Infographics คืออะไร

• Infographics มาจากคําในภาษาอังกฤษสองคําคือ Information และ Graphic

• Information หมายถึงสารสนเทศ หรือข้อมูลที่ถูกประมวลผลและจัดระบบไว้แล้ว

• Graphic คือ ภาพหรือลวดลายประกอบต่างๆซึ่งสามารถปรากฏในมุมมองหรือวัสดุที่หลากหลาย

jaritnee

Infographics คืออะไร

• เมื่อรวมกันแล้ว Infographic จึงเป็นการแสดงข้อมูลหรือความรู้ที่ผ่านการสรุปย่อแล้วเป็นแผนภาพเพื่อให้เนื้อหาหรือข้อมูลที่ต้องการนําเสนอสามารถอ่านและเข้าใจได้ง่าย Infographic จึงมีอิทธิพลมากในการบอกเล่าเรื่องราวทุกแขนงเพื่อการแสดงข้อมูลที่ซับซ้อนให้ดูเข้าใจง่าย

jaritnee

INFOGRAPHIC คืออะไร

jaritnee

iiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiii

ตําราฝนหลวง พระราชทานฝีพระหัตถ์ ในหลวง ร.9

jaritnee

1.ข่าวเด่น ประเด่นร้อน และสถานการณ์วิกฤต

• เป็น Infographics ที่ได้รับการแชร์มากๆ มักจะเป็นประเด็นใหญ่ระดับประเทศ เช่น ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

jaritnee

2. สอน ฮาวทู

• บอกเล่ากลยุทธ์ต่างๆอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น เล่าถึงกลยุทธ์การออมเงิน ที่ใครๆก็มักมองข้าม

jaritnee

3.ให้ความรู้

• ในรูปแบบของ Did You Know หรือ สถิติสําคัญทางประชากรต่า งๆตลอดจนการ ถ่ ายทอดความรู้ทางวิชาการที่น่าเบื่อ ให้มีสีสัน สนุก และ น่าติดตาม

jaritnee

4.บอกเล่าตํานานหรือวิวัฒนาการ

• เ รื่ อ ง ร า วบา งอย่ า ง อ าจ ต้ อ งถ่ายทอดผ่านตําราหนาๆ แต่ด้วย Infographics จ ะ ช่ ว ย ทํ า ใ ห้ตํานานเหล่านั้นบรรจุอยู่ในพื้นที่ๆจํากัดได้อย่างน่าทึ่ง

jaritnee

5.อธิบายผลสํารวจ และ งานวิจัย

• Infographics เหมาะที่สุดที่จะถ่ายทอดงานวิจัยที่ดูยุ่งเหยิงไปด้วยตัวเลขและข้อมูลมหาศาลออกมาเป็นแผนภาพสวยๆและทรงพลัง มีหลายบริ ษัทเริ่มใช้เครื่องมือนี้ เพื่อทําให้งานวิจัยของตัวเองเข้าถึงคนหมู่มาก

jaritnee

6.กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

• เช่น ภัยของการสูบบุรี่ที่มีต่อคนสูบและคนที่ไม่ได้สูบแต่ต้องได้รับผลกระสูบจากการสูบบุรี่ด้วย ขอเท็จจริงเหล่านี้ล้วนมุ่งหวังให้คนอ่านเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในสังคมให้ดีขึ้น หากได้รับการแชร์มากๆในโลกออนไลน์ ก็อาจสร้างกระแส จนถึงขั้นนําพาไปสู่การเปลี่ ยนแปลงพฤติกรรมในโลกออนไลน์ในที่สุด

jaritnee

7.โปรโมทสินค้าและบริการ

• ตัวอย่างการใช้ Infographics ในการโปรโมทสินค้า

jaritnee

ขั้นตอนในการออกแบบ Infographic

• ควรตั้งคําถามก่อนลงมือทํา Infographic ว่าคุณต้องการนําเสนออะไร ทําไม กลุ่มเป้าหมายคือใคร

• เตรียมข้อมูลน่าสนใจที่เป็นข้อเท็จจริงและสถิติที่ถูกต้อง อ้างอิงได้• วางรูปแบบโครงร่างของสีที่จะใช้ใน Infographic ก่อนลงมือ• ออกแบบโดยยึดความง่ายเป็นอันดับหนึ่งพยายามอย่าเพิ่มข้อมูลลงในหนึ่ง

ภาพมากเกินไปเพราะการออกแบบ Infographicจะต้องสื่อถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว

• อย่าลืมสรุปใจความสําคัญไว้ในInfographic ก่อนจบ• ควรแทรก URL ลิงก์ข้อมูล รวมถึงเว็บไซต์ส่วนตัวหรือหน่วยวานของคุณ

เพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่า Infographicนี้เป็นความรับผิดชอบของใครjaritnee

jaritnee

กว่าจะมาเป็น infographic

ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคของข้อมูลข่าวสาร ในหนึ่งวันเราจะพบกับข้อมูลมหาศาล ม า ก ข น า ด เ รี ย ก ว่ า ม ห า ส มุ ท ร แ ห่ ง ข้ อ มู ล เ ล ย ก็ ว่ า ไ ด้เมื่อมีข้อมูลเยอะขนาดนี้ การทําให้จําได้ง่าย และจําได้เร็วนั้นจึงยากที่จะจําหมด ดังนั้น Infographics เลยกลายมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ข้อมูลที่ทั้งเยอะและเข้าใจยากเปลี่ยนมาเป็นภาพที่สวยงาม และเข้าใจง่าย แต่กว่าจะมาเป็น Infographics ควรที่จะต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้เสียก่อน เพื่อที่จะสรรค์สร้างค์ Infographic ให้ได้ออกมามีคุณภาพที่สุด มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

jaritnee

ตามล่าหาวัตถุดิบชั้นดี ! (Gain infomation)

ต้องมีวิธีคัดสรรเฉพาะข้อมูลดีๆมานําเสนอ โดยพิจารณาด้านต่างๆ คือUseful : ต้องเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์และเปลี่ยนชีวิตคนไปในทางที่ดีขึ้นInsightful : ต้องมีคุณภาพเนื้อหาต้องแน่นรู้ลึกและรู้จริงInteresting : ต้องสดใหม่และทันกระแสมีความแปลกใหม่Reliable : ข้อมูลนั้นๆต้องมีความน่าเชื่อถือมีที่มาที่ไปอ้างอิงชัดเจน

jaritnee

คัดของเสียทิ้ง (Select highlight content)

พอได้ข้อมูลดีๆหัวข้อโดนๆมาแล้วทีนี้เราก็ต้องมาคัดแยกอีกว่าในข้อมูลชุดนั้นมีอะไรบ้างที่เป็นสาระ การคัดแยกนี้เราต้องตั้งคําถามกับตัวเองดูครับ เช่น ข้อมูลอะไรที่คนอยากรู้ อะไรที่ไม่อยากรู้ ลองถามตัวเองดูว่าบรรทัดไหน วรรคไหน คําไหนที่เราอ่านแล้วรู้สึก wow ! รู้สึกทึ่ง ! ประหลาดใจ หรือไม่เคยรู้มาก่อน แล้วก็ลองไฮท์ไลท์เอาไว้ ถามตัวเองแล้วก็ต้องถามเพื่อนหลายๆคนด้วยว่าคิดเหมือนเราไหม หรือ อยากรู้เรื่องนี้ไหม และให้เราเลือกเอาเฉพาะข้อมูลที่น้าสนใจมาทํา

jaritnee

jaritnee

การจัดหมวดหมู่ (Group)

เอาข้อมูลที่กระจัดกระจายมารวมกันเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มสาเหตุ กลุ่มวิธีแก้ไข เ พื่ อ จ ะ ไ ด้ เ ห็ น ภ า พ ร ว ม แ ล ะ เ รี ย ง ลํ า ดั บ ก า ร นํ า เ ส น อ ไ ด้ ถู ก ต้ อ งเทคนิคการจัดกลุ่มคือการใช้ “สี”ช่วยในการแยกกลุ่มเช่นถ้าเราทําเรื่องโรคมะเร็ง เราก็จัดกลุ่มเช่น โพสอิทสีม่วง = สาเหตุ โพสอิทสีส้ม = อาการ

jaritnee

��������

ไอเดียเมนูลับ (Create an idea)

การสร้าง infographics ให้เจ๋งควรคิดภาพและการนําเสนอให้เป็น Story (เรื่องราว) เพื่อความสนุกไม่น่าเบื่อเหมือนการเล่าตรงๆ อาจใช้เทคนิคในการเปรียบเทียบเหมือน infographics ชิ้นนี้ที่เปรียบเทียบขั้นตอนการทํา infographics 1 ชิ้นเหมือนเรือหาปลาลําหนึ่งนี่เอง ถามว่าเราจะคิดไอเดียเหล่านี้ได้มาจากไหนบ้าง ? ไอเดียหาได้ไม่ยากเลยครับ อาจจะได้มาจากการสังเกตุสิ่งรอบตัว อ่านหนังสือหรือบทความหรือ คุยกับคนอื่นแล้วโยนไอเดียซึ่งกันและกัน

jaritnee

ไอเดียเมนูลับ (Create an idea)

jaritnee

คิดสูตรการปรุง (Draft)

การนําข้อมูลที่ย่อยเรียบร้อยแล้วมาจัดเรียงจัดลําดับให้เข้าใจง่ายใส่ไอเดียที่คิดไว้พร้อมทั้งจัดวางเลเอาท์ให้สวยงาม และตัดคําหรือเขียนใหม่ให้กระชับกว่าเดิมเพื่อเป็นแบบร่าง (Draft) สําหรับการทําดีไซน์ต่อไป

jaritnee

คิดสูตรการปรุง (Draft)

jaritnee

ปรุงแต่ง (Design)

การนําแผนภาพที่คิดไว้เรียบร้อยแล้วมาดีไซน์เป็น infographic ที่สวยงามด้วย

jaritnee

9 ขั้นตอนง่ายๆ ในการทํา Infographic

3 องค์ประกอบหลักที่องค์กรและนักการตลาดไม่ควรมองข้าม เกี่ยวกับการทําInfographic คือ จุดประสงค์ของสื่อสาร ข้อมูล และการออกแบบ ถ้าคุณพลาดข้อใดข้อหนึ่งไป Infographic ชิ้นนั้นก็อาจไม่มีใครสนใจได้จึงได้นําเสนอ 9 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณผลิต Infographic ได้สําเร็จ ดังนี้

jaritnee

1.เขียนบรีฟสั้นๆ

• อันดับแรกคือ ต้องคิดว่าจะทําเรื่องอะไร อย่าเพิ่งสนใจว่าจะออกแบบอย่างไร ทําแล้วออกมาจะสวยแค่ไหน อย่างแรกเลยคุณต้องทราบก่อนว่าจะทํา Infographic เรื่องอะไร มีจุดประสงค์อย่างไร และเป้าหมายในการทํา

jaritnee

2.เน้นสาระสําคัญ

ลองดูซิว่า เรื่องที่คุณต้องการนํามาผลิตเป็น Infographic นั้น สามารถนํามาแปรรูปเป็นประโยคสั้นๆ กระชับ และตรงประเด็นได้หรือไม่ รวมถึงเมื่อทําแล้วผู้อ่านต้องเข้าใจแค่ไหน

jaritnee

3.รวบรวมข้อมูล

• เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ถึงเวลาของการรวบรวมข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียด ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในรูปของข้อความ หรือตัวเลขที่เกี่ยวข้องมาใช้

jaritnee

4.ค้นหาข้อมูลเชิงลึก

• การมีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องที่คนส่วนใหญ่อยากรู้ จะช่วยให้ Infographic มีความน่าสนใจมากขึ้น คําถามคือ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาอยากรู้เรื่องอะไร นี่คือสิ่งที่คุณต้องทํา คือ ระดมความคิด อ่านใจผู้บริโภค ศึกษาพฤติกรรมของพวกเขา แล้วถามตัวเองว่า คุณอยากรู้เรื่องนี้หรือไม่

jaritnee

5.สร้างการเล่าเรื่อง

• หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดมาอยู่ในมือแล้ว ก็จะนํามาสู่ขั้นตอนการเล่าเรื่อง พยายามเชื่อมต่อข้อมูลกับรูปภาพให้ได้ โดยทุกจุดต้องต่อเนื่องกัน

jaritnee

6.วางLayout

• ได้เวลาแบ่งสัดส่วนข้อมูล กับรูปภาพแล้ว คุณต้องคํานึงถึงพื้นที่ว่างด้วย เพราะการมีพื้นที่ว่างจะช่วยให้ผู้อ่านโฟกัสข้อมูลสําคัญได้ง่ายขึ้น

jaritnee

7.ใส่ภาพประกอบ

• ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ ภาพที่ใช้นั้นต้องกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วม และประทับใจ แม้แต่ความผิดพลาดอันน้อยนิด ก็อย่าให้มีเด็ดขาด

jaritnee

8.ทดสอบการใช้งานบนอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน

• ไม่ใช่แค่เว็บไซต์เท่านั้น แต่ Infographic ก็ต้องทดสอบการใช้งานบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่นเดียวกัน

jaritnee

9.ทําให้สวยงาม

• ความสวยงามในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า เห็นอะไรสวย อะไรดี ก็จับใส่ให้หมด นั่นคือความคิดที่ผิด จริงๆ แล้วข้อมูลที่มีอยู่ในมือ จะสร้างความสวยงามด้วยตัวเอง โดยที่คุณมีหน้าที่ย่อยข้อมูล สร้างเรื่องราว และนําเสนอให้น่าสนใจก็พอ

jaritnee

กฎการออกแบบ Infographic

jaritnee

กฎ 3 สี : ใช้แค่ 3 สีก็เพียงพอแล้ว

• การใช้สีสําคัญมากในการออกแบบ Infographic หากใช้สีเยอะเกินไปในงาน 1 ชิ้น จะทําให้ผู้อ่านเกิดอาการสับสนและลายตาในสิ่งที่คุณจะสื่อสารได้ ดังนั้นใช้สี 3 สีก็เพียงพอแล้วสําหรับสร้างงานที่มีสไตล์แต่เราสามารถใช้สีเกินได้ แต่ต้องเป็นสีในโทนเดียวกัน

jaritnee

กฎ 3 สี

jaritnee

กฎการ focus : โดดเด่นในสิ่งที่จะสื่อ

• การทํา Infographic ที่ดีนั้น ต้องทําให้สื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจได้รวดเร็วที่สุด ตั้งแต่แว็บแรกที่เห็น ดังนั้นเราควรเลือกกราฟฟิคหรือรูปที่สื่อความหมายในเนื้อหามากที่สุดเพียง 1 อย่าง จัดให้โดดเด่นมากที่สุด โดยทําให้ใหญ่หรือไว้ตรงกลางของรูป เพื่อให้สายตาของผู้อ่านเห็นสิ่งนี้เป็นอันดับแรก

jaritnee

กฎการ focus : โดดเด่นในสิ่งที่จะสื่อ

jaritnee

กฎของตัว Z : จัดอันดับด้วยตัว Z

• ธรรมชาติของคนเราอ่านจากซ้ายไปขวา ดังนั้น หากมีกราฟิค หรือไอคอนที่มีการลําดับเป็นชั้นเป็นตอนให้จัดเรียงลําดับเป็นแบบตัว Z หากข้อมูลมีมากกว่า 1 บรรทัด แต่หากข้อมูลมีบรรทัดเดียว ก็ให้เรียงจากซ้ายไปขวา หรือบนลงล่าง

jaritnee

กฎของตัว Z : จัดอันดับด้วยตัว Z

jaritnee

��������

กฎการหายใจ : เว้นระยะไม่ให้อึดอัด

• การออกแบบ Infographic นั้น จะต้องมีช่องวาง (White space)ให้หายใจทุกๆส่วนทุกๆที่แม้กระทั่งของ ต้องมีการเว้นช่องไฟระหว่างแต่ละ Object ให้กระจายออกจากกัน เพื่อลดความอึดอัด

jaritnee

กฎการหายใจ : เว้นระยะไม่ให้อึดอัด

jaritnee

ทฤษฎีสี

• สีทีอยู่ในวรรณะร้อน (Warm Tone Color) ได้แก่ สีเหลอืงสม้ สีส้ม สีแดง และสมี่วงแดง สีกลุ่มนี้เมื่อใช้ในงานจะรู้สึกอบอุ่น ร้อนแรง สนุกสนาน

• สีที่อยู่ในวรรณะ (Cool Tone Color) ได้แก่ สีเขียว สีฟ้า สีม่วงคราม สีกลุ่มนี้เมื่อใช้งานจะได้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย

jaritnee

• เทคนิคการออกแบบโดยมีพื้นที่ว่าง ใช้สัดส่วน 60% เป็นสีที่โดดเด่น

30% เป็นสีรอง 10% เป็นสีที่ถูกเน้น อย่างในตัวอย่างสีเด่นคือสีดํา สีรองคือเขียว และสีที่เน้นคือแดงนั่นเอง

jaritnee

ออกแบบ Infographic ด้วย 9 Layout

• หากคุณมีข้อมูลดีๆอยู่ ในมือ แต่คุณนําเสนอมันไม่ถูกวิธี ข้อมูลดีๆก็อาจกลายเป็นไม่ดีได้ (เหมือนเจตนาดีแต่พูดไม่เป็นก็กลายเป็นไม่ดีไปซะงั้น)

• การทํา Infographic ก็เช่นกันครับ ถ้าเราเลือกรูปแบบของ Infographic ไม่เหมาะสมกับข้อมูล ก็จะทําให้ข้อมูลถูกลดความหมาย หรือไม่น่าสนใจเท่าที่ควร

jaritnee

1. Visualised Article

• เหมาะสําหรับการนําบทความ งานเขียน มาเล่าผ่าน Infographicเพราะฉะนั้น Infographic แบบนี้จึงต้องใช้การนําเสนอที่เหมาะสมกับข้อมูลแต่ละชนิด เช่น ถ้ามีตัวเลขก็ควรนําเสนอผ่านกราฟแบบต่างๆ หรือ ตัวหนังสือก็สามารถสื่อสารด้วยภาพประกอบ หรือ iconเทคนิค : สรุปบทความ และเลือกประเด็นก่อนนําเสนอ

jaritnee

Visualised Article

jaritnee

Visualised Article

jaritnee

2. Listed

• เป็น Infographic ที่คนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกันดีครับ มักจะใช้ตัวเลขนําในเฮดไลน์ เช่น “5วิธี” ดูแลหุ่นสวย, “4 เทคนิค” พิชิตใจนายจ้าง การนําเสนอแบบเป็นข้อๆแบบนี้เหมาะกับเรื่องที่ไม่ยาวนัก และไม่ควรเป็นเรื่องที่เครียดมากเกินไปเทคนิค : ลองวิเคราะห์ว่าข้อไหนสามารถรวบเป็นข้อเดียวกันได้ เพราะยิ่งมีหลายข้อยิ่งจดจําได้ยาก

jaritnee

Listed

jaritnee

Listed

jaritnee

3. Comparison

• เหมาะกับใช้เพื่อเปรียบเทียบระหว่างของสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่ง โดยการนําเสนอคู่กันแบบนี้ทําให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่าแตกต่างอย่างไรบ้าง

• เทคนิค : ใช้การจัดวางที่เหมือนกันทั้งสองฝั่ง ทําให้เห็นความต่างที่ชัดเจน, ใช้สีคู่ตรงข้ามเป็นตัวแบ่งฝั่ง ทําให้ดูง่ายขึ้น

jaritnee

Comparison

jaritnee

Comparison

jaritnee

4. Structure

• เหมาะกับการใช้อธิบายส่วนประกอบของบางสิ่งเทคนิค : พยายามสร้างภาพให้เห็นแต่ละส่วนประกอบ เช่น ภาพเหมือนสแกนเข้าไปภายใน หรือ การแยกแต่ละส่วนออกห่างกัน ไม่ซ้อนกัน

jaritnee

Structure

jaritnee

Structure

jaritnee

5. TimeLine

• เหมาะสําหรับใช้เล่าประวัติความเป็นมาเป็นไปของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยใช้เส้นแทนระยะเวลา สามารถใช้ได้กับทุกอย่าง เช่นประวัติคน ประวัติองค์กร ประวิติสถานที่เทคนิค : ใช้ความห่างของแต่ละจุด ช่วยบอกความห่างของแต่ละช่วงเวลาได้

jaritnee

TimeLine

jaritnee

TimeLine

jaritnee

6. Flowchart

• เป็นการนําเสนอแบบเป็นลําดับขั้น เหมาะกับการเสนอเป็นควิซให้ผู้อ่านได้ทราบคําตอบที่ต้องการโดยการอ่านไล่ลงไปตามเส้นจนถึงด้านล่างสุดเทคนิค : ระวังเรื่องความยุ่งเหยิงของเส้น, ใช้สีช่วยแยกเส้น ลดความสับสนในการอ่าน

jaritnee

Flowchart

jaritnee

Flowchart

jaritnee

7. RoadMap

• เป็นการอธิบายทีละขั้นตอน เหมาะกับการอธิบายขั้นตอนการทํางาน หรือการเดินทาง เช่น ขั้นตอนการทํางานขององค์กร ขั้นตอนการรับพนักงานเข้าทํางาน การเดินทางของเด็กนักเรียนสู่การเป็นนิสิตเทคนิค : เรื่องต้องน่าสนใจพอที่คนอยากจะรู้ทีละขั้นตอนขนาดนี้

jaritnee

RoadMap

jaritnee

RoadMap

jaritnee

8. Useful Bait

• เป็น Infographic ที่ทําให้เราเห็นวิธีทําบางอย่าง โดยที่เราเห็นแล้วสามารถนําไปใช้ได้ทันที

• เทคนิค : ต้องให้ความสําคัญกับการอ่านง่าย และความเข้าใจง่าย มากกว่าความสวยงาม

jaritnee

Useful Bait

jaritnee

Useful Bait

jaritnee

9. NumberPorn

• คือ Infographic ที่เต็มไปด้วยตัวเลข และกราฟ หากคุณมีตัวเลขที่น่าสนใจมากเพียงพอก็สามารถนําเสนอในรูปแบบนี้ได้เทคนิค : ไม่ใช่แค่มีตัวเลขมาก แต่ตัวเลขต้องน่าสนใจ หรือเกี่ยวข้องกับคนอ่านมากพอ,ถึงจะมีกราฟหลายประเภทแต่ควรเลือกสไตล์กราฟฟิคแบบเดียวกันทั้งภาพ เช่น 3D, Flat

jaritnee

NumberPorn

jaritnee

NumberPorn

jaritnee

กราฟฟิกเวกเตอร์

• กราฟฟิกเวกเตอร์ มันต่างกับกราฟฟิกธรรมดา (กราฟฟิกแบบ Raster) ยังไง กราฟฟิกแบบ Vector เวลาเราย่อ-ขยายรูปภาพ จะไม่ทําให้ความละเอียดลดลง จึงเหมาะกับรูปที่จําเป็นต้องใช้ในสิ่งพิมพ์หลายขนาด เช่น โลโก้เว็บไซต์ คลิปอาร์ต ไอคอน โดยสิ่งพิมพ์ที่นิยมเอากราฟฟิกเวกเตอร์มาใช้ ก็เช่น งานโฆษณา โปสเตอร์ แบนเนอร์ แฟลชอนิเมชั่น เป็นต้นครับ

• ส่วนกราฟฟิกแบบ Raster เรา ๆ ที่ทําเว็บดีไซน์น่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว พวกนามสกุล .jpg, .gif, .png, .bmp นี่เอง ซึ่งพวกนี้เป็นกราฟฟิกที่เกิดจากเอาจุดสีมาวางติด ๆ กันทีละ 1 pixel ดังนั้นเวลาย่อ-ขยายรูปภาพจะทําให้เสียรายละเอียดไป (ถ้าย่อ-ขยายใน Photoshop จะเห็นว่ามีการทําให้ภาพเบลอนิดหน่อย ช่วยให้มุมที่ถูกยืดไม่ดูเป็นเหลี่ยมมากนัก)

jaritnee

หลักการจับใจความสําคัญ

๑. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านให้ชัดเจน ๒. อ่านเรื่องราวอย่างคร่าวๆ พอเข้าใจ และเก็บใจความสําคัญของแต่ละย่อหน้า ๓. เมื่ออ่านจบให้ตั้งคําถามตนเองว่า เรื่องที่อ่าน มีใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ๔. นําสิ่งที่สรุปได้มาเรียบเรียงใจความสําคัญใหม่ด้วยสํานวนของตนเองเพื่อให้เกิดความสละสลวย

jaritnee

วิธีจับใจความสําคัญ

วิธีการจับใจความมีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบว่าอย่างไร เช่น การขีดเส้นใต้ การใช้สีต่างๆ กัน แสดงความสําคัญมากน้อยของข้อความ การบันทึกย่อเป็นส่วนหนึ่งของการอ่านจับใจความสําคัญที่ดี แต่ผู้ที่ย่อควรย่อด้วยสํานวนภาษาและสํานวนของตนเองไม่ควรย่อด้วยการตัดเอาข้อความสําคัญมาเรียงต่อกัน เพราะอาจทําให้ผู้อ่านพลาดสาระสําคัญบางตอนไปอันเป็นเหตุให้การตีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ วิธีจับใจความสําคัญมีหลักดังนี้

jaritnee

วิธีจับใจความสําคัญ

๑. พิจารณาทีละย่อหน้า หาประโยคใจความสําคัญของแต่ละย่อหน้า ๒. ตัดส่วนที่เป็นรายละเอียดออกได้ เช่น ตัวอย่าง สํานวนโวหาร อุปมาอุปไมย(การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคําถามหรือคําพูดของผู้เขียนซึ่งเป็นส่วนขยายใจความสําคัญ ๓. สรุปใจความสําคัญด้วยสํานวนภาษาของตนเอง

jaritnee

การพิจารณาตําแหน่งใจความสําคัญ

ใจความสาํคญัของข้อความในแตล่ะย่อหน้าจะปรากฏดังนี้ ๑. ประโยคใจความสาํคัญอยูต่อนต้นของย่อหน้า ๒. ประโยคใจความสาํคัญอยูต่อนกลางของย่อหน้า ๓. ประโยคใจความสาํคัญอยูต่อนท้ายของย่อหน้า ๔. ประโยคใจความสาํคญัอยู่ตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้า ๕. ผู้อ่านสรุปขึ้นเอง จากการอ่านทั้งย่อหน้า(ในกรณีใจความสําคัญหรือความคิดสาํคญัอาจอยูร่วมในความคดิย่อย ๆ โดยไม่มีความคิดที่เป็นประโยคหลกั) ตัวอย่างตําแหน่งใจความสาํคัญ

jaritnee

JARITNEE@GMAIL.COM

jaritnee