![Page 1: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/1.jpg)
โดย..ครูปนิชัยา นาคจ ารญู
![Page 2: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/2.jpg)
โดย..ครูปนิชัยา นาคจ ารญู
![Page 3: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/3.jpg)
เป็นปากใบของพชืทัว่ไปโดยมเีซลลค์มุอยูใ่นระดบัเดยีวกบัเซลลเ์อพเิดอรม์สิ เจริญอยูใ่นที่ ๆ มีน าอุดมสมบรูณพ์อสมควร (mesophyte)
![Page 4: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/4.jpg)
อยู่ลึกเขา้ไปในเนื อใบ เซลลค์มุอยูล่กึกวา่ชั น เซลลเ์อพิเดอรม์สิ พบในพืชทีอ่ยูใ่นที่แหง้แลง้ (xerophyte) เช่น พืชทะเลทราย และพชืปา่ชายเลน (halophyte)
![Page 5: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/5.jpg)
เป็นปากใบทีม่เีซลลค์มุอยูส่งูกว่าระดบัเอพิเดอร์มสิทัว่ไป ช่วยใหน้ าระเหยออกจากปากใบไดเ้รว็ขึ น พบในพืชทีเ่จรญิอยูใ่น ที่มีน ามากหรอืชื นแฉะ(hydrophyte)
![Page 6: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/6.jpg)
พืชใบเลี ยงเดีย่วบางชนดิ เช่น หญ้า ข้าวโพด เอพิเดอรม์สิมเีซลลข์นาดใหญ่ และผนงัเซลลบ์าง เรียกวา่ บัลลิฟอรม์เซลล ์(bulliform cell)
ช่วยท าใหใ้บมว้นงอไดเ้มือ่พชืขาดน าชว่ยลดการคายน าของพชืใหน้อ้ยลง
![Page 7: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/7.jpg)
![Page 8: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/8.jpg)
บางชนิดมเีอพเิดอรม์สิหนามากกวา่ 1 ชั น เรียกวา่ multiple epidermis พบในพืชทีแ่หง้แลง้ แถวทีอ่ยูถ่ดัเขา้ไปเรยีกวา่ ไฮโพเดอรม์สิ (hypodermis)
![Page 9: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/9.jpg)
โดย..ครูปนิชัยา นาคจ ารญู
![Page 10: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/10.jpg)
เป็นการคายน าทีก่ าจดัไอน าออกมาทางปากใบ เป็นทางทีม่กีารคายน ามากทีส่ดุ
![Page 11: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/11.jpg)
เป็นการคายน าทีก่ าจดัไอน าออกมาทางผวิใบที่ม ีcuticle ฉาบอยูข่า้งนอก น าจึงแพรอ่อกทางนี ไดย้าก พืช จึงคายน าออกทางนี ไดน้อ้ย
![Page 12: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/12.jpg)
เป็นการคายน าทีก่ าจดัไอน าออกมาทาง lenticel ซึ่งเป็นรอยแตกตามล าต้นการคายน าประเภทนี เกดิขึ นนอ้ยมาก
![Page 13: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/13.jpg)
![Page 14: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/14.jpg)
เป็นการคายน าในรปูหยดน าเลก็ ๆ ทางรเูปิดเล็ก ๆ ตามปลายเสน้ใบทีข่อบใบ เรียกวา่ โฮดาโธด (hydathode)
ซึ่งเกดิขึ นเมือ่อากาศมคีวามชื นมากๆอุณหภมูิต่ าและลมสงบ
![Page 15: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/15.jpg)
แสงสวา่ง ถ้าความเขม้ขน้ของแสงสว่างมากจะชว่ยใหก้ารคายน ามอีัตราสูงขึ น ความชื น ถ้าหากความชื นในบรรยากาศมนีอ้ย การคายน าเกดิขึ นไดม้าก ลม ช่วยพัดพาไอน าทีร่ะเหยออกมาจากใบ น าในดนิ ถ้ามนี ามากกเ็หมาะสมกบัการคายน า ความกดดนัของบรรยากาศ ถ้าความกดดนัของบรรยากาศต่ า ไอน าแพรอ่อกไปจากใบไดง้า่ย
![Page 16: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/16.jpg)
![Page 17: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/17.jpg)
โดย..ครูปนิชัยา นาคจ ารญู
![Page 18: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/18.jpg)
พืชทีไ่มม่ทีอ่ล าเลยีง เช่น มอส เซลลท์ุกเซลลไ์ดร้ับน าอยา่งท่ัวถงึโดยการแพร่จากเซลลห์นึ่งไปยงัอีกเซลลห์นึง่
![Page 19: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/19.jpg)
พืชทีม่ขีนาดใหญจ่ะใชว้ธิกีารเชน่เดยีวกบัมอสไมไ่ด ้จ าเป็นตอ้งมทีอ่ล าเลยีง จากรากขึ นไปเลี ยงเซลลท์ี่อยูป่ลายยอด
![Page 20: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/20.jpg)
น าเป็นสว่นประกอบทีส่ าคญัภายในเซลลพ์ชื น าชว่ยใหเ้ซลลพ์ชืเตง่ ท าใหเ้ซลลม์รีปูร่างคงตวั น าเปน็ตวัท าละลาย เช่น ละลายแรธ่าตตุ่างๆ น าเปน็ตวัร่วมในปฏกิริยิาเคมีในเซลล ์น าท าหนา้ทีค่วบคมุอณุหภมูขิองเซลล์ และล าตน้พชื
![Page 21: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/21.jpg)
รากพชืโดยทัว่ไป จะมีส่วนเรยีกวา่ ขนราก เพื่อเพิ่มพื นทีส่มัผสักบัน า น าในดนิกจ็ะแพรผ่า่นเยือ่หุม้เซลลเ์ขา้สูเ่ซลลท์ีผ่วิของราก ขนรากดดูน าโดยกระบวนการ ออสโมซิส ปัจจัยส าคญัคอื ความแตกตา่งของความเขม้ขน้ของสารละลายในดินกบัในราก
![Page 22: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/22.jpg)
![Page 23: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/23.jpg)
วิถีอโพพลาส (apoplasmic pathway) เป็นการเคลื่อนทีข่องน าทีผ่่านชอ่งระหว่างผนงัเซลล์ ในชั นคอรเ์ทกซแ์ละผา่นเซลลท์ีไ่ม่มชีวีิต คือเทรคดี และเวสเซล
![Page 24: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/24.jpg)
เป็นระบบท่ีผา่นไซโทพลาซมึของเซลลซ์ึง่เชือ่มตอ่กนัดว้ยทอ่เล็ก ๆ เรียกวา่ พลาสโมเดสมาตา (Plastmodesmata)
เมื่อน าเคลือ่นที่มาถงึเอนโดเดอร์มสิทีม่แีคสพาเรยีน สตรพิ ( ซูเบอร์รนิ )กั นอยู ่น าจงึตอ้งผ่านทางไซโทพลาซมึ (symplast) จึงจะเขา้ไปในไซเลมได ้
![Page 25: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/25.jpg)
![Page 26: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/26.jpg)
![Page 27: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/27.jpg)
![Page 28: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/28.jpg)
แรงดนัราก(Root pressure) โดยน าในทอ่ไซเลม็มคีวามเขม้ขน้สงูกว่าน าในดนิ จึงเกดิกระบวนการออสโมซิสของน าในดนิสู่ราก เป็นที่มาของแรงดนัในทอ่ไซเลม็จึงดนัใหน้ าเขา้ไปในท่อไซเลม็ได้
![Page 29: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/29.jpg)
โดยน าในทอ่ไซเลม็มแีรงดงึดดูระหวา่งโมเลกลุของน ากบัผนงัดา้นขา้งของหลอดแกว้นั น เรียกว่า แรงแอดฮชีนั (Adhesion)
และมแีรงดึงดดูระหวา่งโมเลกลุของน าดว้ยกนัเอง เรียกวา่ แรงโคฮชีนั (Cohesion)
![Page 30: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/30.jpg)
![Page 31: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/31.jpg)
เกิดจากการทีใ่บคายน าออกไปเรือ่ยๆท าใหเ้ซลลข์องใบขาดน าไป จึงเกดิแรงดงึน าท าใหน้ าเคลือ่นทีต่อ่เนือ่ง
![Page 32: บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำและลำเลียงน้ำ](https://reader030.vdocuments.pub/reader030/viewer/2022013123/58f133fb1a28ab5b598b45fb/html5/thumbnails/32.jpg)