lost territory_thongchai

3
308 ภาค 2: “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน”) ธงชย วนจจะกูล “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน ) ความรูประวตศาสตรเรอง “การเสยดนแดน” วางอยูบนความเขาใจประวตศาสตรอยางผดๆ 4 ประการ 1. เข้าใจผิดว่า รัฐสมัยเก่า (ก่อนศตวรรษที่ 20) ถือการครอบครองดิน แดนเป็นเรื่องใหญความจริง ฐสม ยเก าไม อการครอบครองด นแดนเป นเร องสำ าค ญ ความส มพ นธ ระหว างร ฐสม ยเก าเป นเร องของเจ าท อำ านาจ มากถ ออำ านาจบาตรใหญ เหน อเจ าท อำ านาจน อยกว า ลดหล นเป นลำ าด บช นก นลงไป ค อ เป นความส มพ นธ แบบเจ าพ อน นเอง เจาพอรายใหญยอมเรยก “คาคุมครอง” จากเจาพอรายเลกกวาในรูปของสวยสาอากรผลประโยชนตางๆ และไพรพล จาก นนเจาพอทงรายใหญรายเลกกไปขูดรดเอากบไพรฟาขาไทในเขตอทธพลของตนอกทอดหนง อำานาจของเจาพอรายเลกจง อยูทอำานาจเหนอไพรฟาขาไทในเขตอทธพลของตน อำานาจของเจาพอรายใหญจงอยูทอำานาจเหนอเจาพอรายเลกและไพรฟาขาไทในเขตอทธพลของตน อธปไตย เหนอดนแดนแบบสมยนยงไมม อำานาจขององคอธปตยหมายถงอำานาจเหนอคน คอ เหนอเจาพอรายเลกและไพรฟาขาไท ไมจำาเปนตองมขอบเขตชดเจน บางทกมบางทกไมม ไพรฟาจะเดนทางไกลไปไหนตอไหนกยงถอวายงอยูใตอำานาจของเจา องคเดม หรอทเรยกวา “ใตรมพระบรมโพธสมภาร” ของเจาองคเดม “ดนแดน” ทรฐสมยเกาหวงแหนสุดขดคอเมองและวง เพราะหมายถงอำานาจของเจาพอ รฐสมยเกาไมหวงแหนชายแดน ยกใหเปนของขวญแกฝรงองกฤษมาแลวกม 2. เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยของรัฐเจ้าพ่อใหญ่ ความจริง เจาพอรายเลกทยอมเปนเมองขนหรอประเทศราชของรฐเจาพอใหญยงคงมอำานาจเหนอเมอง วง ไพรฟาขาไทและ เขตอทธพลของตน เพยงแตไมถอวาเปน “อสระ” (คำาวา “อสระ” แตเดมหมายถงเปนใหญสูงสุด ความหมายเพงเปลยนเปน independence พรอมๆ กบรฐสมยใหมในศตวรรษท 20 นเอง) จะถอวาเปน “อสระ” ไดยงไงในเมอยอมสวามภกดตอรฐ เจ าพ อใหญ แต การสวาม กด ได หมายถ งตกเป นสมบ ของร ฐเจ าพ อใหญ แต อย างใด เพ ยงหมายถ งยอมอยู ใต อำ านาจบาตร ใหญ “ความคุมครอง” ของเจาพอรายใหญกวาและยอมจาย “คาคุมครอง” ตามทเจาพอรายใหญเรยกมาเทานนเอง “เขตอ ทธ พล” หร อด นแดนท ไม ขอบเขตช ดเจนของเม องข นหร อประเทศราชจ งไม ใช สมบ ของเจ าพ อรายใหญ แต แนนอนวาเจาพอใหญอยางเจากรุงเทพฯ ยอมถอวาประเทศราชเปนสมบตของตน ทศนะทถอวาประเทศราชและดนแดนชายขอบอำานาจเปนของประเทศไทยมาแตโบราณ เชน สุโขทยเปนเจาของ ทงแหลมมลายู จงเปนทศนะประวตศาสตรแบบเจาพอใหญ เชน เจากรุงเทพฯ เจาองวะ หงสา ฯลฯ แตทวาไทย/สยาม ทเปนรฐแบบชาตสมยใหมกลบรกษาทศนะประวตศาสตรของเจากรุงเทพฯ และยกใหเปนประวตศาสตรแหงชาตอกดวย ประวตศาสตรไทยจงเปน “ราชาชาตนยม” คอไมใชแคชาตนยมอยางประเทศอน แตเปนชาตนยมทคดแบบเจากรุงเทพฯ เชน ถอวาประเทศราชและดนแดนชายขอบอำานาจเปนของประเทศไทยมาแตโบราณ

Upload: textbooksproject-foundation

Post on 16-Mar-2016

214 views

Category:

Documents


1 download

DESCRIPTION

"เสียดินแดน" เป็นประวัติศาสตร์หลอดไพร่ไปตายแทน (เพราะ "ไทย" ไม่เคยเสียดินแดน) ธงชัย วินิจจะกูล/Thongchai Winichakul

TRANSCRIPT

308 ภาค 2: “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน”)

ธงชัย วินิจจะกูล

“เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน )

ความรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง“การเสียดินแดน”วางอยู่บนความเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างผิดๆ4ประการ

1. เข้าใจผิดว่า รัฐสมัยเก่า (ก่อนศตวรรษที่ 20) ถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องใหญ่

ความจริง รฐัสมยัเกา่ไมถ่อืการครอบครองดนิแดนเปน็เรือ่งสำาคญัความสมัพนัธร์ะหวา่งรฐัสมยัเกา่เปน็เรือ่งของเจา้ทีม่อีำานาจมากถอือำานาจบาตรใหญเ่หนอืเจา้ทีม่อีำานาจนอ้ยกวา่ลดหลัน่เปน็ลำาดบัชัน้กนัลงไปคอืเปน็ความสมัพนัธแ์บบเจา้พอ่นัน่เองเจ้าพ่อรายใหญ่ย่อมเรียก“ค่าคุ้มครอง”จากเจ้าพ่อรายเล็กกว่าในรูปของส่วยสาอากรผลประโยชน์ต่างๆและไพร่พลจากนั้นเจ้าพ่อทั้งรายใหญ่รายเล็กก็ไปขูดรีดเอากับไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตนอีกทอดหนึ่งอำานาจของเจ้าพ่อรายเล็กจึงอยู่ที่อำานาจเหนือไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน อำานาจของเจ้าพ่อรายใหญ่จึงอยู่ที่อำานาจเหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน อธิปไตยเหนือดินแดนแบบสมัยนี้ยังไม่มีอำานาจขององค์อธิปัตย์หมายถึงอำานาจเหนือคนคือเหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไท ไม่จำาเป็นต้องมีขอบเขตชัดเจน บางทีก็มีบางทีก็ไม่มี ไพร่ฟ้าจะเดินทางไกลไปไหนต่อไหนก็ยังถือว่ายังอยู่ใต้อำานาจของเจ้าองค์เดิมหรือที่เรียกว่า“ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร”ของเจ้าองค์เดิม“ดินแดน”ที่รัฐสมัยเก่าหวงแหนสุดขีดคือเมืองและวังเพราะหมายถึงอำานาจของเจ้าพ่อรัฐสมัยเก่าไม่หวงแหนชายแดนยกให้เป็นของขวัญแก่ฝรั่งอังกฤษมาแล้วก็มี

2. เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยของรัฐเจ้าพ่อใหญ่

ความจริง เจ้าพ่อรายเล็กที่ยอมเป็นเมืองขึ้นหรือประเทศราชของรัฐเจ้าพ่อใหญ่ยังคงมีอำานาจเหนือเมืองวังไพร่ฟ้าข้าไทและเขตอิทธิพลของตนเพียงแต่ไม่ถือว่าเป็น“อิสระ”(คำาว่า“อิสระ”แต่เดิมหมายถึงเป็นใหญ่สูงสุดความหมายเพิ่งเปลี่ยนเป็นindependenceพร้อมๆกับรัฐสมัยใหม่ในศตวรรษที่20นี่เอง)จะถือว่าเป็น“อิสระ”ได้ยังไงในเมื่อยอมสวามิภักดิ์ต่อรัฐเจา้พอ่ใหญ่แตก่ารสวามภิกัดิม์ไิดห้มายถงึตกเปน็สมบตัขิองรฐัเจา้พอ่ใหญแ่ตอ่ยา่งใดเพยีงหมายถงึยอมอยูใ่ตอ้ำานาจบาตรใหญ่“ความคุ้มครอง”ของเจ้าพ่อรายใหญ่กว่าและยอมจ่าย“ค่าคุ้มครอง”ตามที่เจ้าพ่อรายใหญ่เรียกมาเท่านั้นเอง “เขตอทิธพิล”หรอืดนิแดนทีไ่มม่ขีอบเขตชดัเจนของเมอืงขึน้หรอืประเทศราชจงึไมใ่ชส่มบตัขิองเจา้พอ่รายใหญ่แต่แน่นอนว่าเจ้าพ่อใหญ่อย่างเจ้ากรุงเทพฯ ย่อมถือว่าประเทศราชเป็นสมบัติของตน ทัศนะที่ถือว่าประเทศราชและดินแดนชายขอบอำานาจเป็นของประเทศไทยมาแต่โบราณ เช่น สุโขทัยเป็นเจ้าของทั้งแหลมมลายู จึงเป็นทัศนะประวัติศาสตร์แบบเจ้าพ่อใหญ่ เช่น เจ้ากรุงเทพฯ เจ้าอังวะ หงสา ฯลฯ แต่ทว่าไทย/สยามที่เป็นรัฐแบบชาติสมัยใหม่กลับรักษาทัศนะประวัติศาสตร์ของเจ้ากรุงเทพฯ และยกให้เป็นประวัติศาสตร์แห่งชาติอีกด้วยประวัติศาสตร์ไทยจึงเป็น “ราชาชาตินิยม” คือไม่ใช่แค่ชาตินิยมอย่างประเทศอื่น แต่เป็นชาตินิยมที่คิดแบบเจ้ากรุงเทพฯเช่นถือว่าประเทศราชและดินแดนชายขอบอำานาจเป็นของประเทศไทยมาแต่โบราณ

ธงชัย วินิจจะกูล 309

3.เข้าใจผิดว่า เมืองขึ้นหรือประเทศราชหนึ่ง ย่อมขึ้นต่อเจ้าพ่อรายใหญ่เพียงรายเดียว เมืองขึ้นของสยามย่อมขึ้นต่อสยามเท่านั้น ดังนั้นดินแดนประเทศราชย่อมเป็นของประเทศสยามแต่ผู้เดียว

ความจริง ประเทศราชของอยธุยาและกรงุเทพฯ แทบทัง้หมดในประวตัศิาสตรเ์ปน็เมอืงขึน้ของเจา้พอ่ใหญร่ายอืน่ดว้ยในเวลาเดียวกันเช่นพม่า(อังวะหงสาวดี)และเวียดนาม(เว้ตังเกี๋ย)เพราะในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสมัยเก่าแบบเจ้าพ่อนั้นรัฐเล็กๆถือว่ายอมอ่อนน้อมต่อเจ้าพ่อใหญ่ดีกว่าโดนเจ้าพ่อลงโทษครั้นเจ้าพ่อใหญ่หลายรายมาเรียก“ค่าคุ้มครอง”ก็ยอมซะเท่าที่ยังพอทนไหว(หากทนไม่ไหวค่อยฟ้องเจ้าพ่อก.ให้มาจัดการกับเจ้าพ่อข.)ประเทศราชของอยุธยาและกรุงเทพฯ เป็นประเทศราชของ2-3เจ้าพ่อใหญ่ในเวลาเดียวกันเจ้ากรุงเทพฯ มาจนถึงสมัยรัชกาลที่5รู้ข้อนี้ดีว่าประเทศราชไม่เคยขึ้นต่อสยามแต่ผู้เดียว ดังนั้น ขอบข่ายอำานาจของเจ้าพ่อใหญ่อย่าง สยาม พม่า เวียดนามจึงซ้อนทับกันเป็นแถบเบ้อเริ่ม เพราะต่างมีประเทศราชรว่มกนัอำานาจซอ้นทบัแบบนีไ้มเ่ปน็ปญัหาตอ้งแบง่ปนักนัหรอืรบราฆา่กนัเพราะทกุรฐัสมยัเกา่ขอแคป่ระเทศราชยอมสวามิภักดิ์และจ่ายค่าคุ้มครองสม่ำาเสมอเป็นใช้ได้ แตค่รั้นทุกรัฐรับธรรมเนียมสมัยใหม่จากฝรัง่ในปลายศตวรรษที ่19ทีไ่ม่ยอมรับอำานาจเหนอืดินแดนแบบซอ้นทับอีกต่อไปและถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องใหญ่จึงต้องแย่งชิงกันว่าดินแดนของประเทศราชเป็นของใครกันแน่แต่ผู้เดียวความขัดแย้งระหว่างสยามกับอังกฤษฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่5คือการพยายามแข่งขันกันช่วงชิงดินแดนประเทศราชมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวกรณี“เสียดินแดน”คือผลของการแย่งชิงกันแล้วสยามแพ้สยาม“ไม่ได้ดินแดนมาเป็นของสยามแต่ผู้เดียว”ฝรั่งชนะจึงได้ไป ประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมของรัฐไทยสมัยใหม่จึงแย่ยิ่งกว่าเจ้ากรุงเทพฯ แบบก่อนศตวรรษที่ 20 เสียอีกคือหลงคิดว่าประเทศราชเป็นของตนแต่ผู้เดียวมาแต่โบราณครั้นแย่งดินแดนประเทศราชกันแล้วแพ้เขาจึงเรียกว่า“ไทยเสียดินแดน”

4.เข้าใจผิดว่า ดินแดนของรัฐสมัยเก่า กำาหนดชัดเจนแน่นอนว่าตรงไหนของใคร จึงสามารถพูดได้ว่า ไทยเสียดินแดนไปกี่ครั้งกี่ตารางกิโลเมตร

ความจริง จากทีอ่ธบิายมาขา้งตน้คงเหน็แลว้วา่อำานาจดนิแดนของรฐัสมยัเกา่มทีัง้ซอ้นทบักนัและโดยมากไมก่ำาหนดขอบเขตดินแดนชัดเจนดินแดนของรัฐสยามสมัยใหม่ที่ชัดเจนมีเส้นเขตแบ่งปันเพิ่งเกิดขึ้นมาก็ต่อเมื่อแย่งชิงกันจบด้วยกำาลังทหาร(ซึ่งสยามสู้ฝรั่งไม่ไหว)สยามจึงไม่เคยเสียดินแดนที่ไม่เคยเป็นของตน ในเมื่อไม่เคยเป็นเจ้าของดินแดนประเทศราชไม่เคยเป็นเจ้าพ่อใหญ่แต่ผู้เดียวด้วยซ้ำาไปแถมอำานาจเหนือดินแดนไม่มีขอบเขตชัดเจนการ“เสียดินแดน”แท้ที่จริงแล้วจึงเป็นการเสียอำานาจแบบเจ้าพ่อแบบโบราณคือไม่สามารถอวดอ้างความเป็นอธิราชได้อีกต่อไปเรียกให้เขาอ่อนน้อมไม่ได้แล้วเรียกเก็บผลประโยชน์ก็ไม่ได้เช่นกันในจารีตแบบรัฐราชาธิราชหรอืรฐัเจา้พอ่แบบสมยัเกา่นัน้นีเ่ปน็การเสยีพระเกยีรตยิศของพระเจา้แผน่ดนิอยา่งทีส่ดุประเภทหนึง่ความเจบ็ปวดของเจา้กรงุเทพฯจงึเปน็เรือ่งของการทีพ่ระองคเ์สยีพระเกยีรตยิศอยา่งสาหสัไมใ่ชก่าร“เสยีดนิแดน”ในแบบทีเ่ราวดักนัออกมาได้เป็นตารางกิโลเมตร กลา่วโดยสรปุประวตัศิาสตรร์าชาชาตนิยิมเรือ่งการ“เสยีดนิแดน”มอีงคป์ระกอบทางปญัญาสำาคญั2ประการคอื

1.ตอ้งอา้งวา่เปน็เจา้ของดนิแดนประเทศราชมาแตโ่บราณซึง่เปน็ทศันะประวตัศิาสตรข์องเจา้กรงุเทพฯและตอ้ง ถือเอาความเจ็บปวดของเจ้ากรุงเทพฯ มาเป็นของตนด้วย 2.ต้องอ้างว่าเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวแบบชาตินิยมของรัฐชาติสมัยใหม่ องคป์ระกอบทัง้สองประการเริม่ประมวลเขา้ดว้ยกนัวาทการวาทกรรมการ“เสยีดนิแดน”โดยฝมีอืของนกัชาตนิยิม

310 ภาค 2: “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน”)

อย่างหลวงวิจิตรวาทการและอีกหลายคนร่วมสมัยกับเขา โดยเริ่มผลิตมาตั้งแต่ประมาณต้นทศวรรษ 2470 (ก่อนการเปลี่ยนแปลง2475เล็กน้อย)และกลายเป็นส่วนสำาคัญของลัทธิชาตินิยมของรัฐไทยช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอันนำาไปสู่การ“เรียกร้องดินแดนคืน”ในปีพ.ศ. 2483(ค.ศ. 1940)และกรณีดังกล่าวมีผลให้วาทกรรมและความเข้าใจประวัติศาสตร์(ผิดๆ)เรื่องการ“เสียดินแดน”ฝังแน่นในสังคมไทย วาทกรรมและประวัติศาสตร์การ“เสียดินแดน”เป็นประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมตัวพ่อคือทั้งทรงพลังเป็นฐานอยา่งหนึง่ทีม่สีว่นกอ่รปูกอ่รา่งความคดิชาตนิยิมของไทยตัง้แตเ่ริม่และยงัคงเปน็ฐานรากค้ำาจนุชาตนิยิมของไทยมาจนทกุวนันี้แถมยังเป็นฐานภูมิปัญญาไทยอย่างหนึ่งที่ให้กำาเนิดอุดมการณ์ความเชื่อวาทกรรมชาตินิยมอีกมากมาย ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเอกสารpower pointชุดหนึ่งแพร่หลายอย่างกว้างขวางเสนอว่า“ไทยเสียดินแดน”มาทั้งหมด14ครัง้นีเ่ปน็ตวัอยา่งผลผลติของประวตัศิาสตรร์าชาชาตนิยิมตวัพอ่ทีส่ามารถผลติโฆษณาชวนเชือ่เหลวไหลไดอ้ยา่งไมม่ขีดีจำากัดอ้างไปได้เรื่อยว่าปีนังทวายมะริดตะนาวศรีฯลฯเป็นของไทยแต่เสียไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่1แม้แต่นักชาตินิยมรุ่นหลวงวิจิตรวาทการยังไม่เคยเพ้อเจ้อไปไกลขนาดนั้น คือในระยะแรกที่วาทกรรมการ “เสียดินแดน” เริ่มปรากฏตัวนั้นอย่างมากก็เสนอว่าเสีย3-5ครั้งและทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงกับฝรั่งเศสในสมัยรัชกาลที่5 แตย่ิง่นานวนัจำานวนครัง้และดนิแดนทีอ่า้งวา่เสยีไปกลบัมากขึน้ทกุทีเพราะตวัเลขเหลา่นีไ้มม่หีลกัฐานหลกัเกณฑ์ใดๆทัง้สิน้เปน็เพยีงการมอมเมาใหไ้พรร่าษฎรหลงผดิงมงายกบัประวตัศิาสตรร์าชาชาตนิยิมเอาความแคน้ของเจา้กรงุเทพฯและความคลั่งชาติมาเป็นความคิดของตนยอมไปตายแทนเพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองไทย คนที่ยังหลงงมงายกับประวัติศาสตร์การ “เสียดินแดน” ก็เท่ากับยังหลงเชื่อประวัติศาสตร์แบบที่เจ้ากรุงเทพฯ และพวกอำามาตย์ชาตินิยมต้องการ มีแต่คนที่รับใช้เจ้าจนตัวตายรับใช้เจ้านายหัวปักหัวปำาเท่านั้นแหละที่เที่ยวป่าวร้องอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ไพร่ราบทหารเกณฑ์ไปตายแทน ชาตินิยมที่กำาลังบ้าคลั่งอยู่ในขณะนี้ก็เป็นผลผลิตของประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมเรื่อง “เสียดินแดน” ปัญหาเขตแดนระหว่างประเทศเป็นมรดกตกทอดจากยุคอาณานิคมอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังมีอีกหลายแห่งรอบชายแดนประเทศไทยไม่ใช่แคช่ายแดนกมัพชูาทีไ่มม่ทีางแก้ตกง่ายๆหรืออาจคาราคาซงัแกไ้มม่ีทางหมดสิน้กเ็ปน็ได้เพราะรากเหง้าของปัญหามาจากระบบความสัมพันธ์ของรัฐแบบสมัยก่อนไม่ถือดินแดนที่ชัดเจนตายตัวกับความสัมพันธ์แบบรัฐชาติสมัยใหม่ที่ถืออธิปไตยเหนือดินแดนที่ชัดเจนตายตัวเป็นเรื่องใหญ่เข้ากันไม่ได้ การวางตวัเปน็เจา้พอ่ใหญอ่ยา่งทีท่ำามาคอ่นศตวรรษและกำาลงัทำาอยูใ่นขณะนี้อยา่งเกง่กช็นะไดช้ัว่คราวแลว้กต็อ้งรบอกีครัง้แลว้ครัง้เลา่โดยไมไ่ดช้ว่ยใหป้ญัหาคลีค่ลายลงเลยสกันดิและหากจะใชว้ธินีีค้งตอ้งรบกบัเพือ่นบา้นทกุดา้นตลอดแนวชายแดนเพราะมีปัญหาทั้งนั้น การปา่วรอ้งวา่เขตแดนเปน็มรดกตกทอดจากยคุอาณานคิมเราจงึตอ้งไมย่อมรบัแผนทีฝ่รัง่ศาลฝรัง่เขตแดนแบบฝรั่งและจึงชอบธรรมที่จะไปเอาดินแดนคืนมานี่เป็นเหตุผลแบบราชาชาตินิยมวิปลาศแบบสุดๆคือถือว่าไทยยังเป็นเจ้าพ่อที่อ้างความเป็นใหญ่และเป็นเจ้าของดินแดนที่ไม่เคยเป็นของตนนี่ก็เป็นผลผลิตของประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมตัวพ่อ คนที่กล่าวหาว่าคนอื่น“โง่”3-4ชั้นหลงตามฝรั่งในเรื่องเส้นเขตแดนจนเสียดินแดนให้เขมรคือพวกเกลียดตัวกินไข่เพราะชาติชาตนิยิมอธปิไตยเหนอืดนิแดนแบบทีพ่วกเขาโฆษณาชวนเชือ่อยู่ลว้นเปน็ของทีไ่ทยรบัเอามาจากฝรัง่ทัง้นัน้ในเมื่อเราหลีกไม่พ้นที่จะต้องอยู่กับมาตรฐานความสัมพันธ์กันแบบรัฐชาติสมัยใหม่ที่เริ่มมาจากฝรั่งเราก็ควรรู้เท่าทันรู้จักปรับตัวไม่งมงายไปกับชาตินิยมหรือประวัติศาสตร์อันตรายอย่างการ“เสียดินแดน” คนพวกนีเ้ทีย่วกลา่วหาคนอืน่วา่หลงฝรัง่แตก่ลบัเสพตดิงมงายกบัสิง่อนัตรายทีฝ่รัง่ยคุอาณานคิมและยคุฟาสซสิต์ทิ้งไว้ให้สังคมไทยหยุดหลอกลวงประชาราษฎรไปตายแทนลัทธิราชาชาตินิยมเสียทีหาทางออกที่มีอารยธรรมกว่าสงครามไม่ดีกว่าหรือหรือว่าราชาชาตินิยมหมดท่าแล้วจึงต้องใช้วิถีทางอนารยะบ้าคลั่งอย่างที่พยายามทำากันอยู่