การทดลองจัดการ องค์กรปกครอง ...ด ส...
TRANSCRIPT
วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
เอกสารวิชาการลำดับที่ 48
สถาบันพระปกเกล้า อาคารศูนย์สัมมนา 3 ชั้น 5 ในบริเวณสถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 02-527-7830-9 โทรสาร 02-968-9144
http://www.kpi.ac.th
รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร
การทดลองจัดการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การทดลองปกครองท้องถิ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
นั่นก็คือในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6
ของราชวงศ์จักรี เป็นการทดลองทำขึ้น โดยพระองค์เอง และด้วยความรู้และประสบการณ์
ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เคยได้รับการศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ ลักษณะบ้านเมืองที่พระองค์ได้เรียนรู้
และมีประสบการณ์ได้พบเห็น คือบ้านเมืองที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แบบรัฐสภาที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการฯ
ราคา 50 บาท
ISBN : 978-974-449-352-1
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร
สถาบันพระปกเกล้า ธันวาคม 2550
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อ พ.ศ. 2461
รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ลิขสิทธิ์ของสถาบันพระปกเกล้า
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ ISBN = 978-974-449-352-1
พิมพ์ครั้งที่ 1 ธันวาคม 2550 จำนวน 1,000 เล่ม
จัดพิมพ์โดย สถาบันพระปกเกล้า อาคารศูนย์สัมมนา 3 ชั้น 5 ในบริเวณสถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบรีุ 11000 โทรศัพท์ 0-2527-7830-9 โทรสาร 0-2968-9144 http://www.kpi.ac.th
บรรณาธิการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรทัย ก๊กผล ธีรพรรณ ใจมั่น
พิมพ์ที่ ส เจริญ การพิมพ์ 1510/10 ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800 โทรศัพท์ 02-913-2080 โทรสาร 02-913-2081 นางจรินพร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
คำนำ เอกสารเผยแพร่เรื ่อง “ดุสิตธานี : การทดลองจัดการ
องค ์กรปกครองส ่วนท ้องถ ิ ่น เม ื ่อ พ.ศ. 2461” แต ่งโดย
รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร นับเป็นงานที่มีเจตนารมณ์ที่
ต้องการให้ผู ้อ่านเกิดความรู ้ ความเข้าใจในประวัติศาสตร์และ
พัฒนาการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย ซึ่งหลายคนมัก
จะเข้าใจผิดคิดว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพึ่งจะเกิดขึ้นและ
เป็นผลจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2540
ดังนั ้น เพื ่อให้เกิดการรับรู ้ที ่ถูกต้อง เอกสารเผยแพร่
ฉบับนี ้จ ึงได้บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์และพัฒนาขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเจตนารมณ์ในการจัดตั้งดุสิตธานี
ของสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงการแบ่งโครงสร้างการ
บริหารงานภายในของดุสิตธานี การเลือกตั้งผู้บริหาร ซึ่งเรียกว่า
“นคราภิบาล” อำนาจหน้าที ่ของ “นคราภิบาล” และรายได้ของ
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ดุสิตธานี เช่นนี้เป็นต้น ดังนั้น สำหรับผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิก
สภาท้องถิ ่น และข้าราชการส่วนทัองถิ ่นจึงควรภาคภูมิใจใน
เกียรติภูมิและรากฐานอันงดงามแห่งประชาธิปไตย
รองศาสตราจารย ์นรนิต ิ เศรษฐบุตร ท ่านเคยดำรง
ตำแหน่งสำคัญ ๆ หลายตำแหน่ง ไม่ว ่าจะเป็นอดีตคณบดีค
ณะรัฐศาสตร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิก-
วุฒิสภา เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และเมื ่อไม่นานนี ้
เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ท่านเป็นผู้มี
อุปการะคุณต่อแวดวงการเมืองการปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การปกครองท้องถิ่น หลายครั้งท่านช่วยชี้ทางออกเพื่อแก้ไขปัญหา
และพัฒนาการปกครองท้องถิ ่น ประการสำคัญท่านเป็นผู ้ม ี
ส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายเกี ่ยวกับการปกครองท้องถิ ่น
หลายฉบับ ฉะนั้นแล้ว เอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ จึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง
สำหรับการอ่านและการศึกษา โดยผ่านความเข้าใจใน “ดุสิตธานี”
อันเป็นโรงเรียนสำหรับการสอนเรื่องประชาธิปไตยให้แก่สังคมไทย
ท้ายนี ้ ว ิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ ่น ใคร่ขอ
ขอบคุณท่านเป็นอย่างสูงที ่ได้สละเวลามาบอกเล่าเรื ่องราวดี ๆ
เช่นนี ้ให้เราได้รับรู ้ และเกิดความภาคภูมิใจในเกียรติภูมิแห่ง
การปกครองท้องถิ่นไทย
วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น
สถาบันพระปกเกล้า
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
สารบัญ ดุสิตธานี : 3
การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อ พ.ศ. 2461
ภาคผนวก 25
ภาคผนวกที่ 1 27
ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี)
พระพุทธศักราช 2461
ภาคผนวกที่ 2 41
พระราชกำหนดเพิ่มเติมและแก้ไขธรรมนูญลักษณะปกครอง
คณะนคราภิบาลดุสิตธานี พระพุทธศักราช 2461
ภาคผนวกที่ 3 47
พระราชบัญญัติแก้ไขพระราชกำหนดเพิ่มเติม
ธรรมนูญลักษณะปกครองนคราภิบาล พระพุทธศักราช 2461
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การทดลองปกครองท้องถิ่นครั้งนี้
เกิดขึ้นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
นั่นก็คือในรัชสมัยของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ของราชวงศ์จักรี เป็นการทดลองทำขึ้น
โดยพระองค์เอง และด้วยความรู้และประสบการณ์
ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่เคยได้รับการศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ
ลักษณะบ้านเมืองที่พระองค์ได้เรียนรู้
และมีประสบการณ์ได้พบเห็น
คือบ้านเมืองที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แบบรัฐสภาที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การทดลองเรื่องการปกครอง“ดุสิตธานี”เมื่อพ.ศ.2461
ได้มีการกล่าวกันมาก่อนหน้านี้แล้วเพราะถ้านับอายุกันก็ถือว่า
จวนครบ90ปีแล้วทั้งนี้ได้มีผู้มองว่าเป็นการฝึกประชาธิปไตย
บ้างหรือเป็นการสร้างเมืองตุ๊กตาเป็นการย่อส่วนบ้านเมืองขึ้นมา
สมมุติลักษณะเมืองในฝันบ้าง
แต่ถ้าหากอ่านวิเคราะห์ดูจาก“ธรรมนูญลักษณะปกครอง
คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461”ที่ประกาศใช้
ในวันที่7พฤศจิกายนพ.ศ.2461และคำบอกเล่าในการดำเนิน
การหรือกิจการของเมืองสมมุติดุสิตธานีแล้วจะเห็นได้ว่าการทำ
“ดุสิตธานี”นั ้นน่าจะเป็นความคิดในการทดลองปกครองส่วน
ท้องถิ่นขึ้นในเมืองไทยนั่นเอง
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การทดลองปกครองท้องถ ิ ่นคร ั ้งน ี ้ เก ิดข ึ ้นในสมัย
สมบูรณาญาสิทธิราชย์นั ่นก็คือในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6ของราชวงศ์จักรีเป็นการ
ทดลองทำขึ้นโดยพระองค์เองและด้วยความรู้และประสบการณ์
ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เคยได้รับการศึกษา
อยู่ในประเทศอังกฤษลักษณะบ้านเมืองที่พระองค์ได้เรียนรู้และ
มีประสบการณ์ได้พบเห็นคือบ้านเมืองที่มีการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
การปกครองที่นำมาทดลองทำในเมืองสมมุติดุสิตธานีนั้น
เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างแน่นอนใน“ปรารภกรณีย์”
หรือคำปรารภของธรรมนูญลักษณะปกครองคณะนคราภิบาล
(ซึ่งต่อไปในบทความนี้จะขอเรียกชื่อสั้นๆว่าธรรมนูญลักษณะ
ปกครองฯ)ได้ระบุว่าเป็นการ“...กำหนดอำนาจการพระราชทาน
แก่ชาวดุสิตธานีให้มีเสียงและโอกาสแสดงความคิดเห็นในวิธีการ
ปกครองตนเองในกิจการบางอย่าง ส่วนอำนาจในกิจการแผนกใด
ซึ่งยังมิได้ทรงพระกรุณาประสิทธิ์ประสาทให้ก็ย่อมคงอยู่ในรัฐบาล
กลาง ซึ่งมียอดรวมอยู่ในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตามแบบฉบับในอารยประเทศทั้งหลายที่จัดการนคราภิบาล”
ฉะนั้นจึงมี“รัฐบาลกลาง” และที่กำหนดไว้ในธรรมนูญ
ลักษณะปกครองฯนี ้ก็เพื ่อเป็นการปกครองตนเองในบางเรื ่อง
โดยที่ทำนี้ก็เป็นไปตามแบบประเทศที่พัฒนาแล้วที่เขาได้มีการ
ปกครองส่วนท้องถิ่น
ที ่เร ียกว่า“จัดการนคราภิบาล”นั ้นก็เห็นจะเป็นการ
ปกครองแบบเทศบาลหรือภาษาฝรั่งว่าmunicipalityนั่นเอง
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
นครที่ถูกสมมุติเพื่อการทดลองนี้มาตรา2ของธรรมนูญ
ลักษณะปกครองฯเรียกว่า“จังหวัดดุสิตธานี” คนที่อยู่ในจังหวัดนี้
ก็ถูกกำหนด“บ้าน”ให้และก็เป็น“เจ้าบ้าน”
ส่วนผู้ปกครองนั้นเรียกว่า“นคราภิบาล”ที่ได้มาโดยการ
เลือกตั้งดังระบุไว้ในมาตรา6ของธรรมนูญลักษณะปกครองฯ
“คำว่านคราภิบาลนั้น ท่านให้เข้าใจว่าผู้ที ่ซึ ่งราษฎรใน
จังหวัดดุสิตธานี ผู้มีสิทธิตามธรรมนูญนี้จะเลือกได้พร้อมใจกัน
เลือกตั้งขึ้นเป็นผู้ปกครองชั่วปีหนึ่งๆ…”
ดังนั้นนคราภิบาลนั้นหรือผู้ปกครองจังหวัดดุสิตธานีนี้
ราษฎรในดุสิตธานีซึ่งเป็นผู้มีสิทธิตามธรรมนูญนี้เป็นผู้เลือกขึ้นมา
เป็นและก็จะอยู่ในตำแหน่งได้เพียง1ปีนั่นคือสมัยหนึ่งมีอายุ1
ปีและจะได้รับเลือกขึ้นในปีติดกันไม่ได้ระบุไว้ชัดในมาตรา9
ด้วยเหตุนี้ทุกปีจึงต้องมีการเลือกตั้งวันเลือกตั้งก็“ควร
เป็นวันที ่สุดของปี ตามแต่จะเหมาะแก่โอกาสที ่จะเป็นไปได้
(มาตรา 10)”
เมื่อมีการเลือกตั้งสิ่งที่น่าสนใจก็คือจะมีวิธีการเลือกตั้ง
อย่างไรเป็นการออกเสียงลับหรือเปิดเผยทั้งนี้มาตรา12ของ
ธรรมนูญลักษณะปกครองระบุว่า
“เมื่อจวนจะถึงวันกำหนดที่จะเลือกนคราภิบาลใหม่ ให้
ผู ้ซึ ่งรับอำนาจอำนวยการในการเลือกตั้งนคราภิบาล ป่าวร้อง
ทวยนาครชายหญิงให้ทราบ ว่าจะมีการเลือกตั้งนคราภิบาลที่ใด
วันใด และจะประกาศข้อความด้วยว่า ถ้าผู้ใดมีความปรารถนาจะ
สมมุติผู ้ใดให้เป็นนคราต่อไป ก็ให้เขียนในนามผู้นั ้นกรอกลง
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ในแบบสมมุติที ่ได้แนบไว้ท้ายธรรมนูญนี้ และต้องลงนาม 1
ผู ้ร ับรอง 1 และให้ยื ่นหนังสือสมมุติถึงผู ้อำนวยการเลือกตั ้ง
นคราภิบาลก่อนวันประชุม 1 วัน”
ดูจากความในมาตรานี้จะเห็นได้ว่าในการจัดการเลือกตั้ง
นั้นจะมีผู้อำนวยการเลือกตั้งนคราภิบาลซึ่งเป็นผู้ที่จะประกาศให้รู้
ทั่วกันว่าจะมีการประชุมราษฎรของดุสิตธานีณที่ใดในวันเวลาใด
ราษฎรผู้ใดต้องการเสนอชื่อใครก็ต้องกรอกลงไปในแบบฟอร์ม
แบบฟอร์มนี้หาดูได้ง่ายเพราะแนบท้ายธรรมนูญลักษณะปกครองฯ
ฉบับนี้นั่นเอง
จะเสนอชื่อใครก็ได้ผู้เสนอต้องลงนามหนึ่งคนแล้วยัง
ต้องหาคนอื่นมารับรองอีกหนึ่งคนด้วยคนที่เสนอและคนที่รับรอง
นี้ต้องเป็นเจ้าบ้านและเสนอหรือรับรองใครแล้วก็ทำได้รายเดียว
จะไปเสนอและรับรองรายอื่นอีกมิได้(มาตรา13)
พอได้รายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อแล้วต่อมาผู้อำนวยการ
เลือกตั้งนคราภิบาลก็ต้องเขียนชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด
ประกาศให้ผู้คนทั่วไปได้ทราบ(มาตรา14)
ในกรณีที่มีการเสนอชื่อคนเป็นนคราภิบาลเพียงคนเดียว
ก็ให้ถือว่าคนที่ได้รับการเสนอชื่อเพียงคนเดียวนั้นได้รับเลือกเป็น
นคราภิบาล(มาตรา15)
แต่ถ้ามีผู้ได้รับการเสนอชื่อตั้งแต่2คนขึ้นไปก็จะต้องมี
การออกเสียงตัดสินวิธีการเลือกลงคะแนนนั ้นมี2วิธีคือ
วิธีเปิดเผยก็ได้หรือไม่ก็วิธีลับจะเลือกวิธีใดก็ตามแต่ผู้อำนวยการ
เลือกตั้งจะเห็นสมควร(มาตรา17)
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ที่น่าสนใจมากก็คือวิธีเลือกตั้งโดยคะแนนลับเพราะระบุ
วิธีเอาไว้ดังนี้ในมาตรา18
“…ให้ผู้อำนวยการเรียกมาถามที่ละคนโดยเงียบๆว่า จะ
เห็นสมควรให้ผู้ใดเป็น แล้วจดชื่อผู้ที่ราษฎรเลือกนั้นไว้ หรือจะ
ให้ราษฎรเขียนชื่อผู้ที่จะเลือกนั้นมาส่งคนละฉบับก็ได้ ตามแต่จะ
เห็นสมควร”
นับว่าเป็นการลงคะแนนลับที ่ต่างกว่าในสมัยปัจจุบัน
เพราะตามที่ใช้ในดุสิตธานีนั้นผู้อำนวยการจะทราบว่าใครออก
เสียงอย่างไรและผู้อำนวยการก็จะเป็นผู้ยืนยันว่าใครออกเสียง
อย่างไรอันจะเป็นผลของการออกเสียงท่ีว่าลับน้ันก็คือผูอ้อกเสียง
ลงคะแนนจะไม่มีทางทราบว่าใครออกเสียงให้ใครมาถึงสมัยนี้
ออกเสียงลับนั ้นก็คือแม้แต่ตัวประธานที ่ดำเนินการให้มีการ
ออกเสียงก็ไม่มีทางทราบว่าใครออกเสียงให้ใคร
ที ่สำคัญผู ้ที ่ได้รับเลือกจะปฏิเสธตำแหน่งนคราภิบาล
ได้ยากเมื่อได้รับเลือกตั้งให้เป็นเพราะ“ต้องถูกปรับเป็นเงิน 50
บาท”นับว่าแพงมากเงิน50บาทไทยเมื่อปีพ.ศ.2461นั้นลอง
เทียบค่าดูก็ได้
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าดุสิตธานีเป็นเรื่องของการปกครอง
ส่วนท้องถิ่นฉะนั้นเพื่อดูให้แน่ก็ต้องหันมาพิจารณาว่าดุสิตธานี
มีอำนาจและหน้าที่อะไรบ้างพอจะเทียบกับองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นไทยที่มีต่อมาได้บ้างหรือไม่
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา23ของธรรมนูญล ักษณะปกครองฯระบุว ่ า
“รัฐบาลมีหน้าที่” ต่างๆไว้ชัดเจนดีพอสมควรเช่น
“ก.ดูแลร ักษาเพ ิ ่มพูนความผาสุกของราษฎรทั ่วไป
ช่วยป้องกันทุกข์ภัยของประชาชนในเขตของตน
ข.ดูแลการคมนาคมคือถนนหนทางทั้งแม่น้ำลำคลอง
ให้ความสว่างไสวจัดการไฟฟ้าประปาในธานี
ค.การดับเพลิงและการรักษาสวนสำหรับนครให้เป็นที่
หย่อนกายสบายใจควรแก่ประโยชน์และความสุขอัน
จะพึงมีได้สำหรับสาธารณชน
ฆ.จัดการในเรื่องโรงพยาบาลสุสานและโรงฆ่าสัตว์
ง.ดูแลระเบียบการโรงเรียนราษฎร์ห้องอ่านหนังสือ
และโรงเรียนหัตถกรรมต่างๆ”
ถ้าเอาอำนาจหน้าที่ซึ่งเทศบาลต้องทำหรือควรทำเมื่อมี
พระราชบัญญัติเทศบาลเป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2476หลังการ
เปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475และการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญหรือระบอบประชาธิปไตยที ่มี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้วจะเห็นได้ว่าหน้าที่ต่างๆที่รัฐบาล
ท้องถิ่นตามธรรมนูญลักษณะปกครองพ.ศ.2475ระบุไว้นั้นเป็น
เรื่องของท้องถิ่นโดยแท้
จะมีต่างโดยเห็นได้ชัดก็คือการที่ให้ดูแลโรงเรียนราษฎร์
และโรงเรียนหัตถกรรมซึ่งงานด้านการศึกษานี้ต่อมารัฐบาลกลาง
จะกำกับดูแลเป็นสำคัญแต่เรื ่องนี้ถ้าดูให้ดีก็ดูจะเป็นการมอง
การณ์ไกลและเป็นความก้าวหน้าในทางความคิดที่แสดงให้เห็น
�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ว่าการศึกษานั้นต้องการให้ท้องถิ่นดูแลในระดับโรงเรียนนั่นเอง
ในความเป็นจริงที่น่าสังเกตก็คือเทศบาลนครและเทศบาล
เมืองของไทยบางแห่งก็ได้มีโรงเรียนเทศบาลเป็นของตนเอง
จัดการศึกษาประสบความสำเร็จดีมาจนถึงทุกวันนี้พ.ศ.2550
มาถึงวันที่มีการกระจายเรื่องการศึกษาไปให้องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นดูแลมากขึ้นจริงแต่หน้าที่ตามที่กำหนดไว้นี้ก็แสดงให้เห็น
อย่างชัดแจ้งว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ปกครอง “ท้องถิ่น”เท่านั้น
ไม่ใช่เรื่องการปกครองประเทศเพราะไม่มีกิจการกลาโหมหรือการ
ทหารในการปกครองประเทศไม่มีเรื่องของการต่างประเทศไม่มี
เรื่องการเงินการคลังของประเทศแต่อย่างใดเลย
เมื่อเป็นการปกครองตนเองแม้ในระดับท้องถิ่นก็ตามก็ต้อง
ให้เก็บภาษีท้องถิ ่นมาใช้จ่ายเองเป็นการฝึกหัดที่สำคัญในการ
ปกครองตนเองดังนั้นจึงระบุอำนาจในการนี้ไว้ในมาตรา24ว่า
“นคราภิบาลมีอำนาจตั ้งพิกัด ภาษีอากรขนอนตลาด
เรือน โรง ร้าน เรือ แพ อันอยู่ในเขตหน้าที่ของนคราภิบาล แต่
เมื่อกำหนดพิกัดภาษีอากร นคราภิบาลจะต้องเรียกประชุมราษฎร
เพื่อทำการตกลงในเรื่องเช่นนี้ และประกาศให้รู้ทั่วกัน”
ที่ควรสังเกตอีกก็คือการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อย่างดุส ิตธานีจะกำหนดภาษีท ้องถิ ่นอย่างไรนั ้นได้ระบุให้
ผู้ปกครองคือนคราภิบาลต้องตกลงกับผู้ถูกปกครองคือราษฎร
เสียด้วย
นอกจากภาษีท้องถิ่นดุสิตธานียังจะมีรายได้จากการออก
ใบอนุญาตอีกหลายรายการเช่นใบอนุญาตร้านจำหน่ายสุราและ
สถานเริงรมย์เป็นต้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา25ว่า
10
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
“นคราภิบาลมีอำนาจออกใบอนุญาต และเก็บเงินค่า
ใบอนุญาตสำหรับยานพาหนะ ร ้านจำหน่ายสุรา โรงละคร
โรงหนัง สถานเริงรมย์ เก็บเงินจากมหาชนคนดูทั้งปวง”
หน้าที่หนึ่งซึ่งอาจถูกมองข้ามแต่ได้ถูกกำหนดไว้ก็คือการ
ทำบัญชีสำมะโนครัวราษฎร
“มาตรา 28 เป็นหน้าท่ีของรัฐบาลท่ีจะทำบัญชีสำมะโนครัว
ราษฎรในปกครองของตนและคอยแก้ไขบัญชีให้ถูกต้องตามที่
เป็นจริงอยู่เสมอ”
ที่อยากทราบกันมากก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควร
จะทำกิจการสาธารณะประโยชน์ที่มีผลกำไรได้หรือไม่เพราะถ้าทำ
แล้วก็อาจเป็นการแข่งขันกับเอกชนที่จะเข้ามาเป็นผู้ประกอบการได้
แต่ถ้าห้ามไม่ให้ทำเลยแม้เอกชนไม่ทำหรือทำแล้วมีราคาแพง
ประชาชนที่ใช้บริการอาจเดือดร้อน
คำตอบก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างดุสิตธานี
สามารถทำได้ดังที่มาตรา29กำหนด
“กิจการสาธารณะประโยชน์ซึ ่งมีผลกำไร เช่น การตั ้ง
ธนาคาร โรงจำนำ ตั้งตลาด เรือจ้าง เหล่านี้เป็นอาทิ นคราภิบาล
จะดำริให้จ ัดไปในเวลาที ่ เห ็นสมควรก็ได้ เป ็นทางหากำไร
บำรุงเมือง เพื ่อผ่อนภาษีอากรซึ ่งราษฎรจะต้องเสีย และเพื่อ
กระทำกิจเช่นว่านี้นคราภิบาลจะบอกกู้ก็ควร เพราะหนี้ชนิดนี้
นับว่าไม่ใช่หนี้ตายที่ไร้ผล”
11
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
เมื่อแนะนำให้นคราภิบาลออกใบกู้กู้เงินมาใช้ดำเนินการ
ได้ทำให้สงสัยว่านคราภิบาลจะกู้ได้ตามใจต้องการโดยไม่มีใครมา
ควบคุมดูแลหรืออย่างไร
ปรากฏว่ามาตรา40ของธรรมนูญลักษณะปกครองฯ
ตอบข้อสงสัยเรื ่องการออกใบกู ้ของนคราภิบาลว่า“ต้องได้รับ
อนุมัติจากรัฐบาลกลางเสียก่อน โดยเฉพาะเรื่องเป็นคราวๆไป”
จึงแสดงว่าจะออกใบกู้เองตามใจไม่ได้
ทำให้บ้านเมืองงามแล้วยังไม่พอ
ต้องทำให้บ้านเมืองสะอาดถูกสุขอนามัย
มีเจ้าพนักงานดูแลรักษาความสะอาด
“อย่าทอดทิ้งหรือปล่อยให้โสโครก
อันเป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ
แก่ประชาชนทั่วไป”
12
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
เมื่อมีนคราภิบาลขึ้นมาปกครองก็หวังได้ว่าบ้านเมืองจะ
เป็นระเบียบดูงดงามเพราะ“นคราภิบาลจะกำหนดปลูกสร้าง
วางแผนสำหรับนคร” เจ้าของจะปลูกสร้างบ้านหรืออาคาร“ต้องได้
รับอนุญาตจากนายช่างก่อสร้างของนคราภิบาลแล้วจึงจะปลูกได้”
(มาตรา30)
ทำให้บ้านเมืองงามแล้วยังไม่พอต้องทำให้บ้านเมือง
สะอาดถูกสุขอนามัยมีเจ้าพนักงานดูแลรักษาความสะอาด“อย่า
ทอดทิ้งหรือปล่อยให้โสโครก อันเป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่
ประชาชนทั่วไป”
การปกครองที่ให้ราษฎรเลือกผู้ปกครองคือนคราภิบาลนี้
ดูไปแล้วก็เป็นการเลือกเอาคนเพียงคนเดียวก็เหมือนเลือกนายก
เทศมนตรีนั่นเองและเมื่อตรวจดูแล้วการให้ราษฎรเลือกดังกล่าวก็
เป็นการเลือกนายกเทศมนตรีโดยตรงของประชาชนนคราภิบาล
คนแรกที่ได้รับเลือกได้แก่พระยาอนุรุทธเทวาและนคราภิบาลที่
ประชาชนเลือกตั้งขึ้นมานี้ก็จะตั้งคณะรัฐบาลท้องถิ่นของตนขึ้นมา
ซึ ่งดังในธรรมนูญลักษณะปกครองฯก็เร ียกซ้ำเหมือนกันว่า
“นคราภิบาล”แต่จะเป็นคณะบุคคลดูได้จากมาตรา21
“เมื ่อผู ้ใดได้เป็นนคราภิบาล ผู ้น ั ้นจะมีอำนาจตาม
พระธรรมนูญนี้ทันทีในการที่จะเลือกตั้งนคราภิบาล คือเจ้าหน้าที่
ต่างๆ เช่น เจ้าพนักงานคลัง เจ้าพนักงานโยธา นายแพทย์
สุขาภิบาล ผู้รักษาความสะดวกของประชาชน (Inspector of
Nuisances) เป็นต้น สำหรับจัดการให้เป็นไปตามธรรมนูญนี้ตาม
แต่จะเห็นสมควร”
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ที่ผู้เขียนขีดเส้นใต้เน้นตำแหน่งเจ้าหน้าที่เอาไว้สี่ตำแหน่ง
นั้นเพื่อจะชี้ให้เห็นว่าทั้งสี่ตำแหน่งนี้ก็น่าจะเป็นเทศมนตรีร่วมทีม
กับนคราภิบาลนั่นเองที่มาจากการแต่งตั้งของนคราภิบาลมิใช่ได้
รับเลือกตั้งจากประชาชนถ้าเป็นสมัยนี้พ.ศ.2550ก็คงเป็นพวก
รองผู้ว่ากรุงเทพฯหรือรองนายกเทศมนตรีทั้งหลายชื่อตำแหน่งที่
คงยังไม่ลงตัวนักในการจะเรียกเป็นภาษาไทยได้แก่“ผู้รักษา
ความสะดวกของประชาชน” จึงต้องมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษอยู่ใน
วงเล็บด้วยและเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษคำเดียวที ่ปรากฎใน
เอกสารธรรมนูญลักษณะปกครองฉบับนี้ด้วย
คำว่า“นคราภิบาล”ในบรรทัดที ่สองของมาตรา21นี ้
เข้าใจว่าน่าจะตกคำว่า “คณะ”คือควรเป็น“คณะนคราภิบาล”
ซึ่งต่อไปในมาตราอื่นๆที่ตามหลังมาจะมีคำว่า“คณะนคราภิบาล”
หากพิจารณาต่อไปอีกก็จะพบว่าคณะบุคคลตามมาตรา21
นี้เป็นฝ่ายการเมืองที่ได้ตำแหน่งมาเป็นการชั่วคราวอยู่ได้ตามอายุ
สมัยของนคราภิบาลเท่านั้นส่วนฝ่ายประจำหรือตำแหน่งปลัด
เทศบาลในปัจจุบ ันนั ้นมีระบุไว ้ในมาตรา37เร ียกว่า“สภา
เลขาธิการ”
“มาตรา 37 คณะนคราภิบาลมีอำนาจที ่จะจัดตั ้งสภา
เลขาธิการขึ้น และสภาเลขาธิการคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะ
ลาออก หรือต้องออกด้วยเหตุอื่น”
ที่เทียบสภาเลขาธิการเท่ากับปลัดเทศบาลที่เป็นหน้าที่ฝ่าย
พนักงานประจำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็เพราะได้อ่าน
เทียบดูอำนาจและหน้าที ่ซึ ่งบัญญัติไว้ในมาตรา38ที ่มีอยู ่5
ประการดังนี้
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
“1.ให้มีหน้าที่บังคับบัญชาการแผนกหนังสือและรายงาน
กิจการทั้งปวงของคณะนคราภิบาล
2.เป็นที่ปรึกษาของคณะนคราภิบาลในทางระเบียบการ
ทางกฎหมาย
3.มีหน้าที ่ เป็นทนายแถลงคดีแทนคณะนคราภิบาล
ต่อศาล
4.สภาเลขาธิการมีสิทธิที่จะนั่งในที่ประชุมคณะนครา
ภิบาลและในที่ประชุมใหญ่ได้ทุกเมื่อ
5.ถ้าสภาเลขาธิการเป็นคหบดีเจ้าบ้านอยู่แล้วเมื่อเวลา
นั่งในที่ประชุมใหญ่มีสิทธิ์จะลงคะแนนความเห็นได้
ด้วย”
จากอำนาจและหน้าที่ทั้ง5ข้อนี้มีการกล่าวกัน“ที่ประชุม
ใหญ่”ซึ่งน่าจะหมายถึงการประชุมใหญ่ประจำปีเพื่อเลือกนครา-
ภิบาลหรือการประชุมใหญ่เพื่อกำหนดภาษีอากรตามมาตรา26
ก็ได้นั่นเอง
เมื ่อมีการเปลี ่ยนตัวนคราภิบาลทางคณะนคราภิบาล
ชุดเก่าต้องแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายยื่นต่อที่ประชุมด้วยและส่ง
มอบงานพร้อมบัญชีสำมะโนครัวแก่คณะนคราภิบาลชุดใหม่บัญชี
แสดงรายรับรายจ่ายนั้นต้องมีการตรวจบัญชีในเวลาสิ้นปีทุกคราว
ไปโดยคณะกรรมการ3นายที่ตั้งโดยรัฐบาล2นายและตั้งโดย
นคราภิบาล1นาย(มาตรา42)
แสดงว่าการควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินของคณะนครา
ภิบาลก็เป็นไปอย่างดี
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การดำเนินการปกครองดุสิตธานีนี้เมื่อมีกฎเกณฑ์มีข้อ
บังคับให้ราษฎรต้องปฏิบัติตามเพื่อความสงบสุขเพื่อความสะอาด
เรียบร้อยของบ้านเมืองและเพื่อให้เมืองมีรายได้มาเป็นงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายดังที่ได้กล่าวมาแล้วก็จำเป็นจะต้องมีบทลงโทษผู้ที่ทำผิด
ด้วยซึ ่งโทษที ่กำหนดไว้ก็เป็นโทษ“ปรับเงินเป็นพินัย”เช่น
ถ้าราษฎรคนใดไม่เชื่อฟังคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายและธรรมนูญ
ก็อาจถูกลงโทษปรับเงินได้ไม่เกินครั้งละ10บาทอันเป็นโทษอย่าง
เดียวกับที่ใช้ลงโทษราษฎรที่ไม่ไปประชุมเจ้าบ้านเพื่อกำหนดภาษี
อากรโดยไม่ตั้งตัวแทนไม่ทำหน้าที่ประชุมแทนเช่นกัน
ถ้าเป็นกรณีขัดขืนคำสั่งของนคราภิบาลทางด้านระเบียบ
สุขาภิบาลปล่อยให้บ้านชำรุดเกิดความสกปรกโสโครกอันจะก่อให้
เกิดโรคหรือเป็นอันตรายหรือเกิดอัคคีภัยได้ก็อาจถูกลงโทษปรับ
ได้ครั้งละไม่เกิน5บาทอันโทษเหล่านี้ถ้ายังขืนทำซ้ำก็จะถูกปรับ
เพิ่มขึ้นได้ด้วย
เมื่อประมวลดูความในธรรมนูญลักษณะปกครองฯซึ่งมี
ทั้งหมดด้วยกันจำนวน51มาตราแล้วจะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านสร้างเมือง“ดุสิตธานี”ขึ้นเป็นเมือง
สมมุติและได้เขียนธรรมนูญลักษณะปกครองฯออกมาเป็นกติกา
ใช้กับเมืองสมมุติเพื่อเป็นการทดลองการปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้น
มาดูรูปแบบก็น่าจะเป็นการปกครองส่วนท้องถิ ่นแบบเทศบาล
ที ่กล่าวกันว่าพระองค์ได้แบบมาจากการปกครองประเทศของ
ประเทศอังกฤษอันเป็นประเทศที่พระองค์ได้เคยเสด็จไปศึกษาจน
จบกลับมา
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ที ่ว ่าเป็นเมืองสมมุติก็เพราะไม่ใช่เป็นเมืองจริงๆของ
ประเทศไทยเพราะมิได้ยกเอาหมู่บ้านใดหรือตำบลใดหรืออำเภอ
ใดหรือจังหวัดใดของประเทศไทยที่มีอยู่แล้วเอามาใช้ฝึกหัดหาก
แต่สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณพระราชวังเป็นเสมือนเมืองตุ๊กตาเพราะ
มีขนาดเล็กผู ้คนจะเข้าไปอาศัยอยู ่จริงๆไม่ได้หากแต่กำหนด
มอบหมายหรือให้มหาดเล็กของพระองค์ได้ขอเป็นที่อยู่อาศัยแต่
ในนามดังที่มีรายงานลักษณะของเมืองดุสิตธานีเอาไว้ต่อมาว่า
“ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็กๆ สร้างขึ้นแห่งแรกในพระราชวัง
ดุสิต(ภายหลังย้ายไปอยู่ที่พระราชวังพญาไท) มีเนื้อที่ประมาณ
2 ไร่ เนื้อที่มีลักษณะเกือบจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทางด้านใต้ของ
ดุสิตธานีชิดพระที ่นั ่งอุดร ทางด้านเหนือชิดอ่างหยก บ้าน
ทั้งหมดมีจำนวนประมาณร้อยกว่าหลัง การประชุมโหวดครั้งที่ 1
มีทวยนาครโหวด 199 เสียง บ้านแต่ละหลังมีขนาดโตกว่าศาล
พระภูมิ สร้างขึ้นด้วยฝีมือประณีต ฉลุสลักลวดลายอย่างวิจิตร
ทาสีสวยงาม ทุกๆ บ้านมีไฟฟ้าติดสว่างอยู ่กลางบ้าน ถนน
หนทางในเมืองดุสิตธานีส่วนมากเป็นถนนสายเล็กๆ มีบางสายที่
ใหญ่โต พอที่จะเดินได้ ถนนทุกสายสะอาดสะอ้าน สวยงาม ปลูก
ต้นไม้เล็กๆไว้ร่มรื่นสองข้างทางถนนที่เป็นสายสำคัญ”1
ที ่เรียกว่า“การทดลอง”ก็เพราะมิใช่สภาพบ้านเมืองที่
แท้จริงและ“ตัวคน” เองแม้จะเป็นคนจริงๆแต่ก็มิใช่เจ้าบ้านที่บ้าน
ของเขาอย่างแท้จริงหากแต่เป็นบ้านสมมุติที ่เสมือนทำขึ ้นใน
1 หมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง ดุสิต
ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ-
เกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพ – หอสมุดแห่งชาติ, 2513) หน้า 8
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ห้องทดลองจึงเป็นการสมมุติที่ต้องการทดลองเพื่อการเรียนรู้เป็น
สำคัญโดยมีเป้าหมายว่าจากนั้นจะนำไปใช้ที่เขตการปกครองจริง
ของประเทศไทย(คือจังหวัดสมุทรสาคร)ต่อไปด้วย
ปีที่เริ ่มทดลองจัดการการปกครองท้องถิ่นที่เมืองจำลอง
“ดุสิตธานี”นี้คือพ.ศ.2461นับเป็นปีที ่9ที่พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์การทดลองนี้จะเห็นได้
ว ่าเร ิ ่มจากบรรดามหาดเล็กและผู ้คนที ่ร ับราชการใกล้ช ิดกับ
พระองค์นั่นเองซึ่งก็น่าจะสะดวกและไม่เสียงานในหน้าที่ได้และ
เมื ่อทดลองอย่างนี ้ก็จะเห็นข้อดี-ข้อด้อยและดำเนินการแก้ไข
เสียก่อนได้
ดังปรากฏว่าออกธรรมนูญลักษณะปกครองฯออกมาใช้ใน
วันที ่7พฤศจิกายน2461ต่อมาอีก40วันก็สามารถจัดการ
เลือกตั้งได้ตัวนคราภิบาลแล้วในวันเดียวกันก็ได้ออกพระราช-
กำหนดเพิ่มเติมและแก้ไขธรรมนูญลักษณะปกครองคณะนครา-
ภิบาลดุสิตธานีพระพุทธศักราช2461ให้มีตำแหน่งเชษฐบุรุษ
เลือกจากแต่ละอำเภอ“เพื่อเป็นผู้แทนทวยนาครในอำเภอนั้น
เข้าไปนั่งในสภากรรมการนครบาล”(มาตรา5)
ฉะน ั ้นเด ิมก ็ม ีคณะนคราภ ิบาลเป ็นผู ้บร ิหารแบบ
คณะเทศมนตรีโดยไม่มีสภาเทศบาลการแก้ไขก็คือให้มีสภาของ
ท้องถิ ่นข ึ ้นมานั ่นเองและผู ้บร ิหารคือตัวนคราภิบาลหรือ
นายกเทศมนตรีนั้นจะต้องเป็นเชษฐบุรุษเสียก่อนด้วย
ไม่เพียงแต่มีพระราชกำหนดเพิ่มเติมและแก้ไขธรรมนูญ
ลักษณะปกครองปลายปีพ.ศ.2461เท่านั้นต่อมายังมีกฎหมาย
ออกมาแก้ไขในเรื ่องนี ้อีกเช่นพระราชบัญญัติแก้ไขพระราช
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
กำหนดเพ ิ ่ ม เต ิมธรรมนูญล ักษณะปกครองนคราภ ิบาล
พระพุทธศักราช2461ซึ่งออกใช้เมื่อวันที่7กรกฎาคมพ.ศ.2462
เป็นต้น
ในการทดลองฝึกจัดการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาล
นั้นจะเห็นได้ว่าในระยะเวลาระหว่างปีพ.ศ.2461และ2462
เป็นเวลาประมาณ2ปีนั้นได้มีการเลือก“นคราภิบาล”ถึง7ครั้ง
ด้วยกันแสดงว่านคราภิบาลแต่ละคนเป็นอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ
มีการอภิปรายติติงกันและมีการลาออกและมีการเลือกตั้งคนใหม่
ขึ้นมามีทั้งการหาพวกวางแผนจะเลือกใครตามที่ได้รู้ก็ล้วนแต่
เป็นเรื่องให้ทดลองทำเป็นเรื่องฝึกหัดทดลองมิใช่จะปกครองจริง
จึงมีผู้กล่าวว่าเป็น“ละครเวทีการเมือง”2แต่ที่จริงน่าจะมิใช่ละครที่
แสดงให้ดูเท่านั้นหากเป็นการทดลองให้บุคคลที่ถือได้ว่ามีความรู้
ความเข้าใจดีเป็นกลุ่ม“ชนนำ”ของบ้านเมืองได้ทดลองปฏิบัติดู
ดังที ่กล่าวมาทั ่วกันแล้วว่าการทดลองจัดการปกครอง
ส่วนท้องถิ่นนี้ก็เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่จะเอาไปฝึกหัดในพื้นที่
การปกครองของประเทศอย่างจริงจังต่อไปดังที่พระยาสุนทรพิพิธ
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทยสมัยโน้นได้เขียนเล่า
ให้ฟัง
“เมืองดุสิตธานี”เป็นพระราชประสงค์ที่จะทรงฝึกอบรม
เสนาอำมาตย์ราชบริพารนับแต่เสนาบดีลงมาให้ซาบซึ ้งใน
พระบรมราโชบายและวิธีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
จึงมีข้าราชการผู้ใหญ่ไปสมัครเป็นทวยนาครด้วยมากเฉพาะที่
กล่าวกันในที ่น ี ้ก ็ค ือพระยาราชนกูล(อวบเปาโรหิต)ปลัด
2 หมื่นอมรดรุณารักษ์ อ้างแล้ว หน้า 108
1�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
กระทรวงมหาดไทยซึ่งภายหลังได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยา
มุขมนตรีท่านมีโอกาสได้เฝ้าใกล้ชิดอยู่เสมอๆเพราะในขณะนั้น
ท่านเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยมี
อาการป่วยกระเสาะกระแสะจึงมิได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าเมื่อพระยา-
ราชนกูลได้ซาบซึ ้งในพระบรมราโชบายและพระราชดำริโดย
ถ่องแท้แล้วประกอบกับที่ได้ทรงมีพระราชปฏิสัณฐานและเท็ดทูล
เรื่องการปกครองบ้านเมืองอยู่บ่อยๆครั้งหนึ่งเมื่อมีโอกาสเป็นการ
เฉพาะจึงกราบบังคมทูลขึ้นว่า“กระทรวงมหาดไทยได้ซาบซึ้งถึง
พระบรมราโชบายและวิธีการของดุสิตธานีแล้วถ้าต้องด้วยพระ
ราชประสงค์กระทรวงมหาดไทยจะรับสนองพระบรมราโชบายนำ
แบบอย่างของดุสิตธานีไปปฏิบัติในจังหวัดต่างๆตามที่เห็นสมควร
และเหมาะสมเป็นอันดับไปจนกว่าจะทั่วถึง’มีพระราชดำรัสตอบ
ว่า‘นั่นนะซิฉันต้องการให้ปกครองท้องที่มีการปรับปรุงกันเสียที
จึงได้วางระเบียบไว้เพื่อให้เห็นเป็นตัวอย่าง”
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้พระองค์ก็ทรงเป็นกษัตริย์สมบูรณา-
ญาสิทธิราชย์เมื ่อมีพระราชดำริหรือพระราชประสงค์ในสิ ่งใด
ประการใดเพียงตรัสออกไปก็ย่อมสำเร็จได้ดังพระราชประสงค์
แต่พระองค์ทรงพระราชดำริอยู ่ในพระราชหฤทัยว่าการสิ ่งใด
เป็นการใหญ่ถ้าเพียงแต่ใช้พระราชอำนาจดำรัสสั่งให้ทำๆกันตาม
พระราชดำรัสนั้นก็จะต้องทำกันอย่างแน่นอนแต่การกระทำนั้น
อาจไม่สำเร็จหรือสำเร็จแต่ไม่เป็นผลดีโดยสมบูรณ์ดังนี ้ก็ได้
ฉะน้ันเร่ืองปฏิรปูการปกครองซ่ึงนับว่าเป็นเร่ืองใหญ่มากเพราะไม่เพียง
แต่เปลี่ยนแปลงวิถีทางการงานแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้สึก
ในจิตใจด้วยที่เดียวพระองค์จึงได้ทรงทำเป็นการทดลองขึ้นก่อน”3
3 เพิ่งอ้าง หน้า 322 - 323
20
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การปกครองท้องที่ซึ่งมีตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านและกำนันที่
ราษฎรในหมู่บ้านและตำบลได้เลือกกันอย่างเปิดเผยขึ้นมาเป็นผู้นำ
ของตนนั้นได้มีกฎหมายเกี่ยวกับการปกครองท้องที่มาก่อนแล้ว
คือมีมาตั้งแต่พ.ศ.2457
21
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
เม ื ่อผู ้ร ับผิดชอบในกระทรวงมหาดไทยมีความเห็น
คล้อยตามและได้ทราบพระราชประสงค์ก็ได้คิดดำเนินการว่าจะให้
เลือกเขตพื ้นที ่ปกครองที ่ใดและจะมอบหมายให้ใครไปเป็น
ผู ้รับผิดชอบดูแลและในเรื ่องตัวบุคคลนั ้นก็น่าจะลงเอยที ่ตัว
“พระยาสุนทรพิพิธ”(เชยฆัฆวิบูลย์)ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของ
กระทรวงมหาดไทยที ่มีตำแหน่งอยู ่ที ่จ ังหวัดนครสวรรค์เป็น
ข้าราชการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววางพระราชหฤทัยเป็น
มหาดเล็กของพระองค์มาก่อนและเป็น“นักเรียนส่วนพระองค์”ที่
พระองค์ท่านส่งไปเรียนที่โรงเรียนข้าราชการพลเรือนมาก่อนด้วย
ดังคำบอกเล่าของพระยาสุนทรพิพิธที่เล่าให้ฟังว่า
“เดือนมีนาคม พ.ศ. 2464 ข้าพเจ้าก ็ได้ร ับโทรเลข
กระทรวงมหาดไทยให้มารับราชการกรุงเทพฯ ขณะนั้นข้าพเจ้า
รับราชการอยู่จังหวัดนครสวรรค์ ครั้นเข้ามาถึงและรายงานตัวตาม
ระเบียบแล้ว ท่านเสนาบดีก็แจ้งความประสงค์ให้ทราบโดยตรง
แล้วสั่งให้ไปฟังเรื่องราวละเอียดจากท่านปลัดกระทรวง เมื่อได้พบ
กับท่านปลัดกระทรวง ท่านจึงได้บอกเรื ่องราวให้ทราบโดย
ตลอด...ท่านบอกว่า จังหวัดที่จะให้เริ่มงานนี้ได้ 4 เลือกเอาจังหวัด
สมุทรสาคร เพราะเหมาะด้วยเหตุผลหลายประการ”
สถานที่หรือเขตปกครองที่จะเปลี่ยนจากการทดลองใน
เมืองสมมุติอย่างดุสิตธานีมาให้ราษฎรไทยได้ฝึกหัดเรียนรู้การ
ปกครองตนเองระดับล่างที ่ต ่อมาภายหลังเร ียกกันว่า“การ
ปกครองส่วนท้องถิ่น”นั่นก็คือจังหวัดสมุทรสาคร
4 เพิ่งอ้าง หน้า 324
22
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
เหตุผลที่เลือกจังหวัดสมุทรสาครนั้นก็มีดังที่พระยาสุนทร
พิพิธเล่าให้ฟังต่อมา
“…คือจังหวัดนี้สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้โปรดเกล้าฯให้
จัดการสุขาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรก และจังหวัดนี้ราษฎรมีอาชีพส่วน
ใหญ่อยู ่ 3 ประเภท คือ ทำนา ทำสวน ทำการประมง ซึ ่ง
เหมาะแก่ความคิดที่จะจัดการบำรุงช่วยเหลือยิ่งกว่าจังหวัดที่การ
อาชีพใหญ่น้อยประเภท เช่นมีแต่การทำนาเป็นส่วนใหญ่
เป็นต้น ทั้งเป็นจังหวัดที่ไม่ใหญ่โต มีพลเมืองไม่มาก และอยู่ใกล้
กร ุงเทพฯด้วย ด ูจะเป ็นความสะดวกด้วยประการท ั ้งปวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเห็นชอบด้วยแล้ว”5
ที ่ระบุว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หัวรัชกาลที ่5ตั ้ง
สุขาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรกนั้นก็คือสุขาภิบาลที่ท่าฉลอมนั่นเอง
สำหรับตัวคนที่จะให้มารับผิดชอบนั้นก็ดังที่ได้กล่าวมา
แล้วโดยพระยาสุนทรพิพิธยืนยันว่าทางกระทรวงตกลงจะย้าย
ตัวท่านจากจังหวัดนครสวรรค์มาอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครและได้
กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6แล้วด้วย
ซึ่งได้กำหนดที่จะให้มีการร่างกฎหมายออกใช้บังคับในการนี้ตาม
ที่พระยาสุนทรพิพิธเล่า
“…ฉะนั้นหน้าที่ของข้าพเจ้าในชั้นต้นก็คือ การร่วมเป็น
กรรมการพิจารณาจัดร่างธรรมนูญการปกครอง และระเบียบ
แบบแผนที่จะต้องใช้ในการนี้ อีกประการหนึ่งก็คือ ข้าพเจ้าจะ
ต้องศึกษาระบบ Municipality ของอังกฤษ โดยให้ไปติดต่อ
6 เพิ่งอ้าง หน้า 325
2�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ปรึกษาหารือกับหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ ซึ ่งเป็น
กรรมการในเรื่องนี้ด้วยผู้หนึ่ง เมื่อได้ทราบบทบัญญัติ และวาง
ระเบียบแบบแผนเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้นำทูลเกล้าฯถวายขอ
พระราชทานพระบรมราชาวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง...”
พระยาสุนทรพิพิธและหม่อมเจ้าสกลวรรณากรวรวรรณ
นี ้ต่อมาหลังเปลี ่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475และได้มี
กฎหมายว่าด้วยเทศบาลออกมาใช้ทั้งสองท่านได้ร่วมกันเขียน
หนังสือเรื ่องการปกครองส่วนท้องถิ่นเกี ่ยวกับเทศบาลออกมา
เผยแพร่ความรู ้ในด้านนี ้ดังนั ้นความคิดเห็นต่างๆในเรื ่อง
การปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนการเปลี่ยนแปลง
การปกครองจึงน่าจะสืบต่อมาให้เห็นได้ในหนังสือเล่มนี้ด้วยที่น่า
เสียดายก็คือหนังสือฉบับนี้เองก็มีผู้สนใจน้อยเพิ่งจะมีนักวิชาการ
ทางด้านการกระจายอำนาจดร.นครินทร์เมฆไตรรัตน์คณบดี
คณะรัฐศาสตร์หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปพบเข้าได้เอามาพิมพ์
เผยแพร่ให้ได้ศึกษากัน
ที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่อยากรู้เรื่องโครงการฝึกหัดจาก
การปกครองส่วนท้องถิ่นของจริงที่จังหวัดสมุทรสาครในรัชสมัย
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6ว่าทำไมจึงไม่เกิดขึ้น
หรือเกิดขึ้นแล้วแต่ล้มเหลวไปคำตอบก็มีอยู่ชัดเจนในคำบอกเล่า
ของพระยาสุนทรพิพิธว่า
“…ภายหลังต่อมา ดูเหมือนว่าเมื่อกระทรวงมหาดไทยได้
ทูลเกล้าฯถวายร่างกฎหมาย และระเบียบแบบแผนขึ้นไปแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะ
เสนาบดี แล้วมีข่าวกระเส้นกระสายจะเท็จจริงอย่างไรไม่ทราบว่า
2�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มีเสนาบดีบางท่านเห็นว่าร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย
ให้สิทธิแก่ราษฎรกว้างขวางเกินไป อาจกระทบกระเทือนต่อ
ผลประโยชน์ของรัฐ เรื่องจึงยังตกลงไม่ได้ คงค้างพิจารณาอยู่
ต่อมาไม่ช้าถึงปี พ.ศ. 2465 กระทรวงมหาดไทยกับกระทรวง
นครบาลก็ถูกยุบรวมเข้าเป็นกระทรวงเดียวกัน ท่านเจ้าพระยา-
สุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งก่อนแล้ว
ท่านเจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงนครบาลได้มาดำรง
ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแทน ในระยะนี้เรื ่องการ
ปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาคก็ยังไม่ตกลงว่ากระไร คงเงียบอยู่
คร ั ้นล ุว ันท ี ่ 25 พฤศจ ิกายน พ.ศ. 2468 พระบาทสมเด ็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต”6
แสดงได้อย่างชัดเจนว่าเร ื ่องที ่จะทำจริงๆที ่จ ังหวัด
สมุทรสาครไม่เกิดขึ้นเพราะเรื ่องนี้ไม่ผ่านการพิจารณาของ“ที่
ประชุมเสนาบดี” ฉะนั้นที่น่าสนใจก็คือที่ประชุมเสนาบดีนั้นมีใคร
บ้างอย่างน้อยเสนาบดีกระทรวงนครบาลคือเจ้าพระยายมราชนั้น
ก็คงจะเห็นด้วยเพราะได้ทำงานและมีส่วนรู ้เรื ่องดุสิตธานีเป็น
อย่างดี
คำบอกเล่าของพระยาสุนทรพิพิธที ่ว ่า“…มีเสนาบดี
บางท่านเห็นว่าร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ให้สิทธิแก่
ราษฎรกว้างขวางเกินไป” นั้นบ่งบอกชัดว่าเสนาบดีบางท่านที่ว่า
นั้นอาจเป็นคนเดียวหรือมากกว่าหนึ่งคนก็ได้แต่ต้องเป็นเสนาบดี
ที่มีความสำคัญเพราะเมื่อท้วงติงขึ้นก็มีผลทำให้เรื่องการฝึกหัด
ปกครองจริงๆในจังหวัดสมุทรสาครไม่อาจเป็นจริงได้
5 เพิ่งอ้าง หน้า 32
ภาคผนวก
2�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ธรรมนูญลักษณะปกครอง
คณะนคราภิบาล
(ดุสิตธานี)
พระพุทธศักราช 2461
ปรารภกรณีย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจ
ยุติธรรมและความเมตตาปรานีสูงสุดทรงพระกรุณาแก่ไพร่ฟ้า
ข้าแผ่นดินเสมอหน้าทรงพระราชดำริว่าทวยนาครแห่งดุสิตธานี1
ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเป็นที่ตั้งราชนิเวศน์มี
ฐานะความเป็นอยู่และภูมิธรรมความรอบรู้สูงพอสมควรจะเริ่ม
1 ขอให ้ผู ้อ ่านพ ึงใช ้ความส ังเกตว ่า พระบาทสมเด ็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู ่หัว จะทรงใช้เมืองสมมุติที ่ให้ชื ่อว่า
“ดุสิตธานี” เป็นเมืองตัวอย่าง คำว่า “ทวยนาคร” ตรงกับ
คำว่า “ปวงประชาราษฎร์” และที่เมืองดุสิตธานี จะเป็นเวที
การปกครองแบบใหม่ในเมืองไทยยุคนั้น ที ่เรียก “ระบอบ
ประชาธิปไตย”
ภาคผนวกที่ 1
2�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การศึกษาการปกครองตนเองได้ในกิจการบางอย่างเพื่อยังความ
ผาสุกสวัสดิ์ตามฐานะของตนๆให้ยิ่งขึ้นจึงมีพระราชประสงค์จะ
ประสาทธรรมนูญลักษณะปกครองแก่ทวยนาครแห่งดุสิตธานีไว้
เป็นหลักฐานต่อไป
ธรรมนูญลักษณะปกครองนคราภิบาลนี ้เป็นกำหนด
อำนาจการพระราชทานแด่ชาวดุสิตธานีให้มีเสียงและโอกาสแสดง
ความเห็นในวิธีจัดการปกครองตนเองในกิจการบางอย่างส่วน
อำนาจในกิจการแผนกใดซึ ่งยังมิได้ทรงพระกรุณาประสิทธิ ์
ประสาทให้ก็ย่อมคงอยู่ในรัฐบาลกลางซึ่งมียอดรวมอยู่ในพระองค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามแบบฉบับในอารยประเทศทั้ง
หลายที่จัดการนคราภิบาล
อำนาจอันคงอยู่ในรัฐบาลกลางนี้แม้ทรงพระราชดำริเห็น
สมควรจะพระราชทานเพิ่มเติมให้แก่คณะนคราภิบาลดุสิตธานีอีก
เมื่อใดอย่างไรก็จะได้ทรงพระกรุณาพระราชทานต่อไปตามกาลตาม
สมัยที ่ทรงพระราชดำริเห็นสมควรแก่สติปัญญาและภูมิธรรม
ของตน
อีกนัยหนึ ่งอำนาจกิจการในแผนกซึ ่งได้ทรงพระกรุณา
ประสาทแล้วแต่มาปรากฎภายหลังว่าอำนาจเช่นนั้นๆยังมิสมควร
ได้โดยยังมิรู ้จักใช้ก็ดีหรือโดยประการอื่นก็ดีก็จะได้ทรงพระ
กรุณาเลิกถอนหรือแก้ไขเพื่อประโยชน์และความดำรงอยู่ด้วยดี
แห่งมหาชนหมู่ใหญ่
บัดนี้การตั้งพระราชธานีนับว่าจวนสำเร็จแล้วตามพระราช
ประสงค์สะพรั่งพร้อมด้วยเคหสถานและที่ทำการประกอบอาชีพ
ต่างๆสมควรจะมีธรรมนูญจัดการนคราภิบาลขึ้นไว้เพื ่อความ
2�
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ไพศาลแห่งนครจึงมีพระราชประกาศิตประสาทธรรมนูญจัดเป็น
บทมาตราดังต่อไปนี้
หมวดที่ 1 ว่าด้วยนามและการใช้รัฐธรรมนูญ
มาตรา 1 ให้เรียกบทบัญญัตินี ้ว่าธรรมนูญลักษณะปกครอง
คณะนคราภิบาลดุสิตธานีพระพุทธศักราช2461
มาตรา 2 ธรรมนูญนี้ให้ใช้ทั่วไปในจังหวัดดุสิตธานีตั้งแต่วัน
ประกาศนี้เป็นต้นไป
มาตรา 3 บรรดากำหนดกฎข้อบังค ับแต่ก ่อนบทใดขัดต่อ
ข้อความในธรรมนูญนี้ให้ยกเลิกเสียใช้ธรรมนูญนี้แทนต่อไป
มาตรา 4 การแผนกใดซึ่งบังคับไว้ว่านคราภิบาลจะจัดไม่ได้แต่
เมื่อได้รับอนุมัติจากกระทรวงทบวงการผู้เป็นเจ้าหน้าที่คือรัฐบาล
กลางแล้วนั้นเพ่งความถึงพระบรมราชานุมัติในพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นยอดแห่งรัฐบาล
หมวดที่ 2 บทวิเคราะห์ศัพท์
มาตรา 5 คำว่าบ้านและเจ้าบ้านที่กล่าวในธรรมนูญนี้ให้พึงเข้าใจ
ดังนี้คือ
ข้อ1คำว่าบ้านนั ้นท่านหมายความถึงเรือนหลังเดียว
ก็ตามหลายหลังก็ตามซึ่งอยู่ในเขตที่มีเจ้าของเป็นอิสระส่วน1
�0
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
นับในธรรมนูญนี้ว่าบ้าน1ห้องแถวและแพหรือเรือซึ่งจอดประจำ
อยู่ที่ใดถ้ามีเจ้าของหรือผู้เช่าครอบครองเป็นอิสระต่างหากห้อง1
หลัง1ลำ1หรือหมู่1ในเจ้าของหรือผู้เช่าคน1นั้นก็นับว่าบ้าน
1เหมือนกัน
ข้อ2เจ้าบ้านนั้นท่านหมายความว่าผู้ปกครองบ้านซึ่งว่า
มาแล้วในข้อก่อนจะครอบครองด้วยว่าเป็นเจ้าของบ้านก็ตามนับ
ตามธรรมนูญนี้ว่าเป็นเจ้าบ้าน
ข้อ3โรงพยาบาลที่ทำการต่างๆของรัฐบาลหรือนครา-
ภิบาลสถานีรถไฟที ่ เหล่านี ้ เป ็นสาธารณสถานอยู ่ในความ
ปกครองของหัวหน้าในที่นั้นไม่นับเป็นบ้านตามธรรมนูญนี้
มาตรา 6 คำว่านคราภิบาลนั้นท่านให้เข้าใจว่าผู้ที่ซึ่งราษฎรใน
จังหวัดดุสิตธานีผู้มีสิทธิตามธรรมนูญนี้จะเลือกได้พร้อมใจกัน
เลือกตั ้งขึ ้นเป็นผู ้ปกครองชั ่วปีหนึ ่งๆโดยได้รับพระราชทาน
พระบรมราชานุมัติ
มาตรา 7 คำว่าปรับนั้นท่านหมายความว่าจำนวนเงินซึ่งราษฎร
ผู้กระทำผิดต้องเสียให้แก่คณะนคราภิบาลเพื่อถ่ายโทษ
หมวดที่ 3 ว่าด้วยกำหนดและการเลือกตั้งนคราภิบาล
มาตรา 8 ผู้ที ่เป็นนคราภิบาลนั้นท่านกำหนดอายุให้เป็นชั่วปี
เดียวเมื่อถึงกำหนดจะสิ้นปีต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทุกปี
มาตรา 9 ผู ้ที ่เป็นนคราภิบาลมาปี1แล้วจะรับเลือกให้เป็น
นคราภิบาลอีกปี1ติดๆกันไม่ได้
�1
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา 10 เวลาที่จะประชุมเลือกนคราภิบาลคนใหม่ควรจะเป็น
วันที่สุดของปีหรือวันที่ใกล้ที่สุดของปีตามแต่จะเหมาะแก่โอกาสที่
จะเป็นไปได้แต่ให้เป็นที่พึงเข้าใจว่านคราภิบาลที่เป็นอยู่ต้องทำการ
ในหน้าที่จนกว่าจะมีการเลือกตั้งนคราภิบาลคนใหม่เสร็จแล้วโดย
เรียบร้อย
มาตรา 11 ให้ราษฎรซึ่งตั้งบ้านเรือนหรือจอดเรือแพประจำอยู่ใน
จังหวัดดุสิตธานีทั้งชายหญิงไม่ว่าโสดหรือแต่งงานแล้วประชุม
พร้อมกันเลือกเจ้าบ้านผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่นับถือของตนขึ้นเป็น
นคราภิบาลสำหรับปกครองธานีนั้นและวิธีเลือกนคราภิบาลนั้นให้
ทำดังกำหนดต่อไปนี้
มาตรา 12 เมื่อจวนจะถึงวันกำหนดที่จะเลือกนคราภิบาลใหม่ให้
ผู้ซึ่งรับอำนาจอำนวยการในการเลือกตั้งนคราภิบาลป่าวร้องทวย
นาครชายหญิงให้ทราบว่าจะมีการประชุมเลือกตั้งนคราภิบาลที่ใด
วันใดและประกาศข้อความด้วยว่าถ้าผู ้ใดมีความปรารถนาจะ
สมมุติผู้ใดให้เป็นนคราภิบาลต่อไปก็ให้เขียนนามผู้นั้นกรอกลงใน
แบบสมมุติที่ได้แบบไว้ท้ายธรรมนูญนี้และต้องลงนาม1ผู้รับรอง
1และให้ยื่นหนังสือสมมุติถึงผู้อำนวยการเลือกตั้งนคราภิบาลก่อน
วันประชุม1วัน
มาตรา 13 ผู้ที่จะลงนามเป็นผู้นำและผู้รับรองในหนังสือสมมุติ
ตามมาตรา12ต้องเป็นคหบดีเจ้าบ้านและคนหนึ่งๆห้ามมิให้นำ
และรับรองบุคคลผู้ใดให้เป็นนคราภิบาลเกินกว่า1คน
มาตรา 14 ให้ผู้อำนวยการเลือกตั้งนคราภิบาลเขียนนามผู้ที่ได้รับ
สมมุติตามมาตรา12นั้นโฆษณาไว้ณที่ทำการเพื่อสาธารณชน
ทราบด้วย
�2
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา 15 ถ้าผู้ใดรับสมมุติแต่เพียงรายเดียวเท่านั้นไม่มีผู้ใด
สมมุติผู้อื่นมาอีกแล้วไซร้ให้ถือว่าผู้ที่ได้รับสมมุติแต่เพียงผู้เดียว
นั้นเป็นอันได้รับเลือกตั้งเป็นนคราภิบาลทีเดียว
มาตรา 16 เมื่อถึงกำหนดวันที่ผู้อำนวยการได้ป่าวร้องไว้แล้วนั้น
ให้นาครทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันยังตำบลและเวลาที่ผู้อำนวย
การกำหนดไว้
มาตรา 17 ในเมื่อทวยนาครมาประชุมพร้อมกันตามกำหนดแล้ว
ถ้าหากว่ามีผู้ได้รับสมมุติเป็นนคราภิบาลแต่คนเดียวเท่านั้นไซร้ก็
ให้เจ้าพนักงานผู้รับอำนาจอำนวยการโฆษณาแก่ทวยนาครให้ทราบ
ว่าผู้นั้นได้รับเลือกเป็นนคราภิบาลโดยถูกต้องตามธรรมนูญนี้แล้ว
แต่ว่าถ้าแม้มีผู้รับสมมุติแล้วตั้งแต่2คนขึ้นไปก็ให้เจ้าพนักงาน
ซึ่งได้รับอำนาจอำนวยการไต่ถามความเห็นทวยนาครให้พร้อมกัน
เลือกผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้รับจดนามโฆษณาตามมาตรา14นั้นโดยเปิด
เผยก็ได้หรือเมื่อเห็นว่าที่เลือกโดยเปิดเผยไม่คล่องใจที่จะเลือก
จะใช้วิธีเลือกโดยลงคะแนนลับก็ได้โดยวิธีใดวิธีหนึ่งใน2วิธีนี้ตาม
แต่อำนวยการจะเห็นสมควร
มาตรา 18 ถ้าราษฎรพร้อมใจกันเลือกโดยเป็นการเปิดเผยแล้วก็
ให้ผู้อำนวยการถามว่าจะเลือกผู้ใดเมื่อได้รับคำตอบจากราษฎร
ที่มาประชุมว่าจะเลือกผู้ใดแล้วถ้ามีผู้เห็นชอบด้วยก็ให้ยกมือขึ้น
นับคะแนนเรียงตัวไปฝ่ายผู้ที่ไม่เห็นชอบให้นั่งลงเสียถ้าเป็นการ
เลือกตั้งโดยคะแนนลับให้ผู้อำนวยการเรียกมาถามทีละคนโดย
เงียบๆว่าจะเห็นสมควรให้ผู้ใดเป็นแล้วจดชื่อผู้ที่ราษฎรเลือกนั้น
ไว้หรือจะให้ราษฎรเขียนชื่อผู้ที่จะเลือกนั้นมาส่งคนละฉบับก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา 19 ผู ้ที ่ได้คะแนนสูงกว่าผู ้อื ่นหรือที ่มีราษฎรโดยมาก
เลือกขึ้นนั้นให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือกเป็นนคราภิบาลและพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุมัติแล้วนับว่า
ผู้เป็นนคราภิบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 20 ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนคราภิบาลแล้วนั้นต้องรับภาระ
ทำการในหน้าที ่นั ้นต่อไปถ้าไม่เต็มใจรับจะไม่รับก็ได้แต่ต้อง
ถูกปรับเป็นเงิน50บาทนอกจากกระทรวงผู้เป็นเจ้าหน้าที่จะดำริ
ผ่อนผันให้โดยเหตุสมควร
หมวดที่ 4 ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของนคราภิบาล
มาตรา 21 เม ื ่อผู ้ ใดเป ็นนคราภ ิบาลผู ้น ั ้นจะม ีอำนาจตาม
พระธรรมนูญนี้ทันทีในการที่จะเลือกตั้งนคราภิบาลคือเจ้าหน้าที่
ต่างๆเช่นเจ้าพนักงานคลังเจ้าพนักงานโยธานายแพทย์สุขาภิบาล
ผู้รักษาความสะดวกของประชาชน(InspectorofNuisances)
เป็นต้นสำหรับจัดการให้เป็นไปตามธรรมนูญนี้ตามแต่จะเห็น
สมควร
มาตรา 22 นคราภิบาลมีอำนาจปกครองบรรดาราษฎรที่อยู่ในเขต
ธานีของตนและให้ราษฎรที่อยู่ในเขตนั้นจงเชื่อถ้อยฟังคำนครา-
ภิบาลอันชอบด้วยกฎหมายและธรรมนูญที่ใช้อยู่จงทุกประการ
มาตรา 23 รัฐบาลมีหน้าที่
ก.ดูแลรักษาเพิ่มพูนความผาสุกของราษฎรทั่วไปช่วย
ป้องกันทุกข์ภัยของประชาชนในเขตของตน
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ข.ดูแลการคมนาคมคือถนนหนทางทั้งแม่น้ำลำคลอง
ให้ความสว่างไสวจัดการไฟฟ้าประปาในธานี
ค.การดับเพลิงและการรักษาสวนสำหรับนครให้เป็นที่
หย่อนกายสบายใจควรแก่ประโยชน์และความสุขอัน
จะพึงมีได้สำหรับสาธารณชน
ฆ. จัดการในเรื่องโรงพยาบาลสุสานและโรงฆ่าสัตว์
ง.ดูแลระเบียบการโรงเรียนราษฎร์ห้องอ่านหนังสือ
และโรงเรียนหัตถกรรมต่างๆ
มาตรา 24 นคราภิบาลมีอำนาจที ่จะตั ้งพิกัดภาษีอากรขนอน
ตลาดเรือนโรงร้านเรือแพอันอยู่ในเขตหน้าที่ของนคราภิบาล
แต่เมื ่อกำหนดพิกัดภาษีอากรนคราภิบาลจะต้องเรียกประชุม
ราษฎรเพื่อทำการตกลงในเรื่องเช่นนี้และเมื่อจะเปลี่ยนพิกัดภาษี
ใหม่ก็ต้องเรียกประชุมใหม่ทุกครั้งไปและประกาศให้รู้ทั่วกัน
มาตรา 25 นคราภิบาลมีอำนาจจะออกใบอนุญาตและเก็บเงิน
ค่าใบอนุญาตสำหรับยานพาหนะร้านจำหน่ายสุราโรงละคร
โรงหนังสถานที่เริงรมย์เก็บเงินจากมหาชนคนดูทั้งปวง
มาตรา 26 เมื่อนคราภิบาลได้เรียกประชุมเจ้าบ้านเพื่อกำหนดภาษี
อากรและใบอนุญาตตามที ่ว ่าในมาตราข้างบนนั ้นให้ราษฎร
เจ้าบ้านทั ้งหมดไปประชุมพร้อมกันตามที ่กำหนดนัดหมายถ้า
เจ้าบ้านไปประชุมไม่ได้ก็ต้องตั ้งผู ้แทนตัวและมีหนังสือมอบ
อำนาจให้ผู้นั้นไปในที่ประชุมแทนนั้นด้วย
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา 27 ถ้ารัฐบาลจะประกาศหรือสั่งราชการอันใดให้ราษฎร
ทราบเป็นหน้าที่ของนคราภิบาลที่จะรับข้อเสนอข้อความนั้นๆไป
แจ้งแก่ราษฎรที่อยู่ในปกครองของตนให้ทราบ
มาตรา 28 เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะทำบัญชีสำมะโนครัวราษฎร
ในปกครองของตนและคอยแก้ไขบัญชีให้ถูกต้องตามที่เป็นจริงอยู่
เสมอ
มาตรา 29 กิจการสาธารณประโยชน์ซ ึ ่งม ีผลกำไรเช ่นการ
ตั ้งธนาคารโรงจำนำตั ้งตลาดรถรางเรือจ้างเหล่านี ้เป็นอาทิ
นคราภิบาลจะดำริให้จัดไปในเวลาที่เห็นสมควรก็ได้เป็นทางหา
กำไรบำรุงเมืองเพื่อผ่อนภาษีอากรซึ่งราษฎรจะต้องเสียและเพื่อ
กระทำกิจเช่นว่านี้นคราภิบาลจะออกใบกู้ก็ควรเพราะหนี้ชนิดนี้
นับว่าไม่ใช่หนี้ตายที่ไร้ผล
มาตรา 30 เป็นหน้าที่ของนคราภิบาลจะกำหนดปลูกสร้างวางแผน
สำหรับนครเพื ่อความงามและอนามัยความผาสุกแห่งธานี
เคหสถานบ้านเรือนที่ทำการต่างๆเมื่อเจ้าของจะปลูกสร้างต้องได้
รับอนุญาตจากนายช่างก่อสร้างของนคราภิบาลแล้วจึงจะปลูกได้
ดังนี้สถาบัตยกรรมจึงจะสมานเจริญตา
มาตรา 31 การขยายเขตนคราภิบาลต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาล
กลาง
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
หมวดที่ 5 ว่าด้วยการบำรุงรักษาความสะอาดและ
ป้องกันโรคภัย
มาตรา 32 คณะนคราภิบาลมีหน้าที ่จัดตั ้งเจ้าพนักงานแผนก
สุขาภิบาลเพื่อคอยดูแลรักษาความสะอาดทั่วไปตลอดทั้งเมือง
ว่ากล่าวคนในปกครองให้ระวังรักษาอย่าทอดทิ้งหรือปล่อยให้
โสโครกอันเป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่ประชาชนทั่วไป
มาตรา 33 เมื ่อนคราภิบาลเห็นว่าบ้านใดหมู่ใดชำรุดรุงรังหรือ
ปล่อยให้โสโครกโสมมอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่อยู่ในที่นั้น
หรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกันหรือผู้ที่ผ่านไปมาอันอาจเกิดอัคคีภัยหรือ
โรคร้ายขึ้นถ้าเห็นสมควรจะบังคับให้เจ้าบ้านหรือผู้ที่อยู่ในที่นั้น
แก้ไขเสียให้ดีก็มีอำนาจบังคับได้
มาตรา 34 เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดนคราภิบาลได้บังคับให้รื้อถอนจัดทำ
หรือซ่อมแซมบ้านเรือนใหม่ขัดขืนไม่กระทำตามบังคับของนครา-
ภิบาลนั้นก็ให้นคราภิบาลมีอำนาจฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้พิจารณา
ลงโทษตามพระราชกำหนดกฎหมาย
หมวดที่ 6 ว่าด้วยการสับเปลี่ยนและตั้งนคราภิบาล
มาตรา 35 เมื่อถึงเวลาสับเปลี่ยนตัวนคราภิบาลใหม่ประจำปีให้
คณะนคราภิบาลเก่าแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายยื ่นต่อที ่ประชุม
ราษฎรและส่งเสียการงานยอดบัญชีสำมะโนครัวแก่คณะนครา-
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ภิบาลใหม่จนสิ้นเชิง
มาตรา 36 ในเวลาเรียกประชุมใหญ่ประจำปีนั้นให้สมุหเทศา-
ภิบาลหรือผู้แทนเข้ามานั่งในที่ประชุมด้วย
มาตรา 37 คณะนคราภิบาลมีอำนาจที่จะจัดตั้งสภาเลขาธิการขึ้น
และสภาเลขาธิการคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะลาออกหรือ
ต้องออกด้วยเหตุอื่น
หมวดที่ 7 ว่าด้วยหน้าที่สภาเลขาธิการ
มาตรา 38 สภาเลขาธิการนั้นเมื่อคณะนคราภิบาลได้เลือกตั้งขึ้น
โดยชอบด้วยพระธรรมนูญแล้วให้มีอำนาจและหน้าที่จัดการดังต่อ
ไปนี้
1.ให้มีหน้าที่บังคับบัญชาการแผนกหนังสือและรายงาน
กิจการทั้งปวงของคณะนคราภิบาล
2.เป็นที่ปรึกษาของคณะนคราภิบาลในทางระเบียบการ
ทางกฎหมาย
3.มีหน้าที่เป็นทนายแถลงคดีแทนคณะนคราภิบาลต่อ
ศาลหรือจะตั้งผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แทนในหน้าที่นี้ก็ได้
4.สภาเลขาธิการมีสิทธิ์ที่จะนั่งในที่ประชุมคณะนครา-
ภิบาลและในที่ประชุมใหญ่ได้ทุกเมื่อ
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
5.ถ้าสภาเลขาธิการเป็นคหบดีเจ้าบ้านอยู่แล้วเมื่อเวลา
นั่งในที่ประชุมใหญ่มีสิทธิจะลงคะแนนความเห็นได้
ด้วย
หมวดที่ 8 ว่าด้วยทุนและการเงินทองของคณะนคราภิบาล
มาตรา 39 เมื่อนคราภิบาลจัดตั้งนคราภิบาลขึ้นแล้วท่านให้ถือว่า
คณะนั้นเป็นบุคคลโดยนิติสมมติมีสิทธิที่จะถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์
ได้มีอำนาจที่จะจ่ายทรัพย์นั้นในการบำรุงความรุ่งเรืองแห่งนคร
และในการป้องกันสิทธิและทรัพย์สมบัติของตน
มาตรา 40 คณะนคราภิบาลมีอำนาจจะออกใบกู้เงินในนามของ
คณะนคราภ ิบาลได ้ เพ ื ่อเป ็นทุนใช ้จ ่ายในการปกครองตาม
พระธรรมนูญนี้แต่มีอำนาจที่จะกระทำตามที่ว่าในมาตรานี้ต้องได้
รับอนุมัติจากรัฐบาลกลางเสียก่อนโดยเฉพาะเรื่องเป็นคราวๆไป
มาตรา 41 เงินที่คณะนคราภิบาลเก็บได้จากราษฎรในทางภาษี
อากรนั้นอนุญาตให้เก็บไว้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ได้แต่ต้องมี
หลักฐานบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายให้ชัดเจน
มาตรา 42 ให้มีคณะกรรมการ2คนตรวจบัญชีในเวลาสิ้นปีทุก
คราวไปกรรมการตรวจบัญชีนี ้ร ัฐบาลกลางเป็นผู ้ต ั ้ง3นาย
นคราภิบาลเป็นผู้ตั้ง1นายกรรมการนี้มิได้รวมอยู่ในนคราภิบาล
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
หมวดที่ 9 ว่าด้วยกำหนดโทษผู้กระทำผิด
มาตรา 43 ผู ้ใดขัดขืนไม่กระทำตามคำสั ่งของนคราภิบาลใน
ระเบียบการปกครองเช่นว่าในมาตรา22ก็ดีและตามมาตรา26
ก็ดีท่านให้ลงโทษปรับเงินเป็นพินัยคนหนึ่งครั้ง1ไม่เกิน10บาท
มาตรา 44 ผู ้ใดขัดขืนคำสั ่งนคราภิบาลเนื ่องในระเบียบการ
สุขาภิบาลเช่นปล่อยให้บ้านเรือนชำรุดรุงรังและเกิดการโสโครก
ตามที่ได้กล่าวมาในมาตรา32ก็ดีตามมาตรา33ก็ดีท่านให้
ลงโทษปรับเงินคนหนึ่งครั้ง1ไม่เกิน5บาทเป็นพินัย
มาตรา 45 ถ้าผู้ใดถูกปรับเพราะได้กระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใด
แล้วมากระทำผิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่2ท่านว่าไม่เข็ดหลาบ
โทษที่ท่านบัญญัติความผิดไว้นั้นเท่าใดเมื่อเวลากำหนดโทษนั้น
ท่านให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบขึ้นอีก3ใน5ส่วนด้วย
มาตรา 46 ผู ้ใดถูกปรับเพราะกระทำผิดมาครั ้งหนึ ่งแล้วไม่
เข็ดหลาบมาทำความผิดขึ้นอีกคราวนี้เป็นครั้งที่2และความผิด
ครั ้งหลังนี ้ซ ้ำประเภทกันกับความผิดในครั ้งก่อนภายในเวลา
6เดือนท่านว่าเวลากำหนดโทษนั้นให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบเป็น
ทวีคูณ
�0
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
หมวดที่ 10 ว่าด้วยการรักษาธรรมนูญ
มาตรา 47 เมื่อราษฎรมีความไม่พอใจในคำสั่งในกฎข้อบังคับใดๆ
ของคณะนคราภิบาลก็ให้ราษฎรมีอำนาจร้องเรียนต่อรัฐบาลกลาง
ได้
มาตรา 48 ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งผู้ใดในคณะนคราภิบาลทำการเกิน
อำนาจที่มีอยู ่ในธรรมนูญหรือผิดด้วยกฎหมายจนเป็นเหตุให้
ผู ้อื ่นได้รับความเสียหายนั้นมีสิทธิจะฟ้องร้องยังศาลหลวงได้
แม้พิจารณาส่งฟ้องแล้วให้ปรับเจ้าหน้าที่ผู้ผิดสินไหมกึ่งหนึ่งพินัย
กึ่งหนึ่ง
มาตรา 49 ให้นคราภิบาลเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามธรรมนูญ
นี้
มาตรา 50 การที ่จะฟ้องผู ้กระทำผิดตามธรรมนูญนี ้ให้สภา
เลขาธิการเป็นเจ้าหน้าที่ฟ้องร้องต่อศาลหลวง
มาตรา 51 ให้นคราภิบาลมีอำนาจที่จะจัดตั้งกฎข้อบังคับสำหรับ
จัดและรักษาการให้เป็นไปตามธรรมนูญนี้เมื่อกฎข้อบังคับนั้นได้
รับอนุมัติจากรัฐบาลกลางและได้โฆษณาแล้วก็ให้ใช้ได้เหมือนเป็น
ส่วนหนึ่งของธรรมนูญนี้
ประกาศมาณวันที่7พฤศจิกายนพระพุทธศักราช2461เป็นปีที่
9ในรัชกาลปัตยุบันนี้
�1
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ภาคผนวกที่ 2
พระราชกำหนดเพิ่มเติมและแก้ไข ธรรมนูญลักษณะปกครอง
คณะนคราภิบาลดุสิตธาน ี
พระพุทธศักราช 2461
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ผู้ทรงซึ่งไว้อำนาจ
ยุต ิธรรมและความเมตตาปราน ีสูงสุดทรงพระราชดำร ิว ่า
ธรรมนูญลักษณะปกครองและนคราภิบาลดุสิตธานีพระพุทธ
ศักราช2461ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศพระบรม
ราชโองการให้ใช้มาแล้วตั ้งแต่วันที ่7พฤศจิกายนพระพุทธ
ศักราช2461นั้นเมื่อลองใช้มาแล้วก็ปรากฏว่าโดยมากนับเป็นการ
สะดวกแก่วิธีการเรียบร้อยดีอยู่แต่ยังมีข้อขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง
ซึ่งสมควรจะเพิ่มเติมให้สมบูรณ์หรือแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
จึงมีพระราชประกาศิตประสาทพระราชกำหนดนี้ขึ ้นไว้
เพื่อเพิ่มเติมแก้ไขธรรมนูญลักษณะปกครองคณะนคราภิบาลดุสิต
ธานีพระพุทธศักราช2461มีบทมาตราดังต่อไปนี้
�2
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
หมวดที่ 1 ว่าด้วยนาม และการใช้พระราชกำหนด
มาตรา 1 ให้เรียกบทบัญญัตินี้ว่าพระราชกำหนดเพิ่มเติมและ
แก้ไขธรรมนูญลักษณะปกครองคณะนคราภิบาลดุสิตธานี
มาตรา 2 พระราชกำหนดเป็นเหมือนส่วนหนึ่งแห่งธรรมนูญ
ลักษณะปกครองแห่งนคราภิบาลดุสิตธานีและให้ใช้ทั่วไปแต่วัน
ประกาศนี้เป็นต้นไป
มาตรา 3 บรรดากำหนดข้อบังคับแต่ก่อนบทใดขัดกับข้อความ
พระราชกำหนดนี้ให้ยกเลิกเสียใช้พระราชกำหนดนี้สืบไป
หมวดที่ 2 ว่าด้วยตำแหน่งเชษฐบุรุษ
มาตรา 4 เพื่อประโยชน์และความสะดวกแห่งทวยนาครให้ตั้ง
ตำแหน่งกรรมการในนคราภิบาลขึ้นอีกเรียกว่าเชษฐบุรุษ
มาตรา 5 เชษฐบุรุษนั้นให้ทวยนาครเจ้าบ้านสมมุติและเลือก
คหบดีนายบ้านผู้มีอายุเป็นผู้ที่นับถือในเขตอำเภอที่ตนตั้งบ้านเรือน
อยู่นั้นอำเภอละคนเพื่อเป็นผู้แทนทวยนาครในอำเภอนั้นเข้าไปนั่ง
ในสภากรรมการนคราภิบาล
มาตรา 6 ผู้ที ่รับตำแหน่งเชษฐบุรุษสำหรับอำเภอใดต้องตั้ง
บ้านเรือนมั่นคงอยู่ในเขตอำเภอนั้น
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา 7 นาครผู้ที่จะเลือกเชษฐบุรุษสำหรับอำเภอใดต้องเป็น
ผู ้ที ่ตั ้งบ้านเรือนอยู ่ในเขตอำเภอนั ้นจะมีเสียงเลือกเชษฐบุรุษ
สำหรับอำเภออื่นนอกจากที่ตนตั้งบ้านเรือนอยู่นั้นไม่ได้เป็นอันขาด
แต่ถ้านาครผู้ใดมีบ้านเรือนอยู่ในเขตอำเภอเกินกว่า1อำเภอก็มี
สิทธิจะเลือกเชษฐบุรุษสำหรับอำเภอที่ตนตั้งบ้านเรือนอยู่นั้นได้ทุก
อำเภอ
มาตรา 8 การเลือกเชษฐบุรุษสำหรับอำเภอให้กำหนดการกระทำ
ก่อนเลือกนคราภิบาลไม่น้อยกว่า7วัน(ตามปฏิทิน)และวิธีเลือก
เชษฐบุรุษนั้นให้ทำดังกำหนดต่อไปนี้
มาตรา 9 เมื่อจวนจะถึงกำหนดวันที่จะเลือกเชษฐบุรุษใหม่ให้
ผู้ซึ่งได้รับอำนาจอำนวยการเลือกเชษฐบุรุษป่าวร้องทวยนาครใน
อำเภอนั้นๆให้ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเชษฐบุรุษที่ใดวันใด
มาตรา 10 เมื่อถึงกำหนดที่ผู้อำนวยการได้ป่าวร้องไว้แล้วนั้นให้
ทวยนาครทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันยังตำบลเวลาที่ผู้อำนวยการ
กำหนดไว้
มาตรา 11 เมื่อทวยนาครมาประชุมพร้อมกันตามกำหนดนั้นแล้ว
ให้พนักงานผู้รับอำนาจอำนวยการถามความเห็นทวยนาครผู้ใดจะ
สมมุติคหบดีผู้ใดให้เป็นเชษฐบุรุษสำหรับอำเภอนั้นและผู้ใดจะ
รับรองเมื่อผู้ใดมีผู้สมมุติและรับรองผู้หนึ่งผู้ใดคนหนึ่งแล้วก็ให้
เจ้าพนักงานถามทวยนาครอีกว่าจะมีผู้ใดสมมติอีกคนหนึ่งหรือไม่
ถ้าแม้ไม่มีผู้ใดสมมติขึ้นอีกคนหนึ่งแล้วก็ถือว่าผู้ที่ได้รับสมมติคน
แรกนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นเชษฐบุรุษโดยชื่นตาไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ทีเดียวแต่ถ้าแม้ว่ามีผู้สมมติกว่า1คนก็ให้พนักงานจัดการให้
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ทวยนาครลงคะแนนโดยวิธีใดวิธีหนึ่งซึ่งจะเป็นการสะดวกและ
เหมาะที่สุด
มาตรา 12 ผู้ที ่ได้คะแนนเลือกสูงกว่าผู้อื ่นให้ถือว่าผู้นั ้นได้รับ
เลือกเป็นเชษฐบุรุษโดยชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 13 ผู ้ที ่ได้รับเลือกเป็นเชษฐบุรุษอำเภอ1แล้วจะเป็น
เชษฐบุรุษอีกอำเภอ1ในคราวเดียวกันไม่ได้
มาตรา 14 ผู ้ที ่ได้รับเลือกเป็นเชษฐบุรุษแล้วนั ้นต้องรับภาระ
ทำการในหน้าที่นั้นต่อไปถ้าไม่เต็มใจรับจะไม่รับก็ได้แต่ต้องถูก
ปรับเป็นเงิน30บาทนอกจากเจ้าพนักงานผู้อำนวยการเลือกจะ
ยอมผ่อนผันให้โดยเหตุสมควร
มาตรา 15 ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นเชษฐบุรุษแล้วให้คงอยู่ในตำแหน่ง
โดยมีกำหนด1ปี
มาตรา 16 เมื่อผู้ใดได้รับตำแหน่งเป็นเชษฐบุรุษจนครบกำหนด
เขตแล้วเมื่อถึงกำหนดเลือกใหม่จะรับตำแหน่งต่อไปก็ได้ไม่มี
ข้อห้าม
มาตรา 17 ผู้ใดเป็นเชษฐบุรุษแล้วมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
ก.เป็นกรรมการที่ปรึกษาในสภาของนคราภิบาลและ
นคราภิบาลนัดให้ประชุมเมื่อใดต้องไปและต้องแสดง
ความเห็นโดยสุจริต
ข.เป็นหัวหน้าทวยนาครในเขตอำเภอของตนเพราะ
ฉะนั้นต้องหมั่นสอดส่องดูทุกข์สุขของทวยนาครและ
เป็นผู ้ที ่นำข้อความที ่ทวยนาครปรารถนาไปชี ้แจง
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
แถลงเหตุผลในสภานคราภิบาลและขอให้สภาปรึกษา
และดำริการนั้นๆ
ค.เมื ่อมีเหตุการณ์อันเห็นควรที ่จะนำปรึกษาในสภา
นคราภิบาลให้เชษฐบุรุษแจ้งไปยังนคราภิบาลขอให้
นัดประชุมสภานคราภิบาล
มาตรา 18 ผู ้ท ี ่ ได ้ร ับตำแหน่งเป ็นเชษฐบุรุษไม่ได ้เบ ี ้ยหว ัด
เงินเดือนอย่างใดสำหรับตำแหน่งนั้นโดยเฉพาะแต่จะรับเบี้ยหวัด
เงินเดือนในตำแหน่งอื่นได้โดยไม่ขัดข้องต่อพระราชกำหนดนี้
หมวดที่ 3 ว่าด้วยสิทธิแห่งเชษฐบุรุษเนื่องในการเลือก
นคราภิบาล
มาตรา 19 ผู้ที่จะได้รับสมมติเป็นนคราภิบาลต้องเป็นเชษฐบุรุษ
อยู่แล้วด้วย
มาตรา 20 ในการที ่จะเลือกนคราภิบาลใหม่ผู ้ที ่จะลงนามใน
หนังสือสมมติในนามผู้สมมติต้องเป็นเชษฐบุรุษอยู่แล้วด้วยแต่
ผู ้จะลงนามเป็นผู ้ร ับรองนั ้นไม่จำเป็นต้องเป็นเชษฐบุรุษด้วย
หามิได้
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
หมวดที่ 4 ว่าด้วยเชษฐบุรุษกิตติมศักดิ์
มาตรา 21 บุคคลผู ้ใดได้กระทำความชอบในราชการแผ่นดิน
หรือมีคุณวิเศษเป็นที ่นับถือแห่งสาธารณชนอนุญาตให้คณะ
นคราภิบาลปรึกษากันเชิญให้รับตำแหน่งเป็นเชษฐบุรุษกิตติมศักดิ์
ของดุสิตธานีได้และให้อยู่ในตำแหน่งนั้นตลอดชีวิต
มาตรา 22 ผู ้ใดได้รับเกียรติยศเป็นเชษฐบุรุษกิตติมศักดิ ์ของ
ดุสิตธานีแล้วมีสิทธิดังต่อไปนี้
ก.เข้านั่งในสภานคราภิบาลได้ในโอกาสอันควร
ข. รับสมมุติเป็นนคราภิบาลได้
ค.ลงนามเป็นผู้สมมตินคราภิบาลใหม่ได้
ประกาศณวันที่13ธันวาคมพระพุทธศักราช2461เป็นปีที่9
ในรัชกาลปัตยุบันนี้
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
ภาคผนวกที่ 3
พระราชบัญญัติ
แก้ไขพระราชกำหนดเพิ่มเติม
ธรรมนูญลักษณะปกครอง
นคราภิบาล
พระพุทธศักราช 2461
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจ
ยุติธรรมและความเมตตาปรานีสูงสุดทรงพระราชดำริว่าพระราช
กำหนดเพิ่มเติมและแก้ไขธรรมนูญลักษณะปกครองนคราภิบาล
ดุสิตธานีพระพุทธศักราช2461ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้
ประกาศพระบรมราชโองการใช้มาแล้วตั ้งแต่วันที่13ธันวาคม
พระพุทธศักราช2461ว่าด้วยการตั้งเชษฐบุรุษประจำอำเภอละคน
นั้นยังหาเหมาะไม่จึงมีพระราชประกาศิตประกาศพระราชกำหนดนี้
แก้ไขบางมาตราให้ดียิ่งขึ้นดังต่อไปนี้
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
หมวดที่ 1 ว่าด้วยนามและการใช้พระราชกำหนด
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี ้ให้เรียกว่าพระราชกำหนดแก้ไข
ธรรมนูญลักษณะปกครองนคราภิบาลพระพุทธศักราช2462
มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้นับว่าเป็นเหมือนส่วนหนึ่งแห่ง
ธรรมนูญลักษณะปกครองนคราภิบาลดุสิตธานีและให้ใช้ทั่วไปตั้ง
แต่วันประกาศนี้เป็นต้นไป
หมวดที่ 2 ว่าด้วยการแก้ไขตำแหน่งเชษฐบุรุษ
มาตรา 3 ให้แก้ไขวิธีเลือกเชษฐบุรุษซึ่งปรากฏอยู่ในมาตรา5
และมาตรา8แห่งพระราชบัญญัติเพิ่มเติมและแก้ไขธรรมนูญ
ลักษณะปกครองนคราภิบาลพระพุทธศักราช2461นั้น
ข้อ1คำว่าให้ทวยนาครเจ้าบ้านสมมติและเลือกคหบดี
นายบ้านผู้มีอายุและมีผู้นับถือในเขตอำเภอละคนนั้นเป็นตำบลละ
คนเพื่อเป็นผู้แทนนาครในตำบลนั้น
ข้อ2คำว่าเลือกเชษฐบุรุษสำหรับอำเภอให้กำหนดการ
กระทำก่อนเลือกนคราภิบาลใหม่ไม่น้อยกว่า7วัน(ตามปฏิทิน)
นั้นให้ยกเลิกเสียจะกระทำก่อนเลือกนคราภิบาลก่อนกี่วันก็ได้
แล้วแต่ผู้รับอำนาจอำนวยการเลือกตั้งจะเห็นสมควร
��
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
มาตรา 4 บรรดาพระราชกำหนดข้อบังคับแต่ก่อนบทใดขัดกับ
ข้อความในพระราชกำหนดนี้ให้ยกเลิกเสียให้ใช้พระราชกำหนดนี้
สืบไป
ประกาศมาณวันที่7กรกฎาคมพ.ศ.2462
(8ก.ค.62)
วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
เอกสารวิชาการลำดับที่ 48
สถาบันพระปกเกล้า อาคารศูนย์สัมมนา 3 ชั้น 5 ในบริเวณสถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 02-527-7830-9 โทรสาร 02-968-9144
http://www.kpi.ac.th
รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร
การทดลองจัดการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2461
การทดลองปกครองท้องถิ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
นั่นก็คือในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6
ของราชวงศ์จักรี เป็นการทดลองทำขึ้น โดยพระองค์เอง และด้วยความรู้และประสบการณ์
ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เคยได้รับการศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ ลักษณะบ้านเมืองที่พระองค์ได้เรียนรู้
และมีประสบการณ์ได้พบเห็น คือบ้านเมืองที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แบบรัฐสภาที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
ดุสิตธานี : การทดลองจัดการฯ
ราคา 50 บาท
ISBN : 978-974-449-352-1