolerabilitywithdoseescalationofallopurinol
300-600mg/dayversusbenzbromarone100-200mg/dayinpatientswithgout.
AnnRheumDis2009;68:892-7.
91. ReindersMK,vanRoonEN,JansenTL,etal.Efficacyandtolerability
ofurate-loweringdrugsingout:arandomisedcontrolledtrialofbenzbromarone
versusprobenecidafterfailureofallopurinol.AnnRheumDis2009;68:51-6.
92. ZurcherRM,BockHA,ThielG.Excellenturicosuricefficacyofbenzbro-
maroneincyclosporin-A-treatedrenaltransplantpatients:aprospectivestudy.
NephrolDialTransplant1994;9:548-51.
93. Perez-RuizF,Alonso-RuizA,CalabozoM,Herrero-BeitesA,Garcia-
ErauskinG,Ruiz-LuceaE.Efficacyofallopurinolandbenzbromaroneforthe
controlofhyperuricaemia.Apathogenicapproachtothetreatmentofprimary
chronicgout.AnnRheumDis1998;57:545-9.
94. AraiM,YokosukaO,FujiwaraK,etal.Fulminanthepatic failure
associatedwithbenzbromaronetreatment:acasereport.JGastroenterol
Hepatol2002;17:625-6.
95. WagayamaH,ShirakiK,SugimotoK,etal.Fatalfulminanthepaticfailure
associatedwithbenzbromarone.JHepatol2000;32:874.
96. KaufmannP,TorokM,HanniA,RobertsP,GasserR,KrahenbuhlS.
Mechanismsofbenzaroneandbenzbromarone-inducedhepatic toxicity.
Hepatology2005;41:925-35.
97. TakahashiH,SatoT,ShimoyamaY,etal.Potentiationofanticoagulant
effectofwarfarincausedbyenantioselectivemetabolic inhibitionbythe
28 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 29: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/29.jpg)
uricosuricagentbenzbromarone.ClinPharmacolTher1999;66:569-81.
98. KunishimaC,InoueI,OikawaT,NakajimaH,KomodaT,KatayamaS.
ActivatingEffectofBenzbromarone,aUricosuricDrug,onPeroxisomeProliferator-
ActivatedReceptors.PPARResearch2007:5pages.
99. KamperAL,NielsenAH.Uricosuriceffectoflosartaninpatientswith
renaltransplants.Transplantation2001;72:671-4.
100. ElisafM,TsimichodimosV,BairaktariE,SiamopoulosKC.Effectof
micronizedfenofibrateandlosartancombinationonuricacidmetabolismin
hypertensivepatientswithhyperuricemia.JCardiovascPharmacol1999;34:60-3.
101. ReindersMK,vanRoonEN,HoutmanPM,BrouwersJR,JansenTL.
Biochemicaleffectivenessofallopurinolandallopurinol-probenecidinpreviously
benzbromarone-treatedgoutpatients.ClinRheumatol2007;26:1459-65.
102. MatzkiesF.[Longlastingnormalizationofuricacidaftercombination
therapywith300mgallopurinoland60mgbenzbromaroneinpatientswith
goutandhyperuricemia].MedKlin(Munich)1992;87:460-2.
103. KuzellWC,SeebachLM,GloverRP,JackmanAE.Treatmentofgoutwith
allopurinolandsulphinpyrazoneincombinationandwithallopurinolalone.Ann
RheumDis1966;25:634-42.
104. DelbarreF,AmorB,AuscherC,deGeryA.Treatmentofgoutwith
allopurinol.Astudyof106cases.AnnRheumDis1966;25:627-33.
105. BeckerMA,SchumacherHR,Jr.,WortmannRL,etal.Febuxostat
comparedwithallopurinolinpatientswithhyperuricemiaandgout.NEnglJ
Med2005;353:2450-61.
106. HollingworthP,ReardonJA,ScottJT.Acutegoutduringhypouricaemic
therapy:prophylaxiswithcolchicine.AnnRheumDis1980;39:529.
107. BorstadGC,BryantLR,AbelMP,ScroggieDA,HarrisMD,AllowayJA.
Colchicineforprophylaxisofacuteflareswheninitiatingallopurinolforchronic
goutyarthritis.JRheumatol2004;31:2429-32.
108. PaulusHE,SchlossteinLH,GodfreyRG,KlinenbergJR,BluestoneR.
Prophylacticcolchicinetherapyofintercriticalgout.Aplacebo-controlledstudy
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 29
![Page 30: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/30.jpg)
ofprobenecid-treatedpatients.ArthritisRheum1974;17:609-14.
109. KotTV,DayRO,BrooksPM.Preventingacutegoutwhenstarting
allopurinoltherapy.ColchicineorNSAIDs?MedJAust1993;159:182-4.
110. KlinenbergJR,GoldfingerSE,SeegmillerJE.TheEffectivenessofthe
XanthineOxidaseInhibitorAllopurinolintheTreatmentofGout.AnnInternMed
1965;62:639-47.
111. Perez-RuizF,AtxotegiJ,HernandoI,CalabozoM,NollaJM.Usingserum
uratelevelstodeterminetheperiodfreeofgoutysymptomsafterwithdrawal
oflong-termurate-loweringtherapy:aprospectivestudy.ArthritisRheum2006;
55:786-90.
112. vanLieshout-ZuidemaMF,BreedveldFC.Withdrawaloflongterm
antihyperuricemictherapyintophaceousgout.JRheumatol1993;20:1383-5.
113. GastLF.Withdrawalof longtermantihyperuricemic therapy in
tophaceousgout.ClinRheumatol1987;6:70-3.
114.FamAG,DunneSM,IazzettaJ,PatonTW.Efficacyandsafetyof
desensitizationtoallopurinolfollowingcutaneousreactions.ArthritisRheum
2001;44:231-8.
30 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 31: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/31.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 1
การแบ่งระดับ¢องหลัก°านการศÖกษา (levels of evidence)และ¢Œอแนะน�า (grading of recommendations)
ระดับของหลักฐานการศึกษา (Levels of Evidence, LoE)
1a หลักฐานจาก meta-analysis ของการศึกษาที่เปน randomized controlled trials
(RCT)
1b หลักฐานจากการศึกษาที่เปน RCT อยางนอย 1 ฉบับ
2a หลักฐานจากการศึกษาที่เปน well-designed controlled study ซึ่ง
ไมมีrandomization อยางนอย 1 ฉบับ
2b หลักฐานจาก well-designed quasi-experimental study ชนิดอื่นๆอยางนอย 1
ฉบับ
3 หลักฐานจาก well-designed non-experimental descriptive studies
เชนcomparative studies, correlation studies and case control studies เปนตน
4 หลักฐานจากรายงานหรือความเห็นของคณะกรรมการผูเชี่ยวชาญ และ / หรือ
ประสบการณทางคลินิกจากผูเชี่ยวชาญที่ไดรับการเชื่อถือ
ลําดับของขอแนะนํา (Grading of Recommendations, SoR)
A หลักฐานประเภทที่ 1
B หลักฐานประเภทที่ 2 หรือหลักฐานที่นอกเหนือจากประเภทที่ 1
C หลักฐานประเภทที่ 3 หรือหลักฐานที่นอกเหนือจากประเภทที่ 1 หรือ 2
D หลักฐานประเภทที่ 4 หรือหลักฐานที่นอกเหนือจากประเภทที่ 2 หรือ 3
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 31
![Page 32: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/32.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 2
แ¼น¼ังแสดงแนวทางปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
32 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 33: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/33.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 3
สาเหตุ¢องภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
มีการสรางสารพูรีนเพิ่มขึ้น มีการสลายกรดนิวคลีอิกเพิ่มขึ้น มีการขับกรดยูริกลดลง
• มีการเพิ่มขึ้นของเอ็นซัยม
phosphoribosyl pyrophos-
phate synthetase
• ขาดเอ็นซัยม hypoxanthine
guanine phosphoribosyl trans-
ferase
• ขาดเอ็นซัยม G-6-phosphatase
• ยาหรือสารบางชนิด เชน war-
farin, nicotinic acid, fructose
เปนตน
• โรคเลือด myeloproliferative
disease, polycythemia vera,
hemoglobinopathy, hemolytic
anemia, pernicious anemia
• โรคมะเร็ง multiple myeloma,
leukemia, lymphoma, sar-
coma
• ภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
• โรคผิวหนังสะเก็ดเงิน (psoria-
sis)
• Sarcoidosis
• สุรา, fructose, และ cytotoxic
agent
• ภาวะขาดนํ้า
• ภาวะเลือดเปนกรด
• โรคความดันโลหิตสูง
• ภาวะไตวาย, polycystic kid-
ney, lead nephropathy
• Pre-eclampsia, eclampsia
• โรคทางตอมไรทอหรือเมตา
บอลิซั่มเชน hyperparathyroid-
ism, hypothyroidism, โรคเบา
หวาน, ภาวะไขมันในเลือดสูง
• สุราหรือยาบางชนิด เชน ยา
ขับปสสาวะ, แอสไพรินขนาด
ตํ่า (นอยกวา 2 กรัมตอวัน),
pyrazinamide, ethambutol, cy-
closporine, levodopa, nicotinic
acid เปนตน
• โรคอื่นๆ เชน Paget’s disease,
cystinuria เปนตน
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 33
![Page 34: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/34.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 46
แ¼น¼ังแสดงแนวทางปฏิบัติการรักษา¢Œออักเสบเ©Õยบพลันในโรคเกาต์
34 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 35: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/35.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 57
แนวทางปฏิบัติการรักษาโรคเกาต์ในระยะยาว
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 35
![Page 36: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/36.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 68
¢นาดยา allopurinol ใน¼ูŒป†วยโรคเกาต์ทÕ่มÕการท�างาน¢องไตบกพร่อง (´ั´á»Å§¨า¡ Hande KR.)77
คา creatinine clearance (มิลลิลิตรตอนาที) ขนาดยา
0 100 มิลลิกรัม ทุก 3 วัน
10 100 มิลลิกรัมทุก 2 วัน
20 100 มิลลิกรัมตอวัน
40 150 มิลลิกรัมตอวัน
60 200 มิลลิกรัมตอวัน
80 250 มิลลิกรัมตอวัน
100 300 มิลลิกรัมตอวัน
120 350 มิลลิกรัมตอวัน
140 400 มิลลิกรัมตอวัน
36 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 37: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/37.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 7 9
ตารางการท�า allopurinol desensitization114
วันที่ ขนาดยาตอวัน ปริมาณสารละลาย หรือจํานวนเม็ดยา
1-3 50 ไมโครกรัม 0.25 มิลลิลิตร ของสารละลาย
4-6 100 ไมโครกรัม 0.5 มิลลิลิตร ของสารละลาย
7-9 200 ไมโครกรัม 1 มิลลิลิตร ของสารละลาย
10-12 500 ไมโครกรัม 2.5 มิลลิลิตร ของสารละลาย
13-15 1 มิลลิกรัม 5 มิลลิลิตร ของสารละลาย
16-18 5 มิลลิกรัม 25 มิลลิลิตร ของสารละลาย
19-21 10 มิลลิกรัม 50 มิลลิลิตร ของสารละลาย
22-24 25 มิลลิกรัม 125 มิลลิลิตร ของสารละลาย
25-27 50 มิลลิกรัม 0.5 เม็ดของขนาดเม็ดยา 100 มิลลิกรัม
ตั้งแต่วันที่ 28 100 มิลลิกรัม 1 เม็ด ของขนาดเม็ดยา 100 มิลลิกรัม
วิธีการเตรียมสารละลายยา: นํายา allopurinol ขนาด 100 มิลลิกรัม จํานวน 2 เม็ด มาละลายนํ้า 100 มิลลิลิตร
จากนั้นนําสารละลาย 10 มิลลิลิตร มาผสมนํ้าใหเปน 100 มิลลิลิตร จะทําใหไดสารละลายยา allopurinol ที่มี
ความเขมขน 200 ไมโครกรัมตอมิลลิลิตร หรือ 1 มิลลิกรัมตอ5 มิลลิลิตร
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 37
![Page 38: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/38.jpg)
ภาค¼นวกทÕ่ 8 10
ยาทÕ่มÕคุณสมบัติเร่งการ¢ับกรดยูริกออกทางไต
Acetoheximide Citrate Meclofenamic acid
Ascorbic acid Dicumarol Orotic acid
Amlodipine Diflunisal Phenolsulfonphthalein
Atorvastatin Estrogens Probenecid
Azapropazone Fenofibrates Phenylbutazone
Benzbromarone Glyceryl guaiacolate Salicylates (5gm/24hrs)
Calcitonin Glycine Sulfinpyrazone
Calcium ipodate Losartan
ภาค¼นวกทÕ่ 9 11
¢นาดยา colchicine เพื่อป‡องกัน¢Œออักเสบก�าเริบซ�éาใน¼ูŒป†วยโรคเกาต์ทÕ่มÕการท�างาน¢องไตบกพร่อง (ดัดแปลงจาก Terkeltaub RA.)
7
คา creatinine clearance (มิลลิลิตรตอนาที) ขนาดยา
> 50 0.6 มก. วันละ 2 ครั้ง
35-49 0.6 มก. วันละ 1 ครั้ง
10-34 0.6 มก. ทุก 2-3 วัน
< 10 ไมควรใชยา colchicine
หมายเหตุ: ผูปวยที่มีอายุมากกวา 70 ป ควรพิจารณาลดขนาดยา colchicine ลงรอยละ 50 จากขนาดที่แนะนําไว
38 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์
![Page 39: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/39.jpg)
สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการอ�านวยการ วาระปี พ.ศ. 2553-2555
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์ 39
นายกสมาคมฯ แพทย์หญิงไพจิตต์ อัศวธนบดี
นายกรับเลือก นายแพทย์กิตติ โตเต็มโชคชัยการ
อุปนายกบริหาร แพทย์หญิงรัตนวดี ณนคร
ผู้ช่วยอุปนายกบริหาร แพทย์หญิงจีรภัทร วงศ์ชินศรี
อุปนายกวิชาการ แพทย์หญิงอัจฉรา กุลวิสุทธิ์
ผู้ช่วยอุปนายกวิชาการฝายแพทย์ นายแพทย์พงศ์ธร ณรงค์ฤกษ์นาวิน
ผู้ช่วยอุปนายกวิชาการฝายประชาชน นายแพทย์สูงชัย อังธารารักษ์
และสารสนเทศ
เลขาธิการ แพทย์หญิงทัศนีย์ กิตอ�านวยพงษ์
เหรัญญิก นายแพทย์พุทธิรัต ลิ่วเฉลิมวงศ์
กรรมการกลาง แพทย์หญิงมนาธิป โอศิริ
แพทย์หญิงเอมวลี อารมย์ดี
นายแพทย์สิทธิชัย อุกฤษฏชน
แพทย์หญิงนันทนา กสิตานนท์
แพทย์หญิงบุญจริง ศิริไพฑูรย์
![Page 40: aw โรคเกาท์ ส่งร้านล่าสุด ส่งร้าน มกราคม NEW copy€¦ · (ปรับปรุงจากแนวทางเวชปฏิบัติภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์](https://reader035.vdocuments.pub/reader035/viewer/2022071117/60026c8c3035e24f806ec891/html5/thumbnails/40.jpg)
ทÕ่ปรÖกษา วาระปี พ.ศ. 2553-2555
รศ.น.พ.มงคล วัฒนสุข
ศ.กิตติคุณน.พ.อุทิศ ดีสมโชค
รศ.พ.ญ.เล็ก ปริวิสุทธิ์
น.พ.สุรวุฒิ ปรีชานนท์
น.พ.อุดม วิศิษฏสุนทร
พลตรีรศ.พ.ญ.พรฑิตา ชัยอ�านวย
รศ.น.พ.ฐิตเวทย์ ตุมราศวิน
ศ.คลินิกน.พ.สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์
ผศ.พ.ญ.กนกรัตน์ นันทิรุจ
ศ.พ.ญ.สุชีลา จันทร์วิทยานุชิต
ศ.น.พ.วรวิทย์ เลาห์เรณู
รศ.(พิเศษ)น.พ.สมชาย เอื้อรัตนวงศ์
40 แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคเกาต์