literature review - walailak universitymit.wu.ac.th/mit/images/editor/files/literaturereview... ·...
TRANSCRIPT
Literature Review
ITM-605 Research Methodology
2
Literature
วรรณกรรม (Literature) หมายถึง งานนิพนธที่มีรูปแบบ มีเน้ือหาสาระที่ผูจัดทําตองการสื่อความคิดไปยังผูอาน ผูฟง ทั้งที่อยูในรูปของสิ่งพิมพ และไมไดอยูในรูปของสิ่งพิมพ ซึ่งนักวิจัยไดรวบรวมเพื่อใชเปนขอมูลในการจัดทําวิทยานิพนธ
3
Literature Review
การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) หมายถึงข้ันตอนหน่ึงในกระบวนการวิจัยที่มีเปาหมายเพื่อสํารวจ คัดเลือก และประเมินคาวรรณกรรมตางๆ ทั้งในอดีตและปจจุบันแลวนํามาวิเคราะห สังเคราะห และเขียนผลการศึกษาออกมาเปนผลการบททบทวนวรรณกรรมที่แสดงใหเห็นถึงองคความรู หรือความเช่ือมโยงกับประเด็นปญหาที่จะศึกษา
4
Literature Review
discusses published information in a particular subject area, and sometimes information in a particular subject area within a certain time period. can be a simple summary of the sources,
but it usually has an organizational pattern and combines both summary and synthesis.
5
Literature Review
in the context of a research paper or thesis the literature review is a critical synthesis of previous research. the evaluation of the literature leads
logically to the research question.
จรรยาบรรณนักวิจัย
• นักวิจัยตองซื่อสัตยและมีคุณธรรมในทางวิชาการและการ
จัดการ นักวิจัยตองมีความซื่อสัตยตอตนเอง ไมนําผลงาน
ของผูอ่ืนมาเปนของตน ไมลอกเลียนงานของผูอ่ืน ตอง
ใหเกียรติและอางถึงบุคคลหรือแหลงที่มาของขอมูลที่
นํามาใชในงานวิจัย ตองซื่อตรงตอการแสดงหาทุนวิจัย
และมีความเปนธรรมเก่ียวกับผลประโยชนที่ไดจากการ
วิจัย
ทีม่า สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
7
Literature Review
The literature review can help in four ways: Bring clarity and focus to your research
problems Improve your research methodology Broaden your knowledge base in your
research area Contextualize your findings
8
How to Review the Literature Searching for the existing literature in your
area books journals internet (electronic journals) theses and dissertations conference proceedings
Assess the relevance of the literature topic relevance individual and site relevance
9
How to Review the Literature
Summarize each source: Identify variables Identify theories Identify findings
Synthesize literature Identify similarities and differences make clear how the studies relate to
your research
10
A Good Literature Review
is a synthesis of available research has clarity and conciseness is a critical evaluation has appropriate depth and breadth
11
Before Writing a Literature Review
Clarify Narrow your topic Consider whether your sources are
current Find a focus Construct a working thesis statement Consider organization
Writing the Literature Review
Plagiarism includes: 1. Using another writer’s words without proper
citation 2. Using another writer’s ideas without proper
citation 3. Citing a source but reproducing the exact
word without quotation marks 4. Borrowing the structure of another author’s
phrases/sentences without giving the source 5. Borrowing all or part of another author’s paper
13
Quotation, Paraphrasing and Summarizing
Quotations: - must be identical to the original, using a narrow segment of the source. - must match the source document word for word and must be attributed to the original author.
14
Quotation, Paraphrasing and Summarizing
Paraphrasing: - involves putting a passage from source material into your own words. Summarizing: - involves putting the main idea(s) into your own words, including only the main point. - shorter than the original.
15
Good Paraphrasing อธิบายเนื้อหาตนฉบับไดตรงและถูกตอง โดยไมไดละ
ทิ้งรายละเอียดที่สําคญัไป และไมเติมความคิด
ความเหน็ใดๆเขาไป
แสดงวาผูทํา paraphrase ไดศึกษาตนฉบับอยาง
ละเอียด
แสดงถึงการเลือกใชถอยคําไดดี ประโยคชัดเจน และ
ภาษาที่มีโครงสรางอยางดี
16
Steps for Paraphrasing
อานตนฉบับอยางละเอียดจนเขาใจความหมาย
จดความคดิหลักๆ และรายละเอียดที่สําคญัไว โดย
สังเกตคํา วลีที่สําคญัๆ
หาคําเหมอืนหรือคําอื่นๆที่ใชแทนไดสําหรับคําและ
วลีที่สําคญัๆ ในตนฉบับ แตอยาเปล่ียนศัพทเฉพาะ
17
Steps for Paraphrasing
เปล่ียนโครงสรางของ text - หาความสัมพันธ
ระหวางคาํหรือความคิด เชน สาเหต-ุผลลัพธ หรือ
เปนเรื่องการเปรียบเทียบ
กลาวถึงความสัมพันธเหลานัน้ดวยวิธีทีแ่ตกตาง
ออกไป เชน เปล่ียนลักษณะทางไวยากรณ
เขียน paraphrase ของเราเอง
18
Steps for Paraphrasing
ทบทวน แกไข
ตรวจสอบเพื่อใหแนใจวาความหมายของตนฉบับ
ยังคงเดิม
19
Writing a Literature Review
Walailak University Thesis Handbook: การอางอิง (Referencing)
หลักเกณฑการเขียนรายการอางอิงและบรรณานุกรม (Bibliography)
20
Referencing
สําหรับมาตรฐานส่ิงพิมพของมหาวทิยาลัยวลัยลักษณกําหนดใหใชการอางอิงแบบแทรกในเนื้อหาระบบนามป
อาศัยหลักเกณฑของระบบ APA Style และการอางอิงแบบเชิงอรรถบางประเภท
21
Referencing
การอางอิงแบบแทรกในเน้ือหา (In-Text Citation) ระบบนามป
ประกอบดวย ช่ือผูแตง ปที่พิมพ และหรือเลขหนาที่อางอิง (ช่ือผูแตง, ปทีพ่ิมพ , และ/หรือ เลขหนา) ในเครื่องหมายวงเล็บ ( )
ตัวอยาง
(Adkins & Singh, 2001, p.1)
22
Referencing
สําหรับการอางอิงสิ่งพิมพประเภทหนังสือ
หากมีการอางงานผูอ่ืนโดยการสรุปเน้ือหาและแนวความคิดจากงานช้ินน้ันทั้งเลมจะไมมีการระบุเลขหนา
หากเปนการคัดลอกขอความหรือความหมายของผูอ่ืนหรือนําเน้ือหาเพียงบางสวน บางหนา ไมใชเน้ือหาจากทั้งเลมมาเรียบเรียงเปนสํานวนของตนเองใหมตองมีการระบุเลขหนา
23
Referencing
รูปแบบการเขียนอางอิง
การระบุแทรกไวทายขอความ จะใชแบบแผนการอางอิงแทรกหลังของขอความหรือแนวคิดท่ีนํามาอางอิง โดยใชรูปแบบ
(ผูแตง, ปพิมพ , เลขหนา)
ตัวอยาง
(Fisher, 1999, p. 5)
24
Referencing
รูปแบบการเขียนอางอิง
การระบุช่ือผูแตงในเน้ือหา จะระบุชื่อผูแตงไวในเนื้อหาหรือกอนเนื้อหาแลวตามดวยปท่ีพิมพและเลขหนาไวในเคร่ืองหมายวงเล็บ( ) และตามดวยขอความท่ีตองการอางอิง โดยใชรูปแบบ
ผูแตง (ปพิมพ , เลขหนา)
25
Referencing
รูปแบบการเขียนอางอิง
กรณมีีการระบุปพิมพและผูแตงในเน้ือหาแลว ให ระบุเฉพาะเลขหนาท่ีอางอิงในวงเลบ็เทานั้น โดยใชรูปแบบ
ปพมิพ ผูแตง ......................(เลขหนา)
26
Referencing
การอางอิงแบบเชิงอรรถ (Footnote Citation)
ไมเปนท่ีนยิมในปจจุบนั
การเขียนอางอิงแบบเชิงอรรถ ไดแก เชิงอรรถอางอิง เชิงอรรถโยง และเชิงอรรถเสริมความ
27
In-Text Citation การอางถึงเอกสาร 1 เรื่องโดยมีผูแตงท่ีเปนบุคคลคนเดียว
กรณีผูแตงชาวไทย
- หากเปนงานเขียนที่เปนภาษาไทย ใหใสเรยีงลําดับตามชื่อ–ชื่อสกุลที่ปรากฏ
- หากเปนงานเขียนที่เปนภาษาตางประเทศจัดพิมพในประเทศไทยหรือตางประเทศ ใหใชเฉพาะชื่อสกุลเทานั้น
- คํานําหนาชื่ออื่นๆ ใหตัดออก
ตัวอยาง
(สุมน อมรวิวัฒน, 2541, น. 16)
28
In-Text Citation
การอางถึงเอกสาร 1 เรื่อง โดยมีผูแตงที่เปนบุคคลเพียงคนเดียว
กรณีผูแตงชาวตางประเทศ
- ใหใสเฉพาะชื่อสกุลเทานั้น ไมวางานเขียนจะเปนภาษาตางประเทศหรือภาษาไทย
ตัวอยาง
(Fontana, 1985, p. 91)
29
In-Text Citation
การอางถึงเอกสาร 1 เรื่อง โดยมีผูแตงที่เปนบุคคลเพียงคนเดียว
กรณีผูแตงมีฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ และสมณศักดิ์ ใหระบุดวย สวนยศใสเฉพาะยศสุดทายเทานั้น โดยใสชื่อ-ชื่อสกุล คั่นดวยเคร่ืองหมายจุลภาค (,) ตามดวยฐานันดรศักด์ิ บรรดาศักด์ิ หรือสมณศักด
30
In-Text Citation
การอางถึงเอกสาร 1 เรื่อง แตมีผูแตง 2 คน
- ใหระบุชื่อผูแตงทั้งสองคนทุกครั้งที่มีการอาง โดยใชคําวา “และ” สําหรับเอกสารภาษาไทย หรอืเครือ่งหมาย "&" สําหรับเอกสารภาษาอังกฤษเชื่อมระหวางคนที่ 1 และ 2 ในกรณีที่มีการอางถึงชื่อผูแตงในเครื่องหมายวงเล็บ ( ) เทานั้น และใชคําวา “and” เชื่อมชื่อผูแตงในประโยค
ตัวอยาง
(นพมาศ สิทธิสาร และ จารุณ ีขยนัยิ่ง, 2556, น. 12)
(Anderson & Fontana, 1985, p. 22)
31
In-Text Citation
การอางถึงเอกสาร 1 เรื่อง แตมีผูแตง 3-5 คน
การอางครั้งแรก
- หากผูแตงเปนคนไทยใหระบุชื่อเต็มและนามสกุลของทุกคน ใหคั่นดวยเคร่ืองหมายจุลภาค (,) ยกเวนผูแตงคนสุดทายใชคําวา “และ” คั่นสําหรับเอกสารภาษาไทย หากผูแตงเปนชาวตางประเทศ ใหระบุเฉพาะชื่อสกุลของผู แตงทุกคนและใหคั่นดวยเคร่ืองหมายจุลภาค (,) ยกเวนผู แตงคนสุดทายใหใชเคร่ืองหมาย "&" สําหรับเอกสารภาษา
อังกฤษ
32
In-Text Citation
ตัวอยาง
(นพมาศ สิทธิสาร, สุนัย จุลพล และ จารุณี ขยันยิ่ง, 2556, น. 12)
(Anderson, Maxime & Fontana, 1985, p. 22)
33
In-Text Citation
การอางถึงเอกสาร 1 เรื่อง แตมีผูแตง 3-5 คน
การอางครั้งถัดไป
- สําหรับเอกสารภาษาไทย ใหระบุเฉพาะผูแตงคนแรก ตามดวยคําวา “และคณะ” หรือ “และคนอื่น ๆ”
- สําหรับเอกสารภาษาอังกฤษ ใหใชคําวา “et al.” หรือ “and others”
ตัวอยาง
(Anderson et al., 1985, p. 22) …
34
In-Text Citation
การอางถึงเอกสาร 1 เรื่อง แตมีผูแตงมากกวา 6 คน
การอางถึงทุกครั้ง
- ใหระบุเฉพาะผูแตงคนแรก ตามดวยคําวา “และคณะ” หรือ “และคนอื่น ๆ” สําหรับเอกสารภาษาไทย และใชคําวา “et al.” สําหรับเอกสารภาษาอังกฤษ
35
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารที่มีผูแตงเปนสถาบัน
ตองระบุชื่อของสถาบันอยางชัดเจน เพื่อไมใหผูอาน
สับสนกับสถาบันอื่น ๆ ท่ีอาจมีชื่อคลาย ๆ กัน
ใหระบุชื่อสถาบันตามท่ีปรากฏ
หากเปนหนวยงานของรัฐ ใหเร่ิมตนจากหนวยงานใหญไปหนวยงานยอย โดยเร่ิมจากระดับกรมกอนเสมอ ยกเวนหนวยงานท่ีมีผลงานเปนท่ีรูจักอาจลงจากหนวยงานยอยไดเลย
36
In-Text Citation
ตัวอยาง
(ชมรมผูสูงอายุจังหวัดสุราษฎรธานี, 2554, น. 90)
(มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ สถาบันวิจัยและพัฒนา,
2554, น. 15)
37
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารที่มีผูแตงเปนสถาบัน
หากเปนหนวยงานของรัฐท่ีมีชื่อยอ
- การอางคร้ังแรกใหระบุชื่อเต็ม หากมีชื่อยอใหระบุ
ชื่อยอในเคร่ืองหมายวงเล็บเหลี่ยม [ ] ไวดวย เพื่อใช
ในการอางคร้ังตอมา
ในกรณีท่ีไมมีชื่อยอ ตองระบุชื่อเต็มของสถาบันนั้นทุกคร้ัง
38
In-Text Citation
ตัวอยาง
- อางครั้งแรก
(องคการรับสงสินคาและพัสดุภัณฑ [ร.ส.พ.], 2556, น. 15)
- อางครั้งตอมา
ร.ส.พ. (2556: 15) กลาววา…
39
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารท่ีมีผูแตงเปนสถาบัน
หากเปนหนวยงานอิสระ ใหระบุชื่อหนวยงานหรือสถาบันนั้นไดเลย
หากคณะกรรมการที่มีสํานักงานเปนอสิระหรือมีการบริหารงานในลักษณะของนิติบุคคล ใหลงนามคณะกรรมการนัน้ไดเลย
ตัวอยาง
(สมาคมวิศวกรรมสถานแหงประเทศไทย คณะกรรมการพัฒนามาตรฐานฯ, 2540, น. 20)
40
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารหลายเรื่องที่มีผูแตงคนเดียวกัน
กรณีท่ีผูแตงคนเดียวกนัเขียนเอกสารหลายเลม แตป พิมพตาง ๆ
- ใหระบุชื่อผูแตงเพียงคร้ังเดียว แลวระบุปพิมพตามลําดับ โดยใชเคร่ืองหมายอัฒภาค ( ; ) คั่นระหวางปพิมพ และเรียงลําดับจากนอยไปหามาก
ตัวอยาง
(สมชาย จูประเสริฐ, 2550, น. 20; 2552, น. 42-45; 2556, น. 60)
41
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารหลายเรื่องที่มีผูแตงคนเดียวกัน
กรณีอางเอกสารหลายเร่ืองเขียนโดยผูแตงคนเดียวกันและปพิมพซ้ํากัน
- ใหเรียงลําดับท่ีของเลมท่ีอางไวหลังปพิมพดวย โดยใชตัวอักษร a b c d ตามลําดับ สําหรับเอกสารภาษา ตางประเทศ และอักษร ก ข ค ง ตามลําดับ สําหรับเอกสารภาษาไทย
ตัวอยาง
(สมชาย จูประเสริฐ, 2550ข, น. 20)
42
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารหลายเรื่องโดยผูแตงหลายคน
ทําได 2 แบบ คือ
- ใหเรียงรายการท่ีอางตามท่ีปรากฏในรายการอางอิงทายเลม โดยคั่นเอกสารแตละเร่ืองท่ีอางถึงดวยเคร่ืองหมายอัฒภาค ( ; )
- ใหเรียงตามปพิมพจากนอยไปหามาก โดยใชเคร่ืองหมายอัฒภาค ( ; ) คั่นระหวางเอกสารท่ีอางแตละเร่ือง เพื่อแสดงวิวัฒนาการของเร่ืองท่ีศึกษา
43
In-Text Citation
การอางถึงเอกสารที่ไมปรากฏนามผูแตง
หากมีบรรณาธิการ หรือ ผูรวบรวม
- ใหระบุแทนชื่อผูแตงไวในเคร่ืองหมายวงเล็บ( )เสมอ
หากไมมีท้ังบรรณาธิการหรือผูรวบรวม
- ใหใสชื่อเร่ืองแทน โดยใสไวในเคร่ืองหมายอัญประกาศคู (“ ”) สําหรับชื่อเร่ืองของบทความ แตหากเปนชื่อเร่ืองของหนังสือหรือเอกสารใด ๆใหพิมพเปนตัวเอนเสมอ
44
In-Text Citation
ตัวอยาง
(ชุติมา จูประเสริฐ (บรรณาธิการ), 2552, น. 10-20)
(Anderson (Ed.), 2010, p. 22)
45
In-Text Citation
การอางหนังสือแปล
ใหลงชื่อเจาของเร่ืองเดิมเสมอ โดยลงตามท่ีปรากฏในเอกสารท่ีอาง
ตัวอยาง
(กอรแมน, 2552, น. 20)
46
In-Text Citation
การอางหนังสือแปล
หากไมปรากฏเจาของเดิม ใหลงชื่อผูแปล โดยระบุ วาเปนผูแปลตอทาย
ตัวอยาง
(ชุติมา จูประเสริฐ (ผูแปล), 2552, น. 10)
(Anderson and Pearson (Trans.), 2010, p. 220)
47
In-Text Citation
การอางอิงเอกสารอิเล็กทรอนิกส
การอางถึงเอกสารหรือขอมูลอิเล็กทรอนิกสท่ีสืบคนจากฐานขอมูลออนไลน หรือเว็บไซตตาง ๆ ไดแก หนังสืออิเล็กทรอนิกส วารสารอิเล็กทรอนิกส
- ใหใชกฎเกณฑเดียวกับเอกสารท่ีเปนรูปเลม โดยระบุชื่อผูแตงและปพิมพ จะไมระบุเลขหนา ยกเวนตนฉบับมีหมายเลขกํากับ
ตัวอยาง (สมชาย ทวีสิน, 2556)
48
In-Text Citation
การอางอิงเอกสารอิเล็กทรอนิกส
หากตองการอางอิงขอมูลบางสวนในเนื้อเร่ืองจากเอกสารอิเล็กทรอนิกส
- ใหระบุหมายเลขประจําบทท่ีใชอางอิงได หรือตารางในตําแหนงท่ีเหมาะสม ท้ังนี้ ใหใชคํายอสําหรับคําวา page หรือ chapter
ตัวอยาง (Leo & Costas, 2008, p. 343)
(Golnaz, 2008, chap. 2)
49
In-Text Citation
การอางอิงเอกสารอิเล็กทรอนิกส
ในกรณีท่ีเอกสารนั้นไมระบุเลขหนา
- ใหใชเลขของยอหนาแทน โดยใชคํายอวา para. แทนคําวา paragraph แลวตามดวยหมายเลขยอหนา
ตัวอยาง
(Mourald, 2008, Conclusion section, para. 1)
50
In-Text Citation
การอางอิงเอกสารอิเล็กทรอนิกส
ในกรณีท่ีตองการอางขอมูลจากเว็บไซตท้ังเว็บไซด การอางอิงไมจําเปนตองระบุรายการนี้ไวในรายการอางอิงทายเลม ใชการอางท่ีอยูของเว็บไซต (URL) แทน
ตัวอยาง (http://www.wu.ac.th)
51
Bibliography
หนังสือทั่วไป
รูปแบบ
ชื่อผูแตง./(ปท่ีพิมพ )./ชื่อเร่ือง /คร้ังท่ีพิมพ (พิมพคร้ังท่ี 2 เปนตนไป). /สถานท่ีพิมพ :/สํานักพิมพ.
52
Bibliography
ตัวอยาง
Crochemore, M. (2012). Algorithms for String.
New York, NY: Willey.
หมายเหตุ บรรทัดที่สองเปนตนไปจะตองยอหนาเขาไป 1 ระยะเสมอ
53
Bibliography
ช่ือผูแตง
ผูแตง 1 คน
- ผูแตงชาวไทย ใหใสชื่อและนามสกุลโดยไมตองใสคํานําหนาชื่อ ไมวาเอกสารจะเปนภาษาไทยหรือตางประเทศ ยกเวนราชทินนาม ฐานันดรศักด์ิ ใหนําไปใสทายชื่อโดยใช เคร่ืองหมายจุลภาค (,) คั่นระหวางชื่อกับราชทินนามและฐานันดรศักด์ิ สวนสมณศักด์ิใหคงรูปตามเดิม
ตัวอยาง สุขุมพันธ บริพัตร, ม.ร.ว.
54
Bibliography
ช่ือผูแตง
ผูแตง 1 คน
- ผูแตงชาวตางประเทศ ใหข้ึนตนดวยชือ่สกุล ตามดวยตัวอักษรยอชือ่ตนโดยเวน 1 ระยะ และอักษรยอชื่อกลาง (ถามี) ทั้งนี้ การกลับชื่อสกุลใหใชตามความนยิมของคนในชาตินั้น โดยใชเครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นระหวางชือ่สกุลและอักษรยอชื่อตน อักษรยอชื่อกลางและกรณีที่ผู แตงมีคําตอทาย เชน Jr. หรือคําอื่นๆ ใหใสคาํดังกลาวตอทายอักษรยอชื่อตนหรืออักษรยอชื่อกลาง (ถามี ) โดยคั่นดวยเครื่องหมายจลุภาค (,)
55
Bibliography
ตัวอยาง
Luis, N. R.
56
Bibliography
ช่ือผูแตง กรณีหนังสือท่ีไมปรากฏชื่อผูแตง แตมีบรรณาธิการหรือผู
รวบรวม และตองการอางถึงหนังสือท้ังเลม
- ใหใสชื่อบรรณาธิการหรือผูรวบรวมแทนผูแตง โดยงานที่เปนภาษาไทยใหใชคําวา "บรรณาธิการ" หรือ “ผูรวบรวม” หากเปนภาษาตางประเทศใหใชคํายอวา "Ed." หรือ "Eds." สําหรับบรรณาธิการ และคํายอวา “Comp.” หรือ “Comps.” สําหรับผูรวบรวม ใสไวหลังชื่อผูแตงในเครื่องหมายวงเล็บ ( )
ตัวอยาง
Luis, N. R. (Ed.)
57
Bibliography
ช่ือผูแตง กรณีมีผูแตง 2 คน
- ใหใสชื่อทั้งสองคนตามลําดับที่ปรากฏ เชื่อมดวยคําวา “และ” ระหวางคนที่ 1 และคนที่ 2 โดยเวน 1 ระยะกอนและหลัง
- หากเปนภาษาอังกฤษ ใหเชือ่มดวยเครื่องหมาย “&” โดยใชชื่อสกุลมากอน ตามดวยอักษรยอชือ่ตนและอักษรยอชือ่กลาง โดยเวน 1 ระยะกอนและหลัง
58
Bibliography
ตัวอยาง
Ken, T., & Mary, N.
ยิ่งยศ บัวบาน และ มยุรี สนิทพิมพ
59
Bibliography
ช่ือผูแตง กรณีมีผูแตง 3-7 คน
- ใหใสชื่อผูแตงทุกคน โดยใชเครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นผู แตงแตละคน และใชคําวา “และ” กอนชื่อผูแตงคนสุดทาย
- ในกรณทีี่เปนผูแตงชาวตางประเทศใหใสชื่อผูแตงทุกคน โดยใชเครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นระหวางผูแตงแตละคน และใช เครื่องหมาย “&” กอนชื่อผูแตงคนสุดทาย โดยเวน 1 ระยะ
60
Bibliography
ตัวอยาง
Ken, T., Brook, A & Mary, N.
ยิ่งยศ บัวบาน, อํานาจ ปญญา และ มยุรี สนิทพิมพ
61
Bibliography
ช่ือผูแตง กรณีท่ีผูแตงเปนสถาบัน
- ใหลงชื่อสถาบันนั้น ๆ ตามที่ปรากฏ และเวนวรรคจากชื่อหนวยใหญไปหาชื่อหนวยงานยอย
ตัวอยาง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร คณะวศิวกรรมศาสตร ภาควิชาวิศวกรรมโยธา.
ธนาคารแหงประเทศไทย.
62
Bibliography
ปที่พิมพ ใหระบุเฉพาะตัวเลข ไมตองระบุคําวา พ.ศ. หรือ ค.ศ. ไวใน
เครื่องหมายวงเล็บ ( )
หากกรณไีมมีปพิมพ แตมีปลิขสิทธิ์ (copyright) ใหใสปลิขสิทธิ์แทน โดยไมตองใสตัวอักษร c กํากับ
หากไมปรากฏปที่พิมพ ใหใส ม.ป.ป. หมายถึง ไมปรากฏป ที่พิมพสําหรับงานที่เปนภาษาไทย และใส n.d. หมายถึง no date สําหรับงานที่เปนภาษาตางประเทศแทน โดยใสไวในเครื่องหมายวงเล็บเหล่ียม [ ] เชน [ม.ป.ป.]. หรือ [n.d.].
63
Bibliography
ตัวอยาง
(2012)
[2012]
[n.d.]
[ม.ป.ป.]
64
Bibliography
ช่ือหนังสือหรือช่ือเรื่อง ใหเขียนตามที่ปรากฏในหนาปกในของหนังสือ โดยใหพิมพ
เปนตัวเอนหรือตัวหนาก็ได แตหากใชรูปแบบใดใหใชแบบนั้นตลอดทั้งเลม
ชื่อเรื่องที่เปนภาษาตางประเทศ ใหพมิพอักษรตัวพิมพใหญ (capital letter) เฉพาะคําแรกของชื่อเรื่อง ชือ่เรื่องรอง (หากมีมักปรากฏอยูหลังเครื่องหมายทวภิาค (:)) และชื่อเฉพาะและหากภายในชือ่เรื่องมีคาํยอ ใหพิมพตามที่ปรากฏในเอกสารตนฉบับ
65
Bibliography
ช่ือหนังสือหรือช่ือเรื่อง หากมชีื่อเรือ่งรอง (sub-title) ซ่ึงมักจะเปนคําอธบิายชื่อเรือ่ง
ใหใสตามหลังชื่อเรื่องหลัก คั่นดวยเครื่องหมายทวภิาค ( : ) แตหากมีภาษาตางประเทศกํากับ ใหใสเฉพาะชื่อภาษาไทย
หากชื่อเรื่องมีทั้งภาษาไทยและภาษาตางประเทศ ใหใสเฉพาะภาษาไทย
66
Bibliography
ตัวอยาง
Crochemore, M. (2012). Algorithms for String.
New York, NY: Willey.
67
Bibliography
ครั้งที่พิมพ ใหใสครั้งที่พิมพต้ังแตครั้งที่สองเปนตนไปหรือเปนการ
จัดพิมพใหมที่มีการแกไข ใหระบุขอความกํากับไวตามหลังชื่อเรื่อง โดยใสไวในเครื่องหมายวงเล็บ ( ) และเวน 1 ระยะจากชื่อเรื่อง ไมวาชื่อเรื่องจะอยูในตําแหนงใด
หากเปนภาษาตางประเทศให ระบุลําดับที่ของการนับตัวเลขดวย
68
Bibliography
สถานที่พิมพ ใหลงชื่อเมืองและรัฐซ่ึงเปนที่ต้ังของสํานักพิมพตามที่ปรากฏ
ในหนาปกใน โดยหากเปนสํานักพิมพที่อยูนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ใหใสชื่อเมอืงและตามดวยชื่อประเทศเปนชือ่เต็มเสมอ
ยกเวน ชื่อเมอืงหรือรัฐของประเทศสหรัฐอเมรกิา ใหใสชื่อรัฐและตามดวยอักษรยอชื่อเมือง 2 ตัวที่ไดกําหนดไว คั่นดวยเครื่องหมายจุลภาค ( , ) และเวน 1 ระยะหลังเครื่องหมาย
69
Bibliography
ตัวอยาง
Crochemore, M. (2012). Algorithms for String.
New York, NY: Willey.
70
Bibliography
สํานักพิมพหรือผูจัดพมิพ ใหระบุชื่อสํานักพิมพหรือผูจัดพิมพตามที่ปรากฏในหนาปกใน
หากมีหลายสํานักพิมพ ใหใสชื่อสํานักพิมพแรกหรือชื่อสํานักพิมพที่พิมพดวยอักษรตัวเขมหรือตัวใหญเปนพิเศษ
หากไมปรากฏชื่อสํานักพิมพทั้งในหนาปกใน หลังหนาปกใน ใหใสชื่อโรงพิมพแทน
หากเปนส่ิงพิมพที่ผลิตโดยหนวยงานของรัฐ ใหใสชื่อสถาบันเปนสํานักพิมพได
71
Bibliography
การอางหนังสือแปล หนังสือที่แปลจากภาษาตางประเทศเปนภาษาไทย ใหลง
รายการเหมอืนหนังสือ แตรายการผูแตงใหใสชื่อผูเขียนภาษาเดิม และใหใสชื่อผูแปลดานหลังรายการชื่อเรื่องเดิม หากไมทราบชื่อเรื่องเดิมใหใสตอจากชื่อเรื่องภาษาไทย
รูปแบบ
ชือ่ผูแตง./(ปพิมพ )./ชื่อเรือ่ง./แปลจาก ชื่อเรือ่งเดิม(ถามี )./แปลโดย (ชื่อผูแปล)./ สถานที่พิมพ :/สํานักพิมพ .
72
Bibliography
การอางอิงบทความในหนังสือ กรณีที่ตองการอางอิงบางสวนของหนังสือหรือบทความที่
เขียนไวในหนังสือประเภทหนังสือรวมบทความ เอกสารประกอบการสัมมนา หรือหนังสือที่แบงออกเปนบท ๆ โดยที่มีเนื้อหาไมตอเนื่อง สามารถเขียนรายการอางอิงได ดังนี้
รูปแบบ
ชื่อผูเขียนบทความ./(ปพิมพ )./ชื่อบทความ./ใน/ชือ่ผูแตง (บรรณาธิการ),/ชื่อหนังสือ/(ครั้งที่พิมพ ),/ เลขหนาที่ปรากฏบทความจากหนาใดถึงหนาใด)./สถานที่พิมพ :/สํานักพิมพ .
73
Bibliography
การอางอิงบทความจากวารสาร หนังสือพิมพ และสารานุกรม กรณีบทความปกติตีพิมพ ในวารสาร
รูปแบบ
ชื่อผูเขียนบทความ./(ปพิมพ )./ชื่อบทความ./ชือ่วารสาร,/ปที่ (ฉบับที่),/เลขหนาที่ปรากฎ.
74
Bibliography
ตัวอยาง
Tishler, M. (2002). Computational Biology.
Lecture Note in Computer Science, 120, 20-30.
75
Bibliography
- ชื่อผูเขียนบทความ และชื่อวารสาร ใหใชหลักเกณฑเดียวกบัชื่อผูแตงหนังสือ
- ปพิมพของวารสาร ใหใสปพิมพของวารสาร ในกรณีที่มีเดือน หรือวันที่และเดือน
หากเปนบทความภาษาไทย ใหลงชื่อเดือนตามดวยปพิมพ หรือวันทีเ่ดือนและปพิมพ ในเครือ่งหมายวงเล็บ ( )
หากเปนบทความภาษาตางประเทศใหลงชื่อเดือนตอจากปพิมพ คั่นดวยเครื่องหมายจุลภาค (,) หากมวีันที่ดวยใหลงชื่อเดือน ตามดวยวันที่ โดยเวน 1 ระยะ
76
Bibliography
- ปท่ีหรือเลมท่ีของวารสาร ใหใสเฉพาะหมายเลขปที่หรือเลมที่ (volume) ของวารสาร และใชตัวอักษรตัวเอนเชนเดียวกับชื่อวารสาร
- เลขหนา ใหใสเฉพาะหมายเลขหนาแรกและหนาสุดทายของบทความ คั่นดวยเครื่องหมายยัติภังค (-) โดยไมตองระบุอักษรยอคําวา “น.” สําหรับบทความภาษาไทย และคําวา “p.” หรือ “pp.” สําหรับบทความภาษาตางประเทศ หากกรณีที่เลขหนาไมตอเนื่องกนั ใหใสเลขหนาทั้งหมด โดยใชเครือ่งหมายจุลภาคคั่น (,) แตละหนา
77
Bibliography
การอางอิงวิทยานิพนธ (Thesis & Dissertation) กรณีวิทยานิพนธท่ัวไป
- วิทยานิพนธระดับปริญญามหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต
- รูปแบบ
ชื่อผูเขียนวิทยานิพนธ./(ปพิมพ)./ชื่อวิทยานิพนธ./ (วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑิตหรือวทิยานิพนธปริญญาดุษฎีบัณฑิต,/ชื่อมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา).
78
Bibliography
ตัวอยาง
เดชา พุทธะ. (2553). ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส. (วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑติ, มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ).
79
Bibliography
การอางอิงวิทยานิพนธ (Thesis & Dissertation) กรณีบทคัดยอวิทยานิพนธจากหนังสือประเภทดัชนีและ
สาระสังเขป
- รูปแบบ
ชื่อผูเขียนวิทยานิพนธ./(ปพิมพของเอกสารหรือวารสาร)./ชื่อวิทยานิพนธ./(ระดับปริญญา,/ ชื่อมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา, ปพิมพวิทยานิพนธ ). ชื่อวารสาร,/ปที่,/ เลขหนา.
80
Bibliography
การอางอิงเอกสารสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส ชื่อผูแตง
- ใหระบุชื่อผูเขียนบทความในกรณทีี่เปนกลุมส่ิงพิมพตอเนื่องออนไลน แตหากไมมีใหระบุผูรับผิดชอบหลักหรือบรรณาธิการในการสรางแฟมขอมูล เว็บไซต เว็บเพจ โดยใชวธิีการเขียนตามหลักเกณฑของการเขียนชื่อผูแตงของหนังสือ
81
Bibliography
การอางอิงเอกสารสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส ชื่อเรื่อง
- ใหระบุชื่อเรื่องตามที่ปรากฏ สามารถใชชื่อแฟมขอมูล ชื่อโปรแกรมคอมพิวเตอร ชือ่เว็บไซต หรือ ชือ่เว็บเพจก็ได โดยระบุในลักษณะเดียวกับชือ่เรือ่งของหนังสือ
82
Bibliography
การอางอิงเอกสารสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส แหลงขอมูลท่ีเขาถึงได
- ใหระบุแหลงที่เขาถึงตอทายคําวา เขาถึงจาก สําหรับภาษาไทย หรือ Retrieved from สําหรับภาษาตางประเทศ แหลงที่เขาถึงได ใหระบุรายละเอียดที่เขาแหลงที่สืบคนไดอยางเจาะจงที่สุด
83
Bibliography
1. การพิมพ URL หากตองแยกบรรทัดใหมใหข้ึนบรรทัดใหมหลัง
เครื่องหมายทับ (/) หรือกอนเครื่องหมายมหัพภาค (.) และไมใหมี
เครื่องหมายยัติภังค (–) สําหรับการพิมพที่ตองแยกรายการ URL
2. ไมตองใสเครื่องหมายมหัพภาค (.) หลัง URL หรือเว็บไซต
3. ขอมูล URL หรือเว็บไซตที่นํามาอางอิงควรเปนขอมูลวิชาการ และอยูใน URLหรือเว็บไซตที่ถาวร
4. ใหใส URL หรือเว็บไซตที่เชื่อมโยงไปยังขอมูลที่นํามาอางอิงโดยตรง
84
Bibliography
การอางอิงเอกสารสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส กลุมสิ่งพิมพตอเนื่องออนไลน (Online periodicals)
ไดแก บทความในวารสารอิเล็กทรอนิกส บทความอิเล็กทรอนิกสของรายงานการประชุม บทความในจดหมายขาวอิเล็กทรอนิกส ซ่ึงสามารถสืบคนผานระบบออนไลน
- รูปแบบ
ชื่อผูแตง./(ปพิมพ)./ชื่อบทความ. [Electronic version | ขอมูลอิเล็กทรอนิกส]. ชื่อวารสาร, ปที่ (ฉบับที่), เลขหนา-เลขหนา.