Transcript
  • สมนฺตปาสาทิกา นาม วินยฏฺฐกถา มหาวภิงฺควณฺณนาย ปฐมภาโคปฐมสมันตปาสาทิกา ภาค ๑ แปล

    สมันตปาสาทิกา ภาค ๑ บาลี-ไทย

    ฉบับเร่งด่วน ยังไม่เรยีบร้อย (๑๓ ก.ย.๖๑) สารบัญหลัก (คลิกเพื่อไปยังหัวข้อในสารบัญย่อย)

    อารมฺภกถา ๑๒พาหิรนิทานวณฺณนา ๑๗เร่ิมเร่ืองทุตยิสงัคายนา ๖๐เร่ืองระหว่างทติุยตตยิสงัคายนา ๖๔เร่ิมเร่ืองตตยิสงัคายนา ๖๗เร่ืองนำาพระวินยัปิฎกสืบตอ่กนัมา ๑๐๕เร่ืองส่งพระเถระไปประกาศพระศาสนาในต่างประเทศ ๑๐๘เร่ิมเร่ืองจตุตถสังคายนา ๑๗๐เวรญฺชกณฑฺวณฺณนา ๑๗๖พุทธคุณกถา ๑๘๘กถาว่าด้วยปฐมฌาน ๒๔๖กถาว่าด้วยทุติยฌาน ๒๕๙กถาว่าด้วยตติยฌาน ๒๖๕กถาว่าด้วยจตุตถฌาน ๒๗๒กถาว่าด้วยปุพเพนิวาสญาณ ๒๘๐กถาว่าด้วยทิพยจกัษุ ๒๙๓กถาว่าด้วยอาสวักขยญาณ ๓๐๕

    เมอืงเวรัญชาเกิดทุพภิกขภยั ๓๒๐มหาโมคคัลลานสีหนาทกถา ๓๓๕ปฐมปาราชิกวณฺณนา ๓๗๓สมุฏฐานที่เกิดแห่งอาบัติมี ๖ อย่าง ๕๑๔วินตีวัตถปุฐมปาราชกิ ๕๑๘ทุติยปาราชิกวณณฺนา ๕๔๒เร่ืองอนุบญัญัติทุติยปาราชกิ ๕๖๗พรรณนาบทภาชนีย์ ๗๑๑กถาปรารภเร่ืองท่ัวไป ๗๒๙ตติยปาราชิกวณณฺนา ๗๕๕ประชมุสงฆ์ ทรงบญัญัติตติยปาราชิกสกิขาบท ๘๒๓เร่ืองท่ีไม่ลับ สำาคัญว่าที่ลับ ๘๕๓วินตีวัตถใุนตตยิปาราชิก ๘๗๔จตุตฺถปาราชิกวณฺณนา ๙๐๒[บทสรูปปาราชิก] ๙๖๑[อธษิฐานคาถาของท่านผู้รจนา] ๙๖๔คำาผิดในหนังสอื ๙๖๕

    [000] คือ เลขหน้าในหนังสือบาลี (ค้นหาหน้า ใช้ Ctrl+F เช่น [123]) สตฺถา ประธาน (ปฐมาวิภตัติ)

    (ข้อความ) ข้อความในวงเล็บทีค่วรใส่ หรือต้องใส่ เมื่อแปล ขนาดฟอนต์ 16pt (ขอ้ความ) ข้อความในวงเล็บทีอ่าจใส่เพ่ิมเข้ามา เมือ่แปล หรือเป็นเพียงคำาอธิบายให้ทราบ) ขนาดฟอนต์ 15pt

    สำาหรับข้อความที่ยาวมาก มีหลายบรรทัด และ/หรือ ศัพท์บาลีที่ต้องแปลก่อนอยู่สุดท้ายของข้อความยาวๆ นั้น จะแบ่งข้อความเหล่านั้นเป็นช่วงๆ เพื่อสะดวกในการเทียบแปล โดยใช้เคร่ืองหมาย | ปิดต้น-ท้ายข้อความบาลี เช่น| ข้อความบาลีข้อความบาลี ฯเปฯ ข้อความบาลีข้อความบาลี. |คำาแปลไทยคำาแปลไทย ฯลฯ คำาแปลไทยคำาแปลไทย.

    คลิกที่เลขเชิงอรรถ เพื่อตรงไปยังเชิงอรรถนั้นๆ ได้ PaliDict จัดหน้าด้วยโปรแกรม LibreOffice 6

    http://LibreOffice.org/http://LibreOffice.org/http://PaliDict.com/

  • หน้า ๒ • •

    สารบัญย่อย(คลิกเพื่อไปยังหน้าท่ีต้องการ)

    อารมฺภกถา............................................................................. ๑๒พาหิรนิทานวณฺณนา...............................................................๑๗[พระมหากัสสปะชักชวนทำาสังคายนา].....................................๑๙[พระมหากัสสปะคัดเลือกภิกษุ ๔๙๙ รูป]................................๑๙[ทำาสังคายนาจะเว้นพระอานนท์ไมไ่ด้]......................................๑๙[ภกิษุทั้งหลายขอให้เลือกพระอานนท์].....................................๒๑[เลือกกรุงราชคฤห์เป็นที่ทำาปฐมสังคายนา]..............................๒๑[พระมหาเถระแยกกันเดินทางไปสู่กรุงราชคฤห์]......................๒๒[พระอานนทไ์ปถึงทีไ่หนมีเสียงร้องไห้ในที่นั้น]..........................๒๒[พระอานนท์ปัดกวาดเสนาสนะที่เคยประทับ]..........................๒๓[พระอานนทฉ์ันยาระบาย]........................................................๒๓[พระเถระทั้งหลายคิดซ่อมวิหาร ๑๘ แห่ง]...............................๒๓[พระเถระไปทูลขอหัตถกรรมจากพระเจ้าอชาตศัตรู]...............๒๔[พระราชาทรงอุปถัมภก์ิจสงฆ์ทุกอย่าง]....................................๒๕[พระราชารับส่ังให้ประดับถำ้าดุจวิมานพรหม]...........................๒๕[พวกภิกษุเตือนพระอานนท์มิให้ประมาท]................................๒๖[พระอานนทด์ำาดินไปเข้าประชุมสงฆ์].......................................๒๗[พระเถระเร่ิมปรึกษาและสมมติตนเป็นผู้ปุจฉาวิสัชชนา].........๒๘[คำาสมมติตนปุจฉาวิสัชชนาพระวินัย].......................................๒๙[ปุจฉาและวิสัชชนาพระวินัย]...................................................๒๙[รวบรวมพระวินัยของภิกษไุว้เป็นหมวดๆ]...............................๓๐[รวบรวมวินัยของภิกษุณีเป็นหมวดๆ].......................................๓๑[เร่ิมสังคายนาพระสูตร].............................................................๓๑[คำาสวดสมมติปุจฉาวิสัชชนาพระสูตร].....................................๓๑[ปุจฉาและวิสัชชนาพระสูตร]....................................................๓๒[นิกาย ๕]..................................................................................๓๓[พระพทุธพจน์มีจำานวนต่างๆ กัน]............................................๓๓[พระพทุธพจน์มีอย่างเดียว]......................................................๓๓[พระพทุธพจน์มี ๒ อย่าง].........................................................๓๔[พระพทุธพจน์มี ๓ อย่าง].........................................................๓๔[ปิฎก ๓]....................................................................................๓๖[อรรถาธิบายคำาว่าวินัย]............................................................๓๖[อรรถาธิบายคำาว่าสูตร]............................................................๓๗[อรรถาธิบายคำาว่าอภิธรรม]......................................................๓๘

    [ปิฎกเปรียบเหมือนตะกร้า]......................................................๔๑[อธิบายคัมภีรภาพ ๔ อย่าง].....................................................๔๓[อธิบายคัมภีรภาพอีกนัยหนึ่ง]..................................................๔๔[ปริยัติ ๓ อย่าง]........................................................................๔๖[ภิกษุผู้ปฏิบัตดิีใน ๓ ปิฎกได้ผลดตี่างกัน].................................๔๘[ผู้ปฏิบัติไมด่ีใน ๓ ปิฎกได้ผลเสียต่างกัน].................................๔๘[พระพุทธพจน์มี ๕ นิกาย]........................................................๕๐[ทีฆนิกาย ๓๔ สูตร]..................................................................๕๐[มัชฌิมนิกายมี ๑๕๒ สูตร].......................................................๕๑[สังยุตตนิกายมี ๗,๗๖๒ สูตร]...................................................๕๑[อังคุตตรนิกายมี ๙,๕๕๗ สูตร]................................................๕๑[ขทุทกนิกายมี ๑๕ ประเภท]....................................................๕๒[พระพุทธพจน์มี ๙ อย่าง].........................................................๕๒[อธิบายพระพุทธพจน์มีองค์ ๙ ทีละองค์].................................๕๒[พระพุทธพจน์มี ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์]..............................๕๓[วิธีคำานวณนับพระธรรมขันธ์เฉพาะขันธ์หนึ่งๆ]........................๕๔[ปฐมสังคายนาจัดพระพทุธพจน์ไว้เป็นหมวดๆ].......................๕๔[พระพุทธศาสนาอาจตั้งอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปี]................................๕๕[อธิบายความเร่ิมต้นแห่งนิทานวินัย].........................................๕๖[พระมหาเถระมีพระอุบาลีเป็นต้นนำาพระวินัยปิฎกสืบต่อมา]. .๕๖[พระอุบาลีเถระเรียนพระวินัยปิฎกจากพุทธสำานัก]..................๕๗[พระทาสกเถระเรียนพระวินัยปิฏกจากสำานักพระอุบาลีเถระ].๕๘[พระโสณกเถระเรียนพระวินัยปิฎกจากสำานักพระทาสกเถระ].๕๘[พระสิคควเถระเรียนพระวินัยปิฎกจากสำานักพระโสณกเถระ].๕๘

    เร่ิมเร่ืองทุติยสังคายนา............................................................๖๐[ภิกษุชาววัชชีบุตรแสดงวัตถุ ๑๐ ประการ]..............................๖๐[พระยสเถระไดท้ราบเร่ืองภิกษุวัชชีบุตรแสดงวัตถุ ๑๐ ประการ]..................................................................................................๖๑[คัดเลือกพระเถระทำาทุติยสังคายนาได้ ๗๐๐ องค์]..................๖๒

    เร่ืองระหว่างทุติยตติยสังคายนา..............................................๖๔[ติสสมหาพรหมจักแก้ความเส่ือมพระศาสนาในอนาคต]..........๖๔[พวกพระเถระไปเชิญติสสมหาพรหมให้มาเกิดในมนุษยโลก]...๖๕[ติสสมหาพรหมรับปฏิญญามาเกิดในมนุษยโลก]......................๖๕

  • หน้า ๓ • •

    [พวกพระเถระลงทัณฑกรรมแก่พระสิคควะและพระจัณฑวัชชี]..................................................................................................๖๕

    เร่ิมเร่ืองตตยิสงัคายนา............................................................๖๗[ติสสมหาพรหมเกิดในมนุษยโลก].............................................๖๗[พราหมณ์ผู้บิดาของติสสมหาพรหมพบพระสิคควเถระ]..........๖๗[โมคคลีพราหมณ์คอยจับมุสาของพระเถระ]............................๖๗[โมคคลีพราหมณ์เล่ือมใสในพระเถระ]......................................๖๘[พระสิคควเถระเร่ิมสนทนาปราศรัยกับติสสมาณพ].................๖๘[ติสสมาณพถามปัญหากับพระเถระ]........................................๗๐[พระสิคควเถระถามปัญหากับมาณพ]......................................๗๐[ติสสมาณพขออนุญาตมารดาบิดาบวชเพื่อเรียนมนต์].............๗๑[พระเถระส่งสามเณรติสสะไปยังสำานักพระจัณฑวัชชีเถระ].....๗๑[สามเณรติสสะไปอยู่ในสำานักของพระจัณฑวัชชีเถระ].............๗๒[สามเณรติสสะปฏิบัติกิจวัตรตามระเบียบพระวินัย].................๗๒[พระจัณฑวัชชีเถระให้สามเณรติสสะเรียนพระพทุธพจน์]........๗๓[สามเณรติสสะเรียนพระพุทธพจน์พร้อมทั้งอรรถกถา]............๗๓[พระราชประวัตขิองพระเจ้าอโศกมหาราช].............................๗๓[พระราชอำานาจแผ่ไปเบ้ืองบนเบ้ืองตำ่าประมาณ ๑ โยชน์].......๗๔[พระเจ้าอโศกรับส่ังพญากาฬนาคเนรมิตพระพุทธรูปให้ดู]......๗๕[พระเจ้าอโศกไมท่รงเล่ือมใสนักบวชนอกศาสนา]....................๗๖[ประวัตินโิครธสามเณร]............................................................๗๘[นโิครธกุมารบวชสำาเร็จเป็นพระอรหันต์พระชนม์ ๗ ปี]...........๗๙[พระเจ้าอโศกทรงเล่ือมใสนิโครธสามเณร]...............................๘๐[พระเจ้าอโศกมหาราชรับส่ังให้นิมนต์สามเณรเข้ามา]..............๘๐[พระเจ้าอโศกมหาราชตรัสถามข้อธรรม]..................................๘๑[พระเจ้าอโศกมหาราชถวายนิตยภตัสามเณรเป็นทวีคูณ].........๘๒[พระเจ้าอโศกมหาราชถวายนิตยภตัแก่ภิกษุหกแสนรูป]..........๘๓[พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างวัด และเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ แห่ง] ๘๓[พระเจ้าอโศกมหาราชทรงทำาการฉลองพระวิหาร]...................๘๔[พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเห็นทั่วทั้งชมพูทวีป].......................๘๕[พระเจ้าอโศกยังไม่เป็นทายาทแห่งพระศาสนา].......................๘๖[ผู้ที่ให้บุตรบวชชื่อว่าได้เป็นทายาทแห่งพระศาสนา]................๘๖[พระมหินทเถระได้บรรลุพระอรหัตเวลาอุปสมบท]..................๘๘[พระเจ้าอโศกทรงตั้งมูลนิธิถวายสงฆ์ ๕๐๐,๐๐๐]...................๘๙[พวกเดียรถีย์ปลอมบวชในพระพทุธศาสนา]............................๙๐[พวกเดียรถีย์แสดงลัทธินอกพุทธศาสนา].................................๙๐[พระเจ้าอโศกทรงใช้อมาตย์ให้ไประงับอธิกรณ์].......................๙๑

    [ประวัติของพระติสสเถระจะออกบวช].....................................๙๑[พระติสสเถระนั่งกันไม่ให้อมาตย์ตัดศีรษะพระ].......................๙๔[พวกภิกษุถวายความเห็นแด่พระราชาเป็น ๒ นัย]...................๙๔[พระโมคคลีบุตรติสสเถระไม่มาเพราะอาราธนาไม่ถูกเร่ือง].....๙๕[พระเจ้าอโศกมหาราชทรงพระสุบินเห็นช้างเผือกล้วน]...........๙๗[ราชบุรุษถือดาบจะตดัศีรษะพระโมคคลีบุตรติสสเถระ]...........๙๗[พระเจ้าอโศกทรงสงสัยท่านพระโมคคลีบุตรติสสเถระ]...........๙๘[พระโมคคลีบุตรติสสเถระอธิษฐานให้แผ่นดินไหว]..................๙๙[พระเจ้าอโศกตรัสถามข้อสงสัยในเร่ืองบาป].........................๑๐๐[พระโมคคลีบุตรติสสเถระอ้างพระพทุธพจน์เล่าอดีตนิทาน].๑๐๐[พระเจ้าอโศกทรงชำาระเส้ียนหนามแห่งพระพุทธศาสนา].....๑๐๑[พระเจ้าอโศกทรงรับส่ังให้สึกพวกที่มใิช่ภิกษุ ๖๐,๐๐๐ รูป].๑๐๒[พระโมคคลีบุตรติสสเถระเลือกภิกษุพันรูปทำาตติยสังคายนา]...............................................................................................๑๐๓

    เร่ืองนำาพระวินัยปฎิกสืบต่อกันมา.........................................๑๐๕[รายนามพระเถระผู้นำาพระวินัยปิฎกสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้]๑๐๕

    เร่ืองส่งพระเถระไปประกาศพระศาสนาในต่างประเทศ..........๑๐๘[พระมัชฌันติกเถระไปประกาศพระศาสนาที่กัสมีรคันธารรัฐ]...............................................................................................๑๐๙[พญานาคอารวาฬแผลงฤทธ์ิไล่พระเถระ]..............................๑๐๙[พระเถระทรมานพวกนาคให้คลายพยศแล้ว]........................๑๑๐[พระเถระให้โอวาทพวกยักษแ์ละรากษสเป็นต้น]..................๑๑๑[พระมหาเทวเถระไปประกาศพระศาสนาที่มหิสสกมณฑล]. .๑๑๒[พระรักขิตเถระไปประกาศพระศาสนาที่แคว้นวนวาสี].........๑๑๓[พระโยนกธรรมรักขิตเถระไปประกาศพระศาสนาที่อปรันตกชนบท]....................................................................................๑๑๓[พระมหาธรรมรักขติเถระไปประกาศพระศาสนาที่มหารัฐ]...๑๑๔[พระมหารักขติเถระไปประกาศพระศาสนาที่รัฐโยนก].........๑๑๔[พระมัชฌิมเถระไปประกาศพระศาสนาที่หิมวันตประเทศ]...๑๑๕[พระโสณกะกับพระอุตตระไปประกาศพระศาสนาที่สุวรรณภูมิ]...............................................................................................๑๑๕[พระเถระทรมานพวกรากษสให้หนีไปแล้วป้องกันเกาะไว้]. . .๑๑๖[พระมหินทเถระไปประกาศพระศาสนาที่เกาะลังกา]............๑๑๗[พระมหินทเถระเที่ยวเย่ียมญาติจนกว่าจะถึงเวลาไปเกาะลังกา]...............................................................................................๑๑๘[ประวัติย่อของพระมหินทเถระ].............................................๑๑๘

  • หน้า ๔ • •

    [พระอินทร์ทรงเล่าเร่ืองพระพทุธพยากรณ์ถวายให้พระมหินท์ทราบ].....................................................................................๑๒๐[พระมหินทเถระพร้อมกับคณะไปเกาะลังกา]........................๑๒๐[ลำาดับราชวงศ์ที่เสวยราชย์ในเกาะลังกาและชมพูทวีป]........๑๒๑[พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงพบพระมหินทเถระ]...............๑๒๔[ไม้ไผ่ ๓ ลำาประมาณค่าไมไ่ด้ เกิดแก่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ]...............................................................................................๑๒๕[รัตนะคือแก้ววิเศษ ๘ ชนดิเกิดแก่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ]...............................................................................................๑๒๖[พระเจ้าอโศกส่งเบญจราชกกุธภัณฑ์ไปถวายพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ].....................................................................................๑๒๗[พระเถระแสดงให้พระราชาทรงเห็นจริงอีก ๖ คน]...............๑๓๐[พระเถระถามปัญหาเพื่อหย่ังทราบพระปัญญาของพระราชา]...............................................................................................๑๓๑[พระราชาพร้อมด้วยข้าราชบริพารดำารงอยู่ในไตรสรณคมน์] ๑๓๒[สุมนสามเณรประกาศโฆษณาเวลาฟังธรรมทั่วเกาะลังกา]....๑๓๓[เสียงโฆษณาเวลาฟังธรรมกระฉ่อนไปถึงชั้นพรหมโลก]........๑๓๓[พระปฐมเจดีย์เมืองอนุราธบุรี]..............................................๑๓๔[พระราชาทรงรับส่ังให้เตรียมการต้อนรับพระเถระ]..............๑๓๔[พระเถระแสดงธรรมโปรดพระราชาและชาวเกาะ]...............๑๓๖[พระราชาถวายอุทยานสร้างวัด]............................................๑๓๗[พระเถระแสดงธรรมโปรดชาวเกาะตดิต่อกันไป]..................๑๓๘[พระราชาทรงรถตดิตามพระเถระไป]....................................๑๓๙[อริฏฐอมาตย์ขอพระบรมราชานุญาตบวช]...........................๑๔๐[พระเถระแนะให้หาส่ิงที่ควรกราบไหว้บูชา]..........................๑๔๐[สุมนสามเณรรับจัดหาพระธาตุ]............................................๑๔๑[พระเถระส่ังการให้สุมนสามเณรไปเชิญพระธาตุ]..................๑๔๒[สุมนสามเณรไปเชิญพระธาตุมาเกาะลังกาตามเถรบัญชา]....๑๔๒[พระเถระและราชาตลอดถึงชาวเกาะต้อนรับพระธาตุ].........๑๔๓[ช้างนำาพระธาตุไปยังที่จะสร้างพระเจดีย์].............................๑๔๔[ประวัติเกาะลังกาเกี่ยวกับพระพทุธเจ้า]................................๑๔๕[ช้างไม่ยอมให้ยกพระธาตุลงจากกระพอง]............................๑๔๘[พระธาตุแสดงปาฏิหาริย์แก่มหาชน].....................................๑๔๙[พระพทุธเจ้าเคยเสด็จไปเกาะลังกาเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่]. ๑๕๐[กุลบุตรชาวเกาะออกบวชในพระศาสนา]..............................๑๕๑[พระนางอนุฬาเทวีทรงมีพระประสงค์จะบวช]......................๑๕๒[พระราชาส่งทตูไปยังชมพูทวีป].............................................๑๕๒

    [ทตูถวายพระราชสาสน์และเถรสาสน์]..................................๑๕๓[พระเจ้าอโศกตั้งพระทัยจะส่งต้นมหาโพธิ์ไปเกาะลังกาอยู่ก่อน]...............................................................................................๑๕๔[มหาอธิษฐาน ๕ ข้อ ของพระผู้มีพระภาค]...........................๑๕๕[วิสสุกรรมเทพบุตรปลอมตัวเป็นช่างเนรมิตกระถางทอง].....๑๕๖[พระราชาพร้อมด้วยเสนาเสด็จไปยังต้นมหาโพธ์ิ].................๑๕๖[พระราชาทรงทำาสัตยาธิษฐาน]..............................................๑๕๗[กิ่งต้นมหาโพธ์ิลอยขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า ๗ วัน]......................๑๕๙[ต้นมหาโพธ์ิแตกหน่อออกใหม่].............................................๑๖๐[พระเจ้าอโศกทรงตั้งตระกูลต่างๆ ไว้เพื่อรักษาต้นมหาโพธ์ิ]..๑๖๑[พระเจ้าอโศกทรงลุยนำ้าส่งต้นมหาโพธ์ิไปเกาะลังกา]............๑๖๑[พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะกรุงลังกาเตรียมต้อนรับต้นมหาโพธ์ิ]...............................................................................................๑๖๒[พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะพักต้นมหาโพธ์ิไว้ในปูชนียสถาน ๔ แห่ง].......................................................................................๑๖๓[ต้นมหาโพธ์ิแสดงอทิธิปาฏิหาริย์]..........................................๑๖๔[ต้นมหาโพธ์ิแตกสาขาออกถึง ๘ ต้นและ ๓๒ ต้น]................๑๖๕[พระนางอนุฬาเทวีและอริฏฐอมาตย์ผนวชแล้วสำาเร็จพระอรหัต]...............................................................................................๑๖๖[พระศาสนาจักตั้งมั่นเพราะกุลบุตรชาวเกาะลังกาบวชเรียน]๑๖๖[พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะสร้างมณฑปเพื่อทำาจตตุถสังคายนา]...............................................................................................๑๖๙

    เร่ิมเร่ืองจตุตถสงัคายนา........................................................๑๗๐[แก้บทมาติกาว่า พระวินัยปิฎกตั้งอยู่แล้วในบุคคลใด]..........๑๗๒[อานิสงส์แห่งการเรียนพระวินัย ๕ ข้อ]..................................๑๗๒[วินัยเป็นข้อปฏิบัติให้บรรลุความหลุดพันจากกิเลสเป็นที่สุด]๑๗๓[คาถาสรูปเร่ือง]......................................................................๑๗๔

    เวรญฺชกณฺฑวณณฺนา............................................................๑๗๖[อธิบายบทว่า “เตน” เป็นต้น]...............................................๑๗๖[อธิบายบทว่า “สมเยน” เป็นต้น]..........................................๑๗๗[อรรถาธิบายคำาว่า เวรญฺชายำ วิหรติ].....................................๑๘๑[อรรถาธิบายคำาว่า นเฬรูปุจิมนฺทมูเล เป็นต้น].......................๑๘๑[อธิบายคำาว่า เวรญฺชายำ และ นเฬรูปุจิมนฺทมูเล]...................๑๘๓[อธิบายคำาว่า “มหตา ภิกขฺุสงฺเฆน สทฺธึ “]............................๑๘๔[อธิบายคำาว่า “อสฺโสสิ โข” เป็นต้น]......................................๑๘๕[อธิบายเร่ืองที่พราหมณ์ได้ฟัง]...............................................๑๘๖

  • หน้า ๕ • •

    พุทธคุณกถา........................................................................ ๑๘๘[อธิบายพุทธคุณบทว่า อรหำ]..................................................๑๘๘[สังสารวัฏ คือปฏิจจสมุปบาทเป็นปัจจัยกัน].........................๑๘๙[ธัมมัฏฐิติญาณ]......................................................................๑๙๒[สังเขปและอัทธาในปฏิจจสมุปบาท].....................................๑๙๒[วัฏฏะและสนธิ ๓ ในปฏิจจสมุปบาท]...................................๑๙๒[อธิบายพุทธคุณบทว่า สมฺมาสมฺพุทโฺธ]..................................๑๙๔[อรรถาธิบายพุทธคุณบทว่า วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน]..................๑๙๖[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า สุคโต].................................๑๙๗[อรรถาธิบายพุทธคุณบทว่า โลกวิทู]......................................๑๙๙[อรรถาธิบายโลก ๓]...............................................................๒๐๐[พระผู้มีพระภาคทรงรู้แจ้งโลกทั้ง ๓].....................................๒๐๑[ขนาดพระจันทร์เป็นต้นประมาณ ๔๙ โยชน์].......................๒๐๔[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า อนุตตฺโร]............................๒๐๕[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า ปุริสทมฺมสารถิ]..................๒๐๕[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า สตถฺา].................................๒๐๗[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า เทวมนุสฺสานำ].....................๒๐๗[เร่ืองกบฟังธรรมของพระพุทธเจ้าได้เป็นเทพบุตร]................๒๐๘[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า พทฺุโธ].................................๒๐๙[อรรถาธิบายพระพทุธคุณบทว่า ภควา].................................๒๐๙[ชื่อมี ๔ อย่าง].......................................................................๒๑๐[พระผู้มีพระภาคทรงหักกิเลสได้ตั้งแสนอย่าง].......................๒๑๒[อรรถาธิบาย สเทวกะ ศัพท์ เป็นต้น]....................................๒๑๔[อรรถาธิบาย สยำ ศัพท์เป็นต้น]..............................................๒๑๖[พระธรรมงามในเบ้ืองต้นท่ามกลางและที่สุด].......................๒๑๗[อรรถาธิบายศัพท์ว่า สาตฺถำ สพฺยญฺชนำ].................................๒๑๘[อรรถาธิบายวิเสสนสัพพนามว่า เยน เตน]............................๒๒๑[อรรถาธิบายศัพท์ว่า สมฺโมทนียำ และ สาราณียำ]...................๒๒๒[อรรถาธิบายสองศัพท์ เอกมนฺตำ นิสีทิ]..................................๒๒๒[การนั่งเว้นโทษ ๖ อย่าง].......................................................๒๒๓[อรรถาธิบายศัพท์ต่างๆ มี เอตำ ศัพท์ เป็นต้น].......................๒๒๔[พระผู้มีพระภาคทรงคัดค้าน]................................................๒๒๖[เวรัญชพราหมณ์กล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่าเป็นคนไม่มีรส].........๒๒๗[ปริยายศัพท์ลงในอรรถ ๓ อย่าง]..........................................๒๒๘[พระผู้มีพระภาคทรงละรสในรูปเป็นต้นได้เดด็ขาด]..............๒๒๙[อรรถาธิบายศัพท์ อนภาวำ กตา-อนภาวำ คตา]......................๒๓๐[เวรัญชพราหมณ์กล่าวหาพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ไร้โภคะ]........๒๓๑

    [เวรัญชพราหมณ์กล่าวหาพระพทุธองค์ว่าเป็นผู้กล่าวการขาดสูญ]...............................................................................................๒๓๒[เวรัญชพราหมณ์กล่าวหาพระพทุธองค์ว่าเป็นผู้รังเกียจ].......๒๓๓[เวรัญชพราหมณ์กล่าวหาพระพทุธเจ้าว่าเป็นผู้กำาจัด]...........๒๓๓[เวรัญชพราหมณ์กล่าวหาพระพทุธองค์ว่าเป็นผู้มักเผาผลาญ]...............................................................................................๒๓๔[เวรัญชพราหมณ์กล่าวหาพระพทุธเจ้าว่าเป็นผู้ปราศจากครรภ์]...............................................................................................๒๓๖[ไกต่ัวออกก่อนเรียกว่าไก่ตัวพี่]..............................................๒๓๙[โพธิศัพท์หมายความถึง ๔ นัย].............................................๒๔๑[ข้อเปรียบเทียบการทรงบำาเพ็ญอนุปัสสนาเหมือนการฟักไข่]...............................................................................................๒๔๒[พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ประเสริฐเพราะบำาเพ็ญเพียร]............๒๔๔

    กถาว่าดว้ยปฐมฌาน............................................................๒๔๖[อธิบาย เอว อักษร]...............................................................๒๔๖[อรรถาธิบายองค์ ๕ แห่งปฐมฌาน].......................................๒๕๑[อรรถาธิบายองค์ฌาน คือ ปีติ และสุข].................................๒๕๓[ฌานย่อมเผาผลาญธรรมที่เป็นข้าศึก]...................................๒๕๔[ฌานมี ๒ นัย]........................................................................๒๕๕[ความหมายแห่ง อุปสัมปัชชศัพท์].........................................๒๕๗

    กถาว่าดว้ยทุติยฌาน............................................................๒๕๙[อรรถาธิบาย อัชฌตัตศัพท์]...................................................๒๕๙[อรรถาธิบาย สัมปสาทนศัพท์]..............................................๒๕๙[อรรถาธิบาย เอโกทิภาวศัพท์]...............................................๒๖๐[อรรถาธิบายทตุิยฌานไม่มีวิตกและวิจารเพราะสงบไปแล้ว].๒๖๑[ปฐมฌานมีองค์ ๕ ทุติยฌานมีองค์ ๓]..................................๒๖๓

    กถาว่าดว้ยตตยิฌาน............................................................๒๖๕[อุเบกขา ๑๐ อย่าง]...............................................................๒๖๖[อรรถาธิบายลักษณะแห่งอุเบกขา]........................................๒๖๗[อธิบายลักษณะแห่งสตแิละสัมปชัญญะ]...............................๒๖๗[ทตุิยฌานมีองค์ ๔ ตติยฌานมีองค์ ๕]..................................๒๗๐

    กถาว่าดว้ยจตตุถฌาน..........................................................๒๗๒[อรรถาธิบายอุเบกขาในจตุตถฌาน]......................................๒๗๖[ตติยฌานมีองค์ ๕ จตุตถฌานมีองค์ ๓]................................๒๗๘[อรรถาธิบายฌาน ๔ ของบุคคล ๕ ประเภท]........................๒๗๘

  • หน้า ๖ • •

    กถาว่าด้วยปุพเพนิวาสญาณ................................................๒๘๐[จิตประกอบด้วยธรรม ๖ อย่าง เป็นจิตไม่หว่ันไหว]..............๒๘๑[อรรถาธิบายวิเคราะห์ ปุพเพนิวาสศัพท์]..............................๒๘๓[อรรถาธิบายเร่ืองกัป].............................................................๒๘๕[พทุธเขต ๓ พร้อมทั้งอรรถาธิบาย]........................................๒๘๖[พวกเดียรถีย์ระลึกชาตไิด้ ๔๐ กัป]........................................๒๘๙[พระอสีติมหาสาวกระลึกชาติได้แสนกัป]..............................๒๘๙

    กถาว่าด้วยทิพยจกัษุ............................................................๒๙๓[อรรถาธิบายคำาว่าทิพยจักษุเป็นต้น]......................................๒๙๓[ทิพยจักษุของพระผู้มีพระภาคปราศจากอุปกิเลส ๑๑ อย่าง]...............................................................................................๒๙๕[ลำาดับความเกิดขึ้นแห่งยถากัมมูปคญาณ].............................๒๙๗[การด่าพระอริยเจ้าห้ามสวรรค์และห้ามมรรค]......................๒๙๙[เร่ืองภิกษุหนุ่มกล่าวใส่ร้ายพระอริยเจ้าชั้นสูง]......................๒๙๙[วิธีขอขมาเพื่อให้อดโทษให้ในการด่าใส่ร้าย].........................๓๐๐[การกล่าวใส่ร้ายพระอริยเจ้ามีโทษเช่นกับอนันตริยกรรม]....๓๐๑[อรรถาธิบายคำาว่านรกได้ชื่อว่าอบายเป็นต้น]........................๓๐๒

    กถาว่าด้วยอาสวักขยญาณ...................................................๓๐๕[พระผู้มีพระภาคทรงเกิดก่อนใครทั้งหมดด้วยคุณธรรม].......๓๐๘[เวรัญชพราหมณ์ได้สติรู้สึกตัว]...............................................๓๐๙[อรรถาธิบายอภิกกันตศัพท์ลงในอรรถ ๔ และ ๙ อย่าง]......๓๑๐[ปาพจน์มีความดี ๑๘ อย่าง]..................................................๓๑๒[เวรัญชพราหมณ์ชมเชยพระธรรมเทศนาด้วยอุปมา ๔ อย่าง]...............................................................................................๓๑๒[เวรัญชพราหมณ์แสดงตนถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง]..............๓๑๓[อรรถาธิบายคำาว่าพระธรรม].................................................๓๑๔[อรรถาธิบายคำาว่า พระสงฆ์].................................................๓๑๕[อธิบายอัคคะศัพทท์ี่ลงในอรรถ ๔ อย่าง]..............................๓๑๗[เวรัญชพราหมณ์ไม่กล่าวล่วงเกินพระรัตนตรัยจนตลอดชีวิต]...............................................................................................๓๑๘[พราหมณ์ทูลขอให้พระผู้มีพระภาคจำาพรรษา ณ เมืองเวรัญชา]...............................................................................................๓๑๘[พระผู้มีพระภาคทรงรับการอยู่จำาพรรษาเมืองเวรัญชา]........๓๑๙

    เมืองเวรัญชาเกิดทุพภกิขภัย.................................................๓๒๐[เมืองเวรัญชามีปันส่วนซื้ออาหารเล้ียงชีพ]............................๓๒๑[พ่อค้าม้าถวายข้าวทะนานหนึ่งแก่ภกิษุรูปหนึ่ง]....................๓๒๓

    [อรรถาธิบาย ปุพพัณหสมัยศัพท์]..........................................๓๒๕[พวกภิกษไุด้ข้าวแดงแล่งหนึ่งๆ นำาไปจัดการฉันเอง].............๓๒๖[พ่อค้าม้าถวายข้าวแดงแด่พระผู้มีพระภาค]..........................๓๒๖[พระผู้มีพระภาคตรัสรู้แล้ว ๒๐ ปี ไม่มีผู้อุปัฏฐากประจำา]... .๓๒๗[พราหมณ์และชาวเมืองไมไ่ด้ถวายภัตแด่พระผู้มีพระภาค]. . .๓๒๘[มารไม่สามารถทำาอันตรายแก่ปัจจัย ๔ ได้]...........................๓๒๙[พระผู้มีพระภาคตรัสถามส่ิงที่เป็นประโยชน์]........................๓๓๐[พวกภิกษุจำาพรรษาเมืองเวรัญชาชนะความอดอยากได้].......๓๓๒

    มหาโมคคัลลานสหีนาทกถา..................................................๓๓๕[ท่านพระมหาโมคคัลลานะทูลขออนุญาตพลิกแผ่นดิน]........๓๓๕[ภายใตแ้ผ่นดิน มีง้วนดินที่มีรสโอชา]....................................๓๓๕[พระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาตให้พลิกแผ่นดิน]...................๓๓๗เร่ืองปัญหาของพระสารีบุตร..................................................๓๓๙[พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพราะบริษัทมีมากหรือน้อยก็หาไม่]...............................................................................................๓๔๑[พระวิปัสสีเป็นต้นหาได้ทรงบัญญตัิสิกขาบทเป็นต้นไม่]........๓๔๓[พวกเทวดาบอกวันทำาอุโบสถแก่พวกภิกษุ]...........................๓๔๔[โอวาทปาฏิโมกขคาถา].........................................................๓๔๔[เหตุที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงทำาอุโบสถและปาฏิโมกข์]..............๓๔๕[เหตุให้พระศาสนาดำารงอยู่ไม่นานและนาน].........................๓๔๖[ความต่างกันแห่งอายุกาลของพระวิปัสสีพุทธเจ้าเป็นต้น]....๓๕๑[เหตุที่พระพุทธเจ้าของเราเกิดในกาลแห่งคนมีอายุน้อย]......๓๕๓[พระสารีบุตรทูลให้ทรงบัญญัติสิกขาบท]..............................๓๕๓[พระผู้มีพระภาคตรัสห้ามท่านพระสารีบุตร].........................๓๕๔[ข้อที่จะถูกตำาหนิในการบัญญตัิสิกขาบท]..............................๓๕๕[เปรียบด้วยแพทย์ผู้ไม่ฉลาดทำาการผ่าตัด].............................๓๕๕[อธิบายเหตุที่ให้ทรงบัญญัติสิกขาบท]...................................๓๕๗[อรรถาธิบาย คำาว่า นิรพฺพุโท เป็นต้น]..................................๓๖๐[อาจิณณะ ความเคยประพฤติมามี ๒ อย่าง].........................๓๖๓[พระพุทธเจ้าเสด็จเที่ยวจาริกไปเฉพาะ ๓ มณฑล]................๓๖๓[สาวกาจิณณะ ความเคยประพฤติมาของพระสาวก].............๓๖๕[เวรัญชพราหมณ์ทูลเร่ืองที่มไิด้ถวายทานตลอดไตรมาส]......๓๖๖[เวรัญชพราหมณ์ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเพื่อเสวยภัตตาหาร]...............................................................................................๓๖๗[พระผู้มีพระภาคทรงรับคำาอาราธนาของพราหมณ์]..............๓๖๘[เวรัญชพราหมณ์ส่ังให้เตรียมภัตตาหารถวายพรุ่งนี้].............๓๖๘[พระผู้มีพระภาคเสด็จไปยังนิเวศน์ของเวรัญชพราหมณ์]......๓๖๙

  • หน้า ๗ • •

    [พราหมณ์ถวายไตรจีวรแก่พระผู้มีพระภาคและพระภิกษุสงฆ์]...............................................................................................๓๗๐[พระผู้มีพระภาคเสด็จจากเมืองเวรัญชาไปประทับที่เมืองไพศาลี]...............................................................................................๓๗๑

    ปฐมปาราชิกวณณฺนา...........................................................๓๗๓[เร่ืองพระสุทิน].......................................................................๓๗๓[อรรถาธิบายชื่อบ้านและชื่อบุตรเศรษฐี]...............................๓๗๓[สุทินกลันทบุตรไปเพื่อฟังธรรม]............................................๓๗๔[สุทินกลันทบุตรได้ฟังธรรมแล้วคิดจะบวช]...........................๓๗๕[สุทินกลันทบุตรทูลขอบรรพชากะพระผู้มีพระภาค]..............๓๗๖[มารดาบิดาไม่อนุญาตให้สุทินบวช].......................................๓๗๘[สหายไปห้ามไม่ให้สุทินบวชไม่สำาเร็จ]...................................๓๘๐[สหายไปขออนุญาตมารดาบิดาให้สุทินบวช].........................๓๘๑[มารดาบิดาอนุญาตให้สุทินบุตรชายบวช].............................๓๘๑[พระพทุธเจ้ารับส่ังภิกษุบวชให้สุทินกลันทบุตร]....................๓๘๒[ญาตขิองท่านสุทินที่เมืองไพศาลีมีสมบัติมาก]......................๓๘๓[ญาตินำาภัตตาหารไปถวายท่านสุทิน ๖๐ ถาด].....................๓๘๔[อธิบายเร่ืองขนมบูด].............................................................๓๘๕[พระสุทินออกบวชได้ ๘ ปี นางทาสีจำาอวัยวะบางส่วนได้]....๓๘๖[พวกบรรพชิตไม่นั่งฉันในทีไ่ม่สมควร เหมือนคนขอทาน].....๓๘๗[บิดาติเตียนพระสุทินว่าฉันขนมบูดเหมือนดื่มนำ้าอมฤต].......๓๘๘[บิดามอบทรัพย์เพื่อให้พระสุทินสึก]......................................๓๙๐[บิดาส่ังภรรยาเก่าให้ล่อหลอกพระสุทินสึก]..........................๓๙๒[มารดาขอร้องให้พระสุทินเพาะพืชพันธ์ุไว้]............................๓๙๔[สตรีมีระดูหยุดก็ตั้งครรภ์]......................................................๓๙๕[พระผู้มีพระภาคทรงบัญญตัิปฐมปาราชิกเมื่อ ๒๐ พระพรรษา]...............................................................................................๓๙๕[เหตทุี่ให้สตรีตั้งครรภ์มี ๗ อย่าง]...........................................๓๙๖[เทวดาประกาศความชั่วของพระสุทิน]..................................๓๙๙[บุตรชายของท่านพระสุทินชื่อว่าพีชกะ]................................๔๐๐[มารดาและพีชกทารกบวชแล้วได้สำาเร็จพระอรหัต]..............๔๐๑[ท่านพระสุทินเดือดร้อนใจเพราะประพฤติชั่วหยาบ].............๔๐๑[พวกภิกษุสหายถามท่านพระสุทินถึงความซูบผอม]..............๔๐๓[พวกภิกษุสหายเห็นด้วยว่ากรรมนั้นให้เกิดความสำาราญได้]..๔๐๔[อรรถาธิบายชื่อพระนิพพาน ๙ บท].....................................๔๐๕[ภกิษุทั้งหลายกราบทูลเร่ืองพระสุทินเสพเมถุนธรรม]...........๔๐๗[พระผู้มีพระภาคทรงตำาหนิพระสุทิน]....................................๔๐๘

    [อรรถาธิบายกรรมที่ไม่ควรแก่สมณะเป็นต้น]........................๔๐๙[พระสุทินเป็นคนแรกในการเสพเมถุนธรรม]..........................๔๑๒[ผู้ไม่ตั้งอยู่ในสังวรเป็นผู้มักมากในปัจจัย ๔]..........................๔๑๓[ผู้ตั้งอยู่ในสังวรไม่เป็นผู้มักมากในปัจจัย ๔]..........................๔๑๔[ผู้ตั้งอยู่ในสังวรเป็นผู้ไม่ส่ังสมกิเลสทั้งปวง]...........................๔๑๔[ประโยชน์แห่งการบัญญัติสิกขาบท ๑๐ อย่าง].....................๔๑๗[อธิบายประโยชน์ของการบัญญตัิสิกขาบท ๑๐ อย่าง]..........๔๑๗[พระสัทธรรม ๓ อย่าง]..........................................................๔๒๐[ทรงบัญญัติปฐมปาราชิกสิกขาบท]........................................๔๒๒

    อนุบญัญัติปฐมปาราชิกเร่ืองที่หนึง่...................................๔๒๔[เร่ืองลิงตัวเมีย].......................................................................๔๒๔[ลิงตัวเมียแสดงของลับแก่ภิกษุอาคันตุกะ]............................๔๒๕[สิกขาบททั้งหมด มโีทษ ๒ อย่าง].........................................๔๒๖

    อนุบญัญัติปฐมปาราชิกเร่ืองที่สอง....................................๔๒๘[เร่ืองภิกษุชาววัชชีบุตร].........................................................๔๒๘[เร่ืองทรงห้ามมิให้ภิกษุชาววัชชีบุตรบรรพชาอุปสมบท]........๔๓๐[วินัย ๔ อย่าง]........................................................................๔๓๑[อรรถาธิบายวินัย ๔ อย่าง]....................................................๔๓๒[วิธีสอบสวนสูตรและสุตตานุโลมเป็นต้น]..............................๔๓๓[พระวินัยธรประกอบด้วยลักษณะ ๓ อย่าง]..........................๔๓๙[อรรถาธิบายลักษณะ ๓ ของพระวินัยธร]..............................๔๓๙[ลำาดับอาจารย์ตั้งแต่พระอุบาลีเถระเป็นต้นมา].....................๔๔๑[พระวินัยธรจะวินิจฉัยอธิกรณ์ ควรตรวจดูฐานะ ๖ อย่างก่อน]...............................................................................................๔๔๒[อรรถาธิบายฐานะ ๖ อย่าง]..................................................๔๔๒[วิธีวินิจฉัยอธิกรณ์].................................................................๔๔๓[ภิกษุผู้มีศีลไม่บริสุทธ์ิ กรรมฐานย่อมไม่เจริญ]......................๔๔๕

    อรรถาธิบายสิกขาบทวิภงัค์ปฐมปาราชิก..........................๔๔๗[อรรถาธิบายความหมายแห่งภิกษุศัพท์เป็นต้น]....................๔๔๙[วิธีอุปสมบท ๘ อย่าง]...........................................................๔๕๒[อรรถาธิบายอุปสัมปทา ๘ อย่าง]..........................................๔๕๓[อรรถาธิบายอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา]....................................๔๕๘[อรรถาธิบายบทว่า สิกขาและสาชีพ].....................................๔๖๑[อรรถาธิบายวิธีลาสิกขา].......................................................๔๖๒[ภิกษตุะโกนบอกลาสิกขาก็ได้]...............................................๔๗๐[การบอกลาสิกขาระบุพระนามที่เป็นไวพจน์ของพระพุทธเจ้า]...............................................................................................๔๗๒

  • หน้า ๘ • •

    [วิธีลาสิกขาระบุคำาไวพจน์พระธรรม].....................................๔๗๓[วิธีลาสิกขาระบุคำาไวพจน์พระสงฆ์].......................................๔๗๔[อรรถาธิบายวิธีบอกลาสิกขาทั่วไป].......................................๔๗๔[ลาสิกขากับคนวิกลจริตเป็นต้นไม่เป็นอันบอกลา]................๔๘๑[อรรถาธิบายความหมายแห่งเมถุนธรรม]..............................๔๘๕[สตรีนิมิตได้ฐาน ๕ บุรุษนิมิตได้ฐาน ๖]................................๔๘๗[ภกิษุเมื่อจะพรรณนาเมถุนกถา ควรระลึกถึงพระพทุธคุณ]. .๔๘๘

    อนุปัญญตัิวาร..................................................................๔๘๙[กำาหนดสัตว์ที่เป็นวัตถแุห่งปาราชิกเป็นต้น]..........................๔๘๙[อรรถาธิบายประเภทสัตว์ต่างๆ]............................................๔๘๙[ปาราชิกศัพท์เป็นไปในสิกขาบทเป็นต้น]..............................๔๙๐[อรรถาธิบายความในพระคาถา]............................................๔๙๒[มรรคที่เป็นวัตถุแห่งปาราชิกรวม ๓๐]..................................๔๙๓[ภกิษุถูกผู้อื่นข่มขืนแล้วยินดีเป็นปาราชิก].............................๔๙๕

    กถาว่าด้วยจตุกกะ ๒๖๙ ที่เหลือ......................................๔๙๗[มรรคของมนุษย์ผู้หญิงมี ๒๗ จตกุกะ]..................................๔๙๘[เร่ืองพระวินัยธร ๒ รูป].........................................................๔๙๙[เร่ืองอันเตวาสิกถามปัญหาวินัยพระเถระ]............................๕๐๐

    กถาว่าด้วยองคชาตมีเคร่ืองลาดและไม่มี..........................๕๐๕เร่ืองพระราชาและโจรผู้เป็นข้าศึกต่อภิกษุเป็นต้น.............๕๐๘[ข้าศึกสังหารภิกษุเซ่นไหว้เทวดาเพื่อสำาเร็จการงาน].............๕๐๘

    เร่ืองภกิษุเสพเมถุนธรรมทางมรรคและมิใช่มรรค..............๕๑๐[ภกิษุเสพเมถุนธรรมในทวารของภิกษุหลับไม่พ้นอาบัติ].......๕๑๐[ภกิษุผู้ถูกปฏิบัติผิดไม่รู้ ไม่ยินดี ไม่เป็นอาบัติ]......................๕๑๑[ไม่เป็นอาบัติแก่ภกิษุบ้าและมีจิตฟุ้งซ่าน]..............................๕๑๑

    สมฏุฐานทีเ่กิดแหง่อาบติัมี ๖ อย่าง.......................................๕๑๔[อธิบายสิกขาบทที่เป็นสจิตตกะและอจิตตกะ]......................๕๑๔[อธิบายสิกขาบทที่เป็นกายกรรมเป็นต้น]..............................๕๑๕

    วนิีตวัตถุปฐมปาราชิก..........................................................๕๑๘[อทุานคาถา]..........................................................................๕๑๘[เร่ืองนันทมาณพเสพเมถุนธรรมกับนางอุบลวรรณาเถรี].......๕๒๐[เร่ืองเพศชายกลับเป็นเพศหญิง]............................................๕๒๒[ต้องอาบัติเพราะนอนร่วมกับภิกษุผู้มีเพศกลับ]....................๕๒๓[วิธีปฏิบัติกับภิกษุณีผู้มีเพศกลับ]...........................................๕๒๔[วิธีปฏิบัติในเคร่ืองบริขารต่างๆ]............................................๕๒๖[ขาดประเคนเพราะเหตุ ๗ อย่าง]..........................................๕๒๖

    [ภิกษุเสพเมถุนธรรมทางปากศพเป็นปาราชิก]......................๕๓๐[ภิกษุเสพเมถุนธรรมในหญิงเปรตเป็นต้นเป็นปาราชิก].........๕๓๑[เร่ืองภิกษุอรหันต์ชาวภัททิยนครจำาวัดหลับ].........................๕๓๓[เร่ืองภิกษุเปิดประตูจำาวัด].....................................................๕๓๔[อธิบายประตูเช่นไรควรปิดและไมค่วรปิด]............................๕๓๕[เร่ืองภิกษุฝันได้เสพเมถุนธรรม].............................................๕๓๙

    ทุติยปาราชิกวณณฺนา...........................................................๕๔๒[เร่ืองพระธนิยะกุมภการบุตร]................................................๕๔๒[ภิกษุจำาพรรษาไม่มีเสนาสนะ ปรับอาบัตทิุกกฏ]...................๕๔๔[ปรับอาบัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้สร้างกุฎีด้วยดินล้วน]...................๕๔๘[พระผู้มีพระภาคทรงรับส่ังให้ทำาลายกุฎีเป็นอกัปปิยะ].........๕๔๙[ข้อแนะนำาเร่ืองการใช้ร่มและจีวร].........................................๕๕๐[วิธีซักและย้อมจีวร]...............................................................๕๕๒[บริขารที่ควรใช้และไม่ควรใช้]................................................๕๕๓[กล่องยาตาที่ควรใช้และไม่ควรใช้].........................................๕๕๔[ฝักกุญแจและบริขารเบ็ดเตล็ดที่ควรใช้และไม่ควรใช้]...........๕๕๕[เสนาสนะที่ผิดควรทำาลายเสีย]..............................................๕๕๗

    พระธนิยะเร่ิมสร้างกุฎีไม้...................................................๕๕๙[วัสสการพราหมณ์ลงโทษเจ้าพนักงานผู้รักษาไม้]?................๕๕๙[ประชาชนเพ่งโทษติเตียนเหล่าสมณศายบุตร]......................๕๖๒[ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติสิกขาบท]..........................................๕๖๓[พระพุทธเจ้าทกุองค์ ปรับโทษถึงที่สุดเพียงบาทเดียว]..........๕๖๕

    เร่ืองอนุบัญญัติทุติยปาราชกิ.................................................๕๖๗[อรรถาธิบายบ้านที่มีกระท่อมหลังเดียวเป็นต้น]....................๕๖๗[อรรถาธิบายเขตอุปจารบ้านและเรือนเป็นต้น]......................๕๖๘[อรรถาธิบายกำาหนดเขตป่า]..................................................๕๗๒[อรรถาธิบายส่ิงของที่เจ้าของมีกรรมสิทธ์ิอยู่]........................๕๗๒[อรรถาธิบายสังเขตศัพท์ลงในอรรถตติยาวิภัตติ]...................๕๗๓[อรรถาธิบายบทมาติกา ๖ บท].............................................๕๗๔[อรรถาธิบายกิริยาแห่งการลัก ๖ อย่าง]................................๕๗๕[ปัญจกะ ๕ หมวดๆ ละ ๕ๆ รวมเป็นอวหาร ๒๕].................๕๗๗[สาหัตถิกปัญจกะ มีอวหาร ๕ อย่าง].....................................๕๗๗[บุพพประโยคปัญจกะ มีอวหาร ๕ อย่าง].............................๕๗๘[เถยยาวหารปัญจกะ มีอวหาร ๕ อย่าง]................................๕๗๙[อรรถาธิบายฐานะ ๕ ประการ].............................................๕๘๐[เร่ืองภิกษุลักจีวร พระวินัยธรตดัสินว่าไม่เป็นอาบัติ].............๕๘๐

  • หน้า ๙ • •

    [พระวินัยธรควรสอดส่องราคาและการใช้สอย]......................๕๘๕[อรรถาธิบายทรัพย์ที่ควรแก่ทุติยปาราชิก]............................๕๘๖[อรรถาธิบายอาบัติที่เป็นบุพพประโยคแห่งทตุิยปาราชิก].....๕๘๙[อาบัติทุกกฏ ๘ อย่าง]...........................................................๕๙๓[อรรถาธิบายคำาว่า ทุกกฏและถุลลัจจัย]................................๕๙๕[กิริยาที่ภิกษุลักทรัพย์ให้เคล่ือนจากฐาน ๖ อย่าง]................๕๙๘[อรรถาธิบายภิกษุลักดดูเอาเนยใส เป็นต้น เป็นปาราชิก].....๖๐๓[อรรถาธิบายคำาว่า ภินทฺิตฺวา เป็นต้น]....................................๖๐๘

    กถาว่าด้วยทรัพย์ที่อยูบ่นบก............................................๖๑๑กถาว่าด้วยทรัพย์ที่อยู่ในอากาศ.......................................๖๑๒กถาว่าด้วยทรัพย์ที่อยู่ในกลางแจ้ง...................................๖๑๖กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในนำ้า.........................................๖๒๒[สมัยหลังพุทธกาลพวกชนขดุบ่อนำ้าใช้เล้ียง]..........................๖๒๖[ภกิษุจับเอาปลาทีเ่ขาเล้ียงปรับอาบัติตามราคาปลา]............๖๒๖

    กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในเรือ.........................................๖๒๙กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในยาน.......................................๖๓๓กถาว่าด้วยภาระ..............................................................๖๓๘กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในสวน.......................................๖๔๑กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในวิหาร.....................................๖๔๕กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในนา.........................................๖๔๖กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในพ้ืนที่......................................๖๕๐กถาว่าด้วยทรัพย์ทีต่ั้งอยู่ในป่า.........................................๖๕๑กถาว่าด้วยนำ้า..................................................................๖๕๕กถาว่าด้วยไม้ชำาระฟัน.....................................................๖๖๐กถาว่าด้วยตน้ไม้..............................................................๖๖๒กถาว่าด้วยทรัพย์ที่ผู้อ่ืนนำาไป...........................................๖๖๔กถาว่าด้วยสิง่ของที่เขาฝากไว้..........................................๖๖๘[โจรลักของสงฆ์ในเรือนคลัง ปรับสินไหมภิกษุผู้รักษา]..........๖๗๗

    กถาว่าด้วยด่านภาษี.........................................................๖๘๔กถาว่าด้วยสตัว์มีชีวิต......................................................๖๘๙[บุคคลผู้เป็นทาส ๓ จำาพวก]..................................................๖๘๙

    กถาว่าด้วยสตัว์ไมม่ีเท้า....................................................๖๙๒กถาว่าด้วยสตัว์ ๒ เท้า.....................................................๖๙๔กถาว่าด้วยสตัว์ ๔ เท้า.....................................................๖๙๕กถาว่าด้วยสตัว์มีเท้ามาก.................................................๖๙๘กถาว่าด้วยภกิษุผู้เป็นสาย................................................๖๙๙

    กถาว่าด้วยภิกษุผู้รับของฝาก...........................................๗๐๐กถาว่าด้วยการชักชวนกันลัก...........................................๗๐๑[ภิกษุหลายรูปชวนกันไปลักทรัพย์ ต้องอาบัติหมดทุกรูป].....๗๐๑

    กถาว่าด้วยการนัดหมาย..................................................๗๐๔กถาว่าด้วยการทำานิมิต.....................................................๗๐๖กถาว่าด้วยการสั่ง............................................................๗๐๗

    พรรณนาบทภาชนยี.์............................................................๗๑๑[อาการ ๖ อย่างที่ให้ภิกษตุ้องอาบัติปาราชิก]........................๗๑๑[อรรถาธิบายในอนาปัตติวาร]................................................๗๑๒

    กถาว่าด้วยปกิณณกะ.......................................................๗๑๗พรรณนาวินีตวัตถุคาถา...................................................๗๑๘กถาว่าด้วยการสับเปลี่ยนสลาก........................................๗๒๒[อรรถาธิบายอวหาร ๕ อย่าง]................................................๗๒๒[อรรถาธิบายภัณฑปริกัป]......................................................๗๒๓[อรรถาธิบายโอกาสปริกัป].....................................................๗๒๔[อรรถาธิบายปฏิจฉันนาวหาร]...............................................๗๒๕[อรรถาธิบายกุสาวหาร].........................................................๗๒๖

    กถาปรารภเร่ืองท่ัวไป...........................................................๗๒๙คาถาอนุศาสนี........................................................................๗๕๓

    ตติยปาราชิกวณฺณนา...........................................................๗๕๕[อธิบายเร่ืองเมืองไพศาลี].......................................................๗๕๕[พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอสุภกรรมฐานแก่พวกภิกษุ]........๗๕๖[ปฐมฌานมีลักษณะ ๑๐ และความงาม ๑๐]........................๗๕๘[พระผู้มีพระภาคไม่ทรงห้ามภิกษุฆ่ากัน เพราะทรงเห็นกรรมเก่า]...............................................................................................๗๖๑[พวกภิกษุฆ่ากันเองและวานให้ผู้อื่นฆ่า].................................๗๖๔[มิคลัณฑิกะฆ่าภิกษุแล้วเกิดความเสียใจ]...............................๗๖๕[เทวดาช่วยปลอบโยนมิคลัณฑิกะให้ฆ่าภิกษุต่อไป]...............๗๖๗[มิคลัณฑิกะฆ่าภิกษุต่อไป วันละ ๑ รูปถึง ๕๐๐ รูป]............๗๖๗[พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่าภิกษุสงฆ์เบาบางไป]................๗๖๘[พระอานนท์ทูลให้ตรัสบอกกรรมฐานอย่างอื่นแก่พวกภกิษุ].๗๖๙[พระผู้มีพระภาคตรัสบอกอานาปานัสสติแก่พวกภิกษุ].........๗๗๐[อรรถาธิบายวิธีอบรมสติ ๓๒ อย่าง]......................................๗๗๘[มติลมหายใจเข้าและออกตามอรรถกถาวินัยและพระสูตร]. .๗๗๙[ผู้เจริญอานาปานัสสติกรรมฐานย่อมได้ความปราโมทย์เป็นต้น]...............................................................................................๗๘๐

  • หน้า ๑๐ • •

    [ภกิษุกำาหนดกรรมฐานแล้ว กายสังขารจึงสงบ].....................๗๘๕[กายสังขารในฌานชั้นสูงขึ้นไปย่อมละเอียดไปตามลำาดับ]....๗๘๖[กุลบุตรจะเรียนกรรมฐาน ต้องบำาเพ็ญศีลให้บริสุทธ์ิก่อน]....๗๙๑[กรรมฐาน ๒ พร้อมทั้งอธิบาย]..............................................๗๙๒[ควรเรียนกรรมฐานในสำานักพุทธโอรส กระทั่งถึงท่านผู้ได้ฌาน]...............................................................................................๗๙๓[กรรมฐานมีสนธิคือที่ต่อ ๕ อย่าง].........................................๗๙๔[วิธีมนสิการอานาปานัสสติกรรมฐาน ๘ อย่าง]......................๗๙๖[อธิบายวิธีนับลมหายใจเข้าออก]............................................๗๙๖[อธิบายเบ้ืองต้นท่ามกลางและที่สุดลมหายใจเข้าออก]..........๗๙๘[ข้ออุปมาเหมือนคนง่อยโล้ชิงช้า]...........................................๘๐๐[ข้ออุปมาเหมือนคนรักษาประตู]...........................................๘๐๐[การกำาหนดลมหายใจเปรียบเหมือนเล่ือย]............................๘๐๑[อุบายเป็นเหตุนำาอานาปานัสสติกรรมฐานมา]......................๘๐๕[ธรรม ๓ อย่างมีบริบูรณ์ กรรมฐานจึงถึงอัปปนา].................๘๐๘[จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิด้วยองค์ ๒]......................................๘๑๑[อุบายสำาหรับรักษาอานาปานัสสติกรรมฐานไม่ให้เส่ือม].......๘๑๒

    ประชุมสงฆ์ ทรงบัญญติัตติยปาราชิกสิกขาบท......................๘๒๓[ภกิษุฉัพพัคคีย์พรรณนาคุณแห่งความตาย]...........................๘๒๓[อธิบาย สัญจิจจ ศัพท์]..........................................................๘๒๕[อธิบายปฐมจิตของมนุษย์ผู้เร่ิมลงสู่ครรภ์].............................๘๒๖[ชีวิตินทรีย์ปัจจุบัน มี ๓ ขณะ]..............................................๘๒๙[ป�


Top Related