wat moopoeng
DESCRIPTION
การอนุรักษ์ งานสถาปัตยกรรมและงานศิลปกรรมหอธรรมวัดหมูเปิ้ง ตำบลเหมืองจี้ จังหวัดลำพูนTRANSCRIPT
หอธรรมวัดหมูเปิ้งจิรนันท์ ดวงอาจ
หอธรรมวดัหมเูป้ิง
ต.เหมอืงจ้ี อ.เมอืง จ.ล�ำพนู
2
การสรา้งหอธรรมโดยตน้ก�าเนิด เกดิจากพระธรรมคมัภรีท์ีจ่ารกึธรรมและค�า
สัง่สอน ถอืไดว้า่เป็นสิง่หน่ึงทีส่�าคญัในองคป์ระกอบทัง้สามของพระพทุธศาสนาจงึ
ไดร้บัการดแูลเป็นอยา่งด ีโดยมกีารสรา้งอาคารต่างๆ ทีส่�าคญัเกบ็พระธรรมคมัภรี์
เหลา่นัน้ทัง้ต�าราเอกสาร ทีส่�าคญัเกบ็รวมไวอ้ยูด่ว้ย หอธรรมสนสถานประเภทหน่ึง
ของพทุธศาสนา ตัง้อยูใ่นวดัซึง่จะอยูใ่นเขตพทุธาวาสและบางวดัตัง้อยูใ่นเขต
สงัฆวาส เป็นอาคารขนาดเลก็ส�าหรบัเกบ็รกัษาและศกึษาพระธรรมโดยเฉพาะ
อยา่งยิง่คอื พระไตรปิฎก หอธรรมจงึเปรยีบเสมอืนหอ้งสมดุส�าหรบัเป็นอาคารที่
เกบ็พระธรรมคมัภรีจ์งึถกูเรยีกวา่ “หอธรรม” ซึง่เป็นภาษาพืน้เมอืงทางภาคเหนือที่
ตรงกบัภาษาภาคกลางวา่ “หอพระไตรปิฎก” แต่ถา้หอไตรอยูอ่ารามหลวงมกัมชีือ่
เรยีกวา่หอพระมณเฑยีรธรรม
หอธรรมวดัหมเูป้ิง
3
หอไตรปิฎกหรอืหอธรรมทีพ่บทางภาคเหนือของประเทศไทยนัน้พบว่ามี
การใชว้สัดใุนการท�าคมัภรีม์มีอียูส่ามประเภทดว้ยกนัคอื ขอ่ย ใบลาน สา โดย
ชาวลา้นนาใหค้วามเคารพนบัถอืสงูสดุแก่หอธรรมโดยถอืเป็นทีศ่กัดิส์ทิธบิรสิทุธิ ์
ซึง่มคีวามเชือ่วา่ถา้ผูใ้ดทีไ่ด ้“สรา้งหอธรรมจะถอืวา่เป็นการสรา้งอานิสงสผ์ลบุญ
ทีไ่ดก้ระท�าและความอิม่ใจจะเทา่กบัผูน้ัน้ไดส้รา้งวหิารหน่ึงหลงั ”จากค�ากลา่วน้ี
แสดงใหเ้หน็ถงึความส�าคญัของการสรา้งหอธรรม และอกีค�ากลา่วหน่ึงเป็นภาษา
บาลซีึง่แปลไดใ้จความวา่ “ถา้ใครแสดงถงึความหวงัผลบุญของตนทีไ่ดส้รา้งหอ
ธรรมถวายแดพ่ระศาสนาและหวงัความเป็นอยูท่ีด่ขี ึน้ในภพหน้า” ดว้ยเหตุทีช่าว
ลา้นนามศีรทัราทีแ่รงกลา้ การสรา้งหอธรรมถวายจงึมพีธิกีรรมในการถวายเครือ่ง
หมูบ่ชูาอนัเป็นวตัถุทีม่คีา่ กลา่วคอื อาจเป็นเงนิ ทอง เพชร พลอย หรอืแมแ้ต่
การถวายทาสบรวิารไวส้�าหรบัดแูลหอธรรม การอุทศิสว่นกุศลผลบุญทีไ่ดส้รา้ง
หอธรรมไดแ้ก่ บรรพบุรษุ ญาต ิมติร ทวยเทพต่างๆ และอนุโมทนาใหช้ว่ยดแูล
รกัษาหอธรรมจกัเป็นบุญกุศลอนัยิง่ ท�าใหถ้งึความส�าคญัของการสรา้งหอธรรม
วา่เป็นการแสดงถงึการหวงัผลบุญแก่ตนเองทีไ่ดร้บัจากการสรา้งหอธรรมถวาย
แดพ่ระพทุธศาสนา หวงัผลจากผลบุญทีต่นกระท�าและยงัเชือ่กนัวา่ในสมยัพระ
ศรอีารยเมตไตร มนุษยท์กุคนเสมอภาคกนัหมด ความทกุขร์อ้นจะไมม่ ีซึง่เป็น
ชวีติในอุดมคต ิ(อนาคตทีด่นีัน่เอง)
4
หอธรรมวดัหมเูป้ิงทีม่คีวามเป็นมาอยา่งยาวนาน วดัหมเูป้ิงเดมิทเีป็นวดัปา่วดั
รา้ง ไมม่ผีูอ้าศยัอยู ่ แต่ในขณะนัน้ยงัมสีิง่ก่อสรา้งคอื ซุม้ประตโูขง ทีม่ลีายปนู
ป ัน้สวยงามมาก เมือ่ก่อนมชีาวบา้นมาหาของปา่และพอ่คา้จะใชเ้ป็นทีพ่กันอน
บรเิวณหน้าวดัยงัเคยมฝีงูชา้งและหมปูา่เป็นจ�านวนมากเน่ืองจากเป็นปา่ทบึและมี
แหลง่น�้า ต่อมาเมือ่มปีระชากรเพิม่มากขึน้ก่อใหเ้กดิชมุชนขึน้แถบน้ี ซึง่เป็นชมุชน
ทีน่บัถอืศาสนาพทุธ ท�าใหเ้กดิศรทัธาชาวบา้นชว่ยกนัสรา้งวดัขึน้และไดเ้ลอืกวดั
รา้งแหง่น้ีเป็นทีต่ ัง้ของวดัใหมท่ัง้เรยีกวดัน้ีวา่ วดัหมเูป้ิง เพราะวา่มหีมปูา่อยูม่าก
ค�าวา่ เป้ิง แปลวา่พึง่พาอาศยั
5
6
หอธรรมวดัหมเูป้ิงเป็นหอธรรมทีส่วยงามและยงัเป็นศนูยร์วมจติใจของคนใน
ชมุชนบา้นหมเูป้ิง หอธรรมวดัหมเูป้ิงเป็นหอธรรมทีไ่ดร้บัการบรูณะมาแลว้ 2ครัง้
คอืเมอืปีพทุธศกัราช 2475 นบัวา่เป็นการบรูณะทีเ่ปลีย่นแปลงงานสถาปตัยกรรม
หอธรรมวดัหมเูป้ิงอยา่งมาก คอืเพิม่ตวัอาคารอเนกประสงคช์ัน้ลา่งขึน้มา จากเดมิ
ตวัอาคารชัน้ลา่งเป็นเพยีงแต่เสาไมเ้ทา่นัน้รวมถงึการประดบัตกแต่งดว้ยลวดลาย
ไมฉ้ลุและโกกนาค ต่อมาเมือ่ปีพทุธศกัราช 2535 ไดม้กีารทาสตีวัอาคารใหมท่ัง้
หลงัดว้ยสทีาบา้นเรอืนทัว่ไป ดว้ยความรูเ้ทา่ไมถ่งึการณ์ จากการทาสใีนครัง้นัน้
เป็นการทาสทีบัลวดลายฉลุทองทีส่บืต่อกนัมา แต่หอธรรมวดัหมเูป้ิงกม็ลีกัษณะ
ทีเ่ฉพาะตวัทีเ่ป็นอาคาร 2ชัน้ ชัน้บนเป็นหอธรรมทีเ่กบ็พระธรรมคมัภรี ์สว่นลา่ง
เป็นทีป่ระดษิฐานพระพทุธรปูปางมารวชิยั อดตีท�าหน้าทีเ่ป็นศาลาบาตรปจัจบุนั
ไดก้ลายเป็นทีอ่เนกประสงคไ์วว้างสิง่ของต่างๆของวดั อยา่งไรกต็ามหน้าทีข่อง
หอธรรมวดัหมเูป้ิงในปจัจบุนัไดเ้ปลีย่นแปลงไปจากเดมิจงึท�าใหห้อธรรมวดัหมเูป้ิง
หมดหน้าทีก่ารใชส้อยไปในทีส่ดุเหลอืเพยีงแต่ความงดงามของสถาปตัยกรรมและ
มคีณุคา่ทางประวตัศิาสตรข์องทอ้งถิน่
7
บริเวณการสร้างหอธรรม
โดยทัว่ไปแลว้หอธรรมจะสรา้งในเขตสงัฆวาส เน่ืองดว้ยหอธรรมเปรยีบ
เสมอืนหอ้งหนังสอืเฉพาะพระภกิษุสงฆแ์ละสามเณรใชเ้ป็นทีค่น้ควา้ ทบทวน
ศกึษาพระธรรมค�าสอน การอยูใ่นเขตสงัฆาวาสจงึเอือ้ใหพ้ระภกิษุสงฆแ์ละสามเณร
เขา้ไปใชส้อยไดอ้ย่างสะดวก วดัโดยทัว่ไปในเขตนอกเมอืงส่วนใหญ่มหีอธรรม
เพยีงหลงัเดยีว และตัง้อยูบ่รเิวณใดบรเิวณหน่ึงทีไ่มไ่ดร้บัก�าหนดเป็นกฎเกณฑ์
ตายตวั เชน่ อยูด่า้นหลงักุฏ ิหรอืขา้งศาลาการเปรยีญ หรอืบรเิวณกลางวดั
โครงสรา้งของหอธรรมทางภาคเหนือมกัสรา้งเป็นเรอืนครึง่ตกึครึง่ไมส้รา้ง 2ชัน้
ชัน้บนมกีารตกแต่งแบบเรอืนไมแ้ทบทกุสว่น สรา้งจากไมท้ัง้หมด ลกัษณะของหอ
ธรรมทีนิ่ยมสรา้งกนัตามวสัดทุีใ่ชก่้อสรา้งในลา้นนามอียู ่ 3 ปะเภทไดแ้ก่ อาคาร
เรอืนไมท้ัง้หลงัชัน้เดยีว(มกัสรา้งกลางสระน�้า) สรา้งดว้ยวสัดุเครื่องไมล้ว้น นับ
ตัง้แต่เสาจนถงึชัน้หลงัคา หอธรรมชนิดน้ีนิยมท�าเป็นอาคาร 2ชัน้ ชัน้ลา่งปลอ่ย
เป็นใตถุ้นโลง่ ชัน้บนตฝีาลอ้มทบึ มปีระตเูขา้ออกทางเดยีว หน้าต่างเจาะทางผนงั
ขา้งละ 1-2 บาน ชัน้บนสว่นมากนิยมยืน่เป็นระเบยีงรอบ มหีลงัคายาวชกัคลุมทกุ
ดา้นเพือ่กนัแดดฝน ระเบยีงโดยรอบน้ียงัมปีระโยชน์ส�าหรบัสามเณร พระภกิษุ ใช้
เป็นบรเิวณนัง่อา่นพระคมัภรี ์เน่ืองจากภายในหอ้งของอาคารคอ่นขา้งมดืทบึและ
อบัชืน้ หอธรรมประเภททีส่องคอื หอธรรมเครือ่งก่อ ใชอ้ฐิก่อเป็นโครงตนัอยา่ง
อาคารตกึนบัแต่ฐานลา่งถงึปลายผนงั ก่อนรบัเครือ่งบนหลงัคาอยา่งโครงสรา้งไม้
ของไทย โดยหน้าบนัมทีัง้แบบหน้าบนัไมห้รอืหน้าบนัก่ออฐิทบึป ัน้ลาย หอธรรม
ลกัษณะน้ีมขีนาดทีค่่อนขา้งใกลเ้คยีงหรอืใหญ่กว่าอย่างเครื่องไมเ้ลก็น้อย และ
สว่นใหญ่กท็�าเป็นสองชัน้คลา้ยอยา่งหอธรรมเครือ่งไมค้อืท�าเป็นเรอืนยกชัน้ ชัน้
ล่างอาจยกสงูลอยหรอืยกลอยเพยีงระดบัเตีย้ๆ ตอนล่างมทีัง้ก่อแบบทบึตนัและ
แบบมชีอ่งเปิดอยา่งหน้าต่าง-ประต ู หอธรรมประเภทน้ีนิยมใชห้อ้งลา่งเป็นทีเ่กบ็
ของบา้งกเ็ป็นกุฏทิีพ่กัอาศยัของพระทีน่อนเฝ้าหอธรรม
8
และหอธรรมประเภททีส่าม หอธรรมครึง่ตกึครึง่ไม ้ ก่อสรา้งสว่นฐานอาคารแบบ
เครือ่งตกึ โดยรบัสว่นเรอืนชัน้บนและหลงัคาทีเ่ป็นเครือ่งไม ้ หอธรรมชนิดน้ีเป็น
ที่นิยมมากในระยะหลงัเมื่อหอธรรมอย่างเครื่องไมน้ัน้ไม่นิยมวางกลางสระน�้ า
อยา่งเกา่อกีแลว้ อาจเน่ืองดว้ยเหตุผลของพืน้ทีท่ีไ่มเ่อือ้อ�านวยต่อการขดุเป็นสระ
หรอืปญัหาความผพุงัของไม ้อนัเน่ืองจากความชืน้หรอืปญัหาการกกัเกบ็น�้าไมไ่ด ้
หรอืความอยากล�าบากส�าหรบัภกิษุโดยเฉพาะพระภกิษุสงูวยัทีเ่ดนิขา้มสะพาน
ไมข้นาดเลก็ขึน้ไปยงัหอธรรม หอธรรมจงึถูกพฒันาไปเป็นหอธรรมอยา่งเครื่อง
ก่อทัง้หลงัอกีครัง้ สว่นฐานอาคารของหอธรรมครึง่ตกึครึง่ไม ้ หากไมย่กสงูมากก็
นิยมก่อเป็นฐานโปรง่ คอืท�าเป็นแนวเสารายลอ้มอาคารระหวา่งเสา อาจก่อเป็น
ชอ่งโคง้กลมหรอืโคง้แหลมกไ็ด้
9
องคป์ระกอบของหอธรรมวดัหมู
10
หลงัคา ลกัษณะหลงัคาหอธรรมวดัหมูเป้ิง เป็นหลงัคาทรงจัว่ หลงัคามุงด้วย
กระเบือ้งดนิขอทรงสีเ่หลีย่มคางหมู
11
ชอ่ฟ้า เป็นสว่นทีอ่ยูต่รงปลายยอดตรงทีป้่านลมมาบรรจบกนัของยอดหลงัคา
มกัเป็นปนูป ัน้หรอืไมแ้กะประดบักระจกหรอืปิดทองเป็นส่วนใหญ่ มลีกัษณะ
คลา้ยชอ่ฟ้าในภาคกลาง
12
หน้าบนั เป็นแผงปิดหน้าจัว่ดา้นหน้าและดา้นหลงั ของตวัอาคารชัน้บน แกะ
สลกัไมล้ายพรรณพฤษา ลายสบัปะรด ลายดอกไมเ้ครอืเถา ปิดทองชว่งระหวา่ง
ลาย ปิดกระจกแกว้จนื
13
ป้านลมหรอืเครือ่งล�ายอง ประดบัตกแต่งเพือ่ ปิดหวักระเบือ้งท�าเป็นลกัษณะ
ตา้นลม แผน่ไมแ้กะสลกั ประดบัดว้ยใบระกา ดา้นบนประดบัดว้ยชอ่ฟ้า ดา้น
ลา่งประดบัดว้ยหางหงสร์ปูเศยีรนาค ชว่งปีกนกก่อประดบั สวนเกลด็นาคตดิ
กระจกแกว้จนื
14
โก่งคิว้หรอืสาหรา่ยรว่งผึง้ พบการตกแต่งในสว่นของโก่งคิว้ โดยมากมกัตกแต่ง
ใหม้คีวามกลมกลนืกบัสว่นของหน้าบนัทีเ่ป็นลายเครอืเถา สว่นการประดบัจะแกะ
สลกัปิดทองและประดบักระจกแกว้จนื
คนัทวยหรอืหชูา้ง เป็นองคป์ระกอบ
ทีใ่ชค้�้ายนัและตกแต่งดา้นขา้งระหว่าง
แขนนางกับเสาที่ยื่นรองรับชายคา
ปีกนก มลีกัษณะคลา้ยงวงชา้ง
15
บานประตแูละบานหน้าต่าง เขยีนภาพพญานาคดว้ยสฝีุน่ เน่ืองจากในสว่นของ
ประตแูละหน้าต่างท�าดว้ยไมจ้งึมกีารแกะสลกัปิดทองและลายรดน�้าปิดทอง
16
ระเบยีง ไมแ้กะสลกัลวดลายพรรณพฤกษา
17
แป้นน�้ายอ้ย แผงไมอ้ยูต่รงชายคาของหลงัคา มกัเป็นลายเครอืเถาหรอืดอกไม ้
มลีกัษณะทีซ่�้าๆกนัเป็นงานไมแ้กะสลกั และลงชาด
18
19
ตวัอาคารชัน้ลา่ง เป็นปนูทัง้หมด เสาปนูหลอ่ ระเบยีงประดบัดว้ยลกูติง่
เป็นปนูหล่อ พืน้ราดดว้ยซเีมนต ์ และประดษิฐานพระพุทธรปูปนูป ัน้ปาง
มารวชิยั
20
หอธรรมวดัหมเูป้ิงเป็นสิง่ทีม่คีณุคา่ทางการบนัทกึเรือ่งราวทางประวตัศิาสตร์
และดา้นโบราณสถานและศลิปกรรมในอดตีทีล่งตวัและมเีอกลกัษณ์เฉพาะตวัทาง
ดา้นรปูแบบและตวัโครงสรา้งของอาคารทีล่งตวักบัหน้าทีก่ารใชส้อย คอืตวัอาคาร
ชัน้บนเป็นไมท้ีไ่มด่ดูความชืน้และยงัมรีะบบระบายอากาศไดด้ ีเหมาะแก่การเกบ็
รกัษาพระธรรมคมัภรีใ์หม้อีายุการใชง้านทีย่าวนานขึน้ไม่ผุพงัเพราะใบลานไม่
ค่อยทนต่อความชืน้ อย่างไรกต็าม หอธรรมวดัหมเูป้ิงเป็นหอธรรมทีไ่ดร้บัการ
บรูณะอยา่งต่อเน่ืองมาแลว้สองครัง้ ซึง่การบรูณะแต่ละครัง้ตอ้งยอมรบัวา่เป็นการ
ท�าลายไปดว้ย เน่ืองจากลวดลายปิดทองถกูสทีาทบัจนไมเ่หน็ลวดลายปิดทอง สว่น
ลกัษณะดา้นโบราณสถานและศลิปกรรมของหอธรรมวดัหมเูป้ิงนัน้ แฝงไปดว้ย
ความเชื่อของพญานาคซึง่ดูจากช่อฟ้าทีท่�าเป็นรูปนกหสัดลีงิคเ์ขา้กบัพญานาค
ลวดลายฉลุทองเป็นรปูพญานาค นิยมท�าดว้ยไมแ้กะสลกั หรอืการหลอ่ปนู สว่น
หน้าบนัเป็นไมแ้กะสลกัลงชาดปิดทองประดบักระจกแกว้จนื ลายพรรณพฤกษา
ซึง่สว่นหน่ึงไดร้บัอทิธพิลมาจากภาคกลางผสมผสานกบัความเชือ่ของทอ้งถิน่ไม่
วา่จะเป็นโก่งคิว้ทีค่ลา้ยลายห�ายนต ์ ดว้ยความเชือ่ทีว่า่หอธรรมเป็นเขตหวงหา้ม
ส�าหรบัคนทัว่ไป อดตีของหอธรรมถา้จะเปรยีบเทยีบกเ็ปรยีบเสมอืนหอ้งสมดุใน
ปจัจบุนั หอธรรมเป็นแหลง่ทีไ่มใ่ชเ่กบ็แคพ่ระธรรมคมัภรีเ์ทา่นัน้ แต่ยงัเป็นแหลง่
ทีเ่กบ็ขอ้มลูทางประวตัศิาสตร ์และยงัเกบ็ขอ้มลูความรูต้่างๆ ทีส่ะสมมาเป็นเวลา
นาน ไมว่า่จะเป็นต�านาน ต�ารายา คาถาอาคมต่างๆ ทีม่กีารบนัทกึดว้ยการจารลง
ในใบลานเพราะฉะนัน้จงึมกีารปลกูตน้ลานไวข้า้งหอธรรม เพือ่สะดวกในการจารกึ
ธรรมต่างๆ โดยไมต่อ้งออกไปหาใบลานทีไ่กลๆ ปจัจบุนัหน้าทีก่ารใชส้อยของหอ
ธรรมวดัหมเูป้ิงไดเ้ลอืนรางไปแลว้ อกีทัง้ไมม่กีารจารกึใบลานแลว้ ธรรมทีอ่า่นใน
ปจัจุบนักเ็ป็นธรรมส�าเรจ็รปูทีพ่มิพเ์ผยแพรท่ัว่ไป ปจัจุบนัหอธรรมวดัหมเูป้ิงได้
อยูใ่นการดแูลของกรมศลิปากรและชาวบา้น ใหก้ารดแูลรกัษาหอธรรมวดัหมเูป้ิง
ใหม้สีภาพดงัเดมิ
หอธรรมวดัหมูเป้ิง
ภาพและเนื้อหาเรื่อง © 2014 (พ.ศ. 2557) โดย จรินนัท ์ดวงอาจ, 540310102
สงวนลขิสทิธิ์ตามพระราชบญัญตัิ
พมิพค์ร ัง้แรก เดอืนตลุาคม พ.ศ. 2557
จดัพมิพโ์ดย ภาควชิาศิลปะไทย คณะวจิติรศิลป์ มหาวทิยาลยัเชยีงใหม่
ออกแบบและจดัรูปเลม่โดย จรินนัท ์ ดวงอาจ
โดยใชฟ้อนท ์Browallia New 16 pt.
หนงัสอืเลม่นี้ เป็นผลงานทางวชิาการจดัท�าขึ้นเพือ่ส่งเสรมิ และต่อยอดศกัยภาพการศึกษา
ภายในภาควชิาศิลปะไทย คณะวจิติรศิลป์ มหาวทิยาลยัเชยีงใหม่
หอธรรมวัดเจดีย์สรีหมูเปิ้ง
ตาลแวดป้าวล้อมขะยอมหอม แดดส่องกำ แปง
แคว้นหริภุญชัย