management of preeclampsia and eclampsiartcog.or.th/home/wp-content/uploads/2017/04/ob_018.pdf ·...
TRANSCRIPT
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 89
แนวทางการปฏิบัติ
ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
เรื่อง การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ
RTCOG Clinical Practice Guideline
Management of Preeclampsia and Eclampsia
เอกสารหมายเลข OB018(ใช้แทนเอกสารหมายเลขOB009)
จัดท�าโดย คณะอนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
พ.ศ.2556-2558
วันที่อนุมัติต้นฉบับ 21สิงหาคมพ.ศ.2558
ค�าน�า
ความดันโลหิตสูงขณะต้ังครรภ์มีอุบัติการณ์ร้อยละ5-10และเป็น
สาเหตุส�าคัญของการเสียชีวิตของสตรีตั้งครรภ์จากข้อมูลของส�านักนโยบาย
และยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุขในปีพ.ศ.2555พบว่าประเทศไทยมี
มารดาเสียชีวิตในระยะตั้งครรภ์ระยะคลอดและหลังคลอด141คนคิดเป็น
อัตรา17.6ต่อการเกดิมชีพี100,000คนซึง่การเสยีชีวติเกดิจากความดนัโลหติ
สูงบวมและมีโปรตีนในปัสสาวะระหว่างตั้งครรภ์ระยะคลอดและหลังคลอด
25คนเท่ากับ3.1ต่อการเกิดมีชีพ100,000คน(ส�านักนโยบายและ
ยทุธศาสตร์กระทรวงสาธารณสขุพ.ศ.2556)(1)นอกจากการเสยีชวีติแล้วสตรี
90 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ตัง้ครรภ์ทีม่คีวามดนัโลหติสงูขณะต้ังครรภ์มโีอกาสเสีย่งทีจ่ะเกดิภาวะแทรกซ้อน
ที่รุนแรงเช่นรกลอกตัวก่อนก�าหนดการแข็งตัวของเลือดผิดปกติเลือดออก
ในสมองตับและไตวายทั้งยังเป็นสาเหตุที่ท�าให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในทารก
เช่นการตายคลอดการบาดเจ็บและเสยีชวิีตแรกคลอดสาเหตขุองการเกดิความ
ดนัโลหติสูงขณะตัง้ครรภ์โดยเฉพาะภาวะครรภ์เป็นพษิ(preeclampsia)ยงัไม่
ทราบแน่ชดัอย่างไรกต็ามอนัตรายต่อสตรต้ัีงครรภ์ทารกในครรภ์และแรกคลอด
จะลดความรุนแรงลงได้ด้วยการวนิจิฉยัทีร่วดเรว็การดแูลท่ีเหมาะสมและทันเวลา
วัตถุประสงค์
เพื่อลดอัตราตายและทุพพลภาพของสตรีตั้งครรภ์และทารกจากภาวะ
ครรภ์เป็นพิษ
การครอบคลุม
แพทย์ที่ท�างานด้านสูติกรรม
ค�าจ�ากัดความ(2-7)
ความดนัโลหติสงูคือความดันโลหติsystolic140มลิลเิมตรปรอทหรอื
มากกว่าหรอืความดนัโลหิตdiastolic90มลิลเิมตรปรอทหรือมากกว่าโดยวดั
2ครั้งห่างกัน4ชั่วโมงหรือในกรณีที่ความดันโลหิตsystolic160มิลลิเมตร
ปรอทหรือมากกว่าหรือความดันโลหิตdiastolic110มิลลิเมตรปรอทหรือ
มากกว่าสามารถวดัซ�า้ในช่วงเวลาสัน้(นาท)ีเพือ่จะให้ยาลดความดนัโลหติเรว็ขึน้
การวัดความดันโลหิตควรวัดหลังจากผู้ป่วยพักแล้วอย่างน้อย10นาที
และวดัในท่านัง่โดยใช้cuffทีม่ขีนาดเหมาะสมโดยมคีวามยาว1.5เท่าของเส้น
รอบวงแขนหรือกว้างอย่างน้อยร้อยละ80ของแขน(ถ้าmid-armcircumference
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 91
มากกว่า33เซนติเมตรควรใช้cuffขนาดใหญ่)วัดในระดับเดียวกับหัวใจควร
วัดซ�้าหลายครั้งการวัดความดันโลหิตsystolicควรใช้KorotkoffphaseI
การวัดความดนัโลหติdiastolicควรใช้KorotkoffphaseVคอืเม่ือเสยีงหายไป
ยกเว้นกรณีที่เสียงไม่หายไปให้ใช้KorotkoffphaseIVแทนได้แนะน�าให้ใช้
เครื่องวัดความดันโลหิตแบบปรอทที่ใช้มือบีบจะมีความแม่นย�ามากกว่าถ้าจะ
ใช้เครือ่งวดัความดันโลหิตแบบอตัโนมติัจะต้องมกีารตรวจสอบความแม่นย�าก่อน
เพราะในผู้ป่วยpreeclampsiaมักจะวัดได้ต�่ากว่าเครื่องวัดความดันโลหิต
แบบปรอท
Proteinuriaคือมีprotein300มิลลิกรัมหรือมากกว่าในปัสสาวะท่ี
เก็บ24ชั่วโมงหรือprotein:creatinineratioในปัสสาวะ0.3หรือมากกว่า
หรือการสุ่มตรวจปัสสาวะโดยใช้แถบตรวจปัสสาวะ(dipstick)พบมีระดับ1+
หรือมากกว่า(ใช้เฉพาะกรณีที่ไม่สามารถตรวจด้วยวิธีquantitative)
Classification(7)
แบ่งความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ออกเป็น4กลุ่มดังนี้
1. Preeclampsiaและeclampsia
2. Chronichypertension(จากสาเหตุใดก็ตาม)
3. Chronichypertensionและมีภาวะ superimposed
preeclampsia
4. Gestationalhypertension
92 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ตารางที่1การวินิจฉัยความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์(7)
Preeclampsia • ความดันโลหิตsystolic140มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่าหรือ ความดนัโลหติdiastolic90มลิลเิมตรปรอทหรอืมากกว่าเมือ่อายุ ครรภ์เกิน20สัปดาห์ขึ้นไปในสตรีที่เคยมีความดันโลหิตปกติ และ • Proteinuriaตามค�าจ�ากัดความที่กล่าวแล้ว • หรือในกรณีที่ไม่มีproteinuriaแต่ตรวจพบความดันโลหิตสูง ในสตรีท่ีความดันโลหิตปกติมาก่อน(new-onset)ร่วมกับการ ตรวจพบnew-onsetของกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ • Thrombocytopenia:เกล็ดเลือดต�่ากว่า100,000/ลูกบาศก์ มิลลิเมตร • Renal insufficiency:ค่าserumcreatinineมากกว่า 1.1มิลลิกรัม/เดซิลิตรหรือเพิ่มขึ้นเป็น2เท่าของserum creatinineเดิมในกรณีที่ไม่ได้มีโรคไตอื่น • Impairedliverfunction:มีการเพิ่มขึ้นของค่าlivertrans- aminaseเป็น2เท่าของค่าปกติ • Pulmonaryedema • Cerebralหรือvisualsymptoms
Eclampsia • การชักในสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษโดยการชักนั้นไม่ได้ เกิดจากสาเหตุอื่น
Chronichypertension • ความดันโลหิตสูงที่ตรวจพบก่อนการตั้งครรภ์หรือให้การวินิจฉัย ก่อนอายุครรภ์20สัปดาห์ • ความดนัโลหติสงูท่ีให้การวนิจิฉยัหลงัอายคุรรภ์20สปัดาห์และยงั
คงสูงอยู่หลังคลอดเกิน12สัปดาห์
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 93
Chronichypertensionwithsuperimposedpreeclampsia
• Chronichypertensionร่วมกับpreeclampsia
Gestationalhypertension
• ความดันโลหิตsystolic140มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่าหรือ
ความดันโลหิตdiastolic90มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่าเม่ือ
อายุครรภ์เกิน20สัปดาห์ขึ้นไปในสตรีที่เคยมีความดันโลหิตปกต ิ
และไม่มีsystemicfindingตามที่กล่าวแล้ว
• ไม่มีproteinuria
• ความดันโลหิตกลับสู่ค่าปกติภายใน12สัปดาห์หลังคลอด
• การวินิจฉัยจะท�าได้หลังคลอดแล้วเท่านั้น
การประเมินความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษ(2,3,7) เมื่อให้การ
วินิจฉัยว่าเป็นpreeclampsiaแล้วควรประเมินความรุนแรงของโรคว่ามี
severefeaturesข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้หรือไม่(3)
• ความดันโลหิตsystolic160มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่าหรือ
ความดันโลหติdiastolic110มลิลเิมตรปรอทหรือมากกว่าเมื่อวัด
2ครั้งห่างกันอย่างน้อย4ชั่วโมงเมื่อผู้ป่วยนอนพักแล้ว(ยกเว้น
ต้องการเริ่มให้ยาลดความดันโลหิตก่อนครบเวลาที่ก�าหนด)
• Thrombocytopenia:เกลด็เลอืดต�า่กว่า100,000/ลกูบาศก์มลิลเิมตร
• Impairedliverfunction:มกีารเพิม่ขึน้ของค่าlivertransaminase
เป็น2เท่าของค่าปกติหรือมีอาการปวดบรเิวณใต้ชายโครงขวาหรอื
ใต้ลิน้ป่ีอย่างรนุแรงและอาการปวดไม่หายไป(severepersistence)
ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาและไม่ใช่เกิดจากการวินิจฉัยอ่ืน
หรือทั้ง2กรณี
94 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
• Progressiverenalinsufficiency:ค่าserumcreatinineมากกว่า
1.1มิลลิกรัม/เดซิลิตรหรือเพิ่มขึ้นเป็น2เท่าของserumcreati-
nineเดิมโดยไม่ได้มีโรคไตอื่น
• Pulmonaryedema
• อาการทางสมองหรือตาที่เกิดขึ้นใหม่(new-onset)
ในรายที่พบลักษณะดังกล่าวข้อใดข้อหนึ่งให้การวินิจฉัยว่าsevere
preeclampsiaส่วนรายทีไ่ม่พบลกัษณะดังกล่าวให้วนิิจฉยัว่า“preeclampsia
withoutseverefeatures”แทนค�าว่า“mildpreeclampsia”(ซึง่ไม่แนะน�า
ให้ใช้แล้ว)เน่ืองจากpreeclampsiaเป็นdynamicprocessมแีนวโน้มรนุแรง
มากขึ้นไปเป็นseverepreeclampsiaได้จ�าเป็นต้องได้รับการประเมินและ
ดูแลอย่างใกล้ชิด
การดูแลรักษา(7)
ตามแผนภูมิที่1หรือ2
กรณีที่เป็นPreeclampsiawithoutseverefeaturesหรือmild
gestationalhypertension
1. กรณีอายุครรภ์370/7สัปดาห์หรือมากกว่าควรให้คลอด
2. กรณีอายุครรภ์น้อยกว่า370/7สัปดาห์แนะน�าให้expectant
managementโดยเฝ้าตรวจติดตามอาการของมารดาและทารกในครรภ์
พจิารณาให้การรกัษาแบบผูป่้วยนอกหรอืรบัไว้ในโรงพยาบาลตามความเหมาะสม
โดยให้การดูแลดังนี้
- Strictbedrestไม่พบว่ามีประโยชน์
- ประเมนิอาการของมารดาและทารกเป็นระยะๆ และนบัลกูดิน้
ทุกวัน
- ไม่จ�าเป็นต้องให้ยาลดความดันโลหิต
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 95
- วัดความดันโลหิต2ครั้งต่อสัปดาห์
- ในกรณีgestationalhypertensionให้ตรวจหาproteinuria
ที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละครั้ง
- ไม่แนะน�าการให้magnesiumsulfate(MgSO4)universally
เพื่อป้องกันeclampsia
- ตรวจนับเกล็ดเลือดและliverenzymeทุกสัปดาห์
- ในกรณีpreeclampsiawithoutseverefeaturesให้ตรวจ
คลื่นเสียงความถี่สูงติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ทุก2-4สัปดาห์และควรตรวจประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- กรณทีีม่ีfetalgrowthrestrictionควรประเมนิสขุภาพทารก
ในครรภ์โดยใช้umbilicalarteryDopplervelocimetry
ร่วมด้วย
3. ในระยะหลังคลอด
- เฝ้าระวังความดันโลหิตต่ออย่างน้อย72ช่ัวโมงหลังคลอดใน
โรงพยาบาลและวัดซ�้า7-10วันหลังคลอดในกรณีที่ผู้ป่วย
มีอาการผิดปกติควรนัดเร็วกว่านั้น
- แนะน�าให้ยาลดความดันโลหิตในกรณีความดันโลหิตยังคงสูง
หลังคลอด
· ความดันโลหิตsystolic150มิลลิเมตรปรอทหรือ
มากกว่าหรอืความดันโลหติdiastolic100มลิลเิมตร
ปรอทหรือมากกว่าและยังคงสูงอยู่เม่ือวัดอย่างน้อย
2ครั้งห่างกันอย่างน้อย4-6ชั่วโมง
· ความดันโลหิตsystolic160มิลลิเมตรปรอทหรือ
มากกว่าหรอืความดันโลหติdiastolic110มลิลิเมตร
ปรอทหรือมากกว่าและยังคงสูงอยู่เมื่อวัดซ�้าควร
ให้การรักษาภายใน1ชั่วโมง
96 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
- ถ้ามีnew-onsethypertensionร่วมกบัอาการปวดศรีษะหรอื ตาพร่ามวัหรือpreeclampsiaร่วมกบัseverehypertension แนะน�าให้parenteralMgSO
4
กรณีที่เป็นSeverepreeclampsia - ต้องรับไว้ในโรงพยาบาล - ให้stabilizeมารดาด้วยMgSO
4
- แนะน�าให้ยาลดความดันโลหิตในรายที่ความดันโลหิตยังคงสูง (ความดันโลหิตsystolic160มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่าหรือ ความดันโลหิตdiastolic110มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่า) - ประเมินภาวะของมารดาและทารกในครรภ์หากไม่ stable พิจารณาให้คลอดทันทีโดยไม่ค�านึงถึงอายุครรภ์ - ในกรณีที่ภาวะของมารดาและทารกในครรภ์stableพิจารณา ให้การรักษาโดย 1. กรณีอายคุรรภ์340/7สปัดาห์หรือมากกว่าควรให้คลอดหลงัจาก stabilizeมารดาแล้ว 2. กรณีอายุครรภ์240/7สัปดาห์หรือน้อยกว่า(previable)ให ้ คลอดหลงัจากstabilizeมารดาแล้วไม่แนะน�าให้expectant management 3. กรณีอายุครรภ์อยู่ระหว่าง241/7ถึง336/7สัปดาห์ · แนะน�าให้corticosteroidและให้ตัง้ครรภ์ต่อ(expectant management) โดยควรท�าในสถานที่ที่สามารถ ให้การดูแลมารดาและทารกแบบintensivecare ได้เท่านั้นโดยเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงภาวะของ มารดาและทารกในครรภ์และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ถ้าไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงใดๆในทางที่แย่ลงให้หยุด MgSO
4เมื่อครบ48ชั่วโมง
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 97
· แนะน�าให้corticosteroidและรอ48ชั่วโมงจึงให ้
คลอด ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนข้อใดข้อหนึ่ง
ดังต่อไปนี้
·Pretermprematureruptureofmembranes
·เจ็บครรภ์คลอด
·เกลด็เลอืดต�า่(ต�า่กว่า100,000/ลกูบาศก์มลิลเิมตร)
·Hepaticenzymesผิดปกติ(2เท่าของค่าปกต ิ
หรือมากกว่า)
·ทารกเจรญิเติบโตช้าในครรภ์(น้อยกว่า5เปอร์เซนไตล์)
·Severeoligohydramnios(amnioticfluid
indexน้อยกว่า5เซนติเมตร)
·Umbilical arteryDoppler studiesพบ
reversedend-diastolicflow
·New-onsetrenaldysfunctionหรือการท�างาน
ของไตผิดปกติเพิ่มมากขึ้น
· แนะน�าให้corticosteroidและควรให้คลอด(ไม่ควร
delay)หลังจากเริ่มstabilizeมารดาแล้วในกรณ ี
ที่มีภาวะแทรกซ้อนข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
·Uncontrollableseverehypertension
·Eclampsia
·Pulmonaryedema
·Abruptioplacenta
·Disseminatedintravascularcoagulation
·Evidenceofnon-reassuringfetalstatus
·Intrapartumfetaldemise
98 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
- การตัดสินใจให้คลอดไม่ขึน้กับปรมิาณของโปรตนีในปัสสาวะหรือ
การเปลี่ยนแปลงในปริมาณของโปรตีนในปัสสาวะ
- ไม่จ�าเป็นต้องผ่าตัดคลอดการเลือกวิธีการคลอดให้พิจารณา
ตามอายุครรภ์ท่าของทารกสภาวะของปากมดลูกสภาวะของ
มารดาและทารกในครรภ์
- ในรายที่ผ่าตัดคลอดแนะน�าให้parenteralMgSO4ต่อเนื่อง
ในระหว่างการผ่าตัดเพื่อป้องกันการชัก
- การระงับอาการปวดระหว่างการคลอดหรือระหว่างการผ่าตัด
คลอดถ้าสามารถรอได้แนะน�าให้ใช้neuraxialanesthesia
(spinalหรือepiduralanesthesia)
- ผู้ป่วยseverepreeclampsiaแนะน�าให้MgSO4เพื่อป้องกัน
การชักระหว่างและหลังการคลอด
- ผู้ป่วยeclampsiaแนะน�าให้parenteralMgSO4
กรณีที่เป็นHELLPsyndrome - ต้องรับไว้ในโรงพยาบาล
- ให้stabilizeมารดาด้วยMgSO4
- พิจารณาให้คลอดในระยะเวลาไม่นานหลังจากstabilizeมารดา
ดังนี้
1. อายุครรภ์340/7สัปดาห์หรือมากกว่า
2. อายุครรภ์240/7สัปดาห์หรือน้อยกว่า(previable)
3. อายุครรภ์อยู่ระหว่าง241/7ถึง336/7สัปดาห์และภาวะของ
มารดาและทารกในครรภ์ไม่stable
- แนะน�าว่าควรdelayการคลอด24-48ชัว่โมงเพือ่ให้corticosteroid
ครบcourseในกรณทีีอ่ายคุรรภ์อยูร่ะหว่าง241/7ถงึ336/7สปัดาห์
และภาวะของมารดาและทารกในครรภ์stable
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 99
กรณีที่เป็นChronichypertension
- กรณีchronichypertensionที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนของมารดา
และทารกในครรภ์ไม่แนะน�าให้คลอดก่อนอายคุรรภ์380/7สปัดาห์
- Chronichypertensionwithsuperimposedpreeclampsia
และไม่มีseverefeatures
1. ถ้ามารดาและทารกในครรภ์stableแนะน�าให้expectant
management และพิจารณาให ้คลอดเมื่ออายุครรภ์
370/7สัปดาห์
2. ในรายอายคุรรภ์น้อยกว่า340/7สปัดาห์แนะน�าให้corticosteroid
- Chronichypertensionwithsuperimposedpreeclampsia
และมีseverefeatures
1. แนะน�าให้MgSO4
2. อายุครรภ์มากกว่า340/7สัปดาห์แนะน�าให้คลอด
3. ในรายอายุครรภ์น้อยกว่า340/7สัปดาห์แนะน�าให้corti-
costeroidและให้คลอดแต่อาจพิจารณาexpectant
managementถ้ามารดาและทารกในครรภ์stableและอยู่
ในสถาบันที่มีความพร้อมแต่ไม่ควรให้คลอดเกินอายุครรภ์
340/7สัปดาห์
- Chronichypertensionwithsuperimposedpreeclampsia
หากมีภาวะแทรกซ้อนข้อใดข้อหน่ึงดังต่อไปนี้ควรให้คลอดหลงัจาก
stabilizeมารดาแล้วโดยไม่ค�านึงถึงอายุครรภ์และไม่จ�าเป็นต้อง
รอให้corticosteroidครบcourse
·Uncontrollableseverehypertension
·Eclampsia
·Pulmonaryedema
100 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
·Abruptioplacenta
·Disseminatedintravascularcoagulation
·Non-reassuringfetalstatus
แผนภูมิที่1 การดูแลรักษาPreeclampsiawithoutsevere
features
SPE=severepreeclampsia
การดูแลภาวะครรภเปนพิษ
แผนภูมิที่การดูแลรักษา
รักษาแบบ
อายุครรภ≥สัปดาห
อายุครรภ≥ สัปดาห
เปล่ียนเปน
เปล่ียนเปน
คลอด
อายุครรภสัปดาห
รับไวในโรงพยาบาลหรือติดตามแบบ
ผูปวยนอก
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 101
แผนภมูทิี่ 2 การดแูลรักษา Severe preeclampsia (SPE)
การดูแลภาวะครรภเปนพิษ
แผนภูมิที่การดูแลรักษา
อายุครรภ≤สัปดาห อายุครรภ สัปดาห อายุครรภ≥สัปดาห
ชักนําการคลอด
มารดาแลวใหคลอดไมควร
ใหยากันชักตอจนครบชั่วโมงหลังคลอดหรือหลังชักครั้งสดุทายควบคุมมมปรอท เฝาระวังการชักหลังคลอด
ยุติการตั้งครรภ
ใหรอชั่วโมงแลวใหคลอด ผาตัดคลอด
ใหสารน้ําทางหลอดเลือดดําบันทึกสัญญาณชีพทุกชั่วโมงคาสายสวนปสสาวะบันทึกปริมาณสารน้ําเขาออกและความเขมขนของปสสาวะทกุชั่วโมงใหและเฝาระวังการชักใหยาลดความดนัโลหติเม่ือ≥มมปรอทหรือ≥มมปรอทไมควรใหยาขับปสสาวะยกเวนเกิดบันทึกเสียงหัวใจทารกอยางสมํ่าเสมอ
ยุติการตั้งครรภ
ยุติการตั้งครรภเม่ืออายุครรภสัปดาหมารดาหรือทารกอยูในภาวะเสี่ยง
คลอด
ปากมดลูกพรอม
ปากมดลูกไมพรอม
มีขอบงชี้อ่ืนๆทางสูตศิาสตร
รพที่ใหการดูแลมารดาและทารกแบบไดใหและใหตัง้ครรภตอหยุดเม่ือครบชั่วโมง
102 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
การรักษาeclampsia
ตามแผนภูมิที่3
เมื่อเกิดการชักควรให้คลอดภายใน12ชั่วโมงหลังจากการชักครั้งแรก
แผนภูมิที่3การดูแลรักษาEclampsia
การดูแลภาวะครรภเปนพิษ
การรักษาตามแผนภูมิที่
เม่ือเกิดการชักควรใหคลอดภายในชั่วโมงหลังจากการชักครั้งแรกแผนภูมิที่การดูแลรักษา
ปากมดลูกไมพรอม
ใหยากันชักตอจนครบชั่วโมงหลังคลอดหรือหลังชักครัง้สุดทายควบคุมความดันโลหติใหมมปรอทเฝาระวังการชักหลังคลอด
ผูปวย
ใหยากันชักใหยาลดความดนัโลหติตามขอบงชี้ใหในกรณีอายุครรภสัปดาห สงตรวจทางหองปฏิบัติการ
ปากมดลูกพรอม ขอบงชี้ทางสูตศิาสตร
ชักนําการคลอด ผาตัดคลอด
ใหสารน้ําทางหลอดเลือดดําบันทึกสัญญาณชีพทุกนาทีคาสายสวนปสสาวะบันทึกปริมาณสารน้ําเขาออกทุกชั่วโมงเฝาระวังภาวะแทรกซอนจากการชักบันทึกเสียงหัวใจทารกอยางสมํ่าเสมอ
คลอด
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 103
การส่งต่อผู้ป่วยSeverepreeclampsia/eclampsia(8-10)
ก่อนส่งต่อผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
1. ป้องกันการชักหรือการชักซ�้าโดยให้MgSO4 (รายละเอียด
ดังแสดงในภาคผนวก)
1.1แนะน�าให้ใช้IMregimenโดยให้
- Initialdose10%MgSO4ขนาด4-6กรัมทาง
หลอดเลือดด�าให้ช้าๆอัตราช้ากว่า1กรัม/นาทีและ
50%MgSO4ขนาด10กรัมฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบ่งฉีด
ที่สะโพกข้างละ5กรัม
- Maintenancedoseกรณีท่ีระยะเวลาในการเดินทาง
เกิน4ชั่วโมงควรเตรียม50%MgSO4ขนาด5กรัม
ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก4ชั่วโมง
1.2กรณทีีใ่ช้IVregimenควรใช้infusionpumpเพือ่ป้องกนั
การให้MgSO4เกินขนาด
1.3เตรียม10%MgSO4ขนาด2กรัมเพื่อฉีดเข้าทางหลอด
เลือดด�ากรณีที่เกิดการชักซ�้าระหว่างเดินทาง
2. ให้ยาลดความดันโลหิต ในกรณีที่ความดันโลหิต systolic
≥160มิลลิเมตรปรอทหรือความดันโลหิตdiastolic≥110มิลลิเมตรปรอท
3. ให้สารน�า้ทางหลอดเลอืดด�าแนะน�าLRSอตัราไม่เกนิ80มลิลลิิตร/
ชั่วโมง
4. คาสายสวนปัสสาวะ
5. สรปุประวตัิการตรวจร่างกายสภาวะของทารกในครรภ์ผลการ
ตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมท้ังการรักษาที่ให้เพื่อแพทย์ผู้ดูแลต่อได้ข้อมูล
ที่ส�าคัญครบถ้วน
104 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
6. เตรยีมอปุกรณ์อืน่ๆทีอ่าจจะต้องใช้น�าไปพร้อมในการส่งต่อผูป่้วย
เช่นendotrachealtube,ambubag,calciumgluconateชุดเครื่องมือ
ท�าคลอดพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารก
การป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ(7)
การให้รับประทานแอสไพรินขนาดต�่า(60-80มิลลิกรัมต่อวัน)เริ่มใน
ช่วงปลายไตรมาสแรกอาจมีประโยชน์ช่วยป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษได้เล็ก
น้อยเฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเช่น
1. มีประวัติearly-onsetpreeclampsiaที่ต้องให้คลอดก่อนอายุ
ครรภ์34สัปดาห์หรือ
2. มีประวัติเป็นpreeclampsiaมาแล้ว2ท้องหรือมากกว่า
สรุป
การดูแลรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษประกอบด้วยการวินิจฉัยท่ีถูกต้อง
และรวดเร็วให้การรักษาอย่างเหมาะสมตามความสามารถของสถานพยาบาล
รวมทั้งการส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่พร้อมมากกว่าโดยค�านึงถึงความ
ปลอดภัยของทั้งมารดาและทารกในครรภ์เพื่อให้ผลการคลอดดีและเกิดภาวะ
แทรกซ้อนน้อย
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 105
ภาคผนวก
ตารางที่2ยากันชัก(Anticonvulsantdrugs)(2,3,4,9,10)
การดูแลภาวะครรภเปนพิษ
ภาคผนวก
ตารางที่ยากันชัก
ยา ยาแกฤทธ์ิ การเฝาระวังพิษของยา
กรณีชักซ้ํา
กรัมฉีดชาๆอัตรา≤กรัมนาทีหรือผสมในสารน้ํามิลลิลิตรใหนานนาที
กรัมผสมในมิลลิลิตรอัตรากรัมชั่วโมง
มิลลิลิตรฉีดเขาหลอดเลือดดํานานกวานาที
ประเมินอาการแสดงของเปนระยะอยางนอยชั่วโมงละครั้งคือกขปสสาวะ≤มิลลิลิตรชั่วโมงหรือ≤มิลลิลิตรชั่วโมงคหายใจ≤คร้ังนาทีในสถานบริการที่สามารถทําไดอาจตรวจระดับในเลือดท่ีชั่วโมงหลังใหยาและตรวจติดตามเปนระยะระดับท่ีเหมาะสมคือมิลลิกรัมเดซิลิตรหรือและควรทําในรายที่≥มิลลิกรัมเดซิลิตร
ใหกรัมฉีดทางหลอดเลือดดําชาๆอัตรา≤กรัมนาทีตรวจระดับในเลือด
กรัมฉีดทางหลอดเลือดดําชาๆอัตรา≤กรัมนาทีกรัมฉีดเขากลามเนื้อแบงฉีดท่ีสะโพกบริเวณขางละกรัมใชเข็มเบอรยาวน้ิวผสมมิลลิลิตรเพื่อลดความปวด
กรัมฉีดเขากลามเนื้อทุกชั่วโมง
106 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ข้อพึงระวัง
· กรณีที่ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อถ้าพบว่าไม่มีpatellarreflexหรือ
ปัสสาวะออกน้อยกว่า100มิลลิลิตร/4ชั่วโมงหรือ25มิลลิลิตร/
ชัว่โมงหรอืหายใจน้อยกว่า14ครัง้/นาทีให้หยดุยาส�าหรบัdoseนัน้
แล้วประเมินข้อก.ข.และค.ใหม่ทุก30นาทีจนกว่าจะให้ยาได้
ในกรณีให้ยาทางหลอดเลือดด�าให้ลดขนาดยาลงและตรวจระดับ
Mgในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
· กรณีที่ค่าcreatinine≥1.3มิลลิกรัม/เดซิลิตรถ้าให้โดยการฉีด
เข้ากล้ามเนื้อให้ลดmaintenancedoseลงร้อยละ50ส่วนการ
ให้ทางหลอดเลือดด�าให้อัตรา1กรัม/ชั่วโมงและตรวจติดตาม
ระดับMg
· ระดับMg
Effect mg/dL* mEq/L#
Therapeuticlevel 4.8-8.4 4-7
Lossofpatellarreflex 8-10 10
Respiratoryparalysis 12-25 15
Cardiacarrest 25-30 >25
*เอกสารอ้างอิง2#เอกสารอ้างอิง3
ถ้าใช้maintenance1กรัม/ชั่วโมงไม่จ�าเป็นต้องตรวจMglevel
· กรณีที่ชักซ�้าขณะที่ให้MgSO4อยู่แล้วให้bolusMgSO
42กรัม
ทางหลอดเลอืดด�าช้าๆ และเพิม่rateของinfusionเป็น1.5กรมั/
ชั่วโมงแล้วตรวจติดตามอาการต่อถ้ายังคงชักหลังให้bolusแล้ว
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 107
2ครัง้ควรให้ยากนัชกัชนดิอืน่ทีเ่ป็นconventionalanticonvulsant
เช่นphenytoin125มิลลิกรัมฉีดเข้าหลอดเลือดด�า(เพิ่มได้ถึง
250มิลลิกรัมฉีดนาน3-5นาที)หรือdiazepam5มิลลิกรัม
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�าเจาะเลือดตรวจระดับMgและหาสาเหตุอื่น
ของการชักพิจารณาท�าcranialimagingscanเมื่อstabilize
ผู้ป่วยแล้ว
ยาลดความดันโลหิตที่ใช้ในระยะคลอดและหลังคลอด(5)
ควรให้ยาลดความดนัโลหติเมือ่ความดนัโลหติยงัคงสงูตดิต่อกนันาน15นาที
หรือมากกว่าอาจบริหารยาfirstlineชนิดใดชนิดหนึ่งตามแนวทางต่อไปนี้
1. First-lineTherapy
1.1Hydralazine
ขนาดบรรจุ25มิลลิกรัม/2มิลลิลิตร
Testdose1มลิลกิรมัเข้าทางหลอดเลอืดด�านานกว่า1นาที
วัดความดันโลหิตทุก5นาที
Treatmentdose5-10มิลลิกรัมทางหลอดเลือดด�านาน
2นาทีวัดความดันโลหิตใน20นาทีถ้าไม่ได้ผลให้ซ�้าอีก10มิลลิกรัม
วัดความดันโลหิตซ�้าใน20นาทีถ้าความดันโลหิตยังคงสูงให้
labetalol20มิลลิกรัมทางหลอดเลือดด�าช้าๆในเวลา2นาทีวัดความดัน
โลหิตซ�้าใน10นาทีถ้าความดันโลหิตยังคงสูงให้labetalol40มิลลิกรัมทาง
หลอดเลอืดด�าช้าๆ ในเวลา2นาทีและให้รบีปรกึษาอายรุแพทย์เพือ่พจิารณา
ให้ยาชนิดอื่นเพิ่มเติม
108 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
1.2Labetalol
ขนาดบรรจุ25มิลลิกรัม/5มิลลิลิตร
วธิผีสมและวธิใีห้ในกรณใีห้เป็นIVbolusผสมยา4ampoules
(100มลิลกิรมั/20มลิลลิิตร)ในสารละลาย80มลิลลิติรรวมเป็น100มลิลลิติร
จะได้ความเข้มข้น1มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
ให้ยา20มิลลิกรัมเข้าทางหลอดเลือดด�าช้าๆนาน2นาที
วัดความดันโลหิตใน10นาที ถ ้าความดันโลหิตยังไม ่ลดลงให้เพิ่มอีก
40มิลลกิรมัเข้าทางหลอดเลอืดด�าช้าๆ นาน2นาทีวดัความดนัโลหติใน10นาที
ถ้าความดนัโลหติยงัไม่ลดลงให้อกี80มลิลกิรัมเข้าทางหลอด
เลือดด�าช้าๆนาน2นาทีวัดความดันโลหิตซ�้าใน10นาทีถ้าความดันโลหิต
ยังสูงให้hydralazine10มิลลิกรัมเข้าหลอดเลือดด�าช้าๆใน2นาที
วัดความดันโลหิตใน20นาทีถ้าความดันโลหิตยังคงสูงให้รีบ
ปรึกษาอายุรแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาชนิดอื่นเพิ่มเติม
ข้อห้ามใช้หอบหืดหัวใจวายหัวใจเต้นช้าอย่างรุนแรงheart
blockทีม่ากกว่าfirstdegree,sicksinussyndrome,Prinzmetal’sangina,
severeperipheralarterialdisease,cardiogenicshockรวมถึงภาวะที่มี
ความดันโลหิตต�่ารุนแรงและยาวนานcongestiveheartfailure
Hydralazine5-10มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
Labetalol40มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
Secondlinetherapy
ถ้าความดันโลหิตลดลงน้อยกว่า160/110มิลลิเมตรปรอท
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก10นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก15นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก30นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก1ชั่วโมงนาน4ชั่วโมง
Hydralazine10มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
Labetalol20มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
10นาที
20นาที 20นาที 10นาที
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 109
1.3Nifedipineให้ในรูปแบบรับประทานเท่านั้น
ขนาด10,20มิลลิกรัม/แคปซูล
Treatmentdoseรบัประทาน10มลิลกิรมัวดัความดนัโลหติ
ในเวลา20นาทีถ้าความดันโลหิตยังสูงให้อีก20มิลลิกรัมแล้ววัดความดัน
โลหิตในเวลา20นาทีถ้าความดันโลหิตยังสูงให้อีก20มิลลิกรัม
วัดความดันโลหิตในเวลา20นาทีถ้าความดันโลหิตยังสูงให้
labetalol40มิลลิกรัมทางหลอดเลือดด�าช้าๆในเวลา2นาทีและให้รีบ
ปรึกษาอายุรแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาชนิดอื่นเพิ่มเติม
ข้อพึงระวัง
· การใช้ร่วมกบัMgSO4เพราะจะเสริมฤทธิก์นัท�าให้ความดนัโลหติ
ลดลงมาก
· ควรให้รับประทานยาโดยไม่เจาะแคปซูลหรืออมใต้ลิ้น
Labetalol20มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
Hydralazine10มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
Secondlinetherapy
ถ้าความดันโลหิตลดลงน้อยกว่า160/110มิลลิเมตรปรอท
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก10นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก15นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก30นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก1ชั่วโมงนาน4ชั่วโมง
Labetalol40มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
Labetalol80มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
20นาที
10นาที 10นาที 10นาที
110 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ในกรณีที่ให้ยาแล้วสามารถควบคุมความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ท่ีไม่เป็น
อนัตรายแล้วให้วดัความดันโลหติซ�า้ทุก10นาทเีป็นเวลา1ช่ัวโมงหลงัจากนัน้
ทกุ15นาทเีป็นเวลา1ชัว่โมงและทกุ30นาทอีีก1ช่ัวโมงจากนัน้ทุกช่ัวโมง
เป็นเวลา4ชั่วโมง
ในกรณีที่ความดันโลหิตสูงมากและการบริหารยาทางหลอดเลือดด�า
ไม่สามารถท�าได้ทันทีในเวลาอันสั้นอาจพิจารณาให้labetalol200มิลลิกรัม
รบัประทานและให้ซ�า้ได้ใน30นาทีถ้าความดันโลหติไม่ลดลงสูร่ะดบัทีต้่องการ
หรือใช้oralnifedipineตามค�าแนะน�าที่กล่าวมาแล้ว
2. Second-linetherapy
2.1Nicardipineให้ในรูปแบบinfusionpump
ขนาดบรรจุ2มลิลกิรมั/2มลิลลิติร,10มลิลกิรมั/10มลิลลิติร
วิธีผสมและวิธีให้ผสมnicardipine (10มิลลิกรัม/10
มลิลลิติร)1ampouleในNSS90มลิลลิติรรวมเป็น100มลิลลิติรจะได้ความ
เข้มข้น0.1มิลลิกรัม/มิลลิลิตรหยดเข้าหลอดเลือดด�าอัตรา25-50มิลลิลิตร/
ชั่วโมง(2.5-5มิลลิกรัม/ชั่วโมง)โดยค่อยๆtitrateเพิ่ม2.5มิลลิกรัม/ชั่วโมง
ทุก15นาทีขนาดสูงสุดไม่เกิน15มิลลิกรัม/ชั่วโมง
ข้อห้ามใช้cardiogenicshock,recentmyocardialinfarction
หรือacuteunstableangina,severeaorticstenosisแพ้ยา
Nifedipine10มก.
รับประทาน
Nifedipine20มก.
รับประทาน
Nifedipine20มก.
รับประทาน
Secondlinetherapy
ถ้าความดันโลหิตลดลงน้อยกว่า160/110มิลลิเมตรปรอท
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก10นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก15นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก30นาทีนาน1ชั่วโมงจากนั้น
- วัดความดันโลหิตซ�้าทุก1ชั่วโมงนาน4ชั่วโมง
20นาที
20นาที 20นาที 20นาที Labetalol40มก.
ฉีดเข้าหลอดเลือดด�า
ใน2นาที
การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ | 111
2.2Labetalolให้ในรูปแบบinfusionpump
วธิผีสมและวธีิให้ผสมยา20ampoules(500มลิลกิรมั/100
มลิลลิติร)ในสารละลาย400มลิลลิติรรวมเป็น500มลิลลิติรจะได้ความเข้มข้น
1มลิลกิรัม/มลิลลิติรเริม่หยดเข้าหลอดเลอืดด�าอตัรา20มลิลกิรมั/ชัว่โมงเพิม่
ได้20มิลลิกรัม/ชั่วโมงทุก30นาทีtotaldoseไม่เกิน160มิลลิกรัม/ชั่วโมง
สารละลายที่สามารถใช้ผสมได้แก่0.9%NSS,5%D/NSS,5%D/N/2,5%
D/RLS,RLS
เอกสารอ้างอิง
1. กลุม่ภารกจิด้านข้อมลูข่าวสารและสารสนเทศสขุภาพส�านกันโยบายและ
ยทุธศาสตร์กระทรวงสาธารณสขุ.สถติิสาธารณสขุอตัรามารดาตายพ.ศ.2556.
2. CunninghamFG,LevenoKJ,BloomSL,SpongCY,DasheJS,
HoffmanBL,CaseyBM,SheffieldJS.WilliamsObstetrics.24th
ed.NewYork:McGraw–Hill,2014;728-79.
3. CreasyRK,ResnikR,IamsJD,LockwoodCJ,MooreTR,Greene
MF.Creasy&Resnik’smaternal-fetalmedicine:Principlesand
practice.7thed.Philadelphia:Elsevier,2014;756-84.
4. ReportoftheNationalHighBloodPressureEducationProgram
WorkingGrouponHighBloodPressureinPregnancy.AmJ
ObstetGynecol2000;183:S1-S22.
5. AmericanCollegeofObstetriciansandGynecologists.Emergency
therapyforacute-onset,severehypertensionduringpregnancy
andthepostpartumperiod.CommitteeOpinionNo.623.
ObstetGynecol2015;125:521-5.
112 | แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
6. NationalHeart,Lung,ANDBloodInstitute.Theseventhreportofthe
JointNationalCommitteeonprevention,detection,evaluation,
andtreatmentofhighbloodpressure.NIHPublicationNo.
04-5230.Bethesda(MD):NHLBI;2004.Availableat:http://
www.nhlbi.nih.gov/files/docs/guidelines/jnc7full.pdf.Retrieved
October14,2014.
7. AmericanCollegeofObstetriciansandGynecologists.TaskForce
onHypertensioninPregnancy.ReportoftheAmericanCollegeof
ObstetriciansandGynecologists’TaskForceonhypertensionin
pregnancyexecutivesummary.ObstetGynecol2013;122:1122.
8. InstituteofObstetriciansandGynaecologist.RoyalCollegeof
PhysiciansofIrelandandClinicalStrategyandProgrammes
Directorate,HealthServiceExecutive.ClinicalPractice
Guideline.Thediagnosisandmanagementofpre-eclampsia
andeclampsia.Version1.0.GuidelineNo.3.Dateofpublication
September2011.Revisiondate-September2013.
9. NationalInstituteforHealthandClinicalExcellence.Hypertension
inpregnancy:themanagementofhypertensivedisorderduring
pregnancy.NICEclinicalguideline.Availableat:http://www.guideline.
gov/content.aspx?id=24122.(AccessedonJanuary11,2012)
10. WorldHealthOrganization.WHOrecommendations for
preventionandtreatmentofpre-eclampsiaandeclampsia.
2011.