Preview

EngRICHมาพร้อมกับแนวคิดSeekyourwish,accomplishyourdream!ออกตามล่าหาความฝันที่แท้จริงและพร้อมลงมือทำามันให้สำาเร็จ...ด้วยหนึ่งสมองสองมือด้วยความสามารถและด้วยความเพียรพยายามของน้องๆซึ่งเปรียบได้กับขั้นตอนในการลงทุนทำาสิ่งต่างๆหากว่าน้องมีการเตรียมตัวและการวางแผนที่ดีน้องก็ก็จะมีชัยเหนือคนอื่นไปมากกว่าครึ่งทั้งยังสามารถช่วยให้น้องหลบหลีกปัญหาบางอย่างและร่นระยะเวลาของการไปสู่ความสำาเร็จได้เป็นอย่างดี เริ่มจากขั้นแรกเราต้องมี“ต้นทุน(MoneySupply)”ค่ะส่วนนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับGrammarคือถ้าเรามีต้นทุนมากเราก็จะนำาไปใช้ได้มากกว่าคนอื่นการที่เราจะเก่งหรือเข้าใจภาษาอังกฤษได้ต้องมีพื้นฐานซึ่งพื้นฐานของทุกๆเรื่องในภาษาอังกฤษก็คือแกรมมาร์ถ้าเรารู้ว่าประโยคนี้มีโครงสร้างยังไงเป็นPastหรือPresentเป็นActiveหรือPassiveเราก็เอาไปต่อยอดได้เรื่อยๆ นอกจากต้นทุนแล้วอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือ“การออม(PiggyBank)”เพราะภาษาอังกฤษต้องอาศัยการสั่งสมเท่านั้นโดยเฉพาะคำาศัพท์ที่การท่องศัพท์เปรียบกับการออมเงินออมวันละบาทสองบาทพอเวลาผ่านไปนานเข้าๆก็กลายเป็นพันเป็นหมื่นได้ถ้าเราท่องอย่างน้อยวันละสิบยี่สิบคำาพอถึงวันสอบจริงๆเราอาจจะรู้เป็นพันคำาก็ได้หมวดนี้จะแบ่งเป็นหัวข้อย่อยอีก2หัวข้อคือGoldencoinกับSilvercoinให้น้องๆสนุกไปกับการสะสมแต้มผ่านการท่องศัพท์รับรองว่าไม่มีเบื่อแน่นอนค่ะ ในส่วนถัดไปที่สำาคัญไม่แพ้กันหากน้องๆมีต้นทุนและการออมที่ดีแล้วทรัพยากรย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไรหากไม่สามารถนำาความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ได้ดังนั้นจึงต้องมา“บริหารจัดการ(Timetomanageyourmoney!)”หรือก็คือการฝึกฝนทำาข้อสอบค่ะจุดนี้ขึ้นอยู่กับตัวน้องๆแล้วว่าจะบริหารจัดการให้มันเป็นไปในทิศทางใดเพราะการสอบจริงเราก็ต้องบริหารเวลาในการทำาเหมือนการบริหารว่าเราจะใช้เงินของเราแบบไหนให้ได้กำาไรสูงสุดและผิดพลาดน้อยที่สุด “คนที่ประสบความสำาเร็จ(Billionaire’sSociety)”หมวดนี้เราเปรียบผู้ที่ติดเตรียมฯเป็นเศรษฐีและจะเป็นตัวตัดสินที่แสดงได้ชัดเจนที่สุดว่าวิธีการที่น้องเลือกใช้เลือกปฏิบัติในการบริหารจัดการบรรลุผลมากน้อยแค่ไหนความกล้าเสี่ยงในการลงทุนของน้องมากพอแล้วหรือไม่แต่พี่ๆเชื่อว่าณจุดนี้น้องๆคงมีต้นทุนและการออมที่ดีมาแล้วพอสมควรพี่จึงจะเน้นวิธีการวิธีการบริหารจัดการหรือการทำาข้อสอบเป็นหลักนะคะ(อย่างที่บอกไปว่าเป็นส่วนที่สำาคัญมากจริงๆ)โดยรวบรวมวิธีการบริหารจัดการไว้ถึง500วิธีให้น้องลองศึกษาลองทำาผ่านหนังสือรูปแบบที่อ่านง่ายสบายๆกะทัดรัดน่ารักและสามารถพกพาได้

แล้วเรามารวยภาษาอังกฤษด้วยกันนะคะhttps://www.facebook.com/groups/engrichsociety/ แห่งนี้รอต้อนรับน้องๆอยู่เสมอ รักน้องตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า:D

พี่ๆต.อ.75ศิลป์-เยอรมันรุ่นที่57ม.4

Preface

น้องๆก็คงคุ้นกับแกรมม่านี้กันดีอยู่แล้วเนอะเป็นการตอบสั้นๆว่า‘ฉันก็เหมือนกัน’จัดเป็น

Inversionชนิดหนึ่งเพราะมีโครงสร้างที่เอากริยามาวางไว้หน้าประธานค่ะ

So/Nor/Neither+v.todo/v.ช่วย+ประธาน

Soใช้ตอบประโยคบอกเล่าว่า‘...ก็...เหมือนกัน’

ส่วนNorกับNeitherใช้ตอบประโยคปฏิเสธว่า‘...ก็ไม่...เหมือนกัน’

เช่น:

A:I’mdoingmyhomework

B:SoamI.(=I’mdoingmine,too.)

A:Hehasn’tdroppedbyformonths.

B:Norhasshe.(=Shehasn’tdroppedbyformonths,either.)

A:Wecouldn’tsolvethisproblem.

B:Neithercouldthey.(=Theycouldn’tsolveit,either.)

ConditionalSentenceหรือที่น้องๆรู้จักกันดีในชื่อIfClauseก็คือประโยคเงื่อนไขที่ประกอบ

ไปด้วย2ส่วนคือIfClauseและMainClause

•IfClauseเป็นประโยคย่อยส่วนที่เป็นสาเหตุหรือต้นเหตุขึ้นต้นด้วยคำาบอกเงื่อนไขเช่นif,

unless(=if….not),providing(that),oncondition(that)เป็นต้น

•MainClauseเป็นประโยคส่วนที่เป็นผลมาจากIfClause

เช่น If Istayuplate,Ifeelawfulallthenextday.

IfClause MainClause

0 Zero Conditional (RealPresent,Fact)

เป็นประโยคที่บอกถึงความจริงหรือความแน่นอน(Fact&Certainty)เมื่อพูดถึงFactเราก็

ต้องใช้PresentSimpleTenseดังนั้นรูปแบบของZeroConditionalก็คือ

If + present simple, present simple.

(ใช้whenหรือwheneverแทนifได้)

เช่น Ifyou mixyellowandblue,yougetgreen.

Ice fl oatsifitfallsintowater.

Short Addition

Conditional Sentence

น้องๆก็คงคุ้นกับแกรมม่านี้กันดีอยู่แล้วเนอะเป็นการตอบสั้นๆว่า‘ฉันก็เหมือนกัน’จัดเป็น

Inversionชนิดหนึ่งเพราะมีโครงสร้างที่เอากริยามาวางไว้หน้าประธานค่ะ

So/Nor/Neither+v.todo/v.ช่วย+ประธาน

Soใช้ตอบประโยคบอกเล่าว่า‘...ก็...เหมือนกัน’

ส่วนNorกับNeitherใช้ตอบประโยคปฏิเสธว่า‘...ก็ไม่...เหมือนกัน’

เช่น:

A:I’mdoingmyhomework

B:SoamI.(=I’mdoingmine,too.)

A:Hehasn’tdroppedbyformonths.

B:Norhasshe.(=Shehasn’tdroppedbyformonths,either.)

A:Wecouldn’tsolvethisproblem.

B:Neithercouldthey.(=Theycouldn’tsolveit,either.)

ConditionalSentenceหรือที่น้องๆรู้จักกันดีในชื่อIfClauseก็คือประโยคเงื่อนไขที่ประกอบ

ไปด้วย2ส่วนคือIfClauseและMainClause

•IfClauseเป็นประโยคย่อยส่วนที่เป็นสาเหตุหรือต้นเหตุขึ้นต้นด้วยคำาบอกเงื่อนไขเช่นif,

unless(=if….not),providing(that),oncondition(that)เป็นต้น

•MainClauseเป็นประโยคส่วนที่เป็นผลมาจากIfClause

เช่น If IstayuplateIstayuplate,IfeelawfulallthenextdayIfeelawfulallthenextday.

IfClause MainClause

0 Zero Conditional (RealPresent,Fact)

เป็นประโยคที่บอกถึงความจริงหรือความแน่นอน(Fact&Certainty)เมื่อพูดถึงFactเราก็

ต้องใช้PresentSimpleTenseดังนั้นรูปแบบของZeroConditionalก็คือ

If + present simple, present simple.

(ใช้whenหรือwheneverแทนifได้)

เช่น Ifyou mixyellowandblue,you mixyellowandblue,you mix getgreen.

Ice fl oatsifitfallsintowater.

Short Addition

Conditional Sentence

preview

1st Conditional(FuturePossible)

กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ในอนาคตค่ะก็คือถ้าอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้วก็จะทำาให้อีกอย่างเกิด

ขึ้นด้วย

If + present simple, future simple.

ระวัง เราสามารถใช้Unlessเข้ามาแทนIf…notได้ค่ะดังนั้นพี่ว่าเวลาน้องเจอunlessถ้าไม่

มั่นใจให้แทนมันด้วยif…notไปเลยไม่งั้นเราจะงง(แบบนี้เจอบ่อยในClozePassageค่ะเค้าชอบเว้น

ตรงif/unlessให้เราดังนั้นต้องแปลดีๆนะจะ)

เช่น Ifyoustudyhard,youwill be capableofpassingTUadmissionexam.

You will bedisappointedunlessyou do yourbest.

Unlessshehurries up,shewill miss thetrain.

อีกรูปแบบหนึ่งคือIf + present simple, V.inf. เมื่อใช้เป็นคําสั่ง หรือ Imperativeค่ะ

เราจะละประธานไว้(ซึ่งประธานก็คือyou)เช่นTellmeifyouknowwhotherobberis.

2nd Conditional (PresentUnreal)

แบบนี้เป็นประโยคเงื่อนไขที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบันค่ะดังนั้นVerbที่ใช้จะต้องบ่งบอกถึงความ

ไม่จริงของมันคือเราจะใช้V.2(Pastform)ในIf-clause(Verbtobeใช้wereกับประธานทุกตัว)

และใช้would/should/could/might + V.inf. ในMainClauseดังนั้นรูปแบบของมันคือ

If + past simple, would + V.inf.

เช่น IfIwere awitch,Imight gobacktothepastandfindaway

tomeetEinstein.

Note:สามารถใช้wereto+V.infแทนV2ได้นะ

เช่น IfIwere to fly,Iwouldflytothemoon.

3rd Conditional(PastUnreal)

แบบไมเปนจริงในอดีต(ถ้าAเกิดขึ้นตอนนั้นก็คงได้ทำาBไปแล้ว)Verbที่ใช้ก็ยิ่งต้องเป็นอดีต

มากขึ้นไปกว่า2ndConditionalคือใช้PastPerfect(had+V3)ในIf-clauseและใช้

would/ could/ might+have+V3ในMainClauseรูปแบบของมันจะเป็นแบบนี้ค่ะ

If + past perfect, would have+V3.

เช่นIftherehad beenmoretimeforus,wewould have travelledtoSeattle.

Thingswouldn’t have gonewrongifyouhad beencareful.

1st Conditional(FuturePossible)

กล่าวถึงเหตุการณ์ท่ีเป็นไปได้ในอนาคตกล่าวถึงเหตุการณ์ท่ีเป็นไปได้ในอนาคตกล่าวถึงเหตุการณ์ท ค่ะก็คือถ้าอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้วก็จะทำาให้อีกอย่างเกิด

ขึ้นด้วย

If + present simple, future simple.

ระวัง เราสามารถใช้Unlessเข้ามาแทนIf…notได้ค่ะดังนั้นพี่ว่าเวลาน้องเจอunlessถ้าไม่

มั่นใจให้แทนมันด้วยif…notไปเลยไม่งั้นเราจะงง(แบบนี้เจอบ่อยในClozePassageค่ะเค้าชอบเว้น

ตรงif/unlessให้เราดังนั้นต้องแปลดีๆนะจะ)

เช่น Ifyoustudyhard,youstudyhard,youstudy will be capableofpassingTUadmissionexam.

You will bedisappointedunlessyou do yourbest.

Unlessshehurries up,shewill miss thetrain.

อีกรูปแบบหนึ่งคือIf + present simple, V.inf. เมื่อใช้เป็นคําสั่ง หรือ Imperativeค่ะ

เราจะละประธานไว้(ซึ่งประธานก็คือyou)เช่นTellmeifyouknowwhotherobberis.

2nd Conditional (PresentUnreal)

แบบนี้เป็นประโยคเงื่อนไขทีไ่ม่เป็นจริงในปัจจุบันค่ะดังนั้นVerbที่ใช้จะต้องบ่งบอกถึงความในปัจจุบันค่ะดังนั้นVerbที่ใช้จะต้องบ่งบอกถึงความ

ไม่จริงของมันคือเราจะใช้V.2(Pastform)ในIf-clauseV.2(Pastform)ในIf-clause(Verbtobeใช้wereกับประธานทุกตัว)

และใช้would/should/could/might + V.inf. would/should/could/might + V.inf. ในMainClauseดังนั้นรูปแบบของมันคือในMainClauseดังนั้นรูปแบบของมันคือ

If + past simple, would + V.inf.

เช่น IfIwere awitch,Imight gobacktothepastandfindaway

tomeetEinstein.

Note:สามารถใช้wereto+V.infแทนV2ได้นะ

เช่น IfIwere to fly,Iwouldflytothemoon.

3rd Conditional(PastUnreal)

แบบไมเปนจริงในอดีต(ถ้าAเกิดขึ้นตอนนั้นก็คงได้ทำาBไปแล้ว)Verbที่ใช้ก็ยิ่งต้องเป็นอดีต

มากขึ้นไปกว่า2ndConditionalคือใช้PastPerfect(had+V3)PastPerfect(had+V3)ในIf-clauseและใช้

would/ could/ mightwould/ could/ might+have+V3ในMainClauseรูปแบบของมันจะเป็นแบบนี้ค่ะ

If + past perfect, would have+V3.

เช่นIftherehad beenmoretimeforus,wewould have travelledtoSeattle.

Thingswouldn’t have gonewrongifyouhad beencareful.

ระวัง

เช่น IfI

เช่น IfI

preview

4th Mixed Conditional

แบบนี้เป็นแบบผสมระหว่างPastUnrealและPresentUnrealขึ้นกับเวลาของแต่ละเหตุการณ์นะโดยทั่วไปจะมีAdverbofTimeบอกชัดเจน เช่น -IfIhad fi nishedmyhomeworklastnight,Iwouldn’t be punished bymyteachernow. ความจริงมีอยู่ว่าIdidn’tfinishmyhomeworklastnight,sonowI’m punishedbymyteacher.ประโยคนี้ผสมPastUnrealและPresentUnreal ไว้ด้วยกัน -Ifthesupermarketwasopen24hours,Iwould have goneoutat3am thismorningtobuyyousomeparacetamol.(ถ้าร้านค้าเปดตลอด24ชั่วโมง ฉันคงออกไปซื้อยาให้คุณได้ตอนตี3)ประโยคนี้ผสมPresentUnrealและPast Unrealไว้ด้วยกัน

สรุป เทคนิคของเรื่องนี้คือน้องต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าเหตุการณ์นั้นเป็นเงื่อนไขในช่วงเวลาใดโดยสังเกตจากบริบทAdverboftimeหรือดูVerbอีกตัวซึ่งอยู่ในอีกclauseหนึ่งของประโยคซึ่งจะช่วยบอกน้องได้ว่าควรจะใช้Conditionalแบบใดค่ะ^_^เช่น IfIcouldspeakGerman,I(spend)_________nextmonthtravellingthereby myself. (Couldเป็นV.2ของcanและประโยคนี้มันไม่ได้เป็นจริงในปัจจุบันเพราะตอนนี้ยังพูดภาษาเยอรมันไม่ได้เพียงแต่ในประโยคบอกว่าถ้าพูดเยอรมันได้nextmonthจะไปเที่ยวที่นั่นจึงต้องตอบว่า

wouldspendค่ะเป็นUnrealPresent)

น้องๆมักจะสับสนกับการใช้คำาว่าwishเพราะคำาว่าwishมีหลายความหมายด้วยกันค่ะโดยที่

แต่ละความหมายก็จะมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันซึ่งถ้าใช้ผิดโครงสร้างแล้วก็จำาทำาให้ความหมายของ

ประโยคผิดแปลกไปอีกด้วยค่ะwishมีวิธีการใช้3รูปแบบหลักๆได้แก่

1.ปรารถนาแบบที่อยากให้เกิดแตเปนไปไมไดแบ่งได้เป็น3ช่วงเวลาค่ะ

1.1Pastความหมายของประโยคคืออยากให้เกิดในอดีตนะไม่มันไม่ได้เกิดเราจะใช้Verbใน

SubordinateClauseเป็นรูปhad+V.3 ค่ะ

เช่น IwishIhad had moretimetoreviewmylessonsbeforeanexamination.

(ฉันปรารถนาว่าก่อนหน้านี้ฉันมีเวลาในการทบทวนบทเรียนก่อนสอบมากกว่านี้)

Wish Form

4th Mixed Conditional

แบบนี้เป็นแบบผสมระหว่างPastUnrealและPresentUnrealขึ้นกับเวลาของแต่ละเหตุการณ์นะโดยทั่วไปจะมีAdverbofTimeบอกชัดเจน เช่น -IfIhad fi nishedmyhomeworklastnightlastnight,Iwouldn’t be punished bymyteachernow. ความจริงมีอยู่ว่าIdidn’tfinishmyhomeworklastnight,sonowI’m punishedbymyteacher.ประโยคนี้ผสมPastUnrealและPresentUnreal ไว้ด้วยกัน -Ifthesupermarketwasopen24hours,Iwould have goneoutat3am thismorningthismorningtobuyyousomeparacetamol.(ถ้าร้านค้าเปดตลอด24ชั่วโมง ฉันคงออกไปซื้อยาให้คุณได้ตอนตี3)ประโยคนี้ผสมPresentUnrealและPast Unrealไว้ด้วยกัน

สรุป เทคนิคของเรื่องนี้คือน้องต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าเหตุการณ์นั้นเป็นเงื่อนไขในช่วงเวลาใดโดยสังเกตจากบริบทAdverboftimeหรือดูVerbอีกตัวซึ่งอยู่ในอีกclauseหนึ่งของประโยคซึ่งจะช่วยบอกน้องได้ว่าควรจะใช้Conditionalแบบใดค่ะ^_^เช่น IfIcouldspeakGerman,I(spend)_________nextmonthtravellingthereby myself. (Couldเป็นV.2ของcanและประโยคนี้มันไม่ได้เป็นจริงในปัจจุบันเพราะตอนนี้ยังพูดภาษาเยอรมันไม่ได้เพียงแต่ในประโยคบอกว่าถ้าพูดเยอรมันได้nextmonthจะไปเที่ยวที่นั่นจึงต้องตอบว่า

wouldspendwouldspendค่ะเป็นUnrealPresent)

น้องๆมักจะสับสนกับการใช้คำาว่าwishเพราะคำาว่าwishมีหลายความหมายด้วยกันค่ะโดยที่

แต่ละความหมายก็จะมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันซึ่งถ้าใช้ผิดโครงสร้างแล้วก็จำาทำาให้ความหมายของ

ประโยคผิดแปลกไปอีกด้วยค่ะwishมีวิธีการใช้3รูปแบบหลักๆได้แก่

1.ปรารถนาแบบที่อยากให้เกิดแตเปนไปไมไดปรารถนาแบบที่อยากให้เกิดแตเปนไปไมไดปรารถนาแบบที่อยากให้เกิดแต เปนไปไมไดเปนไปไมไดแบ่งได้เป็น3ช่วงเวลาค่ะแบ่งได้เป็น3ช่วงเวลาค่ะ

1.1Pastความหมายของประโยคคืออยากให้เกิดในอดีตนะไม่มันไม่ได้เกิดเราจะใช้Verbใน

SubordinateClauseเป็นรูป ค่ะ

เช่น IwishIhad had moretimetoreviewmylessonsbeforeanexamination.

(ฉันปรารถนาว่าก่อนหน้านีฉ้ันมีเวลาในการทบทวนบทเรียนก่อนสอบมากกว่านี้)ก่อนหน้านีฉ้ันมีเวลาในการทบทวนบทเรียนก่อนสอบมากกว่านี้)ก่อนหน้านี้

SubordinateClauseเป็นรูปhad+V.3

Wish Form

SubordinateClauseเป็นรูป

preview

1.2Presentอยากให้เกิดในปัจจุบันแต่เป็นไปไม่ได้ใช้VerbในSubordinateClauseเป็นV.2หรือถ้าเป็นVerbtobeใช้wereกับทุกประธานค่ะเช่น IwishIwereabillionaire,sothatIcanbuyanythingIwant. 1.3Future อยากให้เกิดในอนาคตแต่รู้ๆอยู่ว่ามันเป็นไปได้ยากใช้VerbในSubordinateClauseเป็นwould+ v.inf. ค่ะเช่น IwishIwould gotoJapantomorrow. Iwishyouwouldn’t keepmakingthatstupidnoise. (เป็นการปรารถนาว่าคุณจะไม่ทำาเสียงที่น่ารำาคาญต่อไปแต่จริงๆแล้วยังทำาเสียงรบกวนอยู่) สรุปการใช้wishแบบที่1นั้นเป็นการปรารถนาในสิ่งที่ไม่ได้เกิดเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้โดยใช้Verbให้เป็นอดีตมากกว่าความเป็นจริง(morepast)เหมือนกับการใช้กริยาในส่วนของPastSubjunctiveค่ะ

2.ปรารถนา/อยาก(ให้ใคร)ทำาอะไร wish () to do s.th. มีความหมายเหมือนกับคำาว่าwantแต่ใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการมากกว่าค่ะเช่น Ifyouwishto havebreakfastinyourroom,pleasecallourroomservice department. (ประโยคนี้เป็นทางการค่ะแปลว่าถ้าคุณต้องการรับประทานอาหารเช้าในห้อง กรุณาติดต่อแผนกบริการ) =Ifyouwanttohavebreakfastinyourroom,pleasecallourroomservice department.

3.การอวยพรเราจะใช้wishsomethingนะจำาไว้ว่าSomethingเป็นคํานามนะตัวอย่างง่ายๆที่น้องๆคุ้นเคยกันก็เคยกันก็คือเพลงMerryChristmasนั่นเองค่ะ

♪Wewishyoua Merry Christmas. ♪

เช่น Iwishyouhappy(adj.)andhealthy(adj.). Iwishyouhappiness(n.)andgoodhealth(n.). เพราะเป็นการอวยพรจึงใช้โครงสร้าง wishsth. จึงต้องใช้คำาว่าhappyและhealthyใน

รูปคำานามค่ะ

1.2Presentอยากให้เกิดในปัจจุบันแต่เป็นไปไม่ได้ใช้VerbในSubordinateClauseเป็นป็นไปไม่ได้ใช้VerbในSubordinateClauseเป็นป็นไปไม่ไดหรือถ้าเป็นVerbtobeใช้wereกับทุกประธานค่ะ

เช่น IwishIwereabillionaire,sothatIcanbuyanythingIwant.

1.3Future อยากให้เกิดในอนาคตแต่รู้ๆอยู่ว่ามันเป็นไปได้ยากใช้VerbในSubordinateClauseเป็น ค่ะเช่น IwishIwould gotoJapantomorrow. Iwishyouwouldn’t keepmakingthatstupidnoise. (เป็นการปรารถนาว่าคุณจะไม่ทำาเสียงที่น่ารำาคาญต่อไปแต่จริงๆแล้วยังทำาเสียงรบกวนอยู่)

สรุปการใช้wishแบบที่1นั้นเป็นการปรารถนาในสิ่งที่ไม่ได้เกิดเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้โดยใช้Verbให้เป็นอดีตมากกว่าความเป็นจริง(morepast)เหมือนกับการใช้กริยาในส่วนของPastSubjunctiveค่ะ

2.ปรารถนา/อยาก(ให้ใคร)ทำาอะไรปรารถนา/อยาก(ให้ใคร)ทำาอะไร มีความหมายเหมือนกับคำาว่าwantแต่ใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการมากกว่าค่ะเช่น Ifyouwishto havebreakfastinyourroom,pleasecallourroomservice department. (ประโยคนี้เป็นทางการค่ะแปลว่าถ้าคุณต้องการรับประทานอาหารเช้าในห้อง กรุณาติดต่อแผนกบริการ) =Ifyouwanttohavebreakfastinyourroom,pleasecallourroomservice department.

3.การอวยพรเราจะใช้ นะจำาไว้ว่าSomethingเป็น

V.2หรือถ้าเป็นVerbtobeใช้

would+ v.inf.

wish () to do s.th.

คํานามนะตัวอย่างง่ายๆที่น้องๆคุ้นเคยกันก็เคยกันก็คือเพลงMerryChristmasนั่นเองค่ะ

เช่น Iwishyouhappy(adj.)andhealthy(adj.). Iwishyouhappiness(n.)happiness(n.)andgoodhealth(n.)goodhealth(n.).

เพราะเป็นการอวยพรจึงใช้โครงสร้าง wishsth. จึงต้องใช้คำาว่าhappyและhealthyใน

รูปคำานามค่ะ

หรือถ้าเป็นVerbtobeใช้

Clauseเป็น

แต่ใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการมากกว่าค่ะ

wishsomethingนะจำาไว้ว่าSomethingเป็น

♪Wewishyoua Merry Christmas. ♪

เราจะใช้ นะจำาไว้ว่าSomethingเป็นที่น้องๆคุ้นเคยกันก็เคยกันก็คือเพลงMerryChristmasนั่นเองค่ะ

preview

Simulation Test No.2Read each of the following passages and then choose the best answer. Whatkidsgettaughtinschoolisacomplexmixoflies.Themostexcusablearethosetoldtosimplifyideastomakethemeasytolearn.Theproblemis,alotofpropagandagetsslippedintothecurriculuminthenameofsimplification. Publicschooltextbooksrepresentacompromisebetweenwhatvariouspowerfulgroupswantkidstobetold.Theliesarerarelyovert.Usuallytheyconsisteitherofomissionsorofover-emphasizingcertaintopicsattheexpenseofothers.Theviewofhistorywegotinelementaryschoolwasacrudehagiography,withatleastonerepresentativeofeachpowerfulgroup. ThefamousscientistsIrememberwereEinstein,MarieCurie,andGeorgeWashing-tonCarver.Einsteinwasabigdealbecausehisworkledtotheatombomb.MarieCuriewasinvolvedwithX-rays.ButIwasmystifiedaboutCarver.Heseemedtohavedonestuffwithpeanuts. It’sobviousnowthathewasonthelistbecausehewasblack(andforthatmat-terthatMarieCuriewasonitbecauseshewasawoman),butasakidIwasconfusedforyearsabouthim.Iwonderifitwouldn’thavebeenbetterjusttotellusthetruth:thatthereweren’tanyfamousblackscientists.RankingGeorgeWashingtonCarverwithEinsteinmisledusnotonlyaboutscience,butabouttheobstaclesblacksfacedinhistime. Assubjectsgotsofter,theliesgotmorefrequent.Bythetimeyougottopoliticsandrecenthistory,whatweweretaughtwasprettymuchpurepropaganda.Forexample,weweretaughttoregardpoliticalleadersassaints—especiallytherecentlymartyredKennedyandKing.Itwasastonishingtolearnlaterthatthey’dbothbeenserialwomanizers,andthatKennedywasaspeedfreaktoboot.(BythetimeKing’splagiarismemerged,I’dlosttheabil-itytobesurprisedbythemisdeedsoffamouspeople.) Idoubtyoucouldteachkidsrecenthistorywithoutteachingthemlies,becausepracticallyeveryonewhohasanythingtosayaboutithassomekindofspintoputonit.Muchrecenthistoryconsistsofspin.Itwouldprobablybebetterjusttoteachthemmeta-factslikethat. Probablythebiggestlietoldinschools,though,isthatthewaytosucceedisthroughfollowing“therules.”Infactismostsuchrulesarejusthackstomanagelargegroupsefficiently.

Simulation Test No.2Read each of the following passages and then choose the best answer. Whatkidsgettaughtinschoolisacomplexmixoflies.Themostexcusablearethosetoldtosimplifyideastomakethemeasytolearn.Theproblemis,alotofpropagandagetsslippedintothecurriculuminthenameofsimplification. Publicschooltextbooksrepresentacompromisebetweenwhatvariouspowerfulgroupswantkidstobetold.Theliesarerarelyovert.Usuallytheyconsisteitherofomissionsorofover-emphasizingcertaintopicsattheexpenseofothers.Theviewofhistorywegotinelementaryschoolwasacrudehagiography,withatleastonerepresentativeofeachpowerfulgroup. ThefamousscientistsIrememberwereEinstein,MarieCurie,andGeorgeWashing-tonCarver.Einsteinwasabigdealbecausehisworkledtotheatombomb.MarieCuriewasinvolvedwithX-rays.ButIwasmystifiedaboutCarver.Heseemedtohavedonestuffwithpeanuts. It’sobviousnowthathewasonthelistbecausehewasblack(andforthatmat-terthatMarieCuriewasonitbecauseshewasawoman),butasakidIwasconfusedforyearsabouthim.Iwonderifitwouldn’thavebeenbetterjusttotellusthetruth:thatthereweren’tanyfamousblackscientists.RankingGeorgeWashingtonCarverwithEinsteinmisledusnotonlyaboutscience,butabouttheobstaclesblacksfacedinhistime. Assubjectsgotsofter,theliesgotmorefrequent.Bythetimeyougottopoliticsandrecenthistory,whatweweretaughtwasprettymuchpurepropaganda.Forexample,weweretaughttoregardpoliticalleadersassaints—especiallytherecentlymartyredKennedyandKing.Itwasastonishingtolearnlaterthatthey’dbothbeenserialwomanizers,andthatKennedywasaspeedfreaktoboot.(BythetimeKing’splagiarismemerged,I’dlosttheabil-itytobesurprisedbythemisdeedsoffamouspeople.) Idoubtyoucouldteachkidsrecenthistorywithoutteachingthemlies,becausepracticallyeveryonewhohasanythingtosayaboutithassomekindofspintoputonit.Muchrecenthistoryconsistsofspin.Itwouldprobablybebetterjusttoteachthemmeta-factslikethat. Probablythebiggestlietoldinschools,though,isthatthewaytosucceedisthroughfollowing“therules.”Infactismostsuchrulesarejusthackstomanagelargegroupsefficiently.

preview

1) Whatistheappropriatetopicforthisessay? a.Theinefficienciesoftoday’scurriculum b.Lieschildrenaretoldinschool c.Factschildrenaren’ttoldinschool d.Thefailureofteachingfactstochildren2) Whyshouldn’tGeorgeWashingtonCarverbelistedasafamousscientistnexttoEinstein? a.becausehewasblack b.becausehelivedinadifferenttimefromEinstein c.becausehisstudieswereaboutpeanuts d.becausehewasn’tfamous3) WhywasGeorgeWashingtonCarveronthelist? a.becausehisstudieshavedoneagreateffecttosciencestudies b.becauseitwouldconveyequality c.becauseitwouldreflextheobstaclesblackpeoplefacedatthetime d.becausehe’stheonlyfamousblackscientist.4) Whatisclosestinmeaningtotheword“overt”(line5)? a.noticeable b.existent c.obvious d.concealed5) Whatisthenarrator’stone? a.ridiculing b.sarcasticc.wearyd.inciting 6) Whoseangleisthenarratorspeakingfrom? a.aformerteacher c.aformerstudent b.acurrentteacher d.acurrentstudent7) WhyareEinstein,CurieandCarvermentionedinthepassage? a.becausethey’refamousscientists b.becausethereareimplicationintheirappearanceinthecurriculum c.becausetheirappearanceinthecurriculumhasmisledchildrenaboutscience d.becausetheirappearanceinthecurriculumisagoodexampleofliestoldtochildren8) WhathasthecurriculumliedaboutKennedyandKing? a.thatthey’repoliticalleaders b.thatthey’remartyred c.thatthey’reflawlessandadmirable d.thatthey’reserialwomanizers9) Accordingtotheessay,inconclusion,whyarethereliesinschool? a.becausetherearealwayscovertpurposeasidefromenlightening b.becausetellingthetruthwouldmakethingstoocomplicatedforkids c.becauseofthepowerfulgroups d.becauseitmakesdealingwithbignumbersofkidseasier

1) Whatistheappropriatetopicforthisessay? a.Theinefficienciesoftoday’scurriculum b.Lieschildrenaretoldinschool c.Factschildrenaren’ttoldinschool d.Thefailureofteachingfactstochildren2) Whyshouldn’tGeorgeWashingtonCarverbelistedasafamousscientistnexttoEinstein? a.becausehewasblack b.becausehelivedinadifferenttimefromEinstein c.becausehisstudieswereaboutpeanuts d.becausehewasn’tfamous3) WhywasGeorgeWashingtonCarveronthelist? a.becausehisstudieshavedoneagreateffecttosciencestudies b.becauseitwouldconveyequality c.becauseitwouldreflextheobstaclesblackpeoplefacedatthetime d.becausehe’stheonlyfamousblackscientist.4) Whatisclosestinmeaningtotheword“overt”(line5)? a.noticeable b.existent c.obvious d.concealed5) Whatisthenarrator’stone? a.ridiculing b.sarcasticc.wearyd.inciting 6) Whoseangleisthenarratorspeakingfrom? a.aformerteacher c.aformerstudent b.acurrentteacher d.acurrentstudent7) WhyareEinstein,CurieandCarvermentionedinthepassage? a.becausethey’refamousscientists b.becausethereareimplicationintheirappearanceinthecurriculum c.becausetheirappearanceinthecurriculumhasmisledchildrenaboutscience d.becausetheirappearanceinthecurriculumisagoodexampleofliestoldtochildren8) WhathasthecurriculumliedaboutKennedyandKing? a.thatthey’repoliticalleaders b.thatthey’remartyred c.thatthey’reflawlessandadmirable d.thatthey’reserialwomanizers9) Accordingtotheessay,inconclusion,whyarethereliesinschool? a.becausetherearealwayscovertpurposeasidefromenlightening b.becausetellingthetruthwouldmakethingstoocomplicatedforkids c.becauseofthepowerfulgroups d.becauseitmakesdealingwithbignumbersofkidseasier

preview

Simulation Test No.2

1) b. Lies children are told in schoolจะเห็นว่าแต่ละหัวข้อที่ผู้เขียนยกขึ้นมาจะบอกว่า ใน โรงเรียนสอนอย่างไรแล้วจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไรและจะพบคำาว่าliesเต็มไปหมดด้วยค่ะตอบข้อa.ไม่ได้เพราะบางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับหลักสูตร(curriculum)ตอบข้อc.ไม่ได้เพราะไม่มีการยกเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากที่สอนในโรงเรียนเลยตอบข้อd.ไม่ได้เพราะไม่ได้พูดถึงความพยายามในการจะสอนเรื่องจริงกับเด็ก

2) d. Because he wasn’t famous.“ThefamousscientistsIrememberwere…andGeorgeWashingtonCarver.”นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่ฉันจำาได้มี...และจอร์จวอชิงตันคาร์เวอร์“ButIwasmystifiedaboutCarver…”แต่ฉันงุนงงมากเกี่ยวกับคาร์เวอร์ซึ่งประโยค หลังนี่ปรากฏขึ้นหลังจากบอกเหตุผลว่าทำาไมนักวิทยาศาสตร์คนอื่นถึงสมควรจะได้รับชื่อว่าโด่งดัง แสดงว่าผู้เขียนไม่รู้ว่าทำาไมคาร์เวอร์ถึงได้รับชื่อว่าโด่งดัง

3) b. Because it would convey equalityจากที่บอกว่าคาร์เวอร์ถูกรวมไว้ในรายชื่อเพราะเขาผิวสี และมารีคูรีถูกรวมไว้เพราะเป็นผู้หญิงจะเห็นว่าทั้งคนผิวสีและผู้หญิงเป็นกลุ่มคนที่เคยถูกเหยียด หยามหรือไม่ให้ความเป็นธรรมมาก่อนและปัจจุบันโลกกำาลังตื่นตัวเรื่องความเสมอภาคการใส่ทั้งสอง คนเข้ามาเป็นการบอกโดยนัยว่านักวิทยาศาสตร์ผิวสีและนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้หญิงก็โด่งดังได้

4) c. obvious =overtแปลว่าชัดเจนโจ่งแจ้ง a.noticeableแปลว่าสังเกตเห็นได้ b.existentแปลว่ามีอยู่ d.concealedแปลว่าปกปด

5) c. weary แปลว่าเอือมระอา a.ridiculingแปลว่าเยาะเย้ย b.sarcasticแปลว่าประชดประชัน d.incitingแปลว่าส่งเสริม

Answer KeySimulation Test No.2

1) b. Lies children are told in schoolจะเห็นว่าแต่ละหัวข้อที่ผู้เขียนยกขึ้นมาจะบอกว่า ใน โรงเรียนสอนอย่างไรแล้วจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไรและจะพบคำาว่าliesเต็มไปหมดด้วยค่ะตอบข้อa.ไม่ได้เพราะบางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับหลักสูตร(curriculum)ตอบข้อc.ไม่ได้เพราะไม่มีการยกเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากที่สอนในโรงเรียนเลยตอบข้อd.ไม่ได้เพราะไม่ได้พูดถึงความพยายามในการจะสอนเรื่องจริงกับเด็ก

2) d. Because he wasn’t famous.“ThefamousscientistsIrememberwere…andGeorgeWashingtonCarver.”นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่ฉันจำาได้มี...และจอร์จวอชิงตันคาร์เวอร์“ButIwasmystifiedaboutCarver…”แต่ฉันงุนงงมากเกี่ยวกับคาร์เวอร์ซึ่งประโยค หลังนี่ปรากฏขึ้นหลังจากบอกเหตุผลว่าทำาไมนักวิทยาศาสตร์คนอื่นถึงสมควรจะได้รับชื่อว่าโด่งดัง แสดงว่าผู้เขียนไม่รู้ว่าทำาไมคาร์เวอร์ถึงได้รับชื่อว่าโด่งดัง

3) b. Because it would convey equalityจากที่บอกว่าคาร์เวอร์ถูกรวมไว้ในรายชื่อเพราะเขาผิวสี b. Because it would convey equalityจากที่บอกว่าคาร์เวอร์ถูกรวมไว้ในรายชื่อเพราะเขาผิวสี b. Because it would convey equality และมารีคูรีถูกรวมไว้เพราะเป็นผู้หญิงจะเห็นว่าทั้งคนผิวสีและผู้หญิงเป็นกลุ่มคนที่เคยถูกเหยียด หยามหรือไม่ให้ความเป็นธรรมมาก่อนและปัจจุบันโลกกำาลังตื่นตัวเรื่องความเสมอภาคการใส่ทั้งสอง คนเข้ามาเป็นการบอกโดยนัยว่านักวิทยาศาสตร์ผิวสีและนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้หญิงก็โด่งดังได้

4) c. obvious =overtแปลว่าชัดเจนโจ่งแจ้ง a.noticeableแปลว่าสังเกตเห็นได้ b.existentแปลว่ามีอยู่ d.concealedแปลว่าปกปด

5) c. weary แปลว่าเอือมระอา a.ridiculingแปลว่าเยาะเย้ย b.sarcasticแปลว่าประชดประชัน d.incitingแปลว่าส่งเสริม

Answer Key

preview

“Theproblemis,alotofpropagandagetsslippedintothecurriculuminthenameof simplification.”ปัญหาก็คือโฆษณาจำานวนมากก็สอดแทรกเข้าไปในหลักสูตรในฐานะของการทำาให้ ง่ายขึ้น“Bythetimeyougottopoliticsandrecenthistory,whatweweretaughtwas prettymuchpurepropaganda.”พอคุณเรียนไปถึงเรื่องการเมืองและประวัติศาสตร์สมัยใหม่สิ่ง ที่เขาสอนเราก็ค่อนข้างจะเป็นโฆษณาล้วนๆไปแล้ว“Infactismostsuchrulesarejusthackstomanagelargegroupsefficiently.”จริงแล้วกฏส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงเครื่องมือในการจัดการเด็กกลุ่มใหญ่ๆอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่ยกมาเป็นตัวอย่างประโยคที่สื่อความเอือมระอาค่ะจริงๆยังมีอีกเยอะลองสังเกตดูดีๆ

6) c. A former student ในตอนที่เล่าเรื่องนักวิทยาศาสตร์ผู้เขียนเล่าในแบบที่ว่าฉันเคยงงในเรื่อง คาร์เวอร์(“IwasmystifiedaboutCarver.”)แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว(“It’sobviousnow that…”)และตอนที่เล่าเรื่องการเมืองที่บอกว่ามันน่าตกใจทีเดียวตอนที่มารู้ทีหลังว่า(“Itwas astonishingtolearnlaterthat…”)ทำาให้เห็นว่าผู้เขียนกำาลังเล่าเรื่องสิ่งที่ตัวเองเรียนตอนเด็ก แล้วมารู้ความจริงเอาตอนโตซึ่งก็คือมุมมองของอดีตนักเรียนนั่นเองค่ะ

7) d. Because their appearance in the curriculum is a good example of lies told to children. ข้อนี้ต้องตอบข้อtopicให้ถูกก่อนนะคะtopicก็จะสื่อแนวคิดหลักของบทความคือ เรื่องโกหกที่เราสอนเด็กๆในโรงเรียนมีอะไรบ้างแล้วทุกเรื่องที่ยกมาในบทความจะแตกมาจาก แนวคิดหลักkeywordจึงเป็นคำาว่าliestoldtochildrenค่ะ

8) c. That they’re fl awless and admirable. “…regardpoliticalleadersassaints.”นึกถึง นักการเมืองในฐานะนักบุญซึ่งนักบุญก็ควรเป็นคนดีไร้ที่ติและน่านับถือแต่หลังจากประโยคนี้จะ บอกว่าจริงๆแล้วนักการเมืองทั้งสองเป็นคนไม่ดีอย่างไรความจริงนี้ทำาให้สิ่งที่ถูกสอนในโรงเรียนว่า พวกเขาเป็นคนดีกลายเป็นคำาโกหกค่ะ

9) a. Because there are always covert purpose aside from enlightening.แปลว่ามัน จะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงนอกเหนือจากการสั่งสอนเสมอค่ะซึ่งถ้าดูจากเหตุผลต่างๆที่ผู้เขียนให้ไว้สำาหรับการโกหกในแต่ละกรณี(ทำาให้การเรียนรู้ง่ายขึ้นสำาหรับเด็กทำาให้การจัดการกับเด็กง่ายขึ้น สื่อถึงความเท่าเทียมกันเป็นไปตามที่กลุ่มที่มีอิทธิพลอยากให้เด็กรู้)ต่างก็เหมือนกันคือมันเป็น จุดประสงค์แอบแฝงที่สอดแทรกเข้าในการสั่งสอนค่ะตอบข้ออื่นๆไม่ได้เพราะโจทย์ถามเหตุผลที่ ครอบคลุมทั้งหมด

“Theproblemis,alotofpropagandagetsslippedintothecurriculuminthenameof simplification.”ปัญหาก็คือโฆษณาจำานวนมากก็สอดแทรกเข้าไปในหลักสูตรในฐานะของการทำาให้ simplification.”ปัญหาก็คือโฆษณาจำานวนมากก็สอดแทรกเข้าไปในหลักสูตรในฐานะของการทำาให้ simplification.”ปัญหาก็คือโฆษณาจำานวนมากก็สอดแทรกเข้าไปในหลักสูตรในฐานะของการทำาให้ง่ายขึ้น“Bythetimeyougottopoliticsandrecenthistory,whatweweretaughtwas prettymuchpurepropaganda.”พอคุณเรียนไปถึงเรื่องการเมืองและประวัติศาสตร์สมัยใหม่สิ่ง ที่เขาสอนเราก็ค่อนข้างจะเป็นโฆษณาล้วนๆไปแล้ว“Infactismostsuchrulesarejusthackstomanagelargegroupsefficiently.”จริงแล้วกฏส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงเครื่องมือในการจัดการเด็กกลุ่มใหญ่ๆอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่ยกมาเป็นตัวอย่างประโยคที่สื่อความเอือมระอาค่ะจริงๆยังมีอีกเยอะลองสังเกตดูดีๆ

6) c. A former student ในตอนที่เล่าเรื่องนักวิทยาศาสตร์ผู้เขียนเล่าในแบบที่ว่าฉันเคยงงในเรื่อง คาร์เวอร์(“IwasmystifiedaboutCarver.”)แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว(“It’sobviousnow that…”)และตอนที่เล่าเรื่องการเมืองที่บอกว่ามันน่าตกใจทีเดียวตอนที่มารู้ทีหลังว่า(“Itwas astonishingtolearnlaterthat…”)ทำาให้เห็นว่าผู้เขียนกำาลังเล่าเรื่องสิ่งที่ตัวเองเรียนตอนเด็ก แล้วมารู้ความจริงเอาตอนโตซึ่งก็คือมุมมองของอดีตนักเรียนนั่นเองค่ะ

7) d. Because their appearance in the curriculum is a good example of lies told to children. ข้อนี้ต้องตอบข้อtopicให้ถูกก่อนนะคะtopicก็จะสื่อแนวคิดหลักของบทความคือ เรื่องโกหกที่เราสอนเด็กๆในโรงเรียนมีอะไรบ้างแล้วทุกเรื่องที่ยกมาในบทความจะแตกมาจาก แนวคิดหลักkeywordจึงเป็นคำาว่าliestoldtochildrenค่ะ

8) c. That they’re fl awless and admirable. “…regardpoliticalleadersassaints.”นึกถึง นักการเมืองในฐานะนักบุญซึ่งนักบุญก็ควรเป็นคนดีไร้ที่ติและน่านับถือแต่หลังจากประโยคนี้จะ บอกว่าจริงๆแล้วนักการเมืองทั้งสองเป็นคนไม่ดีอย่างไรความจริงนี้ทำาให้สิ่งที่ถูกสอนในโรงเรียนว่า พวกเขาเป็นคนดีกลายเป็นคำาโกหกค่ะ

9) a. Because there are always covert purpose aside from enlightening.แปลว่ามัน จะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงนอกเหนือจากการสั่งสอนเสมอค่ะซึ่งถ้าดูจากเหตุผลต่างๆที่ผู้เขียนให้ไว้สำาหรับการโกหกในแต่ละกรณี(ทำาให้การเรียนรู้ง่ายขึ้นสำาหรับเด็กทำาให้การจัดการกับเด็กง่ายขึ้น สื่อถึงความเท่าเทียมกันเป็นไปตามที่กลุ่มที่มีอิทธิพลอยากให้เด็กรู้)ต่างก็เหมือนกันคือมันเป็น จุดประสงค์แอบแฝงที่สอดแทรกเข้าในการสั่งสอนค่ะตอบข้ออื่นๆไม่ได้เพราะโจทย์ถามเหตุผลที่ ครอบคลุมทั้งหมด

preview