wiki.kpi.ac.thwiki.kpi.ac.th/images/f/f1/kpi_122.pdfจ กรนาท นาคทอง และ...
TRANSCRIPT
-
เอกสารประกอบการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 ประจำปี 2553 เล่ม 2 “คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทย” (Social Quality and Quality of Thai Democracy)
สถาบันพระปกเกล้า
ISBN:978-974-449-554-9
พิมพ์ครั้งที่1 ตุลาคม2553
จำนวนพิมพ์
1100เล่ม
ลิขสิทธิ์
สถาบันพระปกเกล้า
จัดพิมพ์โดย สถาบันพระปกเกล้า
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ80พรรษาฯอาคารบีชั้น5(โซนทิศใต้)
เลขที่120หมู่3ถนนแจ้งวัฒนะแขวงทุ่งสองห้องเขตหลักสี่กรุงเทพฯ10210
โทรศัพท์02-141-9600
โทรสาร02-143-8174
เว็บไซต์www.kpi.ac.th
พิมพ์ที่ สเจริญการพิมพ์
1510/10ถนนประชาราษฎร์1แขวงบางซื่อ
เขตบางซื่อกรุงเทพมหานคร10800
โทรศัพท์02-913-2080,โทรสาร02-913-2081
นางจรินพร
เสนีวงศ์ณอยุธยาผู้พิมพ์ผู้โฆษณา
-
�คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คุณภาพประชาธิปไตยและคุณภาพทางสังคม:ความเชื่อมโยงที่จำเป็น 7
ไชยวัฒน์ ค้ำชู และนิธิ เนื่องจำนงค์
การประชุมกลุ่มย่อยที่1 37
การปฏิรูประบบโครงสร้างสถาบันการเมืองกับการเสริมสร้างพลังทางสังคม
การเลือกตั้งฝ่ายบริหารโดยตรงกับการเสริมสร้างพลังอำนาจแก่สังคม 39
ศาสตราจารย์ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์
การสร้างพรรคการเมืองของประชาชน 61
สุรนันทน์ เวชชาชีวะ
การตรวจสอบกลไกการทำงานของระบบราชการด้วยแนวทางเสริมพลัง 73
นิภาพรรณ เจนสันติกุล
การประชุมกลุ่มย่อยที่2 87
ประชาธิปไตยเชิงกระบวนการกับการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม
ประชาธิปไตยแห่งการสานเสวนาหาทางออก:ทางออกของประเทศไทย 89
ศ. นพ.วันชัย วัฒนศัพท์
ความสมานฉันท์ทางสังคมสถาบันการเมืองและการพัฒนาประเทศ 95
สุรสิทธิ์ วชิรขจร
สภาองค์กรชุมชนขับเคลื่อนการเมืองภาคพลเมืองเพื่อชุมชนสมานฉันท์ 103
เฉลิมศักดิ์ บุญนำ
การประชุมกลุ่มย่อยที่3 129
การสร้างค่านิยมประชาธิปไตยกับสังคมที่มีคุณภาพ
ประชาธิปไตยในชีวิตประจำวัน 131
กฤษฎา แก้วเกลี้ยง
การสร้างค่านิยมประชาธิปไตยในสถาบันอุดมศึกษาเพื่อสังคมคุณภาพ 159
ดร.วรวรรณ ศรีตะลานุกค์ และ ดร.สุวิมล ธนะผลเลิศ
สิทธิชุมชน:คุณค่าของท้องถิ่นสู่การสร้างคุณภาพสังคม 177
วิศรุตา ทองแกมแก้ว
การประชุมกลุ่มย่อยที่4 195
ประสิทธิผลของประชาธิปไตย:ความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคม
และการเสริมพลังทางกฎหมายของคนจน
ประชาธิปไตย:เท่ดีแต่กินได้หรือ? 197
ศ.ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี
เอกสารภูมิหลังการเสริมพลังทางกฎหมายของคนจนสำหรับชนส่วนน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ 207
ในประเทศไทย
ชูพินิจ เกษมณี
-
� การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
สารบัญ
เรื่อง หน้า
การจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วมในระดับองค์การบริหารส่วนตำบล: 233
ฤาเสียงของประชาชนจะมีความหมาย?
ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ
รัฐสวัสดิการกับความเป็นไปได้ในสังคมไทย: 235
ศึกษาเปรียบเทียบสวัสดิการไทยภายใต้ประชาธิปไตยแบบสฤษดิ์–ทักษิณ
วีระ หวังสัจจะโชค
การประชุมกลุ่มย่อยที่5 275
นวัตกรรมประชาธิปไตยเพื่อคุณภาพสังคมไทย
นวัตกรรมสร้างประชาธิปไตยฐานรากจากชุมชนเข้มแข็ง: 277
โครงการบูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจนพัฒนาสังคมและสุขภาวะจังหวัดกาฬสินธุ์
ดร.สม นาสอ้าน และคณะ
ประชาธิปไตยชุมชนประชาธิปไตยเพื่อคุณภาพสังคมไทย 291
ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ
ชุมชนสมานฉันท์ประชาธิปไตยระดับรากหญ้าที่ตำบลน้ำเกี๋ยนอำเภอภูเพียงจังหวัดน่าน 299
ชูศิลป์ สารรัตนะ
บล็อก(Blog)เฟซบุ๊ค(Facebook)และทวิตเตอร์(Twitter): 309
สื่อทางเลือกเพื่อสังคมประชาธิปไตย
จักรนาท นาคทอง และ สุวิดา ธรรมมณีวงศ์
เครือข่าย:นวัตกรรมการจัดการเพื่อประชาธิปไตยและประโยชน์สาธารณะ 329
จามรี จำปา
บทบาทของอินเทอร์เน็ตกับการเสริมสร้างพลังทางสังคมประชาธิปไตย 349
ทศพนธ์ นรทัศน์
ประวัติวิทยากรการประชุมกลุ่มย่อยที่1 379
ประวัติวิทยากรการประชุมกลุ่มย่อยที่2 387
ประวัติวิทยากรการประชุมกลุ่มย่อยที่3 393
ประวัติวิทยากรการประชุมกลุ่มย่อยที่4 401
ประวัติวิทยากรการประชุมกลุ่มย่อยที่5 409
ประวัติผู้ดำเนินรายการกลุ่มย่อย 417
ประวัติผู้สรุปและนำเสนอผลการประชุม 429
-
คุณภาพประชาธิปไตย และคุณภาพทางสังคม Quality of Democracy and Social Quality
-
�คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
คุณภาพประชาธิปไตย และคุณภาพทางสังคม: ความเชื่อมโยงที่จำเป็น (Quality of Democracy and Social Quality: Essential Linkage)
ไชยวัฒน์ ค้ำชู นิธิ เนื่องจำนงค์
I. ความนำ
ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาแวดวงวิชาการทางด้านสังคมศาสตร์ ในฝั่ งตะวันตกได้พบกับ
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญในสองสาขาด้วยกันกล่าวคือในสาขาสังคมวิทยาและนโยบายสาธารณะในด้าน
สังคมของยุโรปได้เกิดแนวคิดเรื่องคุณภาพทางสังคม(social
quality)และในสาขารัฐศาสตร์และการเมืองเปรียบเทียบ
โดยเฉพาะในฝั่ งอ เมริกาได้ เกิดแนวคิด เรื่ องคุณภาพ
ประชาธิปไตย(qualityofdemocracy)การเกิดขึ้นมาของ
แนวคิดทั้งสองในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนี้หากพิจารณาอย่าง
ผิวเผินจะพบว่าแนวคิดทั้งสองแทบไม่มีความเกี่ยวพันกัน
แต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่มาจากคนละฝั่ง
มหาสมุทรหรือบริบทในการก่อกำเนิดที่แนวคิดคุณภาพทาง
สังคมเกิดขึ้นมาเพื่อรับมือกับกระแสแรงกดดันที่มีต่อรัฐ
สวัสดิการของยุโรปทั้งจากอิทธิพลของโลกาภิวัตน์การขยาย
การรวมกลุ่มระดับภูมิภาคความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ
-
10 การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
ประชากรของยุโรป1แต่แนวคิดคุณภาพประชาธิปไตยเกิดขึ้นจากความท้าทายของ“วิกฤตประชาธิปไตย”
ในลักษณะต่างๆอาทิความเชื่อมั่นที่ลดลงของประชาชนต่อสถาบันการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ทัศนคติของประชาชนที่มองว่ารัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยประสบปัญหาคอร์รัปชั่นและไม่ตอบสนองต่อ
ความต้องการของประชาชนซึ่งปัญหาเหล่านี้พบได้ทั่วไปทั้งประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่และประเทศที่
เป็นประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน2
เนื่องจากความแตกต่างในลักษณะข้างต้นของแนวคิดทั้งสองทำให้ที่ผ่านมายังไม่มีงานที่ศึกษาความ
เชื่อมโยงหรือความเกี่ยวพันของแนวคิดทั้งสองอย่างจริงจังมีเพียงการตั้งคำถามเชิงวิพากษ์จากมาร์ค
แพลตต์เนอร์(MarcPlattner)ที่ถามว่า“เราจะสามารถประเมินคุณภาพประชาธิปไตยอย่างเต็มที่โดยปราศ
จากการพิจารณาคุณภาพชีวิต(qualityoflife)ได้หรือไม่?”3ทั้งนี้แนวคิดเรื่องคุณภาพของชีวิตนับเป็น
แนวคิดที่มีมาก่อนหน้าแนวคิดคุณภาพทางสังคมโดยแนวคิดคุณภาพทางสังคมเกิดขึ้นมาเพื่อพัฒนา
คำอธิบายของแนวคิดคุณภาพชีวิตที่มองมนุษย์ในระดับปัจเจกชนมากเกินไปและต้องการเพิ่มมิติในทาง
สังคมให้กับแนวคิด4ดังนั้นเราจึงอาจกล่าวได้ว่าการตั้งประเด็นคำถามดังกล่าวเป็นความพยายามแรกๆ
ที่เสนอให้พิจารณาแสวงหาความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดคุณภาพประชาธิปไตยและแนวคิดคุณภาพทาง
สังคมบทความชิ้นนี้ต้องการที่จะตอบคำถามที่แพลตต์เนอร์ตั้งไว้ข้างต้นโดยเปลี่ยนจากแนวคิดเรื่อง
คุณภาพชีวิตเป็นแนวคิดเรื่องคุณภาพทางสังคมด้วยเหตุนี้คำถามหลักของบทความชิ้นนี้คือ“เราจะ
สามารถประเมินคุณภาพประชาธิปไตยอย่างเต็มที่โดยปราศจากการพิจารณาคุณภาพทางสังคมได้หรือไม่?”
และ“อะไรคือความเชื่อมโยงที่จำเป็นระหว่างแนวคิดคุณภาพทางสังคมและคุณภาพประชาธิปไตย?”
สมมติฐานเบื้องต้นของบทความนี้คือแนวคิดเรื่องคุณภาพประชาธิปไตยสามารถเสริมหรือเติมเต็ม
ให้กับมิติทางการเมืองที่ขาดหายไปในการศึกษาคุณภาพทางสังคมในทำนองเดียวกันแนวคิดเรื่องคุณภาพ
ทางสังคมสามารถอุดช่องว่างของการศึกษาคุณภาพประชาธิปไตยที่มุ่งเน้นแต่มิติเชิงสถาบันของระบอบ
ประชาธิปไตยมากเกินไปจนอาจขาดน้ำหนักที่ให้ต่อมิติทางสังคมที่แวดล้อมการทำงานของประชาธิปไตย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือแนวคิดทั้งสองนั้นต่างเสริมซึ่งกันและกันนอกจากแนวคิดทั้งสองจะอุดช่องว่าง
คำอธิบายที่แต่ละแนวคิดอาจมองแบบแยกส่วนแล้วบทความชิ้นนี้จะชี้ให้เห็นว่าแนวคิดทั้งสองส่งผลกระทบ
ในทางบวกต่อกันอีกด้วยกล่าวคือคุณภาพทางสังคมเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพ
ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนในขณะเดียวกันประชาธิปไตยที่มีคุณภาพเป็นเงื่อนไขที่สำคัญต่อการพัฒนา
คุณภาพทางสังคม
ในการพิสูจน์สมมติฐานข้างต้นผู้เขียนจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงเชิงเหตุ-ผล(causal
mechanism)ระหว่างแนวคิดทั้งสองและองค์ประกอบสำคัญที่แนวคิดทั้งสองคาบเกี่ยวหรือทับซ้อนกัน
1 ดูนิธิเนื่องจำนงค์.“ตรรกะของแนวคิดคุณภาพทางสังคม(ของยุโรป):สู่สังคมยุคหลังรัฐสวัสดิการ”.บทความนำ
เสนอในงานสัมมนา“คุณภาพสังคม…สังคมคุณภาพ”.สถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเครือข่ายการ
ศึกษาคุณภาพสังคมแห่งประเทศไทย.กันยายน2553.
2 LarryDiamondandLeonardoMorlino.“TheQualityofDemocracy”.InLarryDiamondandLeonardo
Morlino.eds.AssessingtheQualityofDemocracy.(Baltimore:TheJohnsHopkinsUniversityPress,2005).p.ix.
3 MarcPlattner.“ASkepticalPerspective”,inLarryDiamondandLeonardoMorlino.eds.Assessingthe
QualityofDemocracy.(Baltimore:TheJohnsHopkinsUniversityPress,2005).p.81.
4 ดูนธิิเนือ่งจำนงค.์“ตรรกะของแนวคดิคณุภาพทางสงัคม”.และClaireWallaceandPamelaAbbott,“Fromquality
oflifetosocialquality:RelevanceforworkandcareinEurope”,CalitateaVietii18:1/2(2007):pp.109-110.
-
11คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
(overlap)โดยนอกจากจะพิจารณาในมิติทางทฤษฎีแล้วยังจะพยายามหยิบยกกรณีตัวอย่างเชิงประจักษ์มา
ประกอบเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย
ในการนี้ผู้เขียนจะจัดลำดับการนำเสนอออกเป็นสี่ส่วนโดย
ส่วนถัดมาจะกล่าวถึงแนวคิดทั้งสองอย่างสังเขปทั้งในแง่ขององค์ประกอบและบริบทที่แวดล้อมการเกิดขึ้น
มาของแนวคิดทั้งสองจากนั้นผู้เขียนจะกล่าวถึงความเชื่อมโยงของแนวคิดทั้งสองและองค์ประกอบของ
แนวคิดทั้งสองว่ามีความคาบเกี่ยวทับซ้อนกันอย่างไรพร้อมทั้งยกตัวอย่างในเชิงประจักษ์ก่อนที่จะสรุป
ภาพรวมทั้งหมดในส่วนสุดท้าย
II. คุณภาพประชาธิปไตย
แนวคิดเรื่องคุณภาพประชาธิปไตยอาจกล่าวได้ว่าเป็นกระแสทางทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย
ระลอกล่าสุดหลังจากที่ความสนใจในการศึกษาประชาธิปไตยได้เพิ่มสูงขึ้นในยุคหลังสงครามเย็นซึ่งเป็น
ช่วงเวลาเดียวกับที่กระแสประชาธิปไตยคลื่นลูกที่สาม(thethirdwaveofdemocratization)กำลังพัดผ่าน
เนื่องจากประชาธิปไตยคลื่นลูกที่สามเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระบอบจากระบอบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย
ไปสู่ประชาธิปไตย(democratization)ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็นสี่ขั้นได้แก่ขั้นแรกการล่มสลายของการ
ปกครองภายใต้ระบอบอำนาจนิยมขั้นที่สองช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยขั้นที่สามช่วงการสร้าง
ความเข้มแข็งให้กับประชาธิปไตยและขั้นที่สี่ช่วงที่ประชาธิปไตยมั่นคง5สิ่งที่นักวิชาการที่ศึกษา
ประชาธิปไตยในช่วงนี้เป็นกังวลมากที่สุดคือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน(democratictransition)ที่อาจมี
ความอ่อนไหวหรือความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศที่ทำการเปลี่ยนผ่านจะหันกลับไปเป็นเผด็จการหรืออาจเรียกได้
ว่าปรากฎการณ์ประชาธิปไตยย้อนกลับ(reversewaveofdemocratizationหรือdemocraticrollback)6
โดยซามูเอลฮันทิงตัน(SamuelHuntington)ผู้ตั้งข้อสังเกตถึงการก่อตัวของคลื่นประชาธิปไตยลูกที่สาม
ได้ชี้ว่าคลื่นประชาธิปไตยสองลูกแรกล้วนแล้วแต่ตามมาด้วยคลื่นประชาธิปไตยย้อนกลับ7
จากความกังวลดังกล่าวทำให้ประเด็นสำคัญที่อาจกล่าวได้ว่าได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วง
ทศวรรษที่1990คือประเด็นการสร้างความแข็งแกร่งหรือความมั่นคงและยั่งยืนให้กับประชาธิปไตย
(democraticconsolidationหรือconsolidationofdemocracy)ความสนใจดังกล่าวนี้แตกต่างจากในช่วง
ทศวรรษที่1960ถึง70ซึ่งในช่วงเวลานั้นประเด็นที่ดูจะได้รับความสนใจมากที่สุดในการศึกษา
ประชาธิปไตยคือการแสวงหาพื้นฐานหรือเงื่อนไขที่จำเป็นต่อประชาธิปไตย8โดยงานที่เป็นภาพสะท้อนของ
5
ดูDohChullShin.“OntheThirdWaveofDemocratization:ASynthesisandEvaluationofRecentTheory
andResearch”.WorldPolitics.47(October1994).p.143.ทั้งนี้การจำแนกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงระบอบ
ไปสู่ประชาธิปไตยของนักวิชาการแต่ละคนอาจแตกต่างกันอาทิการแบ่งของอันเดรสเชดเลอร์ที่จำแนกเป็นขั้นแรก
เผด็จการอำนาจนิยมที่เข้มแข็งขั้นที่สองเผด็จการอำนาจนิยมที่อ่อนแอขั้นที่สามประชาธิปไตยอ่อนแอและขั้นที่สี่
ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งดูAndreasSchedler.“TakingUncertaintySeriously:TheBlurredboundariesof
DemocraticTransitionandConsolidation”,Democratization.8:4(Winter2001).p.6.
6
LarryDiamond.“TheDemocraticRollback:TheResurgenceofthePredatoryState”.ForeignAffairs.87:2
(Mar/Apr2008):36-48.
7
SamuelHuntington.TheThirdWave:DemocratizationintheLateTwentiethCentury.(Oklahoma:University
ofOklahomaPress,1991).pp.290-295.
8
Shin.“OntheThirdWaveofDemocratization”.pp.138-139.
-
12 การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
การศึกษาในช่วงเวลาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีคืองานของเซย์มูร์มาร์ตินลิปเซต(SeymourMartinLipset)
ที่ชี้ให้เห็นถึงรากฐานทางสังคมที่จำเป็นสำหรับประชาธิปไตยโดยชี้ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจมีสหสัมพันธ์กับ
ประชาธิปไตยเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจทำให้รายได้ประชากรสูงขึ้นความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากขึ้น
และการศึกษาสูงขึ้นซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนโครงสร้างชนชั้นสังคมในทิศทางที่ชนชั้นกลางจะขยายฐานมาก
ขึ้นและจากชนชั้นกลางที่มีมากขึ้นนี้เองที่จะมีบทบาทเป็นตัวกลางในการลดระดับความขัดแย้งภายในสังคม
ไม่ให้สุดโต่ง9
ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือในช่วงก่อนหน้านี้(ทศวรรษที่1960-70s)การศึกษา
ประชาธิปไตยมักได้รับอิทธิพลจากทฤษฎีการทำให้ทันสมัย(modernizationtheory)ซึ่งมองพัฒนาการของ
ประชาธิปไตยเป็นเส้นตรงที่พัฒนาจากขั้นแรกจนถึงขั้นที่สี่ตามลำดับอย่างไรก็ตามการศึกษาในช่วง
ทศวรรษที่1990ภายใต้จุดมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาธิปไตยนั้นอยู่ภายใต้การ
ตระหนักว่าการพัฒนาประชาธิปไตยไม่ได้ดำเนินไปอย่างเป็นเส้นตรงดังที่ฮันทิงตันชี้ให้เห็นถึงการย้อนกลับ
ของประชาธิปไตยหรือดังที่อันเดรียสเชดเลอร์(AndreasSchedler)ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการ
ล่มสลายของประชาธิปไตย(democraticbreakdown)ซึ่งอาจเกิดในกรณีที่ระบอบประชาธิปไตยแบบ
เลือกตั้ง(electoraldemocracy)หรือระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม(liberaldemocracy)ล่มสลาย
กลับกลายเป็นระบอบการปกครองแบบเผด็จการอีกครั้งหนึ่งและการผุกร่อนของประชาธิปไตย
(democraticerosion)ซึ่งเกิดเมื่อระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมผุกร่อนกลายเป็นเพียงระบอบ
ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง10
แผนภาพที่ 1 ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย
เผด็จการอำนาจนิยม
ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง
ประชาธิปไตยเสรีนิยม
ประชาธิปไตยก้าวหน้า
ที่มา:ปรับปรุงจากAndreasSchedler.“WhatisDemocraticConsolidation?”.JournalofDemocracy.9:2(1998).
การศึกษาการสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาธิปไตยนอกจากจะมุ่งเน้นมิติความเปลี่ยนแปลงด้าน
ลบไม่ว่าจะเป็นการล่มสลายของประชาธิปไตยหรือการผุกร่อนของประชาธิปไตยแล้วยังให้ความสำคัญกับ
มิติความเปลี่ยนแปลงในด้านบวกไม่ว่าจะเป็นการทำประชาธิปไตยให้สมบูรณ์(completingdemocracy)
หรือการยกระดับประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งให้กลายเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมการหยั่งราก
ประชาธิปไตย(deepeningdemocracy)ที่ต้องการยกระดับประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นแบบเลือกตั้งหรือ
เสรีนิยมให้กลายเป็นประชาธิปไตยก้าวหน้า(advanceddemocracy)และการวางโครงสร้างให้กับ
ประชาธิปไตย(organizingdemocracy)ที่มุ่งเน้นการวางโครงสร้างเชิงสถาบันและกฎเกณฑ์ให้กับ
9
SeymourMartinLipset.“SomeSocialRequisitesofDemocracy:EconomicDevelopmentandPolitical
Legitimacy”.TheAmericanPoliticalScienceReview.53:1(March1959).pp.83-85.
10
AndreasSchedler.“WhatisDemocraticConsolidation?”.JournalofDemocracy.9:2(1998).pp.94-97.
-
13คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมให้เข้มแข็ง11อย่างไรก็ตามเชดเลอร์ชี้ว่าการรวมสองมิติเข้าด้วยกันสร้างความ
สับสนให้กับการศึกษาความแข็งแกร่งของประชาธิปไตยเป็นอย่างมากและเสนอว่าควรจำกัดขอบเขตของ
การศึกษาเพียงแค่มิติในด้านลบ12
สำหรับการศึกษาคุณภาพประชาธิปไตยนั้นหากพิจารณาจากเกณฑ์ที่เชดเลอร์จำแนกจะพบว่า
เกี่ยวข้องกับมิติในด้านบวกของการสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาธิปไตยหรือหากพิจารณาตามขั้นตอน
สี่ขั้นที่ชินโดชูล(ShinDohChull)เสนอไว้จะพบว่าคุณภาพประชาธิปไตยเกี่ยวข้องกับการยกระดับจากขั้น
ที่สาม(การสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาธิปไตย)ไปสู่ขั้นที่สี่(ประชาธิปไตยที่มั่นคง)ดังนั้นคงจะไม่
ผิดนักหากจะกล่าวว่าการที่จะมีคุณภาพประชาธิปไตยได้จำเป็นต้องมีประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน
ก่อนจอร์จโซเรนเซน(GeorgSorensen)ชี้ว่ากระบวนการสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาธิปไตยนั้น
เกี่ยวข้องกับหลายด้านทั้งการวางโครงสร้างสถาบันทางการเมืองความสามารถในการถ่ายโอนอำนาจ
ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมในทิศทางที่จะสร้างความยั่งยืน
และความชอบธรรมให้กับประชาธิปไตยและการที่วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยกลายเป็นที่
ยอมรับทั้งในหมู่ชนชั้นนำและมวลชน13ในภาพรวมตัวชี้วัดที่สำคัญของความมั่นคงและยั่งยืนของ
ประชาธิปไตยสามารถสรุปได้ดังตารางที่1
ตารางที่ 1 ตัวชี้วัดความมั่นคงและยั่งยืนของประชาธิปไตย
ระดับ ปทัสถานและความเชื่อ พฤติกรรม
ชนชั้นนำ ชนชั้นนำในทุกภาคส่วนเชื่อในความชอบธรรมของ
การปกครองแบบประชาธิปไตยและเห็นว่ า
ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด...
-ชนชัน้นำเคารพในสทิธิในการแขง่ขนัทางการเมอืง
ของฝ่ายต่างและหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้ผู้ติดตาม
ของตนใช้ความรุนแรงหรือวิธีการที่ผิดกฎหมาย
-ผู้นำทางการเมืองไม่พยายามที่จะใช้ทหารเพื่อ
ความได้เปรียบทางการเมืองของตน
องค์กร องค์กรที่ มี ความสำคัญทางการ เมื อง(อาทิ
พรรคการเมืองกลุ่มผลประโยชน์ขบวนการ
เคลื่อนไหวทางสังคม)ยอมรับในความชอบธรรม
ของประชาธิปไตย...
ไม่มีกลุ่มองค์กรใดที่พยายามล้มล้างประชาธิปไตย
หรือใช้วิถีทางความรุนแรงหรือแนวทางที่ผิด
กฎหมายในการแสวงหาอำนาจหรอืบรรลเุปา้ประสงค์
ทางการเมือง...
มวลชน -มากกว่าร้อยละ70ของมวลชนมีความเชื่ออย่าง
สม่ ำ เสมอว่ าประชาธิปไตยเป็นระบอบที่พึ ง
ปรารถนากว่าระบอบอื่น
-มวลชนน้อยกว่าร้อยละ15ต้องการการปกครอง
ในแบบเผด็จการอำนาจนิยม
ไม่ มี ค วาม เคลื่ อน ไหว ในลั กษณะที่ ต่ อต้ าน
ประชาธิปไตยและพลเมืองไม่ใช้ความรุนแรงหรือ
วิธีการที่ผิดกฎหมายในการเรียกร้องทางการเมือง
ที่มา:
ปรับปรุงจากLarryDiamond.Developing Democracy: Toward Consolidation.(Baltimore:JohnsHopkins
UniversityPress,1999).p.69.และGeorgSorensen.DemocracyandDemocratization.3rdedition.
(Boulder:WestviewPress,2008).p.52.
11
Ibid.pp.97-100.
12
Ibid.p.102.
13
GeorgSorensen.DemocracyandDemocratization.3rded.(Boulder:WestviewPress,2008).pp.51-53.
-
14 การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
ทั้งนี้ตัวชี้วัดที่สำคัญของการพิจารณาความมั่นคงและยั่งยืนของประชาธิปไตยดังที่ฮวนลินซ์และ
อัลเฟรดสเตฟาน(JuanLinzandAlfredStepan)ชี้ไว้คือหากตัวแสดงหรือกลุ่มทางการเมืองต่างๆ
ตระหนักร่วมกันว่าประชาธิปไตยเป็น“เกมเดียวเท่านั้นในเมือง”(theonlygameintown)หรือกล่าวอีกนัย
หนึ่งคือทุกฝ่ายยอมรับในความชอบธรรมของการปกครองแบบประชาธิปไตยทั้งกลุ่มการเมืองหรือชนชั้น
นำที่จะไม่พยายามโค่นล้มประชาธิปไตยเพื่อตอบสนองเป้าประสงค์ทางการเมืองและมวลชนที่เชื่อมั่นใน
กระบวนการทางการเมืองแบบประชาธิปไตยแม้ว่าจะประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองหรือทาง
เศรษฐกิจ14ลาร์รีไดมอนด์และมาร์คแพลตต์เนอร์(LarryDiamondandMarcPlattner)กล่าวเสริมว่า
ในระบอบประชาธิปไตยที่มีความมั่นคงและยั่งยืนแล้วแม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันอย่างตึงเครียดและรุนแรง
แต่ไม่มีตัวแสดงใดในประเทศที่จะใช้วิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยผิดกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญเพื่อ
บรรลุเป้าประสงค์ทางการเมืองของตนและแม้ว่าจะมีปัญหาการจัดการปกครอง(governance)และปัญหา
ที่พลเมืองอาจไม่ยอมรับหรือไม่นิยมในรัฐบาลแต่ทั้งชนชั้นนำและมวลชนยังคงเชื่อมั่นว่ากระบวนการแบบ
ประชาธิปไตยเป็นวิถีทางที่เหมาะสมที่สุดในการบริหารจัดการการใช้ชีวิตร่วมกันของคนในสังคม15
ความเชื่อมโยงระหว่างการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาธิปไตยและแนวคิดคุณภาพประชาธิปไตย
สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีจากเป้าประสงค์การศึกษาคุณภาพประชาธิปไตยสามประการที่ชี้ไว้โดยลาร์รี
ไดมอนด์และลีโอนาร์โดมอร์ลิโน(LarryDiamondandLeonardoMorlino)ได้แก่ประการแรกการมอง
ว่าการหยั่งรากประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีในเชิงคุณค่าประการที่สองการพัฒนาคุณภาพประชาธิปไตยเป็นสิ่ง
ที่จำเป็นสำหรับเสริมสร้างความชอบธรรมให้คงทนและยืนนานและประการที่สามแม้กระทั่งประชาธิปไตย
ที่มีรากฐานมาอย่างยาวนานยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปเพื่อรับมือกับปัญหาความไม่พึงพอใจของ
สาธารณชน16ทั้งนี้การประเมินคุณภาพประชาธิปไตยไม่ได้มีเป้าหมายที่จะชี้วัดว่าประเทศใดมีความเป็น
ประชาธิปไตยมากกว่ากันหากแต่ต้องการประเมินว่าระบอบประชาธิปไตยในประเทศใดที่มีการทำงานที่ดี
กว่าด้วยเหตุนี้จึงมีความแตกต่างกันโดยแก่นสารระหว่างการประเมินคุณภาพประชาธิปไตยและการวัด
ระดับของความเป็นประชาธิปไตย(levelofdemocratization)17
ในปัจจุบันมีกลุ่มนักวิชาการสถาบันองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งที่พยายามคิดค้นแนวคิดและ
ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย18ที่สำคัญอาทิการสำรวจของFreedomHouseในการวัดระดับสิทธิ
14
JuanLinzandAlfredStepan.“TowardConsolidatedDemocracies”.JournalofDemocracy.7:2(1996).pp.
14-15.
15
LarryDiamondandMarcPlattner.“Introduction”,inLarryDiamondandMarcPlattner.eds.TheGlobal
DivergenceofDemocracies.(Baltimore:TheJohnsHopkinsUniversityPress,2001).p.xiii.
16
DiamondandMorlino.“TheQualityofDemocracy”.p.ix.;LarryDiamondandLeonardoMorlino.“The
QualityofDemocracy:AnOverview”.JournalofDemocracy.15:4(October2004).p.20.
17
DavidAltmanandAnibalPerez-Linan.“AssessingtheQualityofDemocracy:Freedom,Competitiveness
andParticipationinEighteenthLatinAmericanCountries”.Democratization.9:2(Summer2002).p.87.
18
ทั้งนี้งานชิ้นแรกๆที่มีการตีพิมพ์เกี่ยวกับการ“ตรวจสอบ”หรือ“ประเมิน”ระดับประชาธิปไตยคืองานของเดวิดบีแธม
ดูDavidBeetham.ed.DefiningandMeasuringDemocracy.(London:Sage,1994).
ซึ่งในงานชิ้นดังกล่าวมัก
ใช้คำว่า“การตรวจสอบประชาธิปไตย”(democraticaudit)ซึ่งแนวคิดเรื่องการตรวจสอบประชาธิปไตยนั้นต่อมา
หน่วยงานของประเทศที่พัฒนาแล้วมักนำไปประยุกต์ใช้เช่นแคนาดา
สวีเดนสหราชอาณาจักรออสเตรเลีย
เดนมาร์กเนเธอร์แลนด์รวมทั้งสหภาพยุโรปสำหรับงานของเดวิดบีแธมต่อมาได้ถูกนำไปพัฒนาโดยสถาบัน
InternationalIDEAดังปรากฎในแนวทางการประเมินคุณภาพประชาธิปไตยแนวทางที่สอง
-
15คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
เสรีภาพในด้านต่างๆการสำรวจของHumanRightsWatchในด้านสิทธิมนุษยชนการวัดความเป็น
ประชาธิปไตยโดยนิตยสารEconomistการประเมินการจัดการปกครอง(governance)ขององค์การ
ระหว่างประเทศด้านการพัฒนาต่างๆเป็นต้นอย่างไรก็ตามหากจะพิจารณาเฉพาะในมิติเรื่องคุณภาพ
ประชาธิปไตยจะพบว่ามีสามกลุ่มหรือสถาบันที่มีบทบาทสำคัญกลุ่มแรกที่อาจกล่าวได้ว่ามีบทบาทมาก
ที่สุดในแวดวงวิชาการนำโดยลาร์รีไดมอนด์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและหนึ่งในบรรณาธิการ
วารสารJournalofDemocracyและนักวิชาการจากอีกหลากหลายสถาบันโดยเฉพาะในอเมริกากลุ่มที่
สองสถาบันนานาชาติเพื่อการสนับสนุนการเลือกตั้งและประชาธิปไตย(InternationalInstitutefor
DemocracyandElectoralAssistance:InternationalIDEA)19(โดยมักใช้วารสารDemocratizationเป็น
สื่อหลักในการนำเสนอความคิด)และกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มนักวิชาการในยุโรป(โดยเฉพาะออสเตรีย)ที่ตั้ง
กลุ่มชื่อว่า“การจัดลำดับประชาธิปไตยบนหลักคุณภาพประชาธิปไตย”(TheDemocracyRankingofthe
QualityofDemocracy)20(กลุ่มนี้ยังไม่มีวารสารหลักแต่กำลังตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับคุณภาพ
ประชาธิปไตยลงในวารสารInternationalJournalofSocialEcologyandSustainableDevelopment)
ความแตกต่างสำคัญของทั้งสามกลุ่มจะสะท้อนให้เห็นได้จากการให้นิยามของประชาธิปไตยโดย
นักวิชาการในกลุ่มแรกมักจะเริ่มต้นการศึกษาจากนิยามประชาธิปไตยตัวแบบพหุนิยม(Polyarchy)ที่เสนอ
โดยโรเบิร์ตดาห์ล(RobertDahl)ที่จำแนกองค์ประกอบไว้แปดประการได้แก่1)เสรีภาพที่จะจัดตั้งและ
ร่วมองค์กร2)เสรีภาพในการแสดงออก3)สิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง4)การมีฝ่ายบริหารที่มา
จากการเลือกตั้ง5)สิทธิของผู้แข่งขันทางการเมืองที่จะหาเสียงเลือกตั้ง6)การมีแหล่งข้อมูลข่าวสารที่
หลากหลาย7)การจัดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมและ8)สถาบันขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลขึ้นอยู่กับ
ผลการเลือกตั้งและช่องทางการแสดงความต้องการ(preference)อื่นๆของประชาชน21
ในขณะที่นักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มInternationalIDEAได้กำหนดนิยามที่มีขอบเขตค่อน
ข้างกว้างบนหลักการสองประการที่เชื่อกันว่าเป็นหลักการสากลของประชาธิปไตยในทุกกาละและเทศะนั่น
คือหลักการควบคุมการตัดสินใจสาธารณะโดยประชาชน(popularcontrol)และหลักความเสมอภาค
ทางการเมืองบนฐานของสิทธิความเป็นพลเมือง(politicalequality)22ส่วนนักวิชาการในกลุ่มที่สามได้
กำหนดขอบเขตนิยามประชาธิปไตยบนฐานของแนวคิดเรื่องเสรีภาพและความเสมอภาคนอกจากนี้
สำหรับเป้าประสงค์ในการประเมินคุณภาพประชาธิปไตยนักวิชาการในกลุ่มนี้ได้เสริมมิติที่สามสำหรับการ
ประเมินนั่นคือผลการดำเนินงานของระบอบ(performance)เนื่องจากมองว่าหลักการเรื่องความเสมอภาค
เป็นแนวคิดของฝ่ายซ้ายในขณะที่หลักการเรื่องเสรีภาพเป็นแนวคิดของฝ่ายขวาจึงเสนอแนวคิดที่เป็น
กลางดังเช่นผลการดำเนินงานของระบอบเพื่อให้ได้สมดุลระหว่างสองฝ่าย23
19
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของสถาบันดังกล่าวได้ในhttp://www.idea.int/
20
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของกลุ่มดังกล่าวได้ในhttp://www.democracyranking.org/en/index.htm
21
RobertDahl.Polyarchy:ParticipationandOpposition.(NewHavenandLondon:YaleUniversityPress,
1971).p.3.
22
DavidBeetham,EdziaCavalho,ToddLandman,andStuartWeir.AssessingtheQualityofDemocracy:
APracticalGuide.(Stockholm:InternationalInstituteforDemocracyandElectoralAssistance,2008).
pp.20-21.
23
ดูDavidCampbell.TheBasicConceptfortheDemocracyRankingoftheQualityofDemocracy.(Vienna:
DemocracyRanking,2008).pp.30-32.
-
16 การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
จากฐานนิยามที่แตกต่างกันดังกล่าวได้ส่งผลทำให้เกณฑ์การประเมินคุณภาพประชาธิปไตยของแต่ละ
กลุ่ม/สถาบันมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้นักวิชาการที่ศึกษาคุณภาพประชาธิปไตยบนฐานประชาธิปไตย
แบบพหุนิยมได้จำแนกตัวชี้วัดออกเป็นสามกลุ่มบนเกณฑ์แนวคิดเรื่องคุณภาพในสามด้าน24ได้แก่
1)คุณภาพของกระบวนการ(proceduralquality)ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลักนิติธรรมการมีส่วนร่วมการแข่งขัน
ความสามารถในการตรวจสอบได้ทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง252)คุณภาพของเนื้อหา(qualityofcontent)
ซึ่งเกี่ยวข้องกับเสรีภาพทางการเมือง(ซึ่งจำแนกย่อยได้เป็นสิทธิทางการเมืองสิทธิพลเมืองและสิทธิทาง
เศรษฐกิจสังคม)และความเสมอภาคและ3)คุณภาพของผลลัพธ์(qualityofresult)ซึ่งหมายถึงการตอบ
สนองของระบบการเมืองต่อความต้องการของประชาชน(responsiveness)อย่างไรก็ตามนักวิชาการ
บางคนที่ใช้ตัวแบบประชาธิปไตยพหุนิยมในการประเมินคุณภาพประชาธิปไตยอาจให้ความมุ่งเน้นที่ตัวแปร
ที่แตกต่างกันออกไปดังเช่นในงานของเดวิดอัลต์แมนและอนิบัลเปเรซ-ลินัน(DavidAltmanand
AnibalPerez-Linan)ที่วิเคราะห์คุณภาพประชาธิปไตยในละตินอเมริกาได้มุ่งเน้นที่จะประเมินคุณภาพ
ประชาธิปไตยในสามมิติได้แก่สิทธิพลเมืองการมีส่วนร่วมและการแข่งขันทางการเมือง26
ตารางที่ 2 เปรียบเทียบแนวการศึกษาคุณภาพประชาธิปไตย
นิยามประชาธิปไตย กรอบการศึกษาคุณภาพประชาธิปไตย
LarryDiamond
และนักวิชาการใน
อเมริกา(1)
ประชาธิปไตยแบบพหุนิยม(Polyarchy) -คุณภาพของผลลัพธ์(การตอบสนองความ
ต้องการของประชาชน)
-คณุภาพของเนือ้หา(เสรภีาพและความเสมอภาค)
-คุณภาพของกระบวนการ(หลักนิติธรรมการมี
ส่ วนร่วมการแข่งขันความสามารถในการ
ตรวจสอบได้ทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง)
24
ดูDiamondandMorlino.“TheQualityofDemocracy”.pp.x-xii.
25
ความสามารถในการตรวจสอบได้ในแนวราบ(horizontalaccountability)หมายถึงการที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งทาง
การเมอืงตอ้งอธบิายและชีแ้จงการกระทำตอ่ตวัแสดงเชงิสถาบนัอืน่ๆเชน่หนว่ยงานราชการอืน่ๆรฐัสถาศาลหนว่ยงาน
ด้านการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่นเป็นต้นสำหรับความสามารถในการตรวจสอบได้ในแนวดิ่ง(vertical
accountability)หมายถึงพันธกรณีที่ผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งจะต้องชี้แจงการตัดสินใจทางการเมืองต่อพลเมืองผู้มีสิทธิ
ออกเสียงเลือกตั้งหรือหน่วยงานอื่นๆเช่นองค์กรพัฒนาเอกชน(NGOs)สื่อมวลชนกลุ่มผลประโยชน์และองค์กร
ในภาคประชาสังคมอื่นๆดูDiamondandMorlino.“TheQualityofDemocracy”.และดูรายละเอียดในPhilippe
Schmitter.“TheAmbiguousVirtuesofAccountability”inLarryDiamondandLeonardoMorlino.eds.
AssessingtheQualityofDemocracy.(Baltimore:TheJohnsHopkinsUniversityPress,2005).
26
AltmanandPerez-Linan.“AssessingtheQualityofDemocracy”.pp.88-89.
-
17คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
นิยามประชาธิปไตย กรอบการศึกษาคุณภาพประชาธิปไตย
I n t e r n a t i o n a l
IDEA(2)
-การควบคุมการตัดสินใจสาธารณะโดยประชาชน
-ความเสมอภาคทางการเมือง
-หลักประชาธิปไตย7ด้าน(การมีส่วนร่วมการ
ใช้อำนาจอย่างเป็นทางการการเป็นตัวแทนความ
สามารถในการตรวจสอบได้ความโปร่งใสการ
ตอบสนองและความสมานฉันท์)
-กรอบการประเมิน4ด้าน1)ความเป็นพลเมือง
กฎหมายและสิทธิ2)รัฐบาลที่มีความเป็นตัวแทน
และสามารถตรวจสอบได้3)ประชาสังคมและการ
มีส่วนร่วมของประชาชน4)ประชาธิปไตยในระดับ
ที่มากกว่ารัฐ
D e m o c r a c y
Ranking(3)
-เสรีภาพ
-ความเสมอภาค
-ผลการทำงานของระบอบ(performance)
-Qualityofdemocracy=QualityofPolitics+
QualityofSociety
-ประเมินการเมือง50%มิติ เรื่องเพศ10%
เศรษฐกิจ10%องค์ความรู้10%สาธารณสุข
10%สิ่งแวดล้อม10%
ที่มา:
(1)LarryDiamondandLeonardoMorlino.“TheQualityofDemocracy”.InLarryDiamondandLeonardo
Morlino.eds.AssessingtheQualityofDemocracy.(Baltimore:TheJohnsHopkinsUniversityPress,2005).
(2)DavidBeetham,EdziaCavalho,ToddLandman,andStuartWeir.AssessingtheQualityofDemocracy:
APracticalGuide.(Stockholm:InternationalInstituteforDemocracyandElectoralAssistance,2008).
(3)DavidCampbell.TheBasicConceptfortheDemocracyRankingoftheQualityofDemocracy.(Vienna:
DemocracyRanking,2008).
สำหรับเกณฑ์การประเมินของสถาบันInternationalIDEAนั้นมีลักษณะสำคัญคือจำแนกหลักในเชิง
คุณค่าของประชาธิปไตยไว้เจ็ดด้านได้แก่การมีส่วนร่วม(participation)การใช้อำนาจอย่างเป็นทางการ
(authorization)การเป็นตัวแทน(representation)ความสามารถในการตรวจสอบได้(accountability)
ความโปร่งใส(transparency)การตอบสนอง(responsiveness)และความสมานฉันท์(solidarity)และ
จำแนกกรอบการประเมินไว้สี่ด้านได้แก่ความเป็นพลเมืองกฎหมายและสิทธิ(citizenship,lawand
rights)รัฐบาลที่มีความเป็นตัวแทนและสามารถตรวจสอบได้(representativeandaccountable
government)ประชาสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชน(civilsocietyandpopularparticipation)
และประชาธิปไตยในระดับที่มากกว่ารัฐ(democracybeyondstate)เช่นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อ
ประชาธิปไตยในประเทศทั้งนี้สถาบันดังกล่าวชี้ว่าผู้ประเมินควรเป็นคนในประเทศนั้นๆและผู้ประเมินควร
จะเป็นผู้ที่จัดลำดับความสำคัญของหัวข้อหรือเกณฑ์การประเมินให้สอดคล้องกับบริบท27
ในส่วนของเกณฑ์การประเมินของกลุ่มDemocracyRankingเป็นที่น่าสนใจว่าแทนที่จะใช้เกณฑ์เชิง
หลักการหรือคุณค่าของประชาธิปไตยเป็นหลักในการประเมินนักวิชาการในกลุ่มนี้เสนอให้มองแนวคิด
27
Beetham.etal.“AssessingtheQualityofDemocracy”.Part1.;DavidBeetham.“TowardsaUniversal
FrameworkforDemocracyAssessment”.Democratization.11:2(April2004):1-17.
-
18 การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
คุณภาพประชาธิปไตยว่าหมายถึงคุณภาพการเมืองบวกกับคุณภาพของสังคม(Qualityofdemocracy=
QualityofPolitics+QualityofSociety)เนื่องจากมองว่าการทำงานของระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ขึ้นอยู่
กับเพียงแค่ระบบการเมืองเท่านั้นหากแต่ยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบอื่นๆในสังคมด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงเสนอที่จะให้น้ำหนักกับการประเมินในแต่ละด้านแตกต่างกันกล่าวคือให้น้ำหนักกับการประเมิน
การเมืองร้อยละ50และการประเมินมิติเรื่องเพศเศรษฐกิจองค์ความรู้สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมใน
แต่ละด้านในสัดส่วนร้อยละ1028
ในภาพรวมจะเห็นได้ว่าจากนิยามประชาธิปไตยที่แตกต่างกันส่งผลทำให้จุดมุ่งเน้นของการศึกษา
หรือการประเมินแตกต่างกันไปด้วยความแตกต่างของนิยามประชาธิปไตยนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากมุมมองที่
แตกต่างกันที่มีต่อคำถามที่ว่า“ประชาธิปไตยที่ดีคืออะไร?”จากคำถามดังกล่าวจะเห็นได้ว่านักวิชาการที่
ตั้งต้นด้วยประชาธิปไตยตัวแบบพหุนิยมมีแนวโน้มที่จะให้จุดมุ่งเน้นกับสถาบันและกลไกของการ
เป็นตัวแทนในระบอบประชาธิปไตย29มากกว่ากลุ่มอี่นๆซึ่งนี่อาจทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าไม่เป็นกลาง
มีเป้าหมายในตัวเอง(teleologicalconcepts)และอยู่บนฐานของชาติพันธุ์(ethnocentric)30ในขณะที่แนว
การประเมินของInternationalIDEAพยายามกำหนดนิยามประชาธิปไตยแบบกว้างๆซึ่งนี่สะท้อนให้เห็น
ถึงเป้าประสงค์ในแง่ของการประยุกต์ใช้ที่ต้องการสร้างความยอมรับให้กับผู้ประเมินที่เป็นคนในท้องถิ่นของ
ประเทศต่างๆอย่างไรก็ตามแนวการประเมินดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดมิติในแง่ของตัวแสดงการ
ทำงานของกลไกและกระบวนการนอกจากนี้การประเมินยังมักขึ้นกับ“ผู้ให้ทุน”อีกทั้งข้อมูลในบางด้าน
อาจมีไม่ครบถ้วนในบางประเทศดังเช่นอินโดนีเซียและมักเป็นข้อมูลจากมุมมองของชนชั้นนำ31ในขณะที่
นักวิชาการในกลุ่มจัดลำดับประชาธิปไตยนอกจากให้ความสำคัญกับสถาบันการเมืองแล้วยังให้น้ำหนักกับ
สถาบันทางสังคมอื่นๆอีกด้วยแต่เนื่องจากขาดการอธิบายเกณฑ์การประเมินในแต่ละด้านและการอธิบาย
ถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างสถาบันการเมืองแบบประชาธิปไตยและสถาบันทางสังคมอื่นๆรวมทั้ง
ขาดงานที่เข้ามาศึกษาต่อยอดจึงทำให้เป็นช่องโหว่สำคัญที่อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้
ทั้งนี้นอกเหนือจากแนวการศึกษาทั้งสามแล้วยังมีแง่มุมการศึกษาคุณภาพประชาธิปไตยในอีกด้าน
หนึ่งที่นำโดยกิลเยโมโอดอนเนลล์(GuillermoO’Donnell)โดยใช้กรณีศึกษาจากกลุ่มประเทศละตินอเมริกา
เป็นหลักความน่าสนใจของแนวการศึกษานี้คือการเสนอให้มองประชาธิปไตยในระดับตัวแสดง(agent)
นั่นคือมนุษย์หรือพลเมืองของประเทศในการนี้แทนที่จะพิจารณาประชาธิปไตยเพียงด้านเดียวโอดอนเนลล์
พิจารณาประชาธิปไตยควบคู่กับแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน(humanrights)และแนวคิดเรื่องการพัฒนา
มนุษย์(humandevelopment)เนื่องจากแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นแนวคิดที่ครอบคลุมประเด็น
เรื่องสิทธิทางการเมืองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางสังคมซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรากฐานของประชาธิปไตย
ในขณะที่แนวคิดเรื่องการพัฒนามนุษย์ให้ความสำคัญกับเงื่อนไขพื้นฐานหรือความสามารถ(capacities)
ที่เอื้ออำนวยให้ปัจเจกชนแสดงบทบาทในฐานะตัวแสดงในแง่นี้แนวคิดทั้งสามจึงมีความเชี่อมโยงหรือ
28
Campbell,“TheBasicConceptfortheDemocracyRanking”.pp.33-37.
29
LeonardoMorlino.“HowtoconductresearchintotheQualityofDemocracy”.InDerekHutchesonandElena
Korosteleva.eds.TheQualityofDemocracyinPost-CommunistEurope.(London:Routledge,2006).p.8.
30
ดูตัวอย่างการวิพากษ์ได้ในGuillermoO’Donnell.“IllusionsaboutConsolidation”.JournalofDemocracy.
7:2(1996):34-51.
31
OlleTornquist.“AssessingDemocracyfromBelow:AFrameworkandIndonesianPilotStudy”.
Democratization.13:2(April2006).p.234.
-
19คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทยเล่ม 2
จุดร่วมกันที่ตัวแสดงหรือหากกล่าวเป็นการเฉพาะคือ“สิทธิ”และ“ความสามารถในการใช้ศักยภาพ”
ของตัวแสดง32คุณูปการสำคัญในงานของโอดอนเนลล์คือการทำความเข้าใจแนวคิดประชาธิปไตยในมิติของ
ตัวแสดงและความพยายามเชื่อมโยงแนวคิดประชาธิปไตยเข้ากับแนวคิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
III. คุณภาพทางสังคม33
แนวคิดคุณภาพทางสังคมนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นกระแสแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องนโยบาย
การพัฒนาสังคมหรือสวัสดิการสังคมระลอกล่าสุดที่เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินยุโรปโดยการเกิดขึ้นของแนวคิด
คุณภาพทางสังคมนั้นถูกแวดล้อมด้วยบริบทที่สำคัญสองประการได้แก่ประการแรกบริบททางแนวคิด
เดนิสบูเกต์(DenisBouget)ตั้งข้อสังเกตว่าการเกิดขึ้นมาของแนวคิดคุณภาพทางสังคมนั้นเนื่องมาจาก
“ความไม่เพียงพอ”ของแนวคิดที่มีมาก่อนหน้าในการให้คำตอบกับปัญหาสังคมที่โลกกำลังเผชิญอยู่34
ตัวอย่างของแนวคิดที่มีมาก่อนหน้าอาทิแนวคิดคุณภาพชีวิต(qualityoflife)35และแนวคิดการกีดกันทาง
สังคม(socialexclusion)โดยแนวคิดเรื่องคุณภาพชีวิตถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามุ่งเน้นการวิเคราะห์ในระดับ
“ปัจเจกชน”มากเกินไปและละเลยมิติในระดับ“สังคม”นอกจากนี้แนวคิดดังกล่าวมักจะมองปัจเจกชนว่า
เป็นเสมือน“เครื่องบันทึก”เหตุการณ์ชีวิตในแต่ละช่วงเวลาไม่ได้มองมิติที่ว่าปัจเจกชนนั้นเป็นตัวแสดงที่
มีความสามารถสร้าง“วิถีชีวิต”ของตนได้
ดังนั้นแนวคิดนี้จึงมักจะมองว่าหากเราปรับปรุงเงื่อนไขการใช้
ชีวิตของปัจเจกชนจะทำให้ปัจเจกชนมีความพึงพอใจมากขึ้นนอกจากนี้แนวคิดดังกล่าวยังถูกวิจารณ์ว่า
ไม่มีความเป็นทฤษฏี(a-theoretical)เป็นแค่เพียงมาตรวัด“ความพึงพอใจ”ทั้งในเชิงอัตวิสัยและ
วัตถุวิสัย36
จากข้อวิจารณ์ดังกล่าวดูเหมือนว่าแนวคิดคุณภาพทางสังคมจะถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุง
ข้อบกพร่องดังกล่าวของแนวคิดคุณภาพชีวิตในขณะที่แนวคิดคุณภาพชีวิตมุ่งเน้นการ“ประเมิน”ในระดับ
ปัจเจกชนแนวคิดคุณภาพทางสังคมพยายามแสวงหาจุดสมดุลระหว่างการมองในระดับปัจเจก(faits
32
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในGuillermoO’Donnell.“HumanDevelopment,HumanRightsandDemocracy”,in
GuillermoO’Donnell,JorgeVargasCullellandOsvaldoIazzetta.eds.TheQualityofDemocracy:Theory
andApplications.(NotreDame,Indiana:UniversityofNotreDamePress,2004).pp.9-11.
33
เนื้อหาส่วนนี้ส่วนหนึ่งปรับปรุงจากนิธิเนื่องจำนงค์.“ตรรกะของแนวคิดคุณภาพทางสังคม(ของยุโรป):สู่สังคมยุค
หลังรัฐสวัสดิการ”.บทความนำเสนอในงานสัมมนา“คุณภาพสังคม…สังคมคุณภาพ”.สถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัยและเครือข่ายการศึกษาคุณภาพสังคมแห่งประเทศไทย.กันยายน2553.
34
DenisBouget,“Identificationofthe‘Problematique’”,inWolfgangBeck,LaurentJ.G.VanDerMaesen,
Fleur
ThomeseandAlanWalker.eds.Socialquality:AvisionforEurope.(TheHague:KluwerLaw
International,2001),p.49.
35 แนวคิดคุณภาพชีวิตถูกนำเสนอขึ้นมาเพื่อที่จะเพิ่มเติมมุมมองในการวิเคราะห์“ความเป็นอยู่”ของพลเมืองจากเดิมที่
มองแต่ในเชิงเศรษฐกิจ(เช่นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ)ให้ขยายขอบเขตครอบคลุมประเด็นทางสังคม
มากขึ้นนักคิดในกลุ่มคุณภาพชีวิตจึงพยายามพัฒนา“ตัวชี้วัด”ที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพลเมืองทั้งในเชิง
“วัตถุวิสัย”(objective)เช่นตัวชี้วัดรายได้การจ้างงานและตัวชี้วัดเชิง“อัตวิสัย”(subjective)ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ
ประเมิน“ความพึงพอใจ”ของปัจเจกชนในมิติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตดูรายละเอียดเพิ่มเติมในWallaceand
Abbott,“FromQualityofLifetoSocialQuality”.pp.109-110.
36
ดูข้อวิจารณ์แนวคิดดังกล่าวได้ในWallaceandAbbott,“FromQualityofLifetoSocialQuality”,pp.110-111.
-
20 การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 เล่ม 2
individuals)ตามแนวการศึกษาแบบอัรรถประโยชน์นิยม(utilitarianapproach)และแนวการวิเคราะห์ที่
มองจากระดับสังคม(faitssociaux)ตามแนวทางสังคมวิทยาแบบเดอร์คไคเมียน(Durkheimian
approach)ด้วยเหตุนี้แนวคิดคุณภาพทางสังคมจึงนำเสนอมุมมองในเชิง“สัมพันธ์”(relationalview)ที่ชี้
ว่าทั้งปัจเจกชนในฐานะตัวแสดงและสังคมในฐานะของบริบทนั้นส่งผลซึ่งกันและกันในสองทิศทางใน
ลักษณะที่เรียกว่า“การพึ่งพาระหว่างกันที่ส่งผลซึ่งกันและกัน”(constitutiveinterdependency)37ในแง่นี้
แนวคิดคุณภาพทางสังคมจึงสามารถอุดช่องว่างของแนวคิดคุณภาพชีวิตทั้งในส่วนของการเสริมมุมมองที่
สมดุลในทวิลักษณะของปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกชนและสังคมและในส่วนของการเสริมรากฐานทางทฤษฏี
บริบทที่สำคัญประการที่สองที่แวดล้อมการเกิดขึ้นของแนวคิดคุณภาพทางสังคมคือแรงกดดันที่มีต่อ
โครงสร้างรัฐสวัสดิการของยุโรปแรงกดดันดังกล่าวมีคุณลักษณะสำคัญตามที่พีเตอร์เทย์เลอร์-กูบี้(Peter
Taylor-Gooby)เรียกว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างกระแสการลดบทบาทรัฐและกระแสเรียกร้องให้รัฐเข้ามา
แทรกแซงใหม่(hollowingoutversusthenewinterventionism)38กล่าวคือในด้านหนึ่งรัฐถูกบีบคั้นจาก
กระแสการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยการดำเนินนโยบาย
เศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่เช่นการปรับเปลี่ยนระบบแรงงานให้ยืดหยุ่นและลดสวัสดิการที่ให้กับแรงงาน
และลดสวัสดิการทางสังคมซึ่งมักมองว่าเป็น“ภาระทางเศรษฐกิจ”39สภาวะดังกล่าวบ๊อบเจสสอบ(Bob
Jessop)เรียกว่าการที่นโยบายสวัสดิการสังคมต้องอยู่ภายใต้ความจำเป็นทางเศรษฐกิจ40แต่ในอีกด้านหนึ่ง
ปัญหาสังคมที�