developcom 3

3
ใบความรู วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร ยุคของคอมพิวเตอร 1. ยุคที่หนึ่ง (First Generation) ยุคนี้เริ่มตั้งแต .. 1944 เปนตนมา หรือประมาณป .. 2494 – 2502 เทคโนโลยีที่ใชสราง คอมพิวเตอรในยุคนี้จะใชหลอดสุญญากาศ และวงจรไฟฟา ซึ่งตองใชพลังความรอนในขณะทํางาน สูง ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอรในยุคนี้จึงมีขนาดใหญและตองใช เครื่องปรับอากาศมาชวยในการระบาย ความรอน นอกจากนั้นยังมีการใชเทปกระดาษหรือบัตรเจาะรูในการรับสงขอมูล สําหรับปญหาที่เกิด ในยุคนี้จะเปนปญหาในดานการบํารุงรักษา และการซอมแซมเครื่องเพื่อใหเครื่องสามารถทํางานได นอกจากนั้นการใชคําสั่งในการสั่งงานก็คอนขางยาก เพราะสวนมากแลวในการทํางานตองสั่งงานโดย ใชภาษาเครื่อง (Machine Language) ซึ่งจะถือเปนภาษาระดับต่ํา รหัสคําสั่งตาง ๆจะจดจําคอนขางยาก การใชงานคอมพิวเตอรในยุคนี้สวนใหญจะเปนงานทางดานวิทยาศาสตร และคณิตศาสตร สวนงาน ทางดานธุรกิจมีการเริ่มใชในยุคนี้เชนกัน แตมีการใชที่คอนขางนอย 2. ยุคที่สอง (Second Generation) ยุคนี้เริ่มในป .. 1957 หรือประมาณป .. 2502-2507 ในยุคนี้ไดมีการริเริ่มนําเอา ทรานซิสเตอร (Transistor) และไดโอด (Diodes) มาใชแทนหลอดสุญญากาศ ซึ่งมีขนาดเล็ก มีราคาถูก ลงและทํางานไดเร็วขึ้น ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอรจึงเล็กลงตามไปดวย ในการทํางานจะใชวง แหวนแมเหล็ก สําหรับเก็บขอมูลและใชเทปแมเหล็ก จานแมเหล็กเปนสื่อในการรับสงขอมูล นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มอุปกรณ ในการรับขอมูล และอุปกรณในการแสดงผลลัพธอีกมากมาย มีการ ใชเครื่องพิมพ จานแมเหล็ก บัตรเจาะรู จอภาพ และแปนพิมพเปนเครื่องปลายทาง ในยุคนี้ไดเปลี่ยน จากการสั่งงานดวยภาษาเครื่องเปน การใชสัญลักษณแทนจึงทําใหการสั่งงานงายขึ้นและมีภาษาระดับ สูงบางภาษาเกิดขึ้นในยุคนี้เชนกัน 3. ยุคที่สาม (Third Generation) เริ่มในป .. 1965 ในยุคนี้มีการนําเอาวงจรผนึกมาใชแทนทรานซิสเตอร ทําใหคอมพิวเตอร ในยุคนี้มีขนาดเล็กลงไปอีก ความเร็วก็สูงขึ้นและราคาก็ลดลงไปอีก มีการพัฒนาโปรแกรมกวางขวาง ขึ้น และมีการเริ่มใชภาษาระดับสูงมาชวยในการเขียนโปรแกรม จึงมีหลายบริษัทเริ่มผลิตโปรแกรม สําเร็จรูปมาใชในการทํางาน 4. ยุคที่สี(Fourth Generation) เริ่มตั้งแตป .. 1976 มีการนําเอาแผงวงจรรวมมาใชแทนวงจรผนึก และมีการปรับปรุง อุปกรณอื่น ใหมีความสามารถสูงขึ้น จึงทําใหคอมพิวเตอรสามารถทํางานไดเร็วขึ้น นอกจากนั้นยัง

Upload: paween

Post on 28-May-2015

887 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: Developcom 3

ใบความรู วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร

ยุคของคอมพวิเตอร 1. ยุคที่หนึ่ง (First Generation) ยุคนี้เร่ิมตั้งแต ค.ศ. 1944 เปนตนมา หรือประมาณป พ.ศ. 2494 – 2502 เทคโนโลยีที่ใชสรางคอมพิวเตอรในยุคนี้จะใชหลอดสุญญากาศ และวงจรไฟฟา ซ่ึงตองใชพลังความรอนในขณะทํางานสูง ดังนั้นเครือ่งคอมพิวเตอรในยุคนีจ้ึงมีขนาดใหญและตองใช เครื่องปรับอากาศมาชวยในการระบายความรอน นอกจากนั้นยังมกีารใชเทปกระดาษหรือบัตรเจาะรูในการรบัสงขอมูล สําหรับปญหาที่เกิดในยุคนี้จะเปนปญหาในดานการบํารุงรักษา และการซอมแซมเครื่องเพื่อใหเครื่องสามารถทํางานได นอกจากนั้นการใชคําสั่งในการสั่งงานก็คอนขางยาก เพราะสวนมากแลวในการทํางานตองสั่งงานโดยใชภาษาเครื่อง (Machine Language) ซ่ึงจะถือเปนภาษาระดับต่ํา รหัสคาํสั่งตาง ๆจะจดจําคอนขางยาก การใชงานคอมพิวเตอรในยคุนี้สวนใหญจะเปนงานทางดานวิทยาศาสตร และคณิตศาสตร สวนงานทางดานธุรกิจมีการเริ่มใชในยุคนี้เชนกัน แตมีการใชที่คอนขางนอย 2. ยุคที่สอง (Second Generation) ยุคนี้เร่ิมในป ค.ศ. 1957 หรือประมาณป พ.ศ. 2502-2507 ในยุคนีไ้ดมีการริเร่ิมนําเอาทรานซิสเตอร (Transistor) และไดโอด (Diodes) มาใชแทนหลอดสุญญากาศ ซ่ึงมีขนาดเล็ก มีราคาถูกลงและทํางานไดเร็วขึ้น ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอรจึงเล็กลงตามไปดวย ในการทํางานจะใชวงแหวนแมเหล็ก สําหรับเก็บขอมูลและใชเทปแมเหล็ก จานแมเหล็กเปนสื่อในการรบัสงขอมูล นอกจากนั้นยงัมีการเพิ่มอุปกรณ ในการรบัขอมูล และอุปกรณในการแสดงผลลัพธอีกมากมาย มกีารใชเครื่องพิมพ จานแมเหล็ก บัตรเจาะรู จอภาพ และแปนพิมพเปนเครื่องปลายทาง ในยุคนี้ไดเปลี่ยนจากการสั่งงานดวยภาษาเครื่องเปน การใชสัญลักษณแทนจึงทําใหการสั่งงานงายขึ้นและมภีาษาระดับสูงบางภาษาเกดิขึ้นในยุคนี้เชนกัน 3. ยุคที่สาม (Third Generation) เร่ิมในป ค.ศ. 1965 ในยุคนีม้ีการนําเอาวงจรผนึกมาใชแทนทรานซิสเตอร ทําใหคอมพิวเตอรในยุคนี้มีขนาดเล็กลงไปอีก ความเร็วก็สูงขึ้นและราคากล็ดลงไปอีก มีการพัฒนาโปรแกรมกวางขวางขึ้น และมีการเริ่มใชภาษาระดับสูงมาชวยในการเขียนโปรแกรม จึงมีหลายบริษัทเริ่มผลิตโปรแกรมสําเร็จรูปมาใชในการทํางาน

4. ยุคที่ส่ี (Fourth Generation) เร่ิมตั้งแตป ค.ศ. 1976 มีการนําเอาแผงวงจรรวมมาใชแทนวงจรผนกึ และมีการปรับปรุงอุปกรณอ่ืน ๆ ใหมีความสามารถสูงขึ้น จึงทําใหคอมพวิเตอรสามารถทํางานไดเร็วข้ึน นอกจากนั้นยงั

Page 2: Developcom 3

มีการเปลี่ยนหนวยความจําจากวงแหวนแมเหล็กมาเปนหนวยความจําสารกึ่งตัวนํา มกีารผลิตไมโครโพรเซสเซอรขึ้นทําใหมกีารสรางคอมพิวเตอรขนาดกลาง (Minicomputer) และขนาดเล็ก (Microcomputer) ขึ้นมาเพื่อขาย ความเหมาะสมในการใชงานในแตละประเภท ในยคุนี้มีประชาชนสนใจคอมพิวเตอรมากขึ้น ทาํใหมีการใชอยางแพรหลายในหมูประชาชนทั่วไป ไมวาจะเปนนักเรยีน นักศึกษา ครูอาจารย นายแพทย นักธุรกจิ เปนตน วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร นับตั้งแตอดีตมาจนถึงปจจบุันจะพบวาคอมพิวเตอรมีววิัฒนาการ เปลีย่นแปลงไปมากทั้งทางดานฮารดแวรและทางดานซอฟตแวร เพื่อใหทนัสมัยและรวดเรว็ ทันตอเหตกุารณ สําหรับการเปลี่ยนแปลงทางดานฮารดแวรนั้นไดมีววิฒันาการหรือการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ป ค.ศ. 1981 ไดผลิตเครื่องไมโครคอมพิวเตอรรุนไอบีเอ็มพีซีขึ้น โดยบริษัทอินเทล ในรุนนีใ้ช CPU เบอร 8088 ซ่ึงถือวาเปนตนกําเนิดของเครื่องพีซีในปจจุบนั ป ค.ศ. 1982 ไดพัฒนาเปนรุนไอบีเอ็มพซีีเอ็กซที (IBM PC/XT) มีการออกแบบวงจรภายในใหม ใหมีขนาดเล็กลงและทํางานรวดเร็วขึ้น แตยังคงใช CPU เบอร 8088 ของอินเทล เครื่องรุนนี้สามารถติดตั้งฮารดดิสกไดมกีารเปลี่ยนไปจากเดิม คือ 8 เซกเตอรตอแทรก เปน 9 เซกเตอรตอแทรก ทําใหสามารถเก็บขอมูลไดมากขึ้นเปน 360 กิโลไบต ป ค.ศ. 1985 ไดพัฒนาเปนรุนไอบีเอ็มพซีีเอที (IBM PC/AT) ในรุนนี้ไดเปลี่ยนไปใช CPU เบอร 80286 ซ่ึงเปนตัวใหมของบริษัทอินเทลในการเก็บขอมูลก็มีการเพิม่ฮารดดิสก ใหมีความจเุพิ่มขึ้นเปน 20 เมกะไบต ฟลอปปดิสกก็สามารถเก็บขอมูลไดถึง 1.2 เมกะไบต ทําใหมีประสิทธิภาพสูงและทํางานเร็วกวารุนไอบีเอ็มเอก็ซที ป ค.ศ. 1987 บริษัทไอบีเอม็ไดสรางคอมพิวเตอรรุน PS/2 ขึ้นมา ในรุนนี้ฮารดดิสกจะมีความจุมากขึ้น ฟลอปปดิสกก็เพิ่มความจุจากเดิม 720 กิโลไบต เปน 1.44 เมกะไบต และเปลี่ยนเปนแผนดิสกขนาด 3.5 นิ้ว ปตอมา ไดพฒันาเปนเครื่องมือที่ใชไมโครโพรเซสเซอรเบอร 80386 ของอินเทล ซ่ึงมีขนาด 32 บิต และมีประสิทธิภาพสูงกวาเครื่องเอทีมาก แตก็มีปญหาหนึ่งของเครื่อง 386 คือระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่นที่ผานมาถูกพัฒนาขึ้นมาบนเครื่องพีซีธรรมดาเทานั้น โปรแกรมเหลานั้นจึงไมสามารถใชความสามารถของ ซีพียู 80386 ไดเต็มที่นกัจะมีก็แตความเรว็ที่สูงขึ้นเทานัน้ ปจจุบัน บริษัท อินเทล ไดพัฒนาเครื่องพซีี 586 (Pentium) ขึ้นมา เพื่อการใชงานกับแอพพลิเคชั่นบน

Page 3: Developcom 3

วินโดวสโดยเฉพาะและรองรับความเร็วของซีพียูได สําหรับในปจจุบนัรุนนี้เปนรุนที่กําลังไดรับความนิยมในการทํางานคอนขางสูง ที่มา www.bcoms.net