หลักการข้อ 2 - macbeth thailand...
TRANSCRIPT
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
MACBETH Market Access through Competency Based Education and Training in Horticulture
หลักการข้อ 2 – ก าหนดจุดวกิฤต
FSKN I 15C
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
หลักการ HACCP • หลักการข้อ 2
– บ่งชี้จุดวิกฤตทีต่้องควบคุม (CCPs) ในกระบวนการผลิตอาหาร
– เปรียบได้กับ “Stop Sign” หรือป้ายสัญญาณ
“ หยุด ” ของกระบวนการผลิต
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
ความหมาย จุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Critical Control Point)
จุดหรือขั้นตอนที่ต้องมีการควบคุมเนือ่งจากมีความส าคัญในการป้องกัน ก าจัด หรือลดอันตรายในกระบวนการผลิตอาหาร ให้เหลือในระดับที่ยอมรับว่าปลอดภัย
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การป้องกันอันตรายในอาหาร • ขั้นตอนที่ถูกบ่งชี้ว่าคือ “ CCPs ” ได้แก ่
• การป้องกันอันตราย โดยควบคุม ณ จุดตรวจรับวัตถุดิบ เช่น จากใบรับรองของผู้แทนจ าหน่าย
• การป้องกันอันตรายจากสารเคมี โดยควบคุม ณ ขั้นตอนเติมส่วนผสม หรือ ณ ขั้นตอนการผสม
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การป้องกันอันตรายในอาหาร
• ขั้นตอนที่ถูกบ่งชี้ว่าคือ “ CCPs ” ได้แก่
– ป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ก่อโรคเจริญในผลิตภัณฑ์สุดท้าย โดยควบคุม
• สูตรอาหาร
• การเติมในส่วนผสม
เช่น การปรับพีเอช หรือ เติมวัตถุกันเสีย
– ป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ก่อโรคเจริญโดยการเก็บในที่อุณหภูมิต่ า ตู้เย็นหรือแช่เย็น
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การก าจดัอันตรายในอาหาร
• ขั้นตอนที่ถูกบ่งชี้ว่าคือ “ CCPs ” ได้แก่
– การก าจัดอันตรายในระหว่างการผลิตและผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น:
• จุลินทรีย์ก่อโรคหรือปรสิตจะถูกฆ่าระหว่างการให้ความร้อน หรือการฉาย UV
• ชิ้นส่วนโลหะตรวจจับได้โดยเครื่องตรวจจับโลหะและถูกแยกออกจากอาหารที่ปนเปื้อน
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การลดอนัตรายในอาหาร
• ขั้นตอนที่ถูกบ่งชี้ว่าคือ “ CCPs ” ได้แก่
– การลดอันตรายในระหว่างการผลิตหรือในผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น:
• ลดการปนเปื้อนของสิ่งปลอมปน (foreign objects) โดยเลือกด้วยมือ หรือใช้เครื่องอัตโนมัติ
• ลดอันตรายจาก patulin ในระหว่างกระบวนการผลิตโดยการเฉือน ตัด หรือล้างแอปเปิ้ลในระหว่างการคั้นน้ า
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การประเมินวิธกีารควบคุมอันตราย • บ่งชี้วิธีการที่ใช้ในการควบคุมอันตราย หรือวิธีการต่างๆ ที่ใช้ร่วมกัน
ที่สามารถป้องกัน ก าจัด หรือลดอันตรายในอาหารให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
• ทบทวนวิธีการเหล่านี้ ประเมินประสิทธิผลของวิธีการที่มีต่อการควบคุมอันตราย
• แยกประเภทของวิธีการว่า
- วิธีใดอยู่ในส่วนของโปรแกรมขั้นต้น (Pre-requisite program)
- หรือต้องจ าเป็นให้จัดการโดยระบุในแผน HACCP
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
จุดวิกฤตที่ต้องควบคุม
• มีหลายจุดหรือขั้นตอนในการผลิตอาหารที่อันตรายถูกควบคุมแล้ว
• แต่บางขั้นตอน หากสูญเสียการควบคุมจะท าให้อาหารมีโอกาสไม่ปลอดภัย
– ขั้นตอนนั้นคือ CCPs ที่ระบุในแผน HACCP
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การตัดสิน CCPs • ผังการตัดสิน CCP (CCP Decision Trees)
– ทีม HACCP ต้องใช้ผัง CCP Decision Tree ในการประเมินแต่ละขั้นตอนการผลิตว่าอันตรายในอาหารนั้นสามารถถูกป้องกัน ก าจัด หรือลดให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
– แต่ละขั้นตอนจะถูกจัดประเภทว่าคือ CCP หรือ CP (control point) หรืออาจจะไม่ใช่ทั้งหมด
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
CCP Decision Trees – Example
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
ตัวอย่าง Decision tree เพื่อชี้หาจุดวิกฤตที่ต้องควบคมุ CCPs
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การตัดสิน CCPs
• อย่าใช ้CCP Decision Tree ก่อนวิเคราะห์อันตราย (หัวข้อ 15A hazard analysis)
– ผลที่ได้คือ อาจบ่งชี้ CCPs ซึ่งอาจไม่จ าเป็นต้องควบคุม
• เข้มงวดใช้ CCP Decision Tree ในการตัดสินมากเกินไป
– ผลที่ได้คือ CCPs ไม่ถูกตอ้ง
– ควรใช้ Decision Tree อย่างระมัดระวัง
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
อันตราย และ CCPs (Multiple CCPs and Hazards)
• อันตรายชนิดเดียว อาจต้องการควบคุมด้วย CCPs หลายขั้นตอน
– เช่น การปรบักรด และการใช้ความรอ้นในการผลิต fruit purees ใช้ควบคุมการเจริญและสร้างสารพิษของ Clostridium botulinum
• อันตรายหลายชนิดอาจควบคุมด้วย CCP ขั้นตอนเดียว
– เช่น จุลินทรีย์ก่อโรคและปรสิตปนเปือ้นในน้ าแอปเปิ้ล ควบคมุได้ด้วยการใช้ความร้อนข้ันตอนเดียวกบัการผลิต
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
CCPs เป็นได้ทั้ง Product-Specific และ Process-Specific
• CCPs อาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับ:
– โครงสร้างของโรงงาน หรือสิ่งอ านวยความสะดวกด้านสุขาภิบาล
– สูตรอาหาร
– ผังการผลิตอาหาร
– เคร่ืองมือ
– การคัดเลือกวัตถุดิบ
– การสุขาภิบาล และโปรแกรมการสุขาภิบาลขั้นต้น (pre-requisite programs)
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
จุดวิกฤตที่ต้องควบคุม • จุดหรือขั้นตอนที่ต้องควบคุมอย่างแน่นอน
• ขั้นตอนของกระบวนการผลิตอาหารที่ต้องควบคมุเพื่อผลิตให้ได้อาหารที่ปลอดภัย
• CCPs ต้องใช้วิธกีารที่เจาะจง (intervention) เมื่ออันตรายนั้นมีโอกาสปนเปื้อนสูงและในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อผู้บริโภคสูง
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
ISO 22000 Food Safety Schemes
• จัดรวมในแนวคิดของ Operational Prerequisite Programs (oPRPs)
– โปรแกรมขั้นต้น (ของการสุขาภิบาล) prerequisite program นั้นได้จากการวิเคราะห์อันตรายในอาหาร
– และมีความส าคัญอย่างยิ่ง
– ใช้ในการควบคุมอันตรายที่มีโอกาสปนเปื้อน หรือเพิ่มจ านวนในอาหาร หรือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมของกระบวนการผลติอาหารนั้น
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
Prerequisite Programs • คือการควบคุมอันตรายทั่วไปที่ใช้ในการผลิตอาหารทุกประเภท
• ใช้ในการผลิตอาหารทั่วไปเพื่อที่จะรักษาสุขลักษณะของสิ่งแวดล้อมเพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากความไม่ปลอดภัยของอาหาร
• ใช้ในระหว่างการผลิตอยู่แล้วตลอดเวลา
• เป็นพ้ืนฐานของ HACCP.
• มีผลต่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารอย่างยิ่งหากไม่อยู่ในระบบการจัดการความปลอดภัยอาหาร (food safety management system)
• แต่ไม่เฉพาะเจาะจงในจุดใดจุดหนึ่งในกระบวนการผลิต และไม่ควบคุมเจาะจงชนิดอันตราย
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
Operational Prerequisite Programs • oPRP เจาะจงเฉพาะกระบวนการผลติอาหารนั้น ก าหนด oPRP
ได้หลังจากวิเคราะห์อันตราย
• oPRP มีความส าคัญเพราะการวิเคราะห์อันตรายแสดงว่า oPRP จ าเป็นต้องท าเพื่อควบคุมอันตรายที่เฉพาะในอาหารนั้น
• oPRP อาจไม่เจาะจงแหล่งการปนเปือ้นอันตรายนั้น
• oPRPs ใช้ในการลดโอกาสที่ผลติภัณฑ์อาหาร หรือสิ่งแวดล้อมในการผลิตที่มีโอกาสสัมผัสหรือปนเปื้อนอันตราย โดยที่อันตรายนั้นมีโอกาสเพิ่มจ านวน
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
ความแตกต่างระหวา่ง OPRP และ PRP • PRPs ควบคุมในแนวราบ
• PRPs ช่วยลดอันตรายแต่อาจไม่จ าเป็นในบางกระบวนการผลิต
• OPRPs ใช้ควบคุมอันตรายเฉพาะชนดิที่ถูกบ่งชี้มาแล้ว
• OPRPs ใช้เฉพาะบางชนิดผลิตภณัฑ ์หรือบางกระบวนการผลิต
• OPRPs ส าคญัอย่างยิ่งในการลดระดับอันตราย
เช่น : General cleaning and sanitation (PRP) ในขณะที่การท าความสะอาดในบางจุดในสายการผลติ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้ามของ allergen cross (OPRP)
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
ความแตกต่างของ OPRP และ CCP • CCPs คือ ข้ันตอนของกระบวนการผลิตทีต่้องใช้วธิีการใด
วิธีการหน่ึงในการควบคมุอันตรายที่ถูกบ่งชี้นั้นอย่างแน่นแน“absolute”
• OPRPs คือ วิธีการควบคุมอันตรายส าคัญและใช้ในการควบคุมอันตรายแต่ไม่ได้ก าหนดให้ท า “absolute”
• OPRPs อาจจะใช้ร่วมกับวิธีการควบคุมอ่ืนๆ เพื่อป้องกัน ก าจัด ลดหรือควบคุมให้อันตรายอยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้
– ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดก็ไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์จะเกิดอันตราย
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การก าหนด CCPs • วิธีการที่จะบ่งชี้หรือก าหนดว่าจุดใดเป็น CCPs ในแผน HACCP
ท าได้หลายแบบเช่น:
– ตามล าดับหมายเลข
• CCP #1, CCP #2, CCP #3
– ตามล าดับหมายเลขและประเภทของอันตราย
• CCP P1, CCP B1, CCP C1
– ตามชื่อขั้นตอนการผลิต
• Oven, Packaging, Chill
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
จ านวน CCPs ในแผน HACCP • ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์อาหาร และกระบวนการผลิต
• CCPs จ านวนน้อยเกินไปอาจไม่เพียงพอที่จะควบคุมอันตรายในอาหาร
• CCPs จ านวนมากเกินไปอาจเป็นอุปสรรคต่อการด าเนินตามแผน HACCP
– โดยปกติมักจะก าหนดจ านวน CCPs มากกว่าก าหนดจ านวนน้อย
– อย่างไรก็ตามหากทุกสิ่งส าคัญหมดกแ็สดงว่าไม่มีอะไรส าคัญเลย
MACBETH Market Access through Competency Based Education and Training in Horticulture
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
ค าถาม?
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
การขออนุญาตเพื่อเผยแพร่ซ้ า
• © 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อนุญาตให้เผยแพร่ดัดแปลงโดยต้องระบุที่มา และต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญาอนุญาตเดียวกัน (Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 Unported; CC-BY-SA).
• แหล่งที่มา: © 2009 Global Food Safety Initiative and Michigan State University,แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org อนุญาตให้เผยแพร่ดัดแปลงโดยต้องระบุที่มา และต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญาอนุญาตเดียวกัน (CC-BY-SA).
• สามารถตรวจสอบส าเนาใบอนุญาตขอเผยแพร่ ได้ที่ http://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0/ หรือส่งจดหมายไปยัง Creative Commons, 559 Nathan Abbott Way, Stanford, California 94305, USA.
© 2012 มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิชิแกนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งที่มา http://www.fskntraining.org, CC-BY-SA
License to Reuse
• © 2012 Michigan State University, and Global Food Safety Initiative, licensed using Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 Unported (CC-BY-SA).
• Source: © 2009 Global Food Safety Initiative and Michigan State University, original at http://www.fskntraining.org, licensed using Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 Unported.
• To view a copy of this license, visit http://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0/ r send a letter to Creative Commons, 559 Nathan Abbott Way, Stanford, California 94305, USA.