EVOLUTION

OF FROGS.

กบ เป็นสตัวค์รึง่บกครึง่น้ำ��อยูใ่น Order Anura (กรกีโบร�ณหม�ยถึง ไมม่หี�ง“ ”) ซึ่งซ�กดึกด้ำ�บรรพท่ี์เก่�แก่

ท่ีสดุของกบนั�นปร�กฏอยูใ่นยุคก่อน ไทรแอสสกิ (Triassic) บนเก�ะม�ด�กัสก�ร ์แต่จ�กววิฒัน�ก�รของพวกมนัแสดงใหเ้หน็ว�่จรงิๆแล้วต้นก้ำ�เนิดของมนันั�นเกิดม�ตั�งแต่หลังยุค เพอรเ์มยีน (Permian) เมื่อ 265ล้�นปีท่ีแล้ว

กบมกี�รกระจ�ยอย�่งกว�้งขว�งตั�งแต่เขตรอ้นไปจนถึงเขตหน�วเยน็ แต่จ้ำ�นวนส�ยพนัธุม์�กท่ีสดุพบท่ีป่�ฝนเขตรอ้น จ�กก�รบนัทึกไวม้มี�กกว�่ 4,800 ส�ยพนัธุ์

Triadobatrachus เป็นสตัวส์ญูพนัธุ์จ้ำ�พวกกบ รวมถึงอีกหนึ่งส�ยพนัธุคื์อ Triadobatrachus massinoti มนัเป็นกบท่ีเก่�แก่ท่ีสดุและเป็นตัวอย่�งส้ำ�คัญในก�รศึกษ�ท�งด้�นวทิย�ศ�สตร ์ มนัอ�ศัยอยูใ่นชว่งก่อนยุค ไทรแอสสกิ (Triassic)  ประม�ณ 250 ล้�นปีม�แล้ว ในหมูเ่ก�ะม�ด�กัสก�ร์

Triadobatrachus มลี้ำ�ตัวย�ว 10 cm . หรอื 3.9 นิ�ว และยงัคงลักษณะดั�งเดิมไวอ้ยู ่ เชน่ มกีระดกูสนัหลังทั�งหมด 14 ชิ�น ปัจจุบนัมเีพยีง 4-9 ชิ�นเท่�นั�น สว่นอีก 6 ชิ�นเป็นกระดกูสว่นห�งสั�นๆ

มนัถกูค้นพบครั�งแรกในปี 1937 ท่ี Adrien Massinot ใกล้หมูบ่�้นท�งภ�คเหนือของ Betsieka ใน ม�ด�กัสก�รพ์บโครงกระดกูท่ีสมบูรณ์เกือบทั�งหมด ค�ดว�่มนักล�ยเป็นฟอสซลิทันทีหลังต�ยแล้ว เพร�ะกระดกูทั�งหมดว�งอยูใ่นต้ำ�แหน่งท่ีเป็นไปต�มธรรมช�ติของมนั มแีต่เฉพ�ะสว่นท่ีด้�นหน้�ของกะโหลกศีรษะและปล�ยของแขนข�ห�ยไป

ด้�นสรรีวทิย�ของกบ1. ต� มลัีกษณะกลมโตและโปนขึ�นม�

นอกจ�กจะท้ำ�ใหก้บมองได้ในที่มดืแล้ว ยงัส�ม�รถมองได้รอบทิศโดยไมต้่องหมุนตัว

2. ห ู มลัีกษณะเป็นแผ่นกลมอยูถ่ัดจ�กต�ไปท�งด้�นล้ำ�ตัว กบไมม่ใีบหหูรอืหสูว่นนอก แต่หูของกบจะท้ำ�หน้�ท่ีรบัคล่ืนเสยีงจ�กอ�ก�ศหรอืน้ำ��แล้วสะท้อนเข้�หสูว่นใน

3. จมูก มรูีจมูก (Nares หรอื Nostrils) สองชอ่ง รูจมูกทะลเุข�้ไปในชอ่งป�ก รูจมูกท่ีอยู่ข�้งนอกเรยีก(External nares) สว่นรูที่เปิดเข�้ไปในป�กเรยีก (Internal nares)

4. ป�ก กบมปี�กท่ีกว�้งเวล�อ้�ป�ก ลิ�นกบมีลักษณะแตกต่�งจ�กสตัวอ่ื์นคือมสีว่นโคนติดกับข�กรรไกรล่�งและสว่นปล�ยของลิ�นอยูภ่�ยในป�ก เวล�จบัแมลงจะตวดัสว่นปล�ยลิ�นออกม�

5. ข�และเท้� โครงสร�้งของข�และเท้�ของกบแต่ละส�ยพนัธุนั์�นแตกต่�งกันม�กขึ�นอยูกั่บท่ีอยู่อ�ศัย ว�่อยูบ่นพื�น ในน้ำ�� ในต้นไมห้รอืในโพรง กบต้องเคล่ือนไหวได้อย่�งรวดเรว็ไมว่�่จะอยูใ่นสภ�พแวดล้อมแบบไหน เพื่อก�รจบัเหยื่อหรอืหนีนักล่� กบสว่นใหญ่จะมพีงัพดืท่ีเท้�ชว่ยในก�รว�่ยน้ำ��

6.ผิวหนัง ผิวของกบป้องกันโรคได้ ระบบท�งเดินห�ยใจมหีน้�ท่ีส�ม�รถดดูซบัน้ำ��และชว่ยควบคมุอุณหภมูขิองร�่งก�ย มนัมต่ีอมโดยเฉพ�ะบนศีรษะ ซึ่งมกัจะค�ยส�รพษิท่ีน่�รงัเกียจและ หลัง่ออกม�มกัจะเหนียวและชว่ยใหผิ้วชุม่ชื�น, ป้องกันเชื�อร�และแบคทีเรยีและท้ำ�ใหล่ื้นส�ม�รถท่ีจะหนีจ�กนักล่�.

FROG SKELETON

วฏัจกัรชวีติของกบ (Life Cycle of Frogs.)

บรรณ�นุกรม http://en.wikipedia.org/wiki/Frog

สม�ชกิกลุ่ม 1 มธัยมศึกษ�ปีที่ 6/91 .น�งส�วพรดิฐ ี เถ่ือนโทส�ร เลขที่

17ก.(ตกแต่งง�น)

2. น�งส�วพรชติ� ยิ�มแยม้ เลขที่ 19ก.(ตกแต่งง�น)

3. น�งส�วนฤมล เชดิโคกสงู เลขที่ 19ข.(รวบรวมเรยีบเรยีงเนื�อห�)

4. น�งส�วเบญจม�ศ ทิมศร ี เลขท่ี 20ข.(ค้นห�ขอ้มูล)

5. น�งส�วภัทรวรรณ ยนืยง เลขที่ 21ข. (ค้นห�ขอ้มูล)