กฎหมายสรรพสามิต

ความสัมพนัธ์ของกฎหมายในการปฏิบัตงิาน

การบังคบัใช้ พรบ.ว.ิปกครอง

มาตรา 3 วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามกฎหมายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที$กาํหนดในพระราชบัญญัตินี) เว้นแต่ในกรณีที$กฎหมายใดกําหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเรื$องใดไว้โดยเฉพาะและมีหลักเกณฑ์ที�ประกันความเป็นธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการไม่ตํ$ากว่าหลกัเกณฑ์ที$กาํหนดในพระราชบัญญตันิี)

ความในวรรคหนึ$งมิให้ใช้บังคับกับขั"นตอนและระยะเวลาอทุธรณ์หรือโต้แย้งที$กาํหนดไว้ในกฎหมาย

วธิีปฏิบัตริาชการทางปกครอง

มาตรา 5 "วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง" หมายความว่า การเตรียมการและการดําเนินการของเจ้าหน้าที$เพื$อจัดให้มีคําสั$งทางปกครองหรือกฎ และรวมถึงการดําเนินการใด ๆ ในทางปกครองตามพระราชบัญญตันิี)

มาตรา 5 “คาํสั$งทางปกครอง” หมายความว่า (1) การใช้อํานาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที�ที$มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ"นระหว่างบุคคลในอันที$จะก่อ เปลี$ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที$ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั$วคราว เช่น การสั$งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถงึการออกกฎ (2) การอื$นที$กาํหนดในกฎกระทรวง

คาํสั$งทางปกครอง

การใช้อาํนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที$ มผีลสร้างนิตสิัมพนัธ์ระหว่างบุคคล/กระทบสถานภาพ

ของสิทธิหรือหน้าที$ของบุคคล มผีลเฉพาะ “กรณใีด หรือบุคคลใด”

เช่น การสั$งการ การอนุญาต การอนุมัต ิการวนิิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง การรับจดทะเบียน รวมถงึการปฏิเสธสิทธิต่างๆ ด้วย

การอื�นที�กาํหนดในกฎกระทรวง

คาํสั$งทางปกครอง

เจ้าหน้าที$ที$มีอาํนาจ

มาตรา 5 "เจ้าหน้าที$" หมายความว่า บุคคล คณะบุคคล หรือ นิตบิุคคล ซึ�งใช้อํานาจหรือได้รับมอบให้ใช้อํานาจทางปกครองของรัฐในการดําเนินการอย่างหนึ�งอย่างใดตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั)งขึ)นในระบบราชการ รัฐวสิาหกจิหรือกจิการอื$นของรัฐหรือไม่กต็าม

มาตรา 12 คําสั$งทางปกครองจะต้องกระทําโดยเจ้าหน้าที$ซึ$งมีอาํนาจหน้าที$ในเรื$องนั)น

☺ หลกัว่าด้วยอาํนาจของเจ้าหน้าที$� คาํสั$งทางปกครองต้องกระทาํโดยเจ้าหน้าที$ซึ$งมีอาํนาจ

� การพจิารณาอาํนาจของเจ้าหน้าที$� ข้อพจิารณาด้านเนื)อหา

� ข้อพจิารณาด้านพื)นที$

� ข้อพจิารณาด้านระยะเวลา

� การมอบอาํนาจ / ผู้ซึ$งได้รับมอบหมาย

เจ้าหน้าที$ที$มีอาํนาจพจิารณาทางปกครอง

หลกัความเป็นกลางของเจ้าหน้าที$

มาตรา 13� เป็นคู่กรณีเอง� เป็นคู่หมั)น/คู่สมรส� เป็นญาติ� เป็น/เคยเป็นผู้แทน/ผู้พทิกัษ์/ ตวัแทนของคู่กรณี� เป็นเจ้าหนี)/ลูกหนี)/นายจ้าง� กรณีอื$นตามกฎกระทรวง

มาตรา 16 เหตุอื$นนอกจากมาตรา 13 เกี$ยวกบัเจ้าหน้าที$ ... � มีสภาพร้ายแรงอนัอาจทาํให้การพจิารณาทางปกครอง

ไม่เป็นกลาง

มาตรา 5 "คู่กรณ"ี หมายความว่า ผู้ยื$นคาํขอหรือผู้คดัค้านคาํขอ ผู้อยู่ในบังคบัหรือจะอยู่ในบังคบัของคาํสั$งทางปกครอง และผู้ซึ$งได้เข้ามาในกระบวนการพจิารณาทางปกครองเนื$องจากสิทธิของผู้นั)นจะถูกกระทบกระเทอืนจากผลของคาํสั$งทางปกครอง สิทธิของคู่กรณ ี มาตรา 23 สิทธิในการนําทนายความหรือที$ปรึกษามาตรา 24 สิทธิในการตั)งตัวแทนมาตรา 27 สิทธิในการได้รับแจ้งสิทธิและหน้าที$ และความสมบูรณ์ของคาํขอมาตรา 30 มาตรา 31 สิทธิขอตรวจดูเอกสาร

คู่กรณี

เอกสารที$ยื$นต่อเจ้าหน้าที$

พรบ.วิ.ปกครอง มาตรา 26เอกสารที$ยื$นต่อเจ้าหน้าที$ให้จัดทําเป็นภาษาไทย ถ้าเป็นเอกสารที$ทาํขึ)นเป็นภาษาต่างประเทศ ให้คู่กรณีจัดทําคําแปลเป็นภาษาไทยที$มีการรับรองความถูกต้องมาให้ภายในระยะเวลาที$เจ้าหน้าที$กาํหนด ในกรณีนี)ให้ถือว่าเอกสารดังกล่าวได้ยื$นต่อเจ้าหน้าที$ในวันที$เจ้าหน้าที$ได้รับคําแปลนั)น เว้นแต่เจ้าหน้าที$จะยอมรับเอกสารที$ทําขึ)นเป็นภาษาต่างประเทศ และในกรณีนี)ให้ถือว่าวันที$ได้ยื$นเอกสารฉบับที$ทําขึ)นเป็นภาษาต่างประเทศเป็นวนัที$เจ้าหน้าที$ได้รับเอกสารดงักล่าว

พรบ.ภาษสีรรพสามิตฯ มาตรา 16บรรดาบัญชี เอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ซึ$ ง เกี$ยวกับหรือมี เหตุอันควรเ ชื$ อ ว่ าเกี$ยวกับการเสียภาษี หรือการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตนิี) ถ้าทาํเป็นภาษาต่างประเทศ อธิบดีหรือผู้ซึ$งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจสั$งให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้นําเข้าจัดการแปลเป็นภาษาไทยให้เสร็จและส่งภายในกาํหนดเวลาที$เห็นสมควร ...”

การแจ้งสิทธิและหน้าที$ และความสมบูรณ์ของคาํขอ

ม.27 เดมิ• ให้เจ้าหน้าที�แจ้งสิทธิและหน้าที� ให้คู่กรณทีราบตามความจําเป็น แก่กรณี• คาํขอมีข้อบกพร่อง ให้ จนท. แนะนําคู่กรณแีก้ไขให้ถูกต้อง

ม.27 ใหม่� จนท.มหีน้าที$ตรวจคาํขอและเอกสารประกอบ ถ้าไม่ถูกต้องครบถ้วนให้แจ้งทนัทหีรือไม่เกนิ 7 วนั นับแต่รับคาํขอ โดยทาํเป็นหนังสือ� ผู้ยื$นคาํขอต้องแก้ไขข้อบกพร่องต่อ จนท.ภายในเวลาที$ จนท. กาํหนดหรืออนุญาตให้ขยายออกไป หากพ้นกาํหนดถือว่าไม่ประสงค์ให้ จนท.พจิารณาคาํขอ โดยให้ จนท. ส่งคนืคาํขอพร้อมแจ้งสิทธิอุทธรณ์คาํสั$ง� เมื$อผู้ยื$นคาํขอแก้ไขแล้ว จนท. จะปฏิเสธไม่ดาํเนินการเพราะขาดเอกสารไม่ได้ เว้นแต่มคีวามจําเป็นตามกฎหมายและได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคบับัญชาเแล้ว

การออกคาํสั$งทางปกครอง

FAX

การแจ้งคาํสั �งทางปกครอง

รปูแบบคาํสั �ง การให้เหตผุล

วาจา หนังสือ รปูแบบอื�นแจ้งอย่างไร แจ้งแก่ใคร แจ้งอะไร

แบบของคาํสั �ง

เงื�อนไขการแจ้งคาํสั �งทางปกครองมีผลเมื�อได้แจ้ง/รบัแจ้ง

ระบรุายการต่าง ๆ

เจาะจงตวั

ปิดประกาศ

ประกาศ นสพ.

ผู้รบัคาํสั �ง

ผู้แทนสาระสาํคญัของคาํสั �ง

รูปแบบของคาํสั$งทางปกครอง

� คาํสั$งทางปกครองที$ทําเป็นหนังสือ อย่างน้อยต้องระบุ� วนั/เดอืน/ปี ที$ทาํคาํสั$ง � ชื$อและตาํแหน่งของเจ้าหน้าที$ผู้ทาํคาํสั$ง� ลายมือชื$อของเจ้าหน้าที$ผู้ทาํคาํสั$ง� เหตุผลในการออกคาํสั$ง

� ข้อเทจ็จริงอนัเป็นสาระสําคญั� ข้อกฎหมายที$อ้างองิ� ข้อพจิารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพนิิจ

� สิทธิอุทธรณ์คาํสั$ง

มาตรา 37 วรรคสอง(1) เป็นกรณีที$มีผลตรงตามคาํขอและไม่กระทบสิทธิและหน้าที$

ของบุคคลอื$น(2) เหตุผลนั)นเป็นที$รู้กนัอยู่แล้วโดยไม่จาํต้องระบุอกี(3) เป็นกรณทีี$ต้องรักษาไว้เป็นความลบัตามมาตรา 32(4) เป็นการออกคําสั$งทางปกครองด้วยวาจาหรือเป็นกรณีเร่งด่วน

แต่ต้องให้เหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรในเวลาอันควรหากผู้อยู่ในบังคบัของคาํสั$งนั)นร้องขอ

คาํสั$งทางปกครองที$ไม่ต้องให้เหตุผล

มาตรา 39 การออกคําสั$งทางปกครองเจ้าหน้าที$อาจกาํหนดเงื�อนไขใด ๆ ได้เท่าที�จําเป็นเพื�อให้บรรลวุัตถุประสงค์ของกฎหมาย เว้นแต่กฎหมายจะกาํหนดข้อจํากดัดุลพนิิจเป็นอย่างอื$น การกําหนดเงื$อนไขตามวรรคหนึ$ง ให้หมายความรวมถึงการกําหนดเงื�อนไขในกรณีดงัต่อไปนี" ตามความเหมาะสมแก่กรณีด้วย

(1) การกาํหนดให้สิทธิหรือภาระหน้าที�เริ�มมีผลหรือสิ"นผล ณ เวลาใดเวลาหนึ�ง(2) การกําหนดให้การเริ$มมีผลหรือสิ)นผลของสิทธิหรือภาระหน้าที$ต้องขึ)นอยู่กับ

เหตุการณ์ในอนาคตที$ไม่แน่นอน(3) ข้อสงวนสิทธิที$จะยกเลกิคําสั$งทางปกครอง

(4) การกําหนดให้ผู้ได้รับประโยชน์ต้องกระทําหรืองดเว้นกระทําหรือต้องมีภาระหน้าที$หรือยอมรับภาระหน้าที$หรือความรับผิดชอบบางประการ หรือการกําหนดข้อความในการจัดให้ม ีเปลี$ยนแปลง หรือเพิ$มข้อกาํหนดดงักล่าว

การกาํหนดเงื$อนไขในคาํสั$งทางปกครอง

มาตรา 39/1 การออกคําสั$งทางปกครองเป็นหนังสือในเรื$องใด หากมิได้มีกฎหมายหรือกฎกําหนดระยะเวลาในการออกคําสั$ งทางปกครองในเรื$องนั)นไว้เป็นประการอื$น ให้เจ้าหน้าที$ออกคําสั$งทางปกครองนั)นให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วนัที$เจ้าหน้าที$ได้รับคาํขอและเอกสารถูกต้องครบถ้วน ให้เป็นหน้าที$ของผู้บังคับบัญชาชั)นเหนือขึ)นไปของเจ้าหน้าที$ ที$จะกํากับดูแลให้เจ้าหน้าที$ดาํเนินการให้เป็นไปตามวรรคหนึ$ง

ระยะเวลาในการทาํคาํสั$งทางปกครอง

การแจ้งสิทธิอุทธรณ์

มาตรา 40 การแจ้งสิทธิอุทธรณ์คาํสั$งทางปกครอง� ระบุกรณทีี$อาจอุทธรณ์ กรณเีป็นคาํสั$งฯ ที$อาจอุทธรณ์ได้� ระบุการยื$นคาํอุทธรณ์ คอื ผู้รับคาํอุทธรณ์ สถานที$ยื$น เงื$อนไข� ระบุคาํอุทธรณ์ต้องทาํเป็นหนังสือระบุข้อโต้แย้งและ ข้อเทจ็จริงหรือข้อกฎหมายที$อ้างองิ� ระบุระยะเวลาการยื$นอุทธรณ์� ไม่แจ้งสิทธิอุทธรณ์ ระยะเวลาอุทธรณ์ขยาย

“ ถ้าท่านประสงค์จะอุทธรณ์คําสั�งนี" ให้ทําคําอุทธรณ์เป็นหนังสือระบุข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกาํหมายที�อ้างอิง ยื�นต่อ…… ภายใน… วัน นับแต่วันทราบคาํสั�งนี" ”

การแก้ไขข้อบกพร่องของคาํสั$งทางปกครอง

มาตรา 41 คาํสั$งทางปกครองที$ออกโดยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัตติามหลกัเกณฑ์ดังต่อไปนี) ไม่เป็นเหตุให้คาํสั$งทางปกครองนั)นไม่สมบูรณ์

1. ออกคาํสั$งฯ โดยยงัไม่มีผู้ยื$นคาํขอ ถ้าต่อมามีการยื$นคาํขอ2. คาํสั$งที$ต้องจัดให้มีเหตุผล ถ้าได้มีการจัดให้มีเหตุผลในภายหลงั3. การรับฟังคู่กรณทีี$ดาํเนินการมาไม่สมบูรณ์ ถ้าได้มีการรับฟังให้สมบูรณ์

ในภายหลงั4. คาํสั$งฯที$ต้องให้เจ้าหน้าที$อื$นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที$นั)นได้ให้

ความเห็นชอบในภายหลงั กรณ ี2-4 ต้องกระทาํก่อนสิ)นสุดการพจิารณาอุทธรณ์ หรือก่อนมีการนําคาํสั$งฯ ไปสู่การพจิารณาของผู้มีอาํนาจพจิารณาวนิิจฉัยความถูกต้องของ คาํสั$งฯ นั)น

การมผีลและสิ)นผลของคาํสั$งทางปกครอง

มาตรา 42 คาํสั$งฯ มีผลใช้ยนัต่อบุคคลตั)งแต่ “ผู้นั)นได้รับแจ้ง” คาํสั$งฯ ที$สื$อความหมายรูปแบบอื$นมีผลเมื$อ “ได้แจ้ง”

(คาํสั�งที�เป็น เสียง แสง สัญญาณ) คาํสั$งฯ ย่อมมีผลตราบเท่าที$

ยงัไม่มีการเพกิถอน หรือ ยงัไม่สิ)นผลโดยเงื$อนเวลา หรือ ยงัไม่สิ)นผลโดยเหตุอื$น

� คาํสั�งฯ สิ"นผล เจ้าหน้าที�มีอํานาจเรียกให้ส่งคนื/ทาํเครื�องหมาย

การแก้ไขเพิ$มเตมิคาํสั$งทางปกครอง

มาตรา 43 คาํสั$งฯ ที$มีข้อผดิพลาดเลก็น้อยหรือผดิหลงเลก็น้อย

� เจ้าหน้าที$แก้ไขข้อผดิพลาด/ผดิหลงเลก็น้อยได้เสมอ

� แจ้งผู้เกี$ยวข้องทราบตามสมควร

เงื$อนไขความสมบูรณ์ของคาํสั$งทางปกครอง

� เงื$อนไขในทางรูปแบบ� เจ้าหน้าที$มีอาํนาจตามกฎหมาย � ออกมาถูกต้องตามขั)นตอนที$ กฎหมายกาํหนด� ทาํตามแบบของคาํสั$ง� ให้เหตุผลในคาํสั$ง� แจ้งสิทธิอุทธรณ์

เงื$อนไขในทางเนื)อหา� ไม่ขัดหลกัความเสมอภาค� พอสมควรแก่เหตุกบัเรื$อง� มีความชัดเจนแน่นอน พอให้ผู้รับคาํสั$งปฏิบัตไิด้

ประเภทและผลของคาํสั$งทางปกครอง

☺ ประเภท � ผลมผีลทางกฎหมาย

มผีลทางกฎหมายแต่อาจถูกเพกิถอนได้

�

การแจ้งคาํสั$งทางปกครอง

การแจ้งคาํสั$งทางปกครอง

แจ้งอย่างไร แจ้งแก่ใคร แจ้งอะไร

เงื$อนไขการแจ้งคาํสั$งทางปกครองมีผลเมื$อได้แจ้ง

เจาะจงตวัปิดประกาศ

ประกาศ นสพ. โทรสาร (FAX)

ผู้รับคาํสั$งผู้แทน

สาระสําคญัของคาํสั$ง

มาตรา 68 บทบัญญัติในหมวดนี)มิให้ใช้บังคับกับการแจ้งซึ$งไม่อาจกระทําโดยวาจาหรือเป็นหนังสือได้ หรือมีกฎหมายกาํหนดการแจ้งไว้เป็นอย่างอื�น …

มาตรา 69 การแจ้งคําสั$งทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอื$นที$เจ้าหน้าที$ต้องแจ้งให้ผู้ที$เกี$ยวข้องทราบอาจกระทําด้วยวาจาก็ได้ แต่ถ้าผู้นั)นประสงค์จะให้กระทาํเป็นหนังสือกใ็ห้แจ้งเป็นหนังสือ การแจ้งเป็นหนังสือให้ส่งหนังสือแจ้งต่อผู้นั)น หรือถ้าได้ส่งไปยังภูมิลําเนาของผู้นั)นกใ็ห้ถือว่าได้รับแจ้งตั)งแต่ขณะที$ไปถึง ในการดําเนินการเรื$องใดที$มีการให้ที$อยู่ไว้กบัเจ้าหน้าที$ไว้แล้ว การแจ้งไปยังที$อยู่ดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการแจ้งไปยงัภูมิลาํเนาของผู้นั)นแล้ว

การแจ้งคาํสั$งทางปกครอง

มาตรา 70 การแจ้งเป็นหนังสือโดยวิธีให้บุคคลนําไปส่ง ถ้าผู้รับไม่ยอมรับหรือถ้านําไปส่งไม่พบผู้รับ และหากได้ส่งให้กับบุคคลใดซึ$งบรรลุนิติภาวะที$อยู่หรือทํางานในสถานที$นั)น หรือในกรณีที$ผู้นั)นไม่ยอมรับ หากได้วางหนังสือนั)นไว้ในที$ซึ$งเห็นได้ง่าย ณ สถานที$นั)นต่อหน้าเจ้าพนักงานตามที$กาํหนดในกฎกระทรวงที$ไปเป็นพยานกใ็ห้ถือว่าได้รับแจ้งแล้ว

มาตรา 71 การแจ้งโดยวธิีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื$อครบกําหนดเจ็ดวันนับแต่วันส่งสําหรับกรณีภายในประเทศ หรือเมื$ อครบกําหนดสิบห้าวันนับแต่วันส่ง สําหรับกรณี ส่งไปยังต่างประเทศ เว้นแต่จะมีการพสิูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับก่อนหรือหลงัจากวนันั)น

การแจ้งคาํสั$งทางปกครอง

การแจ้งคาํสั$งทางปกครอง

� การแจ้งด้วยวาจา� การแจ้งเป็นหนังสือ

� แจ้งต่อผู้นั)น� ส่งไปยงัภูมิลาํเนา หรือที$อยู่ที$ได้ให้ไว้กบัเจ้าหน้าที$ไว้แล้ว� ให้บุคคลไปส่ง� ส่งทางไปรษณยี์ตอบรับ (ในประเทศ/ต่างประเทศ)

� การแจ้งโดยประกาศหนังสือพมิพ์� การแจ้งโดยวธิีปิดประกาศ ในกรณผีู้รับเกนิ 50 คน การแจ้งโดยเครื$องโทรสาร กรณมีเีหตุจําเป็นเร่งด่วน

มาตรา 18 หนังสือเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษี หรือหนังสืออื$นที$มีถึงบุคคลใด เพื$อปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ1. ให้ส่งโดยทางไปรษณยี์ลงทะเบียนตอบรับ2. ให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตนําไปส่ง�ณ ภูมลิาํเนาหรือสํานักงานของบุคคลนั)น�ในเวลาระหว่างพระอาทติย์ขึ)นถึงพระอาทติย์ตก หรือในเวลาทาํการ�ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมลิาํเนาหรือสํานักงานของผู้รับ จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ$งบรรลุ นิตภิาวะแล้วและอยู่หรือทาํงานในบ้านหรือสํานักงานของผู้รับกไ็ด้

3. ถ้าไม่สามารถส่งหนังสือตาม 1-2 ปิดหนังสือในที$ซึ$งเห็นได้ง่าย ณ สํานักงาน โรงอุตสาหกรรม ภูมลิาํเนา ถิ$นที$อยู่ของผู้รับ โฆษณาข้อความย่อในหนังสือพมิพ์ที$จําหน่ายเป็นปกติในท้องที$นั)น

การแจ้งตาม พ.ร.บ.ภาษสีรรพสามติฯ

การนับระยะเวลาสิ)นสุด

กรณีเจ้าหน้าที$มหีน้าที$ต้องกระทาํการภายในระยะเวลาที$กาํหนด ให้นับวนัสิ)นสุดของระยะเวลานั)นรวมเข้าด้วยแม้ว่าวนัสุดท้ายเป็นวนัหยุดทาํการงานสําหรับเจ้าหน้าที$

กรณีบุคคลใดต้องทําการภายในระยะเวลาที$กฎหมายกาํหนดหรือตามคาํสั$งเจ้าหน้าที$ ถ้าวนัสุดท้ายเป็นวนัหยุดเจ้าหน้าที$หรือวนัหยุดตามประเพณีของผู้รับคําสั$ง ให้ถือว่าระยะเวลานั)นสิ)นสุดในวนัทาํงานถัดจากวนัหยุดนั)น เว้นแต่กฎหมายหรือเจ้าหน้าที$จะกาํหนดไว้เป็นอย่างอื$น

การทบทวนคาํสั$งทางปกครอง

การทบทวนคาํสั$งทางปกครอง

คู่กรณีต้องอุทธรณ์เป็นหนังสือภายใน 15 วนั

นับแต่ได้รับแจ้ง

การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลา

การบังคบัตามคําสั$ง

การทบทวนโดยเจ้าหน้าที$

การเพกิถอนคาํสั$ง การขอให้พจิารณาใหม่การอุทธรณ์

� เจ้าหน้าที$พจิารณาทบทวนคาํสั$งฯ ปัญหาข้อเทจ็จริง ข้อกฎหมาย และความเหมาะสมของการทาํคาํสั$งฯ

อาจเพกิถอนคาํสั$งเดิม หรือเปลี$ยนแปลงคาํสั$งฯ ไปในทางใด

ไม่ว่าจะเป็นการเพิ$มภาระหรือลดภาระหรือใช้ดุลพนิิจแทนในเรื$องความ

เหมาะสมของการทาํคาํสั$งฯ หรือมีข้อกาํหนดเป็นเงื$อนไขอย่างไรกไ็ด้

� กรณอีุทธรณ์ต่อเจ้าหน้าที$ซึ$งเป็นคณะกรรมการ การพจิารณาให้เป็นไปตามกฎหมายนั)น แต่กระบวนการพจิารณาให้ปฏิบัตติามกฎหมายนี)

การพจิารณาอุทธรณ์

เจ้าหน้าที$พจิารณาคาํอุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกนิ 30 วนั� กรณเีห็นด้วยกบัคาํอุทธรณ์ไม่ว่าทั)งหมด/บางส่วน ให้เปลี$ยนแปลงคาํสั$งฯ ตามความเห็นของตน ภายในกาํหนดเวลา� กรณไีม่เห็นด้วยกบัคาํอุทธรณ์ไม่ว่าทั)งหมดหรือบางส่วน

� รายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยงัผู้มีอาํนาจพจิารณาฯ� แจ้งผลการพจิารณาอุทธรณ์ในเบื)องต้นให้ผู้อุทธรณ์ทราบ� ให้ผู้มีอาํนาจฯ พจิารณ์ให้เสร็จภายใน 30 วนันับแต่ได้รับรายงาน� มีเหตุจําเป็นให้มีหนังสือแจ้งผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบกาํหนด ให้ขยาย เวลาพจิารณาอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกนิ 30 วนั นับแต่วนัครบกาํหนด� ผู้มีอาํนาจพจิารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามกฎกระทรวง

การพจิารณาอุทธรณ์

หนังสือเวยีนและคาํสั$งกรมสรรพสามติ

� แต่งตั)ง คกก.พจิารณาอุทธรณ์คาํสั$งทางปกครอง� พจิารณากลั$นกรองคําอุทธรณ์� เรียกผู้เกี$ยวข้องให้ถ้อยคํา/ส่งเอกสารหลกัฐาน� เสนอความเห็นให้กรมฯ พจิารณาสั$งการ

� การแจ้งสิทธิอุทธรณ์�การพจิารณาอุทธรณ์

� เห็นด้วยกบัคาํอุทธรณ์�ไม่เห็นด้วยกบัคาํอุทธรณ์

� การอุทธรณ์ตามกฎหมายนี) (เป็นทั)งสิทธิและหน้าที$)� เป็นระบบการอุทธรณ์ทั$วไป (ความเป็นกฎหมายกลาง)� เป็นระบบการอุทธรณ์บังคบั (หากจะฟ้องศาลปกครอง)� เป็นระบบอุทธรณ์ 2 ชั)น � เจ้าหน้าที$ผู้ออกคาํสั$งฯ � ผู้มีอาํนาจพจิารณาอุทธรณ์

� ไม่ใช้กบัขั)นตอนและระยะเวลาอุทธรณ์ที$กาํหนดในกฎหมายเฉพาะ

การอุทธรณ์คาํสั$งทางปกครอง

< 90 วัน

แผนผงัการพจิารณาอุทธรณ์ (อุทธรณ์ 2 ชั)น)

การพจิารณาอุทธรณ์คาํสั$งทางปกครองจนท. ผู้ทําคาํสั$ง คาํสั$งทางปกครอง

คู่กรณี

ไม่เห็นด้วยเห็นด้วย -> ยุติ

อุทธรณ์ภายใน 15 วนั

ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาจนท. พจิารณา ภายใน 30 วนั

จนท. พจิารณา ภายใน 30 วนั

ยื$นต่อผู้ทําคาํสั$ง

ไม่เห็นด้วยเห็นด้วย

เปลี$ยนแปลงคาํสั$ง

แจ้งผู้อุทธรณ์

รายงานความเห็นพร้อมเหตุผล

รายงานความเห็นพร้อมเหตุผล

ผู้มีอาํนาจพจิารณาภายใน 30 วนั

ผู้มีอาํนาจพจิารณาภายใน 30 วนัแจ้งผลคาํวนิิจฉัย

พจิารณาไม่แล้วเสร็จ

ขยายเวลาไม่เกนิ 30 วนั

ขยายเวลาไม่เกนิ 30 วนั

แจ้งผู้อุทธรณ์

เห็นด้วย -> ยุติ ไม่เห็นด้วย

มีสิทธิฟ้องศาลปกครองภายใน 15 วนั

มีสิทธิฟ้องศาลปกครองภายใน 15 วนั

การพจิารณาอุทธรณ์

• ความเป็นมาของเรื$องข้อเทจ็จริง

• เป็นการอุทธรณ์คาํสั$งทางปกครองหรือไม่• พจิารณาตามกฎหมายใด/ใครมอีาํนาจพจิารณา• ยื$นอุทธรณ์ภายในกาํหนดเวลาหรือไม่• คาํสั$งทางปกครองชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

• ทาํโดยเจ้าหน้าที$ที$มอีาํนาจ• ขั)นตอนการทาํคาํสั$ง• รูปแบบของคาํสั$ง• เนื)อหาของคาํสั$ง

ข้อพจิารณา

• ฟังขึ)นหรือไม่กรณตีามคาํอุทธรณ์

� สิ)นผลโดยการเพกิถอน� โดยศาลปกครอง (เฉพาะคาํสั$งไม่ชอบฯ)� โดยฝ่ายปกครองเอง (ทั)งคาํสั$งชอบและไม่ชอบฯ)

การอุทธรณ์คาํสั$ง การเพกิถอนคาํสั$ง การขอให้พจิารณาใหม่

� สิ)นผลโดยเงื$อนเวลา� เงื$อนไขประกอบคาํสั$ง

� สิ)นผลโดยเหตุอื$น� เช่น ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และสร้างเสร็จแล้วฯ

การสิ)นผลของคาํสั$งทางปกครอง

การปฏิบัตริาชการตาม พรบ.ว.ิปกครองปชช. ยื$นคาํร้องขอต่อ จนท. จนท.ใช้อาํนาจตามกฎหมาย

การพจิารณาของ จนท. (ม. 26-33)

จนท. (ม. 12-20) คกก. (ม. 75-84)คู่กรณ ี(ม. 21-25)

คาํสั$งทางปกครอง (ม. 34-43)

การแจ้ง (ม. 68-74)

ระยะเวลาและอายคุวาม (ม. 64-67)

อทุธรณ์คาํสั$ง(ม. 44-48)

เพกิถอนคาํสั$ง(ม. 49-53)

ขอให้พจิารณาใหม่(ม. 54)

บังคับทางปกครอง(ม. 55-63)

ฟ้องศาลปกครอง (ม. 48)

การประเมนิภาษี

มไิด้ยื$นแบบรายการภาษีภายในกาํหนดเวลา

ยื$นแบบรายการภาษีไม่ถูกต้อง/ผดิพลาด

ไม่ปฏิบตัิตามหนังสือเรียกคาํสั$ง ไม่ตอบคาํถาม พนท.ไม่สามรถแสดงหลกัฐานฯ

มกีรณตีามมาตรา 42

การประเมนิภาษี

พนท.มอีาํนาจ� จัดทาํรายการลงในแบบตามหลกัฐานที$ถูกต้อง เมื$อมไิด้มกีารยื$นแบบรายการภาษี� แก้ไขเพิ$มเติมรายการในแบบหรือเอกสารอื$นที$ยื$นประกอบ เพื$อให้ถูกต้อง� ประเมนิภาษตีามหลกัฐานที$ พนท.มอียู่หรือตามที$พจิารณาว่าถูกต้อง

เมื$อประเมนิแล้ว ให้ พนท.แจ้งการประเมนิเป็นหนังสือต่อผู้มหีน้าที$เสียภาษี

กรณกีารประเมนิไม่ถูกต้อง/ผดิพลาด ทาํให้จํานวนเงนิภาษทีี$ต้องเสียคลาดเคลื$อนไป พนท.มอีาํนาจแก้และแจ้งจํานวนเงนิภาษทีี$ถูกต้องไปยงัผู้มหีน้าที$เสียภาษี

อายุความ�2 ปีนับแต่วนัสุดท้ายแห่งกาํหนดเวลายื$นแบบ กรณียื$นแบบภายในกาํหนดเวลา�2 ปีนับแต่วนัสุดท้ายแห่งกาํหนดเวลายื$นแบบ กรณียื$นแบบหลงักาํหนดเวลา…�10 ปีนับแต่วนัสุดท้ายแห่งกาํหนดเวลายื$นแบบ กรณไีม่มกีารยื$นแบบ หรือยื$นแสดงมูลค่าขาดเกนิร้อยละ 25

การคดัค้านการประเมนิภาษสีรรพสามติ

ผู�มีหน�าที่เสียภาษีได�รับหนังสือแจ�งการประเมิน

ตามแบบที่อธิบดีกําหนด (ภษ.01-25) ม.86ยื่นคําคัดค�านต-ออธิบดีหรือผู�ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามแบบที่อธิบดีกําหนด (ภษ.01-25) ม.86

ดําเนินการพิจารณาคําคัดค�านดําเนินการพิจารณาคําคัดค�าน(โดยผู�รับผิดชอบสํานวน)

รวบรวมข�อเท็จจริง / เอกสาร/ พยาน ที่เกี่ยวข�อง

ขอสํานวนการตรวจสอบภาษี เชิญผู�ถูกประเมินมาให�ถ�อยคําเชิญผู�ประเมินภาษีมาให�ถ�อยคํา

สรุปข�อเท็จจริงและข�อกฎหมาย พร�อมความเห็นสรุปข�อเท็จจริงและข�อกฎหมาย พร�อมความเห็นเสนอผู�มีอํานาจวินิจฉัยคําคัดค�าน

การคดัค้านการประเมนิภาษสีรรพสามติ

อธิบดีหรือผู�ซึ่งอธิบดีมอบหมายอธิบดีหรือผู�ซึ่งอธิบดีมอบหมายวินิจฉัยคําคัดค�าน ม. 88

ไม-รับคําคัดค�าน เพิกถอนการประเมินยกคําคัดค�าน

แจ�งผลคําวินิจฉัยพร�อมเหตุผล (ภษ. 02-10)แจ�งผลคําวินิจฉัยพร�อมเหตุผล (ภษ. 02-10)ให�ผู�คัดค�านทราบ

แก�การประเมิน

ไม-เห็นด�วยกับคําวินิจฉัยเห็นด�วยกับคําวินิจฉัย

ชําระเงินตามคําวินิจฉัย

ยุติ

อุทธรณ?ต-อ คกก.พิจารณาอุทธรณ?ภายใน 45 วัน ม. 89

การคดัค้านการประเมนิภาษสีรรพสามติ

มาตรา 86 - 881. ผู้มีหน้าที$เสียภาษีที$ได้รับแจ้งการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที$ มีสิทธิคัดค้าน

การประเมินต่ออธิบดหีรือผู้ซึ�งอธิบดมีอบหมาย ภายใน 45 วันนับแต่วันที�ได้รับแจ้งการประเมิน2. ในการพิจารณาคําคัดค้าน อธิบดีหรือผู้ซึ$งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจออกหนังสือ

เรียกผู้ยื$นคําคัดค้านมาให้ถ้อยคําเพิ�มเติม หรือเรียกบุคคลอื�นมาให้ถ้อยคําเป็นพยาน สั$งบุคคลดงักล่าวให้ส่งบัญชี เอกสาร หรือหลกัฐานอื�นที�เกี�ยวข้องมาตรวจสอบได้

3. อธิบดีหรือผู้ซึ$งอธิบดีมอบหมายต้องวินิจฉัยคําคัดค้านภายใน 60 วันนับแต่วันที$ได้รับ คําคัดค้านและแจ้งคําวินิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือไปยังผู้ยื�นคําคัดค้าน โดยมีอํานาจสั$ง ไม่รับคําคัดค้าน ยกคําคัดค้าน เพิกถอนการประเมิน แก้การประเมินให้เสียภาษีเพิ�มขึ"นหรือลดลง การสั$งไม่รับคาํคดัค้าน ให้ถอืว่าได้วินิจฉัยให้ยกคาํคดัค้าน

การพจิารณาคาํคดัค้าน

1การคดัค้านและการรับคาํคดัค้าน

� ยื$นภายใน 45 วนั ตามแบบ ภษ.01-25� ยื$นที$ สนง.สส.ที$ประเมนิ� ส่งให้หน่วยงานที$มอีาํนาจภายใน 3 วนั� บันทกึรายละเอยีดการรับคาํคดัค้าน� ส่งสําเนาคาํคดัค้านให้หน่วยเร่งรัด หน่วยประเมนิ ภาครายงานกรม� หน่วยประเมนิส่งสํานวนให้หน่วยงานที$มอีาํนาจพจิารณาภายใน 7 วนั

2การพจิารณาคาํคดัค้าน

� ผอ.สสภ. < 25 ล้านบาท รองอธิบด ี > 25 ล้านบาท� ผู้รับผดิชอบสํานวนพจิารณา� ทาํรายงานเสนอผู้มีอาํนาจและทาํคาํวนิิจฉัยตามแบบ ภษ.02-10 ภายใน 60 วนั� ส่งคาํวนิิจฉัยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน� ส่งคาํวนิิจฉัยให้หน่วยประเมนิ หน่วยรับชําระภาษี หน่วยเร่งรัด ภาครายงานกรม

การอุทธรณ์คาํวนิิจฉัยคาํคดัค้านมาตรา 89 - 96

1. ผู้ยื$นคําคัดค้านมีสิทธิอุทธรณ์คําวินิจฉัยคําคัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 45 วนันับแต่วนัที$ได้รับแจ้งคาํวินิจฉัย ผู้ยื�นคําคัดค้านไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกหรือคําสั�งของผู้พิจารณาคําคัดค้าน หรือไม่ยอมตอบคาํถามอันเป็นสาระสําคญัเกี�ยวกบัการพจิารณาคาํคดัค้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร ห้ามมิให้อุทธรณ์...

2. คณะกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธาน ผู้แทนศุลกากร สรรพสามิต สรรพากร สนง.อยัการสูงสุด สนง.กฤษฎกีา และที$ปรึกษากฎหมาย สป.กค. กรรมการ

3. องค์ประชุมกึ$งหนึ$งของกรรมการทั)งหมด การวินิจฉัยชี)ขาดถือเสียงข้างมาก กรรมการหนึ$งคนมหีนึ$งคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากนัให้ประธานในที$ประชุมออกเสียงชี)ขาด

4. คกก.มอีาํนาจออกหนังสือเรียก/สั$งบุคคลให้มาให้ถ้อยคาํ ส่งเอกสารหลกัฐาน ตั)งอนุ กก. 5. คกก.มีอํานาจสั$ง ไม่รับอุทธรณ์ ยกอุทธรณ์ เพกิถอนการประเมินหรือคําสั$งของผู้พจิารณาคําคัดค้าน แก้การประเมินหรือคําสั$งของผู้พิจารณาคําคัดค้านให้ผู้อุทธรณ์เสียภาษีเพิ$มขึ)นหรือลดลง และแจ้งคาํวนิิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือไปยงัผู้อุทธรณ์ 6. เมื$อมีคําวินิจฉัยอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์มีสิทธิอุทธรณ์คําวินิจฉัยอุทธรณ์โดยฟ้องคดีต่อศาลภายใน 30 วนันับแต่วนัที$ได้รับแจ้งคาํวนิิจฉัยอุทธรณ์

การพจิารณาคาํอุทธรณ์

ยื$นภายใน 45 วนั ตามแบบ ภษ.01-26ยื$นที$ สนง.สส.ที$รับผดิชอบส่งกรมภายใน 3 วนัส่วนอุทธรณ์บันทกึการรับอุทธรณ์ ส่งสําเนาคาํอุทธรณ์ให้หน่วยเร่งรัด หน่วยประเมนิ หน่วยพจิารณาคาํคดัค้านหน่วยประเมนิและหน่วยพจิารณา คาํคดัค้านส่งสํานวนภายใน 15 วนั

�สํานักกฎหมายรับผดิชอบสํานวน�ผู้รับผดิชอบสํานวนพจิารณาเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาสั$งการ�เมื$อกรมสั$งให้นําเรื$องเสนอ คกก.ให้ส่งสํานวนให้ฝ่ายเลขาฯ คกก. �ทาํระเบียบวาระการประชุม เชิญประชุม รายงานการประชุม คาํวนิิจฉัยอุทธรณ์ตามแบบ ภษ.02-09

เบี)ยปรับและเงนิเพิ$ม

� มิ ไ ด้ ยื� น แ บ บ ร า ย ก า ร ภ า ษีภายในกําหนดเวลา เสียเบี"ยปรับ2 เท่าของเงินภาษี� ยื�นแบบรายการภาษีไม่ถูกต้อง/มีข้อผิดพลาด ทําให้จํานวนภาษีที�ต้องเสียขาดไป เสียเบี"ยปรับ 1 เท่าของเงินภาษทีี�เสียขาดไป

ไม่ชําระภาษีภายในกําหนดเวลาหรือชําระขาด เสียเงินเพิ�มร้อยละ 1.5 ต่อเดอืน หรือเศษของเดือนไม่รวมเบี"ยปรับ การคาํนวณเงินเพิ�มไม่คดิทบต้น เงินเพิ�มไม่เกินจํานวนภาษีที�ต้องชําระโดยไม่รวมเบี"ยปรับ

เบี"ยปรับและเงินเพิ�ม อาจงดหรือลดลงได้ ตามหลักเกณฑ์ที�กาํหนดในกฎกระทรวง เบี"ยปรับและเงินเพิ�ม ให้ถอืเป็นเงินภาษี

การลดหรืองดเบี)ยปรับและเงนิเพิ$ม

การทุเลาการชําระภาษี

อธิบดีหรือผู้ซึ$ งได้รับมอบหมาย มีอํานาจสั$งให้ทุเลาการชําระภาษีทั) งหมดหรือบางส่วน และจะสั$งให้หาประกันตามที$เห็นสมควรกไ็ด้

การคัดค้าน การอุทธรณ์ หรือฟ้องศาล ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการชําระภาษ ีเว้นแต่ได้มีการยื$นขอทุเลาการชําระภาษี

ประวงิการชําระภาษ ีกระทาํหรือตั)งใจโอน ขาย จําหน่าย ยกัย้ายทรัพย์สินทั)งหมดหรือบางส่วนให้พ้นอาํนาจการยดึหรืออายดั เพกิถอนคาํสั$งทุเลาการชําระภาษไีด้

การทุเลาการชําระภาษี

1 • คาํขอทุเลาตามแบบ ภษ.01-27

2 • ยื$นต่อผู้มีอาํนาจพจิารณา

3• หลกัประกนั หนังสือคํ)าประกนัธนาคาร โฉนดที$ดิน

พนัธบัตรรัฐบาล สมุดเงินฝากประจํา

4 • พจิารณาภายใน 30 วนั ขยายได้ครั)งละไม่เกนิ 30 วนั

5 • รูปแบบและการส่งตาม พรบ.ว.ิปกครอง

1 เจ้าหน้าที$ผู้ทาํละเมิดต้องรับผดิเป็นส่วนตัว

2 หน่วยงานของรัฐร่วมรับผดิแล้วไล่เบี)ยจากเจ้าหน้าที$

3 เจ้าหน้าที$ร่วมกนักระทาํผดิต้องรับผดิอย่างลูกหนี)ร่วม

คุ้มครอง จนท. ที$ปฏบิตัหิน้าที$สุจริต และใช้ความระมัดระวงัตามสมควร

เจ้าหน้าที$ปฏิบัตหิน้าที$ ไม่ใช่เพื$อประโยชน์ของตนเองเมื$อเกดิความเสียหาย นํา ปพพ. มาใช้บังคบั ไม่เหมาะสม

บางกรณีเจ้าหน้าที$ที$อาจกระทาํโดยไม่ตั)งใจ หรือผดิพลาดเลก็น้อย

หลกัลูกหนี)ร่วม ทาํให้ต้องรับผดิในการกระทาํของเจ้าหน้าที$อื$นด้วย

เจ้าหน้าที$ไม่กล้าตดัสินใจเพราะเกรงต้องรับผดิ บั$นทอนขวญักาํลงัใจ

ม. 4 ความหมาย (เจ้าหน้าที$ และ หน่วยงานของรัฐ)ม. 5 การกระทาํละเมดิต่อบุคคลภายนอกอนัเกดิจากการปฏิบัตหิน้าที$ม. 6 การกระทาํละเมดิต่อบุคคลภายนอกที$ไม่เกดิจากการปฏิบัตหิน้าที$ม. 7 หน่วยงาน/เจ้าหน้าที$ มสีิทธิขอให้ศาลเรียกอกีฝ่ายหนึ$งเข้ามาในคดไีด้ม. 8 สิทธิไล่เบี)ยของหน่วยงาน (จงใจ หรือประมาทเลนิเล่ออย่างร้ายแรง)ม. 9 อายุความใช้สิทธิไล่เบี)ยม. 10 การกระทาํละเมดิต่อหน่วยงานที$เกดิ/ไม่ได้เกดิ จากการปฏิบัตหิน้าที$ม. 11 ผู้เสียหายเรียกให้หน่วยงานพจิารณาชดใช้ค่าเสียหาย (ต้องออกใบรับให้)ม. 12 หน่วยงานออกคาํสั$งเรียกให้เจ้าหน้าที$ชําระเงนิค่าสินไหมทดแทนม. 13 ให้ ครม.มอีาํนาจออกระเบียบให้เจ้าหน้าที$รับผดิผ่อนชําระม. 14 จัดตั)ง “ศาลปกครอง” ให้สิทธิร้องทุกข์ ครท. ถือเป็นสิทธิฟ้องคดี

ส่วนกลาง (กระทรวง ทบวง กรม)ส่วนภูมภิาคส่วนท้องถิ$น

จัดตั)งโดย พ.ร.บ. จัดตั)งโดย พ.ร.ฎ.

ที$ม ีพ.ร.ฎ กาํหนด

ฐานะกรรมการฐานะอื$น

การปฏิบัติหน้าที$หน่วยงานของรัฐต้องรับผดิต่อผู้เสียหายฟ้องหน่วยงานของรัฐได้โดยตรง ฟ้อง จนท.ไม่ได้จนท.ไม่สังกดัหน่วยงานใด ก.คลงั รับผดิชอบ

ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที$จนท. ต้องรับผดิต่อผู้เสียหายเป็นส่วนตัว

ฟ้อง จนท. โดยตรง ฟ้องหน่วยงานของรัฐไม่ได้

ยื$นคาํขอต่อหน่วยงานหน่วยงานออกใบรับคาํขอไว้ให้

เป็นหลกัฐานพจิารณาโดยไม่ชักช้า (ภายใน

180 วนั ขอ รมต. ขยายอกีไม่เกนิ180 วนั)

หน่วยงานมี “คาํสั$ง” แล้วไม่พอใจ มสีิทธิฟ้องคดตี่อศาลปกครอง/ศาลยุติธรรม

ยื$นฟ้องต่อศาลศาลปกครอง

ใช้อาํนาจตามกฎหมายศาลยุติธรรม

ไม่ใช้อาํนาจตามกฎหมาย ไม่ได้ละเมิดในการปฏิบัติ หน้าที$

ศาลยุตธิรรม

ศาลปกครอง

ละเมิดที$เกดิจากการปฏิบัตหิน้าที$การใช้อาํนาจตามกฎหมาย กฎ คาํสั$งทางปกครอง หรือคาํสั$งอื$น ละเลยต่อหน้าที$ที$กฎหมายกาํหนด ปฏิบัตหิน้าที$ล่าช้า

ละเมิดที$เป็นการปฏิบัตหิน้าที$ ไม่ได้เกดิจากการใช้อาํนาจตามกฎหมาย และ ไม่ใช่กรณีเหตุฟ้องคดตี่อศาลปกครอง

ละเมิดที$ไม่ได้เกดิจากการปฏิบัตหิน้าที$ (เจ้าหน้าที$ต้องรับผดิเป็นส่วนตวั)

หากผู้ถูกฟ้องคดีเห็นว่าอกีฝ่ายต้องรับผดิหรือร่วมรับผดิ มีสิทธิขอให้ศาลเรียกอกีฝ่ายมาในคดีได้

ผู้เสียหายฟ้องหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที$ของรัฐ

ศาลยกฟ้องเพราะฟ้องผดิตวั

ให้ขยายอายุความฟ้องร้องผู้ที$ต้องรับผดิออกไปถึง 6 เดือนนับแต่วนัที$คาํพพิากษาถึงที$สุด

เจ้าหน้าที$

ไม่จงใจ/ประมาทเลนิเล่อธรรมดา

เป็นพบักบัหน่วยงานของรัฐ

หน่วยงานใช้ค่าเสียหายแล้ว

Text

จงใจ/ประมาทเลนิเล่ออย่างร้ายแรง

เรียกเอากบัเจ้าหน้าที$ ไม่ใช้หลกัลูกหนี)ร่วม ผ่อนชําระได้

รับผดิเตม็จํานวนรับผดิบางส่วนไม่เต็มจํานวน ตามระดบัความร้ายแรง ความเป็นธรรมแต่ละกรณีหักส่วนความรับผดิ ความบกพร่องของหน่วยงานหรือระบบการดาํเนินงานส่วนรวม

แต่งตั)งคณะกรรมการสอบข้อเทจ็จริงความรับผดิทางละเมิด

รวบรวมหลกัฐานและให้ผู้เกี$ยวข้องชี)แจง

คณะกรรมการเสนอความเห็นไปยงัผู้แต่งตั)ง

วนิิจฉัยว่ามีผู้รับผดิหรือไม่ เท่าใด แต่ยงัไม่แจ้งเจ้าหน้าที$

ส่งสํานวนให้กระทรวงการคลงัตรวจสอบและพจิารณา

ออกคาํสั$งให้เจ้าหน้าที$ชดใช้ตามความเห็นของกระทรวงการคลงั

แจ้งคาํสั$งให้เจ้าหน้าที$ พร้อมสิทธิอทุธรณ์

เหตุละเมดิเกดิจาก

การปฏิบัตหิน้าที$การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที$ให้นํามาตรา 8 มาใช้บังคบัโดยอนุโลม

เรียกค่าสินไหมฯ ได้เฉพาะกรณีเป็นการจงใจหรือประมาทเลนิเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั)น

มิใช่การปฏิบัตหิน้าที$ ให้บังคบัตาม ปพพ.

กรณีเจา้หนา้ที�กระทาํละเมิดต่อหน่วยงานฯจาก “การปฏิบัตหิน้าที$” และ “มใิช่การปฏิบัตหิน้าที$”

อายุความเรียกค่าสินไหมทดแทน

2 ปีนับแต่วนัที$

รู้ถึงการละเมดิ + รู้ตวั จนท. ผู้ทาํละเมดิ

1 ปีนับแต่วนัที$หน่วยงานมคีาํสั$งตามความเห็นของ กค. กรณี

หน่วยงานเห็นว่า จนท. ไม่ต้องรับผดิ แต่ กค.

เห็นว่า ต้องรับผดิ

เจ้าหน้าที$ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่หน่วยงาน

กรณหีน่วยงานชดใช้ค่าสินไหมให้ผู้เสียหายกรณกีระทาํละเมดิต่อหน่วยงาน

หน่วยงานที$เสียหายมอีาํนาจออก “คาํสั$ง” เรียกให้เจ้าหน้าที$ชําระเงนิภายในกาํหนดเวลาได้

คาํสั$งทางปกครองที$กาํหนดให้ผู้ใดชําระเงนิ ถงึกาํหนดแล้วไม่ชําระ

ให้เจ้าหน้าที$มีหนังสือเตอืนให้ชําระภายในเวลาที$กาํหนด

แต่ต้องไม่น้อยกว่า 7 วนั

ถ้าไม่ปฏบิตัติามคาํเตอืน เจ้าหน้าที$ใช้มาตรการบงัคบัทางปกครองโดย

“ยดึ อายดัทรัพย์สินของผู้นั)นและขายทอดตลาดเพื$อชําระเงนิให้ครบถ้วน”

การยดึ อายดั และขายทอดตลาดฯ ปฏบิตัติาม ป ว.ิแพ่ง โดยอนุโลม

การบงัคบัทางปกครองไม่ใช้กบัเจ้าหน้าที$ด้วยกนั

เว้นแต่จะมีกฎหมายกาํหนดไว้เป็นอย่างอื$น

เจ้าหน้าที$กระทาํละเมดิต่อหน่วยงานของรัฐ

แต่งตั)งคณะกรรมการสอบสวนความผดิฯ

แจ้งกระทรวงการคลงั

มีคาํสั$งตามความเห็น ของกระทรวงการคลงั

ปฏิบัตหิน้าที$ไม่ใช่ปฏิบัตหิน้าที$

แจ้งให้ชดใช้

ไม่ชดใช้ฟ้องศาลยุตธิรรม

ภายใน 2 ปี หรือ 1 ปี พรบ.ละเมิด ม.10 ว. 2

ไม่จงใจ/ประมาทเลนิเล่อธรรมดา

เป็นพบัแก่หน่วยงาน

จงใจ/ประมาทเลนิเล่ออย่างร้ายแรง

ออกคาํสั$งเรียกให้เจ้าหน้าที$ชําระค่าสินไหมทดแทน

ไม่ชดใช้ ใช้มาตรการบังคบัทางปกครอง ม. 55-57 ว.ิปกครอง

1. แยกความรับผดิอนัเกดิจาก “การปฏิบัติหน้าที$ & ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที$”2. แยกความรับผดิของหน่วยงาน & เจ้าหน้าที$3. สิทธิไล่เบี)ย เฉพาะกรณจีงใจ-ประมาทเลนิเล่ออย่างร้ายแรง4. การไล่เบี)ย คาํนึงถึงระดับความร้ายแรง-ความบกพร่องของหน่วยงาน5. ไม่นําหลกั “ลูกหนี)ร่วม” มาใช้บังคบั6. กาํหนดเรื$อง “อายุความ” แตกต่างจาก ปพพ.7. หน่วยงานใช้ “มาตรการบังคบัทางปกครอง” ได้เอง