Transcript

308 ภาค 2: “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน”)

ธงชัย วินิจจะกูล

“เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน )

ความรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง“การเสียดินแดน”วางอยู่บนความเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างผิดๆ4ประการ

1. เข้าใจผิดว่า รัฐสมัยเก่า (ก่อนศตวรรษที่ 20) ถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องใหญ่

ความจริง รฐัสมยัเกา่ไมถ่อืการครอบครองดนิแดนเปน็เรือ่งสำาคญัความสมัพนัธร์ะหวา่งรฐัสมยัเกา่เปน็เรือ่งของเจา้ทีม่อีำานาจมากถอือำานาจบาตรใหญเ่หนอืเจา้ทีม่อีำานาจนอ้ยกวา่ลดหลัน่เปน็ลำาดบัชัน้กนัลงไปคอืเปน็ความสมัพนัธแ์บบเจา้พอ่นัน่เองเจ้าพ่อรายใหญ่ย่อมเรียก“ค่าคุ้มครอง”จากเจ้าพ่อรายเล็กกว่าในรูปของส่วยสาอากรผลประโยชน์ต่างๆและไพร่พลจากนั้นเจ้าพ่อทั้งรายใหญ่รายเล็กก็ไปขูดรีดเอากับไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตนอีกทอดหนึ่งอำานาจของเจ้าพ่อรายเล็กจึงอยู่ที่อำานาจเหนือไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน อำานาจของเจ้าพ่อรายใหญ่จึงอยู่ที่อำานาจเหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน อธิปไตยเหนือดินแดนแบบสมัยนี้ยังไม่มีอำานาจขององค์อธิปัตย์หมายถึงอำานาจเหนือคนคือเหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไท ไม่จำาเป็นต้องมีขอบเขตชัดเจน บางทีก็มีบางทีก็ไม่มี ไพร่ฟ้าจะเดินทางไกลไปไหนต่อไหนก็ยังถือว่ายังอยู่ใต้อำานาจของเจ้าองค์เดิมหรือที่เรียกว่า“ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร”ของเจ้าองค์เดิม“ดินแดน”ที่รัฐสมัยเก่าหวงแหนสุดขีดคือเมืองและวังเพราะหมายถึงอำานาจของเจ้าพ่อรัฐสมัยเก่าไม่หวงแหนชายแดนยกให้เป็นของขวัญแก่ฝรั่งอังกฤษมาแล้วก็มี

2. เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยของรัฐเจ้าพ่อใหญ่

ความจริง เจ้าพ่อรายเล็กที่ยอมเป็นเมืองขึ้นหรือประเทศราชของรัฐเจ้าพ่อใหญ่ยังคงมีอำานาจเหนือเมืองวังไพร่ฟ้าข้าไทและเขตอิทธิพลของตนเพียงแต่ไม่ถือว่าเป็น“อิสระ”(คำาว่า“อิสระ”แต่เดิมหมายถึงเป็นใหญ่สูงสุดความหมายเพิ่งเปลี่ยนเป็นindependenceพร้อมๆกับรัฐสมัยใหม่ในศตวรรษที่20นี่เอง)จะถือว่าเป็น“อิสระ”ได้ยังไงในเมื่อยอมสวามิภักดิ์ต่อรัฐเจา้พอ่ใหญ่แตก่ารสวามภิกัดิม์ไิดห้มายถงึตกเปน็สมบตัขิองรฐัเจา้พอ่ใหญแ่ตอ่ยา่งใดเพยีงหมายถงึยอมอยูใ่ตอ้ำานาจบาตรใหญ่“ความคุ้มครอง”ของเจ้าพ่อรายใหญ่กว่าและยอมจ่าย“ค่าคุ้มครอง”ตามที่เจ้าพ่อรายใหญ่เรียกมาเท่านั้นเอง “เขตอทิธพิล”หรอืดนิแดนทีไ่มม่ขีอบเขตชดัเจนของเมอืงขึน้หรอืประเทศราชจงึไมใ่ชส่มบตัขิองเจา้พอ่รายใหญ่แต่แน่นอนว่าเจ้าพ่อใหญ่อย่างเจ้ากรุงเทพฯ ย่อมถือว่าประเทศราชเป็นสมบัติของตน ทัศนะที่ถือว่าประเทศราชและดินแดนชายขอบอำานาจเป็นของประเทศไทยมาแต่โบราณ เช่น สุโขทัยเป็นเจ้าของทั้งแหลมมลายู จึงเป็นทัศนะประวัติศาสตร์แบบเจ้าพ่อใหญ่ เช่น เจ้ากรุงเทพฯ เจ้าอังวะ หงสา ฯลฯ แต่ทว่าไทย/สยามที่เป็นรัฐแบบชาติสมัยใหม่กลับรักษาทัศนะประวัติศาสตร์ของเจ้ากรุงเทพฯ และยกให้เป็นประวัติศาสตร์แห่งชาติอีกด้วยประวัติศาสตร์ไทยจึงเป็น “ราชาชาตินิยม” คือไม่ใช่แค่ชาตินิยมอย่างประเทศอื่น แต่เป็นชาตินิยมที่คิดแบบเจ้ากรุงเทพฯเช่นถือว่าประเทศราชและดินแดนชายขอบอำานาจเป็นของประเทศไทยมาแต่โบราณ

ธงชัย วินิจจะกูล 309

3.เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้นหรือประเทศราชหนึ่ง ย่อมขึ้นต่อเจ้าพ่อรายใหญ่เพียงรายเดียว เมืองขึ้นของสยามย่อมขึ้นต่อสยามเท่านั้น ดังนั้นดินแดนประเทศราชย่อมเป็นของประเทศสยามแต่ผู้เดียว

ความจริง ประเทศราชของอยธุยาและกรงุเทพฯ แทบทัง้หมดในประวตัศิาสตรเ์ปน็เมอืงขึน้ของเจา้พอ่ใหญร่ายอืน่ดว้ยในเวลาเดียวกันเช่นพม่า(อังวะหงสาวดี)และเวียดนาม(เว้ตังเกี๋ย)เพราะในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสมัยเก่าแบบเจ้าพ่อนั้นรัฐเล็กๆถือว่ายอมอ่อนน้อมต่อเจ้าพ่อใหญ่ดีกว่าโดนเจ้าพ่อลงโทษครั้นเจ้าพ่อใหญ่หลายรายมาเรียก“ค่าคุ้มครอง”ก็ยอมซะเท่าที่ยังพอทนไหว(หากทนไม่ไหวค่อยฟ้องเจ้าพ่อก.ให้มาจัดการกับเจ้าพ่อข.)ประเทศราชของอยุธยาและกรุงเทพฯ เป็นประเทศราชของ2-3เจ้าพ่อใหญ่ในเวลาเดียวกันเจ้ากรุงเทพฯ มาจนถึงสมัยรัชกาลที่5รู้ข้อนี้ดีว่าประเทศราชไม่เคยขึ้นต่อสยามแต่ผู้เดียว ดังนั้น ขอบข่ายอำานาจของเจ้าพ่อใหญ่อย่าง สยาม พม่า เวียดนามจึงซ้อนทับกันเป็นแถบเบ้อเริ่ม เพราะต่างมีประเทศราชรว่มกนัอำานาจซอ้นทบัแบบนีไ้มเ่ปน็ปญัหาตอ้งแบง่ปนักนัหรอืรบราฆา่กนัเพราะทกุรฐัสมยัเกา่ขอแคป่ระเทศราชยอมสวามิภักดิ์และจ่ายค่าคุ้มครองสม่ำาเสมอเป็นใช้ได้ แตค่รั้นทุกรัฐรับธรรมเนียมสมัยใหม่จากฝรัง่ในปลายศตวรรษที ่19ทีไ่ม่ยอมรับอำานาจเหนอืดินแดนแบบซอ้นทับอีกต่อไปและถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องใหญ่จึงต้องแย่งชิงกันว่าดินแดนของประเทศราชเป็นของใครกันแน่แต่ผู้เดียวความขัดแย้งระหว่างสยามกับอังกฤษฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่5คือการพยายามแข่งขันกันช่วงชิงดินแดนประเทศราชมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวกรณี“เสียดินแดน”คือผลของการแย่งชิงกันแล้วสยามแพ้สยาม“ไม่ได้ดินแดนมาเป็นของสยามแต่ผู้เดียว”ฝรั่งชนะจึงได้ไป ประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมของรัฐไทยสมัยใหม่จึงแย่ยิ่งกว่าเจ้ากรุงเทพฯ แบบก่อนศตวรรษที่ 20 เสียอีกคือหลงคิดว่าประเทศราชเป็นของตนแต่ผู้เดียวมาแต่โบราณครั้นแย่งดินแดนประเทศราชกันแล้วแพ้เขาจึงเรียกว่า“ไทยเสียดินแดน”

4.เข้าใจผิดว่า ดินแดนของรัฐสมัยเก่า กำาหนดชัดเจนแน่นอนว่าตรงไหนของใคร จึงสามารถพูดได้ว่า ไทยเสียดินแดนไปกี่ครั้งกี่ตารางกิโลเมตร

ความจริง จากทีอ่ธบิายมาขา้งตน้คงเหน็แลว้วา่อำานาจดนิแดนของรฐัสมยัเกา่มทีัง้ซอ้นทบักนัและโดยมากไมก่ำาหนดขอบเขตดินแดนชัดเจนดินแดนของรัฐสยามสมัยใหม่ที่ชัดเจนมีเส้นเขตแบ่งปันเพิ่งเกิดขึ้นมาก็ต่อเมื่อแย่งชิงกันจบด้วยกำาลังทหาร(ซึ่งสยามสู้ฝรั่งไม่ไหว)สยามจึงไม่เคยเสียดินแดนที่ไม่เคยเป็นของตน ในเมื่อไม่เคยเป็นเจ้าของดินแดนประเทศราชไม่เคยเป็นเจ้าพ่อใหญ่แต่ผู้เดียวด้วยซ้ำาไปแถมอำานาจเหนือดินแดนไม่มีขอบเขตชัดเจนการ“เสียดินแดน”แท้ที่จริงแล้วจึงเป็นการเสียอำานาจแบบเจ้าพ่อแบบโบราณคือไม่สามารถอวดอ้างความเป็นอธิราชได้อีกต่อไปเรียกให้เขาอ่อนน้อมไม่ได้แล้วเรียกเก็บผลประโยชน์ก็ไม่ได้เช่นกันในจารีตแบบรัฐราชาธิราชหรอืรฐัเจา้พอ่แบบสมยัเกา่นัน้นีเ่ปน็การเสยีพระเกยีรตยิศของพระเจา้แผน่ดนิอยา่งทีส่ดุประเภทหนึง่ความเจบ็ปวดของเจา้กรงุเทพฯจงึเปน็เรือ่งของการทีพ่ระองคเ์สยีพระเกยีรตยิศอยา่งสาหสัไมใ่ชก่าร“เสยีดนิแดน”ในแบบทีเ่ราวดักนัออกมาได้เป็นตารางกิโลเมตร กลา่วโดยสรปุประวตัศิาสตรร์าชาชาตนิยิมเรือ่งการ“เสยีดนิแดน”มอีงคป์ระกอบทางปญัญาสำาคญั2ประการคอื

1.ตอ้งอา้งวา่เปน็เจา้ของดนิแดนประเทศราชมาแตโ่บราณซึง่เปน็ทศันะประวตัศิาสตรข์องเจา้กรงุเทพฯและตอ้ง ถือเอาความเจ็บปวดของเจ้ากรุงเทพฯ มาเป็นของตนด้วย 2.ต้องอ้างว่าเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวแบบชาตินิยมของรัฐชาติสมัยใหม่ องคป์ระกอบทัง้สองประการเริม่ประมวลเขา้ดว้ยกนัวาทการวาทกรรมการ“เสยีดนิแดน”โดยฝมีอืของนกัชาตนิยิม

310 ภาค 2: “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน”)

อย่างหลวงวิจิตรวาทการและอีกหลายคนร่วมสมัยกับเขา โดยเริ่มผลิตมาตั้งแต่ประมาณต้นทศวรรษ 2470 (ก่อนการเปลี่ยนแปลง2475เล็กน้อย)และกลายเป็นส่วนสำาคัญของลัทธิชาตินิยมของรัฐไทยช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอันนำาไปสู่การ“เรียกร้องดินแดนคืน”ในปีพ.ศ. 2483(ค.ศ. 1940)และกรณีดังกล่าวมีผลให้วาทกรรมและความเข้าใจประวัติศาสตร์(ผิดๆ)เรื่องการ“เสียดินแดน”ฝังแน่นในสังคมไทย วาทกรรมและประวัติศาสตร์การ“เสียดินแดน”เป็นประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมตัวพ่อคือทั้งทรงพลังเป็นฐานอยา่งหนึง่ทีม่สีว่นกอ่รปูกอ่รา่งความคดิชาตนิยิมของไทยตัง้แตเ่ริม่และยงัคงเปน็ฐานรากค้ำาจนุชาตนิยิมของไทยมาจนทกุวนันี้แถมยังเป็นฐานภูมิปัญญาไทยอย่างหนึ่งที่ให้กำาเนิดอุดมการณ์ความเชื่อวาทกรรมชาตินิยมอีกมากมาย ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเอกสารpower pointชุดหนึ่งแพร่หลายอย่างกว้างขวางเสนอว่า“ไทยเสียดินแดน”มาทั้งหมด14ครัง้นีเ่ปน็ตวัอยา่งผลผลติของประวตัศิาสตรร์าชาชาตนิยิมตวัพอ่ทีส่ามารถผลติโฆษณาชวนเชือ่เหลวไหลไดอ้ยา่งไมม่ขีดีจำากัดอ้างไปได้เรื่อยว่าปีนังทวายมะริดตะนาวศรีฯลฯเป็นของไทยแต่เสียไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่1แม้แต่นักชาตินิยมรุ่นหลวงวิจิตรวาทการยังไม่เคยเพ้อเจ้อไปไกลขนาดนั้น คือในระยะแรกที่วาทกรรมการ “เสียดินแดน” เริ่มปรากฏตัวนั้นอย่างมากก็เสนอว่าเสีย3-5ครั้งและทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงกับฝรั่งเศสในสมัยรัชกาลที่5 แตย่ิง่นานวนัจำานวนครัง้และดนิแดนทีอ่า้งวา่เสยีไปกลบัมากขึน้ทกุทีเพราะตวัเลขเหลา่นีไ้มม่หีลกัฐานหลกัเกณฑ์ใดๆทัง้สิน้เปน็เพยีงการมอมเมาใหไ้พรร่าษฎรหลงผดิงมงายกบัประวตัศิาสตรร์าชาชาตนิยิมเอาความแคน้ของเจา้กรงุเทพฯและความคลั่งชาติมาเป็นความคิดของตนยอมไปตายแทนเพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองไทย คนที่ยังหลงงมงายกับประวัติศาสตร์การ “เสียดินแดน” ก็เท่ากับยังหลงเชื่อประวัติศาสตร์แบบที่เจ้ากรุงเทพฯ และพวกอำามาตย์ชาตินิยมต้องการ มีแต่คนที่รับใช้เจ้าจนตัวตายรับใช้เจ้านายหัวปักหัวปำาเท่านั้นแหละที่เที่ยวป่าวร้องอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ไพร่ราบทหารเกณฑ์ไปตายแทน ชาตินิยมที่กำาลังบ้าคลั่งอยู่ในขณะนี้ก็เป็นผลผลิตของประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมเรื่อง “เสียดินแดน” ปัญหาเขตแดนระหว่างประเทศเป็นมรดกตกทอดจากยุคอาณานิคมอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังมีอีกหลายแห่งรอบชายแดนประเทศไทยไม่ใช่แคช่ายแดนกมัพชูาทีไ่มม่ทีางแก้ตกง่ายๆหรืออาจคาราคาซงัแกไ้มม่ีทางหมดสิน้กเ็ปน็ได้เพราะรากเหง้าของปัญหามาจากระบบความสัมพันธ์ของรัฐแบบสมัยก่อนไม่ถือดินแดนที่ชัดเจนตายตัวกับความสัมพันธ์แบบรัฐชาติสมัยใหม่ที่ถืออธิปไตยเหนือดินแดนที่ชัดเจนตายตัวเป็นเรื่องใหญ่เข้ากันไม่ได้ การวางตวัเปน็เจา้พอ่ใหญอ่ยา่งทีท่ำามาคอ่นศตวรรษและกำาลงัทำาอยูใ่นขณะนี้อยา่งเกง่กช็นะไดช้ัว่คราวแลว้กต็อ้งรบอกีครัง้แลว้ครัง้เลา่โดยไมไ่ดช้ว่ยใหป้ญัหาคลีค่ลายลงเลยสกันดิและหากจะใชว้ธินีีค้งตอ้งรบกบัเพือ่นบา้นทกุดา้นตลอดแนวชายแดนเพราะมีปัญหาทั้งนั้น การปา่วรอ้งวา่เขตแดนเปน็มรดกตกทอดจากยคุอาณานคิมเราจงึตอ้งไมย่อมรบัแผนทีฝ่รัง่ศาลฝรัง่เขตแดนแบบฝรั่งและจึงชอบธรรมที่จะไปเอาดินแดนคืนมานี่เป็นเหตุผลแบบราชาชาตินิยมวิปลาศแบบสุดๆคือถือว่าไทยยังเป็นเจ้าพ่อที่อ้างความเป็นใหญ่และเป็นเจ้าของดินแดนที่ไม่เคยเป็นของตนนี่ก็เป็นผลผลิตของประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมตัวพ่อ คนที่กล่าวหาว่าคนอื่น“โง่”3-4ชั้นหลงตามฝรั่งในเรื่องเส้นเขตแดนจนเสียดินแดนให้เขมรคือพวกเกลียดตัวกินไข่เพราะชาติชาตนิยิมอธปิไตยเหนอืดนิแดนแบบทีพ่วกเขาโฆษณาชวนเชือ่อยู่ลว้นเปน็ของทีไ่ทยรบัเอามาจากฝรัง่ทัง้นัน้ในเมื่อเราหลีกไม่พ้นที่จะต้องอยู่กับมาตรฐานความสัมพันธ์กันแบบรัฐชาติสมัยใหม่ที่เริ่มมาจากฝรั่งเราก็ควรรู้เท่าทันรู้จักปรับตัวไม่งมงายไปกับชาตินิยมหรือประวัติศาสตร์อันตรายอย่างการ“เสียดินแดน” คนพวกนีเ้ทีย่วกลา่วหาคนอืน่วา่หลงฝรัง่แตก่ลบัเสพตดิงมงายกบัสิง่อนัตรายทีฝ่รัง่ยคุอาณานคิมและยคุฟาสซสิต์ทิ้งไว้ให้สังคมไทยหยุดหลอกลวงประชาราษฎรไปตายแทนลัทธิราชาชาตินิยมเสียทีหาทางออกที่มีอารยธรรมกว่าสงครามไม่ดีกว่าหรือหรือว่าราชาชาตินิยมหมดท่าแล้วจึงต้องใช้วิถีทางอนารยะบ้าคลั่งอย่างที่พยายามทำากันอยู่


Top Related