บทที่ 1 บทน ำ · 2019-08-01 · บทที่ 1 บทน ำ นิยำม 1...
TRANSCRIPT
บทที่ 1
บทน ำ
นิยำม 1 สมกำรเชิงอนุพันธ์ (Differential equation)
สมกำรเชิงอนุพันธ์ (Differential equation) คือ สมการซึ่งมีอนพุันธ์ (derivative) หรือ
ผลต่างอนุพันธ์ (differential) ของตัวแปรตาม (dependent variable) หนึ่งตัวหรือ
มากกว่าเทียบกับตัวแปรอิสระ (independent variable) หนึ่งตัวหรือมากกว่า ปรากฏอยู่
ในสมการ
ตัวอย่าง
𝑑2𝑦𝑑𝑥2 + 𝑥𝑦 (𝑑𝑦
𝑑𝑥)
2= 0, (𝑑4𝑠
𝑑𝑡4)2
+ (𝑑2𝑠𝑑𝑡2)
5+ (𝑑𝑠
𝑑𝑡)
2= 0
𝑦′′ + 𝑦 = 𝑒𝑥, 𝜕𝑉𝜕𝑠
+ 𝜕𝑉𝜕𝑡
= 𝑉
𝑑4𝑥𝑑𝑥4 + 5 𝑑2𝑥
𝑑𝑥2 + 3𝑥 = sin 𝑡, 𝜕2𝑉𝜕𝑥2 + 𝜕2𝑉
𝜕𝑦2 + 𝜕2𝑉𝜕𝑧2 = 0
นิยำม 2 สมกำรเชิงอนพุันธ์สำมัญ (Ordinary differential equation) และ สมกำร
เชิงอนุพันธ์ย่อย (Partial differential equation)
สมการเชิงอนพุันธ์ทีม่ีอนุพันธ์ปรากฏอยู่ในสมการเป็นอนุพันธ์สำมัญ (Ordinary
derivative) ของตัวแปรตามหนึ่งตัวหรือมากกว่าเทียบกับตัวแปรอิสระเพยีงหนึ่งตัวเทา่นั้น
เรียกว่า สมกำรเชิงอนุพันธ์สำมัญ (Ordinary differential equation)
แต่ถ้าอนุพันธ์ปรากฏอยูใ่นสมการเป็นอนพุันธ์ยอ่ย (Partial derivative) ของตัวแปรตาม
หนึ่งตัวหรือมากกว่าเทยีบกับตัวแปรอิสระมากกว่าหน่ึงตัว เรียกว่า สมกำรเชิงอนุพันธ์ย่อย
(Partial differential equation)
นิยำม 3 อันดับ (Order)
อันดับ (Order) ของสมการเชิงอนุพันธ์ คือ อันดับของอนุพันธอ์ันดับสงูสุดที่ปรากฏใน
สมการ
นิยำม 4 ระดับข้ัน (Degree)
ระดับขั้น (Degree) ของสมการเชิงอนพุันธ์ คือ ตัวเลขช้ีก าลังของอนุพนัธ์อันดับสูงสุดที่
ปรากฏในสมการ เมือ่ตวัเลขช้ีก าลังของอนุพันธใ์นสมการเป็นจ านวนเตม็บวก
สมการเชิงอนพุันธ ์ ชนิด order Degree ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
𝑑2𝑦𝑑𝑥2 + 𝑥𝑦 (
𝑑𝑦𝑑𝑥
)2
= 0
𝑑𝑦 + (𝑥𝑦 − cos 𝑥)𝑑𝑥 = 0
𝑦′′′ + 𝑥𝑦′′ + 2𝑦(𝑦′)2 + 𝑥𝑦 = 0
(𝑦′′)23 = 2 + 𝑦′
𝑑2𝑠𝑑𝜃2 = √𝑠 + (
𝑑𝑠𝑑𝜃
)24
𝑦′ + 𝑥 = (𝑦 − 𝑥𝑦′)−3
𝜕𝑉𝜕𝑠
+𝜕𝑉𝜕𝑡
= 𝑉
𝜕2𝑉𝜕𝑥2 +
𝜕2𝑉𝜕𝑦2 +
𝜕2𝑉𝜕𝑧2 = 0
mum
① 21 x y
y -- fix )
2 I X y3
นิยำม 5 สมกำรเชิงอนุพันธ์เชิงเส้น (Linear differential equation)
เราเรยีก สมการเชิงอนพุันธ์ ว่า สมกำรเชิงอนุพันธ์เชิงเส้น (Linear differential
equation) ถ้า
1) ทุกตัวแปรตามและ ทุกอนุพันธ์ของตัวแปรตามที่ปรากฏในสมการมีเลขชี้ก าลังเป็น 1
เท่านั้น
2) ไม่มีพจน์ในรูปตัวแปรตาม คณูกับ อนุพันธ์ของตัวแปรตามในสมการ
3) ไม่มีพจน์ในรูปฟังก์ชันอดิสัย (transcendental function) ของตัวแปรตาม หรือ
ของอนุพันธ์ของตัวแปรตามในสมการ
และ สมการที่ไม่ใช่สมการเชิงอนุพันธ์เชิงเส้น เรียกว่า สมกำรเชิงอนุพันธ์ไม่เชิงเส้น (non-
linear differential equation)
เช่น
𝑑2𝑦𝑑𝑥2 + 8
𝑑𝑦𝑑𝑥
+ 5𝑦 = 0
𝑑4𝑦𝑑𝑥4 + 𝑥2 𝑑3𝑦
𝑑𝑥3 + 𝑥3 𝑑𝑦𝑑𝑥
= 𝑥𝑒𝑥
-
a✓
✓
𝑑2𝑦𝑑𝑥2 + 6
𝑑𝑦𝑑𝑥
+ 9𝑦2 = 0
𝑑2𝑦𝑑𝑥2 + 6 (
𝑑𝑦𝑑𝑥
)2
+ 9𝑦 = 0
𝑑2𝑦𝑑𝑥2 + 6𝑦
𝑑𝑦𝑑𝑥
+ 9𝑦 = 0
𝜕𝑦𝜕𝑡
=𝜕2𝑦𝜕𝑥2
(𝜕𝑦𝜕𝑡
)2
=𝜕2𝑦𝜕𝑥2
c x
x
C x
✓
Cx
โดยทั่วไป เราเขยีนสมการเชิงอนุพันธ์สามัญอันดับ 𝑛 ในรูป
𝐹(𝑥, 𝑦, 𝑦′, … , 𝑦(𝑛)) = 0
โดยที่ 𝐹 เป็นฟังก์ชันที่มี 𝑛 + 2 ตัวแปร คือ
ถ้าสมการเชิงอนุพันธอ์นัดับ 𝑛 เป็นสมการเชิงเสน้ จะเขียนในรูป
𝑎0(𝑥)𝑦(𝑛) + 𝑎1(𝑥)𝑦(𝑛−1) + ⋯ + 𝑎𝑛−1(𝑥)𝑦′ + 𝑎𝑛(𝑥)𝑦 = 𝐺(𝑥)
เมื่อ 𝑎0, 𝑎1, … , 𝑎𝑛 และ 𝐺 เป็นฟังก์ชันที่นิยามบนช่วงใดช่วงหนึ่งของจ านวนจริง
นิยำม 6 ผลเฉลยชัดแจ้ง (explicit solution) และ ผลเฉลยปริยำย (implicit solution)
ฟังก์ชัน 𝑦 = 𝑓(𝑥) เป็นผลเฉลยชดัแจ้ง (explicit solution) ของสมการเชิงอนุพันธ์ 𝐹(𝑥, 𝑦, 𝑦′, … , 𝑦(𝑛)) = 0
ถ้า 𝑦 = 𝑓(𝑥) สอดคลอ้งสมการเชงิอนุพันธ์นี้
และ 𝑓(𝑥, 𝑦) = 0 เป็นผลเฉลยปริยำย (implicit solution) ของสมการเชิงอนุพนัธ์
𝐹(𝑥, 𝑦, 𝑦′, … , 𝑦(𝑛)) = 0
ถ้า 𝑓(𝑥, 𝑦) = 0 สอดคลอ้งสมการเชงิอนุพันธ์นี้
x. y , y'
, y"
,. . .
, y' "
ตัวอย่าง 1 จงหาผลเฉลยของสมการเชิงอนพุันธ ์𝑦′ + 𝑦 = 0
วิธีท า
mum
- X
y = e
- X
y'
= - e
unwon y'
+ y=
-e-
''
+e-
×
= o Noor,
.
'
. y =I
×safer woman
atavism Raimondo
ตัวอย่าง 2 จงหาผลเฉลยของสมการเชิงอนุพนัธ์ 𝑦𝑦′ + 𝑥 = 0
วิธีท า
b
No v
gcx, y ) = xdtyd - 16=0 - i )
day,
( x 't y'
-16 ) =
dado)
2X -1299"
= o
yy'
tx .
- o
runners
on Ny =I16-x[
y,
= fix ) = M¥2 outro L - 4,4 ]
In
yz .
- fix ) =-116 - X
- n
:. y ,
no : yzsdvwobaowfabbisvoidwwovoh.SI . 4,4 ]#
nerd H
y'
-12 Xy - X
'd=C
bdvwoboovdfnvvoiyte-2x-2yowmdalystzxy-x3-dq.cc,39
" "
-
zy4'
+ 2x y'
-12g- 2x -
- O
y
'
fgydtzx ) -- 2x -
zy
y'
= 2×-24 r
344 2X
- โดยทั่วไปแล้ว การนยิามผลเฉลยชัดแจ้งจากผลเฉลยปรยิาย ไม่อำจท ำได้เสมอไป
*การทดสอบว่า ฟังก์ชันปริยายนั้นๆ จะเป็นผลเฉลยของสมการเชิงอนพุนัธ์ที่ก าหนดให้
หรือไม่ ท าไดโ้ดย
Æ หาอนพุันธ์เทียบกับตัวแปรอิสระของฟังก์ชันปริยายนั้น
Æ แลว้ดูว่าได้เป็นสมการเดียวกันกับสมการเชิงอนุพันธ์หรือไม ่
เช่น
𝑦3 + 2𝑥𝑦 − 𝑥2 = 𝐶 เป็นผลเฉลยปรยิายของสมการเชิงอนพุันธ์
𝑦′ =2𝑥 − 2𝑦
3𝑦2 + 2𝑥
Î จะตรวจสอบโดย
พิจารณาสมการเชิงอนพุันธ์สามัญอันดับ 1
𝑑𝑦𝑑𝑥
= 2𝑥 ---------------------------------(1)
มีผลเฉลย คอื
โดยทั่วไป
𝑓(𝑥) = 𝑥2 + 𝐶 เมื่อ 𝐶 เป็นค่าคงตัวค่าจรงิใดๆ
เป็นผลเฉลยของ (1)
ซึ่ง 𝐶 เรียกว่า ค่าคงตัวไมเ่จาะจง (arbitrary constant) มี 1 ตัวในผลเฉลย
เรียกผลเฉลย 𝑓(𝑥) = 𝑥2 + 𝐶 ซึ่งมีค่าคงตัวไม่เจาะจงวา่ ผลเฉลยท่ัวไป (general
solution)
- เมื่อก าหนดค่าแน่นอนให้ค่าคงตัวไม่เจาะจง เช่น ให้ 𝐶 = 1 หรือ 𝐶 = 2 ตัวใด
ตัวหนึ่งเพียงตัวเดียว
ผลเฉลยที่ได้จะเรียกว่า ผลเฉลยเฉพำะ (particular solution)
y ,Ix ) = x
2
421×7=
xdt I
y,
1×7 = 442
Tpinmotifs 107 : 07
พิจารณา
สมการเชิงอนพุันธส์ามญัอันดับหนึ่ง
(𝑦′)2 − 𝑥𝑦′ + 𝑦 = 0
มีผลเฉลยทั่วไปในรูป
𝑦 =
ซึ่งเป็น วงศ์ของเส้นตรง (family of lines)
คือ หน่ึงคา่ของ 𝐶 ที่ก าหนดให้ 𝑦 = 𝐶𝑥 − 𝐶2 จะเป็นเส้นตรง 1 เส้น
โดยการทดสอบ จะเห็นว่า 𝑦 = 𝑥2
4 เป็นผลเฉลยของสมการ
(𝑦′)2 − 𝑥𝑦′ + 𝑦 = 0
เรียกผลเฉลยนี้ว่า ผลเฉลยซิงกูลำร์ (singular solution)
*ผลเฉลยนี้ไมอ่าจหาได้จากการก าหนดค่าของ 𝐶 ในผลเฉลยทั่วไป 𝑦 = 𝐶𝑥 − 𝐶2
Æ โดยทั่วไป ผลเฉลยทั่วไปของสมการเชิงอนพุันธ์สามัญอันดับ 𝑛 จะมคี่าคงตัวไม่เจาะจง
จ านวน 𝑛 ค่า
ในการหาผลเฉลยเฉพาะจากผลเฉลยทั่วไป ต้องมีเงื่อนไขก าหนดมาให้ ซึ่งกำรก ำหนด
เงื่อนไข ท ำได้ 2 แบบ ดังนี้
1. ก าหนดเงื่อนไข ณ จุดใดจุดหนึ่งเพียงจุดเดียว เรียก เงื่อนไขเริม่ต้น (initial
condition) หรอื เงือ่นไขขอบเขต ณ จุดเดยีว (one point boundary
condition) เช่น
ก าหนด 𝑦(1) = 2, 𝑦′(1) = 3 คือ การก าหนดค่าที่ 𝑥 = 1 เพียงจุด
เดียว
2. ก าหนดเงื่อนไขมากกว่า 1 จุด เรียก เงื่อนไขขอบเขต (boundary condition) เช่น
𝑦(1) = 2, 𝑦(3) = 10 คือ การก าหนดคา่ที่ 𝑥 = 1 และที่ 𝑥 = 3