organization behavior

25
Organization Behavior

Upload: tltutortutor

Post on 12-Nov-2014

14.971 views

Category:

Business


1 download

DESCRIPTION

 

TRANSCRIPT

Page 1: Organization Behavior

Organization Behavior

Page 2: Organization Behavior

OB เป็�นการศึกษาเพื่ �ออธิ�บายพื่ฤติ�กรรมองค์�กร แบ�งได้� 3 ระด้ บ ระด้ บบ!ค์ค์ล ระด้ บกล!�ม ระด้ บองค์�กร

Page 3: Organization Behavior

โด้ยในแติ�ละระด้ บจะกล�าวถึงทฤษฎี*ติ�างๆ ท*�อธิ�บายถึงพื่ฤติ�กรรมท*�เก�ด้ขึ้-น เช่�น ระด้ บบ!ค์ค์ลจะใช่�ทฤษฎี* B2B, Personality,

Motivation เป็�นติ�น ระด้ บกล!�มจะใช่�ทฤษฎี* Norm, Leadership,

Conflict เป็�นติ�น ระด้ บองค์�กรจะใช่�ทฤษฎี* HRM เป็�นติ�น

Page 4: Organization Behavior

Motivation

เป็�นทฤษฎี*เก*�ยวก บแรงจ/งใจ โด้ยเน�นการจ/งใจจากภายนอกและการจ/งใจจากภายใน

ป็ระเภทขึ้องการทฤษฎี*การจ/งใจ แบ�งได้� 3 กล!�มใหญ่� ม!�งป็3จจ ยท*�เน�นค์วามติ�องการขึ้องมน!ษย� ม* 5 ทฤษฎี* ม!�งป็3จจ ยท*�เน�นด้�านกระบวนการ ม* 2 ทฤษฎี* ม!�งป็3จจ ยท*�เน�นให�การเสร�มแรง ม* 2 ทฤษฎี*

Page 5: Organization Behavior

ทฤษฎี�เน้�น้ความต้�องการ1.ทฤษฎี�ลำ�าดั�บความต้�องการของมาสโลำว� เป็�นทฤษฎี*การจ/งใจ

ขึ้องมน!ษย�โด้ยจ ด้ล5าด้ บค์วามติ�องการขึ้องมน!ษย�เป็�น 5 ระด้ บ ค์วามติ�องการทางร�างกาย (Physiological needs) เป็�นค์วาม

ติ�องการขึ้ -นติ5�าเพื่ �อการอย/�รอด้ ค์วามติ�องการด้�านค์วามป็ลอด้ภ ย (Safety Needs) เป็�นค์วาม

ติ�องการค์วามม �นค์ง ป็ลอด้ภ ย ค์วามติ�องการเป็�นสมาช่�กขึ้องส งค์ม (Social Needs) เป็�นค์วาม

ติ�องการม*ป็ฏิ�ส มพื่ นธิ�ทางส งค์ม ค์วามร ก ค์วามผู/กพื่ น ค์วามติ�องการท*�จะได้�ร บการยกย�องน บถึ อ (Esteem Needs) เป็�น

ค์วามติ�องการค์วามส5าเร8จ เก*ยรติ�ศึ กด้�9ศึร* ช่ �อเส*ยง ค์วามติ�องการส5าเร8จท*�ได้�อย�างใจป็รารถึนา ( Self-Actualization)

เป็�นค์วามติ�องการขึ้ -นส/งส!ด้

Page 6: Organization Behavior

2.ทฤษฎี� อ�.อาร�.จี�. (เค์ลย�ติ น อ ลเด้อร�เฟอร� ): ขึ้ยายทฤษฎี*ขึ้องมาสโลว�และเฮอร�สเบอร�จ ด้กล!�มติ�างๆขึ้องค์วามติ�องการซึ่�งม*ค์วามแติกติ�างก นเป็�นล5าด้ บช่ -นจากติ5�าไป็จนถึงส/ง 1.ค์วามติ�องการเพื่ �อการด้5ารงช่*พื่ Existence needs ค์วาม

ติ�องการเพื่ �อจะม*ช่*ว�ติอย/�รอด้ (ทางกายภาพื่ ) ติอบสนองป็3จจ ยพื่ -นฐาน 2.ค์วามติ�องการในส มพื่ นธิ�ภาพื่ Relatedness needs เน�นค์วาม

ส มพื่ นธิ�ระหว�างบ!ค์ค์ลและส งค์ม 3.ค์วามติ�องการท*�จะเจร�ญ่เติ�บโติ Growth needs ค์วามติ�องการ

ภายในอ นท5าให�ม*การพื่ ฒนาตินเอง เพื่ �อสร�างสรรผูลงานให�เป็�นท*�ยอมร บ ทฤษฎี* อ*.อาร�.จ* ไม�ม*เส�นแบ�งระด้ บติายติ วและค์วามติ�องการ

ติ�างๆม*ค์วามส มพื่ นธิ�ก น นอกจากน -นในช่ -นล�างก8ไม�จ5าเป็�นติ�องได้�ร บการติอบสนองเส*ยก�อน แล�วจงจะเก�ด้ค์วามติ�องการในช่ -นส/งๆแติ�ค์วามติ�องการสามารถึเก�ด้ขึ้-นพื่ร�อมก น

Page 7: Organization Behavior

3.ทฤษฎี� 2 ปั�จีจี�ย (เฟรเด้อร�ด้ เฮอร�สเบอร� ): พื่�จารณาป็3จจ ยหร อองค์�ป็ระกอบติ�างๆท*�เก*�ยวโยงก บการท5างาน สร!ป็ว�า 1.ป็3จจ ยจ/งใจ (motivation factor) ค์ อป็3จจ ยท*�ก�อให�เก�ด้

ค์วามพื่งพื่อใจในงานเช่�น ได้�ร บการยอมร บในค์วามส5าเร8จ ค์วามก�าวหน�าในหน�าท*�การงาน ได้�ท5างานท*�ท�าทายค์วามร/ �ค์วามสามารถึ การป็ระสบค์วามส5าเร8จ และหน�าท*�ค์วามร บผู�ด้ช่อบ

2.ป็3จจ ยส!ขึ้อนาม ย (hygiene factor) ค์ อป็3จจ ยท*�ท5าให�เก�ด้ค์วามไม�พื่งพื่อใจในงานถึ�าเขึ้าไม�ได้�ร บการติอบสนองอย�างเหมาะสมเช่�น เง�นเด้ อน สถึานภาพื่ ส มพื่ นธิ�ภาพื่ก บผู/�ร �วมงาน ผู/�บ งค์ บบ ญ่ช่า ผู/�ใติ�บ งค์ บบ ญ่ช่า ค์!ณภาพื่ขึ้องการค์วบค์!ม นโยบายและการบร�หารขึ้องบร�ษ ท ค์วามม �นค์งในงาน สภาพื่การท5างาน ค์�าจ�าง

Page 8: Organization Behavior

4.ทฤษฎี�เอกช์�แลำะทฤษฎี�วาย (ด้ กลาส แม8กเกรเกอร� ): ทฤษฎี*เอกช่�น -นมองบ!ค์ค์ลไป็ในแง�ลบแบบส!ด้โติ�ง ส�วนทฤษฎี*วายมองบ!ค์ค์ลไป็ในแง�บวกแบบส!ด้โติ�งด้�วยเช่�นก น

ทฤษฎี�เอกช์� ม*สมมติ�ฐานเก*�ยวก บธิรรมช่าติ�ขึ้องมน!ษย�ด้ งน*- โด้ยป็รกติ�มน!ษย�ไม�ช่อบท5างานและจะพื่ยายามหล*กเล*�ยงงานให�มากท*�ส!ด้ เน �องจากขึ้�อ 1 จงจ5าเป็�นติ�องบ งค์ บ ค์วบค์!ม และลงโทษเพื่ �อให�ท5างาน โด้ยธิรรมช่าติ� มน!ษย�พื่ยายามหล*กเล*�ยงค์วามร บผู�ด้ช่อบ ไม�ค์�อยม*ค์วามทะเยอทะยาน แติ�ติ�องการค์วามม �นค์งในการท5างานเหน อส��งอ �นใด้

ทฤษฎี�วาย ม*สมมติ�ฐานเก*�ยวก บธิรรมช่าติ�ขึ้องมน!ษย�ด้ งน*- มน!ษย�ม*ท ศึนะติ�อการท5างานไม�แติกติ�างจากการพื่ กผู�อนหร อเป็�นเร �องสน!ก มน!ษย�จะใช่�การค์วบค์!มตินเองในการป็ฏิ�บ ติ�งานเพื่ �อว ติถึ!ป็ระสงค์�ติามท*�ได้�ผู/กพื่ นไว� ภายใติ�สภาพื่ท*�เหมาะสม มน!ษย�สามารถึเร*ยนร/ �และแสวงหาค์วามร บผู�ด้ช่อบ ค์วามสามารถึในการใช่�จ�นตินาการ ค์วามเฉล*ยวฉลาด้ และค์วามค์�ด้สร�างสรรค์�เพื่ �อ

แก�ป็3ญ่หาติ�างๆ

ในท ศึนะขึ้องแม8กเกรเกอร� ส งค์มท*�ป็ระช่าช่นม*ระด้ บการค์รองช่*พื่ค์�อนขึ้�างติ5าและมรภาวะขึ้าด้แค์ลนงานแล�ว ทฤษฎี*เอกซึ่�จะเป็�นทฤษฎี*ท*�น5าไป็ใช่�ได้�ด้* ในทางติรงก นขึ้�ามทฤษฎี*วายใช่�ในส งค์มท*�ม*ระด้ บพื่ ฒนาส/งกว�าม*ระด้ บการศึกษาด้* ม*มาติรฐานการค์รองช่*พื่ส/ง เขึ้าม*ค์วามติ�องการในช่ �อเส*ยง การยอมร บ น กบร�หารจงติ�องจ/งใจด้�วยส��งท*�ไม�ใช่�ติ วเง�น แติ�เป็Aด้ช่�องทางให�บ!ค์ค์ลได้�ม*ค์วามร บผู�ด้ช่อบค์วบค์!มตินเองเพื่ �อป็ฏิ�บ ติ�งานติามเป็Bาหมายท*�เขึ้าได้�ผู/กพื่ นไว�มากกว�าท*�จะมาค์อยค์วบค์!ม ติรวจติราด้/แลก นอย�างใกล�ช่�ด้

Page 9: Organization Behavior

5.ทฤษฎี�การจี#งใจีใน้ความส�าเร%จี (AchievementMotivation) : เด้ว�ด้ ซึ่* . แมค์เค์�ลแลนด้� ) การจ/งใจขึ้องผู/�ป็ฏิ�บ ติ�งานจะเป็�นผูลจากค์วามติ�องการส5าค์ ญ่

3 ป็ระการค์ อ 1.ค์วามติ�องการจะม*ค์วามส มพื่ นธิ�ก บผู/�อ �น nAff (Need

for Affilication) 2 .ค์วามติ�องการท*�จะม*อ5านาจ nPow (Need for

Power) 3.ค์วามติ�องการท*�จะท5างานให�ส5าเร8จ nAch (Need for

Achievement)

Page 10: Organization Behavior

ทฤษฎี�ของมาสโลำว�

Alderfer’sERG theory

McClelland’sTheory of need

Herzberg’sTwo factor theory

การได้�ส5าเร8จด้ งใจ(self actualization)

G=internal needs

ค์วามติ�องการค์วามส5าเร8จ(need for achievement)

ค์วามติ�องการอ5านาจ(need for power)

(ป็3จจ ยจ/งใจ,motivator factor)ค์วามส5าเร8จเน -องานค์วามก�าวหน�าการได้�ร บการยอมร บการเจร�ญ่ในติ5าแหน�ง

ค์วามติ�องการยกย�อง(self esteem)

R= External needs

ค์วามติ�องการทางส งค์ม (Social)

ค์วามติ�องการค์วามร กใค์ร�ผู/กพื่ น (Needs for affiliation)

ป็3จจ ยส!ขึ้อนาม ย(Hygiene factor)ส มพื่ นธิภาพื่ระหว�างบ!ค์ค์ลค์!ณภาพื่การค์วบค์!มบ งค์ บบ ญ่ช่านโยบายบร�ษ ทค์วามม �นค์งในงานสภาพื่การท5างานเง�นเด้ อน

ค์วามติ�องการค์วามป็ลอด้ภ ย(Safety)

E=Existence needs

ค์วามติ�องการทางร�างกาย (Physiological)

Page 11: Organization Behavior

กลำ&'มทฤษฎี�ท�(เน้�น้กระบวน้การ : จะให�ค์วามส5าค์ ญ่ก บเร �องท*�เก*�ยวขึ้�องก บค์วามร/ �สกนกค์�ด้ ซึ่�งจะม*ส�วนในการจ/งใจให�บ!ค์ค์ลเก�ด้พื่ฤติ�กรรม Expectation Theory (Vroom) แรงจ/งใจ

เป็�นผูลจากค์วามเช่ �อ 3 ป็ระการ Expectancy (เช่ �อว�าค์วามพื่ยายามจะท5าให�เก�ด้ค์วาม

ส5าเร8จ) Instrument (ค์วามพื่ยายามเพื่ �อค์วามส5าเร8จเป็�นเค์ร �อง

ม อท*�ท5าให�ได้�ร บรางว ล) Valence (เช่ �อว�ารางว ลท*�ได้�ร บม*ค์!ณค์�าเหมาะสม)

ป็3จจ ยอ �นๆ ได้�แก� ท กษะค์วามสามารถึ การได้�ร บโอกาส หร อการร บร/ �บทบาทขึ้องตินเอง

Page 12: Organization Behavior

Goal Setting Theory (Lock) เป็Bาหมายเป็�นแรงจ/งใจท*�ส5าค์ ญ่ ค์นท*�ม*เป็Bาหมายจะช่�วยเพื่��ม

ป็ระส�ทธิ�ภาพื่ในการท5างาน ล กษณะขึ้องเป็Bาหมายท*�ด้*

ท�าทาย ช่ ด้เจน ยอมร บได้� ม*ค์วามม!�งม �น

Page 13: Organization Behavior

เน้�น้การให้�การเสร*มแรง

Equity Theory (Stacy Adams) ค์นจะแสวงหาค์วามย!ติ�ธิรรมในการท5างานโด้ยจะเป็ร*ยบ

เท*ยบ Input ก บ Output

ส��งท*�ได้�ร บจากองค์�กร = ส��งท*�ผู/�อ �นได้�ร บจากองค์�กรส��งท*�อ!ท�ศึให�ก บองค์�กร ส��งท*�ผู/�อ �นอ!ท�ศึให�ก บองค์�กร

เม �อร/ �สกว�าไม�เป็�นธิรรมจะ1.เป็ล*�ยนแป็ลง input 2.เป็ล*�ยนแป็ลง output3.บ�ด้เบ อนค์วามร/ �สกเก*�ยวก บติ วเอง 4.บ�ด้เบ อนค์วามร/ �สกเก*�ยวก บผู/�อ �น5.เป็ล*�ยนกล!�มเป็ร*ยบเท*ยบ

Page 14: Organization Behavior

การปัระย&กต้�จีากทฤษฎี� การใช่�เป็Bาหมายเพื่ �อการจ/งใจ : เป็Bาหมายจะเก*�ยวขึ้�องก บค์วามป็รารถึนา หร อค์วาม

ติ�องการซึ่�งเป็�นม/ลเหติ!ก�อให�เก�ด้พื่ฤติ�กรรมติามทฤษฎี*ล5าด้ บช่ -นค์วามติ�องการขึ้อง มาสโลว� ซึ่�งองค์�กรสามารถึน5ามาสร�างเป็�นแรงจ/งใจให�ก บการท5างานขึ้องค์นในองค์�กรได้�

การเป็Aด้โอกาสให�ม*ส�วนร�วม : การเป็Aด้โอกาสให�ผู/�ป็ฏิ�บ ติ�งานม*ส�วนร�วมในการติ -งเป็Bาหมายด้�วยติ วเอง เขึ้าก8จะเก�ด้ค์วามผู/กม ด้ทางจ�ติว�ทยาท*�จะท5าให�เป็Bาหมายหร อโค์รงการเหล�าน -นบรรล!ผูลและเก�ด้ค์วามร/ �สกเป็�นเจ�าขึ้องในเป็Bาหมายหร อโค์รงการ

การให�ผูลติอบแทนการป็ฏิ�บ ติ�หร อรางว ลติามค์!ณภาพื่และป็ร�มาณขึ้องงานท*�ท5า : น กบร�หารติ�องแสด้งให�ผู/�ใติ�บ งค์ บบ ญ่ช่าทราบว�า การป็ฏิ�บ ติ�อย�างไรจงจะได้�ร บรางว ลแบบใด้เป็�นส��งติอบแทน ซึ่�งผู/�ป็ฏิ�บ ติ�งานจะแสด้งพื่ฤติ�กรรมติ�างๆเม �อพื่ฤติ�กรรมเหล�าน -นให�ผูลติอบแทนท*�พื่งพื่อใจ และจะละเว�นพื่ฤติ�กรรมท*�ท5าให�ผูลติอบแทนไม�ถึงป็รารถึนาติามทฤษฎี*การเสร�มแรง ค์วามค์าด้หว ง เป็�นติ�น นอกจากน -นการให�รางว ลและการลงโทษค์วรจะกระท5าท นท*เม �อเสร8จพื่ฤติ�กรรมและการป็ฏิ�บ ติ�งานน -นซึ่�งจะช่�วยให�ผู/�ป็ฏิ�บ ติ�งานได้�เร*ยนร/ �และติระหน กถึงพื่ฤติ�กรรมและผูลท*�ติามมา

การสร�างและธิ5ารงไว�ซึ่�งระบบการจ/งใจท*�เป็�นธิรรม : เป็�นธิรรมด้าขึ้องบ!ค์ค์ลท*�จะส งเกติส��งรอบขึ้�าง ไม�ว�าจะเป็�นผู/�บ งค์ บบ ญ่ช่า เพื่ �อนร�วมงานและผู/�ใติ�บ งค์ บบ ญ่ช่า ท -งในแง�การท5างานและผูลติอบแทนจากการท*�ผู/�อ �นได้�ร บ หากเขึ้าร บร/ �และเขึ้�าใจว�าผูลติอบแทนท*�เขึ้าได้�ร บจากองค์�การไม�ได้�ส ด้ส�วนก บส��งท*�เขึ้าท!�มเทให�องค์�การ เขึ้าก8จะร/ �ว�าระบบการจ/งใจท*�เป็�นธิรรมอ นเสมอภาค์น -นไม�ม*อย/�หร อไม�สามารถึธิ5ารงติ�อไป็ได้�แล�ว เขึ้าก8จะหมด้ค์วามพื่งพื่อใจและเก�ด้พื่ฤติ�กรรมขึ้องผู/�ท*�ม*ขึ้ว ญ่และก5าล งใจติ5�า หากติ5�าถึงระด้ บเขึ้าอาจลาออกจากองค์�การได้� หร อเป็ล*�ยนแป็ลงส��งท*�ท!�มเทให� แทรกแซึ่งบ!ค์ค์ลอ �น ติามหล กทฤษฎี*ค์วามเสมอภาค์ จอง เจ.สเติซึ่* อาด้ามส� ด้ งน -นผู/�บร�หารติ�องด้5ารงไว�ซึ่�งค์วามย!ติ�ธิรรมในการให�ผูลติอบแทนหร อรางว ลแก�บรรด้าผู/�ป็ฏิ�บ ติ�งานท*�ติ�างก น

Page 15: Organization Behavior

Management: การบร�หารจ ด้การเป็�นค์วามสามารถึในการเผูช่�ญ่ก บสถึานการณ� แล�วจ ด้การให�เป็�นระเบ*ยบ แบบแผูน

Leadership: ภาวะผู/�น5า เป็�นค์วามสามารถึในการเผูช่�ญ่การเป็ล*�ยนแป็ลง และเป็�นผู/�สร�างว�ส ยท ศึน� รวมท -งก5าก บท�ศึทางขึ้ององค์�กร

Leadership

Page 16: Organization Behavior

ทฤษฎี�ภาวะผู้#�น้�าแบ'งเปั-น้

ผู/�น5าท*�ว�าด้�วยค์!ณล กษณะ (Trait Theory) ผู/�น5าเช่�งพื่ฤติ�กรรม (Behavioral Theory) ผู/�น5าติามสถึานการณ� (Situation Theory)

Page 17: Organization Behavior

ทฤษฎี�ลำ�กษณะของผู้#�น้�า

ล กษณะส5าค์ ญ่ขึ้องผู/�น5า 6 ป็ระการ ค์วามม*พื่ล งและค์วามทะเยอทะยาน ค์วามป็รารถึนาท*�น5าผู/�อ �น ค์วามซึ่ �อส ติย�ม*จร�ยธิรรมยด้ม �นหล กการ ค์วามเช่ �อม �นตินเอง ค์วามเฉล*ยวฉลาด้ ม*ค์วามรอบร/ �ในงาน

Page 18: Organization Behavior

เน �องจากผู/�น5าม*บทบาทมากขึ้-น ด้ งน -นติ�องม*ท กษะใหม�ได้�แก� ค์วามสามารถึในการค์�ด้เช่�งซึ่ บซึ่�อน ค์วามสามารถึในการเร*ยนร/ �ด้�วยตินเอง ค์วามสามารถึด้�านพื่ฤติ�กรรมท*�ย ด้หย!�นได้� ค์วามไวติ�อการร บร/ �ทางว ฒนธิรรม ค์วามสามารถึในการว�เค์ราะห�กระบวนการ ค์วามสามารถึในการป็ระกอบว�ช่าช่*พื่อ�สระ

Page 19: Organization Behavior

ทฤษฎี�ผู้#�น้�าเช์*งพฤต้*กรรม (Behavioral Theory) Ohio State Studies

จ5าแนกผู/�น5าเป็�น 2 ม�ติ� ได้�แก� ผู/�น5าท*�ม!�งด้�านก�จส มพื่ นธิ� ผู/�น5าท*�ม!�งด้�านม�ติรส มพื่ นธิ�

ม!�งม�ติรส มพื่ นธิ�

ม!�งก�จส มพื่ นธิ�

Page 20: Organization Behavior

The University of Michigan Studies จ5าแนกพื่ฤติ�กรรมขึ้องผู/�น5าเป็�น 2 แบบ ได้�แก�

ผู/�น5าท*�ม!�งผูลผูล�ติ ผู/�น5าท*�ม!�งค์นงาน

ผู/�น5าท*�ม!�งผูลผูล�ติ ผู/�น5าท*�ม!�งค์นงาน

Page 21: Organization Behavior

ทฤษฎี*ติาขึ้�ายภาวะผู/�น5า(Leadership Grid): Blake&Mouton แบ�งพื่ฤติ�กรรมผู/�น5าเป็�น 81 แบบ แติ�แบบท*�ส5าค์ ญ่ม* 5

แบบ ค์ อ ผู/�น5าแบบเอาแติ�งาน ผู/�น5าแบบเอาแติ�ค์น ผู/�น5าแบบย5�าแย� ผู/�น5าแบบพื่บก นค์ร�งทาง ผู/�น5าแบบท5างานเป็�นท*ม

Page 22: Organization Behavior

ผู้#�น้�าต้ามสถาน้การณ� (Situation Theory) ทฤษฎี�สถาน้การณ�ของฟิ2ดัเลำอร� ป็ระกอบด้�วยหล ก

3 ป็ระการ แบบภาวะผู/�น5า หร อแบบว ด้ LPC การค์วบค์!มสถึานการณ� ขึ้-นอย/�ก บ 3 ป็3จจ ย

บรรยากาศึกล!�ม เป็�นค์วามส มพื่ นธิ�ระหว�างผู/�น5าและสมาช่�ก โค์รงสร�างขึ้องงาน ค์วามช่ ด้เจนขึ้องงาน อ5านาจในติ5าแหน�งขึ้องผู/�น5า

ป็ระส�ทธิ�ภาพื่ขึ้องกล!�มขึ้-นอย/�ก บการจ บค์/�ระหว�าง แบบภาวะก บสถึานการณ�

Page 23: Organization Behavior

Path-Goal Theory (Robert House) ผู/�น5าจะสร�างแรงจ/งใจให�ผู/�ติามโด้ยจะเพื่��ม

จ5านวนหร อช่น�ด้ขึ้องรางว ล ก5าหนด้เป็Bาหมายให�ช่ ด้เจน

สามารถึแบ�งพื่ฤติ�กรรมขึ้องผู/�น5าได้� 4 ป็ระเภท•ภาวะผู/�น5าแบบสน บสน!น•ภาวะผู/�น5าแบบส �งการ•ภาวะผู/�น5าแบบม!�งค์วามส5าเร8จขึ้องงาน•ภาวะผู/�น5าแบบให�ม*ส�วนร�วม

Page 24: Organization Behavior

Decision Making Model (Vroom) เป็�นแบบจ5าลองท*�เสนอระด้ บกลย!ทธิ�ในการติ ด้ส�นใจท*�ผู/�น5า

ป็ระเม�นว�าค์วรให�ล/กน�องม*ส�วนร�วมในการติ ด้ส�นใจเพื่*ยงใด้ AI : จะแก�ป็3ญ่หาเองด้�วยขึ้�อม/ลท*�ม*อย/� AII: ได้�ร บขึ้�อม/ลจากผู/�ใติ�บ ญ่ช่าเพื่ �อใช่�ในการป็ระกอบการติ ด้ส�นใจ CI: ผู/�ใติ�บ ญ่ช่าม*ส�วนร�วมในการให�ขึ้�อค์�ด้เห8นเป็�นรายค์น CII: ผู/�ใติ�บ ญ่ช่าม*ส�วนร�วมแบบเป็�นท*ม แติ�ผู/�น5าย งเป็�นผู/�ติ ด้ส�นใจ GII: ผู/�ใติ�บ ญ่ช่าม*ส�วนร�วมแบบเป็�นท*ม แติ�ผู/�น5าเป็�นเหม อนป็ระธิาน

Page 25: Organization Behavior

Leader-Member Exchange Theory ค์วามส มพื่ นธิ�ระหว�างผู/�น5าก บผู/�ติามเป็�นกระบวนการ

แลกเป็ล*�ยนไม�เท�าก บขึ้-นค์วามส มพื่ นธิ�ท*�ม* ค์นวงใน ค์นวงนอก

ทฏิ.น*-จะให�ค์วามส5าค์ ญ่ก บการป็ฏิ�บ ติ�ติ วขึ้องผู/�น5าติ�อผู/�ใติ�บ งค์ บบ ญ่ช่าท -งในกล!�มและนอกกล!�ม ท*�จะส�งผูลติ�อป็ระส�ทธิ�ภาพื่ในการท5างานมากกว�าค์!ณสมบ ติ�เฉพื่าะติ วขึ้องผู/�น5าเพื่*ยงอย�างเด้*ยว