ประวัติ แคลคูลัส

43
1 ปปปปปปป ปปปปปปปป Calculus แแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแ แ แแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แ แแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแ แแแแแแแแ แแ 1667 แแแแแ แแแแแ แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ แแแ แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแ 17 แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแ แ แแแแแแแแแ แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ แแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ

Upload: ploy-purr

Post on 28-May-2015

3.411 views

Category:

Documents


3 download

TRANSCRIPT

Page 1: ประวัติ แคลคูลัส

1

ประวั�ติ� แคลค�ล�ส     Calculus               แคลค�ล�ส  เป็�นวิ�ชาคณิ�ตศาสตร์�ที่��มี�ควิามีส�าค�ญอย่�างย่��ง สามีาร์ถน�าไป็ป็ร์ะย่#กต�ใช&ในการ์อธิ�บาย่กฎเกณิฑ์�ธิร์ร์มีชาต�  เป็�นพื้,-นฐานของควิามีเข&าใจโลก  และป็ร์ากฏการ์ณิ�ต�าง ๆ   แคลค�ล�สช�วิย่ให้&เร์าสามีาร์ถค�านวิณิวิงโคจร์ของดาวิต�าง ๆ ช�วิย่ให้&เร์าค�านวิณิกร์ะแสน�-า  การ์ค�านวิณิห้าเส&นแร์งในอาคาร์ร์�ป็แป็ลก ๆ เพื้,�อให้&สามีาร์ถสร์&างอาคาร์เห้ล�าน�-น เป็�นวิ�ชาที่��จ�าเป็�นส�าห้ร์�บน�กวิ�ที่ย่าศาสตร์�แที่บที่#กแขนง

            ผู้�&ที่��เก�ดแนวิค�ดเร์,�องแคลค�ล�สก�อนผู้�&ใด  เมี,�อร์าวิ  ป็7  1667  เซอร์� ไอแสค  น�วิต�น  น�กฟิ:ส�กส�ชาวิอ�งกฤษ สนใจในเร์,�องคณิ�ตศาสตร์�ของการ์เคล,�อนที่��  ซ=�งมี�การ์เป็ล��ย่นแป็ลงตลอดเวิลา  กฎเกณิฑ์�ของการ์เป็ล��ย่นแป็ลงน�-เอง ที่�าให้&เป็�นที่��มีาของแคลค�ล�ส  ในเร์,�องของอ�นที่�กร์�ลและด�ฟิเฟิอเร์นเช�ย่ล ต�อมีาไมี�นานก>มี�น�กคณิ�ตศาสตร์�ชาวิเย่อร์มี�นช,�อ กอตฟิร์�ค  ไลป็น�ช  ก>เก�ดแนวิต�ดในที่�านองเด�ย่วิก�น   ที่�-งสองคนเข�ย่นจดห้มีาย่แลกเป็ล��ย่นที่�ศนะ  และแนวิค�ดก�น  

             แคลค�ล�สเป็�นคณิ�ตศาสตร์�ที่��ถ,อก�าเน�ดข=-นในศตวิร์ร์ษที่�� 17   แต�ถ&าไล�ย่&อนไป็ในอด�ต ก>จะพื้บแนวิควิามีค�ดห้ร์,อเที่คน�คต�าง ๆที่��น�กคณิ�ตศาสตร์�สมี�ย่ก�อนห้น&าน�-นได&ช�วิย่ค�ดช�วิย่สร์&างมีาต�-งแต�สมี�ย่กร์�กโบร์าณิโน�น  ซ=�งมี�ร์าย่ละเอ�ย่ดมีาก   พื้อจะสร์#ป็ห้ล�ก ๆ ที่��ส�าค�ญ  ด�งน�-

                น�กคณิ�ตศาสตร์�สมี�ย่โบร์าณิห้ลาย่คน เช�น อาร์�ค�มี�ด�ส เคย่ค�ดวิ�ธิ�ห้าเส&นส�มีผู้�สร์�ป็ร์�างเกล�ย่วิห้อย่ โจที่ย่�ข&อน�-ส�าค�ญมีาก เพื้ร์าะน�าจะเป็�นโจที่ย่�เก��ย่วิก�บเส&นส�มีผู้�สห้ร์,อ ด�ฟิเฟิอเร์นเช�ย่ลแคลค�ล�ส เพื้�ย่งข&อเด�ย่วิในป็ร์ะวิ�ต�ศาสตร์�“ ” ส�วินที่��เห้ล,อ เช�น  การ์ค�านวินห้าพื้,-นที่��วิงกลมี ป็ร์�มีาตร์ และพื้,-นผู้�วิของที่ร์งกลมีได&อย่�างไร์

Page 2: ประวัติ แคลคูลัส

2

ซ=�งจากมี#มีมีองสมี�ย่น�-  เป็�นโจที่ย่�เก��ย่วิก�บผู้ลร์วิมี ห้ร์,อ อ�นที่�กร์�ลแคลค�ล�ส“ ” ที่�-งส�-น

               นอกจากน�- น�กคณิ�ตศาสตร์�ชาวิกร์�ก   ได&ต�-งโจที่ย่�เก��ย่วิก�บ ล�มี�ต และค�าอน�นอ�กด&วิย่ แต�ที่��น�าจะส�าค�ญที่��ส#ดค,อ   เที่คน�คที่างคณิ�ตศาสตร์�ที่��เร์�ย่กวิ�า "วิ�ธิ�ใช&ที่�-งห้มีดของย่�โดซ�ส"   ซ=�งมี�ห้ล�กการ์ง�าย่  ๆวิ�า ถ&าต&องการ์ค�านวิณิห้าพื้,-นที่��ร์�ป็ที่ร์งป็ร์ะห้ลาดๆ ที่��สนใจก>แบ�งพื้,-นที่��ให้&เป็�นร์�ป็ง�าย่ ๆ  เช�น ร์�ป็ 3 เห้ล��ย่มี  4  เห้ล��ย่มี โดย่เร์��มีจากการ์ใช&ร์�ป็ง�าย่ ๆ ใส�ลงไป็ในพื้,-นที่��ที่��ต&องการ์ห้าและซอย่ย่�อย่ลงไป็เร์,�อย่  ๆ   ด�งน�-นผู้ลร์วิมีก>จะได&ใกล&เค�ย่งก�บพื้,-นที่��ที่��ต&องการ์

              น��ค,อเที่คน�คการ์อ�นที่�เกร์ตโดย่ใช&ภาพื้ของน�กคณิ�ตศาสตร์�กร์�กโบร์าณิน��นเอง  น�กคณิ�ตศาสตร์�ชาวิเอเช�ย่ก>มี�ผู้�&ค�ด"ป็ฐมีแคลค�ล�ส"ไวิ&ค,อคนจ�นก�บคนญ��ป็#@น น�กคณิ�ตศาสตร์�ญ��ป็#@นค�านวินห้าพื้,-นที่��วิงกลมี โดย่แบ�งเป็�นแถบ 4 เห้ล��ย่มีย่�อย่ ๆ

              จวิบจนถ=งคร์�ต�ศตวิร์ร์ษที่�� 14   จ=งมี�ค�าถามีป็ร์ะเภที่วิ�าวิ�ตถ#เคล,�อนที่��ด&วิย่อ�ตร์าเร์>วิไมี�คงที่��จะห้าร์ะย่ะที่างที่��วิ��งไป็ได&อย่�างไร์ แต�แคลค�ล�สสมี�ย่ให้มี�ต&องร์อเวิลานานกวิ�าจะถ,อก�าเน�ดข=-นได& เพื้ร์าะแคลค�ล�ส จ�าเป็�นต&องใช&แนวิค�ดจากคณิ�ตศาสตร์�สาขาอ,�นๆห้ลาย่วิ�ชาน�ามีาก�อน   เช�น  ฟิAงก�ช��น   พื้�ชคณิ�ตส�ญล�กษณิ�   และเร์ขาคณิ�ตวิ�เคร์าะห้�

              แนวิค�ดเร์,�องฟิAงก�ช�นน�-มีาส#กงอมีตอนที่��กาล�เลโอมีาศ=กษาเร์,�องการ์เคล,�อนที่��ส�วินสองเร์,�องห้ล�งค,อ พื้�ชคณิ�ตส�ญล�กษณิ�  และเร์ขาคณิ�ตวิ�เคร์าะห้�เป็�นฝี7มี,อของเดอคาร์�ตส�ย่อดน�กคณิ�ตศาสตร์�ที่��ค�ดแกนอ&างอ�งแบบคาร์�ที่�เช�ย่นให้&เร์าใช&ก�นจนถ=งเด�Cย่วิน�-น��เอง

ล�มิ�ติและควัามิติ�อเนื่��องของฟั�งก์�ชั�นื่

Page 3: ประวัติ แคลคูลัส

3

-ล�มิ�ติของฟั�งก์�ชั�นื่

    y  =  f(x)  ที่��มิ�โดเมินื่และเรนื่จ์�เป#นื่ส�บเซติของจ์&านื่วันื่จ์ร�ง  ขณะที่��  x   เข(าใก์ล(  จ์&านื่วันื่จ์ร�งใด ๆ  เพี�ยงจ์&านื่วันื่เด�ยวัเที่�านื่�-นื่   ควิามีห้มีาย่ของการ์ที่��  x   เข&าใกล&จ�านวินจร์�ง  a  ใด ๆ     ด�งร์�ป็                              x     a      x 

 เมี,�อ x เข&าใกล& a  โดย่ที่��  x < a ห้มีาย่ควิามีวิ�า  x  เข&าใกล& a ที่างด&านซ&าย่  เข�ย่นแที่นด&วิย่ส�ญล�กษณิ�   x  a    ฟิAงก�ช�น f   ใด ๆ ที่��มี�โดเมีนและเร์นจ�เป็�นส�บเซตของเซตจ�านวินจร์�ง  เมี,�อ x  เข&าใกล& a  ที่างด&านซ&าย่ แล&วิ f(x) เข&าใกล&จ�านวินจร์�ง

 เร์�ย่ก  วิ�า  ล�มี�ตซ&าย่ของ f  ที่��  a  เข�ย่นแที่นได&วิ�า    f(x)    =                                                                                                                                        

  เมี,�อ x เข&าใกล& a โดย่ที่�� x> a ห้มีาย่ควิามีวิ�า x เข&าใกล& a ที่างด&านขวิา  เข�ย่นแที่นด&วิย่ส�ญล�กษณิ�   x  a    ฟิAงก�ช�น f  ใด ๆ ที่��มี�โดเมีนและเร์นจ�เป็�นส�บเซตของเซตจ�านวินจร์�ง  เมี,�อ x  เข&าใกล& a  ที่างด&านขวิา แล&วิ  f(x) เข&าใกล&จ�านวินจร์�ง   

 เร์�ย่ก    วิ�า  ล�มี�ตซ&าย่ของ  f  ที่��  a   เข�ย่นแที่นได&วิ�า   f(x)  =                                                                                            

   เมิ��อ  x  เข(าใก์ล(  a  ไมิ�วั�าจ์ะที่างด(านื่ซ(ายหร�อด(านื่ขวัา  แล(วั       ค�าของ f(x)เข(าใก์ล(จ์&านื่วันื่จ์ร�ง L   เข�ยนื่แที่นื่ได(วั�า      f(x)  = L                             

Page 4: ประวัติ แคลคูลัส

4

ล�มิ�ติข(างเด�ยวั    (One - side  limit)          

                            

พื้�จาร์ณิาจากร์�ป็              

            =     ..........(1)          

             =         ..........(2)

                        (1)      (2)       น��นค,อ

                          

                      ด�งน�-น                ห้าค�าล�มี�ตไมี�ได&

          . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . .

Page 5: ประวัติ แคลคูลัส

5

  พี�จ์ารณาจ์าก์ร�ป                                        

     =      

                         =  4 - 6         =     - 2  ...........(1)           

      =            

                       =   4 - 4         =     0   .............(2)

                           (1)      (2)       น��นค,อ

                             

     ด�งน�-น                      ห้าค�าล�มี�ตไมี�ได&

                  ... . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . . . . . . . . . . . . . . . .

                          

Page 6: ประวัติ แคลคูลัส

6

      พี�จ์ารณาจ์าก์ร�ป       

         =    

                            =    10 -  3    =   7    .....(1)           

          =       

                             =    2(3) + 1     =  7     .......(2)

                     (1)   =   (2)       น��นค,อ

             =        

 ด�งน�-น      =     7

ก์ารหาล�มิ�ติของฟั�งก์�ชั�นื่การ์ห้าค�าของล�มี�ตสามีาร์ถห้าได&ห้ลาย่วิ�ธิ�จะแนะน�า  3  วิ�ธิ�    ด�งน�-               

วั�ธี�ที่�� 1  โดย่การ์แที่นค�า x  โดย่ตร์งลงใน f(x) ของล�มี�ต  จะได&ค�าของล�มี�ตออกมีาเลย่          จ�ดเป็�นวิ�ธิ�ห้าค�าล�มี�ตที่��ง�าย่ที่��ส#ด  เมี,�อแที่นค�า  x  โดย่ตร์งในฟิAงก�ช�นของล�มี�ต  

          ค�าของล�มี�ตอย่��ในร์�ป็     ต&องใช&วิ�ธิ�ที่��  2  ห้ร์,อวิ�ธิ�ที่�� 3   ต�อไป็

วั�ธี�ที่�� 2  โดย่การ์แย่กต�วิป็ร์ะกอบของฟิAงก�ช�นเศษและฟิAงก�ช�นส�วิน (ถ&าแย่กต�วิป็ร์ะกอบได&)            ถ&าเศษและส�วินมี�ต�วิป็ร์ะกอบที่��เห้มี,อนก�น ให้&ต�ดที่อนก�นไป็  แล&วิจ=ง

Page 7: ประวัติ แคลคูลัส

7

แที่นค�า  x

          โดย่ตร์งตามีวิ�ธิ�ที่��  1  ก>จะได&ค�าของล�มี�ต                                 

วั�ธี�ที่� 3  โดย่การ์ส�งย่#ค (conjugate)  ให้&ห้าต�วิป็ร์ะกอบมีาค�ณิที่�-งเศษและส�วิน            เพื้,�อที่�าให้&ผู้ลห้าร์ง�าย่ข=-น  แล&วิจ=งแที่นค�า  x  ตามีวิ�ธิ�ที่�� 1 ก>จะได&ค�าของล�มี�ต

ติ�วัอย�าง  ก�าห้นดให้& f(x  =  2x  - 3  จงห้าค�าของ  (2x-3) 

            (2x-3)  =  (4-3)  =  1   

ติ�วัอย�าง  ก�าห้นด f(x) =      จงห้าค�าของ     f(x)         

 f(x)     =      [ ]  

                    =       ( x  + 3 )      =     3 + 3    =   6    

ติ�วัอย�าง จงห้าค�าของล�มี�ต  h(x) เมี,�อ h(x) =                 

  แที่นค�า x = 0  จะได&  h(x)  =      =     ให้&ใช&วิ�ธิ�ที่��   3  ให้มี�

     =         

                                 =         

                                 = 

Page 8: ประวัติ แคลคูลัส

8

                                 = 

                                 =                    

ควัามิติ�อเนื่��องของฟั�งก์�ชั�นื่ที่��   x  =  a   หร�อไมิ�   ?

นื่�ยามิ   เราจ์ะเร�ยก์ฟั�งก์�ชั�นื่  f  วั�ามิ�ควัามิติ�อเนื่��องที่��  a  ก์1ติ�อเมิ��อเง��อนื่ไขที่�-งสามิ                  ข(อนื่�-ติ(องเป#นื่จ์ร�ง

                   1)       f(a)     หาค�าได(

                   2)         f(x)      สามิารถหาค�าได(    และ

                   3)          f(x)     =        f(a)

 ถ(าฟั�งก์�ชั�นื่  f ขาดค3ณสมิบ�ติ�ข(อใดข(อหนื่4�ง (หร�อหลายข(อ) ในื่สามิข(อด�งก์ล�าวัแล(วั  จ์ะก์ล�าวัได(วั�า   "  f   ไมิ�มิ�ควัามิติ�อเนื่��องที่��    a  "

  . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . . . . . .  

ก์ารติรวัจ์สอบวั�าฟั�งก์�ชั�นื่  f  เป#นื่ฟั�งก์�ชั�นื่ติ�อเนื่��องหร�อไมิ�ติ�อเนื่��องที่��  x =  a มิ�  3  ข�-นื่ติอนื่  ด�งนื่�-ข�-นื่ติอนื่ที่��   1      ตร์วิจสอบ      f(a)

 f(a)  ห้าค�าไมี�ได&  สร์#ป็ได&เลย่วิ�า  ฟิAงก�ช�น f   ไมี�ต�อเน,�องที่��  x  =  a   

 f(a)  ห้าค�าได&  ย่�งสร์#ป็ไมี�ได&   จะต&องที่�าข�-นตอนที่�� 2   ต�อข�-นื่ติอนื่ที่��   2      ตร์วิจสอบ         f(x)

Page 9: ประวัติ แคลคูลัส

9

     f(x)   ห้าค�าไมี�ได&  สร์#ป็ได&เลย่วิ�า   ฟิAงก�ช�น f  ไมี�ต�อเน,�องที่��  x  =  a

    f(x)  ห้ าค�าได&   ย่�งสร์#ป็ไมี�ได&   จะต&องที่�าข�-นตอนที่��   3   ต�อข�-นื่ติอนื่ที่��   3   ตร์วิจสอบ       f(x)   =   f(a)      ห้ร์,อไมี�  ถ&า    f(x)     f(a)  สร์#ป็ได&เลย่วิ�า  ฟิAงก�ช�น f  ไมี�ต�อเน,�องที่��  x  = a     ถ&า    f(x)  =  f(a)   สร์#ป็ได&เลย่วิ�า   ฟิAงก�ช�น f   ต�อเน,�องที่��  x  = a   

 ข(อส�งเก์ติ   ถ&าฟิAงก�ช�น  f ต�อเน,�องที่��  x  = a  แล&วิ  f(a)  =   f(x)  =  f(x)

 ถ&าฟิAงก�ช�น f ไมี�ต�อเน,�องที่��  x  = a   แล&วิ  f(a)    f(x)    f(x)

ติ�วัอย�าง    จงพื้�จาร์ณิาฟิAงก�ช�น   f(x)   เป็�นฟิAงก�ช�นต�อเน,�องที่��  x  =  2

ห้ร์,อไมี�

              f(x)      =                เมี,�อ     x    2                                     

         f(x)      =        2               เมี,�อ     x   =  2

      ข�-นตอนที่��   1      ตร์วิจสอบ      f(2)

         f(2)  =   2   ย่�งสร์#ป็ไมี�ได&       จะต&องที่�าข�-นตอนที่��   2   ต�อ

      ข�-นตอนที่��   2      ตร์วิจสอบ                     =  4   ย่�งสร์#ป็ไมี�ได&  จะต&องที่�าข�-นตอนที่��   3   ต�อ

Page 10: ประวัติ แคลคูลัส

10

      ข�-นตอนที่��   3   ตร์วิจสอบ        =      f(2)      ห้ร์,อไมี�                  f(2)    สร์#ป็ได&เลย่วิ�า  ฟิAงก�ช�น f (x) ไมี�ควิามีต�อเน,�องที่��   2       

ติ�วัอย�าง    จงพื้�จาร์ณิาฟิAงก�ช�น   f(x)   เป็�นฟิAงก�ช�นต�อเน,�องที่��  x  =  10

ห้ร์,อไมี�

              f(x)   =   x               ถ&า      0    x    10

         f(x)   =  10  +  0.9 ( x - 10 )  =   0.9 x  +  1  ถ&า 10  < x    

       ข�-นื่ติอนื่ที่��   1      ตร์วิจสอบ      f(10)

          f(10)    =   10  ย่�งสร์#ป็ไมี�ได&   จะต&องที่�าข�-นตอนที่��   2   ต�อ

      ข�-นื่ติอนื่ที่��   2      ตร์วิจสอบ                      =         =   10

             =      =     10   

            =       

         ด�งน�-น      = 10     ย่�งสร์#ป็ไมี�ได&   จะต&องที่�าข�-นตอนที่��   3   

ต�อ

      ข�-นื่ติอนื่ที่��   3    ตร์วิจสอบ      =      f(10)      ห้ร์,อไมี�            =      f(10)      =   10         

         สร3ปได(เลยวั�า     ฟั�งก์�ชั�นื่   f (x)    มิ�ควัามิติ�อเนื่��องที่��   10 

Page 11: ประวัติ แคลคูลัส

11

ก์ารหาอนื่3พี�นื่ธี�ของ�ฟั�งก์�ชั�นื่พี�ชัคณ�ติ (Differentiation   Algebraic

Function)

ฟั�งก์�ชั�นื่พี�ชัคณ�ติ      (Algebraic   Function)   

ห้มีาย่ถ=งฟิAงก�ช�นล�กษณิะ

 y   =    

   เมี,�อ  n  เป็�นจ�านวินจร์�ง                   

ก์ฎข(อที่��  1  เมี,�อ   y =   c   เมี,�อ c   เป็�นต�วิคงที่��    จะได&วิ�า         = 0        

ก์ฎข(อที่��  2   เมี,�อ   y  =  x  จะได&วิ�า            

ก์ฎข(อที่��  3   เมี,�อ  y  =  c f (x)  และ c  เป็�นต�วิคงที่��  จะได&วิ�า  

ก์ฎข(อที่��  4   เมี,�อ u,v,w เป็�นฟิAงก�ช�นของ x

               จะได&วิ�า   

ก์ฎข(อที่��  5   เมี,�อ y  เป็�นฟิAงก�ช�นของ     เมี,�อ n เป็�นจ�านวินตร์ร์ภย่ะ

                จะได&วิ�า   =

ก์ฎข(อที่�� 6   อน#พื้�นธิ�ของผู้ลค�ณิของฟิAงก�ช�น               ถ&า  y = f (x)   g(x)     เมี,�อ f (x)  และ  g(x)  เป็�นฟิAงก�ช�น

Page 12: ประวัติ แคลคูลัส

12

ที่��สามีาร์ถห้า  

              f '(x)  และ g '(x) ได&   แล&วิ     =   f (x) g '(x) + f '(x)   g(x)

ก์ฎข(อที่�� 7   อน#พื้�นธิ�ของผู้ลห้าร์ของฟิAงก�ช�น

              ถ&า y =   โดย่ที่��  f(x)  และ g(x)  เป็�นฟิAงก�ช�นที่��สามีาร์ถห้า

              f '(x)  และ   g '(x)   ได&   และ    g(x)       0    แล&วิ   

                   =  

ก์ฎข(อที่��   8     กฎล�กโซ�  (chain   rule )     

                  ถ&า   y   =    f    เมี,�อ   n   เป็�นจ�านวินตร์ร์ภย่ะ  และ                    f(x)   เป็�นฟิAงก�ช�นที่��สามีาร์ถห้า    f '(x)    ได&   แล&วิ   

                      =     n     f '(x)  

ติ�วัอย�างก์ารนื่&าก์ฎด�งก์ล�าวัไปใชั(หาอนื่3พี�นื่ธี�ฟั�งก์�ชั�นื่

1)  ก�าห้นดให้&               y    =      8        

               จะได&           =      0      

2)  ก�าห้นดให้&      y  =   5x       

       จะได&          =        =    5       =    5      

3)  ก�าห้นดให้&      y  =            

         จะได&          =          =    8        

Page 13: ประวัติ แคลคูลัส

13

4)  ก�าห้นดให้&      y   =          

        จะได&            =          

                           =         =       

                           =     

5)  ก�าห้นดให้&   y = 3  - 2 + 6x -19    จงห้า               

       =         -        +       -    

        =            -          +         -    0

        =     3 (3 )   -  2 ( 2x )   +   6  

        =    9    -   4 x  +  6

6)    ถ&าก�าห้นด     y   =   (x+3) (2x -3)     จงห้า    

      y      =    (x+3) (2x -3)  

         =     f (x)   g '(x)   +   f '(x)     g(x)

             =     (x+3) (2)  +   1 (2x - 3)

             =    2x + 6 + 2x  -  3         =    4x  +  3

7)    ถ&า   y   =       จงห้า     

 ก�าห้นดให้&   y =      โดย่ที่�� f (x)=  +  5   และ  g(x) =

Page 14: ประวัติ แคลคูลัส

14

ด�งน�-น      f ' (x)    =   3       และ    g '(x)    =    

        =    

             =      

             =        

             =         

8)       ถ&า   y   =       จงห้า     

ก�าห้นดให้&                  y   =       เมี,�อ     f (x)  =        +  5    

 เพื้ร์าะฉะน�-น        f ' (x)    =   2x

                    =     3         f ' (x)   

                         =     3      f ' (x)  

                         =      6 x    

Page 15: ประวัติ แคลคูลัส

15

ก์ารหาค�าอนื่3พี�นื่ธี�ของฟั�งก์�ชั�นื่ที่��อย��ในื่ร�ปค�าส�มิบ�รณ�

พื้,-นฐานที่��ผู้�&เร์�ย่นควิร์มี�1.  การ์เข�ย่นกร์าฟิของค�าส�มีบ�ร์ณิ�2.  วิ�ธิ�ป็ลดค�าส�มีบ�ร์ณิ�   โดย่ใช&ควิามีจร์�งของค�าส�มีบ�ร์ณิ�

     กร์ณิ�แร์ก                      =               เมี,�อ                0     กร์ณิ�สอง                      =      -        เมี,�อ             <   0

   ติ�วัอย�าง     ก�าห้นดให้&       y    =           จงห้า                        

                  จากที่��ก�าห้นดให้&  พื้บวิ�า          >    0        แน� ๆ

      ควิามีจร์�งของค�าส�มีบ�ร์ณิ�          =            เมี,�อ       >   0

                 จะได&        y     =            =        

                 ด�งน�-น              =           =    2 x

วิ�เคร์าะห้�กร์าฟิของ     y    =          

                       

Page 16: ประวัติ แคลคูลัส

16

จากร์�ป็  จะเห้>นได&วิ�าไมี�เก�ดการ์ห้�กมี#มี  แสดงวิ�าสามีาร์ถห้า       ได&ที่#กค�าของ  x

  ติ�วัอย�าง     ก�าห้นดให้&       y    =           จงห้า                        

                  จากที่��ก�าห้นดให้&  พื้บวิ�า     (  )   >    0        

                                   แสดงวิ�า     -  (  )    <    0        

      ควิามีจร์�งของค�าส�มีบ�ร์ณิ�          =    -          เมี,�อ       <   0

             y     =          =   - [ - (  ) ]    =   

      ด�งน�-น              =           =    2 x

วิ�เคร์าะห้�กร์าฟิของ       y    =      

              

จากร์�ป็  จะเห้>นได&วิ�าไมี�เก�ดการ์ห้�กมี#มี  แสดงวิ�าสามีาร์ถห้า       ได&ที่#กค�าของ  x

 ติ�วัอย�าง       ก�าห้นดให้&      f(x)    =          จงห้าค�าของ                        

Page 17: ประวัติ แคลคูลัส

17

        จากควิามีจร์�งของค�าส�มีบ�ร์ณิ�

         กร์ณิ�แร์ก             =          เมี,�อ              0

        กร์ณิ�สอง             =   -        เมี,�อ          <   0

   จะได&  กร์ณิ�ที่��ห้น=�ง    f(x)  =        =        เมี,�อ   x   0                                    

            กร์ณิ�ที่��สอง   f(x)  =        =  -      เมี,�อ   x  <   0   

 ก์รณ�ที่��หนื่4�ง      =         =    2 x    =  2(x)    เมี,�อ  x   0        

 ก์รณ�ที่��สอง       =     =  - 2 x   =  2 (- x)  เมี,�อ  x  < 0        

 จากกร์ณิ�ที่�-ง 2  กร์ณิ�   จะได&         =     

 พื้�จาร์ณิาจากกร์าฟิ         f(x)    =      

   

จะเห้>นวิ�า  เส&นกร์าฟิไมี�เก�ดการ์ห้�กมี#มี   แสดงวิ�าสามีาร์ถห้า       ได&ที่#กค�าของ    x

Page 18: ประวัติ แคลคูลัส

18

 ติ�วัอย�าง      ก�าห้นดให้&    y   =    f(x)    =           จงห้าค�าของ    

จากควิามีจร์�งของค�าส�มีบ�ร์ณิ�

   กร์ณิ�แร์ก                 =               เมี,�อ          0

    กร์ณิ�สอง                =      -        เมี,�อ      <   0       

จะได&  กร์ณิ�แร์ก   y  =  f(x) =       =     - 4   เมี,�อ  -  4    0

      กร์ณิ�สอง   y  =  f(x)  =       =   4 -      เมี,�อ  -  4 <  0

แสดงวั�า     

   กร์ณิ�แร์ก        =       =  2 x  

          เมี,�อ   x         จร์�งห้ร์,อไมี�

  กร์ณิ�สอง       =      =  - 2 x    เมี,�อ   x    

พื้�จาร์ณิาจากกร์าฟิ    y   =    f(x)    =           เป็�นด�งน�-

             

 จากกร์าฟิ  จะเห้>นได&วิ�าเก�ดการ์ห้�กมี#มีที่��    x  =  -2     และ    x  =   2   

Page 19: ประวัติ แคลคูลัส

19

แสดงวิ�า             และ          ห้าค�าไมี�ได&

ด�งน�-น            =            เมี,�อ    x      2

สามีาร์ถค�ดล�ดได&ด�งน�-

ถ&า   y  =     แล&วิ     =  g' (x)    เมี,�อ  g(x)    0

ถ&า  y  =      แล&วิ    =      เมี,�อ  x       2

 ด�งน�-น     =                     เมี,�อ      x           2

ติ�วัอย�าง      ก�าห้นดให้&    y   =    f(x)    =           จงห้าค�าของ    

สามีาร์ถค�ดล�ดได&ด�งน�-

ถ&า   y  =     แล&วิ     =   g' (x)    เมี,�อ    g(x)      0

ถ&า  y  =     แล&วิ   =        เมี,�อ    5x - 7      0 

 ด�งน�-น       =                            เมี,�อ      x         

 ติ�วัอย�าง      ก�าห้นดให้&    y   =    f(x)    =           จงห้าค�าของ       

Page 20: ประวัติ แคลคูลัส

20

สามีาร์ถค�ดล�ดได&ด�งน�-

ถ&า   y  =     แล&วิ      =   g' (x)     เมี,�อ  g(x)    0

ถ&า   y  =      แล&วิ     =     =     เมี,�อ  x    0 

 ด�งน�-น        =         เมี,�อ   x       0    ห้ร์,อเข�ย่นได&วิ�า    3 x

ก์ฎล�ก์โซ� (Chain rule) ก์�บอนื่3พี�นื่ธี�ของ ฟั�งก์�ชั�นื่คอมิโพีส�ที่

กฎล�กโซ�   ค,อกฏที่��ใช&ในการ์ห้าอน#พื้�นธิ�ของ"ฟิAงก�ช�นคอมีโพื้ส�ที่"  

   ถ&า     y   =        =     g(f(x))       แล&วิ

          =      

        ก์ารปร�บส�ติรใหมิ�ให(ด�ง�าย      

  ถ&าให้&       u   =   f(x)    แล&วิ                    y    =        =     g(f(x))      =    g(u)

Page 21: ประวัติ แคลคูลัส

21

   จาก         =    

   จะได&       =     

 จาก        u     =   f(x)       แล&วิ       y    =        g(u)

  ด�งน�-น        =        

ก์ารปร�บส�ติรใหมิ�ให(ด�ง�าย อ�ก์ร�ปแบบหนื่4�ง

 ถ&า   y   =    f    เมี,�อ   n   เป็�นจ�านวินตร์ร์ภย่ะ  และ      f(x)   เป็�นฟิAงก�ช�นที่��สามีาร์ถห้า    f '(x)    ได&   แล&วิ   

                       =     n     f '(x)

ติ�วัอย�าง       ถ&า   y   =       จงห้า     

ก�าห้นดให้&     y     =       เมี,�อ     f (x)  =        +  5    

    เพื้ร์าะฉะน�-น        f ' (x)    =   2x

         =     3         f ' (x)   

              =     3      f ' (x)  

              =      6 x    

Page 22: ประวัติ แคลคูลัส

22

อนื่3พี�นื่ธี�ในื่ที่างเรขาคณ�ติควัามิชั�นื่และเส(นื่ส�มิผั�สของเส(นื่โค(ง

ก�าห้นดให้&   y  =  f(x)  เป็�นสมีการ์ของเส&นโค&งใด ๆ  เส&นส�มีผู้�สโค&ง   y  = f(x) ที่��จ#ด    ใด ๆ  ค,อ  เส&นตร์งที่��ผู้�านจ#ด

  และมี�ควิามีช�นเที่�าก�บ  f '(x)  ห้ร์,อ    |  x =  

         

ควิามีช�นของเส&นส�มีผู้�สเส&นโค&งที่��จ#ด ใด ๆ ห้มีาย่ถ=งควิามีช�นของเส&นโค&ง ที่��จ#ดน�-น ๆ 

 

 พี�-นื่ฐานื่ควัามิร�(ของผั�(เร�ยนื่

1.   ควิามีช�นของเส&นตร์ง  (m)  ที่��ผู้�านจ#ด      และ   

           จะได&         m     =             =     

2.   ให้&เส&นตร์ง   และ     มี�ควิามีช�นเป็�น    และ      ตามีล�าด�บ      เส&นตร์ง     จะขนานก�บเส&นตร์ง     ก>ต�อเมี,�อ          =      

      เส&นตร์ง   จะต�-งฉากก�บเส&นตร์ง      ก>ต�อเมี,�อ        =  -1

Page 23: ประวัติ แคลคูลัส

23

3.  สมีการ์เส&นตร์งที่��วิไป็  y -  = m   เมี,�อผู้�านจ#ด  และมี�ควิามีช�น  m 

ก์ารหาสมิก์ารของเส(นื่ส�มิผั�สเส(นื่โค(ง   และสมิก์ารของเส(นื่ติรงที่��ติ�-งฉาก์ก์�บเส(นื่ส�มิผั�ส

ติ�วัอย�าง จงห้าจ#ดบนเส&นโค&ง  y =     ที่��มี�ควิามีช�นของเส&นส�มีผู้�สเที่�าก�บ  1

                        y       =      

จะได&                    =   2x  - 3       

ห้าค�า    x     ที่��ที่�าให้&          =     1    

 จะได&            2 x   -  3       =       1

                              x      =        2

น�าค�า  x  แที่นใน  y  จะได&  y    =      -  3(2)   -   4

                              y     =      - 6

ด�งน�-น   จ#ดบนเส&นโค&ง    y   =     

  ที่��มี�ควิามีช�นของเส&นส�มีผู้�สเที่�าก�บ   1   ค,อ   ( 2 , - 6) 

ติ�วัอย�าง  ก�าห้นดให้&เส&นตร์ง  L   มี�ควิามีช�น 2   และส�มีผู้�สเส&นโค&ง  y  =

 +2  แล&วิ

          จงห้าสมีการ์เส&นตร์ง    L

Page 24: ประวัติ แคลคูลัส

24

 จากที่��ก�าห้นด     y      =       +  2

                         =     2 x  

 เส&นตร์ง    L    มี�ควิามีช�น    2     และส�มีผู้�สเส&นโค&ง    y   =     +  2

       จะได&               =    2

                      2 x      =     2

                         x      =      1

   น�าค�า    x   แที่นใน   y      จะได&      y    =     +  2

                                               y    =     3

   จะได&   จ#ด ( 1 , 3 )   เป็�นจ#ดส�มีผู้�ส      

ด�งน�-น   สมีการ์เส&นตร์ง L ค,อ (y -3 ) =  2( x -1 )  ห้ร์,อ  y =   2 x + 1

อนื่3พี�นื่ธี�แบบอ�มิปล�ส�ติ     (Implicit Differentiation)

การ์ห้าอน#พื้�นธิ�แบบอ�มีป็ล�ส�ตเป็�นวิ�ธิ�ห้น=�งที่��ใช&การ์ห้าอน#พื้�นธิ�           จากสมีการ์ที่��อย่��ในร์�ป็    f(x,y)  =  0

โดย่ที่��   f ( x , y )  เป็�นน�พื้จน�ของต�วิแป็ร์   x    และ   y  

 ซ=�งสมีการ์น�-ในบางคร์�-งเป็�นการ์ย่ากที่��จะเข�ย่นให้&อย่��ในร์�ป็   y  =  g(x)  ได&  

Page 25: ประวัติ แคลคูลัส

25

 ด�งน�-นจ=งเก�ดการ์ห้าอน#พื้�นธิ�แบบอ�มีป็ล�ส�ตข=-น

 ห้ล�กในการ์ห้า       จากสมีการ์   f (x,y)  = 0  แบบอ�มีป็ล�ส�ตน�-นมี�อย่��วิ�า

จะต&องถ,อวิ�าต�วิแป็ร์ y   ในสมีการ์น�-ที่#กต�วิก>เป็�นฟิ7งก�ช�นของ    x    

ด�งน�-น  การ์ห้าอน#พื้�นธิ�ของพื้จน�ที่��มี�ต�วิแป็ร์  y  จะต&องใช&กฎล�กโซ�   ค,อ

 จะต&องค�ณิผู้ลล�พื้ธิ�   จากการ์ห้าอน#พื้�นธิ�ด&วิย่    เสมีอ   ด�งต�วิอย่�าง          ด�งน�-   

 ติ�วัอย�าง      จงห้า        จากสมีการ์          =    0   

วิ�ธิ�ที่�า                                      =    0   

    จากการ์ห้าอน#พื้�นธิ�ของ    y    เที่�ย่บก�บต�วิแป็ร์    x     จะได&วิ�า

          2 x   +   2 y   -  0  =     0

                         2 y        =    -  2 x

 เพื้ร์าะฉะน�-น                        =       =     

ติ�วัอย�าง    จากสมีการ์     =    0     จงห้า   

วั�ธี�ที่&า                         =    0  

จากการ์ห้าอน#พื้�นธิ�ของ    y    เที่�ย่บก�บ    x     จะได&วิ�า

  2 x   +  2 y   -  2  +  2    +   0   =      0

Page 26: ประวัติ แคลคูลัส

26

              2 y     +     2               =      2   -   2 x

                            (  2 y  +  2 )         =       2   -   2 x

                                                        =                

                                                             =         

ติ�วัอย�าง  สมีการ์     =  0  จงห้า   เมี,�อ x =

                     =      0       

     8 x  +   18 y   -  0     =      0

                                       =      =   

                ถ&า    x   =         แล&วิ   y     =     

ที่��จ#ด  (  , )  จะได&วิ�า     =     =   

ที่��จ#ด  ( , )จะได&วิ�า  =        =   

อนื่3พี�นื่ธี�อ�นื่ด�บส�ง

Page 27: ประวัติ แคลคูลัส

27

ก�าห้นดให้&     y   =  f(x)     และ     f ' (x)     เป็�นอน#พื้�นธิ�ของ   f(x)   ที่��  x  ใด ๆ ซ=�งสามีาร์ถห้าอน#พื้�นธิ�ได&จะเร์�ย่กอน#พื้�นธิ�ของอน#พื้�นธิ�ของ f(x)  ที่��  x ใด ๆ วิ�า                      อน#พื้�นธิ�ของอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��  2  ของ f(x)  ที่��  x  ใด ๆ

เข�ย่นแที่นด&วิย่ส�ญล�กษณิ�    f ' ' (x)   ห้ร์,อ            ในที่�านองเด�ย่วิก�น

อน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��  3  ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ วิ�าเป็�น                       อน#พื้�นธิ�ของอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��  2  ของ  f(x)  ที่��  x  ใด ๆ . . .  

  สร3ปได(วั�า   อน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��  n  ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ                        เป็�นอน#พื้�นธิ�ของอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��   n - 1   ด�งน�-

 f ' (x)    =          แที่นอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��   1  ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ

f '' (x)    =          แที่นอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��   2  ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ

f ''' (x)    =          แที่นอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��   2  ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ

 f '''' (x)  =          แที่นอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��   2  ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ

.  .  .

   =          แที่นอน#พื้�นธิ�อ�นด�บที่��   n   ของ   f(x)  ที่��  x  ใด ๆ 

 ติ�วัอย�าง  จงห้าอน#พื้�นธิ�ที่�-งห้มีดของฟิAงก�ช�น  f  ซ=�ง  f(x)  =

Page 28: ประวัติ แคลคูลัส

28

                 f ' (x)        =      

                f ' ' (x)        =      

                  f ' ' '(x)      =      192 x   +   30

                         =      192

                          =        0

                         =        0       เมี,�อ  n  5

บที่ประย3ก์ติ�อนื่3พี�นื่ธี�ของฟั�งก์�ชั�นื่    ติอนื่  1     

1)  ค�าส�งส#ดและต��าส#ดของฟิAงก�ช�น  (Maximum and minimum values  of   function)

นื่�ยามิ  ฟิAงก�ช�น f  มี�ค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ� ณิ  ที่��  x = c  

        ถ&าในช�วิงเป็:ดมี�ค�า c ที่��ที่�าให้&  f(c)  f(x)  ส�าห้ร์�บที่#ก ๆ  ค�า   x   ในช�วิงเป็:ดน�-

                         ถ&า  f '(x) >0   เมี,�อ x  น&อย่กวิ�า c เล>กน&อย่แต�   f '(x) < 0  เมี,�อ x  มีากกวิ�า c เล>กน&อย่    แล&วิฟิAงก�ช�น f มี�ค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�  ที่�� x  =  c   และค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�เที่�าก�บ f(c) 

Page 29: ประวัติ แคลคูลัส

29

นื่�ยามิ    ฟิAงก�ช�น f  มี�ค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�   ณิ   ที่��     x   =   c

 ถ&าในช�วิงเป็:ดมี�ค�า c ที่��ที่�าให้&  f(c)  f(x)  ส�าห้ร์�บที่#ก ๆ  ค�า x   ในช�วิงเป็:ดน�-      

                    ถ&า f '(x)<0  เมี,�อ x  น&อย่กวิ�า c เล>กน&อย่ แต� f '(x)> 0

เมี,�อ x มีากกวิ�า c เล>กน&อย่ แล&วิฟิAงก�ช�น f  มี�ค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�ที่�� x = c   และค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�เที่�าก�บ f(c) 

นื่�ยามิ    ถ&า  c   เป็�นจ�านวินในโดเมีนของฟิAงก�ช�น   f    และถ&า   f ' (c)   = 0                                                             ห้ร์,อ   f ' (c)   ห้าค�าไมี�ได& จะเร์�ย่ก c  วิ�าเป็�นค�าวิ�กฤตของฟิAงก�ช�น  f  และจ#ด   (c , f(c) )

               บนกร์าฟิของ   f   ถ�กเร์�ย่กวิ�า   จ#ดวิ�กฤตของกร์าฟิของ   f     เมี,�อที่ร์าบวิ�า  f ' (c)  = 0   แสดงวิ�า  c  เป็�นค�าวิ�กฤตของฟิAงก�ช�น  ให้&ร์ะวิ�งด�งน�-

1.   c   อาจ์เป#นื่ค�าวั�ก์ฤติที่��ที่&าให(ฟั�งก์�ชั�นื่มิ�ค�าส�งส3ดส�มิพี�ที่ธี�  

Page 30: ประวัติ แคลคูลัส

30

                     

 ถ&ากร์าฟิเป็�นร์�ป็ควิ��าลง แล&วิ f '' (x) < 0   แสดงวิ�า  f ''(c) < 0   ด&วิย่  

2.   c  อาจ์เป#นื่ค�าวั�ก์ฤติที่��ที่&าให(ฟั�งก์�ชั�นื่มิ�ค�าติ&�าส3ดส�มิพี�ที่ธี�  

                     

 ถ&ากร์าฟิเป็�นร์�ป็ห้งาย่ข=-น  แล&วิ f '' (x) >  0 แสดงวิ�า  f ''(c) > 0  ด&วิย่

  3.  c  อาจ์เป#นื่ค�าวั�ก์ฤติที่��ไมิ�ได(ที่&าให(ฟั�งก์�ชั�นื่มิ�ค�าส�งส3ดส�มิพี�ที่ธี�หร�อค�าติ&�าส3ดส�มิพี�ที่ธี�    เช�น         

                            

      

                

   

    ติ�วัอย�าง ก�าห้นดให้&  f(x)  =   อย่ากที่ร์าบวิ�าฟิAงก�ช�นมี�ค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�ที่��ใด  และมี�ค�าเที่�าใด  

Page 31: ประวัติ แคลคูลัส

31

                 f (x)      =                        f '(x)     =    

   ให้&        =    0    จะได&ค�าวิ�กฤตของฟิAงก�ช�น   x  =  

  ติรวัจ์สอบจ์3ดติ&�าส3ดและจ์3ดส�งส3ดส�มิพี�ที่ธี�       

             f ' '(x)  =      =    -12 x

   น�าค�าวิ�กฤตของฟิAงก�ช�น    x =      แที่นค�าใน     f ' '(x)    

 จะได&     f ' '(   )    =       <    0

และ   f ' '(     )    =       >    0    

     แสดงวิ�าที่��   x   =         จะเป็�นจ#ดส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�

  ด�งน�-นฟิAงก�ช�นมี�ค�า ส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�ที่��    x    =       

 ฟิAงก�ช�นมี�ค�า ส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�      =      f ( )

                                  =         =     

 

ติ�วัอย�าง  ก�าห้นดให้&  f(x)  =     แล&วิ อย่ากที่ร์าบวิ�าที่��จ#ด  x  = 2             จะที่�าให้&ฟิAงก�ช�นมี�ค�าเที่�าไร์

Page 32: ประวัติ แคลคูลัส

32

               จาก         f(x)      =                                           f ' (x)     =     

 แที่นค�า   x    =   2     ใน   f ' (x)    

        จะได&      f ' (2)     =           =   0

              แสดงวิ�า     x    =   2     เป็�นค�าวิ�กฤตของฟิAงก�ช�น

  ติรวัจ์สอบจ์3ดติ&�าส3ดและจ์3ดส�งส3ดส�มิพี�ที่ธี�        f ' ' (x)       =         แที่นค�า   x    =   2   ใน   f ' ' (x)    

                 f ' ' (2)     =      =    48    มี�ค�ามีากกวิ�า    0           แสดงวิ�าที่��     x    =   2     จะเป็�นจ#ดต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�

 ฟิAงก�ช�นมี�ค�า ต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ� =  f(2)  =  =  -15                                            

ค�าส�งส3ดส�มิบ�รณ�และค�าติ&�าส3ดส�มิบ�รณ�

นื่�ยามิ    ฟิAงก�ช�น   f    มี�ค�าส�งส#ดส�มีบ�ร์ณิ�บนช�วิงห้น=�งช�วิงใด   ถ&ามี�จ�านวิน   c   ที่��อย่��ในช�วิงน�-นซ=�ง  f(c)    f(x)   ส�าห้ร์�บที่#ก ๆ ค�า x  ในช�วิงน�-น   กร์ณิ�เช�นน�-    f(c)   เป็�นค�าส�งส#ดส�มีบ�ร์ณิ�ของ   f    บนช�วิงน�-น

นื่�ยามิ    ฟิAงก�ช�น   f    มี�ค�าต��าส#ดส�มีบ�ร์ณิ�บนช�วิงห้น=�งช�วิงใด   ถ&ามี�จ�านวิน   c   ที่��อย่��ในช�วิงน�-นซ=�ง  f(c)    f(x)  ส�าห้ร์�บที่#ก ๆ  ค�า x  ในช�วิงน�-น  กร์ณิ�เช�นน�-    f(c)   เป็�นค�าต��าส#ดส�มีบ�ร์ณิ�ของ   f    บนช�วิงน�-น

นื่�ยามิ     f(c)   เป็�นค�าส�งส#ดส�มีบ�ร์ณิ�ของ ฟิAงก�ช�น   f    ถ&า  c  อย่��ในโดเมีนของ   f

Page 33: ประวัติ แคลคูลัส

33

  และถ&า   f(c)    f(x)   ส�าห้ร์�บที่#ก ๆ  ค�า   x   ในโดเมีนของ   f  นื่�ยามิ     f(c)   เป็�นค�าต��าส#ดส�มีบ�ร์ณิ�ของ ฟิAงก�ช�น   f    ถ&า  c  อย่��ในโดเมีนของ   f   และถ&า   f (c)    f(x)   ส�าห้ร์�บที่#ก ๆ  ค�า   x   ในโดเมีนของ   f

 ค�าส�งส3ดส�มิบ�รณ�ค�อ  ค�าส�งส3ดจ์ร�ง ๆ              ค�าติ&�าส3ดส�มิบ�รณ�ค�อ  ค�าติ&�าส3ดจ์ร�ง ๆ

ห้ล�กส�ตร์มี�ธิย่มีศ=กษาตอนป็ลาย่  ค�าส�งส#ดมี�กจะเป็�นค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�  และค�าต��าส#ดมี�กจะเป็�นค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�

ก์ารก์&าหนื่ดค�าส�งส3ดส�มิบ�รณ� และค�าต��าส#ดส�มีบ�ร์ณิ�ของฟิAงก�ช�นต�อเน,�อง f

ช�วิงป็:ด [a,b]   

        มี�ข� -นตอนด�งน�-        1.   ห้าค�าของฟิAงก�ช�นที่��จ#ดวิ�กฤตของ   f   บนช�วิงป็:ด    [a , b]

        2.   ห้าค�า   f(a)   และ    f(b)

        3.   ค�ามีากที่��ส#ดจากข&อที่��  1  และข&อที่��  2  เป็�นค�าส�งส#ดส�มีบ�ร์ณิ�              ค�าน&อย่ที่��ส#ดจากข&อที่��  1  และข&อที่��  2  เป็�นค�าต��าส#ดส�มีบ�ร์ณิ�

บที่ประย3ก์ติ�ค�าส�งส3ดและค�าติ&�าส3ดหล�ก์ก์ารพี�จ์ารณาหาค�าติ&�าส3ดและค�าส�งส3ด

1.  อ�านโจที่ย่�ให้&ละเอ�ย่ด   ค&นห้าป็ร์�มีาณิที่��โจที่ย่�ถามีห้าค�าต��าส#ดห้ร์,อค�าส�งส#ด      แล&วิสมีมี#ต�ให้&เป็�น   y   เป็�นต�วิป็ร์�มีาณิที่��โจที่ย่�ถามีห้าค�าต��าส#ดห้ร์,อค�าส�งส#ด

2.   สมีมี#ต�ให้&  x เป็�นต�วิเป็ล��ย่นต&นที่��แที่นป็ร์�มีาณิที่��ที่�าให้&  y  เป็ล��ย่นแป็ลง

Page 34: ประวัติ แคลคูลัส

34

3.  ให้&สถานการ์ณิ�ได&วิ�า    y   =   f(x)

4.  ด�าเน�นการ์ตามีข�-นตอนในการ์ห้าค�าต��าส#ดห้ร์,อค�าส�งส#ดของฟิAงก�ช�น   

     4.1 การ์ห้าค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�  และค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�โดย่ใช&   และ  เข&าช�วิย่

               -  ห้า       

              -   ให้&        =   0    แก&สมีการ์                    ห้าค�า  x  สมีมี#ต�ให้&   x   =  c  "ค�าวิ�กฤต"   ตร์วิจสอบต�อด�งน�-   

    ถ&า     /  x  =  c   <   0   (c, f(c) )  

    เป็�นจ#ดส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�และฟิAงก�ช�นมี�ค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�  =   f (c)

    ถ&า     /  x  =  c   >  0  (c, f(c) )  

    เป็�นจ#ดต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�และฟิAงก�ช�นมี�ค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�  =   f (c)

   

 4.2   ห้าค�าส�งส#ดส�มีพื้�ที่ธิและจ#ดต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�  โดย่ใช&กร์าฟิ

ติ�วัอย�าง  สนามีร์�ป็ส��เห้ล��ย่มีผู้,นผู้&าซ=�งมี�พื้,-นที่��  2700  ตาร์างเมีตร์   ต&องการ์ล&อมีร์�-วิโดย่ร์อบและ ร์� -วิแบ�งคร์=�งสนามี    ซ=�งร์� -วิส�าห้ร์�บแบ�งคร์=�งสนามีร์าคาเมีตร์ละ 80   บาที่ ส�วินร์�-วิโดย่ร์อบ สนามีร์าคาเมีตร์ละ 120 บาที่ จงห้าขนาดของสนามีซ=�งจะ

Page 35: ประวัติ แคลคูลัส

35

เส�ย่ค�าร์� -วิน&อย่ที่��ส#ด

 วิ�ธิ�ที่�า   ให้&สนามีย่าวิ   x  เมีตร์          และกวิ&าง    y   เมีตร์         ให้&ค�าที่�าร์� -วิที่�-งห้มีดเป็�น     f(x)

 ด�งน�-น     f(x)    =    120 ( 2 x + 2 y )  +   80  y                           =     240 x  +  320 y   แต�พื้,-นที่��สนามีที่�-งห้มีดเที่�าก�บ    2700    ตาร์างเมีตร์   เพื้ร์าะฉะน�-น           x y       =         2700

                             y       =         

  น��นค,อ                   f(x)    =        240 x  +  320  

     x  ต&องอย่��ในช�วิง  ( 0 ,  + )    และ  f ต�อเน,�องตลอดช�วิงน�-

        f '(x)      =        240   -   

   ให้&    f '(x)     =           0       

    240   -        =           0

           =           0

                                =          3600

                      x          =         60

ด�งน�-น  60   เป็�นค�าวิ�กฤตของ  f  ใช&อน#พื้�นธิ�อ�นด�บ  2   ที่ดสอบวิ�า    f(60)     เป็�นค�าต��าส#ดห้ร์,อไมี�

   f '' (x)   =         ซ=�งมี�ค�ามีากกวิ�า      0

Page 36: ประวัติ แคลคูลัส

36

แสดงวิ�า  f(60)

 เป็�นค�าต��าส#ดส�มีพื้�ที่ธิ�ของ  f ซ=�งมี�เพื้�ย่งค�าเด�ย่วิใน  (0, )

เพื้ร์าะวิ�าสนามีมี�พื้,-นที่��เที่�าก�บ   x y    =    2700   

                           ถ&า    x   =   60     จะได&    y    =    45

 ด�งน�-นสนามีจะต&องกวิ&าง 45  เมีตร์ ย่าวิ 60  เมีตร์  จ=งจะเส�ย่ค�าร์� -วิน&อย่ที่��ส#ด