ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

25
ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 1

Upload: exlibris

Post on 22-Jul-2016

229 views

Category:

Documents


3 download

DESCRIPTION

 

TRANSCRIPT

Page 1: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 1

Page 2: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

2 จูเลียน บารนส

Page 3: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 3

ไลตเฮาส พับลิชชิ่ง1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

Page 4: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

4 จูเลียน บารนส

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

เรื่อง จูเลียน บารนส

แปล โตมร ศุขปรีชา

บรรณาธิการบริหาร รังสิมา ตันสกุล

บรรณาธิการอํานวยการ ‘คนเฝาประภาคาร’

ออกแบบปก Ideogram Creative

ศิลปกรรม จีรวรรณ มั่นคง

ขอมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแหงชาติ

จูเลียน บารนส

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง - The Sense of an Ending -

กรุงเทพฯ : ไลตเฮาส, 2556, 180 หนา

1.วรรณกรรมอังกฤษ I. โตมร ศุขปรีชา, ผูแปล II. ชื่อเรื่อง.

ISBN 978-616-90076-9-2

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง : ผลงานลําดับที่ 9

พิมพครั้งแรก : พ.ศ. 2556

ไลตเฮาส พับลิชชิ่ง

1 ถนนรองเมือง 5 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

พิมพที่ : บริษัท ออฟเซ็ทพลัส จํากัด โทรศัพท 0-2461-2161-4

จัดจําหนายโดย : บริษัท เอ-บุค ดิสทริบิวชั่น จํากัด

โทรศัพท 0-2968-9337 โทรสาร 0-2968-9511

The Sense of an Ending

Thai Language Translation Copyright 2013 by Lighthouse Publishing

Published by arrangement with Intercontinental Literary Agency Ltd.

of Centric House, 390-391 Strand, London WC2R 0LT

acting in conjunction with United Agents

of 12-16 Lexington Street, London, W1F 0LE

All Rights Reserved

Page 5: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 5

ณ ที่สิ้นสุดของสิ่งหนึ่งมักมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเปนผลสืบเนื่องกันเสมอ

เสมือนการสลับสับเปลี่ยนระหวางความมืดมนอนธการและความ

สวางเรืองบนเวิ้งฟา

ไลตเฮาส พับลิชชิ่งเชื่อวาการเกิดขึ้นและสิ้นสุดของแตละสิ่ง

ลวนมีเหตุผลและความหมายในตัวเอง

Page 6: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

6 จูเลียน บารนส

Page 7: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 7

แด แพ็ท

Page 8: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

8 จูเลียน บารนส

Page 9: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 9

หนึ่ง

Page 10: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

10 จูเลียน บารนส

Page 11: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 11

ผมจดจําได ไมเรียงตามลําดับ ตามนี้

- ความวับวาวของขอมือดานใน

- ไอน้ําผุดพลุงขึ้นจากอางชื้นๆ เมื่อกระทะรอนๆ ถูกโยนลงไปใน

นั้นและสงเสียงฉา

- กลุมกอนของน้ํารักหมุนวนลงไปในรูทอระบายน้ํา กอนไหลลื่น

ลงไปตามความยาวของบานทรงสูงจนสุดทาง

- น้ําในแมน้ําสายหนึ่งไหลทวนขึ้นอยางไรเหตุผล คลื่นและการ

ชะลางสวางเรืองเพราะลําแสงไฟฉายไลลาราวครึ่งโหล

- แมน้ําอีกสายหนึ่ง กวางและมีสีเทา ทิศทางการไหลถูกอําพราง

จากลมแรงปนปวนผิวน้ํา

- น้ําในอางอาบน้ําหลังประตูถูกทิ้งไวเปนเวลานานจนเย็นเฉียบ

สิ่งสุดทายนี้ผมไมไดเห็นเอง ทวาสิ่งซึ่งคุณจดจําไดในทายท่ีสุด

อาจไมใชสิ่งเดียวกับที่คุณเห็นเสมอไป

เรามีชีวิตอยูในกาลเวลา _ มันเหนี่ยวร้ังและปนเรา _ แตผมไมเคยรูสึก

วาเขาใจมันดีนัก ผมไมไดกําลังอางถึงทฤษฎีวาเวลาหักเหยอนกลับหรือ

ดํารงอยูอีกหนแหงหนึ่งในโลกคูขนาน ไม ผมหมายถึงเวลาธรรมดาๆ ใน

ทุกๆ วัน ซึ่งนาิกาแขวนและนาิกาขอมือคอยรับรองเราวามันผานไป

ตามปกติ ติ๊กตอ็ก ติ๊กต็อก มีสิ่งใดนาเชื่อถือมากกวาเข็มวินาทีอีกเลา แต

กระนั้น เพียงความสําราญหรือปวดราวอันเล็กนอยที่สุดก็เพียงพอแลวที่

Page 12: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

12 จูเลียน บารนส

จะสอนเราวากาลเวลานั้นผันแปรไดงายนัก บางอารมณทําใหเวลาเดิน

เรว็ บางอารมณทาํใหเวลาเดนิชา บางคราวกด็เูหมอืนกาลเวลาเลอืนหาย _ กระทั่งถึงจุดสุดทาย มันก็ลับหายไปจริงๆ ไมหวนคืน

ผมไมคอยสนใจการเรียนในโรงเรียนเทาไรและไมรูสึกถวิลหาอดีตใดๆ

ทวาโรงเรียนคือที่ที่ทุกสิ่งเร่ิมข้ึน ดังนั้นผมจึงจําตองหวนระลึกโดยยอถึง

เหตุการณสองสามอยางซ่ึงกลายเปนเกร็ดเร่ืองราว กลายเปนความทรง

จําหยาบๆ เลาๆ ซึ่งกาลเวลาไดบิดรูปใหมันกลายเปนความแนนอน แม

ผมไมอาจแนใจไดอกีตอไปวาเหตกุารณจรงิเปนเชนไร แตอยางนอยทีส่ดุ

ผมก็ยังซื่อสัตยตอรอยประทับที่ขอเท็จจริงเหลานั้นทิ้งเอาไว ผมทําไดดี

ที่สุดเพียงนั้น

เรามีดวยกันสามคน เขาทําใหเรากลายเปนสี่ เราไมมาดหมายจะเพิ่ม

ตวัเลขใหกลุมสมาชกิอนันอยนดิของเรา การจบัคูจบักลุมน้ันเกดิมานาน

แลว และเรากเ็ริม่จนิตนาการถงึการหนจีากโรงเรยีนออกไปสูชวีติกนัแลว

ชือ่ของเขาคอืเอเดรยีน ฟนน ชายหนุมรางสงูขีอ้าย ซ่ึงในชวงแรกหลบสาย

ตาผูคนและเกบ็ตวั ในวนัสองวนัแรก เราแทบไมสงัเกตเหน็เขา ทีโ่รงเรยีน

ของเราไมมีแมแตพิธีตอนรับ อยาวาแตเรื่องสุดขั้วอยางการรับนองเลย

เราไดแตรับรูการปรากฏตัวของเขาและรอคอย

พวกครูสนใจเขามากกวาเรา ครูตองประเมินวาเขาเฉลียวฉลาด

และมีวินัยแคไหน คอยคิดคํานวณวาเขาไดรับการอบรมส่ังสอนมาดี

เพียงใดและเขาพิสูจนวาตัวเองเปน ‘ทรัพยากรแหงทุนการศึกษา’ หรือ

ไม ในเชาวันที่สามของภาคการศึกษาฤดูใบไมรวงนั้น เราเรียนชั้นเรียน

Page 13: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 13

ประวัติศาสตรกับโอลด โจฮันต ผูใสสูทสามชิ้นมาดเขม เขาเปนครูผูมี

ระบบควบคุมที่นาเบื่อพอตัว แตไมมากเกินทน

‘เอาละ พวกเธอคงจําไดวา ฉันใหพวกเธอไปอานเรื่องเกี่ยวกับยุค

ของพระเจาเฮนรีท่ีแ่ปดมาลวงหนา’ โคลนิ อเลก็ซและผมสบตากนั ไดแต

หวังวาคําถามจะไมถูกโยนเหมือนเบ็ดตกปลามาเกี่ยวศีรษะเราคนใด

คนหนึ่ง ‘ใครอยากนําเสนอลักษณะของยุคสมัยนั้นบาง’ เขาสรุปเองเมื่อ

เห็นพวกเราหลบตา ‘เอาละ มารแชลก็ได เธอจะบรรยายถึงสมัยของ

พระเจาเฮนรี่ที่แปดอยางไร’

เราโลงอกมากกวาอยากรูอยากเหน็ เพราะมารแชลเปนนกัเรยีนไร

ความรูและขี้กลัวผูขาดการสรางสรรคที่จะสรางความเขลาอันแทจริง

เขาคิดหาเงื่อนปมในคําถาม กอนจัดแจงตอบออกมาในที่สุดวา

‘มีเหตุการณไมสงบครับ’

เกิดรอยยิ้มที่แทบควบคุมไมไดขึ้นทั่วหอง กระทั่งฮันตเองก็เกือบ

ยิ้ม

‘เธอชวยขยายความหนอยไดไหม’

มารแชลพยักหนาตกลงชาๆ เขายิ่งคิดนานขึ้น จนเห็นวาไมเหลือ

เวลาใหคิดอีกแลว ‘ผมคงพูดไดวา มีความไมสงบครั้งใหญเกิดขึ้นครับ’

‘ถาอยางนั้น ฟนนละ เธอมีความเห็นอยางไรกับยุคนี้ไหม’

เด็กใหมนั่งถัดจากผมไปดานหนาหนึ่งแถวทางซายมือ เขาไมได

แสดงปฏิกิริยาตอความโงเขลาของมารแชลใหเห็นชัดเจนนัก

‘ก็ไมเชิงครับ ผมเกรงอยางนั้น แตมีความคิดเกี่ยวเนื่องอยางหนึ่ง

ที่เราทุกคนพอพูดถึงเหตุการณในประวัติศาสตรได _ รวมถึงการปะทุขึ้น

ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งดวยวา _ “มีบางสิ่งเกิดขึ้น”’

Page 14: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

14 จูเลียน บารนส

‘เปนอยางนั้นจริงหรือ ถาอยางนั้น ฉันก็คงบกพรองในหนาที่สินะ’

หลงัจากหัวเราะหึๆ แลวโอลด โจฮันตก็โทษความเกียจครานในวันหยุด

ของเรา และอัดความรูใสเราดวยเรื่องของกษัตริยนักฆาผูมากเมีย

เมื่อหยุดพัก ผมออกตามหาฟนน ‘ฉันโทนี่ เว็บสเตอร’ เขามองผม

อยางระเเวดระวงั ‘ตอบฮนัตไดด’ี เขาดเูหมอืนไมรูวาผมพดูถงึอะไร ‘เรือ่ง

มีบางสิ่งเกิดขึ้นไง’

‘ออ ใช ฉันผิดหวังอยูนะที่เขาไมรับมุก’

นั่นไมใชสิ่งที่เขาควรจะพูด

อกีรายละเอยีดหนึง่ทีผ่มจาํไดคอืเราสามคนเคยสวมนากิาขอมอื

โดยหนัหนาปดเขาหาขอมอื เปนสญัลกัษณความสมัพนัธในกลุม แนนอน

วามันเปนเหมือนความคลั่งไคล แตอาจมีบางอยางมากกวานั้น มัน

ทําใหเวลาเปนเร่ืองสวนตัวหรือแมกระท่ังเปนความลับดวยซ้ํา เราหวังให

เอเดรียนสังเกตพบและทําตาม แตเขาไมเคยทํา

ตอมาในวันนั้น _ หรืออาจอีกวันหนึ่ง _ เรามีคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ

สองคาบซอนกับฟล ดิกสัน ครูหนุมที่เพิ่งมาจากเคมบริดจ เขาชอบใช

ตํารารวมสมัยและมักจูโจมถามคําถาม ‘‘‘กําเนิด สังวาสและความตาย’’ _ ที. เอส. อีเลียตกลาววาทั้งหมดก็มีเพียงเทานี้ ใครมีความเห็นบางไหม

วามันคืออะไร’ เขาเคยเปรียบเทียบวีรบุรุษตามขนบเชคสเปยรกับเคิรก

ดักลาสในหนังเรื่องสปารตาคัส ผมจําไดวาเม่ือเราถกเถียงกันถึงบทกวี

ของเท็ด ฮิวจส1 เขาครุนคิดถึงวรรคหนึ่งซึ่งเขมขนมากและพึมพําวา ‘ใช

1 Edward James “Ted” Hughes (1930 –1998) เปนกวีอังกฤษที่เขียนถึงสัตวตางๆ เอาไว

ในบทกวีลือชื่อของเขา คือ Poetry in the Making

Page 15: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 15

เราทกุคนตางสงสยัวาจะเกดิอะไรขึน้ถาเขาเขียนถงึสตัวไปหมดโลกแลว’

บางครั้งเขาเรียกเราวา ‘สุภาพบุรุษ’ แนนอน เราชมชอบเขา

บายนั้น เขาแจกบทกวีไรช่ือ วันที่หรือแมแตนามของผูเขียน ให

เวลาเราศึกษาสิบนาที จากนั้นใหเราอภิปรายกัน

‘เริ่มที่เธอไดไหม ฟนน เอางายๆ นะ เธอคิดวาบทกวีนี้พูดถึงอะไร’

เอเดรียนเงยหนาขึ้นจากโตะ ‘เอรอสและเทนาทอส2ครับ’

‘อืมม วาตอสิ’

‘เพศและความตาย’ ฟนนพูดตอ ราวกับคนท่ีไมรูภาษากรีกไมไดมี

แตพวกนักเรียนหลังหองเทานั้น ‘หรือความรักและความตายก็ได พื้น

ฐานทางกาม ไมวาในกรณีไหนก็ตาม จะขัดแยงกับพื้นฐานเรื่องความ

ตายและสิ่งที่เกิดขึ้นตอเนื่องจากความขัดแยงนั้นครับ’

ผมอาจดูซาบซึ้งประทับใจเกินกวาที่ดิกสันเห็นควรก็ได

‘เว็บสเตอร ใหความกระจางกับเราเพิ่มหนอย’

‘ผมแคคิดวามันเปนบทกวีเกี่ยวกับนกฮูกนะครับ’

นั่นคือหนึ่งในความแตกตางระหวางเราสามคนกับเพื่อนใหม

ปกติเราหวยแตก ยกเวนเวลาเราจริงจัง ปกติเขาจริงจัง ยกเวนเวลาเขา

หวยแตก เราตองใชเวลาสักพักกวาจะเขากันได

เอเดรียนปลอยใหตัวเองถูกดึงดูดเขากลุมเราโดยไมรูวานั่นคือสิ่งที่

เขาเสาะหา บางทีเขาอาจไมรูจริงๆ และไมไดเปลี่ยนแปลงมุมมองใหมา

2 เปนคําศัพทที่ใชในจิตวิทยา เอรอส คือ แรงขับทางเพศ การดํารงชีวิต ความคิดสรางสรรค

ความพึงพอใจตนเอง สวนเทนาทอส คือ แรงขบัทางความรนุแรง ทาํลายลาง และความตาย ทั้งสองคํานี้มีที่มาจากตัวละครในกรีกปกรณัม

Page 16: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

16 จูเลียน บารนส

เหมอืนกบัเรากไ็ด ชวงสวดมนตเชา เราไดยนิเขาเปลงเสยีงตอบรบัในพธิี

ขณะทีอ่เลก็ซกบัผมแทบไมเอยปาก สวนโคลนินัน้มกัแกลงออกเสยีงดงัๆ

ลอเลยีนเหมอืนกระตอืรอืรน เราสามคนเหน็วาการเลนกฬีาของโรงเรยีน

คอืแผนการลบัแบบฟาสซิสตทีจ่ะกดแรงขบัทางเพศของเรา แตเอเดรยีน

เขารวมชมรมฟนดาบและกระโดดสูง เราเปนพวกหูหนวกที่ชอบทะเลาะ

กนัเอง แตเขามาโรงเรยีนพรอมคลารเินต็ โคลนิประณามครอบครวัตวัเอง

ผมลอเลยีนระบบการเมอืง อเลก็ซแสดงความเหน็เชงิปรชัญาเพื่อคดัคาน

ธรรมชาตขิองความจรงิซึง่มกัเขาใจกนัโดยทัว่ไปอยูแลว สวนเอเดรยีนจะ

คอยใหคําปรึกษา _ อยางไรเสียในช้ันแรก เขาทําใหเราประทับใจท่ีเขา

เชื่อสิ่งตางๆ มากมาย เราก็เชื่อเชนกัน _ เพียงแตเราอยากเชื่อดวยตัวเรา

เองมากกวาเชื่อสิ่งที่มีผูตัดสินใจใหเราเชื่อ ดวยเหตุนี้เขาจึงเปนผูชําระ

ลางความลังเลสงสัยของเรา

โรงเรียนอยูใจกลางลอนดอน แตละวันเราเดินทางมาเรียนจาก

เขตตางๆ ผานเขตการปกครองหนึ่งมาสูอีกเขตการปกครองหนึ่ง ยอน

กลับไปตอนนั้น สิ่งตางๆ เรียบงายกวานี้มาก มีเงินนอยกวา ไมมีเครื่อง

ใชไฟฟา มีเผด็จการทางแฟชั่นนอยกวา ไมมีเรื่องผูหญิง ไมมีอะไรเบี่ยง

เบนเราจากหนาที่ของมนุษยอันสืบสันดานกันมา นั่นคือการเรียน สอบ

ใหผาน ใชคุณสมบัติเหลานั้นในการหางานทํา แลวไขวควาหาหนทาง

ในชีวิตที่ไมอาจล้ําหนาเหนือพอแมของเรา พอแมผูคอยตรวจสอบ

พรอมกับลอบเปรียบเทียบเรากับชีวิตกอนหนาของพวกเขาซึ่งเรียบงาย

กวา ดังนั้นจึงมักเหนือกวาดวย แนนอนวาทั้งหมดนี้ไมมีการเอยเปนคํา

พูด วิวัฒนาการทางสังคมอันแสนสุภาพของชนชั้นกลางอังกฤษน้ันยัง

คงแสดงนัยยะใหเห็นเสมอ

Page 17: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 17

‘พอแมหาเหวอะไรก็ไมรู’ โคลินบนตอนมื้อเที่ยงวันจันทร ‘ตอนยัง

เด็กเราก็คิดวาพอแมพอใชได แตแลวก็พบวาพวกพอแมเปนเหมือน . . .’

‘เฮนรี่ที่แปดเหรอ โคล’ เอเดรียนเสนอ เราเริ่มคุนเคยกับนิสัยชาง

ประชดแดกดันของเขาแลว รวมถึงการประชดประชันพวกเราเองดวย

เวลาลอเลียนหรือเรียกเราอยางจริงจัง เขาจะเรียกผมวาแอนโธนี ่ อเล็กซ

เปนอเล็กซานเดอร สวนโคลินซึ่งไมอาจเรียกใหยาวขึ้นไดก็จะหดสั้น

เหลือโคล

‘ฉันไมวาอะไรหรอก ถาพอมีเมียสักครึ่งโหล’

‘แลวรวยมหาศาล’

‘ไดโฮลบีน3มาวาดภาพเหมือน’

‘แลวบอกพระสันตะปาปาวาอยามาแส’

‘มีเหตุผลอะไรเปนพิเศษหรือเปลาที่พอแมนาย ห.ห.’ อเล็กซถาม

โคลิน

‘ฉันอยากใหพาไปงานตลาดนัด แตพอแมบอกวาจะใชเวลาสุด

สัปดาหทําสวน’

ใชเลย หาเหวจริงๆ ยกเวนเอเดรียน ผูฟงการประณามของเราแต

แทบไมเขารวม แตกระนัน้เราเหน็วาเขามเีหตใุหประณามมากกวาคนอืน่

แมของเขาหนีไปเมื่อหลายปกอน ทิ้งพอใหดูแลเอเดรียนและนองสาว

สิ่งนี้เกิดขึ้นนานกอนคําศัพทอยาง ‘ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว’ จะมีการใชกัน

ยอนกลับไปตอนนั้น นี่คือ ‘ครอบครัวบานแตก’ และเอเดรียนเปนเพียง

คนเดียวจากครอบครัวแบบนี้ที่เรารูจัก นี่นาจะทําใหตัวเขากลายเปน

3 Hans Holbein the Younger (1497–1543) เปนศิลปนวาดภาพพอรเทรตชาวเยอรมันที่

มีชื่อเสียงที่สุดในศตวรรษที่ 16

Page 18: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

18 จูเลียน บารนส

คลังแสงกักเก็บความรุนแรงเคียดแคนตัวจริง แตไมรูเพราะอะไรจึงไมเปน

เชนนั้น เขาบอกวาเขารักแมและเคารพพอ เราสามคนแอบคุยถึงเรื่อง

ของเขาและตั้งทฤษฎีขึ้นอยางหนึ่งวา กุญแจสูชีวิตครอบครัวแสนสุขก็

คือการไมมีครอบครัว หรืออยางนอยที่สุดก็ตองไมไดอยูรวมกัน เมื่อ

วิเคราะหเชนนี้แลว เรายิ่งอิจฉาเอเดรียนเขาไปใหญ

ในสมยันัน้ เราจนิตนาการตวัเองวาถกูขังอยูในคอกอะไรสกัอยาง รอคอย

วันปลดปลอยสูชีวิต เมื่อชั่วขณะนั้นมาถึง ชีวิตของเรา _ และกาลเวลา _ ก็จะเรงเร็วขึ้น เราจะรูไดอยางไรเลาวาชีวิตของเราเริ่มขึ้นแลว เราจะรู

ไดอยางไรเลาวาขอไดเปรียบบางอยางมีผูไดรับแลวและความเสียหาย

บางอยางก็ไดสรางบาดแผลขึ้นแลว อีกทั้งการปลดปลอยของเราก็เพียง

ออกสูคอกที่ใหญขึ้นเทานั้น เราเพียงไมรูถึงขอบเขตของมันแตแรก

ในเวลาเดียวกัน เรากระหายหนังสือ กระหายอยากมีเพศสัมพันธ

เชื่อมั่นในคุณธรรมของตัวเองและไมอยากถูกปกครอง สําหรับเรา ระบบ

การเมืองและสังคมทั้งหมดลวนฉอฉล เราไมยอมเลือกทางเลือกใดเวน

แตความยุงเหยงิทีเ่ปยมไปดวยความสขุสาํราญเทานัน้ แตเอเดรยีนผลกั

ดันเราใหเชื่อการนําความคิดมาใชกับชีวิต ใหคิดวาหลักการควรนําทาง

การกระทาํ กอนหนานีอ้เลก็ซถกูมองวาเปนนกัปรชัญาในหมูพวกเรา เขา

อานงานที่อีกสองคนไมอาน และอาจประกาศอะไรขึ้นโดยไมใหรูเนื้อ

รูตัวอยาง ‘ในส่ิงซ่ึงเรามิอาจกลาว เราจึงตองรักษาความเงียบเอาไว’ โคลิน

กับผมจะนิ่งคิดถึงแนวคิดนี้อยูครูหนึ่งแลวก็ฉีกยิ้มพูดคุยกันตอไป ทวา

ตอนนี้ การมาถึงของเอเดรียนผลักไสอเล็กซออกจากตําแหนงของเขา _ หรือไมก็อาจเปนการมอบนักปรัชญาอีกคนหนึ่งใหเรา ถาอเล็กซอาน

Page 19: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 19

รัสเซลล 4 และวิตเกนสไตน 5 เอเดรียนจะอานกามูส 6 และนิตซเช7 ผม

อานจอรจ ออรเวลล 8 และอัลดัส ฮักซลีย 9 โคลินอานโบเดอแลร 10และ

ดอสโตเยฟสกี11 นี่เปนเพียงภาพเปรียบลอเทานั้น

แนนอน เราเปนพวกเสแสรง วัยรุนจะเปนอะไรไดอีกเลา เราใช

ศัพทอยาง ‘เวลทอันเชาอุง’ 12 และ ‘ชตวรม อุนท ดรัง’ 13 สนุกกับการ

พูดวา ‘นั่นเปนหลักฐานทางปรัชญาในตัวของมันเอง’ และรับรองแกกัน

วาหนาที่แรกของจินตนาการคือการฝาฝนขอหาม พอแมของเราเห็น

อะไรๆ ตางออกไป พวกเขาวาดภาพลูกๆ เปนเด็กไรเดียงสาที่จูๆ ก็พาน

พบกับอิทธิพลอันตราย แมของโคลินเคยพูดถึงผมวาเปน ‘เทพบุตรมืด’

ของลูกเธอ พอผมโทษอเล็กซเมื่อเขาพบวาผมอานเดอะคอมมิวนิสต

4 Bertrand Arthur William Russell (1872 – 1970) นักปรัชญา นักคณิตศาสตร และนักเขียน ชาวอังกฤษ เจาของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ป 19505 Ludwig Josef Johann Wittgenstein (1889 – 1951) นักปรัชญาชาวออสเตรียน-อังกฤษ เจาของผลงาน Logical-Philosohical Treatise และ Philosophical Investigations6 Albert Camus (1913-1960) นักปรัชญาและนักเขียนชาวฝรั่งเศส เจาของรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม ป 1957 ผลงานอันเลื่องชื่อคือ The Stranger7 Friedrich Wilhelm Nietzsche (1844 - 1900) นักปรัชญาชาวเยอรมัน เจาของวาทะอัน ลือลั่น ‘God is Dead’8 George Orwell (1903 - 1950) นักเขียนชาวอังกฤษ ผลงานอันเลื่องชื่อ คือ Nineteen Eighty-Four และ Animal Farm9 Aldous Leonard Huxley (1894 - 1963) นักเขียนชาวอังกฤษ ผลงานอันเลื่องชื่อคือ Brave New World 10 Charles Pierre Baudelaire (1821 – 1867) กวีและนักวิจารณศิลปะชาวฝรั่งเศส11 Fyodor Mikhailovich Dostoevsky (1821 - 1881) นักเขียนชาวรัสเซีย ผลงานอันเล่ืองชือ ไดแก Crime and Punishment และ The Brother Karamazov12 Weltanschauung ศัพทปรัชญาเยอรมัน หมายถึงมุมมองที่มีตอโลก13 Sturm und Drang เปนศัพทที่ใชในวงการวรรณกรรมเยอรมันยุคศตวรรษที่ 18 หมายถึง ความรุนแรงและแรงขับเคลื่อน

Page 20: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

20 จูเลียน บารนส

มานิเฟสโต โคลินถูกพอแมของอเล็กซชี้นิ้วใสเมื่อจับไดวาเขาอานนิยาย

อาชญากรรมอเมริกันโหดๆ และอื่นๆ เรื่องเพศก็เชนเดียวกัน พอแมของ

เราคดิวาเราอาจถกูเพือ่นลอลวงและกลายเปนคนแบบทีพ่วกเขาหวัน่กลัว

ที่สุด นั่นคือนักอัตกามกิริยาที่ยากแกการรักษา เปนลักเพศหนาใสหรือ

เปนวัยระเริงทําผูหญิงทองแลวไมรับผิดชอบ พวกเขากลัวสิ่งตางๆ แทน

เรา ทั้งความใกลชิดของมิตรภาพวัยรุน พฤติกรรมลาเหยื่อของคนแปลก

หนาบนรถไฟ และการลอลวงของผูหญิงรายๆ ความกังวลของพวกเขา

จะกาวล้ํานําประสบการณจริงของพวกเราไปถึงไหนกันนะ

บายวันหน่ึง ราวกับหยิบปญหาของเอเดรียนในคราวกอนข้ึนมา โอลด โจฮนัต

ใหเราถกเถียงกันเรื่องกําเนิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยเฉพาะการลอบ

สงัหารอารคดยคุ ฟรานซ เฟอรดนิานดวามสีวนทาํใหเรือ่งทัง้หมดเกดิขึน้

อยางไร ยอนกลับไปตอนนั้น เราสวนใหญเปนพวกสัมบูรณนิยม เราเปน

ประเภทใชกับไมใช มีเพียงสรรเสริญกับตําหนิ ผิดบาปกับบริสุทธิ์ _ หรือ

ในกรณีของมารแชลคือไมสงบกับไมสงบครั้งใหญ เราชอบการแขงขันที่

จบลงดวยชัยชนะและพายแพ ไมใชเสมอ ดังนั้นสําหรับบางคน มือปน

ชาวเซอรเบียซึ่งชื่อของเขาหายไปจากความทรงจําของผมนานแลว จึง

เปนคนที่ตองรับผิดชอบเต็มรอย หากตัดเขาออกจากสมการ สงครามจะ

ไมเกิดขึ้นเลย บางคนมอบความรับผิดชอบเต็มรอยใหกับพลังทาง

ประวัติศาสตรที่ทําใหชาติปรปกษตางๆ ตองปะทะกันอยางหลีกเลี่ยงไม

ได ‘ยุโรปเปนถังดินปนรอเวลาระเบิด’ และอื่นๆ คนที่เปนอนาธิปตยกวา

อยางโคลินแยงวาทุกสิ่งเปนเรื่องของโอกาส เขากลาววาโลกดํารงอยูใน

ภาวะไรระเบียบตลอดเวลา มเีพยีงเรือ่งเลาโบราณในระดบัสัญชาตญาณ

Page 21: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 21

บางแบบทีต่กคางมาจากศาสนาเทานัน้ ทีจ่ะคอยใหความหมายยอนหลัง

วาอะไรเกิดขึ้นหรือไมเกิดขึ้นบาง

ฮันตพยักหนาเล็กนอยใหความพยายามของโคลินท่ีจะบั่นทอน

ทําลายทุกสิ่ง ราวกับความไมศรัทธาที่ดูผิดปกตินั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตาม

ธรรมชาตขิองวยัรุน เปนบางสิง่ทีต่องกาวผานระหวางการเตบิโต ครแูละ

พอแมเคยเตอืนเราอยางขุนเคอืงวาพวกเขาเคยเปนเดก็มากอน จงึมสิีทธิ

และอํานาจที่จะพูด มันเปนแคชวงหนึ่ง พวกเขายืนยัน จากนี้ไปพวกเธอ

จะเตบิโต ชวีติจะสอนสิง่ทีเ่ปนจรงิและสภาวะทีเ่ปนจรงิใหแกเธอ แตยอน

ไปตอนนั้น เราปฏิเสธจะรับรูวาพวกเขาเคยเปนเหมือนเรา เราคิดวาเรา

รูทันชีวิต _ รูทันความจริง ศีลธรรมและศิลปะ _ อยางชัดแจงเกินหนา

บรรดาคนแกผูยอมประนีประนอมมากมายนัก

‘ฟนน เธอเงยีบกรบิเลยนะ เธอเปนคนเริม่เรือ่งนี ้เธอคอืมอืปนชาว

เซอรเบียของเรา’ ฮันตหยุดเพื่อใหการพาดพิงนั้นเกิดผลกอน ‘เธอพอจะ

แบงปนความคิดอันเปนประโยชนของเธอใหเราฟงไดไหม’

‘ผมไมรูครับ’

‘เธอไมรูอะไร’

‘คอืวาในแงหนึง่ ผมไมสามารถรูไดวาสิง่ทีผ่มไมรูคอือะไร นัน่เปน

หลกัฐานทางปรชัญาในตวัของมนัเองครบั’ เขาหยดุเลก็นอย ซึง่ทาํใหเรา

สงสยัอกีครัง้วาเขาแอบลอเลยีนหรอืจรงิจงัอยางยิง่ตอหนาพวกเรากนัแน

‘ที่จริงแลว ไมใชวาการหาความรับผิดชอบทั้งหมดนี้เปนการปดความรับ

ผิดชอบอยางหนึ่งหรอกหรือครับ เราโทษคนคนหนึ่งเพื่อใหคนอื่นๆ พน

ผิด หรือไมเราก็โทษความเปนไปทางประวัติศาสตรเพื่อไมตองโทษใคร

คนใดคนหนึ่ง หรือไมก็เปนความไรระเบียบของอนาธิปตยซึ่งใหผลเชน

Page 22: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

22 จูเลียน บารนส

เดียวกัน สําหรับผมแลว มี _ หรือเคยมี _ สายโซของความรับผิดชอบ

ของปจเจกอยูเสนหนึ่ง ทุกคนในนั้นลวนเกี่ยวของ แตสายโซไมยาวพอ

จนทกุคนสามารถโทษคนอืน่ๆ ไดงายๆ แตแนนอน ความตองการของผม

ในการหาความรับผิดชอบอาจเปนภาพสะทอนความคิดของตัวผมเอง

มากกวาเปนการวิเคราะหที่ชอบธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือหนึ่งใน

ใจกลางปญหาตางๆ ของประวัติศาสตรใชไหมครับ มีคําถามเร่ืองการแปล

ความหมายของคาํวาอตัวิสัยและภววสิยั ขอเทจ็จรงิกค็อื เราจาํเปนตอง

รูประวัติศาสตรของนักประวัติศาสตร เพื่อเขาใจถึงประวัติศาสตรฉบับที่

ถูกวางอยูตรงหนาเรา’

เกิดความเงียบขึ้น แตไม เขาไมไดกําลังพูดเลน ไมเลยแมแตนอย

โอลด โจฮนัตมองนากิาขอมอืแลวยิม้ ‘ฟนน ฉนัจะเกษยีณในอกี

หาปขางหนา ฉันยินดีเปนคนรับรองคุณสมบัติให หากเธออยากมาสอน

แทนฉัน’ เขาเองก็ไมไดพูดเลนดวยเชนกัน

ในการประชมุนกัเรยีนเชาวนัหนึง่ ครใูหญประกาศวาเขาเปนผูนาํขาวเศรา

มาแจงดวยเสียงที่ลดลงใหเบาเพื่อเก็บเสียงไปใชเวลาไลเด็กออกหรือ

เมื่อทีมกีฬาแพแบบหมดรูป กลาวคือร็อบสันเด็กสายวิทยาศาสตร ชั้น

ม.ศ.514 เสียชีวิตในชวงสุดสัปดาห เหนือเสียงวิพากษวิจารณประหลาด

ใจอยางอื้ออึง เขาบอกเราวาร็อบสันเปนดอกไมแหงวัยเยาวท่ีถูกตัดไป

มรณกรรมของเขาคือความสูญเสียของทั้งโรงเรียนและเราทั้งหมดจะไป

14ระบบการศึกษาของอังกฤษระดับมัธยมในยุคหกศูนยตามเน้ือเร่ืองจะคลายกับบานเราสมัย

กอน คือมัธยมปลายเรียนสองป ในที่นี้จึงเทียบเทากับ ม.ศ.5 ของระบบการศึกษาไทยสมัย กอนหรือ ม.6 ในปจจุบัน

Page 23: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 23

รวมงานศพเพื่อเปนสัญลักษณ เขาพูดทุกเรื่องยกเวนสิ่งที่เราอยากรู นั่น

คืออยางไร ทําไม และมันคือการฆาตกรรมหรือไม โดยใคร

‘เอรอสและเทนาทอส’ เอเดรยีนแสดงความเหน็กอนเรยีนคาบแรก

‘เทนาทอสชนะอีกแลว’

‘ร็อบสันไมใชเรื่องเอรอสกับเทนาทอสเสียทีเดียว’ อเล็กซบอกเขา

โคลินกับผมพยักหนาเห็นพอง เรารูเพราะเขาเคยเรียนรวมชั้นกับเราสอง

ป เขาเปนเด็กผูชายผูวางเฉยกับทุกเร่ือง ไรจินตนาการ ไมสนใจศิลปะ

เอาเลย เขาไปเรือ่ยๆ โดยไมทาํรายใคร แตตอนนีเ้ขาทาํรายเราโดยทาํให

ชือ่ของเขาเกีย่วพนักบัความตายแตเยาววยั เปนดอกไมแหงวยัเยาวจรงิๆ

เพราะร็อบสันที่เรารูจักเปนคนแบบพืชผักโดยแท

ไมมีการเอยถึงโรคภัย อุบัติเหตุจากจักรยานหรือแกสระเบิด ไมกี่

วันตอมา ขาวลือ (อีกชื่อหนึ่งคือบราวนเด็กสายคณิตศาสตร ม.ศ.5) ให

ขอมูลที่ทางการไมสามารถใหได หรือไมก็ไมยอมให วาร็อบสันทําแฟน

สาวของเขาทอง ผูกคอตายที่หองใตหลังคา ไมมีใครพบศพอยูสองวัน

‘ฉันไมเคยคิดเลยวาเขารูวิธีผูกคอตาย’

‘เขาเรียนสายวิทยาศาสตร ม.ศ.5 นะ’

‘แตนายตองผูกปมแบบพิเศษ’

‘นั่นมันในหนัง เปนการแขวนคอที่ถูกวิธี นายใชปมธรรมดาก็ได

เหมือนกัน แตทําใหหายใจไมออกนานขึ้น’

‘พวกเราวาแฟนเขาหนาตาเปนยังไง’

เราพิจารณาทางเลือกเทาที่รู นั่นคือเปนสาวพรหมจารีบริสุทธิ์

(ตอนนี้ เปนอดีตพรหมจารี) สาวนักใชเงินกากั่น หญิงสูงวัยมาก

ประสบการณ โสเภณีเสี่ยงโรค เราถกเร่ืองนี้กันจนเอเดรียนดึงความ

Page 24: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

24 จูเลียน บารนส

สนใจของเราไปเรื่องอื่น

‘กามสูบอกวาการฆาตวัตายเปนคาํถามทางปรชัญาท่ีแทจรงิเพยีง

คําถามเดียว’

‘นอกเหนือจากจริยธรรม การเมืองสุนทรียะ ธรรมชาติของความ

จริง และสิ่งอื่นๆ อีก’ อเล็กซโตกลับสนุก

‘เปนความจริงอยางเดียวเทานั้น เปนสิ่งพื้นฐานที่สิ่งอื่นๆ ตองใช

เปนฐานอีกที’

หลังวิเคราะหการฆาตัวตายของร็อบสันกันอยางยืดยาวแลว เรา

สรปุวาจะพจิารณาวามนัเปนปรชัญาไดเฉพาะในเชงิคณติศาสตรเทาน้ัน

นั่นคือเขา ผูกําลังจะทําใหจํานวนประชากรมนุษยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ได

ตัดสินใจวาถือเปนหนาที่ทางจริยธรรมของตนที่ตองรักษาตัวเลขของ

ประชากรโลกใหคงที่เอาไว แตในดานอ่ืนๆ เราเห็นวาร็อบสันทําใหพวก

เรา _ และการคิดอยางจริงจังนั้น _ ลมเหลว การกระทําของเขาไรศิลปะ

ทําตามอําเภอใจและไมเปนปรัชญา พูดอีกอยางหนึ่งคือผิด จดหมาย

ลาตายของเขาจากขาวลอื (บราวนเจาเกา) เขียนวา ‘ขอโทษครบั แม’ เรา

รูสึกวามันไรซึ่งการศึกษานาทรงภูมิและไมเหมาะสมจริงๆ

บางทเีราอาจไมจรงิจงักบัรอ็บสนัมากขนาดนีห้ากไมใชเพราะขอเทจ็จรงิ

สาํคญัทีเ่ปลีย่นแปลงไมไดอยางหนึง่ นัน่คอืรอ็บสนัอยูในวยัเดยีวกบัเรา

ตามศัพทของเรา เขาไมมีอะไรพิเศษ แตกระนั้น เขาไมเพียงลักลอบไป

หาสาวๆ เทานั้น ทวายังมีเพศสัมพันธกับเธออยางที่เราไมอาจขันแขง

ดวย ไอเวรตะไล! ทาํไมเปนเขา ไมใชเรา ทาํไมไมมใีครในหมูพวกเราเคย

มปีระสบการณหรอืแมกระทัง่ลมเหลวในการมแีฟนเลย อยางนอยความ

Page 25: ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง

ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง 25

อับอายเรื่องนี้ก็อาจเพิ่มพูนสติปญญาใหเราได มีอะไรใหเราไดคุยโมใน

แงลบบาง (‘จรงิๆ นะ เธอดามาวา “ไอครสึวิเขรอะหนาตาอยางกบัรองเทา

เทนนิส” ตามคําของเธอเลย’) เรารูจากการอานวรรณคดีชั้นเลิศวาความ

รักของเกี่ยวกับความทุกข และเรายินดีเหลือลนที่จะฝกฝนความทุกข

นัน้ หากมคีาํสญัญาหรอือาจถงึขัน้เปนเหตเุปนผลกไ็ดวาความรกัจะตาม

ติดมา

นี่คือความกลัวของเราอีกอยางหนึ่ง เรากลัววาชีวิตจะไมเปน

เหมือนวรรณคดี ดูพอแมของเราสิ _ พวกเขาเหมือนคนในวรรณคดีไหม

เลา อยางดีที่สุด พวกเขาก็อาจปรารถนาจะเปนเพียงผูชมหรือคนท่ีไร

สวนรวม เปนสวนหนึ่งในฉากหลังของสังคมที่มีสิ่งสําคัญและจริงแท

เกิดขึ้น อะไรบางหรือ ก็สิ่งตางๆ ซึ่งวรรณคดีเปนนั่นไง ความรัก เพศ

สัมพันธ ศีลธรรม มิตรภาพ ความสุข ความทุกข การทรยศ การนอกใจ

ความดีและความช่ัว วีรบุรุษและตัวราย ความผิดบาปและความไรเดียงสา

ความทะเยอทะยาน อาํนาจ ความยตุธิรรม การปฏวิตั ิสงคราม บดิาและ

บตุรชาย มารดาและบตุรสาว ปจเจกตอสูกบัสงัคม ความสาํเรจ็และความ

ลมเหลว ฆาตกรรม อัตวินิบาตกรรม มรณกรรม พระเจาและนกฮูก

แนนอน มีวรรณคดีประเภทอื่นๆ อีก _ เชน อัตชีวประวัติทนน้ําตาอางอิง

ตัวเองในทางทฤษฎี _ แตมันเปนแคเรื่องแหงแลง นารังเกียจ วรรณคดี

ทีแ่ทเปนเรือ่งทางจติวทิยา อารมณและความจรงิทางสงัคมดังท่ีแสดงให

เห็นผานการกระทําและการสะทอนภาพของตัวละครเอก นิยายคือตัว

ละครที่พัฒนาไปตามกาลเวลา นั่นคือสิ่งที่ฟล ดิกสันเคยบอกเราเอาไว

และคนอีกคนหนึ่ง _ นอกเหนือจากร็อบสัน _ ผูที่ชีวิตของเขาจนถึงบัดนี้

มีความทรงคาทางนิยายอยูบางก็คือเอเดรียน