ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 1
27. กำาหนดให ้ ความเรง่โน้มถ่วงท่ีพื้นผิวดาวเคราะห ์ A เท่ากับ 3 เมตรต่อวนิาที2
ความเรง่โน้มถ่วงท่ีพื้นผิวดาวเคราะห ์ B เท่ากับ 1 เมตรต่อวนิาที2
ถ้าชัง่นำ้าหนักของวตัถมุวล 2 กิโลกรมั บนพื้นผิวดาวเคราะหทั์ง้สอง นำ้าหนักของวตัถ ุณ ดาวดวงใด มค่ีามากกวา่กัน และมากกวา่กันเท่าใด (O-Net 61)
1. นำ้าหนักของวตัถบุนดาวเคราะห ์ A มากกวา่ และมากกวา่ 2 นิวตัน
2. นำ้าหนักของวตัถบุนดาวเคราะห ์ A มากกวา่ และมากกวา่ 4 นิวตัน
3. นำ้าหนักของวตัถบุนดาวเคราะห ์ B มากกวา่ และมากกวา่ 2 นิวตัน
4. นำ้าหนักของวตัถบุนดาวเคราะห ์ B มากกวา่ และมากกวา่ 4 นิวตัน
5. นำาหนักของวตัถบุนดาวเคราะห ์ A และ B เท่ากัน
28. เมื่อวางอนุภาค A B และ C ในบรเิวณที่มสีนามไฟฟา้สมำ่าเสมอ ซึ่งมทิีศทางชีล้งเทียบกับระนาบ กระดาษ ผลเป็นดังภาพท่ี 1 กำาหนดให ้ แทนสนามไฟฟา้ แทนทิศทางการเคล่ือนที่ของอนุภาค
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 2
จากภาพท่ี 1 อนุภาคใดมปีระจุไฟฟา้เป็นบวก และเมื่อยงิอนุภาค A B และ C เขา้ไปในแนวตัง้ฉาก กับสนามไฟฟา้ดับภาพท่ี 2 อนุภาคใดจะเคล่ือนที่โดยไมเ่บน (ตอบตามลำาดับ) (O-Net 61)
1. A และ B2. A และ C3. B และ B4. C และ A5. C และ B
29. ยงิโปรตอนเขา้ไปในแนวตัง้กับสนามแมเ่หล็กสมำ่าเสมอ ซึ่งมทิีศมุง่ออกและตัง้ฉากกับระนาบกระดาษ (แทนด้วยสญัลักษณ์ ) ดังภาพ โปรตอนจะมเีสน้ทางการเคล่ือนท่ีดังภาพใด (O-Net 61)
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 3
30. ขอ้ความใดเป็นเหตผุลหลักที่ทำาใหโ้ปรตอนหลายตัวสามารถอยูใ่กล้กันภายในนิวเคลียสได้ (O-Net 61) 1. นิวตรอนซึ่งมปีระจุลบ สรา้งแรงไฟฟา้ดึงดดูโปรตอน อนุภาคทัง้สองจงึดึงดดูกันและ อยูร่ว่มกับนิวเคลียส
2. แรงดึงดดูทางแมเ่หล็กระหวา่งโปรตอนมขีนาดมากกวา่แรงผลักการทางไฟฟา้ จงึทำาให้ โปรตอนดึงดดูกันละอยูร่ว่มกันท่ีนิวเคลียส
3. แรงยดึเหน่ียวระหวา่งนิวเคลียสมขีนาดมากกวา่แรงผลักทางไฟฟา้ ทำาใหโ้ปรตอนและ นิวตรอนยดึเหน่ียวกันและอยูร่ว่มกันที่นิวเคลียส
4. เกิดการสลายของนิวเคลียสท่ีใหอ้นุภาคบตีา อนุภาคบตีาจงึสรา้งแรงไฟฟา้ดึงดดูต่อโปรตอน สง่ผลใหโ้ปรตอนอยูใ่กล้กันในนิวเคลียสให้
5. โปรตอนแต่ละตัวมปีระจุไฟฟา้ชนิดเดียวกัน จงึสรา้งแรงไฟฟา้ดึงดดูเขา้หากันในระยะหา่ง ท่ีเหมาะสม โปรตอนและนิวตรอนจงึยดึเหน่ียวกันและอยู่รวมกันท่ีนิวเคลียส 31. วตัถหุน่ึงกำาลังเคล่ือนที่เป็นแนวตรงบนพื้นราบ ที่เวลา t = 10 วนิาที และ t = 30 วนิาที วตัถมุ ี ความเรว็เท่ากับ 10 เมตรต่อวนิาที และ 24 เมตรต่อวนิาที ตามลำาดับ ดังภาพ
วตัถ ุ วตัถุ t = 10 s t = 30 s v = 10 m/s t = 30 m/s
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 4
ขนาดของความเรง่เฉล่ียในชว่งเวลา t = 10 วนิาที และ t = 30 วนิาที มคี่าเท่าใด (O-Net 61) 1. 0.70 เมตรต่อวนิาที2
2. 0.80 เมตรต่อวนิาที2
3. 0.85 เมตรต่อวนิาที2
4. 0.90 เมตรต่อวนิาที2
5. 1.70 เมตรต่อวนิาที2
32. ปล่อยลกูกลมยางจากหยุดนิ่งใหต้กในแนวดิ่ง ลกูกลมใชเ้วลาเคล่ือนที่ 0.5 วนิาที จงึกระทบพื้น จากนัน้ลกูกลมกระดอนจากพื้นกลับขึ้นไปตามแนวดิ่งอีกครัง้ โดยใชเ้วลาอีก 0.4 วนิาที จงึถึงจุด สงูสดุ ซึ่งอยูต่ำ่ากวา่จุดปล่อย ดังภาพ ระดับความสงูจุดปล่อย
ระดับจุดส งู ส ดุ
หลังจากกระดอนพื้น
v2 ระดับพื้น v1 ภาพที่ 1 ลกูกลมตกสูพ่ื้น ภาพที่ 2 ลกูกลมกระดอนขึ้นจากพื้น
อัตราเรว็ขณะกระดอนขึ้นจากพื้น (v2) เป็นกี่เท่าของอัตราเรว็ขณะกระทบพื้น (v1) (O-Net 61)
1. 0.4 เท่า 2. 0.5 เท่า
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 5
3. 0.8 เท่า 4. 0.9 เท่า
5. 1.3 เท่า33. การเล้ียวโค้งบนถนนราบอยา่งปลอดภัยควรขบัรถด้วยอัตราเรว็ตำ่า เพื่อใหแ้รงสูศู่นยก์ลางมขีนาด น้อยกวา่แรงเสยีดทานสงูสดุระหวา่งล้อกับพื้นถนน ซึ่งขนาดของแรงสูศู่นยก์ลาง (FC) แปรผันตรง กับอัตราเรว็ยกกำาลังสอง (v2) และแปรผกผันกับรศัมขีองวงกลม (r) หรอืเขยีนได้วา่ FC ∝ v
2
r พจิารณาการเล้ียวโค้งบนถนนราบโค้งท่ีมลัีกษณะเป็นสว่นของวงกลมรศัมเีท่ากับ r1 และ r2 ดังภาพ
พจิารณาขอ้ความต่อไปน้ีก. ความเรว็ของรถ มทิีศทางตัง้ฉากกับทิศทางการเคล่ือนท่ี ข. แรงเสยีดทานระหวา่งล้อกับถนน มทีิศทางตัง้ฉากกับทิศทาง
การเคล่ือนท่ีค. หากเล้ียวโค้งด้วยอัตราเรว็เท่ากัน โค้งรศัม ี r1 มโีอกาสเกิด
การหลดุโค้งมากกวา่โค้งรศัม ี r2
ขอ้ความใดกล่าวถกูต้อง (O-Net 61)1. ก เท่านัน้2. ข เท่านัน้3. ค เท่านัน้4. ก และ ข5. ข และ ค
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 6
34. ศึกษาการเคล่ือนที่แบบฮารม์อนิกอยา่งง่าย โดยปล่อยลกูตุ้มจากจุด A พบวา่ ลกูตุ้มแกวง่จากจุด A ผ่านจุด B ไปถึงจุด C แล้วจงึแกวง่กลับมาถึงจุด B อีกครัง้ ใชเ้วลารวมทัง้สิน้ 3.0 วนิาที ความถ่ีของการแกวง่เป็นเท่าใด (O-Net 61)
1. 4.0 เฮิรตซ์2. 1.0 เฮิรตซ์3. 0.50 เฮิรตซ์4. 0.33 เฮิรตซ์5. 0.25 เฮิรตซ์
35. พจิารณาการเคล่ือนที่ของคล่ืนนำ้าและแนวของหน้าคล่ืนต่อไปน้ี
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 7
ภาพใดแสดงแนวของหน้าคล่ืนได้ถกูต้อง (O-Net 61)1. ภาพที่ 1 เท่านัน้2. ภาพที่ 1 และ 23. ภาพที่ 1 และ 34. ภาพที่ 2 และ 35. ภาพที่ 1 2 และ 3
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 8
36. คล่ืนขบวนหน่ึง มคีวามถี่ 10 เฮิรตซ ์และระยะหา่งระหวา่งสนัคล่ืนท่ี 1 ถึงสนัคล่ืนที่ 6 เท่ากับ 5.0 เมตร ดังภาพ
ในการเคล่ือนท่ีเป็นระยะทาง 100.0 เมตร คล่ืนจะใชเ้วลาเคล่ือนท่ีเป็นเท่าใด (O-Net 61)
1. 0.3 วนิาที2. 2.0 วนิาที3. 10.0 วนิาที4. 12.0 วนิาที5. 20.0 วนิาที
37. ชายหตึูงคนหน่ึงสามารถได้ยนิเสยีง เมื่อเสยีงที่เขาได้รบัมคีวามเขม้เสยีงไมน้่อยกวา่ 1×10- 8 วตัต์ต่อตารางเมตร หากเขาต้องการได้ยนิเสยีงที่ออกากแหล่งกำาเนิดเสยีงที่เป็นจุด ซึ่งมกีำาลัง π× 10- 4 วตัต์ และแผ่คล่ืนเสยีงออกไปทกุทิศทาง หน้าคล่ืนเป็นทรงกลมแสดงในสองมติิได้ดังภาพ
กำาหนดให ้ พื้นท่ีผิวทรงกลมเท่ากับ 4 π R2 เมื่อ R คือรศัมขีองวงกลม
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 9
I= PA เมื่อ I คือ ความเขม้เสยีง P คือกำาลังเสยีง และ A คือ พื้นที่รองรบักำาลังเสยีง ชายคนน้ีสามารถอยูห่า่งจากแหล่งกำาเนิดเสยีงได้มากที่สดุกี่เมตร โดยยงัคงได้ยนิเสยีงอยู่
1. 5 เมตร2. 50 เมตร
3. 0.005π เมตร
4. 50√π เมตร
5. 10−4
π เมตร
38. สง่คล่ืนวทิยุ ความถ่ี 3×107 เฮิรตซ ์จากเสาวทิยุ A ไปยงัเสาวทิยุ B ท่ีอยูห่า่งออกไปทางขวามอื ของระนาบกระดาษ ดังภาพ
กำาหนดให ้ เสาวทิยุ A สรา้งสนามแมเ่หล็กในทิศทางตามแนวระนาบบน ล่าง เทียบกับระนาบ – ของ กระดาษคล่ืนวทิยุเคล่ือนที่ด้วยอัตราเรว็ 3×108 เมตรต่อวนิาที เมื่อพจิารณาเฉพาะคล่ืนวทิยุท่ีเดินทางเป็นแนวเสน้ตรง จากเสาวทิยุ A ไปเสาวทิยุ B ในแนว ซา้ย ขวา เท่านัน้– คล่ืนวทิยุน้ีมคีวามยาวคล่ืนเท่าใด และสนามไฟฟา้มทิีศทางเป็นอยา่งไร ตามลำาดับ (O-Net 61)
1. ความยาวคล่ืน 10 เมตร และทิศทางตามแนวบน ล่าง –2. ความยาวคล่ืน 10 เมตร และทิศทางตามแนวซา้ย ขวา –
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 10
3. ความยาวคล่ืน 10 เมตร และทิศทางตามแนวพุง่เขา้ พุง่–ออก ตัง้ฉากกับระนาบกระดาษ
4. ความยาวคล่ืน 90 เมตร และทิศทางตามแนวบน ล่าง –5. ความยาวคล่ืน 90 เมตร และทิศทางตามแนวพุง่เขา้ พุง่–
ออก ตัง้ฉากกับระนาบกระดาษ 39. กำาหนดให ้พลังงาน (E) ของคล่ืนแมเ่หล็กไฟฟา้แปรผันตรงกับความถ่ี (f) ของคล่ืนแมเ่หล็กไฟฟา้ E∝ f พจิารณาการแบง่สเปกตรมัของคล่ืนแมเ่หล็กไฟฟา้ออกเป็น 5 ชว่ง ตามความยาวคล่ืน ดังน้ี
กำาหนดให ้ อัตราเรว็ของคล่ืนแมเ่หล็กไฟฟา้ในสญุญากาศ เท่ากับ 3×108 เมตรต่อวนิาที จากขอ้มูลขา้งต้น ขอ้ความใดกล่าวถกูต้อง (O-Net 61)
1. คล่ืนชว่ง a มคีวามถี่น้อยท่ีสดุ2. คล่ืนชว่ง e มคีวามถี่มากท่ีสดุ3. คล่ืนชว่ง b มพีลังงานมากกวา่คล่ืนชว่ง d 4. คล่ืนไมโครเวฟความยาวคล่ืน 1 เซนติเมตร ลกูจดัอยูใ่นชว่ง
d 5. หากแสงท่ีตารบัรูไ้ด้อยูใ่นชว่ง c รงัสอิีนฟราเรดจะอยูใ่นชว่ง
b
40. พจิารณาปฏิกิรยิานิวเคลียรต่์อไปน้ีHe23 + He2
3 → He+ H11
24 + H1
1 กำาหนดให ้ มวลอะตอมรวมก่อนและหลังเกิดปฏิกิรยิา เท่ากับ M1 และ M2 ตามลำาดับ โดยท่ี M1 > M2
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 11
c คือ อัตราเรว็ของแสงในสญุญากาศ ปฏิกิรยิานิวเคลียรข์า้งต้นเป็นปฏิกิรยิาประเภทใด และใหพ้ลังงานนิวเคลียรเ์ท่าใด (O-Net 61)
1. นิวเคลียรฟ์วิชนั ใหพ้ลังงาน (M ¿¿1−M 2)c2 ¿
2. นิวเคลียรฟ์วิชนั ใหพ้ลังงาน (M ¿¿1+M 2)c2¿
3. นิวเคลียรฟ์วิชนั ใหพ้ลังงาน (M ¿¿1−M 2)c2
¿
4. นิวเคลียรฟ์ชิชนั ใหพ้ลังงาน (M ¿¿1−M 2)c2 ¿
5. นิวเคลียรฟ์ชิชนั ใหพ้ลังงาน (M ¿¿1−M 2)c2
¿
41. พจิารณาปฏิกิรยิานิวเคลียรต่์อไปน้ี (1) H11 + H1
2 → He+X23
(2) n01 + U92235 → Ba+ Kr36
9256141 +3Y
กำาหนดให ้ X และ Y คือ อนุภาคหรอืรงัสทีี่ได้จากปฏิกิรยิานิวเคลียร์ ขอ้ความใดกล่าวถกูต้อง (O-Net 61)
1. ปฏิกิรยิานิวเคลียร ์ (1) เป็นนิวเคลียรฟ์ชิชนั2. ปฏิกิรยิานิวเคลียร ์ (2) เป็นนิวเคลียรฟ์วิชนั3. X เป็นกลางทางไฟฟา้4. Y มปีระจุไฟฟา้เป็นลบ5. X และ Y อาจเบีย่งเบนเมื่อเคล่ือนที่ผ่านสนามแมเ่หล็ก
ขอ้สอบ O-NET ฟสิกิส ์ ปี พ.ศ. 2561 (ปีการศึกษา 2560) ( วนั อาทิตย ์ท่ี 4 มนีาคม 2561 ) หน้า 12
42. พจิารณาการสลายของนิวเคลียร ์ดังสมการต่อไปน้ี (1) ¿¿
2865 → ¿28
65 +X
(2) Nd60144 → Ce58
140 +Y
(3) Mg1228 → Al13
28 +Z
กำาหนดให ้ X Y และ Z คือ อนุภาคหรอืรงัสทีี่ได้จากการสลาย จากขอ้มูล การเรยีงลำาดับความสามารถในการเคล่ือนท่ีทะลผุ่านสิง่กีดขวางของอนุภาค X Y และ Z ตามขอ้ใดท่ีเรยีงจากตำ่าท่ีสดุไปสงูท่ีสดุได้ถกูต้อง (O-Net 61)
1. X Z Y2. Y Z X 3. Y X Z 4. Z X Y5. Z Y X
43. กำาหนดให ้ ไอโซโทปกัมมนัตรงัส ี A มคีรึง่ชวีติเท่ากับ 4 วนั ไอโซโทปกัมมนัตรงัส ี B มคีรึง่ชวีติเท่ากับ 12 วนั ถ้าในตอนเริม่ต้น ไอโซโทปทัง้สองมปีรมิาณเท่ากัน เมื่อเวลาผ่านไป 12 วนั ปรมิาณของ ไอโซโทป B ท่ีเหลือเป็นกี่เท่าของไอโซโทป A ท่ีเหลือ (O-Net 61)
1. 16 เท่า2. 8 เท่า3. 4 เท่า4. 3 เท่า5. 0.5 เท่า