ภาคผนวก ง - loeitech.ac.th file258 6....

255

ภาคผนวก ง

- แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียน Pre-Test - เฉลยขอ้สอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียน Pre-Test - แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงัเรียน Post-Test - เฉลยขอ้สอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงัเรียน Post-Test

256

แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน Pre-Test วชิาอปุกรณ์อเิลก็ทรอนิกส์ รหัส 2104-2205

จ านวน 120 ข้อ หน่วยที ่1 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่2 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่3 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่4 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่5 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่6 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่7 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่8 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่9 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่10 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่11 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่12 จ านวน 10 ข้อ

257

แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน หน่วยที ่1

ค าช้ีแจง 1. แบบทดสอบชุดน้ีมีทั้งหมด 10 ขอ้ 2. ใหท้ าเคร่ืองหมายกากบาท (X) ทบัขอ้ท่ีถูกท่ีสุดเพียงขอ้เดียว 3. ใชเ้วลาในการท าแบบทดสอบ 15 นาที

1. ขอ้ใดคือโครงสร้างของอะตอม ก. อิเล็กตรอนและโปรตอน

ข. อิเล็กตรอนและนิวตรอน ค. โปรตอนและนิวตรอน ง. โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน 2. ส่วนใดในอะตอมธาตุท่ีเป็นกลางทางไฟฟ้า

ก. โปรตอน ข. นิวตรอน ค. นิวเคลียส ง. อิเล็กตรอน

3. วงโคจรของอิเล็กตรอนวงท่ี 3 มีจ านวนอิเล็กตรอนไดม้ากสุดเท่าไร ก. 6 ตวั ข. 8 ตวั ค. 18 ตวั ง. 32 ตวั

4. การค านวณหาค่าจ านวนอิเล็กตรอนในวงโคจรเพื่ออะไร ก. เพื่อทราบสถานะของธาตุต่าง ๆ วา่จะน าไปใชง้านดา้นไหน ข. เพื่อมิใหอิ้เล็กตรอนท่ีโคจรในวงนอกสุดจะมีอิเล็กตรอนไดม้ากสุดไม่เกิน 8 ตวั ค. เพื่อจะทราบการเคล่ือนตวัของธาตุต่าง ๆ ง. เพื่อเป็นการรวมตวัของธาตุไดเ้หมาะสมก่อนน าไปใชง้าน

5. วาเลนซ์อิเล็กตรอนคืออะไร ก. อิเล็กตรอนท่ีโคจรในวงนอกสุดของอะตอม ข. อิเล็กตรอนอิสระท่ีหลุดเคล่ือนท่ีไปยงัอะตอมอ่ืน ๆ ได ้ค. อิเล็กตรอนในวงโคจรท่ีอิเล็กตรอนไม่เตม็จ านวน ง. อิเล็กตรอนส่วนท่ีเกินมาซ่ึงเคล่ือนท่ีมาจากอะตอมอ่ืน ๆ

258

6. ขอ้ใดคือความหมายของวงวาเลนซ์ ก. วงนอกสุดของอะตอมจะมีอิเล็กตรอนไดไ้ม่เกิน 8 ตวั ข. วงชั้นในสุดของอะตอมจะมีอิเล็กตรอน 10 ตวัเท่านั้น ค. วงอิเล็กตรอนของอะตอมธาตุแต่ละชนิดจะมีจ านวนเท่ากนัเสมอ ง. วงท่ีเกิดความตา้นทางทางไฟฟ้าสูงท่ีสุด

7. การผลิตสารก่ึงตวัน าชนิด P ควรตอ้งเติมธาตุเจือปนใด ก. โคบอลต ์ข. อะลูมิเนียม ค. อาเซนนิก ง. ฟอสฟอรัส

8. การผลิตสารก่ึงตวัน าชนิด N ตอ้งเติมธาตุเจือปนใด ก. ฟอสฟอรัส ข. อะลูมิเนียม ค. แกลเล่ียม ง. โบรอน

9. ธาตุท่ีจดัอยูใ่นพวกสารก่ึงตวัน าคือขอ้ใด ก. อาเซนนิก ข. อะลูมิเนียม ค. เจอร์มาเนียม ง. แกลเล่ียม

10. อินทรินซิกเซมิคอนดคัเตอร์หมายถึง ก. สารก่ึงตวัน าท่ีน ากระแสไดดี้ ข. สารก่ึงตวัน าบริสุทธ์ิ ค. สารก่ึงตวัน าท่ีมีค่าความตา้นทานต ่า ง. สารก่ึงตวัน าท่ีนิยมน ามาใชง้าน

259



1. ไดโอดแบ่งตามกรรมวธีิการผลิตแบ่งไดก่ี้ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด

2. ขอ้ใดคือสัญลกัษณ์ของไดโอด ก.

ข.

ค.

ง.

3. เม่ือใหไ้บแอสตรงไดโอดจะน ากระแสเม่ือใด ก. ใหแ้รงดนัถึงค่าแรงดนัพงัทลาย ข. ไดโอดจะน ากระแสทนัที ค. เม่ือมีการเก็บประจุเตม็ท่ี ง. ใหแ้รงดนัถึงค่าแรงดนัคตัอิน

4. การจ่ายไบแอสกลบัใหไ้ดโอดมีผลท าใหค้่าความตา้นทานระหวา่งรอยต่อเป็นอยา่งไร ก. ขยายกวา้งข้ึน ข. แคบลงจนมีค่าเป็นศูนย ์ค. ไม่แน่นอนข้ึนอยูก่บัแรงดนัท่ีไดรั้บ ง. ไม่มีการเปล่ียนแปลงใด ๆ

260

5. แรงดนัไบแอสกลบัท่ีจ่ายใหไ้ดโอดแลว้ท าใหไ้ดโอดช ารุดเสียหายคือแรงดนัใด ก. ลีกเกจ โวลทเ์ตจ ข. เบรกดาวน์ โวลทเ์ตจ ค. รีเวิร์ส โวลทเ์ตจ ง. พีค อินเวิร์ส โวลทเ์ตจ

6. ไดโอดจะน ากระแสเม่ือต่อวงจรในลกัษณะใด ก. ไบแอสกลบั ข. ไบแอสตรง ค. ไบแอสพาหะ ง. ไบแอสแหล่งจ่าย

7. คุณสมบติัของวงจรเรียงกระแสแบบบริดจข์อ้ใดถูกตอ้ง ก. แรงดนัเอาตพ์ุตเป็นแบบคร่ึงคล่ืน ข. ใชห้มอ้แปลงแบบมีเซ็นเตอร์แทป็ ค. ไดโอดท างานคร้ังละ 2 ตวั ง. ใชไ้ดโอดในวงจรเรียงกระแส 2 ตวั

8. วงจรเรียงกระแสแบบคร่ึงคล่ืนจะยอมใหส้ัญญาณแรงดนัเอาตพ์ุตผา่นไดอ้ยา่งไร ก. ไม่ใหผ้า่น ข. ผา่นเฉพาะคร่ึงไซเกิลบวก ค. ผา่นไดต้ลอดไซเกิล ง. ผา่นแบบสลบัไซเกิล

9. น าหมอ้แปลง 12 V ต่อกบัวงจรเรียงกระแสแบบเตม็คล่ืนค านวณหาค่าแรงดนัไฟตรงขณะ ต่อตวัเก็บประจุไดเ้ท่าไร

ก. 12 V 2 ข. 12 V 0.636

ค. 12 V 0.707

ง. 12 V 2 0.636 10. การตรวจวดัไดโอดขั้นตอนแรกคือขอ้ใด

ก. ตรวจวดัวา่ไดโอดดี ข. ตรวจวดัเพื่อหาต าแหน่งขา ค. ตรวจวดัวา่ไดโอดเสีย ง. ตรวจวดัเพื่อหาชนิดของไดโอด

261



1. สัญลกัษณ์ของซีเนอร์ไดโอดคือขอ้ใด ก.

ข.

ค.

ง.

2. โครงสร้างอุปกรณ์ใดเปรียบเสมือนซีเนอร์ไดโอด ก. ตวัตา้นทาน ข. แบตเตอร่ี ค. ไดโอด ง. สวติช์

3. การน าซีเนอร์ไดโอดไปใชง้านตอ้งจ่ายไบแอสอยา่งไร ก. ไบแอสกลบั ข. ไบแอสตรงสูงกวา่แรงดนัคตัอิน ค. ไบแอสกลบัสูงกวา่แรงดนัพงัทลาย ง. ไบแอสตรง

4. ขอ้ใดกล่าวถูกตอ้ง ก. การใหไ้บแอสกลบัไดโอดจะน ากระแส ข. การใหไ้บแอสตรงซีเนอร์ไดโอดไม่น ากระแส ค. การใหไ้บแอสกลบัต ่ากวา่แรงดนัพงัทลายซีเนอร์ไดโอดน ากระแส ง. การใหไ้บแอสตรงถึงค่าแรงดนัคตัอินไดโอดจะน ากระแส

262

5. ค่า IZM ในซีเนอร์ไดโอดมีความหมายตรงกบัขอ้ใด

ก. ค่ากระแสซีเนอร์สูงสุด ข. ค่ากระแสทดสอบซีเนอร์ไดโอด ค. ค่ากระแสซีเนอร์ต ่าสุด ง. ค่าจ ากดักระแสไหลในซีเนอร์ไดโอด

6. ซีเนอร์ไดโอดไม่สามารถน าไปใชง้านในวงจรใด ก. วงจรก าหนดแรงดนัออกเอาตพ์ุต ข. วงจรสร้างคล่ืนเหล่ียมจากคล่ืนไซน์ ค. วงจรเร็กติไฟเออร์ ง. วงจรตดัสัญญาณ

7. ซีเนอร์ไดโอดนิยมน าไปใชง้านเป็นวงจรใด ก. วงจรเรียงกระแส ข. วงจรรักษาระดบัแรงดนั ค. วงจรทวีแรงดนั ง. วงจรยกระดบัสัญญาณ

8. ถา้เราน าซีเนอร์ไดโอดไปใชง้านกบัวงจรเร็กกูเลเตอร์จะมีจุดเด่นในขอ้ใด ก. แรงดนัคงท่ี ข. ประหยดั ค. วงจรท างานง่ายข้ึน ง. กระแสนอ้ย

9. อาการเสียของซีเนอร์ไดโอดท่ีพบบ่อยคือขอ้ใด ก. ซีเนอร์ไดโอดขาด ข. ซีเนอร์ไดโอดช็อต ค. ซีเนอร์ไดโอดยดืค่า ง. ซีเนอร์ไดโอดไหม ้

10. การตรวจวดัซีเนอร์ไดโอดถา้เขม็ของมลัติมิเตอร์ข้ึนมากทั้งสองคร้ังแสดงวา่ ก. ซีเนอร์ไดโอดช็อต ข. ซีเนอร์ไดโอดสภาพดี ค. ซีเนอร์ไดโอดขาด ง. ซีเนอร์ไดโอดไหม ้

263



1. เราแบ่งทรานซิสเตอร์ตามโครงสร้างไดก่ี้ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด

2. ขอ้ใดคือสัญลกัษณ์ทรานซิสเตอร์ชนิด PNP

ก.

ข.

ค.

ง.

3. ขอ้ใดบอกการจ่ายไบแอสให้ทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ไดถู้กตอ้ง ก. ขาเบส (+) , ขาคอลเลกเตอร์ (–) , ขาอิมิตเตอร์ (–) ข. ขาเบส (+) , ขาคอลเลกเตอร์ (–) , ขาอิมิตเตอร์ (+) ค. ขาเบส (–) , ขาคอลเลกเตอร์ (+) , ขาอิมิตเตอร์ (–) ง. ขาเบส (+) , ขาคอลเลกเตอร์ (+) , ขาอิมิตเตอร์ (–)

4. การจดัไบแอสใหท้รานซิสเตอร์ควรจดัไบแอสตรงระหวา่งขาใด ก. ขาเบสและขาอิมิตเตอร์ ข. ขาเบสและขาคอลเลกเตอร์ ค. ขาอิมิตเตอร์และขาคอลเลกเตอร์ ง. ขาคอลเลกเตอร์และขากราวด์

264

5. ทรานซิสเตอร์จะน ากระแสไดม้ากนอ้ยข้ึนอยูก่บัการควบคุมแรงดนัและกระแสในขอ้ใด

ก. VCB , IB ข. VCB , IC ค. VBE , IB ง. VBE , IC

6. การน ากระแสของทรานซิสเตอร์ขอ้ใดกล่าวไดถู้กตอ้ง ก. VBE นอ้ย , IB นอ้ย , IC นอ้ย ข. VBE นอ้ย , IB มาก , IC นอ้ย ค. VBE มาก , IB มาก , IC นอ้ย ง. VBE มาก , IB นอ้ย , IC มาก

7. (เบตา้) มีความหมายตรงกบัขอ้ใด ก. อตัราขยายแรงดนั ข. อตัราขยายกระแส ค. อตัราขยายก าลงั ง. อตัราของความถ่ี

8. กระแสใดเป็นกระแสควบคุมการท างานท่ีไหลในตวัทรานซิสเตอร์ ก. IB ข. IC ค. IE ง. IE + IB

9. การวดัหาขาทรานซิสเตอร์ NPN เม่ือวดัตอนเข็มมิเตอร์ข้ึนอยากทราบว่าขาเบสเป็นขั้วใดของโอห์มมิเตอร์

ก. ขั้วบวก (ไฟบวก) ข. ขั้วลบ (ไฟลบ) ค. ขั้วลบ (ไฟบวก) ง. ขั้วบวก (ไฟลบ)

265

10. การวดัหาขาทรานซิสเตอร์ PNP เม่ือวดัตอนเขม็มิเตอร์ข้ึนอยากทราบวา่ขาเบสเป็นขั้วใด ของโอห์มมิเตอร์

ก. ขั้วบวก (ไฟบวก) ข. ขั้วลบ (ไฟลบ) ค. ขั้วลบ (ไฟบวก) ง. ขั้วบวก (ไฟลบ)

266



1. เจเฟตแบ่งออกเป็นก่ีชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด

2. ขอ้ใดถูกตอ้งในการใหไ้บแอสเจเฟตชนิดเอน็แชนแนล ก. ขา S (–) , ขา D (–) และขา G (+) ข. ขา S (–) , ขา D (+) และขา G (+) ค. ขา S (–) , ขา D (+) และขา G (–) ง. ขา S (–) , ขา D (–) และขา G (–)

3. กระแสเดรนจะไหลไดม้ากหรือนอ้ยข้ึนอยูก่บัอะไร ก. VGS ข. VDS ค. IG ง. IS

4. การไบแอสดีพลีชนัมอสเฟตชนิดพีแชนแนล ขอ้ใดถูกตอ้ง ก. ขา S (+) , ขา D (+) และขา G (–) ข. ขา S (–) , ขา D (+) และขา G (+) ค. ขา S (+) , ขา D (–) และขา G (+) ง. ขา S (+) , ขา D (–) และขา G (–)

5. ถา้ปรับค่า VGS ของ D-MOSFETโดยใหข้า G เป็นบวก ช่วงน้ี Channel-n จะเป็นอยา่งไร ก. แคบลง

ข. กวา้งข้ึน ค. แคบและกวา้งสลบัไปมา

ง. ไม่เกิดการเปล่ียนแปลง

267

6. การใหไ้บแอสเอนฮานซ์เมนตม์อสเฟตชนิดเอน็แชนแนล ขอ้ใดถูกตอ้ง

ก. ขา S (+) , ขา D (–) และขา G (–) ข. ขา S (–) , ขา D (–) และขา G (+) ค. ขา S (–) , ขา D (+) และขา G (–) ง. ขา S (–) , ขา D (+) และขา G (+)

7. เม่ือใหแ้รงดนั VGS ของเอนฮานซ์เมนตม์อสเฟตมากข้ึนขอ้ใดถูกตอ้ง ก. กระแส IS ไม่ไหล ข. กระแส ID ไหลไดม้ากข้ึน ค. กระแส ID ไม่เปล่ียนแปลง ง. ท าขา D และขา S ไม่ต่อถึงกนั

8. การใหไ้บแอสเวอร์ติคอลมอสเฟตชนิดเอน็แชนแนลควรท าอยา่งไร ก. จ่ายแรงดนัไบแอสกลบัใหข้า D เทียบกบัขา S ข. จ่ายแรงดนัไบแอสตรงใหข้า G กบัขา S เทียบกนั ค. จ่ายไบแอสกลบัใหข้า D เทียบกบัขา S และแรงดนัไบแอสตรงใหข้า G กบัขา S

เทียบกนั ง. จ่ายกระแสไบแอสกลบัใหข้า G เทียบกบัขา A

9. เฟตชนิดใดถูกผลิตมาใชง้านในภาคขยายก าลงัของเคร่ืองขยายเสียง ก. V-MOSFET ข. E-MOSFET ค. D-MOSFET ง. JFET

10. การตรวจวดัต าแหน่งขาของเฟตเราควรหาขาใดก่อนเสมอ ก. ขา G ข. ขา D ค. ขา S ง. ขา E

268

+

-

+

-



1. ขอ้ใดคือสัญลกัษณ์ของไอซีออปแอมป์

ก. ข. ค. ง.

2. การไบแอสใหไ้อซีออปแอมป์ท าอยา่งไร

ก. แรงดนัไฟบวกและแรงดนัไฟลบจะเสริมกนัจะไดแ้รงดนัเอาตพ์ุตคงท่ีเสมอ ข. สามารถใชแ้หล่งจ่ายไฟมากกวา่ 2 ชุดได ้ค. จ่ายแรงดนัไฟบวก ใหก้บัขา 7 และแรงดนัไฟลบใหก้บัขา 4 ง. จ่ายแรงดนัไฟบวก ใหก้บัขา 5 และแรงดนัไฟลบใหก้บัอินพุต

3. คุณสมบติัของวงจรขยายแบบลูปเปิดขอ้ใดกล่าวผดิ ก. ไม่มีการป้อนกลบั ข. อตัราขยายแรงดนัมีค่าต ่า ค. อตัราขยายจะลดลงเม่ือความถ่ีสูงข้ึน ง. อตัราขยายแรงดนัจะไม่คงท่ีเม่ือใชก้บัไฟสลบั

4. ขอ้ใดกล่าวถูกตอ้งเก่ียวกบัการทดสอบไอซีออปแอมป์ ก. ใชว้งจรทดสอบไอซีโดยเฉพาะ ข. LDR จะเป็นอุปกรณ์หลกัท่ีใชใ้นการทดสอบไอซีออปแอมป์ ค. สามารถใชโ้อห์มมิเตอร์ตรวจเช็คไดเ้หมือนอุปกรณ์ทัว่ไป ง. ปลดขาไอซีออปแอมป์ออกจากวงจรก่อนทดสอบเสมอ

+

-

269

5. ไฟบวกและไฟลบจ่ายเขา้ท่ีขาใดของไอซีเบอร์ 555 ก. ขา 1 , ขา 7 ข. ขา 8 , ขา 2 ค. ขา 1 , ขา 8 ง. ขา 8 , ขา 1

6. วงจรในขอ้ใดมีช่ือเรียกเหมือนกบัวงจรตั้งเวลา ก. วงจรโมโนสเตเบิลมลัติไวเบรเตอร์ ข. วงจรอะสเตเบิลมลัติไวเบรเตอร์ ค. วงจรไบสเตเบิลมลัติไวเบรเตอร์ ง. วงจรทริกเกอร์

7. เรานิยมน าไอซีเวลา 555 ไปใชง้านในวงจรใดมากท่ีสุด ก. วงจรก าเนิดความถ่ี ข. วงจรตั้งเวลา ค. วงจรเสียง ง. วงจรแสง

8. ไอซีรักษาแรงดนัเรียกอีกอยา่งหน่ึงวา่อะไร ก. ไอซีก าเนิดสัญญาณ ข. ไอซีเรกูเลเตอร์แบบเตม็คล่ืน ค. ไอซีเรกูเลเตอร์แบบคร่ึงคล่ืน ง. ไอซีเรกูเลเตอร์

9. ขอ้ใดคือคุณสมบติัของไอซีรักษาแรงดนัเบอร์ LM 7815 ก. ปรับแรงดนัเอาตพ์ุตค่าเท่าใดกไ็ด ้ข. แรงดนัออกเอาตพ์ุตคงท่ี 20 V ค. แรงดนัออกเอาตพ์ุตข้ึนอยูก่บัแรงดนัอินพุต ง. แรงดนัออกเอาตพ์ุตสูงกวา่แรงดนัอินพุตเสมอ

10. ในการตรวจเช็คไอซีจะตอ้งท าการวดัท่ีต าแหน่งขาใดเสมอ ก. ขาอินพุตกบัขากราวด์ ข. ขาเอาตพ์ุตกบัขากราวด์ ค. ขาอินพุตกบัขาเอาตพ์ุต ง. วดัไดทุ้กขา

270



1. โครงสร้างของเอสซีอาร์ประกอบดว้ยรอยต่อของสารก่ึงตวัน าในลกัษณะใด ก. P – P – N – N ข. N – P – N – P ค. P – N – P – N ง. P – N – N – P

2. เอสซีอาร์น ากระแสไดก่ี้ทาง ก. 4 ทาง ข. 3 ทาง ค. 2 ทาง ง. 1 ทาง

3. ขอ้ใดคือคุณสมบติัของเอสซีอาร์ ก. ท าหนา้ท่ีเป็นสวิตช์ทนกระแสและแรงดนัสูง ข. เอสซีอาร์ใชก้บัไฟกระแสตรงเท่านั้น ค. มีส่วนประกอบของสารก่ึงตวัน า 3 ตอนเหมือนทรานซิสเตอร์ ง. นิยมใชใ้นวงจรขยายสัญญาณ

4. ขอ้ใดเป็นการจ่ายแรงดนัไบแอสใหเ้อสซีอาร์ท างานไดถู้กตอ้ง ก. ขา A (–) , ขา K (+) และขา G (+) ข. ขา A (+) , ขา K (–) และขา G (+) ค. ขา A (+) , ขา K (–) และขา G (–) ง. ขา A (–) , ขา K (+) และขา G (–)

5. กระแสท่ีท าใหเ้อสซีอาร์น ากระแสเรียกวา่อะไร ก. กระแสแอโนด ข. กระแสเกต ค. กระแสโฮลด้ิง

ง. กระแสเบส

271

6. ขอ้ใดคือขอ้แตกต่างระหวา่งไดโอดกบัเอสซีอาร์ ก. เอสซีอาร์ทนกระแสไดน้อ้ยกวา่ไดโอด ข. เอสซีอาร์ใชเ้รียงกระแสท่ีสามารถควบคุมได ้ค. เอสซีอาร์ใชง้านกบัไฟตรงไม่ได ้ง. เอสซีอาร์น ากะแสได ้4 ทิศทาง

7. เอสซีอาร์เปรียบไดก้บัอุปกรณ์ชนิดใด ก. หลอดไฟ ข. สวติช์ ค. ปลัก๊ ง. ไมโครโฟน

8. การท าใหเ้อสซีอาร์หยดุน ากระแสขอ้ใดกล่าวไม่ถูกตอ้ง ก. ลดกระแสไหลผา่นเอสซีอาร์ใหต้ ่ากวา่กระแสโฮลด้ิง ข. ตดัแหล่งจ่ายท่ีขาแอโนดออกชัว่ขณะ ค. จ่ายแรงดนัลบท่ีขาเกต ง. ท าการช็อตขาแอโนดและขาแคโทด

9. วธีิการท าใหเ้อสซีอาร์หยดุน ากระแสตรงกบัขอ้ใด ก. ลดกระแสท่ีไหลระหวา่งขาแอโนดไปยงัขาแคโทด ข. เพิ่มกระแสท่ีไหลระหวา่งขาแอโนดไปยงัขาแคโทด ค. ช็อตขาแอโนดและขาแคโทด ง. ตดัแหล่งจ่ายท่ีขาเบสออกชัว่ขณะ

10. การตรวจสอบเอสซีอาร์วา่สภาพดีหรือช ารุดควรท าอยา่งไร ก. ใชว้งจรทดสอบโดยเฉพาะ ข. วดักระแสร่ัวไหลระหวา่งขาเกตและขาแอโนด ค. ทดสอบจุดชนวนและกระแสยดื ง. วดัความตา้นทานระหวา่งขาเบสและขาอิมิตเตอร์

272



1. โครงสร้างไตรแอกประกอบดว้ยรอยต่อของสารก่ึงตวัน าในลกัษณะตามขอ้ใด ก. P – N – P ข. N – P – N ค. N – P – N – P ง. P – N – P – N 2. สภาวะการท างานของไตรแอกมีก่ีควอแดรนท ์

ก. 1 ควอแดรนท ์ ข. 2 ควอแดรนท ์ ค. 3 ควอแดรนท ์ ง. 4 ควอแดรนท ์

3. การท างานของไตรแอคเปรียบเทียบกบัการท างานของเอสซีอาร์ไดใ้นลกัษณะใด

ก.

ข.

ค.

ง.

273

4. เรานิยมน าไตรแอกใชก้บัไฟสลบัในวงจรขอ้ใด ก. วงจรหร่ีไฟ ข. วงจรเรียงกระแส ค. วงจรผลิตความถ่ี ง. วงจรขยายสัญญาณ

5. การใชมิ้เตอร์วดัไตรแอกเพื่อตอ้งการทราบอะไร ก. วดัหาเบอร์ไตรแอก ข. วดัหาความไวแสง ค. วดัสภาพวา่ดีหรือเสีย ง. วดัอุณหภูมิของไตรแอก

6. ท าการช็อตท่ีขา G และขา A1 หลงัจากนั้นใหน้ าสายท่ีช็อตออกเขม็มิเตอร์ยงัคงคา้งอยู ่แสดงวา่ไตรแอกอยูใ่นสภาพใด

ก. ดีใชไ้ด ้ข. เสียใชง้านไม่ได ้ค. มีกระแสร่ัวระหวา่งขา ง. ค่ายดืใชง้านไม่ได ้

7. ขอ้ใดเป็นสัญลกัษณ์ของไดแอก

ก.

ข. ค. ง.

8. ไดแอกมีคุณสมบติัท าหนา้ท่ีคลา้ยอะไร

ก. เป็นตวัเก็บประจุ ข. สวติซ์ปิดเปิด 1 ทาง ค. สวติซ์ปิดเปิด 3 ทาง ง. เป็นตวัหน่วงเวลา

274

9. ในขณะท่ีไดแอกน ากระแสแรงดนัตกคร่อมจะเป็นอยา่งไร ก. เพิ่มข้ึนเล็กนอ้ย ข. ลดลงเล็กนอ้ย ค. ไม่เปล่ียนแปลง ง. ไดแอกจะพงั

10. ขอ้ใดเป็นการวดัและตรวจไดแอกท่ีถูกตอ้งท่ีสุด ก. ควรวดัขณะไดแอกท างาน ข. ใชม้ลัติมิเตอร์วดัขณะท่ีไบแอสไดแอกไดรั้บไบแอสกลบัเท่านั้น ค. ปลดขาไดแอกออกจากวงจรเสมอก่อนการตรวจวดั ง. ปรับยา่นวดัท่ี R x 1 เท่านั้น

275



1. ขอ้ใดคือสัญลกัษณ์ของ UJT

ก.

ข.

ค.

ง.

2. การจ่ายไบแอสให ้UJT ขอ้ใดกล่าวถูกตอ้ง ก. จ่ายบวกให ้B2 จ่ายลบให ้B1 และจ่ายลบให ้E เทียบกบั B1 ข. จ่ายลบให ้B2 จ่ายบวกให ้B1 และจ่ายลบให ้E เทียบกบั B1 ค. จ่ายบวกให ้B2 จ่ายลบให ้B1 และจ่ายบวกให ้E เทียบกบั B1 ง. จ่ายลบให ้B2 จ่ายบวกให ้B1 และจ่ายบวกให ้E เทียบกบั B1

3. UJT จะน ากระแสไดด้ว้ยเหตุผลใด ก. ค่าความตา้นทานยูเจทีมีค่าสูงข้ึน ข. แรงดนัอิมิตเตอร์เท่ากบัแรงดนัสูงสุด ค. แรงดนัอิมิตเตอร์มีค่านอ้ยกวา่แรงดนัสูงสุด ง. แรงดนัอิมิตเตอร์มีค่ามากกวา่แรงดนัสูงสุด

276

4. ค่าแรงดนัสูงสุด VP มีค่าตรงกบัขอ้ใด ก. BBBB

VV . ข. VV

BB7.0.

ค. 1

.RBBB

VV ง. VV

BB7.0*.

5. การวดัหาขา E ของ UJT ใชว้ธีิเดียวกบัการวดัหาขาใดของอุปกรณ์ต่อไปน้ี ก. วดัหาขา B ของทรานซิสเตอร์ ข. วดัหาขา G ของไตรแอก ค. วดัหาขา E ของเฟต ง. วดัหาขา A ของไดโอด

6. โครงสร้าง PUT ประกอบดว้ยรอยต่อของสารก่ึงตวัน าตามขอ้ใด ก. P – N – P – N ข. N – P – N – P ค. P – N – P ง. P – N

7. ขอ้ดีของ PUT ท่ีดีกวา่ UJT ตรงกบัขอ้ใด ก. โปรแกรมและก าหนดค่าได ้ข. เลือกค่าขยายแรงดนัแบบรีแลกเซชัน่ได ้ค. เลือกค่าความตา้นทานระหวา่งขาอิมิตเตอร์ได ้ง. ก าหนดความถ่ีไดต้ลอดเวลา

8. ขอ้ใดเป็นการจ่ายไบแอสให ้PUT ไดถู้กตอ้ง ก. จ่ายบวกใหข้า A จ่ายลบใหข้า K และจ่ายบวกใหข้า G เทียบกบัขา A ข. จ่ายบวกใหข้า A จ่ายลบใหข้า K และจ่ายลบใหข้า G เทียบกบัขา A ค. จ่ายลบใหข้า A จ่ายบวกใหข้า K และจ่ายบวกใหข้า G เทียบกบัขา A ง. จ่ายลบใหข้า A จ่ายบวกใหข้า K และจ่ายลบใหข้า G เทียบกบัขา A

9. Vg แทนค่าใดในสูตร ก. แรงดนัขา G ข. กระแสขา G ค. ค่าความตา้นทานขา G ง. แรงเคล่ือนขา G

277

10. ควรวดัหาขาใดของ PUT ก่อน ก. ขา A ข. ขา G ค. ขา K ง. ขา B2

278



1. ขอ้ใดคือสัญลกัษณ์ของ SCS

ก.

ข. ค.

ง.

2. การไบแอสให ้SCS ท างานขอ้ใดถูกตอ้ง ก. จ่ายบวกใหข้า A จ่ายลบใหข้า K และจ่ายบวกใหข้า GA ข. จ่ายลบใหข้า A จ่ายบวกใหข้า K และจ่ายลบใหข้า GA ค. จ่ายลบใหข้า A จ่ายบวกใหข้า K และจ่ายลบใหข้า GK ง. จ่ายบวกใหข้า A จ่ายลบใหข้า K และจ่ายบวกใหข้า GK

3. ขอ้ใดไม่ใช่วงจรท่ีน า SCS ไปใชง้าน ก. วงจรแจง้เหตุ ข. วงจรเตือนภยั ค. วงจรก าเนิดสัญญาณพลัส์ ง. วงจรขยายสัญญาณ

4. โครงสร้าง GTO ประกอบดว้ยรอยต่อของสารก่ึงตวัน าลกัษณะใด ก. N – P – N ข. P – N – P – N ค. P – N – P ง. P – N

279

5. ขอ้ใดเป็นการจ่ายไบแอสให ้GTO ท างาน ก. จ่ายไฟบวกใหข้า A จ่ายไฟลบใหข้า K และจ่ายไฟบวกใหข้า G ข. จ่ายไฟบวกใหข้า A จ่ายไฟลบใหข้า K และปล่อยลอยขา G ค. จ่ายไฟบวกใหข้า A จ่ายไฟลบใหข้า K และจ่ายไฟลบใหข้า G ง. จ่ายไฟลบใหข้า A จ่ายไฟบวกใหข้า K และจ่ายไฟลบใหข้า G

6. GTO น าไปใชง้านเป็นวงจรตามขอ้ใด ก. วงจรก าเนิดสัญญาณ ข. วงจรหร่ีไฟ ค. วงจรขยายสัญญาณ ง. วงจรควบคุมแรงดนั

7. โครงสร้าง IGBT คลา้ยกบัอุปกรณ์ในขอ้ใด ก. ทรานซิสเตอร์ ข. มอสเฟต ค. เอสซีอาร์

ง. ไดโอด 8. IGBT น ามาใชง้านแทนอุปกรณ์ใด

ก. ซีเนอร์ไดโอด ข. ทรานซิสเตอร์ ค. ไดโอด ง. ทรานซิสเตอร์และมอสเฟต

9. การน ากระแสจากขาเดรนไปขาซอร์สและเกิดการรวมกนัของโฮลและอิเล็กตรอนภายใน บริเวณ n- เรียกวา่สภาวะใด

ก. การสวทิชิง ข. การมอดูเลตสภาพน า ค. การปลอดพาหะ ง. การลอยตวั

10. ถา้เราตอ้งการให ้IGBT หยดุน ากระแสขอ้ใดกล่าวถูกตอ้ง ก. จ่ายแรงดนัระหวา่งเกตและซอร์สลดลงต ่ากวา่แรงดนั VGS ข. เพิ่มแรงดนัระหวา่งเกตและซอร์สมากกวา่แรงดนั VGS ค. ปรับแรงดนัระหวา่งเกตและซอร์สใหเ้ท่ากนั ง. เพิ่มแรงดนั VGS มากกวา่ขาซอร์ส

280


แบบทดสอบ


1. แสงจดัเป็นคล่ืนชนิดใด ก. คล่ืนไฟฟ้า ข. คล่ืนแม่เหล็ก ค. คล่ืนความร้อน ง. คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า

2. อุปกรณ์สารก่ึงตวัน าชนิดใดสามารถก าเนิดแสงจากตวัเองได ้ก. โฟโตทรานซิสเตอร์ ข. เอสซีอาร์ ค. ไดโอดเปล่งแสง ง. โฟโตดาร์ลิงตนั

3. หลกัการท างานของ LED ขอ้ใดกล่าวถูกตอ้ง ก. LED จะท างานเม่ือไดรั้บแสง ข. LED ใหไ้บแอสตรงจึงจะเปล่งแสงออกมา ค. LED ใหไ้บแอสกลบัจึงจะเปล่งแสงออกมา ง. LED ใหไ้บแอสตรงและใหมี้แสงตกกระทบ

4. ลกัษณะการท างานของโฟโตไดโอดขอ้ใดไม่ถูกตอ้ง ก. ความเขม้ของแสงมากโฟโตไดโอดท างานมาก ข. โฟโตไดโอดตอ้งใหไ้บแอสกลบั ค. โฟโตไดโอดตอ้งใหไ้บแอสตรง ง. โฟโตไดโอดตอ้งมีแสงตกกระทบรอยต่อ

5. ค่าความตา้นทานภายในตวัโฟโตไดโอดเปล่ียนแปลงมากข้ึนหรือนอ้ยลงข้ึนอยูก่บัขอ้ใด ก. ความยาวของคล่ืนเสียง ข. แสงท่ีส่องมาตกกระทบรอยต่อของสาร ค. อุณหภูมิและสภาพแวดลอ้ม ณ เวลานั้น ๆ ง. พื้นท่ี ขนาด น ้าหนกั ของโฟโตไดโอด

281

6. โฟโตทรานซิสเตอร์จะท างานตอ้งให้แสงตกกระทบระหวา่งรอยต่อขาใดบา้ง ก. ขา C และขา E ข. ขา B และขา E ค. ขา B และขา C ง. ขา A และขา G

7. ขอ้ใดคือขอ้ดีของโฟโตทรานซิสเตอร์ ก. มีความไวต่อแสงท่ีมาตกกระทบมาก ข. ทนต่ออุณหภูมิต ่า ๆ ค. รับเฉพาะสัญญาณความถ่ีสูง ๆ ง. สามารถขยายสัญญาณท่ีส่งออกอินพุตได ้

8. LASCR จะท างานเม่ือใด ก. ใหไ้บแอสตรงท่ีขา A และขา K ปล่อยลอยขา G ข. ใหไ้บแอสกลบัท่ีขา A และขา K มีไฟบวกกระตุน้ขา G ค. ใหไ้บแอสกลบัท่ีขา A และขา K มีไฟลบกระตุน้ขา G ง. ใหไ้บแอสตรงท่ีขา A และขา K และมีแสงตกกระทบ

9. การไบแอสให ้LASCR ท างานจะเหมือนกบัอุปกรณ์ในขอ้ใด ก. เอสซีเอส ข. เอสซีอาร์ ค. ทรานซิสเตอร์ ง. จีทีโอ

10. คุณสมบติัของอุปกรณ์เช่ือมต่อทางแสงขอ้ใดถูกตอ้ง ก. ประกอบดว้ยอุปกรณ์ก าเนิดแสง และอุปกรณ์รับแสง ข. ใชเ้ช่ือมต่อสัญญาณระหวา่ง 2 วงจรท่ีเช่ือมต่อกนัทางไฟฟ้า ค. เปล่ียนสัญญาณแสงเป็นสัญญาณไฟฟ้า ง. เปล่ียนสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสง

282



1. LDR คืออะไร ก. ไดโอดท่ีท างานดว้ยแสง ข. ทรานซิสเตอร์ท างานดว้ยแสง ค. อุปกรณ์เปล่ียนค่าความตา้นทานตามแสง ง. อุปกรณ์เปล่ียนค่าความตา้นทานตามอุณหภูมิ

2. ขอ้ใดคือคุณสมบติัของ LDR ก. ความเขม้แสงมาก กระแสไหลผา่นไดม้าก ข. ความเขม้แสงนอ้ย กระแสไหลผา่นไดม้าก ค. ความเขม้แสงมาก ค่าความตา้นทานสูง ง. อุณหภูมิสูง ค่าความตา้นทานต ่า

3. เทอร์มิสเตอร์แบ่งเป็นก่ีชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด

4. เทอร์มิสเตอร์คืออะไร ก. ไดโอดท่ีท างานดว้ยอุณหภูมิ ข. ซีเนอร์ไดโอดท่ีท างานดว้ยแสง ค. ตวัตา้นทานท่ีเปล่ียนค่าความตา้นทานตามแสง ง. ตวัตา้นทานท่ีเปล่ียนค่าความตา้นทานตามอุณหภูมิ

5. PTC ยอ่มาจากค าวา่ ก. Positive Temperature Coefficient ข. Passive Temperature Capacitor ค. Powerpoint Temperature Computer ง. Proton Temperature Coffee

283

6. เทอร์มิสเตอร์ชนิด PTC มีคุณสมบติัตรงกบัขอ้ใด ก. แสงตกกระทบมาก ค่าความตา้นทานมากข้ึน ข. อุณหภูมิสูงข้ึน ค่าความตา้นทานเพิ่มข้ึน ค. อุณหภูมิต ่าลง ค่าความตา้นทานเพิ่มข้ึน ง. อุณหภูมิสูงข้ึน กระแสไหลไดม้ากข้ึน

7. เรานิยมใชเ้ทอร์มิสเตอร์ในวงจรใด ก. วงจรตั้งเวลา ข. วงจรปิด-เปิดไฟ ค. วงจรปรับอุณหภูมิ ง. วงจรตรวจจบัความเร็ว

8. วาริสเตอร์คืออะไร ก. ตวัตา้นทานท่ีแปรค่าตามแสง ข. ตวัตา้นทานท่ีแปรค่าตามกระแส ค. ตวัตา้นทานท่ีแปรค่าตามค่าแรงดนั ง. ตวัตา้นทานท่ีแปรค่าตามอุณหภูมิ

9. วาริสเตอร์มีการท างานของเหมือนกบัอุปกรณ์ในขอ้ใด ก. ซีเนอร์ไดโอด 2 ตวัต่อหลงัชนกนั ข. ไตรแอก 2 ตวัต่ออนุกรมกนั ค. เอสซีอาร์ 2 ตวัต่อขนานกนั ง. ไดแอก 2 ตวัต่ออนุกรมกนั

10. หนา้ท่ีของวาริสเตอร์ในวงจรป้องกนัอุปกรณ์ต่าง ๆ มิใหเ้กิดการเสียหายนั้นขอ้ใด กล่าวถูกตอ้ง ก. วาริสเตอร์ช่วยแบ่งกระแสไฟฟ้า ข. วาริสเตอร์ช่วยลดแรงดนัไฟฟ้า ค. วาริสเตอร์ช่วยเหน่ียวน าไฟฟ้า ง. วาริสเตอร์ช่วยแบ่งกระแสและลดแรงดนัไฟฟ้า

284

เฉลยแบบทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียน Pre-Test วชิาอปุกรณ์อเิลก็ทรอนิกส์ รหัส 2104-2205

จ านวน 120 ข้อ หน่วยที ่1 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่2 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่3 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่4 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่5 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่6 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่7 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่8 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่9 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่10 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่11 จ านวน 10 ข้อ หน่วยที ่12 จ านวน 10 ข้อ

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที ่1

285

เฉลยแบบทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียน หน่วยที ่1

ข้อ ค าตอบ 1 ง 2 ข 3 ค 4 ก 5 ก 6 ก 7 ข 8 ก 9 ค

10 ข

286


ข้อ ค าตอบ 1 ข 2 ค 3 ง 4 ก 5 ข 6 ข 7 ค 8 ข 9 ก

10 ข

287


ข้อ ค าตอบ 1 ก 2 ค 3 ค 4 ง 5 ก 6 ข 7 ข 8 ข 9 ข

10 ก

288


ข้อ ค าตอบ 1 ข 2 ข 3 ง 4 ก 5 ค 6 ก 7 ข 8 ก 9 ง

10 ค

289


ข้อ ค าตอบ 1 ข 2 ค 3 ก 4 ง 5 ข 6 ง 7 ข 8 ค 9 ก

10 ก

290


ข้อ ค าตอบ 1 ก 2 ค 3 ข 4 ก 5 ง 6 ก 7 ข 8 ง 9 ค

10 ก

291


ข้อ ค าตอบ 1 ค 2 ง 3 ก 4 ข 5 ค 6 ก 7 ข 8 ค 9 ก

10 ข

292


ข้อ ค าตอบ 1 ก 2 ง 3 ค 4 ก 5 ค 6 ก 7 ก 8 ข 9 ข

10 ค

293


ข้อ ค าตอบ 1 ข 2 ค 3 ง 4 ข 5 ก 6 ก 7 ก 8 ข 9 ก

10 ก

294


ข้อ ค าตอบ 1 ค 2 ค 3 ง 4 ข 5 ก 6 ก 7 ข 8 ง 9 ข

10 ก

295


ข้อ ค าตอบ 1 ง 2 ค 3 ข 4 ค 5 ข 6 ค 7 ก 8 ง 9 ข

10 ก

296


ข้อ ค าตอบ 1 ค 2 ก 3 ข 4 ง 5 ก 6 ข 7 ค 8 ค 9 ก

10 ง

ภาคผนวก ง - loeitech.ac.th file258 6....

Documents