งานทำblog บทที่ 4
TRANSCRIPT
ตัวด ำเนินกำรและนิพจน์
(OPERATOR AND EXPRESSIONS)
นิพจน์
(Expressions)
นิพจน์ (Expression) คือ ข้อควำมหรือประโยคที่เขียนอยู่
ในรูปสัญลักษณ์ โดยน ำข้อมูล, ตัวแปร, ฟังก์ชัน หรือค่ำคงที่ มำ
สัมพันธ์กับตัวด ำเนินกำร (Operator) อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง สิ่งที่
ควรระลึกอยู่เสมอคือในกำรสร้ำงนิพจน์ 1 นิพจน์น้ันคือ นิพจน์
จะต้องมีตัวถูกระท ำ (Operand) อย่ำงน้อยหนึ่งตัว และตัว
ด ำเนินกำร (Operator) อย่ำงน้อยหนึ่งตัว
นิพจน์
(Expressions)
ตัวอย่ำงกำรสร้ำงนิพจน์ โดยแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงตัวถูกกระท ำ ตัว
ด ำเนินกำรและนิพจน์ ดังนี้ เช่น
นิพจน์
C++ C + 1
ตวัถูกกระท ำตวัที่ 1 (ตวัแปร)
ค่ำคงที ่
ตวัด ำเนินกำร
A + B – (C + 2)
ตวัด ำเนินกำรที่ 1
ตวัถูกกระท ำตวัที่ 1 (ตวัแปร)
ตวัถูกกระท ำตวัที่ 2 (ตวัแปร)
ตวัด ำเนินกำรที่ 2
ตวัถูกกระท ำตวัที่ 3 (นิพจน์)
C + 2
ตวัถูกกระท ำตวัที่ 1 (ตวัแปร)
ค่ำคงที ่
ตวัด ำเนินกำร
ตัวด ำเนนิกำร (Operator)
ตัวด ำเนนิกำร
ตัวด ำเนินกำรก ำหนดคำ่
(Assignment Operators)
ตัวด ำเนินกำรทำงคณิตศำสตร ์
(Arithmetic Operators) ตัวด ำเนินกำรเปรยีบเทยีบ
(Comparison Operators)
ตัวด ำเนินกำรตรรกะ
(Logical Operators)
ตัวด ำเนินกำรแบบมเีงื่อนไข
(Conditional Operators)
ตัวด ำเนินกำรระดบับติ
(Bitwise Operators)
ตัวด ำเนินกำรบอกขนำดชนดิของขอ้มูล
(Sizeof Operators)
ตัวด ำเนินกำรยนูำรี
(Unary Operators)
ในกำรเขียนโปรแกรมทุกครั้งนั้นจะต้องมีกำรประมวลผลเข้ำมำเกี่ยวข้องเสมอ
แล้วสิ่งที่ท ำให้เกิดกำรประมวลผลนั้นก็คือ ตัวด ำเนินกำร สำมำรถแบ่งออกเป็น
ประเภทต่ำง ๆ ได้ดังนี้
1. ตัวด ำเนนิกำรก ำหนดคำ่ (Assignment Operator)
ใช้ส ำหรับกำรก ำหนดค่ำให้กับตัวแปรทำงด้ำนซ้ำยของตัวด ำเนินกำร ในกำร
ก ำหนดค่ำของตัวด ำเนินกำรแต่ละชนิด จะมีหลกักำรท ำงำนที่แตกต่ำงกัน
ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
= เท่ำกับ : กำรน ำค่ำตัวถูกกระท ำที่ได้จำกด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำร มำ
ใส่ในตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำยของตวัด ำเนินกำร
+= บวกเท่ำกับ : กำรก ำหนดค่ำตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำย เท่ำกับ ค่ำตัว
ถูกกระท ำด้ำนซ้ำย บวกกับ ค่ำตัวถูกกระท ำด้ำนขวำของตวัด ำเนินกำร
-= ลบเท่ำกับ : กำรก ำหนดค่ำตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำย เท่ำกับ ค่ำตัวถูก
กระท ำด้ำนซ้ำย ลบกบั ค่ำตวัถูกกระท ำด้ำนขวำของตวัด ำเนินกำร
*= คูณเท่ำกับ : กำรก ำหนดค่ำตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำย เท่ำกับ ค่ำตวัถูก
กระท ำด้ำนซ้ำย คูณกับ ค่ำตัวถูกกระท ำด้ำนขวำของตวัด ำเนินกำร
1. ตัวด ำเนนิกำรก ำหนดคำ่ (Assignment Operator) (ต่อ)
ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
/= หำรเท่ำกบั : กำรก ำหนดค่ำตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำย เท่ำกับ ค่ำตัว
ถูกกระท ำด้ำนซ้ำย หำรกับ ค่ำตัวถูกกระท ำด้ำนขวำของตวัด ำเนินกำร
%= หำรเอำเศษเท่ำกบั : กำรก ำหนดค่ำตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำย เท่ำกับ
เศษเหลือจำกกำรหำรระหว่ำงค่ำตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยกับค่ำตัวถูก
กระท ำด้ำนขวำของตวัด ำเนินกำร
2. ตัวด ำเนนิกำรทำงคณติศำสตร ์(Arithmetic Operators)
ตัวด ำเนินกำรทำงคณิตศำสตร์ในกำรเขียนโปรแกรม จะมีกำรท ำงำน
เหมือนกับกำรใช้ทำงคณิตศำสตร์ทั่วไป โดยมีตวัด ำเนินกำรต่ำง ๆ ดังนี้
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย ตัวอยำ่ง ผลลัพธ ์
+ กำรบวก (Addition) 10 + 4 14
10 + 4.0
10.0 + 4
10.0 + 4.0
14.00
‘A’ + 2 67
- กำรลบ (Subtraction) 10 – 4 6
10.0 – 4
10 – 4.0
10.0 – 4.0
6.00
2. ตัวด ำเนนิกำรทำงคณติศำสตร ์(Arithmetic Operators) (ต่อ)
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย ตัวอยำ่ง ผลลัพธ ์
* กำรคูณ (Multiply) 10 * 4 40
10 * 4.0
10.0 * 4
10.0 * 4.0
40.00
10 * -4 -40
-10 * -4 40
% กำรหำรเอำเศษ
(Modulus)
11%4 3
4%10 4
-11%4 -3
2. ตัวด ำเนนิกำรทำงคณติศำสตร ์(Arithmetic Operators) (ต่อ)
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย ตัวอยำ่ง ผลลัพธ ์
/ กำรหำร (Divide) 10 / 4 2
10.0 / 4
10 / 4.0
10.0 / 4.0
2.50
-11/4 -2
11/-4 -2
-11/-4 2
3. ตัวด ำเนนิกำรยูนำร ี(Unary Operators)
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย รูปแบบ ตัวอยำ่ง กำรท ำงำน ข้อสงัเกต
++ เพิ่มค่ำหนึ่งค่ำ
ให้กับตัวแปร
Postfix X = A++ X = A
A = A + 1
จะก ำหนดค่ำให้กับตัวแปร X
ก่อนเพิ่มค่ำให้กับตัวแปร A
Prefix X= ++A A = A + 1
X = A
จะเพิ่มค่ำให้กับตัวแปร A
ก่อนก ำหนดค่ำให้กบัตวัแปร X
- - ลดค่ำลงหนึ่งค่ำ
ให้กบัตัวแปร
Postfix X = A-- X = A
A = A - 1
จะก ำหนดค่ำให้กับตัวแปร X
ก่อนลดค่ำให้กับตัวแปร A
Prefix X = --A A = A - 1
X = A
จะลดค่ำให้กับตัวแปร A
ก่อนก ำหนดค่ำให้กบัตวัแปร X
+ บวก (plus) Prefix A = +2 ค่ำตัวแปร A
จะมีค่ำเท่ำกับ 2
กรณีเป็นค่ำบวกจะใส่เครื่องหมำย +
หรือไม่ก็ได้ เพรำะกรณีไม่ใส่เครื่องหมำย
คอมไพเลอร์จะมองค่ำนั้นเป็นบวกเสมอ
- ลบ (minus) Prefix A = -2 ค่ำตัวแปร A
จะมีค่ำเท่ำ -2
เครื่องหมำยลบหน้ำตวัเลขแสดงถึงค่ำเป็น
จ ำนวนลบ
A = -2
A = -A
A = -2
A = 2
เมื่อใส่เครื่องหมำยลบหน้ำตัวแปรใด ๆ
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นค่ำตรงกันข้ำม
4. ตัวด ำเนนิกำรเปรียบเทียบ (Comparision Operators)
เป็นตัวด ำเนินกำรส ำหรับเปรียบเทียบข้อมูลระหว่ำงตัวถูกกระท ำทำงด้ำนซ้ำยและ
ด้ำนขวำ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีค่ำเป็นจริง (True) หรือเท็จ (False) เท่ำนั้น
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย ตัวอย่ำง
= =
เท่ำกับ : เปรียบเทียบระหว่ำงตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยกับ
ด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำร ว่ำมีค่ำเท่ำกันหรือไม่ ถ้ำเท่ำกันจะ
ให้ผลลพัธ์เป็นจริง ถ้ำไม่เท่ำกันจะให้ผลลัพธ์เป็นเท็จ
A = = B
! = ไม่เท่ำกับ : เปรียบเทียบระหว่ำงตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยกับ
ด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำร ว่ำมีค่ำไม่เท่ำกันหรือไม่ ถ้ำไม่
เท่ำกันจะให้ผลลพัธ์เป็นจริง ถ้ำเท่ำกันจะให้ผลลพัธ์เป็นเท็จ
A ! = B
> มำกกว่ำ : เปรียบเทียบระหว่ำงตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยมีค่ำ
มำกกว่ำตัวถูกกระท ำด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำรหรือไม่ ถ้ำ
มำกกว่ำจะให้ผลลพัธ์เป็นจริง ถ้ำน้อยกว่ำจะให้ผลลัพธ์เป็นเท็จ
A > B
4. ตัวด ำเนนิกำรเปรยีบเทียบ (Comparision Operators) (ต่อ)
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย ตัวอย่ำง
> = มำกกว่ำหรือเท่ำกับ : เปรียบเทียบระหว่ำงตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยมีค่ำ
มำกกว่ำหรือเท่ำกับตัวถูกกระท ำด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำร ถ้ำ
มำกกว่ำหรือเท่ำกับจะให้ผลลัพธ์เป็นจริง ถ้ำไม่ใช่จะให้ผลลัพธ์เป็นเท็จ
A > = B
< น้อยกว่ำ : เปรียบเทียบระหว่ำงตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยมีค่ำน้อยกว่ำตัว
ถูกกระท ำด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำรหรือไม่ ถ้ำน้อยกว่ำจะให้ผลลัพธ์
เป็นจริง ถ้ำมำกกว่ำจะให้ผลลัพธ์เป็นเท็จ
A < B
<= น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ : เปรียบเทียบระหว่ำงตัวถูกกระท ำด้ำนซ้ำยมีค่ำ
น้อยกว่ำหรือเท่ำกับตัวถูกกระท ำด้ำนขวำของตัวด ำเนินกำร ถ้ำน้อย
กว่ำหรือเท่ำกับจะให้ผลลัพธ์เป็นจริง ถ้ำไม่ใช่จะให้ผลลัพธ์เป็นเท็จ
A <= B
5. ตัวด ำเนนิกำรตรรกะ (Logial Operators)
ตัวด ำเนินกำรตรรกะ (Logial Operators) เป็นตัวด ำเนินกำรทำงด้ำน
ตรรกศำสตร์ ใช้ส ำหรับก ำหนดเงื่อนไขมำกกว่ำ 1 เงื่อนไข ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะมีค่ำ
เป็นจริง(True) หรือ เท็จ(False) เท่ำนั้น
ตัวด ำเนนิกำร ควำมหมำย ตัวอย่ำง
&& และ : ใช้ก ำหนดเงื่อนไขในกรณีที่ต้องกำรให้เงื่อนไข
ของนิพจน์ด้ำนซ้ำยและด้ำนขวำของตัวด ำเนินเป็นจริง
ทั้งสองด้ำน จึงท ำงำนที่ต้องกำร
(A>B) && A>C)
|| หรือ : ใช้ก ำหนดเงื่อนไขในกรณทีี่ต้องกำรให้เงื่อนไข
ของนิพจน์และด้ำนขวำของตวัด ำเนินกำรเป็นจริงด้ำน
ใดด้ำนหนึ่งหรอืทั้งสองด้ำน จึงท ำงำนที่ต้องกำร
(A>B) || (A>C)
! นิเสธ (not) : ใช้ก ำหนดเงื่อนไขในกรณีที่ต้องกำรค่ำ
ควำมจริงตรงกนัข้ำม
!(A < B)
p q p && q p || q !p !q
จริง จริง จริง จริง เท็จ เท็จ
จริง เท็จ เท็จ จริง เท็จ จริง
เท็จ จริง เท็จ จริง จริง เท็จ
เท็จ เท็จ เท็จ เท็จ จริง จริง
ตำรำงเปรียบเทียบค่ำควำมจริงของนิพจน์ โดยก ำหนดให้ p และ q เป็นตัวถูก
ด ำเนินกำรทำงตรรกศำสตร์
ตัวด ำเนินกำรชนิดนี้ใช้ส ำหรับตรวจสอบเงื่อนไขของนิพจน์ ว่ำ
มีควำมจริงเป็นจริง (True) หรือเท็จ (False) โดยมีรูปแบบกำร
ใช้งำนดังนี้
โดยที ่ Expression คือ นิพจน์เงื่อนไข
ValueTrue คือ ค่ำที่ได้กรณีที่เงื่อนไขเป็นจริง
ValueFalse คือ ค่ำที่ได้กรณีเงื่อนไขเป็นเท็จ
6. ตัวด ำเนนิกำรแบบมเีงือ่นไข (Condition Operators)
Expression ? ValueTrue : ValueFalse;
ตัวด ำเนินกำรชนิดนี้จะใช้ส ำหรับหำขนำดชนิดของข้อมูลต่ำง ๆ ที่
ต้องกำรรู้ โดยมีรูปแบบกำรใช้งำนดังนี้
7. ตัวด ำเนนิกำรบอกขนำดชนดิข้อมลู (Sizeof Operators)
sizeof(Data)
โดยที ่ sizeof คือ ตัวด ำเนินกำรบอกขนำดชนิดข้อมูล
Data คือ ชนิดข้อมูลหรือตัวแปรที่ต้องกำรทรำบขนำด
ในบำงครั้งเรำก็ต้องมีกำรประมวลผลในระดับบิต ซึ่งเป็นหน่วย
ข้อมูลที่เล็กที่สุด กำรท ำงำนในระดับบิตนี้จะช่วยให้ CPU ท ำงำน
เร็วขึ้น เพรำะว่ำ CPU ประมวลผลที่ชนิดข้อมูลที่เป็นบิตเท่ำนั้น
ซึ่งถ้ำเป็นข้อมูลชนิดอ่ืน ๆ จะต้องแปลงข้อมูลให้เป็นบิตก่อน
บันทึก
บิต (Bit) เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด โดยข้อมูลหนึ่งบิตจะมี
สถำนะได้ 2 สถำนะ คือ 0 (ปิด) หรือ 1 (เปิด) หรือเรียกอีก
อย่ำงว่ำ เลขฐำนสอง
8. ตัวด ำเนนิกำรระดับบติ (Bitwse Operators)
ตำรำงแสดงผลกำรท ำงำนของตัวด ำเนินกำรระดับบิต โดยก ำหนดให้
p และ q เป็นตัวถูกด ำเนินกำรระหว่ำงบิต
p q (Bitwise AND)
p & q
(Bitwise OR)
p | q
(Bitwise XOR)
p ^ q
0 0 0 0 0
0 1 0 1 1
1 0 0 1 1
1 1 1 1 0
• p & q หมำยถึงให้ผลลัพธ์กำรเปรียบเทียบแบบ AND ระหว่ำง p กับ q
• p | q หมำยถึงให้ผลลัพธ์กำรเปรียบเทียบแบบ OR ระหว่ำง p กับ q
• p ^ q หมำยถึงให้ผลลัพธ์กำรเปรียบเทยีบแบบ XOR ระหว่ำง p กับ q
Bitwise Shift Left (<<) เป็นตัวด ำเนินกำรส ำหรับเลื่อนค่ำบิต
ไปทำงซ้ำย โดยมีหลักกำรท ำงำน ดังนี้
ก ำหนดให้ X เป็นตัวถูกด ำเนินกำร (อยู่ในรูปแบบเลขฐำนสอง)
และ Y เป็นจ ำนวนกำร Shift โดยที่ X << Y หมำยถึง เลื่อนบิต
ในตัวถูกด ำเนินกำร X ไปทำงซ้ำย Y บิต ผลลัพธ์ที่ได้จำกกำร
Shift Left จะได้เท่ำกบผลคูณของ X กับ 2Y
Bitwise Shift Left
1 1 0 1 … 1 0 1 0
1 0 1 0 … 0 1 0 0 1
บิตซ้ำยมือสุดตัดทิ้ง บิตขวำมือสุดเติม 0
Bitwise Shift Right (>>) เป็นตัวด ำเนินกำรส ำหรับเลื่อนค่ำบิต
ไปทำงขวำ โดยมีหลักกำรท ำงำน ดังนี้
ก ำหนดให้ X เป็นตัวถูกด ำเนินกำร (อยู่ในรูปแบบเลขฐำนสอง)
และ Y เป็นจ ำนวนกำร Shift โดยที่ X >> Y หมำยถึง เลื่อนบิต
ในตัวถูกด ำเนินกำร X ไปทำงขวำ Y บิต ผลลัพธ์ที่ได้จำกกำร
Shift Right จะได้เท่ำกับผลหำรของ X กับ 2Y
Bitwise Shift Right
1 1 0 1 … 1 0 1 0
0 0 1 0 … 0 1 0 1
บิตซ้ำยมือสุดเติม 0 บิตขวำมือตัดทิ้ง
0
One’s Complement ()
One’s Complement () เป็นตัวด ำเนินกำรส ำหรับปรับค่ำของบิต
เป็นค่ำตรงกันข้ำม กล่ำวคือปรบค่ำบิต 1 เปลี่ยนเป็นค่ำบิต 0 และ
ปรับค่ำบิต 0 เปลี่ยนเป็นค่ำบิต 1 ซึ่งเรำสำมำรถสรุปได้ดังตำรำง
ดังนี ้
ค่ำบิตเริ่มต้น (P) ผลจำกกำรท ำ One’s Complement (P)
1 0
0 1
ล ำดับควำมส ำคัญของตัวด ำเนนิกำร
(Operator of Precedence)
ในกำรท ำงำนของตัวด ำเนินกำร (Operator) แต่
ละตัวนั้น ล ำดับกำรท ำงำนจะขึ้นอยู่กับล ำดับควำมส ำคัญ
(Precedence) ของตัวด ำเนินกำรนั้น ๆ ด้วย กำรท ำงำน
จะเริ่มจำกล ำดับควำมส ำคัญสูงไปยังต่ ำ
*จำกตำรำงที่จะแสดงต่อไปนั้น ล ำดับควำมส ำคัญที่ 1 จะ
มีควำมส ำคัญสูงสุด และล ำดับควำมส ำคัญที่ 18 จะมี
ควำมส ำคัญต่ ำสุด
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่ม
จำก
(Associativity)
1 ( ) วงเล็บ (Identifier) ไม่ได้ก ำหนด
(N/A)
2 ( ) ฟังก์ชัน (Function) ซ้ำยไปขวำ
(Left) [ ] อำร์เรย์ (Array)
Structure Selection
Structure Member
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
3 ++ เพิ่มค่ำขึ้นอีกหนึ่งค่ำ โดยตัว
ด ำ เนิ นกำรอยู่ ห ลั ง ตั วถู ก
กระท ำ (Postfix Increment)
ซ้ำยไปขวำ
(Left)
-- ลดค่ำลงอีกหนึ่งค่ำ โดยตัว
ด ำ เนิ นกำรอยู่ ห ลั ง ตั วถู ก
กระท ำ (Postfix Decrement)
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่ม
จำก
(Associativity)
4 ++ เพิ่มค่ำขึ้นอีกหนึ่งค่ำ โดยตัว
ด ำ เนิ นกำรอยู่ หน้ ำ ตั ว ถู ก
กระท ำ (Prefix Increment)
ขวำไปซ้ำย
(Left)
-- ลดค่ำลงอีกหนึ่งค่ำ โดยตัว
ด ำ เนิ นกำรอยู่ หน้ ำ ตั ว ถู ก
กระท ำ (Prefix Decrement)
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
4
(ต่อ)
sizeof หำขนำดชนิดข้อมูล
(Size of Object in byte)
ซ้ำยไปขวำ
(Left)
+ บวก (plus)
- ลบ (minus)
! ตรรกะนิเสธ (not)
& ชี้ ที่ อ ยู่ ใ น ห น่ ว ย ค ว ำ ม จ ำ
(Address)
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
4
(ต่อ)
* ตัวชี้พอยเตอร์ (Indirection) ซ้ำยไปขวำ
(Left)
วันคอมพลเีมนต์
(One’s Complement)
5 ( ) แปลงค่ำชนิดข้อมูล
6 * คูณ (Multiply) ซ้ำยไปขวำ
/ หำร (Divide)
% หำรเอำเศษ (Modulus)
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
7 + บวกเพิ่มค่ำ (Addition) ซ้ำยไปขวำ
- ลบลดค่ำ (Subtraction)
8 << เลื่อนบิตไปทำงซ้ำย
(Bit Left)
>> เลื่อนบิตไปทำงขวำ
(Bit Right)
9 > เปรียบเทียบมำกกว่ำ
< เปรียบเทียบน้อยกว่ำ
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
9
(ต่อ)
>= เปรียบเทียบมำกกว่ำเท่ำกับ ซ้ำยไปขวำ
<= เปรียบเทียบน้อยกว่ำเท่ำกับ
10 == เปรียบเทียบเท่ำกับ
!= เปรียบเทียบไม่เท่ำกับ
11 & กำรกระท ำบิต AND
(bitwise AND)
12 ^ กำรกระท ำบิต XOR
(bitwise exclusive OR)
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
13 l กำรกระท ำบิต OR (bitwise
OR)
ซ้ำยไปขวำ
14 && ตรรกะ AND (Logical AND)
15 Ll ตรรกะ OR (Logical OR)
16 ? : เงื่อนไข (Conditional) ขวำไปซ้ำย
17 = += -=
*= /= %=
ก ำหนดค่ำให้ตัวถูกกระท ำ
(Assignment)
>>= <<=
&= ^= l=
ก ำหนดค่ำระดับบิต
(Bit Assignment)
ตำรำงแสดงล ำดับควำมส ำคญัของตัวด ำเนนิกำร (ต่อ)
ล ำดับ
ควำมส ำคญั ตัวด ำเนินกำร ควำมหมำย
กำรท ำงำนเริ่มจำก
(Associativity)
18 , คอมมำ (Comma) ซ้ำยไปขวำ
ที่มำ : คู่มืออบรมครูวิทยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ คอมพิวเตอร์ โลก ดำรำศำสตร์ และอวกำศ ระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย
หนังสือเรียนรำยวิชำเพิ่มเติม กำรเขียนโปรแกรมเบื้องต้นด้วยภำษำ C บริษทซัคเซสมีเดีย
คู่มือเรียนเขียนโปรแกรมภำษำ ส ำนักพิมพ์ IDC PREMIER