cal 9
TRANSCRIPT
![Page 1: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/1.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 67
สรุปขอสรุปขอมหาวิทยาลัย ชุด 5 퐶푎푙푐푢푙푢푠 1. ให 푓(푥) = 푎푥 + 푏푥 โดยที่ 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง
ถาเสนตรง 푦 = 1 สัมผัสเสนโคง 푦 = 푓(푥) ที่จุด (1,1)
พิจารณาขอความตอไปนี ้
ก. 푓(푥) มีคาสูงสุดสัมพัทธที่ 푥 = −1
ข. คาของ 푙푖푚푥→0
(푓 ∘ 푓)(푥 + 1) = 푓(2 푎2 + 2 푏2)
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
1. ก ถูก และ ข ถูก
2. ก ถูก และ ข ผิด
3. ก ผิด และ ข ถูก
4. ก ผิด และ ข ผิด 푃퐴푇1 พ. ย. 57
2. ให 푓 และ 푔 เปนฟงกชันที่มีโดเมนและเรนจเปนสับเซตของ
เซตของจํานวนจริง โดยที่ 푓 และ 푔 เปนฟงกชันที่หาอนุพันธไดและ
สอดคลองกับสมการ (푓 ∘ 푔)(푥) = 푥2 + 5
สําหรับทุกๆคาของ 푥 ในโดเมน 푓 ∘ 푔 และ
푔(푥)푑푥 = 푥 − 4푥 + 푐 เม่ือ 푐 เปนคาคงตัว
ถา 퐿 เปนเสนตรงที่สัมผัสเสนโคง 푦 = 푓(푥) ที่ 푥 = 0
แลวเสนตรง 퐿 ตั้งฉากกับสมการเสนตรงในขอใดตอไปนี ้ 1. 푥 + 푦 = 3
2. 2푥 + 푦 − 7 = 0
3. 3푥 + 푦 − 5 = 0
4. 5푥 + 푦 − 2 = 0 푃퐴푇1 พ. ย. 57
3. กําหนดให 푓 เปนฟงกชันพหุนามในรูป
푓(푥) = 4푥 + 푏푥 + 푐푥 + 푑 , โดยที่ 푏, 푐, 푑 ∈ 푅
ที่ทําให 푓(푥)푑푥 = −643 2
−2
ถา 푔 เปนฟงกชันที่หาอนุพันธอันดับหนึ่งและอันดับสองได โดยที่ 푔′(푥) = 푓(푥) และ 푔′(1) = 푔′(0) = 푔(0) = 0 แลว
푔′′(푥) = 푔′(푥) + 푔(푥) ตรงกับสมการในขอใดตอไปนี ้
1. 푥 − 4푥 + 12푥 − 6푥 = 0
2. 푥 − 8푥 − 12푥 − 6푥 = 0
3. 3푥 − 16푥 + 48푥 − 24푥 = 0
4. 3푥 + 8푥 − 48푥 + 24푥 = 0 푃퐴푇1 พ. ย. 57
4. ให 푓(2푥 − 1) = 4푥 − 10푥 + 푎 โดยที่ 푎 ∈ 푅
ที่สอดคลองกับ 푓(0) = 12 จงหาคาของ 푓(푥)푑푥4
1
1. 30.5
2. 34.5
3. 36.25
4. 38.15 푃퐴푇1 พ. ย. 57
5. กําหนดให 푅 แทนเซตของจํานวนจริงและ
푓(푥) = 푥 + 1 และ 푔 푓(푥) = 푥 + 2푥 − 1
สําหรับทุกคาของ 푥 ใน 푅
ถา 푆(푥) = 푙푖푚→
[푔(푥 + ℎ)] − [푔(푥 + ℎ)]
ℎ
สําหรับทุกจํานวนจริง 푥 จงหาคาของ (푠푔)(1)
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4 푃퐴푇1 พ. ย. 57
6. กําหนดให 푓 เปนฟงกชัน ที่นิยามโดย
푓(푥) =
푎 − 푥 ; 푥 ≤ −2
푏 −25 푥 ; −2 < 푥 < 3
푥 − 6푥 + 11 ; 푥 ≥ 3
เม่ือ 푎, 푏 เปนจํานวนจริง ถาฟงชันก 푓 มีความตอเนื่องที่ 푥 = −2
และ 푙푖푚→
푓(푥) หาคาได แลว |푎 + 5푏| มีคาเทาไร
1. 8
2. 18
![Page 2: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/2.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 68
3. 885
4. 푃퐴푇1 เม. ย. 57
7. กําหนดให 푏 > 1 และ 푥 − 1푥 + √푥
푑푥 = 4
คาของ 1 + 푏 + 푏2 เทากับขอใด
1. 21
2. 31
3. 91
4. 111 푃퐴푇1 เม. ย. 57
8. กําหนดให 푓(푥) = 푎푥 + 푏푥 + 푐 เปนพหุนามกําลังสอง
เม่ือ 푎, 푏, 푐 เปนจํานวนจริง โดยที่ 푎 ≠ 0 ซึ่ง 푓(1) = 0
และ 푓 มีคาสูงสุดที่ 푥 =13 ให 퐹(훼, 훽) = 푓(푥)푑푥
โดยที่ 퐹(0, 푡) = 퐹(1, 푡) + 1 สําหรับจํานวนจริง 푡 > 0
พิจารณาขอความตอไปนี ้(ก) 퐹(1,2) = 퐹(2,3) + 10
(ข)อนุพันธของ 푓(푥)
푥 คือ −3푥 − 2푥 − 2
푥
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
1. ก ถูก และ ข ถูก
2. ก ถูก และ ข ผิด
3. ก ผิด และ ข ถูก
4. ก ผิด และ ข ผิด 푃퐴푇1 เม. ย. 57
9. กําหนดให 푓(푥) = 푎 + 푏푥 + 푥3 เปนเสนโคง
ที่สัมผัสกับเสนตรง 5푥 − 푦 + 13 = 0 ที่ 푥 = 1
จงหา 푓(푥)푑푥2
0
1. 35
2. 36
3. 37
4. 38 푃퐴푇1 เม. ย. 57
10. กําหนดให 푓(푥) เปนฟงกชันซึ่ง 푓(3) = 111
ถา 푙푖푚푥→3
푥. 푓(푥) − 333
푥 − 3 = 2013
แลวอัตราการเปลี่ยนแปลงของ 푓(푥) เทียบกับ 푥 ขณะที่ 푥 = 3
มีคาเทาใด
1. 634
2. 643
3. 645
4. 654 푃퐴푇1 เม. ย. 57
11. ให 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง และให
푓(푥) = 푥 + 푎푥 + 푏 ; 푥 ≤ 2 √푥 − 1 ; 2 ≤ 푥 ≤ 5
푎푥 + 푏 ; 푥 > 5
ถา 푓 เปนฟงกชันตอเนื่องบนเซตของจํานวนจริง
แลว 푎 − 푏 เทากับขอใดตอไปนี ้ 1. 5
2. 8
3. 11
4. 12 푃퐴푇1 มี. ค. 57
12. ถา |푥 − 7푥 + 6|푑푥 =푎푏 เม่ือ 푎, 푏 ∈ 퐼
หรม. ของ 푎 กับ 푏 เทากับ 1 แลว 푎 + 푏 มีคาเทาไร
1. 33
2. 69
3. 102
4. 104 푃퐴푇1 มี. ค. 57
![Page 3: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/3.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 69
13. ให 푓(푥) = เม่ือ 푥 เปนจํานวนจริงบวกใดๆ
พิจารณาขอความตอไปนี ้ ก. 푓 เปนฟงกชันเพิ่มบนชวง (0,3)
ข. คาสูงสุดสัมพัทธของ 푓 เทากับ 413
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
1. ก ถูก และ ข ถูก
2. ก ถูก และ ข ผิด
3. ก ผิด และ ข ถูก
4. ก ผิด และ ข ผิด 푃퐴푇1 มี. ค. 57
14. ให 푓(푥) = 푥 + 푎푥 + 푏 เม่ือ 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง
ถา 푓(1) = 2 และ (푓 ∘ 푓)(0) = 10 แลวคาของ
푓(푥)푑푥 เทากับเทาใด
1. 11
2. 12
3. 13
4. 14 푃퐴푇1 มี. ค. 57
15. ให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง ถา 푓: 푅 → 푅 เปนฟงกชัน
ซึ่ง 푓′′(푥) = 3 + 6푥 สําหรับทุกจํานวนจริง 푥
และความชันของเสนสัมผัสเสนโคง 푦 = 푓(푥) ณ จุด (2,22)
เทากับ 20 แลวคาของ 푙푖푚→
푓(푥) เทากับเทาใด
1. 99
2. 100
3. 101
4. 102 푃퐴푇1 มี. ค. 57
16. คาของ 푙푖푚→∝
2푥(2푥 − 1) − 2푥 + 1 มีคาเทาไร
1. 0
2. 0.5
3. 1
4. − 1.5 푃퐴푇1 มี. ค. 56
17. กําหนดให 퐶 เปนเสนโคง 푦 = 4푥 − 3
푥 เม่ือ 푥 > 0
และให 퐿 เปนเสนตรงที่สัมผัสกับเสนโคง 퐶 ที่จุด (1,1)
ถาเสนตรง 퐿 ตัดกับพาราโบลา 푥(푥 − 1) = 푦 − 1 ที่จุด 퐴
และจุด 퐵 แลวระยะทางระหวางจุด 퐴 และจุด 퐵 มีคาเทาไร
1. √40
2. √255
3. √465
4. √57825 푃퐴푇1 มี. ค. 56
18. ให 푓(푥) เปนฟงกชันตอเนื่องที่จุด 푥 = 2 ที่สอดคลองกับ
푓(푥) =
⎩⎨
⎧4 − 2푥
푥 − √푥 − 3푥 + 6
푘푥3 ∶ 푥 ≥ 2
; 푥 < 2
โดยที่ 푘 เปนจํานวนจริง แลว − 푓(푘 + 7) มีคาเทากับเทาใด
สวนบนของฟอรม
1. 1 2. 2
3. 3 4. 4 푃퐴푇1 มี. ค. 56
19. ให 푓 เปนฟงกชันซึ่งมีโดเมนและเรนจเปนสับเซตของจํานวนจริง
โดยที่อัตราการเปลี่ยนแปลงของ 푓(푥) เทียบกับ 푥 เทากับ
푎푥 + 푏푥 เม่ือ 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง และ ให 푔(푥) = (푥3 + 2푥)푓(푥) ถา 푓′(1) = 18 ,
푓 (0) = 6 และ 푓(0) = 푓(1) + 푓(−1) แลว
คาของ 푔′(1) มีคาเทาไร
1. 24
2. 25
3. 26
4. 27 푃퐴푇1 มี. ค. 56
![Page 4: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/4.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 70
20. ให 푓(푥) เปนพหุนามกําลังสามที่มีสัมประสิทธิ์เปนจํานวนจริง
โดยมี 푥 − 1 เปนตัวประกอบของ 푓(푥)
โดยมี 3 + 4푖 เปนคําตอบของ 푓(푥) = 0 และ 푓(0) = −75
แลวคาของ [푓(푥) − 푓(−푥)] 푑푥 มีคาเทาไร
1. 256
2. 265
3. 396
4. 639 푃퐴푇1 มี. ค. 56
21. ให 푓(푥) = 푥 + 14푥 + 푎푥 − 216 เม่ือ 푎 ∈ 푅 ถา 푥1, 푥2, 푥3 เปนจํานวนจริงเรียงกันแบบลําดับเรขาคณิตและ เปนคําตอบของสมการ 푓(푥) = 0 แลว 푓′(−1) มีคาเทาไร
1. − 109
2. 107
3. 101
4. 85 푃퐴푇1 ต. ค. 55
22. กําหนดให 푓(푥) เปนพหุนามกําลังสอง โดยที่ 푓(0) = 3
และ 3푓(푥 + 1) = 3푓(푥 − 1) + 2푥 − 6
แลว 푓(푥)푑푥2
−1 มีคาเทาไร
1. 8
2. 2
3. 23
4. 13 푃퐴푇1 ต. ค. 55
23. คาของ 푙푖푚→
|2 + 5푥 − 3푥 |
√푥 + 7 − 3 มีคาเทากับขอใด
1. − 42
2. 42
3. 0
4. ไมมีคาลิมิต 푃퐴푇1 ต. ค. 55
24. ให 푅 แทนเซตของจํานวนจริงให 푓: 푅 → 푅 , 푔: 푅 → 푅
เปนฟงกชันที่มีอนุพันธทุกอันดับสําหรับทุกจํานวนจริง 푥 โดยที ่1. (푓푔)(푥) = 3푥 − 4 สําหรับทุกจํานวนจริง 푥
2. ฟงกชัน 푔 มีคาต่ําสุดสัมพัทธเทากับ 1 ที่ 푥 = 2
3. 푓′′(푥) = −2 สําหรับทุกจํานวนจริง 푥
ฟงกชัน 푓 มีคาสูงสุดสัมพัทธเทากับเทาใด
1. 3.25
2. 4.25
3. 5.25
4. 6.25 푃퐴푇1 ต. ค. 55
25. ให 푃(푥 + 2) = 3푥 + 24푥 + 37
และให 푓(푥) = 푃(푡)푑푡푥
0
จงหาคาของ 푙푖푚푥→1
푃(푥) − 푓(푥)3
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4 푃퐴푇1 ต. ค. 55
26. กําหนดให 푓: 푅 → 푅 เปนฟงกชันที่มีอนุพันธทุกอันดับ โดยที ่푓′′(푥) = 3푥 + 2 และ 푓′(2) = 112
สมการของเสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนสัมผัสเสนโคง 푦 = 푓(푥)
ที่จุด (1,4) คือขอใดตอไปนี ้ 1. 푦 = 푥 − 5
2. 푦 = 3 − 푥
3. 푦 = −푥 − 5
4. 푦 = 푥 + 3 푃퐴푇1 มี. ค. 55
![Page 5: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/5.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 71
27. ให 푅 แทน เซตของจํานวนจริง
푓: 푅 → 푅 , 푔: 푅 → 푅 และ ℎ: 푅 → 푅 เปน ฟงกชัน
โดยที่ 푓(푥) =푎푥 + 2 푥2 + 2
เม่ือ 푎 เปนจํานวนจริง
푔(푥) = (푥 + 2)푓 (푥) และ
ℎ(푥) = 푓(푥) ; 푥 ≥ 0
푔(푥); 푥 < 0 โดยที่ ℎ ตอเนื่องที่ 푥 = 0
แลว 3ℎ(−1) + ℎ(1) มีคาเทาไร
สวนบนของฟอรม
1. 12
2. 13
3. 3
4. 6 푃퐴푇1 มี. ค. 55
28. ให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง และ 푓: 푅 → 푅 , 푔: 푅 → 푅
และ ℎ: 푅 → 푅 เปนฟงกชันที่มีอนุพันธทุกอันดับ
โดยที่ ℎ(푥) = 푥2 + 푥 + 3, 푔(푥) = ℎ(2푓(푥) + 1)
และ 푓′(2) = 푔′(2) = 2 แลว 푓(2) มีคาเทาไร
1. − 14
2. 14
3. 58
4. −58 푃퐴푇1 มี. ค. 55
29. กําหนดให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง
ถา 푓: 푅 → 푅 และ 푔: 푅 → 푅 เปนฟงกชัน
โดยที่ 푓(푥) = 3푥 + 2 และ (푔 ∘ 푓)(푥) = 27푥 + 45푥 + 33푥 + 12
สําหรับทุกจํานวนจริง 푥 แลว 푓 푔(푥) 푑푥 2
0มีคาเทาไร
1. 37
2. 38
3. 39
4. 40 푃퐴푇1 มี. ค. 55
30. กําหนดให 푓(푥) = 푥 + 푎푥 + 푏
เม่ือ 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริงที่แตกตางกัน และให 퐿1 และ 퐿2
เปนเสนสัมผัสเสนโคง ที่ 푥 = 푎 และ 푥 = 푏 ตามลําดับ
ถา 퐿1 ขนานกับ 퐿2 และ 푙푖푚ℎ→0
5ℎ
푓(1) − 푓(1 + ℎ)= 1
แลวคาของ 푓(푥)푑푥 2
0 มีคาเทาใด
1. 0
2. 2
3. 4
4. 8 푃퐴푇1 มี. ค. 55
31. จงหาคาของ 푙푖푚→
√푥 + 4푥 + 2푥푥 มีคาเทาไร
1. − 14
2. 14
3. − 1
4. 1 푃퐴푇1 มี. ค. 54
32. กําหนดให 푓 เปนฟงกชันพหุนามที่มี 푓 (푥) = 푎푥 + 푏
เม่ือ 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง ถา 푓(0) = 3 และกราฟของ 푓
มีจุดต่ําสุดสัมพัทธที ่(1, −5) แลว 2푎 + 3푏 มีคาเทาไร
1. − 12
2. 20
3. 42
4. 48 푃퐴푇1 มี. ค. 54
![Page 6: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/6.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 72
33. ให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง ให 푔: 푅 → 푅 เปนฟงกชัน
กําหนดโดย 푔(푥) = 14푥 + 5 เม่ือ 푥 ≠ −54
ถา 푓: 푅 → 푅 เปนฟงกชันที ่ (푓 ∘ 푔)(푥) = 푥
สําหรับทุกจํานวนจริง 푥 แลว 푓′′(12) เทากับขอใดตอไปนี ้
1. − 12
2. 12
3. − 4
4. 4 푃퐴푇1 มี. ค. 54
34. กําหนดให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง ถา 푓: 푅 → 푅 และ 푔: 푅 → 푅 เปนฟงกชันที่หาอนุพันธไดทุก 푥 ∈ 푅
โดยที่ 푔(푥) = 푥2 − 3푥 + 4,
(푔 ∘ 푓)(푥) = 푥 + 5푥 − 3푥 + 푥 − 3푥 + 4
และ 푓(0) = 0 แลว (푓′ ∘ 푔′)(32) + (푔′ ∘ 푓′)(0)
มีคาเทาไร
1. − 1
2. 0
3. 1
4. 2 푃퐴푇1 มี. ค. 54
35. ใหเสนโคง 푦 = 푓(푥) สัมผัสกับเสนตรง 3푥 − 푦 + 4 = 0
ที่จุด (1,3) และ 푓′′(푥)푑푥3
1= −5
ถา 푔(푥) = √푥 + 1 푓(푥) และ 푔′(3) = 0
แลว 푓(3) มีคาเทาใด
1. 12
2. 16
3. 18
4. 20 푃퐴푇1 มี. ค. 54
36. ให 푓(푥) =푥 − 5
√4푥 + 5 − √3푥 + 10푎 , 푥 = 5
, 푥 ≠ 5
โดยที่ 푎 เปนจํานวนจริง ถา 푓 เปนฟงกชันตอเนื่องที่จุด 푥 = 5
แลว 푎 เทากับเทาใด
1. 10
2. 11
3. 12
4. 13 푃퐴푇1 มี. ค. 54
37. กําหนดให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง
ให 푓: 푅 → 푅 เปนฟงกชันตอเนื่อง ที่ 푥 = 1
และ 푔 เปนฟงกชันที่กําหนดโดย
푔(푥) =
⎩⎪⎨
⎪⎧√푥 + 3 − 2
√푥 − 1 ; 푥 > 1
푓(푥)|푥| + 7 ; 푥 ≤ 1
ถา 푔 มีความตอเนื่องที่ 푥 = 1 แลว (푔 ∘ 푓)(1) มีคาเทาไร
1. 2 − √3
2. 2
3. 2 − √7
4. √7 − 2 푃퐴푇1 ต. ค. 53
38. ให 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง และให 푓 เปนฟงกชันพหุนาม
โดยที่ 푓(푥) = 푥4 + 2푥3 − 푥2 + 푎푥 + 푏
ถามีฟงกชันพหุนาม 푄(푥) โดยที่ 푓(푥) = 푄(푥) 2
แลวคาของ 푓(푥)푑푥 เทากับขอใด
1. 7130
2. 3130
3. 1130
4. 1
30 푃퐴푇1 ต. ค. 53
![Page 7: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/7.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 73
39. ให 푓 เปนฟงกชันซึ่งมีโดเมนและเรนจเปนสับเซตของจํานวนจริง
โดยที่ 푓(2푥 + 1) = 4푥2 + 14푥
แลว 푓 푓′ 푓′′(2553) มีคาเทาใด
1. 7130
2. 3130
3. 120
4. 150 푃퐴푇1 ต. ค. 53
40. กําหนดให 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง และให 푓 เปนฟงกชัน
โดยที่ 푓(푥) =
|푥3 − 1|푥 − 1
; −1 < 푥 < 1
푎푥 + 푏 ; 1 ≤ 푥 < 55 ; 푥 ≥ 5
ถา 푓 เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (−1, ∞)แลว 푎푏 มีคาเทาไร73
1. 54
2. −74
3. 15
4. − 10 푃퐴푇1 ก. ค. 53
41. โรงงานผลิตตุกตาแหงหนึ่ง มีตนทุนในการผลิตตุกตา 푥 ตัว เสียคาใชจาย 푥3 − 450 푥2 + 60200푥 + 10000 บาท
ถาขายตุกตาราคาตัวละ 200 บาท โรงงานจะตองผลิตตุกตาก่ีตัว
จึงจะไดกําไรมากที่สุด
1. 100 ตัว 2. 150 ตัว 3. 200 ตัว 4. 250 ตัว 푃퐴푇1 ก. ค. 53
42. กําหนดให 푓(푥) เปนฟงกชันพหุนามกําลังสอง ถาความชัน
ของเสนสัมผัสเสนโคง 푦= 푓(푥) ที่จุด (1,2) มีคาเทากับ 4
และ 푓(푥)푑푥 = 12 แลว 푓(−1) + 푓 (−1)
มีคาเทากับเทาใด
1. 14
2. 15
3. 16
4. 18 푃퐴푇1 ก. ค. 53
43. ให ℎ(푥)= 푓(푥)푔(푥) โดยที่ความชันของเสนสัมผัสเสนโคง
푦 = 푓(푥) ที่จุด (푥, 푦) เทากับ 2 − 2푥 และเสนโคง
푦 = 푓(푥)มีคาสูงสุดสุมพัทธ เทากับ 5
ถา 푔 เปนฟงกชันพหุนาม มี 푔(2) = 푔 (2) = 5
แลว ℎ′(2) มีคาเทากับเทาใด
1. 10
2. 11
3. 12
4. 13 푃퐴푇1 ก. ค. 53
44. กําหนดให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง
ถา 푓: 푅 → 푅 และ 푔: 푅 → 푅 เปนฟงกชันโดยที่
푓(푥) = 3푥 , 푔(1) = 8 และ 푔′(1) = 23
คาของ (푓 ∘ 푔)′(1) เทากับขอใดตอไปนี ้
1. 13
2. 23
3. 1
4. 43 푃퐴푇1 มี. ค. 53
![Page 8: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/8.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 74
45. กําหนดให 푎 และ 푏 เปนจํานวนจริง และให 푓 เปนฟงกชัน
โดยที่ 푓(푥) =
푥3 − 3푥 − 2
푥 − 2 ; 푥 < 2
푎 − 푏 ; 푥 = 2푥2 + 푎푥 + 1 ; 푥 > 2
ถา 푓 เปนฟงกชันตอเนื่องบนเซตจํานวนจริง
แลว 푎2 + 푏2 มีคาเทาไร74
1. 52
2. 53
3. 54
4. 55 푃퐴푇1 มี. ค. 53
46. ให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง ถา 푓: 푅 → 푅 เปนฟงกชัน
โดยที่ 푓′(푥) = 3√푥 + 5 สําหรับทุกจํานวนจริง 푥
และ 푓(1) = 5 แลวคาของ 푙푖푚→
푓(푥 ) − 2푓(푥) มีคาเทาไร
1. 6
2. 7
3. 8
4. 9 푃퐴푇1 มี. ค. 53
47. กําหนดให 푅 แทนเซตของจํานวนจริง
ถา 푓: 푅 → 푅 เปนฟงกชันโดยที่ 푓′′(푥) = 6푥 + 4
สําหรับทุกจํานวนจริง 푥 และ ความชันของเสนสัมผัสเสนโคง
푦 = 푓(푥) ที่จุด (2,19) เทากับ 19
แลว 푓(1) มีคาเทาไร
1. 6
2. 7
3. 8
4. 9 푃퐴푇1 มี. ค. 53
48. ถา 푓 (푥) = 3푥 + 푥 − 5 และ 푓(0) = 1
แลว 푓(푥)푑푥 มีคาเทากับขอใดตอไปนี ้
1. 53
2. 73
3. 23
4. 13 푃퐴푇1 ก. ค. 52
49. ถา 푓, 푔 และ ℎ สอดคลองกับ
푓(1) = 푔(1) = ℎ(1) = 1 และ 푓′(1) = 푔′(1) = ℎ′(1) = 2
แลวคาของ (푓푔 + ℎ)′(1) เทากับขอใดตอไปนี ้ 1. 1
2. 2
3. 4
4. 6 푃퐴푇1 ก. ค. 52
50. เสนตรงซึ่งตัดตั้งฉากกับเสนสัมผัสของเสนโคง
푦 = 2푥 − 1
√푥 ที่จุด 푥 = 1 คือเสนตรงในขอใดตอไปนี้
1. 13푥 − 2푦 − 11 = 0
2. 13푥 + 2푦 − 15 = 0
3. 2푥 − 13푦 + 11 = 0
4. 2푥 + 13푦 − 15 = 0 푃퐴푇1 ก. ค. 52
51. ให 퐴 แทนพื้นที่ของอาณาบริเวณที่ปดลอมดวยเสนโคง 푦 = 1 − 푥 และแกน 푥
퐵 แทนพื้นที่ของอาณาบริเวณที่ใตเสนโคง
푦 =푥4 เหนือแกน 푥 จาก 푥 = −푐 ถึง 푥 = 푐
คาของ 푐 ที่ทําให 퐴 = 퐵 เทากับขอใดตอไปนี ้ 1. √2
![Page 9: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/9.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 75
2. 2
3. 2√2
4. 4 푃퐴푇1 มี. ค. 52
52. กําหนดให 푓(푥) = 푥 − 3푥 + 7
แลว 푓 เปนฟงกชันเพิ่มบนเซตในขอใดตอไปนี ้ 1. (−3, −2) ∪ (2,3)
2. (−3, −2) ∪ (1,2)
3. (−1,0) ∪ (2,3)
4. (−1,0) ∪ (1,2) 푃퐴푇1 มี. ค. 52
53. ถา 푓 (푥) = 12 (
1√푥
+1
√푥) แลวคาของ
แลวคาของ 푙푖푚ℎ→0
푓(1 + ℎ) − 푓(1)
푓(4 + ℎ) − 푓(4) มีคาเทาไร
1. 1
2. 165
3. 75
4. 15 푃퐴푇1 มี. ค. 52
54. กําหนดให 푎, 푏 เปนจํานวนจริง
ถา 푓(푥) = (푥 − 1)2 , 푥 ≥ 1푎푥3 + 푏푥2 + 푥 , 푥 < 1
เปนฟงกชันตอเนื่องและหาอนุพันธไดที่จุด 푥 = 1
แลว 푓(−1) มีคาเทาไร
1. − 6
2. − 4 3. 0
4. 4 퐴 − 푁퐸푇 2552
55. กําหนดให 푓(푥) = 푥 − 3푥 + 6 ถา 푝 เปนจุดบนกราฟ
푦 = 푓(푥)ที่ใหคาสูงสุดสัมพัทธของ 푓 แลวเสนตรงที่ผานจุด 푝
และจุด (2,6) มีคาเ ทากับเทาไร
1. − 1
2. −23
3. 23
4. 2 퐴 − 푁퐸푇 2552
56. พื้นที่ของอาณาบริเวณที่อยูระหวางเสนโคง 푦 = 푥 − 4푥
และแกน 푥 เม่ือ 푥 อยูในชวง [−2,1]
1. 3.75
2. 4.5 3. 5.75
4. 6.75 퐴 − 푁퐸푇 2552
57. กําหนดให 푓 เปนฟงกชันที่นิยามบนชวง (0, ∝)
โดยที่ 푓(2) = 2푓(1)และ 푓 (푥) = 27푥 −1
푥
ถา 푙 เปนเสนสัมผัสกราฟของ 푦 = 푓(푥)ที่จุด 1, 푓(1)
แลวจุดใดตอไปนี้อยูบนเสนตรง 푙 1. (2,64)
2. (2,66) 3. (3,94)
4. (3,96) 퐴 − 푁퐸푇 2552
58. ให 푓 เปนฟงกชันพหุนามกําลังสาม ซึ่งนิยามบน [−2,2]
โดยที่ 푓(0) = 1, 푓(1) = 0 และมีคาต่ําสุดที ่푥 = 1
มีคาสูงสุดที ่푥 = −1 จงพิจารณาขอความตอไปนี้ 푓(−2) ≤ 푓(푥) ทุก 푥 ∈ [−2,2]
푓(2) ≤ 푓(푥) ทุก 푥 ∈ [−2,2]
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
1. ก ถูกและ ข ถูก
![Page 10: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/10.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 76
2. ก ถูกและ ข ผิด 3. ก ผิดและ ข ถูก
4. ก ผิดและ ข ผิด 퐴 − 푁퐸푇 2551
59. กําหนดให 푓 เปนฟงกชันตอเนื่อง
โดยที่ 푓(푥) = 푎푥2 + 푏, 푥 ≥ 0푥3 + 1, 푥 < 0
มี 푓′(1) = 4แลว (푓 ∘ 푓) −1
√23 มีคาเทาไร
1. 1.5
2. 2 3. 3.5
4. 4 퐴 − 푁퐸푇 2551
60. กําหนดให 푓(푥) = 푥 + 3, 푥 < −1−2푥 , 푥 ≥ −1
พื้นที่ที่ปดลอมดวยกราฟ 푓 บนชวง [−4,0] มีคาเทาไร
1. 1
2. 2 3. 3
4. 4 퐴 − 푁퐸푇 2551
61. กําหนดให 푓(푥) = 1 +푎푥 , 푔(푥) = 푥 + 푏
ถา (푓 ∘ 푔)(0) = 0.5 , 푓 ′′(−1) = 2
แลว 푓
푔
′
(푎 + 푏) มีคาเทาไร
1. − 2. −
3. 4. 퐴 − 푁퐸푇 2550
62. กํานหดให 푓(푥) = (푥 − 1) ; 푥 < 0푥 + 푎푥 + 푏 ; 0 ≤ 푥 ≤ 1푥 − 푏 ; 푥 > 1
โดยที่ 푎, 푏 ∈ 푅 , ถา 푓 เปนฟงกชันตอเนื่องบน [−2,2]
แลว 푓(0.5) มีคาเทาไร
1. 0
2. 0.125 3. 0.5
4. 0.75 퐴 − 푁퐸푇 2550
63. พื้นที่อาณาบริเวณที่ลอมรอบดวยเสนโคง 푓(푥) = 푥 − 2푥 + 2푥 และแกน 푥 จาก 푥 = 0
ถึง 푥 = 4 จะมีคาเทาไร
1. 36.33 ตารางหนวย 2. 37.33 ตารางหนวย 3. 38.33 ตารางหนวย
4. 39.33 ตารางหนวย 퐴 − 푁퐸푇 2550
64. ถา 푓(푥) = 푥 ; 푥 < 02푥 − 1 ; 0 ≤ 푥 < 13푥 ; 푥 ≥ 1
แลว จงหาคาของ 푙푖푚푥→0−
푓(푥2) + 푙푖푚푥→0−
푓(1 − 푥)
1. 0
2. 1
3. 2
4. 3 퐴 − 푁퐸푇 2549
65. ถา 푝(푥)เปนพหุนามดีกรีสาม ซึ่งมี 1,2,3 เปนคําตอบ
ของสมการ 푃(푥) = 0 และ 푃(4) = 5
แลว 푝 (1)มีคาเทาไร
1. −6
7
2. −56
3. 45
![Page 11: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/11.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 77
4. 퐴 − 푁퐸푇 2549
66. กําหนดให 푦 = 푓(푥) มีความชันที่จุด (푥, 푦)ใดๆ เปน
2푥 + 2 และ 푓 มีคาต่ําสุดสัมพัทธเทากับ − 3 พื้นที่ของบริเวณ
ที่ปดลอมดวยกราฟ 푦 = 푓(푥) แกน 푥 เสนตรง 푥 = −1
และ 푥 = 0 มีพื้นที่เทาไร
1. 73 ตารางหนวย
2. 83 ตารางหนวย
3. 9 ตารางหนวย
4. 12 ตารางหนวย 퐴 − 푁퐸푇 2549
67. ใหเสนตรง 2푦 = 3푥 + 2 สัมผัสกราฟของ 푦 = 푓(푥)
ที่จุด (0,1) แลว 푙푖푚→
푓(푥) − 1푥 푥 มีคาเทาไร
1. −32
2. −12
3. 32
4. 52 7 วิชาสามัญ 58
68. กําหนดให 푓(푥) = 푥 + 3푎푥 − 9푎 푥 + 5푎
โดยที่ 푎 เปนจํานวนจริงบวก
ถา 푓 มีคาต่ําสุดสัมพัทธเทากับ 0 แลว 푎 มีคาเทากับเทาใด
1. 0
2. 1
3. 2
4. 3 7 วิชาสามัญ 58
69. กําหนดให 푎 , 푎 , 푎 , ⋯ , 푎 เปนลําดับเลขคณิต
ซึ่ง 푎1 = 4 , 푎2 = 7 , 푎푛 = 121
ถา 푓(푥) = (푥 + 푎 푥) + (푥 + 푎 푥) + (푥 + 푎 푥)+ ⋯ + (푥 + 푎 푥)
แลว 푓′(−1) มีคาเทากับขอใดตอไปนี ้ 1. 2420
2. 2440
3. 2460
4. 2480 7 วิชาสามัญ 58
70. คาของ 푙푖푚→
(1 + 푥)(1 + 6푥) − 1푥 มีคาเทาไร
1. 5
2. 6
3. 7
4. 8 7 วิชาสามัญ 57
71. ให 푓(푥) = 푔(푥) ; 푥 ≤ 1푥 + 2푥 ; 푥 < 1
; 푓ตอเนื่องที่ 푥 = 1
ถา (푓 ∘ 푔)′(1) = 58 แลว 푔′(1) มีคาเทากับเทาใด
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4 7 วิชาสามัญ 57
72. ใหเสนโคง 푦 = 푓(푥) ผานจุด(1,0) และมีความชัน
ณ จุดใด (푥, 푦) ใด ๆ เปน 4푥 + 1
ถา 퐹(푥) เปนปฏิยานุพันธหนึ่งของฟงกชัน 푓(푥)
แลวคาสูงสุดสัมพัทธของฟงกชัน 퐹 จะอยูที่ 푥 เทากับขอใดตอไปนี ้
1. −32
2. −12
3. 32
![Page 12: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/12.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 78
4. 52 7 วิชาสามัญ 57
73. ให 푓(푥) = 2푥 + 3푥 − 12푥 + 1
คาสูงสุดสัมบูรณของฟงกชัน푓บนชวง [−1,2] มีคาเทากับเทาใด
1. 11
2. 12
3. 13
4. 14 7 วิชาสามัญ 56
74. กําหนดใหฟงกชัน 푓(푥) เปนปฏิยานุพันธของ 3푥 + 4
และความชันของเสนโคง 푦 = 푔(푥) ที่จุด (푥, 푦) ใดๆ คือ 3푥2
ถากราฟของฟงกชัน 푓 และ 푔 ตัดกันที่จุด (1,2)
แลว (푓푔)′(1) มีคาเทากับขอใดตอไปนี ้
1. −73
2. − 2
3. 13
4. 2 7 วิชาสามัญ 56
75. กําหนดให 푔(푥) เปนฟงกชันซึ่งมีอนุพันธที่ทุกจุด และ
푓(푥) =
⎩⎨
⎧
|푥 + 2|4 − 푥 ; 푥 < −2
푔(푥); −2 ≤ 푥 ≤ 3√2푥 + 3 ; 푥 > 3
, 푓 ตอเนื่องทุกจุด
จงหาคาของ 푔′(푥)푑푥3
−2
1. −134
2. −14
3. 14
4. 134 7 วิชาสามัญ 56
76. กําหนดให 퐴 = {1,2,3,4,5,6} และ 퐵 = {푝(푥) ∣ 푝(푥) = 푎푥 − 푏푥 + 푐 เม่ือ 푎, 푏, 푐 ∈ 퐴}
สุมหยิบ 푝(푥) มาจากเซต 퐵 หนึ่งตัว ความนาจะเปนที่จะได 푝(푥)
ซึ่ง 푝(푥)푑푥 มีคาเปนจํานวนเต็ม เทากับขอใดตอไปนี ้
1. 15
2. 16
3. 14
4. 34 7 วิชาสามัญ 56
77. กําหนดใหกราฟของอนุพันธของฟงกชัน 푓 เปนดังรูป
นักเรียนคนหนึ่งสรุปไดวา 푓 ตองเปนดังขอความตอไปนี ้ 1. 푓(푥) = −푥 เม่ือ 2 < 푥 < 3
2. 푓 เปนฟงกชันลด เม่ือ 0 < 푥 < 2
3. 푓 มีจุดต่ําสุดสัมพัทธที่จุด 푥 = 4
4. 푓 มีจุดสูงสุดสัมพัทธที่จุด 푥 = 1
จํานวนขอความที่นักเรียนคนนี้สรุปไดอยางถูกตอง เทากับขอใดตอไปนี ้ 1. 1
2. 2
3. 3
4. 4 7 วิชาสามัญ 56
78. จงหาคาของ 4푥|푥 − 3|푑푥 วามีคาตรงกับขอใด
1. 16
2. 17
3. 18
4. 19 7 วิชาสามัญ 55
![Page 13: Cal 9](https://reader031.vdocuments.pub/reader031/viewer/2022030118/589f3c8a1a28ab490c8b550d/html5/thumbnails/13.jpg)
คณิตศาสตร์ ชุด CALCULUS เรียบเรียงโดย ….. อ. สุทธิ – อ.อารยา คุณวัฒนานนท์ หน้าที 79
79. พาราโบลารูปหนึ่งมีแกนสมมาตรขนานกับแกน 푦
มีจุดยอดอยูที่จุด (3,9) และผานจุด (1,5) บริเวณที่ปดลอม
ดวยพาราโบลารูปนี้ และแกน 푥 มีพื้นที่เทากับขอใดตอไปนี ้ 1. 18 ตารางหนวย 2. 26 ตารางหนวย
3. 36 ตารางหนวย
4. 54 ตารางหนวย 7 วิชาสามัญ 55
80. ให 푔 เปนฟงกชันพหุนามซึ่งมีจุด (2, −1)เปนจุดต่ําสุดสัมพัทธ
และกราฟของ 푔 ผานจุด (1,4) ถา 푐 เปนคาคงตัวที่ทําใหฟงกชัน 푓
โดยที่ 푓 =(푐푥2 + 1)푔(푥) เม่ือ 푥 ≥ 1 2푥 + 10 เม่ือ 푥 < 1
ตอเนื่องที่จุด 푥 = 1 แลว 푓′(2) มีคาเทากับขอใดตอไปนี ้ 1. − 8
2. − 4
3. 4
4. 8 7 วิชาสามัญ 55
81. ขอใดตอไปนี้ ไมมีอนุพันธที่จุด 푥 = 0
1. 푓(푥) = 푥|푥 + 1|
2. 푓(푥) =푥
|푥 + 1|
3. 푓(푥) = |푥|(푥 + 1)
4. 푓(푥) = 푥 |푥 + 1| 7 วิชาสามัญ 55
82. ให 푓(푥) และ 푔(푥) เปนฟงกชันที่หาอนุพันธไดที่สอดคลองกับ
푓 ∘ 푔(−푥 ) =푥 + 3푥 + 16
푔(푥)
ถา 푓′ 푔(−1) = 푔′(−1) = 푔(−1) = 푎 ≠ 0
ใหหาคา 푎
1. − √3
2. − √2
3. √2
4. √3 กสพท ชุดที ่1 ป 52
83. จงหาคาของ 푙푖푚→
2푥 + 3푥 − 2푥 − 푥
1. 0
2. √2
3. − √2
4. √3 กสพท ชุดที ่1 ป 52
84. กราฟ 푦 = 푓(푥) มีความชันที่จุด 푎, 푓(푎) ใดๆ
มีคาเทากับ 2푎 − 푐 โดยที่ 푐 เปนจํานวนจริง
กราฟนี้สัมผัสแกน 푋 ที่จุดต่ําสุดพอดี โดย 푓(푥) มีคาวิกฤตคาเดียว
คือ 3 จงหา 푓(0)
1. 3
2. 6
3. 9
4. 12 กสพท ชุดที ่1 ป 52
85. กําหนดให 푓: (−1,1) → 푅 ที่สอดคลองกับ
푓(푥) = 푥 + 푥 − 푥 เม่ือ 푥 < 0 푥 − 푎 เม่ือ 푥 > 0
โดยที่ 푎 ∈ 푅 และ 푓 เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (−1,1)
แลว 푓(0) มีคาเทากับเทาใด
1. 1
2. 2
3. 3 4. 4 กสพท ชุดที ่2 ป 52
86. ถา 푓(푥) = 0 ; 푥 ≤ 0푥 − 1 ; 0 < 푥 ≤ 1푥 ; 푥 > 1
แลว จงหาคาของ 푙푖푚푥→0−
푓(푥2) + 푙푖푚푥→1+
푓(푥 − 1)
푥 + 1
1. − 1
2. − 1.5
3. − 2
4. − 2.5 กสพท ชุดที ่2 ป 52