สรุปสถิติ
TRANSCRIPT
สถิติ ( 푺풕풂풕풊풔풕풊풄풔) … … …
อ.สุทธิ คุณวัฒนานนท
1. สถิติ หมายถึง ตัวเลขท่ีแทนขอเท็จจริง หรือ ขบวนการที่กระทํากับขอมูล 4 ข้ันตอน ดังนี ้ ข้ันตอนที่ 1 การเก็บรวบรวมขอมูล ข้ันตอนที่ 2 การนําเสนอขอมูล
ข้ันตอนที่ 3 การวิเคราะหขอมูล ข้ันตอนที่ 4 การแปลความหมายของขอมูลและการนําไปใช
2. คําตางๆที่ใชในวิชาสถิติที่ควรทราบ 1) ประชากร (푝표푝푢푙푎푡푖표푛)
หมายถึง เซตของขอมูลทั้งหมด ที่เราตองการศึกษา 2) กลุมตัวอยาง ( 푆푎푚푝푙푒 )
หมายถึง สับเซตของประชากร ที่เลือกมาศึกษา 3) คาพารามิเตอร ( 푝푎푟푎푚푒푡푒푟 )
หมายถึง คาตางๆที่ใชอธิบายประชากร เชน 휇 , 휎 4) คาสถิติ หมายถึง คาตางๆที่ใชอธิบายกลุมตัวอยาง เชน 푥̅ , 푆 5) คาสังเกต หมายถึง คาของขอมูลแตละตัว
6) ขอมูลสถิติ หมายถึง ตัวเลขหรือขอความซึ่งเกี่ยวของกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ที่เราสนใจ เปนขอเท็จจริง มีมากกวา 1 คา
3. แหลงขอมูล ประกอบดวย แหลงขอมูลปฐมภูมิ และ แหลงขอมูลทุติยภูมิ
4. ชนิดของขอมูล 1) ขอมูลเชิงคุณภาพ
2) ขอมูลเชิงปริมาณ 3) ขอมูลเชิงกาลเวลา 4) ขอมูลเชิงภูมิศาสตร
การวิเคราะหขอมูลเบื้องตน 1. การวัดคากลางของขอมูล
ที่สําคัญไดแก คาเฉล่ียเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม
คาที่มีความสําคัญรองลงมาไดแก คาเฉล่ียเรขาคณิต ฮารโมนิก และคากึ่งกลางพิสัย
สาเหตุที่มีคากลางหลายคาเพราะวาขอมูลแตละชุดมีลักษณะแตกตางกัน
และผูใชมีวัตถุประสงคแตกตางกัน
2. ตัวกลางเลขคณิต( 푥̅ )สวนใหญใชกับขอมูลเชิงปริมาณ
ที่มีคาไมแตกตางกันมากนัก ไมใชกับขอมูลเชิงคุณภาพ
1) กรณีไมแจกแจงความถี่ ใชสูตร 푥̅ =∑ 푥
푛
2) กรณีแจกแจงความถี่ ใชสูตร 푥̅ =∑ 푓 푥
푛
3) กรณีแจกแจงความถี่( แบบสมมุติคาตัวกลาง)
푥̅ = 푎 + 푖∑ 푓 푑
푛 โดยที่ 푑 =푥 − 푎
푖
4) กรณีหาคาเฉล่ียรวมของขอมูลหลายกลุมหรือขอมูลถวงน้ําหนัก
푥 =∑ 푛푖푥푖
푛푖=1
∑ 푛푖푛푖=1
3. ตัวกลางมัธยฐาน ( Median)ใชกับขอมูลเชิงปริมาณ
ที่มีคาแตกตางกันมาก การกระจายไมสม่ําเสมอ 1) กรณีไมแจกแจงความถี ่ ไมมีตารางความถี่
ใหเรียงขอมูลจากนอยไปมาก Median คือขอมูลในตําแหนงที่ n + 1
2
2) กรณีแจกแจงความถี่ Med. = L + i
n2 − Fl
fm
L = ขอบลางของชั้น median
FL = ความถี่สะสมกอนถึงชั้น Med f = ความถี่ของชั้น Med
i = ความกวางของชั้น Med
4. ตัวกลางฐานนิยม ( Mode ) คือคาสังเกตที่มีความถี่สูงสุดเพียงคาเดียว สวนใหญใชกับขอมูลเชิงคุณภาพ
กรณีแจกแจงความถี่ Mode = L + id1
d1 + d2
โดยที่ d1 = ผลตางของความถี่ในชั้น mode กับชั้นที่ต่ํากวา d2 = ผลตางของความถี่ในชั้น mode กับชั้นที่สูงกวา 퐿 = ขอบลางของชั้น 푀표푑푒
푖 = ความกวางของชั้น 푀표푑푒
หมายเหตุ ในกรณีที่ความกวางของทุกชั้นเทากันและหาแบบคาประมาณ
สามารถใชคากึ่งกลางของชั้นที่มีความถี่สูงสุดเปนคา 푀표푑푒 ไดเลย
คาประมาณของ 푀표푑푒 =퐿 + 푈
2ของชั้นที่มีความถี่มากสุด
5. คาเฉล่ียเรขาคณิต ( 퐺푒표푚푒푡푟푦 푀푒푎푛 ∶ 퐺. 푀. )
เหมาะสมกับที่จะใชกับขอมูลที่เปนเศษสวนหรือทศนิยม
กรณีไมแจกแจงความถี่ 퐺푀 = 푥1푥2푥3 … 푥푛푛
กรณีแจกแจงความถี่ 푙표푔 퐺푀 =1푛 푓 푙표푔푥
6. คาเฉล่ียฮารโมนิก (퐻푎푟푚표푛푖푐 푀푒푎푛 ∶ 퐻. 푀 )
เหมาะที่จะใชกับขอมูลที่เปนความเร็ว อัตราสวน แรงงาน
กรณีไมแจกแจงความถี่
퐻. 푀. =푛
1푥 + 1
푥 + 1푥 + ⋯ + 1
푥
กรณีแจกแจงความถี่
퐻. 푀. =∑ 푓
푓푥 + 푓
푥 + 푓푥 + ⋯ + 푓
푥
ถาจะเปรียบเทียบกับความเร็วเฉล่ียจะไดวา ความเร็วเฉล่ีย
퐻. 푀 =푠 + 푠 + 푠 + ⋯ + 푠푠푣 + 푠
2 + 푠푣 + ⋯ + 푠
푣
7. กึ่งกลางพิสัย ( 푀푖푑 푅푎푛푔푒 )
กรณีไมแจกแจงความถี่ 푀. 푅. =푥푚푎푥+푥푚푖푛
2
กรณีแจกแจงความถี่ 푀. 푅. =
퐿 = ขอบลางของชั้นต่ําสุด
푈 = ขอบบนชั้นสูงสุด 8. การวัดตําแหนงของขอมูล(푄푢푎푟푡푖푙푒푠, 퐷푒푐푖푙푒푠 푃푒푟푐푒푛푡푖푙푒푠)
โดยใชควอไทล เดไซดและเปอรเซ็นไทล กรณีไมแจกแจงความถี่ มีวิธกีารหาดังนี ้ 1) ใหเรียงขอมูลจากคานอยไปคามาก
2) หาตําแหนงที่ตองการไดดังนี้
푅푎푛푘 푄 =푟4
(푛 + 1) หรือเขียนวา 푅푄 =푟4
(푛 + 1)
푅푎푛푘 푄 =푟4
(푛 + 1) หรือ เขียนวา 푅퐷 =푟
10 (푛 + 1)
푅푎푛푘 푃 =푟
100(푛 + 1) หรือเขียนวา 푅푃 =
푟100
(푛 + 1)
ถาหาได 푅푃 =푟
100(푛 + 1) = 푎. 푏
จะสรุปไดวา ∴ 푃 = 푥 .
3) หาคาของ 푄 , 퐷 , 푃 จาก คาของ 푃 = 푥 . ∴ 푃 = 푥 . = 푥 + (0. 푏)(푥 − 푥 )
แตถา คาของ 푃푟อยูในตําแหนงทศนิยม .5 เชน 푃푟 = 푥3.5
ใหใชคาเฉล่ียของ 푥3 กับ 푥4 จะได 푃3.5 =푥3 + 푥4
2
กรณีแจกแจงความถี่ มีข้ันตอนการหาดังนี้ 1) หาตําแหนงจากสูตรตอไปนี้
푅푎푛푘 푄 =푟푛4
หรือ 푅푎푛푘 퐷 =푟푛10
หรือ 푅푎푛푘 푃 =푟푛
100
2) หาวาตําแหนงที่หามาไดตกในชั้นที่เทาไรแลวใชสูตรดังนี้
푃 = 퐿 + 푖푥푛
100 − 퐹푓
퐷 = 퐿 + 푖푥푛10 − 퐹
푓
푄 = 퐿 + 푖푥푛4 − 퐹
푓
โดยที่ 퐿 = ขอบลางของชั้น 푃푥 , 퐷푥, 푄푥
푖 = ความกวางของชั้น 푃 , 퐷 , 푄
푛 = จํานวนขอมูลทั้งหมด
퐹 = ความถี่สะสมกอนถึงชั้น 푃 , 퐷 , 푄
푓 = ความถี่ของชั้น 푃 , 퐷 , 푄
สิ่งที่ตองจํา มีประโยชนมากในการทําขอสอบ
9. คุณสมบัติของคากลางของกลุมตัวอยาง
1) 푥 = 푛푥̅
2) (푥 − 푥̅) = 0
3) 푥 < 푥̅ < 푥
4) (푥 − 푥̅) ≤ (푥 − 푎) โดยที่ 푎 ∈ 푅
หรือ (푥 − 푎) มีคานอยสุดเมื่อ 푎 = 푥̅
5) |푥 − 푀푒푑| ≤ |푥 − 푏| โดยที่ 푏 ∈ 푅
หรือ |푥 − 푏| มีคานอยสุดเมื่อ푏 = 푀푒푑.
6) ถาขอมูลชุด 퐴 มี: 푥 , 푥 , 푥 , … , 푥
ถาขอมูลชุด 퐵 มี 푦 = 푎푥 ± 푏 แลวจะไดวา
6.1) 푦 = 푎푥̅ ± 푏 6.2) 휎 = |푎 |휎 , 푠. 푑. = |푎 |푠. 푑.
6.3) 푀표푑푒 = 푎푀표푑푒 ± 푏
6.4) 푀푒푑 = 푎푀푒푑 ± 푏
6.5) 푅푎푛푔푒 = |푎 |푅푎푛푔푒
6.6) 푀. 퐷. = |푎 |푀. 퐷.
7) ถาขอมูลเปนชนิดอันตรภาคชั้นเปด จะหาคากลางของขอมูล
ไมได ยกเวนคา 푀푒푑푖푎푛 และคา 푀표푑푒
8) ขอมูลที่มีลักษณะ แจกแจงความถี่แบบ เบลาดทางขวา จะมี 푀표푑푒 < 푀푒푑. < 푥
9) ขอมูลที่มีลักษณะ แจกแจงความถี่แบบ เบลาดทางซาย จะมี 푥̅ < 푀푒푑. < 푀표푑푒 10) ขอมูลที่มีลักษณะ แจกแจงความถี่แบบโคงปกติ จะมี 푥 = 푀푒푑. = 푀표푑푒
การวัดการกระจายของขอมูล มี 2 ลักษณะ ลักษณะที่ 1 การวัดการกระจายสัมบูรณ (퐴푏푠표푙푢푡푒 푉푎푟푖푎푡푖표푛)
เปนการวัดเพื่อศึกษาขอมูลชุดเดียวมีวิธีการวัด4 แบบ
แบบที่ 1 พิสัย ( 푅푎푛푔푒) โดยที่ 푅푎푛푔푒 = 푥푚푎푥 − 푥푚푖푛
แบบที่ 2 สวนเบี่ยงเบนควอไทล(푄푢푎푟푡푖푙푒 퐷푒푣푖푎푡푖표푛) โดยที่
푄. 퐷. =푄 − 푄
2
แบบที่ 3 สวนเบี่ยงเบนเฉล่ีย(푀푒푎푛 퐷푒푣푖푎푡푖표푛) โดยที ่
푀. 퐷. =∑ 푓|푥 − 푥̅|
푛 หรือ 푀. 퐷. =∑ 푓|푥 − 휇|
푁
แบบที่ 4 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(푆푡푎푛푑푎푟푑 퐷푒푣푖푎푡푖표푛)
โดยแบงเปน กรณีวัดจากประชากรทั้งหมด จะใชสูตร
휎 =∑ 푓(푥 − 휇)
푁 หรือ 휎 =∑ 푓푥
푁 − 휇
กรณีวัดจากกลุมตัวอยาง จะใชสูตร
푠 =∑ 푓(푥 − 푥̅)
푛 − 1 หรือ 푠 =∑ 푓푥 − 푛푥̅
푛 − 1
ความแปรปรวนของประชากร (푉푎푟푖푎푛푐푒) = 2
ลักษณะที่ 2 การวัดการกระจายสัมพัทธ (푀푒푎푠푢푟푒 표푓 푟푒푙푎푡푖푣푒 푣푎푟푖푎푡푖표푛)
เปนการวัดการกระจายเพื่อใชศึกษาเปรียบเทียบขอมูลตั้งแต 2 ชุดข้ึนไป
มีวิธีการวัด 6 แบบ แบบที่ 1 สัมประสิทธิ์ของพิสัย (퐶표푒푓푓푖푐푖푒푛푡 표푓 푟푎푛푔푒 ) 퐶. 푅. =
แบบที่ 2 สัมประสิทธิ์ของสวนเบี่ยงเบนควอรไทล (퐶표푒푓푓푖푐푖푒푛푡 표푓 푞푢푎푟푡푖푙푒 푑푒푣푖푎푡푖표푛 )
퐶. 푄. 퐷. =푄 − 푄푄 + 푄
แบบที่ 3 สัมประสิทธิ์ของสวนเบี่ยงเบนเฉล่ีย
(퐶표푒푓푓푖푐푖푒푛푡 표푓 푚푒푎푛 푑푒푣푖푎푡푖표푛 )
퐶. 푀. 퐷 =푀. 퐷
푥̅ หรือ 퐶. 푀. 퐷 =푀. 퐷
휇
แบบที่ 4 สัมประสิทธิ์ของการแปรผัน(퐶표푒푓푓푖푐푖푒푛푡 표푓 푣푎푟푖푎푡푖표푛 )
. 푉. =푆. 퐷
푥̅ หรือ 퐶. 푉. =휎휇
การคํานวณสวนเบี่ยงเบนโดยใช สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน푆. 퐷.
โดยใชคา 푥 เปนคากลางจะมีคานอยกวาใชคากลางชนิดอ่ืน
การ 푪풐풎풃풊풏풆 ขอมูล 2 ชุด การหาคาของ 푆 จากการรวมขอมูล 2 ชุด โดยที่ ชุดที่ 1 มี 푁1, 휇1 , 휎1 ชุดที่ 2 มี 푁2, 휇2 , 휎2 กรณีที่ 1 ขอมูล 2 ชุดมีคาเฉล่ียเลขคณิตไมเทากัน 휇1 ≠ 휇2 จะหาไดจากสูตรตอไปนี้
สูตรที่ 1 휎2 =∑ 푥1
2 + ∑ 푥22
푛1 + 푛2− 휇2
โดยที่ 휇 =푛1휇1 + 푛2휇2
푛1 + 푛2และ 푥2 = 푛(휇2 + 휎2)
สูตรที่ 2
휎 =푛 휎 + 푛 휎 + 푛 (휇 − 휇 ) + 푛 (휇 − 휇 )
푛 + 푛
โดยที่ 휇 =푛1휇1 + 푛2휇2
푛1 + 푛2
สูตรที่ 3 휎2 =푛1휎1
2 + 푛2휎22
푛1 + 푛2+ 푛1푛2
휇1 − 휇2
푛1 + 푛2
2
กรณีที่ 2 ขอมูล 2 ชุดมีคาเฉล่ียเลขคณิตเทากัน 휇1 = 휇2
จะไดวา 휎2 =푛1휎1
2+푛2휎22
푛1+푛2
คะแนนมาตรฐาน ( 푍 − 푠푐표푟푒 )
สูตรที่ใชในการหาคาคะแนนมาตรฐานไดแก
푍 =푥 − 휇
휎 หรือ 푍 =푥 − 푥̅
푠
ขอสังเกตเกี่ยวกับคาคะแนนมาตรฐาน มีดังนี ้1) 푍 จะเปนคา บวกหรือคา ลบหรือ 0 ก็ได 2) โดยทั่วไปคา 푍 จะอยู ระหวาง − 3 กับ 3 โดยประมาณ
3) 푍 = 0 เสมอ ∴ 푍̅ = 0 หรือ 휇 = 0 เสมอ
4) 푍 = 푁 เสมอ
5) 휎 = 1 เสมอเพราะวา 휎 =∑ 푧
푁 − 휇
แต 푧2 = 푁 และ 휇푧 = 0เสมอ
∴ 휎 =푁푁 − 0 = 1
พื้นที่ใตโคงปกติ ( 푁표푟푚푎푙 퐶푢푟푣푒 ) มีคุณสมบัติดังนี้ 1) พื้นที่ใตโคงปกติจะมีคาเทากับจํานวนขอมูลเสมอ
2) พื้นที่ใตโคงปกติของคามาตรฐาน จะมีคา 휇 = 0 , 휎 = 1
และพื้นใตโคงปกติของคามาตรฐานมีคาเทากับ 1 เสมอ
ลักษณะกราฟของขอมูล จากตารางขอมูลการสอบของนักเรียนหอง A และ B
เรานํามาสรางกราฟแทงไดดังนี้
และสรางเปนกราฟเชิงเสนไดดังนี้
กราฟเหลานี้จะแสดงจํานวนขอมูล ในชวงคะแนนตางๆโดยวัดจากความสูงของกราฟ กราฟเหลานี้มิใชกราฟปกติ เสนกราฟ 퐴 มีลักษณะที่เรียกวา กราฟเบขวา (โยซาย) กลาวคือ 푚표푑푒 < 푚푒푎푛 < 푚푒푑푖푎푛 เสนกราฟ 퐴 มีลักษณะที่เรียกวา กราฟเบซาย (โยขวา) กลาวคือ 푚푒푑푖푎푛 < 푚푒푎푛 < 푚표푑푒 เสนกราฟโคงปกติ 푁표푟푚푎푙 퐶푢푟푣푒 푚푒푑푖푎푛 = 푚푒푎푛 = 푚표푑푒
พื้นที่ใตโคงปกติของขอมูล
โคงปกติมีคุณสมบัติดังนี้ 1) สมการของกราฟ 푛표푟푚푎푙 퐶푢푟푣푒
푓(푥) =√
푒 , 푒 ≈ 2.718, 휋 ≈ 3.1416 2) 휇 = 푚푒푑푖푎푛 = 푚표푑푒 = 푎 , 푎 ∈ 푅 และ 휎 > 0 3) สมมุติให พื้นที่ใตโคงปกติ มีคาเทากับ 1 ตารางหนวย เสมอ พื้นที่ซีกซาย = พื้นที่ซีกขวาเสมอ = 0.5 การเปรียบเทียบกราฟของโคงปกติ ของขอมูล 2 ชุด ที่มีจํานวนขอมูลเทากัน
กรณีที่1 휇 = 휇 และ 휎 < 휎 กรณีที่2 휇1 < 휇2 และ 휎1 = 휎2
กรณีที่ 3 휇 < 휇 และ 휎 < 휎
กรณีที่ 4 휇1 < 휇2 และ 휎1 > 휎2
0.8
0.6
0.4
0.2
-0.2
-1 -0.5 0.5 1 1.5
2
1.5
1
0.5
-1 1
0.5
-1 1 2
1
0.5
-1 1 2
1
0.5
-1 1 2
พื้นที่ใตโคงปกติ ของคะแนนมาตรฐาน มีคุณสมบัติดังนี้
1) สมการของกราฟ ของคะแนนมาตรฐาน(푍)จะเปนโคงปกต ิ ซึ่งมี 휇 = 푚푒푑푖푎푛 = 푚표푑푒 = 0 , 휎 = 1 มีสมการของกราฟดังนี้
푓(푥) =1
√2휋푒 , 푒 ≈ 2.718, 휋 ≈ 3.1416
2) สมมุติให พื้นที่ใตโคงปกติ จะมีคาเทากับ 1 เสมอ พื้นที่ซีกซาย = พื้นที่ซีกขวาเสมอ = 0.5
3)พื้นที่ใตโคงปกติที่ควรทราบ
4) ถา 푧 = 2 จะมี 퐴 = 0.4773 หมายถึง พื้นที่ใตโคงปกติที่วัดจากแกนกลางถึงระยะ 푍 = 2 จะมีพื้นที่เทากับ 0.4773 จากพื้นที่ใตโคงทั้งหมด 1 หนวย
�
5) คาพื้นที่ ที่ใหจากตารางจะเปนคาของพื้นที่ที่วัดจากแกนกลางถึงคา 푍 ที่เปนคาบวกเทานั้น คา 푍 ที่เปนคาลบจะมีพื้นที่สมมาตรกับ พื้นที่ของคา 푍 ที่เปนคาบวกเสมอ เชน 푍 = 2.0 มี 퐴 = 0.4773 แลว 푍 = − 2.0 จะมี 퐴 = 0.4773 เชนเดียวกัน
6) ความหมายของ 푍 = 2 , 퐴 = 0.4773 หมายความวา จากพื้นที่ 1 หนวย( 푁 = 1) จะมีพื้นที่ที่วัดจากแกนกลาง(푍 = 0)ถึงคะแนน 푍 = 2 มีคาเทากับ 0.4773 ตัว และถาขอมูลมีทั้งหมดมี 10,000 ตัว แลว จํานวนขอมูลที่มีคาตั้งแต 푍 = 0 ถึง 푍 = 2 จะมีขอมูลทั้งหมดเทากับ 0.4773 × 10000 = 4773 จํานวน
0.6
0.4
0.2
-0.2
-1.5 -1 -0.5 0.5 1 1.5 2
0.8
0.6
0.4
0.2
-0.2
-0.4
-0.6
-1 -0.5 0.5 1
การวิเคราะหความสัมพันธเชิงฟงกชั่นระหวางขอมูล โดยทั่วไป ความสัมพันธเชิงฟงกชั่นของขอมูล แบงออกเปน 2 ชนิดคือ
1) มีความสัมพันธที่เปนเสนตรง ในรูปสมการ 푦 = 푎푥 + 푏
2) มีความสัมพันธที่ไมเปนเสนตรง เชน ในรูปสมการ 푦 = 푎푥 + 푏푥 + 푐 หรือ 푦 = 푎푏 เรียก 푥 วา ตัวแปรตน หรือ ตัวแปรอิสระ ( 퐼푛푑푒푝푒푛푑푒푛푡 푉푎푟푖푎푏푙푒푠 )
เรียก 푦 วา ตัวแปรตาม ( 푑푒푝푒푛푑푒푛푡 푉푎푟푖푎푏푙푒푠 )
3) วิธีการหาคาพยากรณหรือการประมาณคา ความสัมพันธ ของตัวแปร 푦 ดวยตัวแปร 푥 ที่มีความคลาดเคล่ือนนอยสุด
จะใชวิธีการที่เรียกวาวิธีกําลังสองนอยสุด(푀푒푡ℎ표푑 표푓 퐿푒푎푠푡 푠푞푢푎푟푒 )
ซึ่งมีข้ันคอนการทําดังนี้ (1)นําขอมูลของตัวแปรแตละคูมาลงจุดในกระดาษกราฟ (푆푐푎푡푡푒푟푝푙표푡푠)
(2)พิจารณาลักษณะของกลุมจุดที่ลงวามีแนวโนม(푡푟푒푛푑 )
ใกลเคียงกับลักษณะของเสนกราฟแบบใด
โดยลงเสน 퐼푚푎푔푖푛푎푟푦 푙푖푛푒 หรือ 퐸푠푡푖푚푎푡푒 퐿푖푛푒
(3) การหาสมการเสนพยากรณ ในกรณีตางๆ กรณีที่ 1 เสนพยากรณ คือ 푦 = 푎푥 + 푐
วิธีทํา ใหดําเนิการหาสมการเสนปกติ (푁표푟푚푎푙 푙푖푛푒 ) ดังนี ้
ใส ที่สมการ 푦 = 푎푥 + 푐 푛
푖=1
ทั้งสองขางจะได
จะได 푦 = (푎푥 + 푏)
∴ 푦 = 푎 푥 + 푛푏 … … … (1)
นํา 푥 คูณสมการ 푦 = 푎푥 + 푐 แลวใส ทั้งสองขาง 푛
푖=1
จะได (푥 푦 ) = 푎 푥 + 푏 푥 … … . (2)
นําคาตางๆมาแทนในสมการทั้ง สอง แลวแกสมการหาคา 푎 , 푏
จะไดสมการเพื่อการพยากรณดังนี้ 푦 = 푎푥 + 푏
กรณีที่ 2 เสนพยากรณใชสมการ
푦 = 푎푥 + 푏푥 + 푐
สามารถหาเสนปกติเพื่อใชแกสมการหาคา 푎 , 푏 , 푐 ไดดังนี ้
푦 = 푎 푥 + 푏 푥 + 푛푐 … … (1)
푥 푦 = 푎 푥 + 푏 푥 + 푐 푥 … (2)
푥 푦 = 푎 푥 + 푏 푥 + 푐 푥 … (3)
นําคาตางๆมาแทนในสมการทั้ง 3 แลวแกสมการหาคา 푎 , 푏 , 푐
จะไดสมการเพื่อการพยากรณดังนี้ 푦푖 = 푎푥푖2 + 푏푥푖 + 푐
กรณีที่ 3 เสนพยากรณใชสมการ 푦 = 푎푏푥 สามารถหาเสนปกติเพื่อใชแกสมการหาคา 푎 , 푏 ไดดังนี ้เปล่ียนสมการใหอยูในรูปเหมาะสมคือ 푙표푔푦 = 푙표푔(푎푏 ) 푙표푔푦 = 푙표푔푎 + 푥푙표푔푏 푙표푔푦 = 푥푙표푔푏 + 푙표푔푎
푙표푔푦 = 푛푙표푔푎 + 푙표푔푏 푥 … (1)
푥푙표푔푦 = 푙표푔푎 푥 + 푙표푔푏 푥 … (2)
นําคาตางๆมาแทนในสมการทั้ง 3 แลวแกสมการหาคา 푎 , 푏
จะไดสมการเพื่อการพยากรณดังนี้ 푦 = 푎푏푥