3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘...

14
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§ ¹Òª¹Ô¹·Ã à©ÅÔÁÊØ¢ ¹ÒÂÍÀÔªÒµÔ ¤íÒ»ÅÔÇ ¼ÙŒµÃǨ ¹Ò§ÊÒÇÍÒÃÕÂÒ ÈÃÕ»ÃÐàÊÃÔ° ¹ÒÂàÍÔÞ ÊØÃÔÂЩÒ ¹Ò§ÊÒÇÊØ»ÃÒ³Õ Ç§Éáʧ¨Ñ¹·Ã ¹ÒÂູÂÒÁÔ¹ ǧɻÃÐàÊÃÔ° ºÃóҸԡÒà ´Ã.©Ñ··ÇØ²Ô ¾Õª¼Å µÒÁÁҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙ ŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ¡ÅØ ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙ ŒÇÔ·ÂÒÈÒʵÃáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ (©ºÑº»ÃѺ»Ãا ¾.È. 2560) µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª 2551 เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.3 ªÑé¹ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè 3 สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ปที่พิมพ 2563 พิมพครั้งที่ 1 จํานวนพิมพ 30,000 เลม ISBN : 978-616-203-955-3 รหัสสินคา 2318010

Upload: others

Post on 12-Jul-2020

1 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§

¹Òª¹Ô¹·Ã à©ÅÔÁÊØ¢¹ÒÂÍÀÔªÒµÔ ¤íÒ»ÅÔÇ

¼ÙŒµÃǨ

¹Ò§ÊÒÇÍÒÃÕÂÒ ÈÃÕ»ÃÐàÊÃÔ°¹ÒÂàÍÔÞ ÊØÃÔÂЩÒ¹ҧÊÒÇÊØ»ÃÒ³Õ Ç§É�áʧ¨Ñ¹·Ã�¹ÒÂູÂÒÁÔ¹ ǧÉ�»ÃÐàÊÃÔ°

ºÃóҸԡÒÃ

´Ã.©Ñ··ÇØ²Ô ¾Õª¼Å

µÒÁÁҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ́ ¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÇÔ·ÂÒÈÒʵÃ�áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ (©ºÑº»ÃѺ»Ãا ¾.È. 2560)µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª 2551

เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ม.3ªÑé¹ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè 3

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติปที่พิมพ 2563พิมพครั้งที่ 1 จํานวนพิมพ 30,000 เลมISBN : 978-616-203-955-3รหัสสินคา 2318010

Page 2: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

ค�ำถำมประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้ ค�ำถำมที่ช่วยกระตุ้นควำมคิดก่อนเข้ำสู่เน้ือหำในแต่ละหัวข้อ

Summaryสรุปเน้ือหำเพื่อให้ผู้เรียนได้ทบทวนสำระส�ำคัญประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้

Self Checkสรุปค�ำถำมเพื่อให้ผู้เรียนตรวจสอบควำมรู้ ควำมเข้ำใจด้วยตนเอง

Unit Questionแบบฝึกหัดประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้

เพื่อใช้ประเมินผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน

เนื้อหำครบตำมหลักสูตรแกนกลำง พุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) น�ำเสนอโดยใช้ภำษำที่เข้ำใจง่ำย มีรูปภำพ แผนภำพ และตำรำงประกอบ เหมำะสมกับกำรเรียนกำรสอน

1 การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology: IT)เป็นการน�าเทคโนโลยคีอมพวิเตอร์มาใช้ในกระบวนการ

ท�างานต่างๆ เพือ่ใช้จัดการข้อมูลท่ีเกิดขึน้ในการท�างานของบคุคลหน่วยงานหรอืองค์กรเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่น�าไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อระบบทางสังคมและองค์กรต่างๆ โดยมีการน�าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในระดับประเทศระดับองค์กรหรือหน่วยงานและระดับบุคคลดังนี้

1. ระดับประเทศ รัฐบาลได้มีนโยบาย

น�าเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยเข้ามาใช้

ในทุกภาคส่วนของหน่วยงานรัฐและหน่วย

งานเอกชน ทั้งการด�าเนินงานและกิจกรรม

ต่างๆ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การท�างานและการ

ด�าเนินกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐมีความ

สะดวกสบายมากยิ่งข้ึน อีกทั้งยังก่อให้เกิด

ความมัง่ค่ังทางด้านเศรษฐกจิทีส่ามารถแข่งขัน

ได้ในเวทรีะดบัโลกและเป็นการเสรมิสร้างความ

มั่นคงให้กับประเทศด้วย

2. ระดับองค์กรหรือหน่วยงาน การ

ท�างานต่างๆ ของแต่ละองค์กรหรือหน่วยงาน

สามารถท�างานควบคมุการท�างานตดิตามงาน

หรอืดูผลการท�างานได้จากทกุทีต่ลอด24ชัว่โมง

ซ่ึงการท�างานขององค์กรหรอืหน่วยงานจะต้อง

พบกับข้อมูลจ�านวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น การด�าเนินงานในองค์กรจึงต้องน�า

เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เพื่อเป็นเครื่องมือ

ช่วยในการปฏิบัติงานที่รวดเร็ว หรือใช้เป็น

กลยุทธ์เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศอยางปลอดภัยควรปฏบิตัอิยางไร

ภาพที่ 3.2การน�าเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรจะช่วยให้

การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ

ภาพที่ 3.1การน�าเทคโนโลยีมาใช้ทางการแพทย์

เป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ

61

เทคโนโลยีสารสนเทศ

Summary

การใช้งานเทคโนโลยสีารสนเทศ

เป็นการน�าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้ในกระบวนการท�างานต่างๆ เพื่อใช้ในการจัดการ

ข้อมูลท่ีเกิดขึ้นในการท�างาน เพื่อให้ได้มาซ่ึงเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถน�าไปใช้งานได้ตาม

วตัถปุระสงค์โดยในปัจจบุนัเทคโนโลยสีารสนเทศได้ถกูน�ามาใช้ในการท�างานในหลายระดบัได้แก่

ระดับประเทศ ระดับองค์กรหรือหน่วยงาน และระดับบุคคล ซ่ึงผู้ท่ีใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ

ทุกระดับจะต้องรู้จักการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยเช่นการท�าธุรกรรมออนไลน์

การซ้ือสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัย อีกทั้งผู้ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศยังจะใช้งานเทคโนโลยี

สารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบอีกด้วย

กฎหมายคอมพวิเตอร

ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายที่เก่ียวข้องกับการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศหลายฉบับ

เช่นพระราชบัญญตัว่ิาด้วยการกระท�าความผดิเก่ียวกับคอมพวิเตอร์พระราชบัญญตัว่ิาด้วยธรุกรรม

ทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยพระราชบัญญัติ

ว่าด้วยการกระท�าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันมี 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

พ.ศ.2550และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์(ฉบับที่2)พ.ศ.2560โดยพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ทั้ง2ฉบับ

จะมุ่งเน้นในการลงโทษผู้ที่กระท�าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ลขิสทิธิ์

เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความอุตสาหะพยายาม

ในการสร้างสรรค์ผลงานซ่ึงถือว่าเป็นทรพัย์สนิทางปัญญาประเภทหนึง่ทีก่ฎหมายให้ความคุม้ครอง

โดยเจ้าของลิขสิทธิ์จะเป็นผู้เดียวที่จะกระท�าการใดๆ เกี่ยวกับงานที่สร้างสรรค์ได้ เช่น สิทธิที่จะ

ท�าซ�้า ดัดแปลง หรือน�าออกโฆษณา ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด รวมทั้งการอนุญาต

ให้ผู้อื่นน�าผลงานนั้นไปกระท�าการใดๆ ได้ด้วย

74

ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีความส�าคัญอย่างไร

การแสดงถึงความรับผิดชอบในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศควรปฏิบัติอย่างไร

การน�ารหสัผ่านเข้าสูค่อมพิวเตอร์ของผูอ้ืน่ไปเผยแพร่ให้ผูอ้ืน่ทราบเป็นการกระท�าความผดิ

เกี่ยวกับกฎหมายคอมพิวเตอร์อย่างไร

พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537ให้ความคุ้มครองกับผลงานใดบ้าง

ยกตัวอย่างเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ว่ามีลักษณะอย่างไร

1

2

3

4

5

3Unit Question

ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด หากพิจารณาข้อความไม่ถูกต้องให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้

ถูก/ผิด ทบทวนหัวข้อ

1. การใช้งานธุรกรรมออนไลน์จะต้องค�านึงถึงความปลอดภัยของทรัพย์สินเป็นอันดับแรก

1.1

2. การเผยแพร่ข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องตรวจสอบความถูกต้องแม่นย�าของข้อมูลก่อนการน�าเสนอข้อมูล

1.2

3. พระราชบญัญตัว่ิาด้วยธรุกรรมทางอเิลก็ทรอนกิส์เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานคอมพิวเตอร์

2

4. ชาวต่างชาตท่ีิกระท�าความผดิในประเทศไทยจะต้องกลบัไปรบัโทษ ที่ประเทศบ้านเกิดของตนเอง

2

5. การคุ้มครองลิขสิทธิ์จะคุ้มครองเมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิตแล้ว

เท่านั้น3.1

Self Check

บั น ท ึก ล ง ใ

น ส ม ุด

75

ͧ¤�»ÃСͺµ‹Ò§æ ã¹áµ‹ÅÐ˹‹ÇÂ

หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการ

คํานวณ) ม.3 จัดทําขึ้นสําหรับใชประกอบการเรียนการสอน ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3 โดย

ดาํเนนิการจัดทําใหสอดคลองตามมาตรฐานการเรียนรูและตวัชีว้ดั กลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตร

และเทคโนโลย ี(ฉบบัปรบัปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้พืน้ฐาน พทุธศักราช

2551 ทุกประการ สงเสริมทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 ทั้งทักษะดานการคิด

วเิคราะห การคดิอยางมีวจิารณญาณ การแกปญหา การคดิสรางสรรค การใชเทคโนโลย ีการส่ือสาร

และการรวมมือ เพื่อใหผูเรียนรูเทาทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม

และสภาพแวดลอม สามารถแขงขันและอยูรวมกับประชาคมโลกได

คําแนะนําในการใช้สื่อ

หนวยการเรียนรูที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/4 ใชเทคโนโลยสีารสนเทศอยางปลอดภยั และมคีวามรบัผดิชอบตอสงัคม ปฏบิตัติามกฎหมายเกีย่วกบัคอมพวิเตอร

ใชลิขสิทธิ์ของผูอื่นโดยชอบธรรม

เทคโนโลยสีารสนเทศ

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ผูใชจะตองรู จัก

การใชงานอยางปลอดภัย และเรียนรูเก่ียวกับกฎหมาย

คอมพิวเตอร เพื่อการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศอยาง

ถูกตองเหมาะสม

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ผูใชจะตองรู จัก

3

Com SciActivity in Real Life

Com SciCom Sci Com SciFocus

เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหา โดยให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรู ้และทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทางวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) สู่ชีวิตประจําวัน

ความรู้เสริมจากเนื้อหาเพื่อขยายความรู้ของผู้เรียน

ตัวชี้วัดตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้

Page 3: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/4ใช้เทคโนโลยสีารสนเทศอย่างปลอดภยัและมคีวามรบัผดิชอบต่อสงัคมปฏบิตัติามกฎหมายเกีย่วกบัคอมพวิเตอร์

ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม

เทคโนโลยีสารสนเทศ

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู ใชจะตองรู จัก

การใชงานอยางปลอดภัย และเรียนรูเกี่ยวกับกฎหมาย

คอมพิวเตอร เพื่อการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศอยาง

ถูกตองเหมาะสม

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู ใชจะตองรู จัก

3หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/1 พัฒนาแอปพลิเคชันที่มีการบูรณาการกับวิชาอื่นอย่างสร้างสรรค์

4 แอปพลิเคชัน

ในปจจุบันแอปพลิเคชันไดเขามีบทบาทกับคนในสังคม

เปนอยางมาก ทั้งทางดานการศึกษา การสาธารณสุข

หรือความบันเทิง ซึ่งในการพัฒนาแอปพลิเคชันนั้น

จะตองมีการออกแบบแอปพลิเคชันกอน เพื่อใหได

แอปพลิเคชันที่ตรงตามความตองการของผูใชงาน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แอปพลิเคชัน 76-107

1. เทคโนโลยี IoT 77

1.1องค์ประกอบของเทคโนโลยีIoT 78 1.2ตัวอย่างอุปกรณ์สําหรับเทคโนโลยีIoT 79 1.3ข้อดี-ข้อเสียของเทคโนโลยีIoT 81 1.4ตัวอย่างการนําเทคโนโลยีIoTมาใช้งาน 81

2. การพัฒนาแอปพลิเคชัน 83

2.1ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน 85 2.2ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน 89

Summary 106

Self Check 107

Unit Question 4 107

บรรณานุกรม 108

76-107

เทคโนโลยีสารสนเทศ 60-75

1. การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ 61

1.1การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย 62 1.2การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ 66

2. กฎหมายคอมพิวเตอร ์ 683. ลิขสิทธิ ์ 71

3.1การคุ้มครองลิขสิทธิ์ 71 3.2การใช้สิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม(FairUse) 73

Summary 74

Self Check 75

Unit Question 3 75

60-75

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/4ใช้เทคโนโลยสีารสนเทศอย่างปลอดภยัและมคีวามรบัผดิชอบต่อสงัคมปฏบิตัติามกฎหมายเกีย่วกบัคอมพวิเตอร์

ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม

เทคโนโลยีสารสนเทศ

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู ใชจะตองรู จัก

การใชงานอยางปลอดภัย และเรียนรูเกี่ยวกับกฎหมาย

คอมพิวเตอร เพื่อการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศอยาง

ถูกตองเหมาะสม

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู ใชจะตองรู จัก

3

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/1 พัฒนาแอปพลิเคชันที่มีการบูรณาการกับวิชาอื่นอย่างสร้างสรรค์

4 แอปพลิเคชัน

ในปจจุบันแอปพลิเคชันไดเขามีบทบาทกับคนในสังคม

เปนอยางมาก ทั้งทางดานการศึกษา การสาธารณสุข

หรือความบันเทิง ซึ่งในการพัฒนาแอปพลิเคชันนั้น

จะตองมีการออกแบบแอปพลิเคชันกอน เพื่อใหได

แอปพลิเคชันที่ตรงตามความตองการของผูใชงาน

สารบัญ เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) Á.3หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/2รวบรวมข้อมูลประมวลผลประเมินผลน�าเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ

บริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย

1

สารสนเทศเกิดจากการนําขอมูลมาประมวลผล

ดวยวิธีการที่หลากหลายโดยใชคอมพิวเตอร จะทําให

การประมวลผลขอมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น พรอมที่จะ

นําเสนอ

สารสนเทศเกิดจากการนําขอมูลมาประมวลผล

การจดัการขอมลูและสารสนเทศ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 2-231. การรวบรวมข้อมูล 3 1.1ข้อมูลปฐมภูมิ 3 1.2ข้อมูลทุติยภูมิ 6

2. การประมวลผลข้อมูล 7 2.1การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ 7 2.2การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล 7 2.3การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 8

3. การใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูล และสารสนเทศ 18 3.1ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล 18 3.2ซอฟต์แวร์ที่ใช้ส�าหรับประมวลผลข้อมูล 19 3.3ซอฟต์แวร์ที่ใช้ส�าหรับสร้างและน�าเสนอข้อมูล 19Summary 22Self Check 23Unit Question 1 23

2-23

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว 4.2 ม.3/3ประเมินความน่าเชือ่ถอืของข้อมลูวเิคราะห์สือ่และผลกระทบจากการให้ข่าวสารทีผ่ดิเพือ่การใช้งานอย่างรูเ้ท่าทนั

ความนาเชือ่ถอืของขอมลู

ป จจุบันข อมูลตาง ๆ มาจากหลากหลายแหลง

โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน หากผูรับขอมูลหลงเชื่อและ

สนับสนุนขอมูลนั้น โดยไมผานการไตรตรองและประเมิน

ความนาเชื่อถือของขอมูล อาจสงผลกระทบตอตนเอง

หรือสังคมได

ป จจุบันข อมูลตาง ๆ มาจากหลากหลายแหลง

2หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ความน่าเชื่อถือของข้อมูล 24-59

1. การสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูล 25 1.1ตัวอย่างการสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต 26 1.2ขั้นตอนการสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ต 33

2. การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล 37 2.1หลักการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล 37

2.2การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล 41

2.3การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้PROMPT 442.4เหตุผลวิบัติ 46

3. การรู้เท่าทันสื่อ 48 3.1องค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อ 50 3.2การรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลและการรู้เท่าทันสื่อ 52

3.3การใช้สื่อและปญหาที่พบในสื่อปจจุบัน 553.4ผลกระทบของข้อมูลที่ผิดพลาด 56

Summary 58Self Check 59Unit Question 2 59

24-59

Page 4: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

1 การรวบรวมข้อมูลข้อมลู (Data) คอื ข้อเทจ็จรงิของเหตกุารณ์ต่าง ๆ

ที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลตัวเลข ข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลรูปภาพ ข้อมูลเสียง หรือ

สัญลักษณ์ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อได้รับข้อมูลมาแล้วจะต้องมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความถูกต้อง เหมาะสม และมีความน่าเชื่อถือ การรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนส�าคัญที่สุดของการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ ดังน้ัน ผู้ใช้งานข้อมูลจึงควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะและประเภทของข้อมูล ตลอดจนวิธีการรวบรวมข้อมูล โดยเมื่อพิจารณาถึงประเภทข้อมูลตามแหล่งที่มา สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ

1.1 ข้อมูลปฐมภูมิ

ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้เก็บรวบรวมด้วยตนเอง ท�าให้ได้ข้อมูลที่

ตรงตามความต้องการมากทีส่ดุ เพราะสามารถควบคมุลกัษณะการเก็บข้อมลูและรายละเอยีดอืน่ ๆ

ได้ตามที่ต้องการ ในการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย เวลา และก�าลังคนมากกว่า

การรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ โดยการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ สามารถท�าได้ ดังนี้

1. การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล เป็นการสื่อสารต่อหน้า (Face-to-Face) และเป็นการสื่อสาร

แบบสองทาง (Two-way Conversation) ระหว่างผู้สัมภาษณ์กับผู้ตอบค�าถามซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูล

โดยที่ผู้สัมภาษณ์จะเป็นผู้ถามค�าถามและควบคุมรูปแบบของการสัมภาษณ์ ซึ่งโดยปกติผู้ตอบ

มักไม่ให้ความสนใจในการตอบ หากรู้สึกว่า

ตนเองไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการให้ความ

ร่วมมือในการสัมภาษณ์น้ัน ดังนั้น จึงเป็น

หน้าที่ของผู้สัมภาษณ์ที่ต้องสร้างบรรยากาศ

และกระตุ ้นให้เกิดความรู ้สึกที่ดีในระหว่าง

การสัมภาษณ์ ถ้อยค�าที่ใช้ วิธีการพูด บุคลิก

การแต่งกาย และมารยาทที่แสดงออกของ

ผู้สัมภาษณ์ ล้วนมีส่วนส�าคัญกับค�าตอบที่จะ

ได้รับ วิธีการน้ีถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดส�าหรับ

การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ เพราะนอกจาก

ค�าตอบที่ได้รับแล้ว อาจจะสังเกตสิ่งอื่น ๆ จาก

ผู้ตอบได้อีกด้วย

การรวบรวมขอมลูมคีวามสาํคญัอยางไร

ภาพที่ 1.1 การสัมภาษณ์ส่วนบุคคลเป็นการรวบรวม

ข้อมูลที่ให้รายละเอียดได้ดีมากวิธีหนึ่ง

3

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ว4.2ม.3/2 รวบรวมข้อมูล ประมวลผล ประเมินผล น�าเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ

บริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย

1

สารสนเทศเกิดจากการนําขอมูลมาประมวลผล

ดวยวิธีการท่ีหลากหลายโดยใชคอมพิวเตอร จะทําให

การประมวลผลขอมูลมีประสิทธิภาพมากข้ึน พรอมที่จะ

นําเสนอ

สารสนเทศเกิดจากการนําขอมูลมาประมวลผล

การจดัการขอมลูและสารสนเทศ

Page 5: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

การใช้แบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูล สามารถแบ่งรูปแบบของแบบสอบถาม ได้ 2 รูปแบบ ดังนี้ 1) แบบสอบถามแบบปลายเปิด(Open-ended Form) แบบสอบถามแบบนี้เป็นแบบสอบถามที่ไม่ได้ก�าหนดค�าตอบไว้ ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเขียนค�าตอบหรือแสดง ความคดิเหน็ได้อย่างอสิระด้วยค�าพดูของตนเอง 2) แบบสอบถามแบบปลายปิด(Closed-ended Form) แบบสอบถามแบบนี ้ประกอบด้วยข้อค�าถามและตัวเลือกให้ผู้ตอบ แบบสอบถามเลือกตอบ ซึ่งตัวเลือกนี้สร้างขึ้น โดยคาดว่า ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเลือกตอบได้ตามความต้องการและมีอย่างเพียงพอ เหมาะสม แบบสอบถามแบบนีส้ร้างยากและใช้เวลาในการสร้างมากกว่าแบบสอบถามแบบปลายเปิด แต่ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถตอบได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว 4. การสงัเกตเป็นวธิกีารรวบรวมข้อมลูทีเ่ป็นทางเลอืกสดุท้ายในกรณทีีไ่ม่สามารถรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีอื่นได้ เช่น ข้อมูลพฤติกรรมของคนและของสัตว์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว ทั้งการสังเกตพฤติกรรมลักษณะต่าง ๆ ของทั้งคน สัตว์ สิ่งของ ภาษาพูด ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม และการสังเกตที่ไม่ใช่พฤติกรรม ซึ่งจะเป็นการศึกษาสถิติหรือประวัติต่าง ๆ ที่ผ่านมาในอดีต เช่น การวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงิน ระบบต่าง ๆ ที่ใช้ในกระบวนการท�างาน โดยวิธีการสังเกตสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ดังนี้ 1) การสังเกตโดยตรง ซึ่งผู้สังเกต จะเป็นส่วนหน่ึงของเหตุการณ์ แต่จะไม่มีการ ควบคุมหรือจัดการใด ๆ กับสถานการณ์ท่ี ต้องการสังเกต เพียงแต่สังเกตแล้วบันทึก สิ่งที่เกิดขึ้นจริง บางครั้งอาจใช้การสอบถามเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การสังเกตคุณภาพชีวิตของคนในสังคม สิ่งท่ีต้องระวงั คอื ความล�าเอยีงของผูส้งัเกต เพราะต้องเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ 2) การสังเกตแบบอ้อม เป็นการสังเกตแบบที่ผู้ถูกสังเกตจะไม่รู้ตัว แม้ว่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ต้องค�านึงถึงเรื่องจริยธรรมด้วย

ภาพที่1.5 การรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต

ท�าให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดกว่าวิธีอื่น

ภาพที่1.4 แบบสอบถามแบบปลายเปิดมักจะพบได้ใน

การสอบถามข้อมูลส่วนตัว

5

2. การสมัภาษณ์ทางโทรศพัท์เป็นการ

รวบรวมข้อมูลที่มีความสะดวกและง่ายต่อ

การเข้าถึงผู้ให้ข้อมูล ด้วยเหตุที่ผู้คนในสังคม

ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือติดตัวอยู่ตลอดเวลา

ถึงแม้ในบางครั้งอาจเกิดปัญหาการติดต่อกับ

ผู้ให้ข้อมูลไม่ได้ หรือได้รับการปฏิเสธจากผู้ให้

ข้อมลู เนือ่งจากไม่แน่ใจหรอืไม่ไว้วางใจต่อผูท้ี ่

โทรศัพท์เข้ามา ดังนั้น การใช้โทรศัพท์เพื่อ

รวบรวมข้อมูล จ�าเป็นที่จะต้องสร้างความไว้

วางใจและความเชือ่ถอืกนัเสียก่อน ซึง่สามารถ

กระท�าได้หลายวธิ ีเช่น การส่งอเีมลหรอืโทรศพัท์

ขอความร่วมมอืไปล่วงหน้า การประชาสมัพนัธ์

ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อแนะน�าตนเองและอธิบาย

วัตถุประสงค์ในการสัมภาษณ์

ทั้งนี้ การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์มีข้อดีในเรื่องความสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสีย

คือ ระยะเวลาในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถ้าใช้เวลาในการสัมภาษณ์นานเกินไป ผู้ให้ข้อมูล

อาจจะตัดสายหรือวางสายเม่ือใดก็ได้ หรืออาจจะมีสายเรียกเข้ามาขัดจังหวะขณะการสัมภาษณ ์

ซึง่ล้วนเป็นเหตใุห้การสมัภาษณ์นัน้ไม่สมบรูณ์

และอาจท�าให้ผู้ให้ข้อมูลเลือกปฏิเสธที่จะให้

ข้อมูลในครั้งต่อไปได้

3. การใช ้แบบสอบถาม เป ็นการ

รวบรวมข้อมูลที่ผู้ตอบกรอกข้อมูลด้วยตนเอง

โดยถือเป็นการรวบรวมข้อมูลท่ีมีความนิยม

เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่การตอบ

แบบสอบถามแบบนี้จะประกอบไปด้วยค�าถาม

จ�านวนไม่มากหรือไม่ยาวเกินไป และค�าตอบ

มักเป็นค�าตอบที่ไม่ยาวเกินไปเช่นกัน ในบาง

ค�าถามมักมีค�าตอบมาให้เลือก เพื่อความ

รวดเร็วและสะดวกในการตอบแบบสอบถาม

ภาพที่ 1.2 การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เป็นการรวบรวม

ข้อมูลที่สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย

ภาพท่ี 1.3 การรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม

ท�าให้ได้ข้อมูลจ�านวนมากในเวลาเดียวกัน

4

Page 6: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

2 การประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมลู (Data Processing) หมายถงึ วิธีการจัดการกับข้อมูล ซึ่งอาจเป็นการค�านวณหรือการเปรียบเทียบลักษณะต่าง ๆ เพ่ือให้ข้อมูลน้ันอยู่ใน

รูปแบบท่ีเป็นประโยชน์ หรือตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน โดยการประมวลผลข้อมูลสามารถแบ่งตามอุปกรณ์ท่ีใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือการประมวลผลข้อมลูด้วยเครือ่งจักรกล และการประมวลผลข้อมลูด้วยคอมพิวเตอร์

2.1 การประมวลผลข้อมลูด้วยมอื

การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ (Manual

Data Processing) เป็นวิธีการประมวลผลในยุค

เริม่ต้นทีใ่ช้มาตัง้แต่ในอดตี อปุกรณ์ท่ีใช้ในการ

ประมวลผล ได้แก่ กระดาษ ลูกคิด และเครื่อง

คิดเลข การประมวลผลข้อมูลในลักษณะนี้

เหมาะกับข้อมูลที่มีจ�านวนน้อย การค�านวณ

ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องการความ

เร่งด่วนในการประมวลผล

2.2 การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล

การประมวลผลข้อมลูด้วยเคร่ืองจักรกล

(Mechanical Data Processing) เป็นวิธีการ

ประมวลผลข้อมูลท่ีอาศัยแรงงานมนุษย์ร่วม

กับเครื่องจักรกล เช่น การค�านวณด้านบัญชี

ด้วยเครื่องท�าบัญชี (Accounting Machine)

นยิมใช้กบัข้อมลูทีมี่จ�านวนไม่มากและต้องการ

ได้ผลลัพธ์ด้วยความเร็วระดับปานกลาง โดย

การประมวลผลประเภทนี้จะประมวลผลได้

รวดเร็วและถูกต้องมากกว่าการประมวลผล

ด้วยมือ

ภาพที่1.6 เครื่องคิดเลขมักใช้ในการประมวลผล

แบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน

ภาพที่1.7 การค�านวณด้านบัญชีด้วยเครื่องท�าบัญชี

ช่วยให้ได้ผลลัพธ์รวดเร็วและถูกต้อง

การประมวลผลขอมลูดวยคอมพวิเตอรมลีกัษณะอยางไร

7

1.2 ข้อมูลทุติยภูมิ

ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) เป็นข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้แล้วโดยผู้อื่น การน�าข้อมูล

ทุติยภูมิมาใช้จะต้องตรวจสอบคุณภาพของข้อมูลก่อน โดยดูว่าใครเป็นผู้รวบรวมไว้ มีวิธีการ

อย่างไร และข้อมูลมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพื่อจะได้น�าข้อมูลไปใช้และอ้างอิงได้อย่างมั่นใจ

โดยข้อมูลทุติยภูมิมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี ข้อเสีย

สามารถน�าข้อมูลไปใช้งานได้ง่าย โดยไม่

ต้องเสยีเวลาในการรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง

และเป็นการประหยัดงบประมาณอีกด้วย

ข้อมลูทีมี่การรวบรวมไว้แล้ว อาจไม่ตรงตาม

เป้าหมายทีต้่องการ อาจจะท�าให้เสยีเวลาใน

การหาข้อมูลจากหลายแหล่ง

การน�าข้อมูลทุติยภูมิมาใช้เราไม่สามารถควบคุมความถูกต้องของข้อมูลได้ เนื่องจากเรา

ไม่สามารถทราบได้ว่า ผูร้วบรวมข้อมลูนัน้รวบรวมข้อมูลมาอย่างไร และใช้วธีิการใดจึงได้ข้อมูลมา

ดงันัน้ ข้อมลูทีไ่ด้มาจากแหล่งข้อมลูทุติยภมิูควรมีการตรวจสอบ (Cross Checks) โดยเปรยีบเทยีบ

ข้อมลูชนดิเดยีวกนักบัแหล่งข้อมลูอืน่ด้วย ซึง่การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทติุยภมิู สามารถ

แบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

1. ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายใน เป็นข้อมูลที่เกิดข้ึน

ภายในหน่วยงานหรือภายในองค์กรของผู้ใช้งาน เช่น ข้อมูล

พนักงาน ข้อมูลทางการเงิน โดยข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายใน

มีลักษณะเฉพาะตัว ผู้รวบรวมข้อมูลจะต้องรู้ว่าข้อมูลที่ต้องการ

เก็บอยู่ท่ีใด และอยู่ในรูปแบบใด ทั้งนี้ ผู้รวบรวมข้อมูลต้อง

สอบถามบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้รวบรวมข้อมูลได้ถูกแหล่ง

2. ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก เป็นข้อมูลที่ได้จาก

การรวบรวมของบุคคล หน่วยงานหรือองค์กรภายนอก เช่น

ข้อมลูทางด้านสถติิต่าง ๆ จากหน่วยงานส�านกังานสถิติแห่งชาติ

ซึ่งการใช้งานข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก ควรมีการ

ตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมลูโดยการเปรยีบเทยีบข้อมลู

ที่ได้มากับข้อมูลขององค์กรอื่น ๆ ด้วย ซึ่งการตรวจสอบแบบนี้

จะช่วยลดความผิดพลาดในการน�าข้อมูลมาใช้

in Real Life

Com SciCom Sci

o_O

ปจจุบันอินเทอร์เน็ต

ถือเป็นช่องทางส�าคัญในการ

รวบรวมข้อมูล โดยในปัจจุบัน

มีเว็บไซต์ที่ใช้เพื่อการค้นหา

ข้อมลู (Search Engines) ต่าง ๆ

เช่น

https://www.google.com

https://www.bing.com

https://www.yahoo.com

https://www.yippy.com

https://www.webopedia.com

https://archiev.org/search.php

6

Page 7: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

2. วิธีการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ โดยท่ัวไปการน�าข้อมูลไปใช้ประโยชน์นั้น

จ�าเป็นต้องผ่านการประมวลผลให้เป็นสารสนเทศก่อน จึงสามารถน�าสารสนเทศเหล่านั้นไปใช้ได้

อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการประมวลผลข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้

1) การประมวลผลแบบแบตช์ (Batch Processing) เป็นการประมวลผลโดยมีการ

รวบรวมข้อมูลไว้ช่วงเวลาหนึ่งหรือหลายช่วงเวลา ก่อนน�าข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผล โดยการ

ประมวลผลจะด�าเนินการตามช่วงเวลาที่ก�าหนด ซ่ึงการประมวลผลวิธีนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายใน

การประมวลผลได้มากกว่าการประมวลผลแบบอืน่ เช่น ระบบคดิดอกเบีย้ของธนาคารทกุ 3 เดอืน

การคิดค่าน�้าและค่าไฟฟ้าทุกสิ้นเดือน โดยการประมวลผลแบบแบตช์มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี ข้อเสีย

1. เหมาะส�าหรบัองค์กรทีมี่ขนาดใหญ่ มปีริมาณ ข้อมูลมาก แต่ไม่จ�าเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลทันที

2. ง่ายต่อการตรวจสอบ เมือ่เกิดข้อผดิพลาดท�าให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย

1. ข้อมลูท่ีได้ไม่ทันสมยั เนือ่งจากมีก�าหนดระยะเวลาในการประมวลผล

2. จ�าเป็นต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล

การประมวลผลแบบแบตช์

2) การประมวลผลแบบอนิเทอร์แอก็ทฟิ (Interactive Processing) เป็นการประมวลผล

ท่ีไม่ต้องรอเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยคอมพิวเตอร์จะท�าการประมวลผลและให้ผลลัพธ์

ทนัทหีลงัจากได้รบัข้อมลูน�าเข้า โดยการประมวลผลแบบอนิเทอร์แอก็ทฟิทีพ่บเห็นได้ในปัจจบุนันี้

มี 2 ประเภท ดังนี้

(1)การประมวลผลแบบออนไลน์ (Online Processing) เป็นวิธีการน�าข้อมูลที ่

รับเข้ามาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์โดยตรง

โดยข้อมูลที่น�าเข้าไม่จ�าเป็นต้องอยู่ที่เดียวกับ

คอมพิวเตอร์ที่ท�าการประมวลผล เช่น การท�า

ธรุกรรมทางการเงินด้วยเครือ่งรับจ่ายเงินอตัโนมตัิ

(Automatic Teller Machine: ATM) ซ่ึงรายการ

ธุรกรรมทางการเงินจะถูกส่งไปประมวลผลยัง

คอมพิวเตอร์ที่ให้บริการประมวลผลข้อมูลท่ี

อาจอยู่ห่างไกลได้ในทันที และสามารถแสดง

ผลลพัธ์ยอดเงินคงเหลอืในบญัชไีด้ทนัทเีช่นกนั ภาพที่1.10 การใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าเป็นการ

ประมวลผลแบบออนไลน์

9

2.3 การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพวิเตอร์

(Electronic Data Processing) เป็นวิธีการ

ประมวลผลข้อมลูทีน่ยิมใช้ในปัจจบุนั เนือ่งจาก

มีความถูกต้องและรวดเร็วกว่าการประมวลผล

ข้อมูลด้วยมือ และเครื่องจักรกล โดยการ

ประมวลผลข้อมูลประเภทนี้จะใช้คอมพิวเตอร์

เป็นอุปกรณ์หลัก ซึ่งสามารถรองรบัข้อมลูทีม่ี

ปริมาณมากและมีความซับซ้อน อีกทั้งการ

ประมวลผลข้อมลูด้วยคอมพวิเตอร์ยังให้ผลลัพธ์

ที่ถูกต้อง แม่นย�า และรวดเร็ว

1. ล�าดับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ มี 3 ขั้นตอน ดังนี้

1) การน�าข้อมูลเข้า (Input) เป็นขั้นตอนการรับข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ โดยผ่าน

ทางหน่วยรับข้อมูล (Input Unit) เช่น การป้อนข้อมูลตัวเลขหรือตัวอักขระทางแป้นพิมพ์ การรับ

ข้อมูลเสียงจากไมโครโฟน

2) การประมวลผล (Process) เป็นขั้นตอนการน�าข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนการน�าเข้ามา

จัดการโดยผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น การค�านวณ การเรียงล�าดับข้อมูล การแยกประเภทข้อมูล

3) การแสดงผล(Output) เป็นการน�าสารสนเทศทีไ่ด้จากการประมวลผลไปใช้ประโยชน์

หรือแสดงผล โดยผ่านทางหน่วยแสดงผล (Output Unit) เช่น การแสดงผลทางจอภาพ การแสดง

ผลทางกระดาษพิมพ์

ภาพที่1.8การประมวลผลข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์

สามารถรองรับข้อมูลที่มีปริมาณมากและซับซ้อน

ภาพที่1.9แผนภาพสรุปขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

Input OutputProcess

8

Page 8: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

1 การค�านวณ(Calculation) เป็นการน�าข้อมลูทีเ่ป็นตวัเลขทีส่ามารถค�านวณได้ มาผ่าน

กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เช่น การบวก ลบ คูณ หาร หาค่าเฉลี่ย การประมวลผล

ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์แบบการค�านวณ เช่น การค�านวณผลการศึกษาของนักเรียน

การค�านวณภาษีเงินได้ การค�านวณดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร

2 การจัดเรียงข้อมูล (Sorting) เป็นการเรียงข้อมูลตามเงื่อนไขที่ก�าหนด เช่น การจัด

เรียงข้อมูลตัวเลข 1 ถึง 100 การเรียงจากน้อยไปมาก หรือการจัดเรียงตัวอักษร

จากตัวแรกถึงตัวสุดท้าย ซ่ึงการจัดเรียงข้อมูลจะท�าให้ข้อมูลเหล่านั้นสามารถน�าไป

ใช้ประโยชน์ได้ง่ายข้ึน เช่น การเรียงคะแนนสอบจากมากไปน้อย การเรียงชื่อของ

นักเรียนตามตัวอักษรภาษาไทยจาก ก ถึง ฮ

3 การจดักลุม่ข้อมลู(Classifying) เป็นการจดัข้อมลูโดยการแยกออกเป็นกลุม่ ประเภท

หรือตามเง่ือนไขที่ก�าหนด เช่น การจัดกลุ่มนักเรียนตามเพศ การจัดกลุ่มข้อมูล

ภาพถ่ายตามวันที่ถ่ายภาพ ซึ่งการจัดกลุ่มข้อมูลจะท�าให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น

4 การสืบค้นข้อมูล (Retrieving) เป็นการค้นหาและน�าข้อมูลท่ีต้องการจากแหล่งเก็บ

ข้อมูล เพื่อน�าไปใช้ประโยชน์ เช่น การสืบค้นข้อมูลนักเรียนจากรหัสประจ�าตัว การ

ค้นหาหนังสือในห้องสมุดจากชื่อผู้แต่ง

5 การรวมข้อมูล (Merging) เป็นการน�าข้อมูลตั้งแต่ 2 ชุดข้ึนไป มารวมกันให้เป็น

ชุดเดียว เช่น การน�าข้อมูลประวัติส่วนตัวของนักเรียน มารวมกับประวัติการศึกษา

เป็นข้อมลูของนกัเรยีน 1 คน

3. กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

11

ภาพที่1.11 การแสดงความรูส้กึบนเฟซบุก เป็นตวัอย่าง

ของการประมวลผลแบบทันที

(2)การประมวลผลแบบทันที (Real-Time Processing) เป็นการประมวลผล

ที่มีวัตถุประสงค์ในการให้ผลลัพธ์ในลักษณะทันทีทันใด นิยมใช้ร่วมกับการประมวลผลแบบ

ออนไลน์ เช่น เวบ็ไซต์ทีใ่ห้ผูใ้ช้งานแสดงความ

คดิเหน็ได้ และหลงัจากแสดงความคดิเหน็แล้ว

เว็บไซต์จะแสดงผลลัพธ์ความคิดเห็นนั้น

บนหน้าเว็บทันที หรือการน�าคอมพิวเตอร์มา

เชื่อมต่อกับเครื่องตรวจจับควันเพื่อป้องกัน

ไฟไหม้ (โดยก�าหนดว่า ถ้ามีควันมากและ

อุณหภูมิสูงผิดปกติถือว่าเกิดไฟไหม้) ซึ่ง

คอมพิวเตอร์จะต้องท�าการประมวลผลอย่าง

ต่อเนื่องตลอดเวลา และถ้าประมวลผลแล้ว

สรุปได้ว่าเกิดไฟไหม้ คอมพิวเตอร์ก็จะสั่งให้

น�้าส�าหรับดับเพลิงที่ติดตั้งไว้ท�างานทันที

ข้อดี ข้อเสีย

1. สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมลู

ที่น�าเข้าไปได้ทันที

2. ข้อมูลที่น�าเข้าจะเป็นข้อมูลที่ทันสมัย

1. มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้

2. การแก้ไขข้อผิดพลาดท�าได้ยากกว่าการ

ประมวลผลแบบแบตช์

การประมวลผลแบบอินเทอร์แอ็กทิฟ

ข้อมูลมีอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งข้อมูลที่สามารถน�ามาประมวลผลได้และไม่สามารถน�า

มาประมวลผลได้ ซึ่งข้อมูลที่สามารถน�ามาประมวลผลได้ สามารถแบ่งตามลักษณะการ

จัดเก็บได้ 3 ชนิด คือ ข้อมูลตัวเลข ข้อมูลอักขระ และข้อมูลมีเดีย

¢ŒÍÁÙÅ·ÕèÊÒÁÒö¹ÒÁÒ»ÃÐÁÇżÅä´ŒCom SciFocus

การประมวลผลแบบอินเทอรแอ็กทิฟ

10

Page 9: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

11 การส�ารองข้อมูล (Backup) เป็นการท�าส�าเนาข้อมูลท้ังหมดหรือบางส่วนลงในสื่อ

หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก ตามช่วงเวลาที่ก�าหนด

แล้วน�าไปเก็บแยกไว้ เพื่อให้สามารถน�าข้อมูลเหล่านั้นกลับมาใช้ได้ ในกรณีที่ข้อมูล

ต้นฉบับเกดิปัญหา สญูหาย หรือถูกท�าลาย เช่น การส�ารองข้อมูลประวติัของนกัเรียน

ทุกสิ้นเดือน

12 การกู้ข้อมูล(Data Recovery) เป็นกระบวนการในการน�าข้อมูลที่เสียหาย สูญหาย

หรือถูกท�าลายจากสาเหตุต่าง ๆ ให้กลับคืนมาอยู ่ในสภาพท่ีสามารถน�ามาใช ้

ประโยชน์ได้ดังเดิม ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน จะต้อง

กระท�าด้วยความระมัดระวังโดยบุคคลที่มีความช�านาญ เช่น การกู้ข้อมูลทะเบียน

ประวัติของนักเรียนจากปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ท�าให้จานแม่เหล็กส�าหรับเก็บข้อมูล

เกิดความเสียหาย

13 การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) เป็นกระบวนการท่ีเกี่ยวข้องกับการ

รับ-ส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยผ่านตัวกลางการสื่อสาร เพื่อให้ข้อมูล

นั้นสามารถไปยังจุดหมายปลายทางได้ เช่น การสนทนาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

(Chat)

14 การบีบอัดข้อมูล (Data Compression) เป็นกระบวนการในการลดขนาดข้อมูล

เพื่อให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ หรือเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลต่อไปยังปลายทาง

ได้รวดเร็วข้ึน ท�าให้ประหยัดเวลาในการส่งข้อมูลหากัน ตัวอย่างการบีบอัดข้อมูล

เช่น การส่งภาพผ่านระบบสนทนาบนอินเทอร์เน็ต ระบบจะท�าการบีบอัดภาพก่อน

ส่งไปยังผู้รับ เพื่อให้ผู้รับได้รับข้อมูลภาพได้เร็วขึ้น

13

6 การสรุปผล (Summarizing) เป็นการสรุปส่วนต่าง ๆ ของข้อมูล เพื่อแสดงเฉพาะ

ส่วนที่เป็นสาระส�าคญั เช่น การสรปุผลการเรียนของนกัเรียน การสรุปยอดรายรับ-รายจ่าย

ของครัวเรือนในแต่ละเดือน

7 การท�ารายงาน (Reporting) เป็นการน�าข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลมาจัดพิมพ์ใน

รูปแบบรายงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกระดาษ เว็บไซต์ หรือส่ือต่าง ๆ เช่น

รายงานผลการตรวจสุขภาพ สมุดรายงานผลการเรียนของนักเรียน หรือรายงาน

ผลการเรียนของนักเรียนผ่านเว็บไซต์ของโรงเรียน

8 การบันทึก (Recording) เป็นการจัดเก็บข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ลงสื่อหรืออุปกรณ์

ส�าหรบัจดัเกบ็ข้อมลู เช่น การบนัทกึประวัตส่ิวนตวัของนกัเรยีนแต่ละคนจากการป้อน

ข้อมูลผ่านทางแป้นพิมพ์ เพื่อบันทึกลงฐานข้อมูล

9 การปรบัปรงุข้อมลู (Update) เป็นกระบวนการทีท่�าให้ข้อมูลมีความถกูต้องและมีความ

ทนัสมยัอยูเ่สมอ โดยสามารถท�าการเพิม่ ลบ และแก้ไข เพือ่ให้ข้อมลูถกูต้องมากทีส่ดุ

ซึ่งความถูกต้องและทันสมัยนั้นจะขึ้นอยู่กับความถี่ในการปรับปรุง เช่น การปรับปรุง

ยอดขายของร้านค้าออนไลน์ทุกสิ้นเดือน เพือ่ท�าให้ยอดขายมีความถูกต้อง หรอืการ

ปรบัปรงุยอดเงินฝากทันทีหลงัจากการท�าธุรกรรมทางการเงนิ

10 การส�าเนาข้อมลู(Duplication) เป็นการคดัลอกข้อมูลจากข้อมลูต้นฉบบั เพือ่ไปบนัทกึ

เป็นข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่เหมือนกัน โดยการส�าเนาข้อมูลนั้น ต้องค�านึงถึงความถูกต้อง

ด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ และต้องได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของข้อมูลต้นฉบับด้วย

เช่น การท�าส�าเนาข้อมูลประวัติการศึกษาของนกัเรียน เพือ่ให้นกัเรียนใช้เป็นหลกัฐาน

ในการศึกษาต่อ

12

Page 10: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

ตารางที่1.1 การเตรียมข้อมูลผลการเรียนของนักเรียน

ตัวอย่าง การประมวลผลข้อมูลผลการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จ�านวน 3 ห้อง

1. ขั้นตอนการเตรียมเพื่อน�าเข้าข้อมูล

เตรียมข้อมูลผลการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จ�านวน 3 ห้อง โดยการ

ลงรหัสข้อมูลของรหัสนักเรียน และจัดกลุ่มนักเรียนตามห้อง ดังนี้

ผลการเรียนของนักเรียนห้อง1

รหัสนักเรียน ชื่อนักเรียน ผลการเรียน

S001 สมชาย 3.50

S002 สมหญิง 3.75

S003 สุรศักดิ์ 2.75

S004 สุพัชรินทร์ 3.00

S005 นิพนธ์ 2.50

ผลการเรียนของนักเรียนห้อง2 ผลการเรียนของนักเรียนห้อง3

รหัสนักเรียน ชื่อนักเรียน ผลการเรียน

S006 สุภาวดี 3.00

S007 มงคล 3.25

S008 สมศักดิ์ 2.75

S009 รติรส 3.25

S010 มานะ 2.50

S011 พรสวัสดิ์ 3.00

รหัสนักเรียน ชื่อนักเรียน ผลการเรียน

S012 วิชัย 2.95

S013 พิมล 3.14

S014 วิภาพร 2.80

S015 เกรียงศักดิ์ 3.25

S016 ทินกร 2.75

S017 มานิตย์ 3.25

ตัวอย่าง

3) ขัน้ตอนการน�าไปใช้ประโยชน์และแสดงผลลัพธ์(Output) เป็นการน�าไปใช้ประโยชน์

และการแสดงผลลพัธ์ เป็นขัน้ตอนหลงัจากผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว ซึง่เป็นขัน้ตอนในการ

แปลผลลพัธ์ให้ออกมาอยูใ่นรปูทีส่ามารถเข้าใจง่าย หรอืสามารถส่งต่อและน�าไปใช้ประโยชน์ต่อได้

เช่น การน�าเสนอในรูปแบบรายงาน การน�าเสนอในรูปแบบแผนภูมิ เช่น รายงานแสดงยอดขาย

รายเดือน รายงานแนวโน้มยอดขายไตรมาสถัดไป รายงานแผนภูมิระดับผลการเรียนเฉลี่ยของ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง

15

4. ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

1) ขั้นตอนการเตรียมเพ่ือน�าเข้าข้อมูล (Input) เป็นการจัดเตรียมข้อมูลที่รวบรวม

มาแล้วให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะสม และสะดวกในการประมวลผล ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ดังนี้

การลงรหัส(Coding) เป็นการใช้รหัสแทนข้อมูลจริง ท�าให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบ

ที่สะดวก รวดเร็วต่อการประมวลผล ช่วยให้ประหยัดเวลาและพื้นที่ โดยรหัสสามารถเป็นได้ทั้ง

ตัวเลขและตัวอักษร เช่น ข้อมูลเพศของนักเรียน ให้รหัส M แทนเพศชาย รหัส F แทนเพศหญิง

หรือการใช้รหัสแทนชื่อแผนกในการท�างาน

รายการข้อมูลที่น�าเข้า

สมชายใจดี เพศชาย สังกัดแผนกการเงิน เงินเดือน 20,000

สมชาย ใจดี M D03 เงินเดือน 20,000

การตรวจสอบแก้ไขข้อมูล(Editing) เป็นกระบวนการทีท่�าให้ข้อมลูมคีวามถูกต้อง

และเหมาะสมที่สุดก่อนน�าไปประมวลผล เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การปรับปรุง

แก้ไขข้อมูลหรือน�าข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไป เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนสอบ

ของนักเรียนก่อนน�าไปประมวลผล หากพบความผิดพลาดให้ด�าเนินการแก้ไขให้ถูกต้องก่อนน�า

คะแนนเหล่านั้นไปค�านวณหาผลการเรียนเฉลี่ยหรือเกรด

การแยกประเภทข้อมูล (Classifying) เป็นการแยกประเภทข้อมลูออกตามลกัษณะ

ข้อมูลหรือตามลักษณะงานที่จะน�าข้อมูลไปใช้ เพื่อความสะดวกในการประมวลผลครั้งต่อไป

เช่น การแยกข้อมูลประวัติตามชั้นเรียน การแยกคะแนนสอบตามรายวิชา การแยกสินค้าในร้าน

ตามประเภทของสินค้า

การบนัทึกข้อมลูลงสือ่(Media) เป็นการจัดเตรยีมข้อมูลใหอ้ยู่ในรูปของสือ่หรือ

อุปกรณ์ท่ีอยู่ในรูปแบบคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าใจและน�าไปประมวลผลได้ เช่น การบันทึก

ข้อมูลลงในจานแม่เหล็กหรือเทปแม่เหล็ก เพื่อน�าไปประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ต่อไป

2) ขัน้ตอนการประมวลผลข้อมลู (Processing) เป็นกระบวนการจดัการกบัข้อมลู เพือ่

ให้ได้เป็นสารสนเทศ โดยน�าข้อมูลท่ีจัดเตรียมไว้เข้าสู่คอมพิวเตอร์ เพื่อท�าการประมวลผลผ่าน

ซอฟต์แวร์ส�าหรับประมวลผลต่าง ๆ จนกระท่ังได้ผลลัพธ์ที่เป็นสารสนเทศที่ถูกต้องและตรงตาม

ความต้องการ โดยการประมวลผลนั้น อาจเป็นการค�านวณ การเรียงล�าดับข้อมูล การสืบค้น

ข้อมูล การรวบรวมข้อมูล การสรุปข้อมูล หรือการปรับปรุงข้อมูลก็ได้

14

Page 11: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

3. ขั้นตอนการน�าไปใช้ประโยชน์และแสดงผลลัพธ์

น�าข้อมูลไปใช้ประโยชน์โดยการแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบของแผนภูมิแท่ง ดังนี้

ห้อง 1 ห้อง 2 ห้อง 3

3.15

3.1

3.05

3

2.95

2.9

2.85

ระดับ

ผลกา

รเรีย

จากตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลผลการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

จ�านวน 3 ห้อง จะเห็นว่า ในขั้นตอนการเตรียมเพื่อน�าเข้าข้อมูลมีการลงรหัสข้อมูลของรหัส

นกัเรยีนด้วยการใช้ตวัอักษร S แล้วตามด้วยล�าดบัของนักเรยีน พร้อมทัง้แยกกลุม่นักเรยีนตาม

ห้องก่อนที่จะน�าข้อมูลไปประมวลผล เพื่อหาค่าผลการเรียนเฉลี่ยของนักเรียนในแต่ละห้อง

แล้วจึงแสดงผลออกมาในรูปแบบแผนภูมิแท่ง

Com SciFocus á¼¹ÀÙÁÔá·‹§

แผนภูมิแท่ง เป็นแผนภูมิที่ประกอบด้วยรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีลักษณะคล้ายกับแผนภูมิ

คอลัมน์ โดยแผนภูมิแท่งมีข้อดี คือ สามารถแสดงการเปรียบเทียบข้อมูลท่ีมีหลาย

ตัวแปรได้ สามารถแสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลได้ อีกทั้งยังสามารถแสดงค่าข้อมูล

ต�่าสุดและค่าข้อมูลสูงสุดได้ นอกจากแผนภูมิแท่งจะมีข้อดีแล้ว การใช้แผนภูมิแท่งยังมี

ข้อเสีย คือ ไม่เหมาะกับข้อมูลที่มีตัวแปรยาวเกินไป และข้อมูลที่มีจ�านวนตัวแปรมาก

อีกทั้งยังไม่เหมาะกับข้อมูลที่มีค่าความแตกต่างกันมากเกินไปอีกด้วย

17

2. ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูล

ประมวลผลข้อมลูโดยการค�านวณหาผลการเรยีนเฉลีย่ของนกัเรยีนในแต่ละห้อง ดงันี้

ผลการเรียนของนักเรียนห้อง1

รหัสนักเรียน ชื่อนักเรียน ผลการเรียน

S001 สมชาย 3.50

S002 สมหญิง 3.75

S003 สุรศักดิ์ 2.75

S004 สุพัชรินทร์ 3.00

S005 นิพนธ์ 2.50

ผลการเรียนเฉลี่ย3.10

ผลการเรียนของนักเรียนห้อง2 ผลการเรียนของนักเรียนห้อง3

รหัสนักเรียน ชื่อนักเรียน ผลการเรียน

S006 สุภาวดี 3.00

S007 มงคล 3.25

S008 สมศักดิ์ 2.75

S009 รติรส 3.25

S010 มานะ 2.50

S011 พรสวัสดิ์ 3.00

ผลการเรียนเฉลี่ย2.96

รหัสนักเรียน ชื่อนักเรียน ผลการเรียน

S012 วิชัย 2.95

S013 พิมล 3.14

S014 วิภาพร 2.80

S015 เกรียงศักดิ์ 3.25

S016 ทินกร 2.75

S017 มานิตย์ 3.25

ผลการเรียนเฉลี่ย3.02

16

Page 12: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

3.2 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ส�าหรับประมวลผลข้อมูล

การประมวลผลข้อมูลเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ต้องเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับประเภท

ข้อมูล หรือวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลนั้น โดยซอฟต์แวร์ที่ใช้ส�าหรับการประมวลผล

ข้อมูลนั้น มี 2 ประเภท ดังนี้

1. ซอฟต์แวร์ส�าเร็จรูป เช่น Microsoft Excel, Google Sheets, SPSS, Power BI

2. ซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพ่ือประมวลผลข้อมูลโดยเฉพาะ เช่น ซอฟต์แวร์เพื่อ

ประมวลผลข้อมูลทางการแพทย์ ซอฟต์แวร์เพื่อประมวลผลข้อมูลทางด้านวิศวกรรม ซอฟต์แวร์

เพื่อประมวลผลข้อมูลสภาพอากาศ

ภาพที่1.14 Microsoft Excel เป็นซอฟต์แวร์ส�าเร็จรูป

ที่ช่วยในการประมวลผลข้อมูล

ภาพที่ 1.15 การใช้ซอฟต์แวร์ในการประมวลผลข้อมูล

ทางด้านวิศวกรรม

3.3 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ส�าหรับสร้างและน�าเสนอข้อมูล

การน�าเสนอข้อมลูเป็นส่วนทีเ่ข้ามามบีทบาทส�าคญัในทุกหน่วยงานหรอืองค์กร เพราะหาก

เรามีข้อมูลที่ดีเพียงใด แต่ขาดการน�าเสนอข้อมูลที่ดี ไม่สามารถท�าให้ผู้ที่น�าข้อมูลไปใช้งานเข้าใจ

หรือเห็นภาพการน�าข้อมูลไปใช้ประโยชน์ กระบวนการทั้งหมดที่ท�ามาตั้งแต่เริ่มต้นจนได้ข้อมูลที่

เป็นสารสนเทศก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้น การน�าเสนอจึงจ�าเป็นและต้องรู้จักน�าเสนอ เพื่อให้น�าข้อมูล

นั้นไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับงานตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ โดยต้องเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่

เหมาะสม

19

3 การใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศการจัดการข้อมูลและสารสนเทศในปัจจุบันมี

การน�าซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยในการจัดการข้อมูล โดยมีทั้งซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการรวบรวมข้อมูล ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล และซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อการน�าเสนอข้อมูล

3.1 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล

การรวบรวมข้อมูลถอืเป็นต้นทางและเป็นส่วนส�าคัญของการได้มาซึง่ผลลัพธ์ทีถ่กูต้องตาม

วัตถุประสงค์ ซึ่งซอฟต์แวร์เหล่านี้จะถูกสร้างเป็นแบบฟอร์มต่าง ๆ เพื่อใช้ในการจัดเก็บรวบรวม

ข้อมูลตามที่ต้องการ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ มีดังนี้

1. ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์ เช่น Microsoft Word, Microsoft Excel,

Microsoft Access

2. ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น Google Docs, Google Sheets, Google

Forms, Microsoft Forms

การนําซอฟตแวรมาใชในการจดัการขอมูล มปีระโยชนอยางไร

ภาพที่1.13 Google Docs เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการ

รวบรวมข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต

ภาพที่1.12 Microsoft Excel เป็นซอฟต์แวร์หนึ่ง

ที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต

18

Page 13: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

ตัวอย่าง

ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่21

1. ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ทักษะการคิดและการแก้ปัญหา 3. ทักษะการสื่อสาร

ให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ช่วยกันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาขาและสถาบันการศึกษาที่เพื่อน ๆ

ในชั้นเรียนอยากศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับอาชีวศึกษา แล้วน�าข้อมูลนั้น

มาประมวลผลโดยใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อสรุปข้อมูลว่า มีสาขาและสถาบันการศึกษาใดบ้างท่ีเพ่ือน ๆ

ในชั้นเรียนสนใจศึกษาต่อมากที่สุด พร้อมทั้งให้นักเรียนเตรียมออกมาน�าเสนอหน้าชั้นเรียน

การประมวลผลข้อมูล

Com Sciactivity

ภาพที่1.17 การน�าเสนอข้อมูลสามารถท�าได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของข้อมูลได้ชัดเจน

การเลือกใช้งานซอฟต์แวร์

โรงเรยีนแห่งหน่ึงต้องการน�าเสนอข้อมลูดชันีมวลกายของนักเรยีนแต่ละห้องทกุระดบัช้ัน

ตัง้แต่ ม.1 - ม.6 จากผลทีไ่ด้ในการค�านวณน�า้หนกัและส่วนสงูของนกัเรยีน โดยจะต้องน�าเสนอ

ค่าดัชนีมวลกายที่ค�านวณได้ในรูปแบบแผนภูมิดัชนีมวลกายเฉลี่ยเปรียบเทียบแต่ละห้องใน

ทุกระดับชั้น โดยจะเลือกใช้งานซอฟต์แวร์ Microsoft Excel ในการประมวลผลข้อมูลและสร้าง

แผนภูมิ และใช้ซอฟต์แวร์ Microsoft PowerPoint ในการน�าเสนอข้อมูล

21

ในปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างและน�าเสนอข้อมูลมีให้เลือกใช้จ�านวนมาก ซึ่ง

ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างและน�าเสนอข้อมูลไม่ใช่มีเพียงแค่ซอฟต์แวร์ในการท�า Slide

Presentation เพยีงอย่างเดียวเท่านัน้ แต่ซอฟต์แวร์ทีใ่ช้ในการสร้างและน�าเสนอข้อมลูในปัจจบุนันี้

มีหลายประเภท ดังนี้

1 ซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการสร้างและน�าเสนอข้อมูลแบบ Slide Presentation เช่น Microsoft PowerPoint, Keynote, SlideDog, OpenOffice Impress, Kingsoft Presentation ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ หรือจะใช้ซอฟต์แวร์ท่ีเป็นแบบออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น Visme, Prezi Next, Haiku Deck, Emaze, Google Slide

2 ซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการสร้างภาพการน�าเสนอข้อมูลในรูปแบบกราฟเช่น Microsoft Excel, SPSS, Power BI

3 ซอฟต์แวร์เพื่อการสร้างภาพอินโฟกราฟิก เช่น Photoshop, Illustrator4 ซอฟต์แวร์เพือ่การสร้างและน�าเสนอข้อมลูด้วยเทคโนโลยีความเป็นจรงิเสรมิ(AR) เช่น Unity,

HP Reveal, Blippar, Artivive

5 ซอฟต์แวร์เพือ่การสร้างและน�าเสนอข้อมลูด้วยเทคโนโลยคีวามจรงิเสมอืน(VR) เช่น Unity, LiveTour, Cupix, BRIOVR, IrisVR Suite

6 ซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการสร้างภาพ3มิติเช่น Autodesk, 3ds Max, SketchUp, Blender

ภาพที่1.16 ซอฟต์แวร์ช่วยให้การสร้างและน�าเสนอข้อมูลท�าได้ง่ายและมีความน่าสนใจ20

Page 14: 3academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1582712987_exam… · ˜˚˛˝˙ˆˇ˘ ˘ ˙˚˘ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง

การรวบรวมข้อมูลสามารถแบ่งตามประเภทของข้อมูลได้กี่กลุ่ม อะไรบ้าง

การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิเพียงอย่างเดียว เพียงพอต่อการน�าข้อมูลมา

ประมวลผลเพื่อการน�าเสนอหรือไม่ เพราะเหตุใด

การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ มีขั้นตอนในการประมวลผลอย่างไร

ซอฟต์แวร์สามารถน�ามาช่วยในการประมวลผลข้อมูลได้อย่างไร

ซอฟต์แวร์สามารถน�ามาช่วยในการสร้างและน�าเสนอข้อมูลได้อย่างไร

1

2

3

4

5

1Unit Question

ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุดหากพิจารณาข้อความไม่ถูกต้องให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้

ถูก/ผิด ทบทวนหัวข้อ

1. การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เป็นการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ 1.1

2. ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิควรมีการตรวจสอบ

(Cross Checks) โดยเปรียบเทียบข้อมูลชนิดเดียวกันกับแหล่ง

ข้อมูลอื่นด้วย

1.2

3. การประมวลผลข้อมลูสามารถท�าได้ด้วยการค�านวณเพยีงอย่างเดยีว

เท่านั้น2

4. การจัดกลุ่มไม่จัดเป็นการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 2.3

5. การน�าเสนอข้อมูลแบบ Slide Presentation เป็นการน�าเสนอที่

ได้รับความนิยมมากที่สุด3.3

Self Check

บั น ทึ ก ล ง ใ

น ส มุ ด

23

การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ

Summary

การรวบรวมข้อมูล

เป็นขั้นตอนการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เพื่อน�าข้อมูลไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง

และเหมาะสมกับงาน โดยท่ัวไปวิธีการรวบรวมข้อมูลและประเภทของข้อมูลที่รวบรวมจะขึ้น

อยู่กับวัตถุประสงค์ของงานที่ก�าลังท�าอยู่ การรวบรวมข้อมูลจะมีวิธีการและแหล่งที่มาแตกต่าง

กันไป หากพิจารณาถึงประเภทข้อมูลตามแหล่งท่ีมาสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ข้อมูล

ปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ

การประมวลผลข้อมูล

เป็นวิธีการจดัการกบัข้อมลู ซึง่อาจเป็นการค�านวณหรอืการเปรยีบเทยีบลักษณะต่าง ๆ เพือ่

ให้ข้อมลูนัน้อยูใ่นรปูแบบท่ีเป็นประโยชน์หรอืตรงตามวตัถปุระสงค์ของผูใ้ช้งาน โดยการประมวลผล

ข้อมลูสามารถแบ่งตามอุปกรณ์ทีใ่ช้ได้ 3 ประเภท คอื การประมวลผลข้อมลูด้วยมอื การประมวลผล

ข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล และการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

การใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ

การจัดการข้อมูลและสารสนเทศในปัจจุบันมีการน�าซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยในการจัดการ

ข้อมูล โดยมีทั้งซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล และ

ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อการน�าเสนอข้อมูล

22