ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · web view6.1...

12
ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ 1 ใใใใ ใ 31101 ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ 1 1. ใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ( Cell) ใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใ ( cell) ใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใ ใใใ ( Robert Hooke)ใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใ ใ.. 2208 ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ 1. ใใใใใใใใใ (cell wall ) ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใ ใใใใ ใใใใใใใใใใ ใใใใใใ ใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ( glycoprotein ) ใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใ 2. ใใใใใใใใใใใใใใ ( cell menbrane) ใใใใใใใใใใใใ ใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใ ใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใ ( Semipermeable menbrane ) 3. ใใใใใใใใใใ (cytoplasm ) ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ใใใใ ใใใใใใ ใใใใใ ใใใใใใใใใใใใ ใใใใใใใใ ใใใใใใใใใใใใใใใใใ

Upload: lecong

Post on 12-May-2018

230 views

Category:

Documents


6 download

TRANSCRIPT

Page 1: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

ใบความรูว้ชิาวทิยาศาสตรพ์ื้นฐาน 1 รหสั ว31101 ชัน้มธัยมศึกษาปีที่1

1. เรื่อง โครงสรา้งและสว่นประกอบของเซลล์( Cell)

ผนังเซลล์ คลอโรพลาสต์ นิวเคลียส เยื่อหุม้เซลล์ ไซโทพลาซมึ

ภาพสว่นประกอบของเซลล์พชืและเซลล์สตัว์

เซลล์ ( cell)ความหมายของเซลล์ เซลล์หมายถึง หน่วยท่ีเล็กที่สดุของสิง่มชีวีติมขีนาดแตกต่าง มขีนาดตัง้แต่เล็กที่สดุซึ่งไมส่ามารถมองเหน็ได้

ด้วยตาเปล่าขึ้นไปจนกระทัง่ขนาดใหญ่ รอเบริต์ ฮุค ( Robert Hooke)นักวทิยาศาสตรช์าวอังกฤษได้ค้นพบและตัง้ชื่อไว้

เมื่อปี พ.ศ. 2208 สว่นประกอบและหน้าที่ของเซลล์

1. ผนังเซลล์ (cell wall ) เป็นโครงสรา้งที่ไมม่ชีวีติที่หุม้รอบนอกสดุของเซลล์ มเีฉพาะในเซลล์พชืเท่านัน้เป็นสว่นใหญ่ ไมพ่บในเซลล์สตัว์

ประกอบด้วยสารพวกเซลลโูลสเป็นสว่นใหญ่และสารพวกเพคติน ลิกนิน ฮีมเิซลลโูลสพบในเซลล์ที่ต้องการความแขง็แรง เซลล์ของสตัวไ์มม่ผีนังเซลล์แต่เซลล์สตัวบ์างชนิดอาจมสีารเคลือบเยื่อหุม้เซลล์ได้ ซึ่งมลัีกษณะแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของเซลล์นัน้

ๆ ตัวอยา่ง เชน่ เปลือกกุ้ง กระดองปู มสีารเคลือบพวกไกลโคโปรตีน ( glycoprotein ) ทำาหน้าที่ ใหค้วามแขง็แรง ป้องกันอันตรายใหแ้ก่เซลล์พชืและทำาใหเ้ซลล์คงรูปอยูไ่ด้

2. เยื่อหุม้เซลล์ ( cell menbrane) เป็นเยื่อบาง ๆ ที่หุม้รอบไซไทพลาซมึ และสารบางอยา่งภายในเซลล์ องค์ประกอบหลักเป็นสารพวกโปรตีนและ ไขมนั พบได้ทัง้เซลล์ของพชืและเซลล์ของสตัว์ มลัีกษณะยดืหยุน่และยดืหดได้ ทำาหน้าที่ ควบคมุปรมิาณและชนิดของสารที่ผ่านหรอืเขา้ออกจากเซลล์ และมรีูพรุนเล็ก ๆ เพื่อใหส้ารบางอยา่ง

ผ่านเขา้ไปได้ และไมใ่หส้ารบางอยา่งผ่านเขา้ออกจากเซลล์ มคีณุสมบติัยอม ใหส้ารบางชนิดผ่านได้เรยีกวา่ เยื่อเลือกผ่าน

( Semipermeable menbrane ) 3. ไซโทพลาซมึ (cytoplasm ) มลัีกษณะเป็นของเหลว มสีารท่ีสำาคัญปนอยูค่ือ นำ้า โปรตีน ไขมนั คารโ์บไฮเดรต เกลือแร่ เป็นสารที่อยูร่อบ ๆ

นิวเคลียส

มหีน้าที่ เกี่ยวกับเมตาโบลิซมึ ภายในไซโทพลาซมึของพชืจะมเีมด็สเีขยีว ที่เรยีกวา่ คลอโรพลาสต์ ( chloroplast ) ภายในไซโทพลาซมึยงัประกอบด้วยหน่วยเล็ก ๆ ที่สำาคัญอีกหลายชนิดดังตัวอยา่งเชน่

3.1 ไมโทคอนเดรยี ( mitochondria ) มลัีกษณะยาวรเีป็นแหล่งผลิตสารที่มพีลังงานสงูใหแ้ก่เซลล์

2 3.2 คลอโรพลาสต์ ( Chloroplast ) มเีฉพาะในเซลล์ท่ีมสีเีขยีวของพชืและเซลล์ของโปรตีน

บางชนิดประกอบด้วยเยื่อหุม้ 2 ชัน้ ชัน้นอกมหีน้าที่ควบคมุโมเลกลุต่าง ๆ ที่ผ่านเขา้และออก จากคลอโรพลาสต์ ชัน้ในมีลักษณะยื่นเขา้ไปภายในและติดต่อกันเป็นชัน้อยา่งมรีะเบยีบแบบแผน

2 . เรื่อง การสรา้งอาหารของพชื หรอื การสงัเคราะหแ์สง ( Photosynthesis ) การสรา้งอาหารของพชื หรอื การสงัเคราะหแ์สง ( Photosynthesis ) คือ กระบวนการนำาเอาพลังงาน

แสงสวา่งมาใช้ ในการสรา้งอาหารพวกคารโ์บไฮเดรตของพชืสเีขยีว จากวตัถดุิบคือก๊าซคารบ์อนไดออกไซด์และนำ้า ผลที่เกิดขึ้นจากปฏิกิรยิาการสงัเคราะหด์้วยแสงคือ นำ้าตาลโมเลกลุเดี่ยว นำ้าและก๊าซออกซเิจน ซึ่งสรุปเป็นสมการเคมไีด้

ดังน้ีสมการการสงัเคราะหแ์สง แสงสวา่ง

นำ้า + ก๊าซคารบ์อนไดออกไซด์ นำ้าตาลโมเลกลุเดี่ยว + ก๊าซออกซเิจน + นำ้า

Page 2: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

คลอโรฟลิล์ แสงสวา่ง

H2O + CO2 C6H12O6 + O2 + H2O คลอโรฟลิล์ นำ้าตาลโมเลกลุเดี่ยวท่ีเกิดขึ้นคือ นำ้าตาลกลโูคส (C6H12O6 ) จะถกูเปล่ียนเป็นแป้งและเก็บสะสมไวใ้นสว่นต่าง

ๆ ของพชื เชน่ ใบ ลำาต้น ราก ผล เมล็ด เป็นต้น เมื่อพชืต้องการนำ้าตาลมาใชใ้นการเจรญิเติบโตอีกจงึเปล่ียนเป็นนำ้าตาลกลับมาใชอี้กครัง้หนึ่ง นำ้าและก๊าซออกซเิจนที่เกิดขึ้นจากการสงัเคราะหด้์วยแสงจะถกูขบัออกมาภายนอกทางปากใบ

ปัจจยัที่สำาคัญในการสรา้งอาหารของพชืมี 4 อยา่งคือ 1. คลอโรฟลิล์ ( Chlorophyll ) เป็นสารประกอบพวกรงควตัถุ ( โปรตีนชนิดหนึ่ง ) มสีเีขยีว

มคีณุสมบติัทางเคมี เป็นโปรตีนที่มแีมกนีเซยีม ( Mg) เป็นองค์ประกอบอยูภ่ายในโมเลกลุ ไมล่ะลายนำ้าแต่สามารถละลายได้ใน

ตัวทำาละลายอินทรยี์ ( Organic solvent ) เชน่ เอธลิอัลกอฮอล์ ( Ethyl alcohol ) อะซี โตน ( Acetone ) เอธลิอีเทอร์ (Ethyl ether) คลอโรฟอรม์ (Chloroform ) พบได้ในพชื

และสาหรา่ยทกุชนิด คลอโรฟลิล์มอียูห่ลายชนิด เชน่ คลอโรฟลิล์ a คลอโรฟลิล์ b คลอโรฟลิล์ c คลอโรฟลิล์ d ซึ่งแต่ละชนิดจะมสีว่นประกอบและโครงสรา้งโมเลกลุคล้ายคลึงกัน

คลอโรฟลิล์a เป็นคลอโรฟลิล์ที่พบในพชืและสาหรา่ยมุกชนิด มสีเีขยีวแกมนำ้าเงินเป็นคลอโรฟลิล์ที่มคีวามสำาคัญที่สดุใน กระบวนการสรา้งอาหารของพชื ทัง้น้ีเพราะ สามารถนำาพลังงานที่ได้รบัไปใชไ้ด้โดยตรง แต่คลอโรฟลิล์ชนิดอ่ืน ไมส่ามารถนำาไปใชไ้ด้

โดยตรง ต้องถ่ายทอดใหก้ับคลอโรฟลิล์ a อีกทอดหน่ึงก่อน จงีสามารถนำาไปใชไ้ด้ สาเหตทุี่พวกคลอโรฟลิล์ต่าง ๆ มสีเีขยีว เพราะมนัดดูแสงสเีขยีวจากแสงสวา่งได้น้อยมากหรอือาจไมด่ดูเลย แต่ดดูแสงสอ่ืีน ได้ดี ดังนัน้เมื่อแสงตกบนคลอโรฟลิล์แสงสี

เขยีวจงึจะสะท้อนออกมามากกวา่แสงสอ่ืีน ๆ ทำาใหเ้รามองเหน็คลอโรฟลิล์มสีเีขยีว

2. แสงสวา่ง ( Light ) มบีทบาทสำาคัญต่อการสงัเคราะหด้์วยแสงของพชืในแง่ที่เป็นผู้ใหพ้ลังงานสำาหรบั การเกิดปฏิกิรยิาเคมรีะหวา่งนำ้าและก๊าซคารบ์อนไดออกไซด์ซึ่งเป็นวตัถดิุบสำาคัญในการสรา้งนำ้าตาลกลโูคส โดยมคีลอโรฟลิล์ทำา

หน้าที่เป็นตัวรบัพลังงานแสง และพชืทกุชนิดต้องการแสงเพื่อสรา้งอาหารในปรมิาณมากน้อยไมเ่ท่ากัน เพราะพชืบางชนิดไมต้่องมี แสงมากก็สามารถเจรญิเติบโตได้เป็นปกติ เชน่ พชืที่ปลกูในที่รม่ แต่พชืบางชนิดต้องการแสงมากในการเจรญิเติบโตเชน่ พชื

ดอก

3 3. ก๊าซคารบ์อนไดออกไซด์ ( CO2 ) เป็นวตัถดุิบสำาหรบัการสรา้งอาหารของพชืทำาหน้าที่เป็นแหล่งคารบ์อน

( C ) สำาหรบัการสรา้งสารประกอบคารโ์บไฮเดรต ( นำ้าตาลและแป้ง ) 4. นำ้า (H2O ) เป็นวตัถดุิบสำาหรบัการสรา้งอาหารของพชืโดยเป็นสารที่ใหไ้ฮโดรเจน ( H ) เพื่อรวมตัว

กับคารบ์อน ( C ) ซึ่งได้จากก๊าซคารบ์อนไดออกไซด์ ( CO2 ) แล้วสรา้งเป็นสารอาหารคือ คารโ์บไฮเดรต

3. เรื่อง การลำาเลียงนำ้าและอาหารในพชืการลำาเลียงนำ้าในพชื

พชืจะดดูนำ้าและแรธ่าตทุี่บรเิวณปลายรากและจะถกูลำาเลียงไปโดยท่อลำาเลียงนำ้า ซึ่งพชืจะมเีนื้อเยื่อลำาเลียงอยู่2 กลุ่มคือ

ไซเลม ( Xylem ) เป็นเน้ือเยื่อลำาเลียงนำ้าและแรธ่าตุ และโฟลเอม ( Phloem ) เป็นเน้ือเยื่อลำาเลียงอาหาร ที่พชืสรา้งขีน้โดยเน้ือเยื่อทัง้สองจะประกอบกันเป็นกลุ่มเนื้อเยื่อลำาเลียงที่พบทัง้ในราก ลำาต้น กิ่ง ใบอยา่งต่อเน่ืองกัน

โครงสรา้งของรากและกระบวนการในการลำาเลียงนำ้าและแรธ่าตุ

1. ขนราก ( Root Hair) อยูเ่หนือปลายรากเล็กน้อย มลัีกษณะเป็นขนเสน้เล็กเป็นฝอยจำานวนมากอยูร่อบปลาย ราก เป็นโครงสรา้งท่ีเปล่ียนแปลงมากจากเซลล์ผิวนอกสดุของราก โดยผนังเซลล์ของแต่ละเซลล์จะยดืยาวออกไป การที่ขน

รากมจีำานวนมากก็เพื่อเพิม่พื้นที่ผิวในการสมัผัสนำ้าและแรธ่าตตุ่าง ๆในดินได้มากขึ้น ชว่ยใหก้ารดดูนำ้าและแรธ่าตตุ่าง ๆ เป็นไปอยา่งสะดวกและรวดเรว็

2. กระบวนการดดูนำ้าและแรธ่าตุ พชืจะดดูนำ้าและแรธ่าตทุางขนราก โดยจะดดูนำ้าด้วยวธิกีารออสโมซสี สว่นการดดูแรธ่าตใุชว้ธิีการแพร่

การลำาเลียงอาหารในพชื เมื่อพชืสงัเคราะหด์้วยแสงจะได้นำ้าตาลกลโูคส นำ้าตาลกลโูคสจะถกูลำาเลียงไปตาม กิ่ง ก้านและลำาต้นผ่านทางกลุ่มเซลล์

ที่ทำาหน้าที่เป็นท่อลำาเลียงอาหารหรอืโฟลเอม ( Phloem ) จากใบไปสูส่ว่นต่าง ๆ ของพชื ที่กำาลังมกีารเจรญิเติบโต และนำาไปเก็บสะสมไวท้ี่ราก ลำาต้น โดยวธิกีารแพร่

การแพร่ คือการกระจายอนุภาคของสารจากที่มคีวามเขม้ขน้ของอนุภาคของสารมากไปยงับรเิวณที่มคีวามเขม้ขน้ของอนุภาคของ สารน้อย

การแพรแ่บบออสโมซสิคือ การแพรข่องนำ้าหรอืของสารผ่านเยื่อกัน้บาง ๆปัจจยัที่มผีลต่อการแพรแ่บบออสโมซสี

Page 3: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

1. ความเขม้ขน้ของอนุภาค หมายถึง บรเิวณท่ีจะเกิดออสโมซสีได้ต้องมคีวามเขม้ขน้ของอนุภาคต่างกันนัน่คือ บรเิวณหน่ึงมีความเขม้ขน้มากอีกบรเิวณหน่ึงมคีวามเขม้ขน้น้อย

2. สมบติัของเยื่อกัน้ หมายถึง เยื่อกัน้ต้องมลัีกษณะบาง ๆ และต้องมรีูเล็ก ๆ และรูเล็ก ๆ น้ีต้องยอมใหส้ารที่ขนาดอนุภาคเล็กกวา่รูผ่านไปได้

3. ขนาดของอนุภาคของสาร หมายถึง สารต้องมขีนาดเล็กกวา่รูของเยื่อกัน้เสมอ จงึจะแพรผ่่านไปได้ โฟลเอมที่ทำาหน้าที่ลำาเลียงอาหาร มคีณุลักษณะต่างกับเน้ือเยื่อไซเลมดังนี้

1. อัตราการลำาเลียง อัตราการลำาเลียงในโฟลเอมสามารถเกิดได้ชา้กวา่อัตราการลำาเลียงนำ้าและแรธ่าตใุนไซเลมมาก

2. ทิศทางการลำาเลียง ทิศทางการลำาเลียงในโฟลเอมสามารถเกิดขึ้นได้ทัง้ในแนวขึ้นและแนวลงในเวลาเดียวกัน ซึ่งต่างกับการลำาเลียงในไซเลมซึ่งจะเกิดในแนวขึ้นเพยีงทิศทางเดียว

3. เซลล์ต้องมชีวีติ เซลล์ที่ทำาหน้าที่ลำาเลียงอาหารจะต้องเป็นเซลล์ที่ยงัมชีวีติอยู่ การลำาเลียงจงึจะเกิดขึ้นได้ สว่นเซลล์ที่ใช้ในการลำาเลียงนำ้าและแรธ่าตมุกัจะเป็นเซลล์ที่ไมม่ชีวีติ โดยทัว่ไปเน้ือเยื่อโฟลเอมและเน้ือเยื่อไซเลมมกัจะมอียูใ่นเซลล์ชัน้วาสคิวลารบ์นัเดิล ซึ่งจะพบวา่โฟลเอมจะเรยีง

อยูด้่านนอก ไซเลมจะอยูด้่านใน ในลำาเต้นและรากของพชื ใบเล้ียงคู่พบเน้ือเยื่อเจรญิแคมเบยีมอยูร่ะหวา่งโฟลเอมและไซ เลม และการเรยีนตัวของวาสคิวลารบ์นัเดิลจะเรยีงเป็นวงอยา่งมรีะเบยีบ สว่นในลำาต้นและรากของพชืใบเล้ียงเดี่ยวจะไมม่ี

เนื้อเยื่อเจรญิแคมเบยีมและการเรยีงตัวของวาสคิวลารบ์นัเดิลจะกระจดักระจาย

สำาหรบัลำาต้นพชืใบเล้ียงคู่เนื้อแขง็หรอืมอีายุมาก ๆ ( พชืยนืต้น ) กลุ่มเซลล์ตัง้แต่เน้ือเยื่อเจรญิแคมเบยีม ออกไปจนถึงชัน้นอกสดุเรยีกวา่ เปลือกไม้ กลุ่มเซลล์บรเิวณถัดจากเน้ือเยื่อเจรญิแคมเบยีมเขา้มาขา้งในทัง้หมดเรยีกวา่

เนื้อไม้ ( สว่นใหญ่ก็คือไซเลม ) การคายนำ้าของพชื การคายนำ้าเป็นกระบวนรกา

เรื่อง การเจรญิเติบโตของพชื

1. การเจรญิเติบโตของพชื มี 3 กระบวนการต่าง ๆ เกิดขึ้นคือ

1.1 การแบง่เซลล์ ทำาใหม้จีำานวนเซลล์เพิม่มากขึ้น เซลล์ที่เกิดขึ้นใหมจ่ะมลัีกษณะเหมอืนเดิมแต่มขีนาดเล็กกวา่

1.2 การเพิม่ขนาดของเซลล์ เป็นการสรา้งสะสมสาร ทำาใหเ้ซลล์มขีนาดใหญ่ขึ้น โดยทัว่ไปแล้วเมื่อมกีารแบง่เซลล์แล้วก็จะเพิม่ขนาดของเซลล์ด้วยเสมอ

1.3 การเปล่ียนรูปรา่งของเซลล์เพื่อใหเ้หมาะสมกับหน้าที่เฉพาะอยา่ง

2. ลักษณะที่แสดงวา่พชืมกีารเจรญิเติบโต มดีังนี้1.1 รากจะยาวและใหญ่ขึ้น มรีากงอกเพิม่ขึ้น มกีารแตกแขนงของรากมากขึ้น

1.2 ลำาต้นจะสงูและใหญ่ขึ้น มกีารผลิตทัง้ตากิ่ง ตาใบ และตาดอก

1.3 ใบจะมขีนาดใหญ่ขึ้น จำานวนใบเพิม่ขึ้น

1.4 ดอกจะใหญ่ขึ้น หรอืดอกเปล่ียนแปลงเป็นผล

1.5 เมล็ดจะมกีารงอกต้นอ่อน

3. การที่พชืผลติดเฉพาะฮอรโ์มนและเอนไซม์ ยงัไมถื่อวา่มกีารเจรญิเติบโต

4. ปัจจยัที่มผีลต่อการเจรญิเติบโตของพชื ได้แก่1.1 อากาศ พชืใชก้๊าซออกซเิจนในการหายใจ และใชก้๊าซคารบ์อนไดออกไซด์ในการสรา้งอาหาร

1.2 นำ้าใชใ้นกระบวนการลำาเลียงนำ้าและแรธ่าตใุชใ้นการสรา้งอาหารชว่ยลดอุณหภมูภิายในลำาต้น

1.3 แสง ใชส้รา้งอาหารและคลอโรฟลิล์

1.4 แรธ่าตุ ใชช้ว่ยในกระบวนการต่าง ๆ ในการดำารงชวีติของพชื ชว่ยสรา้งคลอโรฟลิล์

1.5 อุณหภมูิ อุณหภมูทิี่พอเหมาะจำาเป็นต่อกระบวนการสงัเคราะหด้์วยแสง การงอกของเมล็ดและการทำางานของเอนไซม์

5. ต้นอ่อน ( Embryo )

Page 4: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

ต้นอ่อนประกอบด้วย

5.1 ยอดแรกเกิด จะเจรญิไปเป็นใบ

1.2 ใบเล้ียง ทำาหน้าที่สะสมอาหาร

1.3 สว่นของต้นอ่อนที่อยูเ่หนือใบเล้ียง จะเจรญิเป็นลำาต้นสว่นบนและดอก

1.4 สว่นของต้นอ่อนที่อยูใ่ต้ใบเล้ียง จะเจรญิเป็นลำาต้นสว่นล่าง

1.5 รากแรกเกิด จะเป็นสว่นแรกที่งอกผ่านเมล็ดออกมาทางรูไมโครไพล์ออกมาก่อน แล้วเจรญิไปเป็นรากแก้ว

2. ถ้านำาเมล็ดถัว่ดำามาเพาะใหง้อก แล้วศึกษาการเจรญิเติบโตของต้นถัว่ดำาจะได้ผลการทดลองดังนี้

6.1 ความสงูของต้นถัว่ดำา ระยะแรกสว่นสงูจะเพิม่ขึ้นเล็กน้อย ระยะท่ี 2 สว่นสงูจะเพิม่ขึ้น อยา่งรวดเรว็ ระยะต่อไปสว่นสงูจะค่อย ๆ เพิม่อยา่งชา้ ๆ และคงที่ในที่สดุ

6.1 จำานวนใบ ต้นถัว่ดำาจะมจีำานวนใบเพิม่ขึ้น

6.2 จำานวนราก จะเพิม่มากขึ้น

6.3 เมื่อใบแท้สงัเคราะหด้์วยแสงได้ใบเล้ียงจะมขีนาดเล็กและรว่งไปในที่สดุ

กราฟแสดงการเจรญิเติบโตของต้นถัว่

7. สว่นประกอบเมล็ด มสีว่นประกอบดังน้ี1.1 เปลือกหุม้เมล็ด เป็นสว่นที่อยูน่อกสดุทำาหน้าที่ป้องกันอันตรายใหแ้ก่เมล็ด ที่ด้านเวา้ของเมล็ดจะมรีอยแผล

เป็น ซึ่งเป็นสว่นที่เคยติดกับรงัไขแ่ละมรีูไมโครไพล์อยูบ่รเิวณนี้ ซึ่งรากแรกเกิดจะงอกออกทางรูไมโครไพล์น้ี

1.2 เนื้อเมล็ด เป็นสว่นที่สะสมอาหารไวเ้ล้ียงต้นอ่อน พชืใบเล้ียงคู่เน้ือเมล็ดคือใบเล้ียง เชน่ พชืตระกลูถัว่ พชืใบ เล้ียงเดี่ยว เน้ือเมล็ดคือเอนโดสเปิรม์เชน่ ขา้ว ขา้วโพด มะพรา้ว

8. การงอกของเมล็ด ต้องอาศัยปัจจยัดังต่อไปน้ี

Page 5: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

8.1 นำ้าชว่ยใหเ้ปลือกหุม้เมล็ดอ่อนนุ่ม ทำาใหต้้นอ่อน และรากสามารถงอกออกมาได้ง่ายและชว่ยทำาใหเ้กิดกระบวนการเปล่ียนแปลงแป้งใหเ้ป็นนำ้าตาลเพื่อลำาเลียงไปใช้

8.2 อากาศ ก๊าซออกซเิจนชว่ยในการหายใจ

8.3 อุณหภมูพิอเหมาะ ทำาใหเ้อนไซมท์ำางานได้ดี เมล็ดจะงอกได้ดีที่อุณหภมูิ 20 – 30 oC

………………………ชื่อ .……………… ชัน้ ม. 1 / …… ………………เลขที่

แบบฝึกหดัวชิาวทิยาศาสตรพ์ื้นฐาน รหสัวชิา ว31101 ชัน้ม. 1 / 1 – 5

1.1 สว่นประกอบใดที่ยอมใหส้ารโมเลกลุเล็กผ่าน แต่ไมย่อมใหส้ารโมเลกลุใหญ่ผ่าน

……………………………………………………………………………………………………1.2 สว่นประกอบใดมสีมบตัิเป็นเยื่อเลือกผ่าน

……………………………………………………………………………………………………1.3 เปลือกกุ้งหรอืกระดองปู เปรยีบเหมอืนสิง่ใดของเซลล์พชื

……………………………………………………………………………………………………1.4 สว่นประกอบใดที่พบในเซลล์พชืแต่ไมพ่บในเซลล์สตัว์

……………………………………………………………………………………………………1.5 จงสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับเซลล์ของพชืและสตัวใ์นรูปผังมโนทัศน์

1.1 ปัจจยัที่จำาเป็นในการสรา้งอาหารของพชืคือ

1.1.1 ………………………………………………………………………………………

1.1.2 ………………………………………………………………………………………

1.1.3 ………………………………………………………………………………………

1.1.4 ………………………………………………………………………………………

1.2 ผลที่เกิดขึ้นจากการสงัเคราะหด้์วยแสงของพชืคือ

1.2.1 ………………………………………………………………………………….……..

1.2.2 ………………………………………………………………………………………..

1.2.3 ……………………………………………………………………………………….

1.3 กระบวนการสรา้งอาหารของพชื สง่ผลดีต่อสิง่มชีวีติและสิง่แวดล้อมอยา่งไร ( ใหต้อบเป็นขอ้ ๆ )1.3.1 ………………………………………………………………

……………………..

Page 6: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

1.3.2 ………………………………………………………………………………………

1.3.3 ………………………………………………………………………………………

1.3.4 ………………………………………………………………………………………

แบบประเมนิพฤติกรรมการทำางานกลุ่ม

1.4 สิง่ใดที่จะถกูลำาเลียงผ่านกลุ่มเซลล์ที่ทำาหน้าที่เป็นท่อลำาเลียง

………………………………………………………………………………………………ตอบ .1.5 พชืจะลำาเลียงอาหารไปยงัสว่นต่าง ๆ โดยวธิกีารใด

………………………………………………………………………………………………ตอบ .1.6 จงวาดรูปลักษณะท่อลำาเลียงอาหารในรูปแบบตามขวาง

1.6 ต้นอ่อนภายในเมล็ดมสีว่นประกอบอะไรบา้ง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ตอบ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….1.7 รากแรกเกิดของต้นถัว่เจรญิเติบโตต่อไป เป็นรากชนิดใด

………………………………………………………………………………………………ตอบ .1.8 สว่นสงูของต้นถัว่จะเจรญิเติบโตเพิม่ขึ้นอยา่งสมำ่าเสมอหรอืไม่

………………………………………………………………………………………………ตอบ .1.9 การเจรญิเติบโตของพชืมกีระบวนการอะไรบา้งมาเกี่ยวขอ้ง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ตอบ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….1.10 นักเรยีนได้รบัประโยชน์อะไรบา้งจากกิจกรรมนี้

………………………………………………………………………………………………ตอบ .

Page 7: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ
Page 8: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขอสง่ความปรารถนาดีมายงัท่าน

และครอบครวัใหป้ระสบความสำาเรจ็ และเจรญิก้าวหน้ายิง่ขึ้นไป

สวสัดีปีใหม่ 48

………จาก ..ครอบครวั

จนัทมงคล …… หมายเหตุ ขอใหล้กู ๆ

ม.2/2 ทกุคนเป็น

……เด็กดีนะ ..

Page 9: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ

กลุ่มสาระการเรยีนรูศิ้ลปะ

พฒันาหอ้งภายในกลุ่มสาระการเรยีนรูศิ้ลปะ

- หอ้งเรยีนและแสดงงานศิลปะ

- หอ้งเรยีนและฝึกซอ้มดนตรี

Page 10: ใบความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ... · Web view6.1 ความส งของต นถ วดำ ระยะแรกส วนส งจะเพ