การพัฒนาระบบติดตามและให้ข้อมูลขนาดยาในผู้ป่วยในที่มีการทำงานของไตลดลง...
TRANSCRIPT
การพัฒนาระบบติดตามและให้ข้อมลูขนาดยา ในผู้ป่วยในที่มีการทํางานของไตลดลง
ภก.รชานนท์ หริัญวงษ์
28 ธนัวาคม 2555
ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ
•
มีการสั่งใช้ยาในขนาดสําหรับผู้ป่วยที่มีการทํางานของ
ไตปกติในผู้ป่วยในที่มีการทํางานของไตลดลง ซึ่งเป็น
ขนาดที่สูงเกินไป
•
เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการ
ใช้ยา ทําให้การทํางานของไตแย่ลง ทําให้สิ้นเปลืองยา และบุคลากรที่ใช้ในการเตรยีมยาบริหารยา
ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ (ต่อ)
จากการสาํรวจการใช้ยาในผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในหอผู้ป่วย อายุรกรรมหญิงในเดือน กรกฏาคม พ.ศ. 2554
•
พบว่าผู้ป่วยที่มีการทํางานของไตลดลงได้รับขนาดยาท
ี่เหมาะสมกับการทํางานของไตเพียงร้อยละ 57
•
สาเหตุของปัญหานี้อาจเกิดจากการที่แพทย์ประจําหอผู้ป่วย ไมไ่ด้รับข้อมูลคา่การทํางานของไตของผู้ป่วย และขนาดยาท
ี่เหมาะสม ขณะตรวจรักษาผู้ป่วย
เป้าหมาย
1. เพื่อให้ผู้ป่วยในที่มีการทํางานของไตลดลงได้รับขนาดยา
ที่เหมาะสมกับการทํางานของไตไม่น้อยกวา่ร้อยละ 80
2. เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของค่าการทํางาน
ของไตในกลุ่มผู้ที่ได้รบัและผู้ที่ไม่ได้รับการปรับขนาดยา
ให้เหมาะสมกับการทํางานของไตที่ลดลง
กิจกรรมการพัฒนา
•
รวบรวมข้อมูลขนาดยาที่เหมาะสมกับการทํางานของ
ไตของยาทุกตัวในโรงพยาบาลและจัดทําเป็นคู่มือ
สําหรับให้ข้อมูลกับแพทย์
กิจกรรมการพัฒนา (ตอ่)
กิจกรรมการพัฒนา (ตอ่)
•
สืบค้นสูตรสําหรับคํานวณค่าการทํางานของไตที่ม
ีความเหมาะสม และมีหลักฐานยืนยันว่าสามารถ
นํามาใช้กับข้อมูลขนาดยาที่เหมาะสมกับการทํางาน
ของไตที่ลดลงที่รวบรวมมา พร้อมกับสร้างเครื่องมือ
ช่วยคํานวณ
กิจกรรมการพัฒนา (ตอ่)
กิจกรรมการพัฒนา (ตอ่)
•
สร้างแบบบันทึกสาํหรับใช้ในการติดตามการสั่งใช้ยา ติดตามคา่การทํางานของไตของผู้ป่วย และบันทึกผล
หลังจากการให้ข้อมูลกับแพทย์
กิจกรรมการพัฒนา (ตอ่)
•
กําหนดแนวทางการติดตาม การให้ข้อมูล และอบรม
เภสัชกรประจํางานบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยใน
•
ติดตามการสั่งใช้ยาในผู้ปว่ยในทุกรายที่เข้าเงื่อนไข
•
เมื่อพบการสั่งใช้ยาที่ต้องมีการปรับขนาดยา จึง
ดําเนินการให้ข้อมูลและปรกึษาแพทย์เพื่อปรับขนาด
ยาให้เหมาะสมและดําเนินการติดตามต่อเนื่องจน
ผู้ป่วยถูกจําหน่ายออกจากโรงพยาบาล
กิจกรรมการพัฒนา (ตอ่)
การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง
85
246
279291 297
255 249 258
295316
283 280262
23
59 58
8462 66
55 56 5263
41 44 45
0
50
100
150
200
250
300
350
กค 54* สค 54 กย 54 ตค 54 พย 54 ธค 54 มค 55 กพ 55 มีค 55 เมย 55 พค 55 มิย 55 กค 55
ผูปวยที่ไดรับการติดตาม ผูปวยที่จําเปนตองไดรับการปรับขนาดยาใหเหมาะสม
ผู้ป่วยที่จําเป็นต้องได้รับการปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับ การทํางานของไตที่ลดลงเฉลี่ยเดือนละ 57 ราย (ร้อยละ 21)
การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง (ต่อ)
57
42
36
60
39 3833 34
44
38
29 2731
86
81 8277
74 75
8085 83
85
7376
0
10
20
30
40
50
60
70
80
90
100
กค 54* สค 54 กย 54 ตค 54 พย 54 ธค 54 มค 55 กพ 55 มีค 55 เมย 55 พค 55 มิย 55 กค 55
กอนใหขอมูล
หลังใหขอมูล
สัดส่วนของการได้รับขนาดยาที่เหมาะสมก่อนและหลังให้ข้อมูลขนาด ยา และปรึกษาแพทย์ เทา่กับร้อยละ 38 และ ร้อยละ 80 ตามลําดับ
การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง (ต่อ)
ผูป้่วยในกลุ่มที่ได้รับการปรับขนาดยาให้เหมาะสมมีระดับซีรัมครีเอตินินเพิ่มขึ้นจากค่า พื้นฐานมากกว่าเท่ากับ 0.5 และค่าการทํางานของไต (CrCl) ลดลงจากค่าพื้นฐาน
มากกว่าร้อยละ 25 นอ้ยกว่าผูป้่วยในกลุ่มที่ใช้ยาต่อในขนาดเดิม
3 42 434
167
0
50
100
150
200
ได้รับการปรับขนาดยาให้เหมาะสม ใช้ยาต่อในขนาดเดิม
จํานว
นผู้ปว่
ย (ราย
) ผู้ป่วยที่ติดตาม
Scr > 0.5
CrCl < 25%
การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง (ต่อ)
ผูป้่วยในช่วงก่อนสร้างระบบมีระดับซีรัมครีเอตินินเพิ่มขึ้นจากค่าพื้นฐานมากกว่าเท่ากับ 0.5 และค่าการทํางานของไต (CrCl) ลดลงจากค่าพื้นฐานมากกว่าร้อยละ 25 มากกว่า
ผูป้่วยในช่วงหลังสร้างระบบ
4 74 6
201
23
0
50
100
150
200
250
ก่อนสร้างระบบ หลังสร้างระบบ
จํานว
นผู้ปว่
ย (ราย
)
ผู้ป่วยที่ติดตาม
Scr > 0.5
CrCl < 25%
บทเรียนที่ได้รับ
•
การให้ข้อมูลและปรึกษาแพทย์โดยการพูดคุยโดยตรงจะม
ีอัตราการยอมรับคําปรึกษามากกว่าการให้ข้อมูลและปรึกษา
โดยการเขียนบันทึกทางเภสัชกรรม (pharmacist note)
•
การปรับขนาดยาไมค่วรดูคา่การทํางานของไตในปัจจุบัน เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเนน้การปรับขนาดยาเพียงอย่าง
เดียวอาจทําให้ผู้ป่วยได้รับยาไมเ่พียงพอ จนส่งผลต่อการ รักษาได้
บทเรียนที่ได้รับ (ตอ่)
•
แนวทาง แบบบันทึกและข้อมูลขนาดยาควรมีการทบทวน เปน็ระยะเพื่อให้เหมาะสมกับการทํางานและปัญหาที่พบ
หลังจากดาํเนนิการไปแล้ว
•
นอกจากผู้ป่วยผู้ใหญ่ ผู้ป่วยเด็กเป็นอีกกลุ่มหนึง่ที่มีโอกาส ได้รับยาในขนาดที่สูงเกินไปเนื่องจากมกีารทํางานของไต
ลดลง ดังนัน้ทางฝ่ายเภสัชกรรมจึงมีแผนงานที่จะขยายการ ดูแลครอบคลุมไปถึงผู้ป่วยเดก็ และผู้ป่วยเด็กแรกเกิดด้วย