frm issue 3 (january 2013)

56

Upload: frmfans

Post on 16-Mar-2016

239 views

Category:

Documents


7 download

DESCRIPTION

FRM : For Ride Magazine issue 3 January 2013, Find us : www.facebook.com/FRMfans

TRANSCRIPT

Page 1: FRM issue 3 (January 2013)
Page 2: FRM issue 3 (January 2013)
Page 3: FRM issue 3 (January 2013)
Page 4: FRM issue 3 (January 2013)

กลับมาพบกันอีกครั้งกับนิตยสาร FRM : For Ride Magazine ซึ่งนี้ก็ เป ็นฉบับที่ 3 แล้ว ส�าหรับนิตยสารรถจกัรยานยนต์น้องใหม่เล่มเลก็ๆ เล่มนี้ โดยครั้งนี้มาพร้อมกับหน้าปก “ยามาฮ่า มโีอ 125 หวัฉีด” ซึง่เป็นรถจกัรยานยนต์ออโตเมตกิสไตล์สปอร์ตทีม่าพร้อมกบั “ความแรงระดบัเทพ” ที่ทางทีมทดสอบของ FRM ได้รีดเค้นสมรรถนะทีม่อียูม่าน�าเสนอให้กับผู้อ่านก่อนใคร!! อีกทั้งยังมีเรื่องราวของ “คาวาซากิ KSR” กับการแข่งขันเอ็นดูร๊านซ์ 3 ชั่วโมง ที่น�ามาตีแผ่ความอึดกับการขับขี่สุดโหดกันแบบถึงกึ๋น…

ส่วนใครที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวด้วยพาหนะ 2 ล้อ ก็ไม่ควรพลาดเรือ่งราวของการ

Message From EDITOR

“ตะลุย 5 ขุนเขาในมาเลย์” ซึ่งน�าเสนอกันมาอย่างต่อเนือ่งมาตัง้แต่ฉบบัแรก และยงัมปีระสบการณ์การเดินทางในต่างแดนจาก “นักเขียนพิเศษ” ที่จะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ท่องไปบนโลกกว้างให้เราได้ติดตามกัน...นอกจากนี้เรายังมีเนื้อหา ข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมาน�าเสนอให้กบัแฟนคลบั FRM ได้อ่านกนัอย่างเตม็อ่ิมตัง้แต่หน้าแรกจนถงึหน้าสดุเลยทเีดยีว!!!

ท้ายนี้ทีมงาน FRM ขอกล่าวค�าว่า “สวัสดีปีใหม่...ปี 2556” กับคุณผู้อ่านทุกคน และขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่นี้ อีกทั้งขอให้มีความสุขกายสบายใจตลอดปี 2556 และตลอดไปด้วยนะครับ... Happy New Year 2013

e-mail : [email protected]

facebook.com/FRMfans

นพดล แผงเพชรบรรณาธิการบริหาร[email protected]

18

405248

ISSUE 03 JANUARY 2013

News Update ............................................ 6Hot Pick of Month ..................................12Yamaha Mio 125i ที่สุดของสปอร์ตออโตเมติกที่มาพร้อม "ความแรงระดับเทพ"Special Hot Pick of Month ...................18พิสูจน์ความอึดกับเกมโหด "เอ็นดูร๊านซ์ 3 ชั่วโมง"บนอาน Kawasaki KSR

New Launch ............................................22Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่รถครอบครัวรุ่นใหม่ "แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ"New Launch ............................................26New Suzuki Shogun Axelo 125

พรีเมี่ยมดีไซน์ ขับสบายเป็นที่หนึ่งSuzuki Special Scoop ...........................28พรชัยยานยนต์ ขอบคุณลูกค้าครอบครัวซูซูกิThe Journey .............................................31ภาค 3 กับการตะลุยขุนเขาในมาเลเซียMotor Expo 2012 ...................................36Motorcycles Zone"อยากดูบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ ต้องไปที่ Motor Expo"Around The World ................................. 40With The Sky Abobe And The Road Beneathเปิดประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางท่องโลกกว้างTalk About ............................................... 44สัมผัสนวัตกรรมใหม่...โช้คลม Racing BrosFRM Fest. ................................................. 48สัมผัสความมันส์กับศึก “แชมป์ชนแชมป์”The Race of ChampionInter News ...............................................50ข่าวสารจากต่างแดนHelmetHouse ..........................................52บ้านนี้ท�าแต่หมวก Cool Gadgets .......................................... 54แก็ดเจ็ตเด็ดๆ สุดจี๊ด!!!

Executive Editor : Nopdon Phaengphet นพดล แผงเพชรEditorial : Kampol Gaensuwan กัมพล แก่นสุวรรณ์ Komz Giggs Mr. BlackSpecial Guest : Nicky PH & Franco Angeloni VEDETT /////Graphic Design : Komkrit Sakulvilailerd คมกริช สกุลวิไลเลิศPhotographer : FRM Team

บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา : นพดล แผงเพชร โรงพิมพ์/เพลท : เอส.ออฟเซ็ทกราฟฟิคดีไซน์จัดจ�าหน่าย : บริษัท ส�านักพิมพ์ นุชนารถ จ�ากัดส�านักงาน ฟอร์ไรด์แมกกาซีน : 12/76 ซอยนาคนิวาส 59ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230โทร. 0-2932-8716, 08-9499-1927

FRM TEAM

12

Page 5: FRM issue 3 (January 2013)

กลับมาพบกันอีกครั้งกับนิตยสาร FRM : For Ride Magazine ซ่ึงนี้ก็ เป ็นฉบับที่ 3 แล้ว ส�าหรับนิตยสารรถจกัรยานยนต์น้องใหม่เล่มเลก็ๆ เล่มนี้ โดยครั้งนี้มาพร้อมกับหน้าปก “ยามาฮ่า มีโอ 125 หวัฉดี” ซึง่เป็นรถจักรยานยนต์ออโตเมตกิสไตล์สปอร์ตทีม่าพร้อมกบั “ความแรงระดบัเทพ” ที่ทางทีมทดสอบของ FRM ได้รีดเค้นสมรรถนะทีมี่อยูม่าน�าเสนอให้กับผู้อ่านก่อนใคร!! อีกท้ังยังมีเรื่องราวของ “คาวาซากิ KSR” กับการแข่งขันเอ็นดูร๊านซ์ 3 ชั่วโมง ที่น�ามาตีแผ่ความอึดกับการขับขี่สุดโหดกันแบบถึงกึ๋น…

ส่วนใครที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเท่ียวด้วยพาหนะ 2 ล้อ กไ็ม่ควรพลาดเรือ่งราวของการ

Message From EDITOR

“ตะลุย 5 ขุนเขาในมาเลย์” ซึ่งน�าเสนอกันมาอย่างต่อเนือ่งมาตัง้แต่ฉบบัแรก และยงัมปีระสบการณ์การเดินทางในต่างแดนจาก “นักเขียนพิเศษ” ที่จะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ท่องไปบนโลกกว้างให้เราได้ติดตามกัน...นอกจากนี้เรายังมีเนื้อหา ข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมาน�าเสนอให้กบัแฟนคลบั FRM ได้อ่านกนัอย่างเตม็อิม่ตัง้แต่หน้าแรกจนถงึหน้าสดุเลยทเีดยีว!!!

ท้ายนี้ทีมงาน FRM ขอกล่าวค�าว่า “สวัสดีปีใหม่...ปี 2556” กับคุณผู้อ่านทุกคน และขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่นี้ อีกทั้งขอให้มีความสุขกายสบายใจตลอดปี 2556 และตลอดไปด้วยนะครับ... Happy New Year 2013

e-mail : [email protected]

facebook.com/FRMfans

นพดล แผงเพชรบรรณาธิการบริหาร[email protected]

18

405248

ISSUE 03 JANUARY 2013

News Update ............................................ 6Hot Pick of Month ..................................12Yamaha Mio 125i ที่สุดของสปอร์ตออโตเมติกที่มาพร้อม "ความแรงระดับเทพ"Special Hot Pick of Month ...................18พิสูจน์ความอึดกับเกมโหด "เอ็นดูร๊านซ์ 3 ชั่วโมง"บนอาน Kawasaki KSR

New Launch ............................................22Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่รถครอบครัวรุ่นใหม่ "แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ"New Launch ............................................26New Suzuki Shogun Axelo 125

พรีเมี่ยมดีไซน์ ขับสบายเป็นที่หนึ่งSuzuki Special Scoop ...........................28พรชัยยานยนต์ ขอบคุณลูกค้าครอบครัวซูซูกิThe Journey .............................................31ภาค 3 กับการตะลุยขุนเขาในมาเลเซียMotor Expo 2012 ...................................36Motorcycles Zone"อยากดูบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ ต้องไปที่ Motor Expo"Around The World ................................. 40With The Sky Abobe And The Road Beneathเปิดประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางท่องโลกกว้างTalk About ............................................... 44สัมผัสนวัตกรรมใหม่...โช้คลม Racing BrosFRM Fest. ................................................. 48สัมผัสความมันส์กับศึก “แชมป์ชนแชมป์”The Race of ChampionInter News ...............................................50ข่าวสารจากต่างแดนHelmetHouse ..........................................52บ้านนี้ท�าแต่หมวก Cool Gadgets .......................................... 54แก็ดเจ็ตเด็ดๆ สุดจี๊ด!!!

Executive Editor : Nopdon Phaengphet นพดล แผงเพชรEditorial : Kampol Gaensuwan กัมพล แก่นสุวรรณ์ Komz Giggs Mr. BlackSpecial Guest : Nicky PH & Franco Angeloni VEDETT /////Graphic Design : Komkrit Sakulvilailerd คมกริช สกุลวิไลเลิศPhotographer : FRM Team

บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา : นพดล แผงเพชร โรงพิมพ์/เพลท : เอส.ออฟเซ็ทกราฟฟิคดีไซน์จัดจ�าหน่าย : บริษัท ส�านักพิมพ์ นุชนารถ จ�ากัดส�านักงาน ฟอร์ไรด์แมกกาซีน : 12/76 ซอยนาคนิวาส 59ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230โทร. 0-2932-8716, 08-9499-1927

FRM TEAM

12

Page 6: FRM issue 3 (January 2013)
Page 7: FRM issue 3 (January 2013)
Page 8: FRM issue 3 (January 2013)
Page 9: FRM issue 3 (January 2013)
Page 10: FRM issue 3 (January 2013)
Page 11: FRM issue 3 (January 2013)
Page 12: FRM issue 3 (January 2013)

For Ride Magazine January 201312

GodSpeedYamahaMio 125iDon't doubt it's speed!

Hot Pick of Month

สิ้นสุดการรอคอยกับ New Yamaha Mio 125i ตัวจี๊ดตัวซี๊ดตัวแรงจากยามาฮ่ากับเครื่องยนต์ 125 ซีซี. ติดตั้งระบบหัวฉีดใหม่พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ศูนย์หน้าเมืองทองยูไนเต็ด “ธีรศิลป์ แดงดา” และในที่สุด FRM ก็ได้ลองหวดเจ้า Mio 125i ตัวใหม่นี้ซะที...เดินทางมากับเราแล้วจะรู้ว่าท�าไมมันถึงได้ชื่อ “GodSpeed”

Ê “Bold” front “Sexy” back

โฉมใหม่ของ Yamaha Mio 125i ถูกตัด-หั่น-เฉือนบอดี้ใหม่ไฉไลกว่าเก่า เริ่มจากจุดเด่นที่เป็นใครก็คงสังเกตุเห็นนั่นก็คือ ไฟหน้า จากเดิมที่เป็นไฟคู่ถูกรวมเป็นโคมไฟดวงใหญ่ดวงเดียว บ้างก็ว่าคล้ายรถ “คู่แข่ง” แต่เราว่าคล้าย Yamaha Cygnus-X ของญี่ปุ่น ไฟเลี้ยวถูกย้ายมารวมไว้กับโคมไฟหน้า เมื่อนับไฟหรี่อีก 2 ดวงท�าให้ด้านหน้าของ Mio 125i มี 5 ดวง เสริมความดุด้วยแฟริ่งทรงสามเหลี่ยมที่ตัดสัดส่วนไฟหน้าให้ดูน่าเกรงขาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ท�าให้ช่วงหน้าของ Mio 125i คันนี้ดู “Bold” (แน่น) เมื่อขยับมามองด้านท้ายจะต้องสะดุดตากับปลายท่อสุด “เซ็กซี่” ดีไซน์ใหม่ทรงสั้นแถมครอบปลายท่อด้วยแผ่นโลหะทรงกรวย...ดูคล้ายปากกระบอกปืนกลในหนังคนเหล็ก ที่ส�าคัญได้มาตรฐานไอเสียระดับ 6! การ์ดกันความร้อนปลายท่อท�าจากพลาสติกลวดลายคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์ลากยาวไปปิดจนถึงคอท่อ นอกจากช่วยเซฟเรียวขาสวยๆ ของคนซ้อนแล้วยังดูคุ้มค่าราคาในเวลาเดียวกัน มาดูชิ้นส่วนเล็กๆ อย่างกระจกทรง 6 เหลี่ยมใหม่สุดเฉี่ยว เรือนไมล์รูปแบบใหม่ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ไฟท้ายแบบใหม่สปอร์ตกว่าชัดเจนกว่าพร้อมเอกลักษณ์ใหม่รูปทรงสี่เหลี่ยมคู่...หมดเวลาดูแต่ตาได้เวลาลองขี่ซะที!

For Ride Magazine January 2013 13

Page 13: FRM issue 3 (January 2013)

For Ride Magazine January 201312

GodSpeedYamahaMio 125iDon't doubt it's speed!

Hot Pick of Month

สิ้นสุดการรอคอยกับ New Yamaha Mio 125i ตัวจี๊ดตัวซี๊ดตัวแรงจากยามาฮ่ากับเครื่องยนต์ 125 ซีซี. ติดตั้งระบบหัวฉีดใหม่พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ศูนย์หน้าเมืองทองยูไนเต็ด “ธีรศิลป์ แดงดา” และในที่สุด FRM ก็ได้ลองหวดเจ้า Mio 125i ตัวใหม่นี้ซะที...เดินทางมากับเราแล้วจะรู้ว่าท�าไมมันถึงได้ชื่อ “GodSpeed”

Ê “Bold” front “Sexy” back

โฉมใหม่ของ Yamaha Mio 125i ถูกตัด-หั่น-เฉือนบอดี้ใหม่ไฉไลกว่าเก่า เริ่มจากจุดเด่นที่เป็นใครก็คงสังเกตุเห็นนั่นก็คือ ไฟหน้า จากเดิมที่เป็นไฟคู่ถูกรวมเป็นโคมไฟดวงใหญ่ดวงเดียว บ้างก็ว่าคล้ายรถ “คู่แข่ง” แต่เราว่าคล้าย Yamaha Cygnus-X ของญี่ปุ่น ไฟเลี้ยวถูกย้ายมารวมไว้กับโคมไฟหน้า เมื่อนับไฟหรี่อีก 2 ดวงท�าให้ด้านหน้าของ Mio 125i มี 5 ดวง เสริมความดุด้วยแฟริ่งทรงสามเหลี่ยมที่ตัดสัดส่วนไฟหน้าให้ดูน่าเกรงขาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ท�าให้ช่วงหน้าของ Mio 125i คันนี้ดู “Bold” (แน่น) เมื่อขยับมามองด้านท้ายจะต้องสะดุดตากับปลายท่อสุด “เซ็กซี่” ดีไซน์ใหม่ทรงสั้นแถมครอบปลายท่อด้วยแผ่นโลหะทรงกรวย...ดูคล้ายปากกระบอกปืนกลในหนังคนเหล็ก ที่ส�าคัญได้มาตรฐานไอเสียระดับ 6! การ์ดกันความร้อนปลายท่อท�าจากพลาสติกลวดลายคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์ลากยาวไปปิดจนถึงคอท่อ นอกจากช่วยเซฟเรียวขาสวยๆ ของคนซ้อนแล้วยังดูคุ้มค่าราคาในเวลาเดียวกัน มาดูชิ้นส่วนเล็กๆ อย่างกระจกทรง 6 เหลี่ยมใหม่สุดเฉี่ยว เรือนไมล์รูปแบบใหม่ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ไฟท้ายแบบใหม่สปอร์ตกว่าชัดเจนกว่าพร้อมเอกลักษณ์ใหม่รูปทรงสี่เหลี่ยมคู่...หมดเวลาดูแต่ตาได้เวลาลองขี่ซะที!

For Ride Magazine January 2013 13

Page 14: FRM issue 3 (January 2013)

Ê Swifter than ever…

สุ่มเลือกเส้นทางทดสอบจนได้มาเป็น “บางนา-ตราด”…ถนนสุดขรุขระเต็มไปด้วย “หลุมนรก” จากรถสิบล้อ ท�าไงได้ล่ะ!?...หน้าที่ของ FRM คือทดสอบรถให้สุดความสามารถหรือจนกว่ารถมันจะร้องว่า “โอ๊ยไม่ไหวแล้ว” เริ่มออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ ช่วง 7.00 นาฬิกา เวลาดีส�าหรับหนุ่มสาววัยท�างานพารถ 4 ล้อสุดรักออกมาติดกันบนถนน แต่ด้วยความเพรียวของ Mio 125i จึงท�าให้การซอกแซกผ่านการจราจรติดขัดง่ายและ “สนุก” มุมเลี้ยวของแฮนด์ที่กว้างกว่ารุ่นพี่อย่าง Nouvo SX เป็นตัวช่วยให้ลัดเลาะผ่านช่องว่างระหว่างหน้ารถง่ายขึ้นแถมใช้แรงน้อยกว่า ช่วงตัวรถที่สั้นบวกกับความคล่องตัวที่พิสูจน์แล้วผ่านการจราจรหนาแน่นท�าให้เรา “หลงรัก” รถออโตเมติก 125 ซีซี. ไซส์กะทัดรัดคันนี้ขึ้นมาทันที แม้ช่วงขาของนักทดสอบยาวจนเกือบถึงแฮนด์ (สูง 189 ซม.) แต่เมื่อสไลด์ตัวไปด้านหลังเล็กน้อยพร้อมเก็บเข่าให้ชิดกับเบาะก็สามารถควบคุมรถได้เหมือนคนไซส์ปกติทั่วไป กระจก 6 เหลี่ยมไม่เป็นอุปสรรค์ในการมุดระหว่างรถที่มีความกว้างราว 1 เมตร การพลิกรถซ้าย-ขวาท�าได้รวดเร็วเพราะยางขนาดใหญ่แก้มเตี้ยสะใจจาก Maxxis ที่สาวกสปอร์ตชอบเข้าโค้งโหดๆ เห็นเป็นต้องชอบ...หลุดจากเขตรถติดมาได้พร้อมกับความรู้สึกว่า “Mio 125i คล่องตัวที่สุดในบรรดารถทุกรุ่นของยามาฮ่า” ถึงเวลาทดสอบความเร็วทางตรงของถนนในโซนสนามบินสุวรรณภูมิ

Ê Gifted speed – “GodSpeed”

เมื่อเข้าสู่ถนนข้างสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้เวลาเริ่มต้นจับความเร็วทางตรงเพื่อเฟ้นหาอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด เราใช้วิธีการจอดรถให้นิ่งแล้วออกตัวจาก 0-80 กม./ชม. โดยนับเวลาในใจ (ก็มือไม่ว่างกดนาฬิกาน่ะ) ผลที่ได้จากการทดสอบอย่างละ 3 ครั้งคือ

- 0-80 กม./ชม. โดยเปิดคันเร่ง 60% ใช้เวลาประมาณ 14 วินาที- 0-80 กม./ชม. โดยเปิดคันเร่ง 100% ใช้เวลาประมาณ 12 วินาที- จังหวะแซงแรงปลายที่ 80-100 กม./ชม. ใช้เวลา 14 วินาที- ความเร็วสูงสุดที่นักทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 90 กก. คนนี้ท�าได้คือ 110-

115 กม./ชม. ถ้าหมอบช่วยด้วยความเร็วสามารถพุ่งทะลุ 120 กม./ชม. ได้อย่างสบาย

Ê ข้อมลูทางเทคนคิเครื่องยนต์ : 124 ซีซี. 4 จังหวะ

SOHC ระบายความร้อนด้วยน�้า

อัตราส่วนก�าลังอัด : 10.9 : 1

กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 52.4 x 57.9 มม.

ระบบเชื้อเพลิง : หัวฉีด YMJET_FI

เฟรม : เหล็กกล้าอันเดอร์โบน

ระบบขับเคลื่อน : ออโตเมติก สายพาน V-Belt

มุมคาสเตอร์/ระยะเทรล :

26.5 องศา/ 95 มม.

ยางหน้า/หลัง : 70/90 ขอบ14 / 90/80 ขอบ14

เบรกหน้า/หลัง : ดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยว / ดรัมเบรก

กว้าง x ยาว x สูง : 700 x 1,855 x 1,070 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,265 มม.

เบาะถึงพื้น : 760 มม.

น�้าหนัก : 100 กก.

ความจุถังน�้ามัน : 3.8 ลิตร

For Ride Magazine January 201314

สรุปได้ว่า Mio 125i คันนี้นับว่ามีแรงบิดที่ไม่ธรรมดาเรียกได้ว่าก�าลังเครื่องยนต์ครอบคลุมทั้ง “แรงต้น-กลาง-ปลาย” เครื่องยนต์ 124 ซีซี. กระบอกสูบไดอะซิล (DiASil) ลูกสูบฟอร์จ วาล์วโรลเลอร์ ระบายความร้อนด้วยน�้าเต็มระบบ ไม่ว่าสไตล์การขับขี่จะเป็นแบบเร่งรีบกระชากคันเร่งทะลุรถติดในเมือง หรือจะเป็นวิ่งยืนพื้นความเร็ว 80 กม/ชม. ส�าหรับชานเมือง หรือจะซิ่งสไตล์สปอร์ตบิดทะยานท�าลายสถิติความเร็ว…ไม่ว่าจะขับขี่แบบไหน Mio 125i ก็พร้อม “ตอบสนอง” ได้ดั่งใจ นอกจากเครื่องยนต์ทรงพลังแล้วยังมีตัวช่วยเพิ่มความแม่นย�าในการจ่ายเชื้อเพลิงและจุดระเบิดอย่างหมดจด ซึ่งก็คือหัวฉีดอัจฉริยะ “YMJET_FI” ไฮไลท์ของ Mio 125i ซึ่งเข้ามาช่วยเติมเต็มและชดเชยปัญหาจากรุ่นก่อนหน้านี้นั่นก็คือ “ปัญหาเรื่องการซดน�้ามัน”

ทดสอบง่ายๆ ด้วยใช้ความเร็วคงที่บนเส้นทางทดสอบ 30 กม. เริ่มด้วยการใช้คันเร่งแค่ 80% หรือล็อคความเร็วไว้ที่ 80 กม./ชม.

สังเกตุเกจ์น�้ามันจะเห็นว่าระยะทาง 30 กม. แต่เข็มแทบไม่กระดิกซักนิด ส่วนการเปิดคันเร่งเต็ม 100% บิดกระชากด้วยความเร็วสูงสุดตลอดระยะทาง 30 กม. เกจ์น�้ามันลดลงไปประมาณ 1 ขีด...FRM บอกได้เลยว่า “ความประหยัดของ Mio 125i อยู่ในมือเรา ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. แล้วยังประหยัดก็นับว่าก�าไรแล้วหละครับ...ส่วนใครใจร้อนอยากได้ความเร็ว 120 กม./ชม. คันเร่งมันก็ยังเหลือให้กระแทกเล่นได้อีก” ดูเหมือนยามาฮ่าจะท�าให้ Mio 125i คันนี้ตอบโจทย์ได้ทั้งคุณแม่บ้านและวัยรุ่นขาซิ่งเพราะรถออโตเมติก 125 ซีซี. คันนี้ทั้ง “แรงและประหยัด” หลังจากผ่านไป 100 กิโลเมตรเราก็รู้สึกได้ถึงความเงียบของเครื่องยนต์ซึ่งแตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง SX หรือ Elegance ไม่มีเสียงหอนของสายพานหรือเสียงคลัทช์ให้ได้ยิน ที่มีก็แค่เสียงดูดอากาศผ่านกรองอากาศที่เร่งเร้าให้เดินคันเร่งเติมความแรงเข้าไปอีก…จากการทดสอบความเร็วและอัตราเร่ง FRM ขอมอบฉายานี้ให้เลยว่า “GodSpeed” หรือ “ความเร็วระดับเทพเจ้า” นั่นเอง! ช่วงต่อไปมาทดสอบความนุ่มกันบ้าง

Hot

Pic

k o

f Mon

th

For Ride Magazine January 2013 15

Page 15: FRM issue 3 (January 2013)

Ê Swifter than ever…

สุ่มเลือกเส้นทางทดสอบจนได้มาเป็น “บางนา-ตราด”…ถนนสุดขรุขระเต็มไปด้วย “หลุมนรก” จากรถสิบล้อ ท�าไงได้ล่ะ!?...หน้าที่ของ FRM คือทดสอบรถให้สุดความสามารถหรือจนกว่ารถมันจะร้องว่า “โอ๊ยไม่ไหวแล้ว” เริ่มออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ ช่วง 7.00 นาฬิกา เวลาดีส�าหรับหนุ่มสาววัยท�างานพารถ 4 ล้อสุดรักออกมาติดกันบนถนน แต่ด้วยความเพรียวของ Mio 125i จึงท�าให้การซอกแซกผ่านการจราจรติดขัดง่ายและ “สนุก” มุมเลี้ยวของแฮนด์ที่กว้างกว่ารุ่นพี่อย่าง Nouvo SX เป็นตัวช่วยให้ลัดเลาะผ่านช่องว่างระหว่างหน้ารถง่ายขึ้นแถมใช้แรงน้อยกว่า ช่วงตัวรถที่สั้นบวกกับความคล่องตัวที่พิสูจน์แล้วผ่านการจราจรหนาแน่นท�าให้เรา “หลงรัก” รถออโตเมติก 125 ซีซี. ไซส์กะทัดรัดคันนี้ขึ้นมาทันที แม้ช่วงขาของนักทดสอบยาวจนเกือบถึงแฮนด์ (สูง 189 ซม.) แต่เมื่อสไลด์ตัวไปด้านหลังเล็กน้อยพร้อมเก็บเข่าให้ชิดกับเบาะก็สามารถควบคุมรถได้เหมือนคนไซส์ปกติทั่วไป กระจก 6 เหลี่ยมไม่เป็นอุปสรรค์ในการมุดระหว่างรถที่มีความกว้างราว 1 เมตร การพลิกรถซ้าย-ขวาท�าได้รวดเร็วเพราะยางขนาดใหญ่แก้มเตี้ยสะใจจาก Maxxis ที่สาวกสปอร์ตชอบเข้าโค้งโหดๆ เห็นเป็นต้องชอบ...หลุดจากเขตรถติดมาได้พร้อมกับความรู้สึกว่า “Mio 125i คล่องตัวที่สุดในบรรดารถทุกรุ่นของยามาฮ่า” ถึงเวลาทดสอบความเร็วทางตรงของถนนในโซนสนามบินสุวรรณภูมิ

Ê Gifted speed – “GodSpeed”

เมื่อเข้าสู่ถนนข้างสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้เวลาเริ่มต้นจับความเร็วทางตรงเพื่อเฟ้นหาอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด เราใช้วิธีการจอดรถให้นิ่งแล้วออกตัวจาก 0-80 กม./ชม. โดยนับเวลาในใจ (ก็มือไม่ว่างกดนาฬิกาน่ะ) ผลที่ได้จากการทดสอบอย่างละ 3 ครั้งคือ

- 0-80 กม./ชม. โดยเปิดคันเร่ง 60% ใช้เวลาประมาณ 14 วินาที- 0-80 กม./ชม. โดยเปิดคันเร่ง 100% ใช้เวลาประมาณ 12 วินาที- จังหวะแซงแรงปลายที่ 80-100 กม./ชม. ใช้เวลา 14 วินาที- ความเร็วสูงสุดที่นักทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 90 กก. คนนี้ท�าได้คือ 110-

115 กม./ชม. ถ้าหมอบช่วยด้วยความเร็วสามารถพุ่งทะลุ 120 กม./ชม. ได้อย่างสบาย

Ê ข้อมลูทางเทคนคิเครื่องยนต์ : 124 ซีซี. 4 จังหวะ

SOHC ระบายความร้อนด้วยน�้า

อัตราส่วนก�าลังอัด : 10.9 : 1

กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 52.4 x 57.9 มม.

ระบบเชื้อเพลิง : หัวฉีด YMJET_FI

เฟรม : เหล็กกล้าอันเดอร์โบน

ระบบขับเคลื่อน : ออโตเมติก สายพาน V-Belt

มุมคาสเตอร์/ระยะเทรล :

26.5 องศา/ 95 มม.

ยางหน้า/หลัง : 70/90 ขอบ14 / 90/80 ขอบ14

เบรกหน้า/หลัง : ดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยว / ดรัมเบรก

กว้าง x ยาว x สูง : 700 x 1,855 x 1,070 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,265 มม.

เบาะถึงพื้น : 760 มม.

น�้าหนัก : 100 กก.

ความจุถังน�้ามัน : 3.8 ลิตร

For Ride Magazine January 201314

สรุปได้ว่า Mio 125i คันนี้นับว่ามีแรงบิดที่ไม่ธรรมดาเรียกได้ว่าก�าลังเครื่องยนต์ครอบคลุมทั้ง “แรงต้น-กลาง-ปลาย” เครื่องยนต์ 124 ซีซี. กระบอกสูบไดอะซิล (DiASil) ลูกสูบฟอร์จ วาล์วโรลเลอร์ ระบายความร้อนด้วยน�้าเต็มระบบ ไม่ว่าสไตล์การขับขี่จะเป็นแบบเร่งรีบกระชากคันเร่งทะลุรถติดในเมือง หรือจะเป็นวิ่งยืนพื้นความเร็ว 80 กม/ชม. ส�าหรับชานเมือง หรือจะซิ่งสไตล์สปอร์ตบิดทะยานท�าลายสถิติความเร็ว…ไม่ว่าจะขับขี่แบบไหน Mio 125i ก็พร้อม “ตอบสนอง” ได้ดั่งใจ นอกจากเครื่องยนต์ทรงพลังแล้วยังมีตัวช่วยเพิ่มความแม่นย�าในการจ่ายเชื้อเพลิงและจุดระเบิดอย่างหมดจด ซึ่งก็คือหัวฉีดอัจฉริยะ “YMJET_FI” ไฮไลท์ของ Mio 125i ซึ่งเข้ามาช่วยเติมเต็มและชดเชยปัญหาจากรุ่นก่อนหน้านี้นั่นก็คือ “ปัญหาเรื่องการซดน�้ามัน”

ทดสอบง่ายๆ ด้วยใช้ความเร็วคงที่บนเส้นทางทดสอบ 30 กม. เริ่มด้วยการใช้คันเร่งแค่ 80% หรือล็อคความเร็วไว้ที่ 80 กม./ชม.

สังเกตุเกจ์น�้ามันจะเห็นว่าระยะทาง 30 กม. แต่เข็มแทบไม่กระดิกซักนิด ส่วนการเปิดคันเร่งเต็ม 100% บิดกระชากด้วยความเร็วสูงสุดตลอดระยะทาง 30 กม. เกจ์น�้ามันลดลงไปประมาณ 1 ขีด...FRM บอกได้เลยว่า “ความประหยัดของ Mio 125i อยู่ในมือเรา ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. แล้วยังประหยัดก็นับว่าก�าไรแล้วหละครับ...ส่วนใครใจร้อนอยากได้ความเร็ว 120 กม./ชม. คันเร่งมันก็ยังเหลือให้กระแทกเล่นได้อีก” ดูเหมือนยามาฮ่าจะท�าให้ Mio 125i คันนี้ตอบโจทย์ได้ทั้งคุณแม่บ้านและวัยรุ่นขาซิ่งเพราะรถออโตเมติก 125 ซีซี. คันนี้ทั้ง “แรงและประหยัด” หลังจากผ่านไป 100 กิโลเมตรเราก็รู้สึกได้ถึงความเงียบของเครื่องยนต์ซึ่งแตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง SX หรือ Elegance ไม่มีเสียงหอนของสายพานหรือเสียงคลัทช์ให้ได้ยิน ที่มีก็แค่เสียงดูดอากาศผ่านกรองอากาศที่เร่งเร้าให้เดินคันเร่งเติมความแรงเข้าไปอีก…จากการทดสอบความเร็วและอัตราเร่ง FRM ขอมอบฉายานี้ให้เลยว่า “GodSpeed” หรือ “ความเร็วระดับเทพเจ้า” นั่นเอง! ช่วงต่อไปมาทดสอบความนุ่มกันบ้าง

Hot

Pic

k o

f Mon

th

For Ride Magazine January 2013 15

Page 16: FRM issue 3 (January 2013)

Ê Great braking system & Reliable Suspensions

สิ้นสุดทางเรียบก็เจอเลย! “รอยอารยะธรรมสิบล้อ” อภิมโหฬารอลังการงานสร้างหลุมร่องรอยฝาท่อมองไปทางไหนก็ไม่เจอพื้นราบเรียบเลยซักนิดกับถนน “บางนา-ตราด” ขยับเปลี่ยนท่านั่งให้กระชับขึ้นอีกนิดเพื่อเตรียมรับแรงกระแทกจากหลุมที่เกิดจากรถบรรทุกเกินขนาดเหล่านี้ เริ่มต้นเบาๆ กับทางขรุขระ Mio 125i ไม่แสดงอาการสะเทือนหรือสะดุดให้เสียอารมณ์ ใช้ความเร็วราว 80 กม./ชม. ก็ยังสามารถรูดทางขรุขระได้สบาย แต่เมื่อเจอกับ “คอสะพานพิฆาต” อีกหนึ่งกับดักที่ที่พา 2 ล้ออย่างเราบินกันมาแล้วนักต่อนัก กระแทกคอสะพานที่ความเร็ว 90 กม./ชม...FRM รู้สึกเหมือนลอยได้...แต่จังหวะลงจอดกลับไม่รู้สึกสะเทือนอย่างที่คาดไว้ แตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Nouvo Elegance ที่โช้คมักจะกระแทกและกดจนสุด ปัญหานี้ถูกแก้ไขและพัฒนาขึ้นใหม่ใน Mio 125i ท�าให้มั่นใจได้กับโช้คหน้าและหลังที่รับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่ออกอาการ “ย้วย” แม้คนขี่จะหนักถึง 90 กก. มีบางช่วงที่เจอกับหลุมขนาดใหญ่แล้วเรารู้สึก “กระด้าง” สาเหตุน่าจะมาจากล้อขนาด 14 นิ้วที่ท�าให้รับแรงกระแทกมากกว่าล้อขนาด 16-17 นิ้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะนานๆ จะพลาดตกหลุมขนาดใหญ่ซักครั้ง...จุดที่ FRM มาร์คไว้เป็นพิเศษส�าหรับคนตัวใหญ่ก็คือเบาะ เนื้อโฟมค่อนข้างบางและนุ่มอาจท�าให้คนตัวใหญ่รู้สึกสะเทือนและเมื่อยหลังช่วงล่างได้เมื่อต้องขับขี่เป็นเวลานาน แต่หนังหุ้มเบาะค่อนข้างหนึบไม่ท�าให้ผู้ขี่สไลด์ไปด้านหน้าเวลาเบรกหนักๆ ส่วนฟีลลิ่งในด้านก�าลังแรงเบรกของ Mio 125i คงไม่ต้องพูดถึงเพราะเบรกหน้าดิสก์ของยามาฮ่าขึ้นชื่อเรื่อง “เบรกได้ดั่งใจ” ได้ในขณะที่เบรกหลังก็ค่อยช่วยชะลอความเร็วรถอีกชั้น ก้านเบรกหน้า-หลังความยาวก�าลังดีและให้ความรู้สึกนุ่มเมื่อ “เหนี่ยว” ก้านเบรก ระยะก้านเบรกหน้า-หลังพอดีกับมือใหญ่ยักษ์ของนักทดสอบแม้กระทั่งตอนสวมถุงมือเรซซิ่ง อันที่จริง...ก้านเบรกของ Mio 125i นุ่มและให้ก�าลังแรงเบรกดีมากจนใช้แค่ 1-2 นิ้วในการเบรกก็พอ แม้ Mio 125i จะถูกออกแบบมาให้ดูสปอร์ตแต่ท่านั่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพถนน ฟุตบอร์ด (พักเท้าหน้า) ขนาดใหญ่รองรับรองเท้า Forma เบอร์ 11.5 ของนักทดสอบได้พอดีแถมมีที่เหลือด้านหลังให้สไลด์ขาไปหนีบเบาะได้ด้วย พักเท้าหลังคนซ้อนวางระยะห่างจากพักเท้าหน้าช่วยให้ไม่สะดุดหรือเตะเท้าคนซ้อนในจังหวะมุดรถติด ยางหน้า-หลัง Maxxis แก้มเตี้ยขอบ 14 เกาะถนนดีเยี่ยม (แต่ยังไม่ได้ลองกับถนนเปียก) ซัดมาเต็มๆ เกาะถนนไปเต็มๆ เข้าโค้งได้สวยตามภาพ! Mio 125i ถือก�าเนิดขึ้นพร้อมจิตวิญญาณเรซซิ่งสปอร์ตอย่างแท้จริง

For Ride Magazine January 201316

Ê Better - Faster - Stronger

“ความแน่น” ของชิ้นพลาสติกแฟริ่งรอบคันคือเอกลักษณ์ของรถออโตเมติกยามาฮ่าทุกรุ่นซึ่งถูกส่งต่อมายัง Mio 125i คันนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะขี่กระแทกหลุมหรือคอสะพานหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ยินเสียง “คร่อก” ของแฟริ่ง กระจกมองข้าง 6 เหลี่ยมมุมมองกว้างไม่มีอาการสั่นหรือเปลี่ยนมุมเมื่อเจอกับพื้นขรุขระหรือวิ่งปะทะลมด้วยความเร็วสูง เรียกว่านอกจากเท่ห์เตะตาแล้วยังใช้งานได้จริง (ถ้าเรามี Mio 125i เราจะไม่เปลี่ยนกระจกหรือถอดออกแน่ๆ) ภายนอกดูสปอร์ตแต่ยังคงรักษาอุปกรณ์อ�านวยความสะดวกอย่างกล่อง U-Box ขนาดใหญ่ใส่หมวกกันน็อคครึ่งใบได้สบาย เซ็นเซอร์ขาตั้งป้องกันการสตาร์ทรถขณะที่ขาตั้งยังกางอยู่ สวิทช์ไฟเลี้ยว – ไฟสูง “นิ่ม” กว่ารุ่นพี่อย่าง Nouvo SX แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ถูกปรับปรุงเพื่อคนใช้รถอย่างแท้จริง FRM ขอยืนยันผลการทดสอบ New Yamaha Mio 125i ว่า GodSpeed เร็วแรงแกร่งระดับเทพตามคอนเซ็ปต์ Do Innovative “I n vv” จริงๆ...เป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมต้อนรับปีใหม่จากยามาฮ่า ใครที่ก�าลังมองหารถออโตเมติกสไตล์สปอร์ตอยู่รับรองว่า Mio 125i จะไม่ท�าให้คุณผิดหวังแน่นอน อย่าเชื่อเรา! ต้องลองด้วยตัวคุณเอง…

Ê FRM Score

แรงบิด/ความเร็ว – 11/10 แรงบิดครอบคลุม ต้น-กลาง-ปลาย (+1 ส�าหรับความสะใจในการกระแทกคันเร่ง)เครื่องยนต์ – 10/10 อัดแน่นวัสดุขั้นเทพการควบคุม – 10/10 องศาการเลี้ยวกว้าง+หน้ายางใหญ่คล่องตัวทุกพื้นที่ความประหยัด – 9/10 หัวฉีดช่วยเพิ่มความประหยัด แต่ก็มีช่วงจ่ายน�้ามันเมื่อต้องการความแรงเบรก/ความปลอดภัย – 10/10 มั่นใจได้ทุกครั้งที่แตะเบรกความสบาย – 9/10 รู้สึกกระด้างเมื่อเจอหลุมขนาดใหญ่ – รู้สึกเมื่อยเมื่อนั่งนานๆ ส�าหรับคนตัวใหญ่ดีไซน์ – 9/10 บอดี้สวยกระจกแจ่มแต่หลอดไฟหน้าน่าจะเป็นฮาโลเจนราคา – 10/10 คุ้มค่ากับสมรรถนะขั้น “I n vv”

Hot Pick of Month

For Ride Magazine January 2013 17

Page 17: FRM issue 3 (January 2013)

Ê Great braking system & Reliable Suspensions

สิ้นสุดทางเรียบก็เจอเลย! “รอยอารยะธรรมสิบล้อ” อภิมโหฬารอลังการงานสร้างหลุมร่องรอยฝาท่อมองไปทางไหนก็ไม่เจอพื้นราบเรียบเลยซักนิดกับถนน “บางนา-ตราด” ขยับเปลี่ยนท่านั่งให้กระชับขึ้นอีกนิดเพื่อเตรียมรับแรงกระแทกจากหลุมที่เกิดจากรถบรรทุกเกินขนาดเหล่านี้ เริ่มต้นเบาๆ กับทางขรุขระ Mio 125i ไม่แสดงอาการสะเทือนหรือสะดุดให้เสียอารมณ์ ใช้ความเร็วราว 80 กม./ชม. ก็ยังสามารถรูดทางขรุขระได้สบาย แต่เมื่อเจอกับ “คอสะพานพิฆาต” อีกหนึ่งกับดักที่ที่พา 2 ล้ออย่างเราบินกันมาแล้วนักต่อนัก กระแทกคอสะพานที่ความเร็ว 90 กม./ชม...FRM รู้สึกเหมือนลอยได้...แต่จังหวะลงจอดกลับไม่รู้สึกสะเทือนอย่างที่คาดไว้ แตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Nouvo Elegance ที่โช้คมักจะกระแทกและกดจนสุด ปัญหานี้ถูกแก้ไขและพัฒนาขึ้นใหม่ใน Mio 125i ท�าให้มั่นใจได้กับโช้คหน้าและหลังที่รับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่ออกอาการ “ย้วย” แม้คนขี่จะหนักถึง 90 กก. มีบางช่วงที่เจอกับหลุมขนาดใหญ่แล้วเรารู้สึก “กระด้าง” สาเหตุน่าจะมาจากล้อขนาด 14 นิ้วที่ท�าให้รับแรงกระแทกมากกว่าล้อขนาด 16-17 นิ้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะนานๆ จะพลาดตกหลุมขนาดใหญ่ซักครั้ง...จุดที่ FRM มาร์คไว้เป็นพิเศษส�าหรับคนตัวใหญ่ก็คือเบาะ เนื้อโฟมค่อนข้างบางและนุ่มอาจท�าให้คนตัวใหญ่รู้สึกสะเทือนและเมื่อยหลังช่วงล่างได้เมื่อต้องขับขี่เป็นเวลานาน แต่หนังหุ้มเบาะค่อนข้างหนึบไม่ท�าให้ผู้ขี่สไลด์ไปด้านหน้าเวลาเบรกหนักๆ ส่วนฟีลลิ่งในด้านก�าลังแรงเบรกของ Mio 125i คงไม่ต้องพูดถึงเพราะเบรกหน้าดิสก์ของยามาฮ่าขึ้นชื่อเรื่อง “เบรกได้ดั่งใจ” ได้ในขณะที่เบรกหลังก็ค่อยช่วยชะลอความเร็วรถอีกชั้น ก้านเบรกหน้า-หลังความยาวก�าลังดีและให้ความรู้สึกนุ่มเมื่อ “เหนี่ยว” ก้านเบรก ระยะก้านเบรกหน้า-หลังพอดีกับมือใหญ่ยักษ์ของนักทดสอบแม้กระทั่งตอนสวมถุงมือเรซซิ่ง อันที่จริง...ก้านเบรกของ Mio 125i นุ่มและให้ก�าลังแรงเบรกดีมากจนใช้แค่ 1-2 นิ้วในการเบรกก็พอ แม้ Mio 125i จะถูกออกแบบมาให้ดูสปอร์ตแต่ท่านั่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพถนน ฟุตบอร์ด (พักเท้าหน้า) ขนาดใหญ่รองรับรองเท้า Forma เบอร์ 11.5 ของนักทดสอบได้พอดีแถมมีที่เหลือด้านหลังให้สไลด์ขาไปหนีบเบาะได้ด้วย พักเท้าหลังคนซ้อนวางระยะห่างจากพักเท้าหน้าช่วยให้ไม่สะดุดหรือเตะเท้าคนซ้อนในจังหวะมุดรถติด ยางหน้า-หลัง Maxxis แก้มเตี้ยขอบ 14 เกาะถนนดีเยี่ยม (แต่ยังไม่ได้ลองกับถนนเปียก) ซัดมาเต็มๆ เกาะถนนไปเต็มๆ เข้าโค้งได้สวยตามภาพ! Mio 125i ถือก�าเนิดขึ้นพร้อมจิตวิญญาณเรซซิ่งสปอร์ตอย่างแท้จริง

For Ride Magazine January 201316

Ê Better - Faster - Stronger

“ความแน่น” ของชิ้นพลาสติกแฟริ่งรอบคันคือเอกลักษณ์ของรถออโตเมติกยามาฮ่าทุกรุ่นซึ่งถูกส่งต่อมายัง Mio 125i คันนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะขี่กระแทกหลุมหรือคอสะพานหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ยินเสียง “คร่อก” ของแฟริ่ง กระจกมองข้าง 6 เหลี่ยมมุมมองกว้างไม่มีอาการสั่นหรือเปลี่ยนมุมเมื่อเจอกับพื้นขรุขระหรือวิ่งปะทะลมด้วยความเร็วสูง เรียกว่านอกจากเท่ห์เตะตาแล้วยังใช้งานได้จริง (ถ้าเรามี Mio 125i เราจะไม่เปลี่ยนกระจกหรือถอดออกแน่ๆ) ภายนอกดูสปอร์ตแต่ยังคงรักษาอุปกรณ์อ�านวยความสะดวกอย่างกล่อง U-Box ขนาดใหญ่ใส่หมวกกันน็อคครึ่งใบได้สบาย เซ็นเซอร์ขาตั้งป้องกันการสตาร์ทรถขณะที่ขาตั้งยังกางอยู่ สวิทช์ไฟเลี้ยว – ไฟสูง “นิ่ม” กว่ารุ่นพี่อย่าง Nouvo SX แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ถูกปรับปรุงเพื่อคนใช้รถอย่างแท้จริง FRM ขอยืนยันผลการทดสอบ New Yamaha Mio 125i ว่า GodSpeed เร็วแรงแกร่งระดับเทพตามคอนเซ็ปต์ Do Innovative “I n vv” จริงๆ...เป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมต้อนรับปีใหม่จากยามาฮ่า ใครที่ก�าลังมองหารถออโตเมติกสไตล์สปอร์ตอยู่รับรองว่า Mio 125i จะไม่ท�าให้คุณผิดหวังแน่นอน อย่าเชื่อเรา! ต้องลองด้วยตัวคุณเอง…

Ê FRM Score

แรงบิด/ความเร็ว – 11/10 แรงบิดครอบคลุม ต้น-กลาง-ปลาย (+1 ส�าหรับความสะใจในการกระแทกคันเร่ง)เครื่องยนต์ – 10/10 อัดแน่นวัสดุขั้นเทพการควบคุม – 10/10 องศาการเลี้ยวกว้าง+หน้ายางใหญ่คล่องตัวทุกพื้นที่ความประหยัด – 9/10 หัวฉีดช่วยเพิ่มความประหยัด แต่ก็มีช่วงจ่ายน�้ามันเมื่อต้องการความแรงเบรก/ความปลอดภัย – 10/10 มั่นใจได้ทุกครั้งที่แตะเบรกความสบาย – 9/10 รู้สึกกระด้างเมื่อเจอหลุมขนาดใหญ่ – รู้สึกเมื่อยเมื่อนั่งนานๆ ส�าหรับคนตัวใหญ่ดีไซน์ – 9/10 บอดี้สวยกระจกแจ่มแต่หลอดไฟหน้าน่าจะเป็นฮาโลเจนราคา – 10/10 คุ้มค่ากับสมรรถนะขั้น “I n vv”

Hot Pick of Month

For Ride Magazine January 2013 17

Page 18: FRM issue 3 (January 2013)

Special Hot Pick of Month

For Ride Magazine January 201318

Endurance

ชื่อการแข่งขัน Kawasaki Endurance อาจฟังดูคุ้นหูส�าหรับใครหลายๆ คน แต่ส�าหรับคนที่ไม่เคยรู้จักการแข่งขันนี้มาก่อน FRM ขออาสาพาทุกท่านร่วมสนุกไปยังสนามพีระเซอร์กิต (Bira Circuit) กับการแข่งขันต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง บนรถไซส์จิ๋ว Kawasaki KSR…แน่นอนต้องมีคนสงสัยว่ารถที่ใช้แข่งท�าอะไรมาบ้าง กติกาการแข่งขันเป็นยังไง จะเหนื่อยจะมันส์แค่ไหนมาติดตามดูกันครับ

• ต้นก�ำเนิดของกำรแข่งขนัEndurance

ก่อนจะไปเกาะขอบสนามชมการแข่งขัน เราขอพาทุกท่านนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปที่จุดเริ่มต้นของการแข่งขัน Endurance ค�าว่า Endur-ance (เอ็น-ดู-ร๊านซ์) มีความหมายแปลว่า “อึด” หรือ “อดทน” เป็นค�าอธิบายการแข่งขันที่ง่ายและสั้นที่สุด เพราะชัยชนะในการแข่งขันเอ็นดูร๊านซ์ขึ้นอยู่กับทั้งความอึดของรถที่ใช้แข่งและความอึดของนักแข่งเอง ย้อนกลับไปในปี 1922 การแข่งขันความอึดเกิดขึ้นโดยใช้ชื่อว่า Bol d’Or จัดขึ้นที่เมือง Vaujours ในประเทศฝรั่งเศส กฎการแข่งขันคือ มีนักแข่งได้แค่คนเดียวต่อรถ 1 คัน และหยุดได้แค่ตอนเติมน�้ามัน การแข่งขัน Endurance เริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การแข่งขันที่เป็นที่จดจ�าเห็นจะเป็น การแข่ง 24 ชม. ในเบลเยี่ยมปี 1951 และเอ็นดูร๊านซ์ 24 ชม. ที่บาเซโลน่าในปี 1957 ตามด้วยที่ประเทศอิตาลี่ในปี 1959 และที่โหดที่สุดคงจะเป็น Thruxton 500 mile แข่งกันแบบ Non-Stop 500 ไมล์ที่ประเทศอังกฤษ

การแข่งขันเริ่มบูมขึ้นทั่วโลกในปี 1970 เมื่อเครื่องยนต์ 4 สูบจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงแข่งขัน ในที่สุดในปี 1976 FIM ก็บรรจุการแข่งขัน Endurance เข้าสู่การแข่งขันระดับทวีปยุโรป และในปี 1980 การแข่งชิงแชมป์ระดับโลกก็ถือก�าเนิดขึ้น ปัจจุบันการแข่งขันที่มีชื่อเสียงได้แก่

- 24 ชม. เลอมังส์- Thruxton 500- ซูซูก้า 8 ชม.- Bol d’Or- Albacete 8 ชม.- Liege 24 ชม.

3hrs.Kawasaki

จับKSRหวดโหดต่อเนื่อง3ชั่วโมง

For Ride Magazine January 2013 19

Page 19: FRM issue 3 (January 2013)

Special Hot Pick of Month

For Ride Magazine January 201318

Endurance

ชื่อการแข่งขัน Kawasaki Endurance อาจฟังดูคุ้นหูส�าหรับใครหลายๆ คน แต่ส�าหรับคนที่ไม่เคยรู้จักการแข่งขันนี้มาก่อน FRM ขออาสาพาทุกท่านร่วมสนุกไปยังสนามพีระเซอร์กิต (Bira Circuit) กับการแข่งขันต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง บนรถไซส์จิ๋ว Kawasaki KSR…แน่นอนต้องมีคนสงสัยว่ารถที่ใช้แข่งท�าอะไรมาบ้าง กติกาการแข่งขันเป็นยังไง จะเหนื่อยจะมันส์แค่ไหนมาติดตามดูกันครับ

• ต้นก�ำเนดิของกำรแข่งขนัEndurance

ก่อนจะไปเกาะขอบสนามชมการแข่งขัน เราขอพาทุกท่านนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปที่จุดเริ่มต้นของการแข่งขัน Endurance ค�าว่า Endur-ance (เอ็น-ดู-ร๊านซ์) มีความหมายแปลว่า “อึด” หรือ “อดทน” เป็นค�าอธิบายการแข่งขันที่ง่ายและสั้นที่สุด เพราะชัยชนะในการแข่งขันเอ็นดูร๊านซ์ขึ้นอยู่กับทั้งความอึดของรถที่ใช้แข่งและความอึดของนักแข่งเอง ย้อนกลับไปในปี 1922 การแข่งขันความอึดเกิดขึ้นโดยใช้ชื่อว่า Bol d’Or จัดขึ้นที่เมือง Vaujours ในประเทศฝรั่งเศส กฎการแข่งขันคือ มีนักแข่งได้แค่คนเดียวต่อรถ 1 คัน และหยุดได้แค่ตอนเติมน�้ามัน การแข่งขัน Endurance เริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การแข่งขันที่เป็นที่จดจ�าเห็นจะเป็น การแข่ง 24 ชม. ในเบลเยี่ยมปี 1951 และเอ็นดูร๊านซ์ 24 ชม. ที่บาเซโลน่าในปี 1957 ตามด้วยที่ประเทศอิตาลี่ในปี 1959 และที่โหดที่สุดคงจะเป็น Thruxton 500 mile แข่งกันแบบ Non-Stop 500 ไมล์ที่ประเทศอังกฤษ

การแข่งขันเริ่มบูมขึ้นทั่วโลกในปี 1970 เมื่อเครื่องยนต์ 4 สูบจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงแข่งขัน ในที่สุดในปี 1976 FIM ก็บรรจุการแข่งขัน Endurance เข้าสู่การแข่งขันระดับทวีปยุโรป และในปี 1980 การแข่งชิงแชมป์ระดับโลกก็ถือก�าเนิดขึ้น ปัจจุบันการแข่งขันที่มีชื่อเสียงได้แก่

- 24 ชม. เลอมังส์- Thruxton 500- ซูซูก้า 8 ชม.- Bol d’Or- Albacete 8 ชม.- Liege 24 ชม.

3hrs.Kawasaki

จับKSRหวดโหดต่อเนื่อง3ชั่วโมง

For Ride Magazine January 2013 19

Page 20: FRM issue 3 (January 2013)

• จำกแชมป์ระดบัโลกสูก่ำรแข่งขนัฟำดฟันของผูใ้ช้ทัว่ไป

ที่ประเทศไทยเราก็มีการแข่ง Endurance เหมือนกัน โดยทาง Kawasaki ประเทศไทยเป็นผู้จัดขึ้น เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าด้วยกิจกรรมดีๆ โดนๆ ตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่การแข่งขัน Endurance แต่ทาง คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ยังจัดกิจกรรมอื่นๆ อาทิเช่น การแข่งขัน MiniGP ที่รวมเอารถคาวาซากิแทบทุกรุ่นมาแข่งขันกัน โดยแบ่งคลาสนักแข่งตั้งแต่มือโปรฯ จนถึงผู้ใช้รถทั่วไปให้ได้ลงดวลความเร็วกันอย่างถูกกฎหมาย, Kawasaki Enduro งานแข่งเปื้อนฝุ่นที่เน้นรถวิบากให้มาพบปะแลกเปลี่ยนขี้ดินกัน นอจากงานแข่งยังมี Riding Corse (ไรดิ้ง คอร์ส) ซึ่งเป็นการสอนพื้นฐานการขับขี่ตั้งแต่เบื้องต้นไปจนถึงการขี่ออกทริป เพื่อให้ชาวคาวาซากิและลูกค้าได้มีพื้นฐานการขับขี่ที่ดีส�าหรับขับขี่ใช้ในชีวิตประจ�าวันและใช้ออกทริปที่ทางคาวาซากิจัดขึ้นแบบถี่ยิบ...โอ๊ยให้บรรยายวันเดียวคงไม่หมด เอาเป็นว่าเรามาต่อกันที่การแข่งขัน Endurance ของเรากันดีกว่า

ส�าหรับ Kawasaki Endurance ที่เรา FRM ได้มีโอกาสเข้าร่วมลงแข่งในรอบพิเศษรุ่น “สื่อมวลชน” ที่ทางคาวาซากิจัดขึ้นเพื่อให้สื่ออย่างเราได้สัมผัสความโหดมันส์ฮาบนหลังเบาะของเจ้า KSR คันจิ๋วตลอด 3 ชั่วโมงกันดู งานนี้มีสื่อจากนิตยสารต่างๆ เข้าร่วมลงแข่งมากถึง 18 ท่านด้วยกัน ทางกรรมการแข่งขันจึงจัดแบ่งออกเป็น 9 ทีม แต่ละทีมมีนักขี่ 2 คนสลับกัน (เค้าใจดีแฮะ) กฎการแข่งขันง่ายๆ ก็คือ ใครท�ารอบได้มากที่สุดในเวลา 3 ชั่วโมงก็คว้าชัยชนะไป แต่ต้องมีการเปลี่ยนตัวนักขี่ทุกๆ 30 นาที...กฎกติกาง่ายๆ แต่รถที่ใช้แข่งนี่สิน่าเป็นห่วง

• KawasakiKSR110“MiniSupersportBike”

รถที่ใช้ในการแข่งขัน Kawasaki Endurance ครั้งนี้เป็น Kawasaki KSR 110 ปี 2012 เครื่องยนต์ 111 ซีซี. SOHC 2 วาล์ว 1 สูบระบายความร้อนด้วยอากาศ สตาร์ทด้วยเท้า มี 4 เกียร์ คลัทช์ออโตเมติก โช้คหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ โช้คหลังเดี่ยว ยางหน้าขนาด 100/90 ขอบ 12 ยางหลัง 100/90 ขอบ 12 เบรกหน้า-หลังเป็นดิสก์เบรก มิติตัวรถกว้าง 725 มม. ยาว 1,725 มม. สูง 1,020 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. น�้าหนักตัวรถ 95 กก. ความจุถังน�้ามัน 7.3 ลิตร สเป็ครถนี้แหละที่เราจะใช้ในสนาม...ที่ส�าคัญ KSR 110 ทุกคันที่สื่อมวลชนใช้ล้วนแล้วแต่เป็น “รถเดิม” ไม่มีการดัดแปลงให้แรงใดๆ ทั้งสิ้น ที่ท�าก็เห็นจะมีถอดกระจกออกเพื่อป้องกันกระจกแตกในกรณีที่ล้ม รถเดิมยางเดิมทุกอย่างเดิมหมดแม้แต่ไฟหน้า

Special Hot Pick of Month

For Ride Magazine January 201320

• TheTimeisCountingDown…

หลังจากสื่อมวลชนทั้ง 18 ชีวิตลงทะเบียนพร้อมรับสติ๊กเกอร์เบอร์แต่ละทีมเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาเตรียมตัวแข่งขัน...งานนี้ไม่ได้มีแค่สื่อมวลชน 9 ทีมแต่เราต้องลงแข่งพร้อมกันกับมือโปรอย่างรุ่น Open ที่สามารถโมดิฟายรถให้แรงได้เต็มที่ และรุ่น Modify ที่เปลี่ยนได้แค่อะไหล่บางส่วน ตามด้วยรุ่นมือใหม่ที่ใช้รถเดิมๆ เหมือนกับสื่อมวลชน...เมื่อกรรมการสนามส่งสัญญาณสตาร์ท..ช่วงเวลาความมันส์ก็เริ่มต้นขึ้น ออกสตาร์ทกันแบบนิ่มนวลท่ามกลางเสียงกระหึ่มของปลายท่อแต่งจากรุ่น Open ที่ออกตัวน�ากันไปก่อน แม้ KSR จะเป็นรถที่มีขนาดเล็กถึงเล็กมาก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกที่ FRM ไม่เคยรู้มาก่อน จากทางตรงสู่ทางโค้งด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. ด้วยความกะทัดรัดของตัวรถและความเร็วที่จ�ากัดท�าให้การเข้าโค้งแทบไม่ต้องใช้เบรกหรือเปลี่ยนเกียร์แม้แต่น้อย ที่ต้องท�าก็แค่มองหาทางออกจากโค้งให้ดีแล้วเติมคันเร่งออกจากโค้งได้เลย แม้ยางที่ติดมากับรถจะดูไม่น่าเหมาะกับการวิ่งในสนามแข่ง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะยางเดิมติดรถเกาะพื้นสนามดีนักแหละ! โช้คหน้าและหลังท�างานสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีเกาะโค้งในระดับหนึ่ง แต่เมื่อ

พยายามโหนตัวหรือเปลี่ยนท่านั่งอย่างรวดเร็วจะรู้สึกได้ถึงอาการส่าย (หรือเพราะเราตัวใหญ่เกินไป ?) จากโค้งสู่โค้งจากลงเขาวิ่งขึ้นเขา...ไม่นานเวลา 30 นาทีก็หมดลง ได้เวลาเปลี่ยนตัวคนขี่ซะหน่อยแล้ว

...ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง KSR 110 คันนี้ยังคงสมรรถนะเหมือนเมื่อตอนเริ่มขี่ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่แสดงอาการล้อหรืออ่อนก�าลังลงจากการใช้งานหนักต่อเนื่อง โช้คหน้าและหลังที่ควรจะได้รับผลกระทบจากความร้อนและการใช้งานต่อเนื่องกลับไม่มีท�างานรับแรงกระแทกได้ดีเหมือนเดิม ยางหน้าหลังเดิมๆ ยังคงเกาะถนนได้ดีไม่มีอาการสไลด์ ที่มีก็แค่รอยสึกจากการบดเข้าโค้งจนสุดขอบ (ไม่น่าเชื่อว่ารถเดิมๆ จะท�าได้ขนาดนี้) ระบบเบรกแม้จะไม่ค่อยได้ใช้มากนักแต่มันก็พร้อมชะลอความเร็วทันทีที่ต้องการ ที่ส�าคัญไม่ใช่แค่รถของเราแค่คันเดียวที่ยังคงประสิทธิภาพยอดเยี่ยม...แต่รถของสื่อมวลชนอีก 8 คันที่เหลือก็ยังคงแรงและแรงอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนเวลา 3 ชั่วโมงจะไม่ส่งผลอะไรกับการท�างานอย่างต่อเนื่องของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ รอบคันรถ

• KawasakiKSRSurvivethe3hrsEndurance!

…และเมื่อนาฬิกาสนามเดินทางถอยหลังจนถึง 00:00:00 ก็เป็นอันจบการแข่งขัน พิสูจน์แล้วว่า Kawasaki KSR 110 สามารถยืนหยัดจนจบการแข่งขัน 3 ชั่วโมงได้ ไม่มีชิ้นส่วนไหนหลุดออกไปไม่มีอาการผิดปกติของเครื่องยนต์ไม่มีอาการย้วยของโช้ค ที่มีก็แค่ “ความมันส์” ตลอด 3 ชั่วโมงบนหลัง Kawasaki KSR คันนี้! ถึง FRM จะไม่ติดอันดับผู้ชนะ 1 ใน 5 (แหมก็ตัวใหญ่ซะขนาดนี้) แต่เราก็ได้รู้ว่า KSR 110 เดิมๆ จับมาแข่งในสนามต่อเนื่อง 3 ชม. ยังทนขนาดนี้ แล้วใช้งานในชีวิตประจ�าวันนอกจากจะมันส์แล้วยังทนทานขนาดไหน ใครว่า KSR เป็นรถเด็กๆ เค้าเล่นกันเราขอเถียงขาดใจเลยว่า “KSR 110 แรงแกร่งเกินตัวอัดแน่นความมันส์ในไซส์มินิ”

• FRMScore

แรงบิด/อัตราเร่ง – 8/10 อาจดูอืดไปนิดส�าหรับคนตัวใหญ่

เครื่องยนต์ – 11/10 ทนเงียบนิ่ง (+1ไปกับความทนทานตลอด 3 ชม.)

คอนโทรล – 9/10 โช้คหน้ายวบไปหน่อยเมื่อเข้าโค้งแต่ยังเกาะถนนได้ดี

ความประหยัด – 9/10 แข่ง 3 ชม. ใช้น�้ามัน 1 ถังครึ่ง

เบรก/ความปลอดภัย – 10/10 เบรกดีจนหน้าเกือบลอย

ดีไซน์ – 10/10 ไซส์เล็กน่ารักเหมาะกับการขี่คนเดียว

ราคา – 9/10 (64,900 บาท) อาจดูแพงไปนิดแต่เมื่อแลกกับโช้คหน้าหัวกลับก็โอเค

ขอบคุณรูปบางส่วนจาก ธงชัย กูบโคกกรวด

เครื่องยนต์ :111 ซีซี. SOHC 4 จังหวะ 1 สูบ 2 วาล์วระบายความร้อนด้วยอากาศ

กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 53.0 x 50.6 มม.

อัตราส่วนการอัด : 9.5 : 1

เกียร์ : 4 สปีด

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : คาร์บูเรเตอร์ Keihin

สตาร์ท : เท้า

คลัทช์ : อัตโนมัติ

ยางหน้า-หลัง :100/90 ขอบ 12 / 100/90 ขอบ 12

โช้คหน้า : หัวกลับ

โช้คหลัง : โช้คเดี่ยวสวิงอาร์ม

เบรกหน้า : ดิสก์เบรก

เบรกหลัง : ดิสก์เบรก

กว้าง x ยาว x สูง : 725 x 1,725 x 1,020 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,170 มม.

ความสูงใต้ท้องรถ : 225 มม.

ความสูงเบาะ : 750 มม.

น�้าหนักรถ : 95 กก.

ความจุถังน�้ามันเชื้อเพลิง : 7.3 ลิตร

• ข้อมลูทำงเทคนคิ

For Ride Magazine January 2013 21

Page 21: FRM issue 3 (January 2013)

• จำกแชมป์ระดบัโลกสูก่ำรแข่งขนัฟำดฟันของผูใ้ช้ทัว่ไป

ที่ประเทศไทยเราก็มีการแข่ง Endurance เหมือนกัน โดยทาง Kawasaki ประเทศไทยเป็นผู้จัดขึ้น เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าด้วยกิจกรรมดีๆ โดนๆ ตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่การแข่งขัน Endurance แต่ทาง คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ยังจัดกิจกรรมอื่นๆ อาทิเช่น การแข่งขัน MiniGP ที่รวมเอารถคาวาซากิแทบทุกรุ่นมาแข่งขันกัน โดยแบ่งคลาสนักแข่งตั้งแต่มือโปรฯ จนถึงผู้ใช้รถทั่วไปให้ได้ลงดวลความเร็วกันอย่างถูกกฎหมาย, Kawasaki Enduro งานแข่งเปื้อนฝุ่นที่เน้นรถวิบากให้มาพบปะแลกเปลี่ยนขี้ดินกัน นอจากงานแข่งยังมี Riding Corse (ไรดิ้ง คอร์ส) ซึ่งเป็นการสอนพื้นฐานการขับขี่ตั้งแต่เบื้องต้นไปจนถึงการขี่ออกทริป เพื่อให้ชาวคาวาซากิและลูกค้าได้มีพื้นฐานการขับขี่ที่ดีส�าหรับขับขี่ใช้ในชีวิตประจ�าวันและใช้ออกทริปที่ทางคาวาซากิจัดขึ้นแบบถี่ยิบ...โอ๊ยให้บรรยายวันเดียวคงไม่หมด เอาเป็นว่าเรามาต่อกันที่การแข่งขัน Endurance ของเรากันดีกว่า

ส�าหรับ Kawasaki Endurance ที่เรา FRM ได้มีโอกาสเข้าร่วมลงแข่งในรอบพิเศษรุ่น “สื่อมวลชน” ที่ทางคาวาซากิจัดขึ้นเพื่อให้สื่ออย่างเราได้สัมผัสความโหดมันส์ฮาบนหลังเบาะของเจ้า KSR คันจิ๋วตลอด 3 ชั่วโมงกันดู งานนี้มีสื่อจากนิตยสารต่างๆ เข้าร่วมลงแข่งมากถึง 18 ท่านด้วยกัน ทางกรรมการแข่งขันจึงจัดแบ่งออกเป็น 9 ทีม แต่ละทีมมีนักขี่ 2 คนสลับกัน (เค้าใจดีแฮะ) กฎการแข่งขันง่ายๆ ก็คือ ใครท�ารอบได้มากที่สุดในเวลา 3 ชั่วโมงก็คว้าชัยชนะไป แต่ต้องมีการเปลี่ยนตัวนักขี่ทุกๆ 30 นาที...กฎกติกาง่ายๆ แต่รถที่ใช้แข่งนี่สิน่าเป็นห่วง

• KawasakiKSR110“MiniSupersportBike”

รถที่ใช้ในการแข่งขัน Kawasaki Endurance ครั้งนี้เป็น Kawasaki KSR 110 ปี 2012 เครื่องยนต์ 111 ซีซี. SOHC 2 วาล์ว 1 สูบระบายความร้อนด้วยอากาศ สตาร์ทด้วยเท้า มี 4 เกียร์ คลัทช์ออโตเมติก โช้คหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ โช้คหลังเดี่ยว ยางหน้าขนาด 100/90 ขอบ 12 ยางหลัง 100/90 ขอบ 12 เบรกหน้า-หลังเป็นดิสก์เบรก มิติตัวรถกว้าง 725 มม. ยาว 1,725 มม. สูง 1,020 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. น�้าหนักตัวรถ 95 กก. ความจุถังน�้ามัน 7.3 ลิตร สเป็ครถนี้แหละที่เราจะใช้ในสนาม...ที่ส�าคัญ KSR 110 ทุกคันที่สื่อมวลชนใช้ล้วนแล้วแต่เป็น “รถเดิม” ไม่มีการดัดแปลงให้แรงใดๆ ทั้งสิ้น ที่ท�าก็เห็นจะมีถอดกระจกออกเพื่อป้องกันกระจกแตกในกรณีที่ล้ม รถเดิมยางเดิมทุกอย่างเดิมหมดแม้แต่ไฟหน้า

Special Hot Pick of Month

For Ride Magazine January 201320

• TheTimeisCountingDown…

หลังจากสื่อมวลชนทั้ง 18 ชีวิตลงทะเบียนพร้อมรับสติ๊กเกอร์เบอร์แต่ละทีมเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาเตรียมตัวแข่งขัน...งานนี้ไม่ได้มีแค่สื่อมวลชน 9 ทีมแต่เราต้องลงแข่งพร้อมกันกับมือโปรอย่างรุ่น Open ที่สามารถโมดิฟายรถให้แรงได้เต็มที่ และรุ่น Modify ที่เปลี่ยนได้แค่อะไหล่บางส่วน ตามด้วยรุ่นมือใหม่ที่ใช้รถเดิมๆ เหมือนกับสื่อมวลชน...เมื่อกรรมการสนามส่งสัญญาณสตาร์ท..ช่วงเวลาความมันส์ก็เริ่มต้นขึ้น ออกสตาร์ทกันแบบนิ่มนวลท่ามกลางเสียงกระหึ่มของปลายท่อแต่งจากรุ่น Open ที่ออกตัวน�ากันไปก่อน แม้ KSR จะเป็นรถที่มีขนาดเล็กถึงเล็กมาก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกที่ FRM ไม่เคยรู้มาก่อน จากทางตรงสู่ทางโค้งด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. ด้วยความกะทัดรัดของตัวรถและความเร็วที่จ�ากัดท�าให้การเข้าโค้งแทบไม่ต้องใช้เบรกหรือเปลี่ยนเกียร์แม้แต่น้อย ที่ต้องท�าก็แค่มองหาทางออกจากโค้งให้ดีแล้วเติมคันเร่งออกจากโค้งได้เลย แม้ยางที่ติดมากับรถจะดูไม่น่าเหมาะกับการวิ่งในสนามแข่ง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะยางเดิมติดรถเกาะพื้นสนามดีนักแหละ! โช้คหน้าและหลังท�างานสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีเกาะโค้งในระดับหนึ่ง แต่เมื่อ

พยายามโหนตัวหรือเปลี่ยนท่านั่งอย่างรวดเร็วจะรู้สึกได้ถึงอาการส่าย (หรือเพราะเราตัวใหญ่เกินไป ?) จากโค้งสู่โค้งจากลงเขาวิ่งขึ้นเขา...ไม่นานเวลา 30 นาทีก็หมดลง ได้เวลาเปลี่ยนตัวคนขี่ซะหน่อยแล้ว

...ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง KSR 110 คันนี้ยังคงสมรรถนะเหมือนเมื่อตอนเริ่มขี่ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่แสดงอาการล้อหรืออ่อนก�าลังลงจากการใช้งานหนักต่อเนื่อง โช้คหน้าและหลังที่ควรจะได้รับผลกระทบจากความร้อนและการใช้งานต่อเนื่องกลับไม่มีท�างานรับแรงกระแทกได้ดีเหมือนเดิม ยางหน้าหลังเดิมๆ ยังคงเกาะถนนได้ดีไม่มีอาการสไลด์ ที่มีก็แค่รอยสึกจากการบดเข้าโค้งจนสุดขอบ (ไม่น่าเชื่อว่ารถเดิมๆ จะท�าได้ขนาดนี้) ระบบเบรกแม้จะไม่ค่อยได้ใช้มากนักแต่มันก็พร้อมชะลอความเร็วทันทีที่ต้องการ ที่ส�าคัญไม่ใช่แค่รถของเราแค่คันเดียวที่ยังคงประสิทธิภาพยอดเยี่ยม...แต่รถของสื่อมวลชนอีก 8 คันที่เหลือก็ยังคงแรงและแรงอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนเวลา 3 ชั่วโมงจะไม่ส่งผลอะไรกับการท�างานอย่างต่อเนื่องของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ รอบคันรถ

• KawasakiKSRSurvivethe3hrsEndurance!

…และเมื่อนาฬิกาสนามเดินทางถอยหลังจนถึง 00:00:00 ก็เป็นอันจบการแข่งขัน พิสูจน์แล้วว่า Kawasaki KSR 110 สามารถยืนหยัดจนจบการแข่งขัน 3 ชั่วโมงได้ ไม่มีชิ้นส่วนไหนหลุดออกไปไม่มีอาการผิดปกติของเครื่องยนต์ไม่มีอาการย้วยของโช้ค ที่มีก็แค่ “ความมันส์” ตลอด 3 ชั่วโมงบนหลัง Kawasaki KSR คันนี้! ถึง FRM จะไม่ติดอันดับผู้ชนะ 1 ใน 5 (แหมก็ตัวใหญ่ซะขนาดนี้) แต่เราก็ได้รู้ว่า KSR 110 เดิมๆ จับมาแข่งในสนามต่อเนื่อง 3 ชม. ยังทนขนาดนี้ แล้วใช้งานในชีวิตประจ�าวันนอกจากจะมันส์แล้วยังทนทานขนาดไหน ใครว่า KSR เป็นรถเด็กๆ เค้าเล่นกันเราขอเถียงขาดใจเลยว่า “KSR 110 แรงแกร่งเกินตัวอัดแน่นความมันส์ในไซส์มินิ”

• FRMScore

แรงบิด/อัตราเร่ง – 8/10 อาจดูอืดไปนิดส�าหรับคนตัวใหญ่

เครื่องยนต์ – 11/10 ทนเงียบนิ่ง (+1ไปกับความทนทานตลอด 3 ชม.)

คอนโทรล – 9/10 โช้คหน้ายวบไปหน่อยเมื่อเข้าโค้งแต่ยังเกาะถนนได้ดี

ความประหยัด – 9/10 แข่ง 3 ชม. ใช้น�้ามัน 1 ถังครึ่ง

เบรก/ความปลอดภัย – 10/10 เบรกดีจนหน้าเกือบลอย

ดีไซน์ – 10/10 ไซส์เล็กน่ารักเหมาะกับการขี่คนเดียว

ราคา – 9/10 (64,900 บาท) อาจดูแพงไปนิดแต่เมื่อแลกกับโช้คหน้าหัวกลับก็โอเค

ขอบคุณรูปบางส่วนจาก ธงชัย กูบโคกกรวด

เครื่องยนต์ :111 ซีซี. SOHC 4 จังหวะ 1 สูบ 2 วาล์วระบายความร้อนด้วยอากาศ

กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 53.0 x 50.6 มม.

อัตราส่วนการอัด : 9.5 : 1

เกียร์ : 4 สปีด

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : คาร์บูเรเตอร์ Keihin

สตาร์ท : เท้า

คลัทช์ : อัตโนมัติ

ยางหน้า-หลัง :100/90 ขอบ 12 / 100/90 ขอบ 12

โช้คหน้า : หัวกลับ

โช้คหลัง : โช้คเดี่ยวสวิงอาร์ม

เบรกหน้า : ดิสก์เบรก

เบรกหลัง : ดิสก์เบรก

กว้าง x ยาว x สูง : 725 x 1,725 x 1,020 มม.

ระยะห่างฐานล้อ : 1,170 มม.

ความสูงใต้ท้องรถ : 225 มม.

ความสูงเบาะ : 750 มม.

น�้าหนักรถ : 95 กก.

ความจุถังน�้ามันเชื้อเพลิง : 7.3 ลิตร

• ข้อมลูทำงเทคนคิ

For Ride Magazine January 2013 21

Page 22: FRM issue 3 (January 2013)

> หน้าปัดดีไซน์ใหม่!! อ่านง่ายชัดเจน

New Launch…

ยามาฮ่าเปิดตัวรถจักรยานยนต์มีเกียร์ส�าหรับครอบครัว “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่” ที่มาพร้อมสโลแกน “แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ” โดยแนวคิดในการพัฒนารถครอบครัวรุ่นนี้ คือ “ประหยัด ทนทาน ขับขี่ง่าย คล่องตัว” ได้รับการออกแบบและพัฒนาด้านวิศวกรรมเพื่อความสมดุลระหว่างขนาดที่กะทัดรัด การขับขี่ที่ดีและง่ายต่อการใช้งาน ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดขั้นเทพสุดประหยัด YEC_FI ที่ออกแบบมาเพื่อรถมีเกียร์โดยเฉพาะ ที่ช่วยประหยัดน�้ามันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งประหยัดกับราคาอะไหล่ที่ถูกสุดคุ้ม จึงเหมาะกับลูกค้าที่เน้นการใช้งานอย่างคุ้มค่า พร้อมรูปลักษณ์ใหม่ที่ปราดเปรียวกว่าเดิม

For Ride Magazine January 201322

> "ดร.เจ ผู้แนะน�า เทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะ รุ่นใหม่ล่าสุดของโลก"

YamahaSpark 115

หวัฉดีใหม่“แรงด ีประหยดัจรงิ ขัน้เทพ”

“ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่” แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ พิสูจน์แล้ว จากผู้ใช้จริงและสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ที่ได้ขับขี่ทดสอบ “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่” เส้นทางจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และสิ้นสุดที่ อ�าเภอพิมาย จ.นครราชสีมา ทุกเสียงต่างยืนยันกับเทคโนโลยีหัวฉีดขั้นเทพ YEC_FI ที่ออกแบบมาเพื่อรถมีเกียร์โดยเฉพาะ ให้รถแรงจริง ประหยัดจริง ทนทาน ดูแลง่าย โดยน�้ามัน 1 ถัง สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 328.20 กิโลเมตร ประหยัดน�้ามันถึง 84.15 กิโลเมตรต่อลิตร ด้วยความเร็ว 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง* สมกับเป็น “ระบบหัวฉีดยอดประหยัด ต้องยามาฮ่า”

*ทดสอบโดยสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์

For Ride Magazine January 2013 23

Page 23: FRM issue 3 (January 2013)

> หน้าปัดดีไซน์ใหม่!! อ่านง่ายชัดเจน

New Launch…

ยามาฮ่าเปิดตัวรถจักรยานยนต์มีเกียร์ส�าหรับครอบครัว “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่” ที่มาพร้อมสโลแกน “แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ” โดยแนวคิดในการพัฒนารถครอบครัวรุ่นนี้ คือ “ประหยัด ทนทาน ขับขี่ง่าย คล่องตัว” ได้รับการออกแบบและพัฒนาด้านวิศวกรรมเพื่อความสมดุลระหว่างขนาดที่กะทัดรัด การขับขี่ที่ดีและง่ายต่อการใช้งาน ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดขั้นเทพสุดประหยัด YEC_FI ที่ออกแบบมาเพื่อรถมีเกียร์โดยเฉพาะ ที่ช่วยประหยัดน�้ามันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งประหยัดกับราคาอะไหล่ที่ถูกสุดคุ้ม จึงเหมาะกับลูกค้าที่เน้นการใช้งานอย่างคุ้มค่า พร้อมรูปลักษณ์ใหม่ที่ปราดเปรียวกว่าเดิม

For Ride Magazine January 201322

> "ดร.เจ ผู้แนะน�า เทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะ รุ่นใหม่ล่าสุดของโลก"

YamahaSpark 115

หวัฉดีใหม่“แรงด ีประหยดัจรงิ ขัน้เทพ”

“ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่” แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ พิสูจน์แล้ว จากผู้ใช้จริงและสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ที่ได้ขับขี่ทดสอบ “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่” เส้นทางจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และสิ้นสุดที่ อ�าเภอพิมาย จ.นครราชสีมา ทุกเสียงต่างยืนยันกับเทคโนโลยีหัวฉีดขั้นเทพ YEC_FI ที่ออกแบบมาเพื่อรถมีเกียร์โดยเฉพาะ ให้รถแรงจริง ประหยัดจริง ทนทาน ดูแลง่าย โดยน�้ามัน 1 ถัง สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 328.20 กิโลเมตร ประหยัดน�้ามันถึง 84.15 กิโลเมตรต่อลิตร ด้วยความเร็ว 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง* สมกับเป็น “ระบบหัวฉีดยอดประหยัด ต้องยามาฮ่า”

*ทดสอบโดยสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์

For Ride Magazine January 2013 23

Page 24: FRM issue 3 (January 2013)

ทุกเสียงต่างยืนยันกับเทคโนโลยี หัวฉีดขั้นเทพสุดประหยัด

ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่! สวยสปอร์ตตลอดคัน ควบคุมง่ายในทุกการขับขี่

แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพจริงๆ

พิสูจน์แล้ว จากสื่อมวลชน และผู้ใช้จริง

* ไฟหน้ารุ่นใหม่ สว่างสะใจ เพราะเป็นฮาโลเจนปลอดภัย มั่นใจด้วยไฟหน้า Halogen Lamp พัฒนาใหม่ สว่างได้ใจและได้ไกลกว่า หลอดทนไม่ขาดง่ายใช้งานได้นานปี

* หน้าปัดดีไซน์ใหม่ อ่านง่าย ชัดเจน!แผงหน้าปัดใหม่ สวยเฉียบ ดูง่าย เห็นชัดทั้งกลางวันและกลางคืน * มาตรฐานไอเสียระดับ 6 อากาศใส พร้อมแผงกันความร้อนใหม่ท่อไอเสีย มาตรฐานระดับ 6 เผาไหม้หมดจด เครื่องสะอาด ไม่มีสะดุดพร้อมแผงกันความร้อนใหม่ คลุมทั้งท่อไอเสีย ซ้อนสบายไม่ร้อนขา * เก็บของได้เยอะจุใจ กับ Mega Box ใต้เบาะใหญ่กว่าที่เก็บของใต้เบาะกว้างจุใจ ถึง 9.2 ลิตร จะของเยอะแค่ไหนเก็บได้หมด

* กุญแจอัจฉริยะ ทั้งล็อค ทั้งเปิด ทั้งปิด สะดวกสุดๆระบบ Multi-Function Keys ในกุญแจอัจฉริยะ ควบคุมทั้งคันได้หมดจะล็อคกันขโมย สตาร์ท เติมน�้ามัน หรือเปิดเบาะ

* ที่จับกันตก พร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ เปรี้ยวจี๊ดไฟท้ายดีไซน์เฉี่ยว เท่กว่าเคย หลอดไฟทนทานนานหลายปีพร้อมที่จับกันตกแบบใหม่ จับถนัดกระชับมือยิ่งขึ้น

จดุเด่น สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่* 115 ซีซี หัวฉีด ใหม่ แรงดี ประหยัดจริง เครื่องยนต์ 115 ซีซี สมรรถนะแน่น ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดขั้น

เทพ YEC_FI ที่ออกแบบมาเพื่อรถมีเกียร์โดยเฉพาะ ให้รถแรงจริง ประหยัดน�้ามันจริง 52 กม./ลิตร* ทนทาน ดูแลง่าย

ผ่านมาตรฐานการทดสอบ TISI 2350-2551 (EMISIION Level 6) ของ สมอ. (ส�านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)

* ที่ยึดโช้คแบบขาคู่ รับน�้าหนักดีเยี่ยมขับขี่ทรงตัวได้ดีกว่า ด้วยโช้คแบบขาคู่ ทนทาน แน่นหนา และรับน�้าหนักดีกว่า

* ชุดแต่งแท้ วัสดุคุณภาพดี...ในราคาเบา...เบามั่นใจได้ 100% กับชุดแต่ง ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่ ที่

ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี จะแต่งสวย หรือแต่งใช้งาน ก็เลือกได้ตามใจ ในราคาเบา ๆ

สบายกระเป๋าสุดๆ

For Ride Magazine January 201324

Page 25: FRM issue 3 (January 2013)

ทุกเสียงต่างยืนยันกับเทคโนโลยี หัวฉีดขั้นเทพสุดประหยัด

ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่! สวยสปอร์ตตลอดคัน ควบคุมง่ายในทุกการขับขี่

แรงดี ประหยัดจริง ข้ันเทพจริงๆ

พิสูจน์แล้ว จากสื่อมวลชน และผู้ใช้จริง

* ไฟหน้ารุ่นใหม่ สว่างสะใจ เพราะเป็นฮาโลเจนปลอดภัย มั่นใจด้วยไฟหน้า Halogen Lamp พัฒนาใหม่ สว่างได้ใจและได้ไกลกว่า หลอดทนไม่ขาดง่ายใช้งานได้นานปี

* หน้าปัดดีไซน์ใหม่ อ่านง่าย ชัดเจน!แผงหน้าปัดใหม่ สวยเฉียบ ดูง่าย เห็นชัดทั้งกลางวันและกลางคืน * มาตรฐานไอเสียระดับ 6 อากาศใส พร้อมแผงกันความร้อนใหม่ท่อไอเสีย มาตรฐานระดับ 6 เผาไหม้หมดจด เครื่องสะอาด ไม่มีสะดุดพร้อมแผงกันความร้อนใหม่ คลุมทั้งท่อไอเสีย ซ้อนสบายไม่ร้อนขา * เก็บของได้เยอะจุใจ กับ Mega Box ใต้เบาะใหญ่กว่าที่เก็บของใต้เบาะกว้างจุใจ ถึง 9.2 ลิตร จะของเยอะแค่ไหนเก็บได้หมด

* กุญแจอัจฉริยะ ทั้งล็อค ทั้งเปิด ทั้งปิด สะดวกสุดๆระบบ Multi-Function Keys ในกุญแจอัจฉริยะ ควบคุมทั้งคันได้หมดจะล็อคกันขโมย สตาร์ท เติมน�้ามัน หรือเปิดเบาะ

* ที่จับกันตก พร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ เปรี้ยวจี๊ดไฟท้ายดีไซน์เฉี่ยว เท่กว่าเคย หลอดไฟทนทานนานหลายปีพร้อมที่จับกันตกแบบใหม่ จับถนัดกระชับมือยิ่งขึ้น

จดุเด่น สปาร์ค 115 หวัฉีด ใหม่* 115 ซีซี หัวฉีด ใหม่ แรงดี ประหยัดจริง เครื่องยนต์ 115 ซีซี สมรรถนะแน่น ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดขั้น

เทพ YEC_FI ที่ออกแบบมาเพื่อรถมีเกียร์โดยเฉพาะ ให้รถแรงจริง ประหยัดน�้ามันจริง 52 กม./ลิตร* ทนทาน ดูแลง่าย

ผ่านมาตรฐานการทดสอบ TISI 2350-2551 (EMISIION Level 6) ของ สมอ. (ส�านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)

* ที่ยึดโช้คแบบขาคู่ รับน�้าหนักดีเยี่ยมขับขี่ทรงตัวได้ดีกว่า ด้วยโช้คแบบขาคู่ ทนทาน แน่นหนา และรับน�้าหนักดีกว่า

* ชุดแต่งแท้ วัสดุคุณภาพดี...ในราคาเบา...เบามั่นใจได้ 100% กับชุดแต่ง ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด ใหม่ ที่

ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี จะแต่งสวย หรือแต่งใช้งาน ก็เลือกได้ตามใจ ในราคาเบา ๆ

สบายกระเป๋าสุดๆ

For Ride Magazine January 201324

Page 26: FRM issue 3 (January 2013)

New Launch…

New SuzukiShogun Axelo 125

พรเีมีย่มดไีซน์ ขบัสบายเป็นทีห่นึง่รถจักรยานยนต์ New Suzuki Shogun

Axelo 125 (นิว ซูซูกิ โชกัน แอ๊คเซโล่ 125) รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวระดับพรีเมี่ยมคลาส ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ที่ชื่นชอบสมรรถนะความแรงและความประหยัดน�้ามัน ทั้งนี้การันตีด้วยรางวัล Bike of The Year 2012 และคว้ารางวัลนี้ 3 ปีซ้อนทีเดียว !! (นับตั้งแต่ ปี 2010 – 2012) ซึ่งงานนี้การันตีด้วยการพิสูจน์ DNA ความแรงจากสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์กว่า 20 ฉบับ ที่เข้าร่วมทดสอบ ซึ่งสามารถยืนยันได้ถึงสมรรถนะความแรงที่ทรงพลัง และรูปโฉมที่สวยงามพร้อมดีไซน์ที่เหนือกว่ารถครอบครัวใน Level เดียวกัน

สุดยอดนวตักรรมระบบจ่ายน�า้มนัเชือ้เพลงิด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด Fi อัจฉริยะ ตอบสนองทุกอัตราเร่งได้ทันใจ ใส่สปีดได้เต็มที่ด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี 4 จังหวะ ควบคุมการสั่งจ่ายเชื้อเพลิง

โดยกล่องสมองกลอัจฉริยะ ECM (Engine Control Module) ซึ่งจะท�างานร่วมกับเซ็นเซอร์ 7 จุด เพื่อการค�านวณปริมาณการสั่งจ่ายน�้ามันเชื้อเพลิง อย่างเหมาะสมและแม่นย�า ประหยัดได้สูงสุด เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ ไอเสียสะอาด ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ 6 หรือ ยูโร 3 มั่นใจได้ในการร่วมรักษ์โลกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

New Suzuki Shogun Axelo 125 สร้างต�านานบทใหม่อีกครั้ง ที่พร้อมโซโล่ความแรง แฝงความทนทาน ทุกสมรภูมิการขับขี่ ด้วยสมรรถนะแห่งผู้น�า New Su-zuki Shogun Axelo 125 คือ สุดยอดรถจักรยานยนต์ครอบครัว เหนือกว่าด้วยหัวฉีด Fi ใหม่ ที่สุดแห่งเทคโนโลยีความแรง พร้อม

ที่สุดแห่งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ 125 ซีซี 4 จังหวะ พร้อมรองรับ

น�้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 ขึ้นไป และแก๊สโซฮอล์ 95, E20 อีกด้วย

รางวัลBike of The Year 3 ปีซ้อน(นับตั้งแต่ปี 2010 - 2012)

For Ride Magazine January 201326

พรเีมีย่มดไีซน์ ขบัสบายเป็นทีห่นึง่ มาดใหม่ ทีใ่ห้คุณ Cool (คูล) ไปอีกขัน้ ม่ันใจไปอีกสเต็ป !!โซโล่พลังเต็มเปี่ยม ลุคพรีเมี่ยมเต็มคัน พร้อมหัวฉีด Fi อัจฉริยะ New Suzuki

Shogun Axelo 125 ลุคใหม่ พรีเมี่ยมสปอร์ตเต็มที่ เต็มเปี่ยมด้วยขุมพลังความแรง 125 ซีซี โดดเด่นด้วยกราฟฟิกลุคสปอร์ต ให้ความรู้สึกใหม่ในการขับขี่ สะดวกสบายทุกเส้นทาง สุดยอดเทคโนโลยีหัวฉีด Fi ใหม่ ให้การตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจ ใส่สปีดได้เต็มที่อย่างที่ใจคุณ..เรียกร้อง (จัดไป)

โซโล่ความแรงแฝงความคงทน

ด้วยกระบอกสูบแบบอะลูมิเนียมเคลือบสารเซรามิก ลิขสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ SCEM ช่วยในการระบายความร้อนและช่วยลดการสึกหรอ ท�าให้เครื่องยนต์ทนทาน ขี่ได้นานไร้ปัญหาจุกจิกกวนใจ

โซโล่ทกุอัตราเร่งไม่มีเกรง ไม่มีสัน่ด้วย Balancer

ด้วยการควบคุมการสั่นสะเทือนในเครื่องยนต์ของ Balancer (บาลานเซอร์) จะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้นุ่มนวล ให้คุณไปในทุกจุดหมายได้อย่างมั่นใจ นุ่มสบายทุกการขับขี่

สุดยอดอปุกรณ์อ�านวยความสะดวก จัดเตม็ทุกอตัราศึก!!

Front Disc Brake ที่สุดแห่งความมั่นใจ

ด้วยดิสก์เบรกหน้า พร้อมสยบทุกความแรง ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง มั่นใจยิ่งกว่า ซ่าสส…ได้ทุกสถานการณ์

ด้วยพลังสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันหยุดนิ่งของ ซูซูกิ งานนี้ยังมีดีที่กราฟฟิกดีไซน์ ให้คุณมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย 3 เฉดสีใหม่สุดร้อนแรงในแบบทูโทน ที่คุณต้องหลงรักและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น New Suzuki Shogun Axelo 125 พร้อมให้คุณจับจองได้ทันที กับ 3 สีสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น สีแดง-ขาว(JJS), สีน�้าเงิน-ขาว (HWA) และสีชมพู-ด�า (GUS) ในราคาที่คุณพึงพอใจที่สุด…

นี่คืออีกบทบันทึกแห่งความส�าเร็จ ที่ ซูซูกิ พร้อมสร้างไปพร้อมๆ กับคุณ ในทุกๆ ย่างก้าว พบตัวจริงต�านานความแรงครั้งใหม่นี้ ได้ที่ โชว์รูมซูซูกิ ทั่วประเทศ

Headlamp & Front Designชุดไฟหน้าพรีเมี่ยมดีไซน์ สไตล์

บิ๊กไบค์ ส่องสว่างกว้างไกล ชัดเจนด้วยไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์แบบ 2 ดวง พร้อมไฟหรี่ดวงที่ 3 งานนี้มาเต็ม

Speedometer สดุเจ๋งหน้าปัดเรือนไมล์ใหญ่ เคลียร์

ชัดสไตล์สปอร์ตหรู ดูดี ครบทุกการใช้งาน พร้อมมาตรวัดความเร็วที่อ่านง่าย สบายตาและมาตรวัดน�้ามันเชื้อเพลิงและไฟสัญญาณเตือน Fi ที่ช่วยอ�านวยความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น

New Body Designบังลมหน้าดีไซน์สปอร์ต ล�้า

หน้าด้วยวัสดุลายเคฟล่า สปอร์ตหรู ตามหลักแอโร่ไดนามิก เฉียบคม

ด้วยเส้นสายกราฟฟิกที่ต่อเนื่องลงตัว พร้อมสะกดและดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้องมาที่คุณ..หล่อซะ !!

For Ride Magazine January 2013 27

Page 27: FRM issue 3 (January 2013)

New Launch…

New SuzukiShogun Axelo 125

พรเีมีย่มดไีซน์ ขบัสบายเป็นทีห่นึง่รถจักรยานยนต์ New Suzuki Shogun

Axelo 125 (นิว ซูซูกิ โชกัน แอ๊คเซโล่ 125) รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวระดับพรีเมี่ยมคลาส ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ที่ชื่นชอบสมรรถนะความแรงและความประหยัดน�้ามัน ทั้งนี้การันตีด้วยรางวัล Bike of The Year 2012 และคว้ารางวัลนี้ 3 ปีซ้อนทีเดียว !! (นับตั้งแต่ ปี 2010 – 2012) ซึ่งงานนี้การันตีด้วยการพิสูจน์ DNA ความแรงจากสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์กว่า 20 ฉบับ ที่เข้าร่วมทดสอบ ซึ่งสามารถยืนยันได้ถึงสมรรถนะความแรงที่ทรงพลัง และรูปโฉมที่สวยงามพร้อมดีไซน์ที่เหนือกว่ารถครอบครัวใน Level เดียวกัน

สดุยอดนวตักรรมระบบจ่ายน�า้มนัเชือ้เพลงิด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด Fi อัจฉริยะ ตอบสนองทุกอัตราเร่งได้ทันใจ ใส่สปีดได้เต็มที่ด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี 4 จังหวะ ควบคุมการสั่งจ่ายเชื้อเพลิง

โดยกล่องสมองกลอัจฉริยะ ECM (Engine Control Module) ซึ่งจะท�างานร่วมกับเซ็นเซอร์ 7 จุด เพื่อการค�านวณปริมาณการสั่งจ่ายน�้ามันเชื้อเพลิง อย่างเหมาะสมและแม่นย�า ประหยัดได้สูงสุด เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ ไอเสียสะอาด ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ 6 หรือ ยูโร 3 มั่นใจได้ในการร่วมรักษ์โลกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

New Suzuki Shogun Axelo 125 สร้างต�านานบทใหม่อีกครั้ง ที่พร้อมโซโล่ความแรง แฝงความทนทาน ทุกสมรภูมิการขับขี่ ด้วยสมรรถนะแห่งผู้น�า New Su-zuki Shogun Axelo 125 คือ สุดยอดรถจักรยานยนต์ครอบครัว เหนือกว่าด้วยหัวฉีด Fi ใหม่ ที่สุดแห่งเทคโนโลยีความแรง พร้อม

ที่สุดแห่งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ 125 ซีซี 4 จังหวะ พร้อมรองรับ

น�้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 ขึ้นไป และแก๊สโซฮอล์ 95, E20 อีกด้วย

รางวัลBike of The Year 3 ปีซ้อน(นับตั้งแต่ปี 2010 - 2012)

For Ride Magazine January 201326

พรเีมีย่มดไีซน์ ขบัสบายเป็นทีห่นึง่ มาดใหม่ ทีใ่ห้คณุ Cool (คลู) ไปอกีขัน้ มัน่ใจไปอกีสเตป็ !!โซโล่พลังเต็มเปี่ยม ลุคพรีเมี่ยมเต็มคัน พร้อมหัวฉีด Fi อัจฉริยะ New Suzuki

Shogun Axelo 125 ลุคใหม่ พรีเมี่ยมสปอร์ตเต็มที่ เต็มเปี่ยมด้วยขุมพลังความแรง 125 ซีซี โดดเด่นด้วยกราฟฟิกลุคสปอร์ต ให้ความรู้สึกใหม่ในการขับขี่ สะดวกสบายทุกเส้นทาง สุดยอดเทคโนโลยีหัวฉีด Fi ใหม่ ให้การตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจ ใส่สปีดได้เต็มที่อย่างที่ใจคุณ..เรียกร้อง (จัดไป)

โซโล่ความแรงแฝงความคงทน

ด้วยกระบอกสูบแบบอะลูมิเนียมเคลือบสารเซรามิก ลิขสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ SCEM ช่วยในการระบายความร้อนและช่วยลดการสึกหรอ ท�าให้เครื่องยนต์ทนทาน ขี่ได้นานไร้ปัญหาจุกจิกกวนใจ

โซโล่ทกุอตัราเร่งไม่มเีกรง ไม่มสีัน่ด้วย Balancer

ด้วยการควบคุมการสั่นสะเทือนในเครื่องยนต์ของ Balancer (บาลานเซอร์) จะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้นุ่มนวล ให้คุณไปในทุกจุดหมายได้อย่างมั่นใจ นุ่มสบายทุกการขับขี่

สดุยอดอปุกรณ์อ�านวยความสะดวก จดัเตม็ทกุอตัราศกึ!!

Front Disc Brake ที่สุดแห่งความมั่นใจ

ด้วยดิสก์เบรกหน้า พร้อมสยบทุกความแรง ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง มั่นใจยิ่งกว่า ซ่าสส…ได้ทุกสถานการณ์

ด้วยพลังสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันหยุดนิ่งของ ซูซูกิ งานนี้ยังมีดีที่กราฟฟิกดีไซน์ ให้คุณมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย 3 เฉดสีใหม่สุดร้อนแรงในแบบทูโทน ที่คุณต้องหลงรักและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น New Suzuki Shogun Axelo 125 พร้อมให้คุณจับจองได้ทันที กับ 3 สีสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น สีแดง-ขาว(JJS), สีน�้าเงิน-ขาว (HWA) และสีชมพู-ด�า (GUS) ในราคาที่คุณพึงพอใจที่สุด…

นี่คืออีกบทบันทึกแห่งความส�าเร็จ ที่ ซูซูกิ พร้อมสร้างไปพร้อมๆ กับคุณ ในทุกๆ ย่างก้าว พบตัวจริงต�านานความแรงครั้งใหม่นี้ ได้ที่ โชว์รูมซูซูกิ ทั่วประเทศ

Headlamp & Front Designชุดไฟหน้าพรีเมี่ยมดีไซน์ สไตล์

บิ๊กไบค์ ส่องสว่างกว้างไกล ชัดเจนด้วยไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์แบบ 2 ดวง พร้อมไฟหรี่ดวงที่ 3 งานนี้มาเต็ม

Speedometer สดุเจ๋งหน้าปัดเรือนไมล์ใหญ่ เคลียร์

ชัดสไตล์สปอร์ตหรู ดูดี ครบทุกการใช้งาน พร้อมมาตรวัดความเร็วที่อ่านง่าย สบายตาและมาตรวัดน�้ามันเชื้อเพลิงและไฟสัญญาณเตือน Fi ที่ช่วยอ�านวยความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น

New Body Designบังลมหน้าดีไซน์สปอร์ต ล�้า

หน้าด้วยวัสดุลายเคฟล่า สปอร์ตหรู ตามหลักแอโร่ไดนามิก เฉียบคม

ด้วยเส้นสายกราฟฟิกที่ต่อเนื่องลงตัว พร้อมสะกดและดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้องมาที่คุณ..หล่อซะ !!

For Ride Magazine January 2013 27

Page 28: FRM issue 3 (January 2013)

ขอขอบคณุลกูค้าครอบครวัซซูกู ิจากหวัใจ

For Ride Magazine January 201328

Suzuki Special Scoop >>

น�าความสขุมอบความสนกุแจกหนกัแจกจรงิ แด่ “ครอบครวัซูซูก”ิ จ.ระยอง

ทางมาถึงปีที่ 3 กับ “งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าครอบครัวซูซูกิ ครั้งที่ 3” งานดีๆ เพื่อลูกค้าซูซูกิทั้งเก่าและใหม่รวม

ถึงน้องๆ นักเรียน 18 โรงเรียนในจังหวัดระยอง กิจกรรมดีๆ แบบนี้เกิดจากความร่วมมือกันของ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด และ บริษัท พรชัยยานยนต์ จ�ากัด ผู้แทนจ�าหน่ายของซูซูกิที่มีสาขาให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการมากถึง 4 สาขาด้วยกัน...แฟนๆ ซูซูกิเพียบของรางวัลพรึบ...รอยยิ้มอีกตรึม!!!

Ê เซอร์วสิดเียีย่มเพือ่ความปลอดภยัของลกูค้า

ไม่ใช่งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าธรรมดาซะแล้ว! เพราะร้านพรชัยยานยนต์เค้าจัด “เปลี่ยนน�้ามันเครื่องฟรี+อะไหล่ดีลดราคา” เนื่องจากลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านไม่ค่อยสนใจ (หรือลืม) เรื่องการดูแลรักษารถหรือการเปลี่ยนถ่ายน�้ามันเครื่อง ทางร้านพรชัยยานยนต์จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษเปลี่ยนถ่ายน�้ามันเครื่องและกรองน�้ามันเครื่องให้ฟรี ขอแค่เป็นรถซูซูกิจะเก่าจะใหม่แค่ไหนก็เข้ามารับบริการกลับไปฟรีๆ นอกจากนี้ยังมีอะไหล่เพื่อความปลอดภัยอย่างเช่น เบรก ก้านเบรก ไส้กรองอากาศ ยาง ฯลฯ มาไว้คอยบริการในราคาลดแหลกให้ลูกค้าซูซูกิอีกด้วย...เรียกว่ากลับบ้านปลอดภัยในราคาสบายกระเป๋าหรือแทบจะไม่ต้องเสียเงินเลยก็ว่าได้

Êท�างานเป็นทมี บรหิารงานแบบครอบครวั

เพือ่ลกูค้าซซูกู ิอย่างที่บอกไปแล้วว่า บริษัท พรชัยยานยนต์ จ�ากัด

ผู้แทนจ�าหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิ มีร้านครอบคลุมทั่ว จ.ระยอง มากถึง 4 สาขาด้วยกัน แต่ละร้านถูกดูแลอย่างใกล้ชิดโดย “คุณธนากร เกตุงาม” รองกรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์ (ลูกชาย) และ “คุณธนิชยา เกตุงาม” รองกรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์ (ลูกสาว) โดยมี “คุณนิศา เกตุงาม” กรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์ ดูแลอีกที ท�าให้มาตรฐานการบริการเหมือนกันในทุกๆ ร้าน นั่นคือ ที่มาของคอนเซ็ปต์งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าครั้งนี้ “ขอบคุณจากใจ พรชัยยานยนต์” ปีที่ 3

พรชยัยานยนต์ จบัมอื ไทยซซูกิูมอเตอร์

เดิน

For Ride Magazine January 2013 29

Page 29: FRM issue 3 (January 2013)

ขอขอบคุณลกูค้าครอบครวัซูซูก ิจากหัวใจ

For Ride Magazine January 201328

Suzuki Special Scoop >>

น�าความสขุมอบความสนกุแจกหนกัแจกจรงิ แด่ “ครอบครวัซซูกู”ิ จ.ระยอง

ทางมาถึงปีที่ 3 กับ “งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าครอบครัวซูซูกิ ครั้งที่ 3” งานดีๆ เพื่อลูกค้าซูซูกิทั้งเก่าและใหม่รวม

ถึงน้องๆ นักเรียน 18 โรงเรียนในจังหวัดระยอง กิจกรรมดีๆ แบบนี้เกิดจากความร่วมมือกันของ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด และ บริษัท พรชัยยานยนต์ จ�ากัด ผู้แทนจ�าหน่ายของซูซูกิที่มีสาขาให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการมากถึง 4 สาขาด้วยกัน...แฟนๆ ซูซูกิเพียบของรางวัลพรึบ...รอยยิ้มอีกตรึม!!!

Ê เซอร์วสิดเียีย่มเพือ่ความปลอดภยัของลูกค้า

ไม่ใช่งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าธรรมดาซะแล้ว! เพราะร้านพรชัยยานยนต์เค้าจัด “เปลี่ยนน�้ามันเครื่องฟรี+อะไหล่ดีลดราคา” เนื่องจากลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านไม่ค่อยสนใจ (หรือลืม) เรื่องการดูแลรักษารถหรือการเปลี่ยนถ่ายน�้ามันเครื่อง ทางร้านพรชัยยานยนต์จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษเปลี่ยนถ่ายน�้ามันเครื่องและกรองน�้ามันเครื่องให้ฟรี ขอแค่เป็นรถซูซูกิจะเก่าจะใหม่แค่ไหนก็เข้ามารับบริการกลับไปฟรีๆ นอกจากนี้ยังมีอะไหล่เพื่อความปลอดภัยอย่างเช่น เบรก ก้านเบรก ไส้กรองอากาศ ยาง ฯลฯ มาไว้คอยบริการในราคาลดแหลกให้ลูกค้าซูซูกิอีกด้วย...เรียกว่ากลับบ้านปลอดภัยในราคาสบายกระเป๋าหรือแทบจะไม่ต้องเสียเงินเลยก็ว่าได้

Êท�างานเป็นทมี บรหิารงานแบบครอบครวั

เพือ่ลกูค้าซซูกู ิอย่างที่บอกไปแล้วว่า บริษัท พรชัยยานยนต์ จ�ากัด

ผู้แทนจ�าหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิ มีร้านครอบคลุมทั่ว จ.ระยอง มากถึง 4 สาขาด้วยกัน แต่ละร้านถูกดูแลอย่างใกล้ชิดโดย “คุณธนากร เกตุงาม” รองกรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์ (ลูกชาย) และ “คุณธนิชยา เกตุงาม” รองกรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์ (ลูกสาว) โดยมี “คุณนิศา เกตุงาม” กรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์ ดูแลอีกที ท�าให้มาตรฐานการบริการเหมือนกันในทุกๆ ร้าน นั่นคือ ที่มาของคอนเซ็ปต์งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าครั้งนี้ “ขอบคุณจากใจ พรชัยยานยนต์” ปีที่ 3

พรชยัยานยนต์ จบัมอื ไทยซซูกูมิอเตอร์

เดิน

For Ride Magazine January 2013 29

Page 30: FRM issue 3 (January 2013)

Ê ขอบคณุลกูค้าซซูกูแิบบจดัเตม็ ขนมาเท่าไหร่แจกไปเท่านัน้!

และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอย “วันงานเลี้ยง” ช่วงเช้าที่โชว์รูมยังคงมีการเซอร์วิสรถกันฟรีๆ อีกเช่นเดิม แตกต่างก็แค่...ร้านปิดเร็วขึ้นเพื่อไปยัง “ศาลเจ้าแม่จันเท” สถานที่จัดงานที่พร้อมรองรับ “ครอบครัวซูซูกิ” ได้หลายร้อยคน หน้างานมีซุ้มประตูซูซูกิเด่นเห็นได้แต่ไกล ด้านหน้ามีที่จอดเฉพาะส�าหรับรถซูซูกิเพื่อแฟนๆ ซูซูกิเท่านั้น เมื่อเข้ามาในงานจะเจอกับโต๊ะพนักงานสาวสวยจากร้านพรชัยยานยนต์ที่คอยต้อนรับและรวบรวมรายชื่อผู้เข้าร่วมงานส�าหรับลุ้นรางวัลใหญ่ในตอนท้าย ในส่วนของกิจกรรมมีทีมงานจาก บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด ที่ยกบูธเกมสนุกๆ ลุ้นของรางวัลกันแบบเน้นๆ มาช่วยสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมงาน มีทั้งแข่งเป่าลูกโป่งที่ท�าให้ชาวบ้านถึงกับลุ้นกันแทบไม่หายใจ ซุ้ม Suzuki Slot Machine ที่เน้นดวงล้วนๆ ในการชนะของรางวัล และสุดท้ายกับเกมซัลโวเข้าโกล์เพื่อชิงลูกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2012 ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากครอบครัวซูซูกิเป็นพิเศษ อย่างน้อยไม่ว่าจะไม่มีฝีมือในการเล่มเกม

หรือโชคไม่ดี...แต่ยังไงแฟนๆ ซูซูกิทั้งหลายก็ยังได้กระบองลมหรือแม้แต่ปากกาเป็นของที่ระลึกกลับบ้านอย่างแน่นอน

ตรงกลางงานยังมีที่ส�าหรับถ่ายภาพที่ระลึกที่ทางพรชัยยานยนต์จัดไว้ให้ได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นระลึกกัน เทคแคร์ลูกค้าดีขนาดนี้เป็นใครก็คงต้องกลับไปใช้บริการที่ร้านอีกแน่ๆ ขยับมาด้านหลังเป็นโซน “เดินทาน” หรือบุฟเฟต์ ที่มีทั้งผัดไทยรสเลิศ ย�ารสแซ่บ กระเพาะปลารสกลมกล่อมและของหวานอีกเพียบ งานนี้มีทั้งเกมส์สนุกๆ และมื้อเย็นหลากหลายเมนูให้เลือกอิ่มกัน หลังจากสมาชิกผู้ใช้ซูซูกิสนุกเต็มที่อิ่มเต็มท้องก็ได้เวลาลุ้นของรางวัลกัน...หลังจาก คุณธนิชยา เกตุงาม กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานพร้อมกล่าวเปิดงานเป็นที่เรียบร้อย งานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้นด้วยพิธีมอบอุปกรณ์กีฬาโดยมี คุณนิศา เกตุงาม กรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์, มร.โคอิชิโร่ ฮิราโอะ กรรมการผู้อ�านวยการ บจก.ไทยซูซูกิมอเตอร์ และคุณเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด

บจก.ไทยซูซูกิมอเตอร์ ให้เกียรติมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดระยองมากถึง 18 โรงเรียนด้วยกัน!!

หมดช่วงเวลาของพิธีการถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย “จับแหลกแจกหนัก” ผู้บริหาร บจก.ไทยซูซูกิมอเตอร์ และผู้บริหาร บจก.พรชัยยานยนต์สลับกันขึ้นมามอบโชคให้กับผู้เข้าร่วมงาน งานนี้ไล่แจกกันตั้งแต่ของรางวัลชิ้นเล็กแต่มากประโยชน์ใช้สอยไปจนถึงของใหญ่อย่างตู้เย็นและทีวี LCD 32 นิ้ว (เห็นแล้วก็อิจฉา!) มีวงดนตรีคอยออกมาสร้างสีสันและผ่อนคลายความเครียด (จากการลุ้นรางวัล) ที่ส�าคัญเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูด้วยมุขตลกชนิดที่ว่าฮากันค�าต่อค�า ไฮไลท์ของงานขอบคุณลูกค้าซูซูกิเห็นจะเป็น “The Copy Show” วงดนตรีที่รวมเอาซูเปอร์สตาร์ดัง (แต่เป็นตัวปลอม) อย่าง พี่ตูน บอดี้สแลม, พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก, พี่เสก โลโซ และอีกมากมายขึ้นมามอบบทเพลงที่ไพเราะราวกับนักร้องตัวจริงเสียงจริงมาร้องเองเลยทีเดียว

ความมันส์ความสนุกของงานเริ่มเข้นข้นขึ้นทุกทีเมื่อรางวัลที่แจกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ส�าคัญคือ “ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม” สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะได้ของรางวัลชิ้นเล็กจิ๋วหรือได้แบกทีวีตู้เย็นกลับบ้านกัน...แต่ที่แน่ๆ คือทุกคนมีความสุขทั้งผู้รับและผู้ให้ ตรงตามคอนเซ็ปต์ของงานนี้ “ขอบคุณจากใจ พรชัยยานยนต์” งานนี้มีบอกต่อกันปากต่อปากว่าถึงความเอาใจใส่ลูกค้าและปีหน้าหวังว่าจะได้เห็นงานดีๆ แบบนี้อีกนะครับ

For Ride Magazine January 201330

5 Mountains Tourเปิดประตูสู่มาเลเซียPart 3

The Journey

�� ความท้าทายเริ่มต้นที่นี่…ตื่นเช้าแบบงงกับบรรยากาศโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาว “The Sau-

jana” (เดอะ ซอจาน่า) โรงแรมที่ออกแบบมารองรับนักธุรกิจและนักกอล์ฟที่แวะเวียนมาดวลวงสวิงกันที่นี่ แต่จากการสอบถามกับพนักงานต้อนรับได้ความว่า “ที่นี่ยินดีต้อนรับนักบิดอย่างเราเช่นกัน” หายากนะครับส�าหรับโรงแรมหรูหรา 5 ดาวที่พร้อมต้อนรับสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่ยกโขยงกันมาพร้อมเสียงค�ารามกวนหูจากปลายท่อแต่งหลากแบรนด์....แต่เอาเป็นว่าชาว 2 ล้อจากไทยถ้าไม่รู้จะพักที่ไหนก็แวะมาที่นี่ได้ครับอยู่นอกเมืองแถมบรรยากาศดีมีสระว่ายน�้าให้โดดเล่นด้วย หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาพบกับเพื่อนร่วมเดินทางในห้องอาการเช้าซะที…

เดินหน้าพิชิตภูเขา 5 ลูกกันต่อกับโปรเจ็ค 5 Moun-tains Tour ที่เกิดจากความร่วมมือกันของหนังสือ World Tour Rider กับ Tourism of Malaysia จัดทริปโหดๆ ให้ชาวต่างชาติอย่างเราไปขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวในบ้านเค้าโดยมีเป้าหมายคือการพิชิตภูเขา 5 ลูก...ใน FRM ฉบับที่ 2 เราพาทุกท่านเดินทางมาจนถึงที่หมาย “กัวลาลัมเปอร์” เพื่อนัดเจอกับแนวร่วมอีก 4 คันที่เหลือ พร้อมแล้วก็ร่วมเดินทางไปกับเราเพื่อท�าความรู้สึกที่ราบสูง (Highlands) ต่างๆ กันดีกว่า

Gettingknowhighlands

For Ride Magazine December 2012 31

Page 31: FRM issue 3 (January 2013)

Ê ขอบคณุลกูค้าซซูกูแิบบจดัเตม็ ขนมาเท่าไหร่แจกไปเท่านัน้!

และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอย “วันงานเลี้ยง” ช่วงเช้าที่โชว์รูมยังคงมีการเซอร์วิสรถกันฟรีๆ อีกเช่นเดิม แตกต่างก็แค่...ร้านปิดเร็วขึ้นเพื่อไปยัง “ศาลเจ้าแม่จันเท” สถานที่จัดงานที่พร้อมรองรับ “ครอบครัวซูซูกิ” ได้หลายร้อยคน หน้างานมีซุ้มประตูซูซูกิเด่นเห็นได้แต่ไกล ด้านหน้ามีที่จอดเฉพาะส�าหรับรถซูซูกิเพื่อแฟนๆ ซูซูกิเท่านั้น เมื่อเข้ามาในงานจะเจอกับโต๊ะพนักงานสาวสวยจากร้านพรชัยยานยนต์ที่คอยต้อนรับและรวบรวมรายชื่อผู้เข้าร่วมงานส�าหรับลุ้นรางวัลใหญ่ในตอนท้าย ในส่วนของกิจกรรมมีทีมงานจาก บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จ�ากัด ที่ยกบูธเกมสนุกๆ ลุ้นของรางวัลกันแบบเน้นๆ มาช่วยสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมงาน มีทั้งแข่งเป่าลูกโป่งที่ท�าให้ชาวบ้านถึงกับลุ้นกันแทบไม่หายใจ ซุ้ม Suzuki Slot Machine ที่เน้นดวงล้วนๆ ในการชนะของรางวัล และสุดท้ายกับเกมซัลโวเข้าโกล์เพื่อชิงลูกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2012 ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากครอบครัวซูซูกิเป็นพิเศษ อย่างน้อยไม่ว่าจะไม่มีฝีมือในการเล่มเกม

หรือโชคไม่ดี...แต่ยังไงแฟนๆ ซูซูกิทั้งหลายก็ยังได้กระบองลมหรือแม้แต่ปากกาเป็นของที่ระลึกกลับบ้านอย่างแน่นอน

ตรงกลางงานยังมีที่ส�าหรับถ่ายภาพที่ระลึกที่ทางพรชัยยานยนต์จัดไว้ให้ได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นระลึกกัน เทคแคร์ลูกค้าดีขนาดนี้เป็นใครก็คงต้องกลับไปใช้บริการที่ร้านอีกแน่ๆ ขยับมาด้านหลังเป็นโซน “เดินทาน” หรือบุฟเฟต์ ที่มีทั้งผัดไทยรสเลิศ ย�ารสแซ่บ กระเพาะปลารสกลมกล่อมและของหวานอีกเพียบ งานนี้มีทั้งเกมส์สนุกๆ และมื้อเย็นหลากหลายเมนูให้เลือกอิ่มกัน หลังจากสมาชิกผู้ใช้ซูซูกิสนุกเต็มที่อิ่มเต็มท้องก็ได้เวลาลุ้นของรางวัลกัน...หลังจาก คุณธนิชยา เกตุงาม กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานพร้อมกล่าวเปิดงานเป็นที่เรียบร้อย งานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้นด้วยพิธีมอบอุปกรณ์กีฬาโดยมี คุณนิศา เกตุงาม กรรมการผู้จัดการ บจก.พรชัยยานยนต์, มร.โคอิชิโร่ ฮิราโอะ กรรมการผู้อ�านวยการ บจก.ไทยซูซูกิมอเตอร์ และคุณเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด

บจก.ไทยซูซูกิมอเตอร์ ให้เกียรติมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดระยองมากถึง 18 โรงเรียนด้วยกัน!!

หมดช่วงเวลาของพิธีการถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย “จับแหลกแจกหนัก” ผู้บริหาร บจก.ไทยซูซูกิมอเตอร์ และผู้บริหาร บจก.พรชัยยานยนต์สลับกันขึ้นมามอบโชคให้กับผู้เข้าร่วมงาน งานนี้ไล่แจกกันตั้งแต่ของรางวัลชิ้นเล็กแต่มากประโยชน์ใช้สอยไปจนถึงของใหญ่อย่างตู้เย็นและทีวี LCD 32 นิ้ว (เห็นแล้วก็อิจฉา!) มีวงดนตรีคอยออกมาสร้างสีสันและผ่อนคลายความเครียด (จากการลุ้นรางวัล) ที่ส�าคัญเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูด้วยมุขตลกชนิดที่ว่าฮากันค�าต่อค�า ไฮไลท์ของงานขอบคุณลูกค้าซูซูกิเห็นจะเป็น “The Copy Show” วงดนตรีที่รวมเอาซูเปอร์สตาร์ดัง (แต่เป็นตัวปลอม) อย่าง พี่ตูน บอดี้สแลม, พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก, พี่เสก โลโซ และอีกมากมายขึ้นมามอบบทเพลงที่ไพเราะราวกับนักร้องตัวจริงเสียงจริงมาร้องเองเลยทีเดียว

ความมันส์ความสนุกของงานเริ่มเข้นข้นขึ้นทุกทีเมื่อรางวัลที่แจกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ส�าคัญคือ “ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม” สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะได้ของรางวัลชิ้นเล็กจิ๋วหรือได้แบกทีวีตู้เย็นกลับบ้านกัน...แต่ที่แน่ๆ คือทุกคนมีความสุขทั้งผู้รับและผู้ให้ ตรงตามคอนเซ็ปต์ของงานนี้ “ขอบคุณจากใจ พรชัยยานยนต์” งานนี้มีบอกต่อกันปากต่อปากว่าถึงความเอาใจใส่ลูกค้าและปีหน้าหวังว่าจะได้เห็นงานดีๆ แบบนี้อีกนะครับ

For Ride Magazine January 201330

5 Mountains Tourเปิดประตูสู่มาเลเซียPart 3

The Journey

�� ความท้าทายเริ่มต้นที่นี่…ตื่นเช้าแบบงงกับบรรยากาศโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาว “The Sau-

jana” (เดอะ ซอจาน่า) โรงแรมที่ออกแบบมารองรับนักธุรกิจและนักกอล์ฟที่แวะเวียนมาดวลวงสวิงกันที่นี่ แต่จากการสอบถามกับพนักงานต้อนรับได้ความว่า “ที่นี่ยินดีต้อนรับนักบิดอย่างเราเช่นกัน” หายากนะครับส�าหรับโรงแรมหรูหรา 5 ดาวที่พร้อมต้อนรับสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่ยกโขยงกันมาพร้อมเสียงค�ารามกวนหูจากปลายท่อแต่งหลากแบรนด์....แต่เอาเป็นว่าชาว 2 ล้อจากไทยถ้าไม่รู้จะพักที่ไหนก็แวะมาที่นี่ได้ครับอยู่นอกเมืองแถมบรรยากาศดีมีสระว่ายน�้าให้โดดเล่นด้วย หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาพบกับเพื่อนร่วมเดินทางในห้องอาการเช้าซะที…

เดินหน้าพิชิตภูเขา 5 ลูกกันต่อกับโปรเจ็ค 5 Moun-tains Tour ที่เกิดจากความร่วมมือกันของหนังสือ World Tour Rider กับ Tourism of Malaysia จัดทริปโหดๆ ให้ชาวต่างชาติอย่างเราไปขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวในบ้านเค้าโดยมีเป้าหมายคือการพิชิตภูเขา 5 ลูก...ใน FRM ฉบับที่ 2 เราพาทุกท่านเดินทางมาจนถึงที่หมาย “กัวลาลัมเปอร์” เพื่อนัดเจอกับแนวร่วมอีก 4 คันที่เหลือ พร้อมแล้วก็ร่วมเดินทางไปกับเราเพื่อท�าความรู้สึกที่ราบสูง (Highlands) ต่างๆ กันดีกว่า

Gettingknowhighlands

For Ride Magazine December 2012 31

Page 32: FRM issue 3 (January 2013)

�� ทริปนี้มีใครบ้าง�?Sham (แชม) บรรณาธิการนิตยสาร World Tour RiderIna (อิน่า) เจ้านายของ Sham Izan (อิซาน) นักธุรกิจชอบท่องเที่ยวYang (ยาง) ภรรยาของอิซานJohn (จอห์น) เจ้าของร้านบิ๊กไบค์ให้เช่าในนิวซีแลนด์Alison (อลิสัน) ภรรยาของจอห์นOhm (โอม) บรรณาธิการหนังสือ Chopper Rocker

บรรยากาศการแนะน�าตัวบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของมิตรภาพ ค�าพูดจากแชม (หัวหน้าทริป) ค�านึงโดนใจเรามาก “ที่นี่ที่มาเลเซีย ใครก็ตามที่ขี่มอเตอร์ไซค์ เราถือเป็นพี่น้องกันหมด เพราะงั้นวันนี้เราพี่น้องจะไปลุยภูเขา 5 ลูกกัน!” เวลาส�าหรับมือเช้าเรามีไม่มากนักเพราะต้องเตรียมแพ็คกระเป๋าและกล่อง Givi ขึ้นรถกันอีก เป้าหมายแรกของวันนี้คือ “Genting Highlands” หลังจากถ่ายรูปทีมทัวร์ริ่ง 5 Mountains เสร็จก็ได้เวลาออกลุย...

�� เย็นฉ�่าปอดเขียวตลอด�2�ฝั่ง�Genting�Highlands

ได้พักที่เมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์แค่คืนเดียวก็ต้องจากกันซะแล้ว ลาก่อน KL...ทริปนี้มีรถ 5 คัน เป็น Kawasaki Versys 2 คัน, Kawasaki KLR 650 1 คัน, KTM Adventure 990 1 คันและรถเด็กแนว BRP Spyder 1 คัน (3 ล้อแบบนี้จะขึ้นเขาได้ไง !?) เมื่อทุกอย่างพร้อมสายฝนก็โปรยลงมาบอกลาท�าให้เราเริ่มต้นเดินทางกันแบบเปียกเล็กๆ ถนนที่ใช้เดินทางคือสาย 33 ถนนผ่านตัวเมืองที่เต็มไปด้วยรถราแต่แต่ที่พบเห็นได้ประจ�าคือน�้าใจและระเบียบวินัย นั่นท�าให้การขับขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศมาเลเซียไม่น่ากลัวอย่างที่คิด จากนั้นตัดออกสู้ถนน B23 – B57 สังเกตข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นบ้านเรือนทรงคลาสสิคสลับทุ่งหญ้า...นี่สินะเขตชานเมืองของมาเลเซีย ทางซ้ายมือจะเห็นทะสาบ (หรืออ่างเก็บน�้าก็ไม่รู้) แต่ที่รู้คือมันช่างได้อารมณ์ทัวร์ริ่งซะจริง! ใช้เวลาหวดบนเส้น B57 ประมาณ 1 ชม.

ก็มาถึงแยกตัด B113 ซึ่งถ้าเราเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาอีกทีเราจะเจอกับถนนสาย B66 ซึ่งเป็นทางขึ้นภูเขา Genting Highlands...ได้กลิ่นการพจญภัยของจริงแล้วหละ!

ก่อนขึ้นลุยยอดเขา Genting Highland แชมหัวหน้าแก๊งค์บอกกับเราว่า “ถนนสายนี้ขี่ไม่ยาก เพราะงั้นผมจะขึ้นไปรอที่ยอดเขาที่ร้านกาแฟ เชิญแวะถ่ายรูปได้ตามสะดวกครับ”….แปลกดีแฮะธรรมดาหัวหน้าแก๊งค์จะคอยน�าทางตลอด แต่นี่ปล่อยให้ขี่ฟรีสไตล์...แบบนี้จัดไป ทางขึ้นภูเขาเกนติ้งช่วงแรกจะเป็น 2 เลนให้รถวิ่งสวนกันส่วนช่วงสุดท้ายจะเป็นถนน 3 เลนวิ่งขึ้นอย่างเดียวส่วนทางลงจะอยู่อีกด้านของภูเขาเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ โค้งที่นี่ไม่น่ากลัวแถมกว้างจนเลือกไลน์ได้ตามใจชอบ เราเลือกไลน์กลางซึ่งตรงกับเลนกลางขี่ไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป...ที่น่าเป็นห่วง

For Ride Magazine December 201232

�� Highlands�คือ> รถครอบครัวที่ชอบซิ่งเอาใจลูกๆ> รถวัยรุ่นแต่งซิ่งขี่โหดเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูน Initial-D> รถบัสที่ชอบสาดโค้งแบบกินทีเดียว 2 เลน> นักบิดเจ้าถิ่นที่ชอบตัดโค้งวงใน

ไม่นานเราก็มาถึงจุดนัดหมายที่ร้านกาแฟ “The Coffee Beans & Tea Leaf” ตัวร้านเปิดอยู่ในชั้นลอบบี้ของโรงแรม Resort World Hotel จุดเด่นของร้านนี้ก็คือ “ฝูงบิ๊กไบค์” ที่จอดเรียงรายอยู่หน้าร้าน สาเหตุก็เพราะร้านกาแฟร้านนี้เป็นจุดแวะพักจิบกาแฟร้อนๆ เพื่อชมวิวสวยๆ และสัมผัสสายหมอกที่ไหลลงมาจากไหนก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ มองไปทางไหนก็ขาวไปหมด...ลืมบอกไปว่าชาว 2 ล้อที่แวะจิบกาแฟที่นี่จะได้ส่วนลดด้วยนะครับ! ได้กาแฟหอมกรุ่นสไตล์มาเล 1 แก้วบรรเทาความหนาว ก่อนจะโดดขึ้นหลัง Versys ออกลุยต่อไปยังภูเขาลูกที่ 2 Fraser Hill

ส�าหรับถนนเส้นนี้คือฝนและหมอก หยดน�้าจากฝนที่เคลือบอยู่บนผิวถนนอาจท�าให้ลื่นได้ถ้าองศาการเข้าโค้งมากเกินไป เพราะงั้น “อย่าเอาเข่าเช็ดพื้นในช่วงฝนตก” ดีที่สุด...ส่วนหมอกที่จะออกมาต้อนรับคุณทันทีที่ไต่จนได้ระดับความสูง จุดนี้ใครที่ตื่นเต้นจะหายใจแรงจนด้านในชีลด์กลายเป็นฝ้าให้แง้มชีลด์ขึ้นเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยในการมองทางครับ โชคดีที่หมวก Real Kevlar มีช่องรับลมด้านหน้า + Breath Guard (หรือตัวกันฝ้า

นั่นแหละ) คอยช่วยป้องกันลมหายใจของเราจากชีลด์ท�าให้เป็นฝ้าน้อยกว่าหมวกธรรมดาทั่วไป แต่เมื่ออากาศเย็นลงบวกกับความตื่นเต้นท�าให้ปอดระบายลมหายใจร้อนๆ ออกมามากกว่าปกติ สุดท้ายแล้วต้องแง้มชีลด์เล็กน้อยเพื่อรับอากาศเย็นเข้ามาด้านในหมวก...ระหว่างทางเจอวิวสวย FRM ก็ไม่พลาดเก็บภาพหนาวๆ หมอกลงจัดกับถนนสีด�ามาให้แฟนๆ ได้ชมกันครับ ข้อควรระวังในการพิชิต Genting

the journey

For Ride Magazine December 2012 33

Page 33: FRM issue 3 (January 2013)

�� ทริปนี้มีใครบ้าง�?Sham (แชม) บรรณาธิการนิตยสาร World Tour RiderIna (อิน่า) เจ้านายของ Sham Izan (อิซาน) นักธุรกิจชอบท่องเที่ยวYang (ยาง) ภรรยาของอิซานJohn (จอห์น) เจ้าของร้านบิ๊กไบค์ให้เช่าในนิวซีแลนด์Alison (อลิสัน) ภรรยาของจอห์นOhm (โอม) บรรณาธิการหนังสือ Chopper Rocker

บรรยากาศการแนะน�าตัวบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของมิตรภาพ ค�าพูดจากแชม (หัวหน้าทริป) ค�านึงโดนใจเรามาก “ที่นี่ที่มาเลเซีย ใครก็ตามที่ขี่มอเตอร์ไซค์ เราถือเป็นพี่น้องกันหมด เพราะงั้นวันนี้เราพี่น้องจะไปลุยภูเขา 5 ลูกกัน!” เวลาส�าหรับมือเช้าเรามีไม่มากนักเพราะต้องเตรียมแพ็คกระเป๋าและกล่อง Givi ขึ้นรถกันอีก เป้าหมายแรกของวันนี้คือ “Genting Highlands” หลังจากถ่ายรูปทีมทัวร์ริ่ง 5 Mountains เสร็จก็ได้เวลาออกลุย...

�� เย็นฉ�่าปอดเขียวตลอด�2�ฝั่ง�Genting�Highlands

ได้พักที่เมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์แค่คืนเดียวก็ต้องจากกันซะแล้ว ลาก่อน KL...ทริปนี้มีรถ 5 คัน เป็น Kawasaki Versys 2 คัน, Kawasaki KLR 650 1 คัน, KTM Adventure 990 1 คันและรถเด็กแนว BRP Spyder 1 คัน (3 ล้อแบบนี้จะขึ้นเขาได้ไง !?) เมื่อทุกอย่างพร้อมสายฝนก็โปรยลงมาบอกลาท�าให้เราเริ่มต้นเดินทางกันแบบเปียกเล็กๆ ถนนที่ใช้เดินทางคือสาย 33 ถนนผ่านตัวเมืองที่เต็มไปด้วยรถราแต่แต่ที่พบเห็นได้ประจ�าคือน�้าใจและระเบียบวินัย นั่นท�าให้การขับขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศมาเลเซียไม่น่ากลัวอย่างที่คิด จากนั้นตัดออกสู้ถนน B23 – B57 สังเกตข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นบ้านเรือนทรงคลาสสิคสลับทุ่งหญ้า...นี่สินะเขตชานเมืองของมาเลเซีย ทางซ้ายมือจะเห็นทะสาบ (หรืออ่างเก็บน�้าก็ไม่รู้) แต่ที่รู้คือมันช่างได้อารมณ์ทัวร์ริ่งซะจริง! ใช้เวลาหวดบนเส้น B57 ประมาณ 1 ชม.

ก็มาถึงแยกตัด B113 ซึ่งถ้าเราเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาอีกทีเราจะเจอกับถนนสาย B66 ซึ่งเป็นทางขึ้นภูเขา Genting Highlands...ได้กลิ่นการพจญภัยของจริงแล้วหละ!

ก่อนขึ้นลุยยอดเขา Genting Highland แชมหัวหน้าแก๊งค์บอกกับเราว่า “ถนนสายนี้ขี่ไม่ยาก เพราะงั้นผมจะขึ้นไปรอที่ยอดเขาที่ร้านกาแฟ เชิญแวะถ่ายรูปได้ตามสะดวกครับ”….แปลกดีแฮะธรรมดาหัวหน้าแก๊งค์จะคอยน�าทางตลอด แต่นี่ปล่อยให้ขี่ฟรีสไตล์...แบบนี้จัดไป ทางขึ้นภูเขาเกนติ้งช่วงแรกจะเป็น 2 เลนให้รถวิ่งสวนกันส่วนช่วงสุดท้ายจะเป็นถนน 3 เลนวิ่งขึ้นอย่างเดียวส่วนทางลงจะอยู่อีกด้านของภูเขาเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ โค้งที่นี่ไม่น่ากลัวแถมกว้างจนเลือกไลน์ได้ตามใจชอบ เราเลือกไลน์กลางซึ่งตรงกับเลนกลางขี่ไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป...ที่น่าเป็นห่วง

For Ride Magazine December 201232

�� Highlands�คือ> รถครอบครัวที่ชอบซิ่งเอาใจลูกๆ> รถวัยรุ่นแต่งซิ่งขี่โหดเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูน Initial-D> รถบัสที่ชอบสาดโค้งแบบกินทีเดียว 2 เลน> นักบิดเจ้าถิ่นที่ชอบตัดโค้งวงใน

ไม่นานเราก็มาถึงจุดนัดหมายที่ร้านกาแฟ “The Coffee Beans & Tea Leaf” ตัวร้านเปิดอยู่ในชั้นลอบบี้ของโรงแรม Resort World Hotel จุดเด่นของร้านนี้ก็คือ “ฝูงบิ๊กไบค์” ที่จอดเรียงรายอยู่หน้าร้าน สาเหตุก็เพราะร้านกาแฟร้านนี้เป็นจุดแวะพักจิบกาแฟร้อนๆ เพื่อชมวิวสวยๆ และสัมผัสสายหมอกที่ไหลลงมาจากไหนก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ มองไปทางไหนก็ขาวไปหมด...ลืมบอกไปว่าชาว 2 ล้อที่แวะจิบกาแฟที่นี่จะได้ส่วนลดด้วยนะครับ! ได้กาแฟหอมกรุ่นสไตล์มาเล 1 แก้วบรรเทาความหนาว ก่อนจะโดดขึ้นหลัง Versys ออกลุยต่อไปยังภูเขาลูกที่ 2 Fraser Hill

ส�าหรับถนนเส้นนี้คือฝนและหมอก หยดน�้าจากฝนที่เคลือบอยู่บนผิวถนนอาจท�าให้ลื่นได้ถ้าองศาการเข้าโค้งมากเกินไป เพราะงั้น “อย่าเอาเข่าเช็ดพื้นในช่วงฝนตก” ดีที่สุด...ส่วนหมอกที่จะออกมาต้อนรับคุณทันทีที่ไต่จนได้ระดับความสูง จุดนี้ใครที่ตื่นเต้นจะหายใจแรงจนด้านในชีลด์กลายเป็นฝ้าให้แง้มชีลด์ขึ้นเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยในการมองทางครับ โชคดีที่หมวก Real Kevlar มีช่องรับลมด้านหน้า + Breath Guard (หรือตัวกันฝ้า

นั่นแหละ) คอยช่วยป้องกันลมหายใจของเราจากชีลด์ท�าให้เป็นฝ้าน้อยกว่าหมวกธรรมดาทั่วไป แต่เมื่ออากาศเย็นลงบวกกับความตื่นเต้นท�าให้ปอดระบายลมหายใจร้อนๆ ออกมามากกว่าปกติ สุดท้ายแล้วต้องแง้มชีลด์เล็กน้อยเพื่อรับอากาศเย็นเข้ามาด้านในหมวก...ระหว่างทางเจอวิวสวย FRM ก็ไม่พลาดเก็บภาพหนาวๆ หมอกลงจัดกับถนนสีด�ามาให้แฟนๆ ได้ชมกันครับ ข้อควรระวังในการพิชิต Genting

the journey

For Ride Magazine December 2012 33

Page 34: FRM issue 3 (January 2013)

�� ควบควงทะลวงโค้งสุดลื่น�@Fraser’s�Hillจากร้านกาแฟของชาว 2 ล้อลงสู่ตีนเขา Genting โดยใช้เส้นทางเดิมผ่าน

B66 ก่อนจะตรงยาวไปทางB114 แล้วเลี้ยวขวาที่ถนนสาย 1 ตามด้วยเลี้ยวขวาอีกไปทางสาย 55 เส้นทางช่วงนี้ยังคงเป็นเส้นทางที่วิ่งผ่านภูเขาและป่า แม้จะไม่ใช่ถนนในเมืองหลวงแต่พื้นถนนยงคงราบเรียบไม่มีร่องรอยถูกท�าลายโดนรถบรรทุกให้ต้องลุ้นกัน หลังจากข้ามสะพานใหญ่มาได้ซักพักถนนสาย 55 ก็เริ่ม “เปลี่ยนรูปร่าง” จากที่เคยเป็นทางโค้งกว้างเข้าโค้งสบายๆ ก็กลายเป็น “โค้งโรลเลอร์โคสเตอร์” ซึ่งถ้าดูจาก Google Map จะเห็นว่ามันยึกยือเหมือนเส้นมาม่ายังไงยังงั้น โค้งถี่ยิบแถมต้องลุ้นกับรถที่สวนมาอีกที เป็นช่วงเวลาสุดระทึกที่ต้องโยกตัวช่วยถ่วงน�้าหนักรถเพื่อให้เข้าโค้งได้เร็วขึ้นและแบนมากขึ้น สายตานอกจากต้องจับจ้องไปที่โค้งต่อไปแล้วยังต้องเดาเอาอีกว่า...หลังขอบภูเขาที่บังโค้งลูกนี้อยู่จะมีอะไร โชคดีที่ยังมีป้ายสีเหลือบอกลักษณะโค้งต่อไปเป็นตัวช่วยตลอดทาง ถ้าเจอป้ายสีแดงเขียนว่า “AWAS” ให้เล็งให้ดีเพราะมันคือป้ายเตือนโค้งอันตราย บางคนที่เคยมาเฟรเซอร์อาจโชคดีเจอกับอากาศเป็นใจ...แต่คงเป็นโชคดีกว่าของ FRM ที่เจอมันทั้งหมอกและฝน (อีกแล้ว) ต้นไม้นอกจากต้นสนดูแปลกตาที่ไล่เรียงรายไปตามข้างทางแล้วยังมี “พี่มอส” ที่เกาะอยู่ตามขอบเลนและตรงเส้นแบ่งกลางเลนด้วย พี่มอสนี่แหละเพชฌฆาตตัวยง ต่อให้โปรแค่ไหนก็ไม่รอดถ้าเข้าโค้งไปแล้วจ๊ะเอ๋กับพี่มอสเหล่านี้...FRM เกือบเจอแจ็กพ็อตไป 2 รอบแต่โชคดีที่ระบบ ABS ของ Versys ช่วยไว้ได้ แม้ระยะทางสู่ยอดเขาเฟรเซอร์จะสั้นแต่เราใช้เวลาไปถึงชั่วโมงครึ่ง...ในที่สุดก็มาถึง “Fraser Gate” ประตูสู่ภูเขาลูกที่ 2 Fraser’s Hill...แชมบอกกับเราว่า “เมื่อกี้แค่เอาไว้ฝึกฝีมือสนุกๆ ข้างหน้าน่ะของจริง หน้าผาด้านข้างมีคนลงไปเกิดใหม่ทุกปี...แต่ไม่ต้องห่วงเพราะถนนเป็นเลนเดียววิ่งทางเดียว เชิญใช้เวลากับโค้งให้เต็มที่ เดี๋ยวผมไปรอด้านหน้า”…อ้าวชิ่ง!! สงสัยจะโหดจริง ได้เวลาเพิ่มความระมัดระวังกันหน่อยแล้ว

ระยะทางไม่ถึง 10 กม.แต่มันช่างบีบหัวใจอะไรขนาดนี้!! เส้นทางช่วงสุดท้ายเพื่อพิชิต Fraser’s Hill ไม่มีช่วงว่างให้หายใจไม่มีทางเรียบให้ผ่อนคลายไม่มีโอกาสให้ผิดพลาด (อันที่จริงเค้ามีรั้วกั้นกันตกเหวอยู่นะครับ) แต่ด้วยบทเรียนและประสบการณ์การขับขี่ที่สั่งสมมาจากการขับขี่ทั่วประเทศบวกกับบรรดาอาจารย์ที่พร�่าสอนการขับขี่อย่างปลอดภัย...เอาวะ! อย่างน้อยเราก็เป็นลูกศิษย์ Ho Racing School…จากทาง

โค้งไม่รู้จบกลับกลายเป็นความมันส์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกโค้งที่ถูกพิชิตคือความภูมิใจของนักบิดหนึ่งเดียวจากไทย! หลังจากซัดโค้งสุดท้ายเสร็จเราก็ได้เห็นหอนาฬิกา Fraser’s Hill อากาศเย็นชื้นทะลุเสื้อขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาปะทะร่างคงเป็นเพราะที่นี่สูงจากระดับน�้าทะเลจริง...โคร้กกก!...ท้องร้องฟ้องว่าหิวเกินระดับ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะที่ยอดเขาเฟรเซอร์มีร้านอาอารรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่...ได้เวลาหาอะไรแปลกๆ ชมซะแล้ว

For Ride Magazine December 201234

�� วิธีสั่งข้าวไอ้นั่นก็ดูน่าทานไอ้นี่ก็ดูน่าลอง..แต่เอ๊ะ! บาง

ร้านไม่มีรูปมีแต่ตัวหนังสือยึกยือบนเมนู...แล้วแม่ค้าก็มาถามอะไรก็ไม่รู้อายัม อายัม ดากิง ดากิง? ไม่ต้องกลัวเพราะ FRM ผ่านมาหมดแล้วและพร้อมถ่ายทอดวิธีสั่งอาหารให้ที่มาเลเซียต่อเพื่อคุณผู้อ่าน

ข้าวเปล่า – Nasi (นาสิ/นาซิ)กุ้ง – Udang (อูดัง)ไก่ – Ayam (อายัม)เนื้อวัว – Daging (ดากิง)ปลา – Ikan (อิกาน)กะปิ – Belakan (เบลากาน)แกะ – Kambing (คัมบิง)ข้าวผัด – Nasi Goreng (นาสิโกเร็ง)เนื้อสะเต๊ะ – Satay (ซาเต๊ะ ตรงตัวเลยครับ)ก๋วยเตี๋ยว – Koey Teow (กวย เตียว) ชาไม่ใส่นม - Teh “O” (เท โอ)ชาธรรมดา – Teh (เท) โอเลี้ยง – Kopi “O” (โกปิ โอ)กาแฟธรรมดา – Kopi (โกปิ)ชาชัก - Teh Tarik (เท ทาริก)*เครื่องดื่มอะไรที่ไม่ใส่นมให้เติม “O”

�� เมนูที่�FRM�แนะน�าให้ลอง

Nasi Goreng Ayam Pattaya (นาสิโกเร็งอายัมพัทยา) ข้าวผัดห่อไข่กับไก่ทอด...เค้าบอกว่ามาจากไทย เมนูนี้กินได้ครับรสดีถูกปากคนไทยอย่างเรา เค้าน�าข้าวมาผัดกับน�้าพริกไม่เผ็ดมากแล้วห่อด้วยไข่เสิร์ฟพร้อมไก่ทอด...

Nasi Lemak (นาสิ เลมัค) อาหารเช้าสไตล์ท้องถิ่น (มีข้าวคลุกมะพร้าว+ปลาจิ๋วทอด+ถั่ว+แกงกะหรี่สุดเผ็ด+ไข่ต้ม) เมนูนี้แนะน�าให้ลองเลยครับเพราะเป็นอาหารท้องถิ่นของเค้า รสชาติจะแตกต่างกันไปแล้วแต่แกงที่ราด บางทีอาจเป็นแกงกะหรี่กุ้ง แกงกะหรี่เปล่า หรือแกงกะหรี่เนื้อ ไม่ได้ลองเมนูนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงมาเลเซียนะครับ

Mee Goreng (หมี่โกเร็ง) ราดหน้าดีๆ นี่เอง ใครคิดถึงไทยเมนูนี้ใช้ได้ครับ เสิร์ฟร้อนๆ ในจานเหล็ก (บางที่ก็จานธรรมดา)ข้อควรระวัง!> ห้ามสั่งหมู จะมีเนื้อหมูให้ทานในโซนคนจีนเท่านั้น> บางร้านจะไม่มีคนมารับออเดอร์ ต้องเดินไปสั่งหน้าครัว หรือบางร้านให้ตัก

ข้าวแกงเองเลย> ห้ามสั่งกะเพราะไข่ดาวเพราะเค้าไม่มี> กาแฟจะหวานมาก ถ้าอยากทานกาแฟสดให้แวะร้านกาแฟสดเท่านั้น> บ้างร้านไม่มีช้อนซ้อมให้ แนะน�าให้ลองใช้มือทานดู ได้รสชาติดีโดยเฉพาะกับ

แกงกะหรี่...อันที่จริงเราแนะน�าให้แวะร้านที่มีรูปประกอบดีกว่าครับ จะได้ไม่พลาดสั่งอาหารที่ไม่

ถูกใจมากิน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าเนื้อเรียกว่าอะไรไก่เรียกว่าอะไร...แต่น่าเสียดายที่เราต้องขอหยุดไว้ที่ร้านอาหารร้านนี้ ส่วนเล่มหน้าเราจะพาตะลุยภูเขาลูกที่ 3 กันต่อกับ “Cameron Highland”

� Nasi Goreng Ayam Pattaya

� Nasi Lemak อาหารหลักของชาวมาเลเซีย

the journey

For Ride Magazine December 2012 35

Page 35: FRM issue 3 (January 2013)

�� ควบควงทะลวงโค้งสุดลื่น�@Fraser’s�Hillจากร้านกาแฟของชาว 2 ล้อลงสู่ตีนเขา Genting โดยใช้เส้นทางเดิมผ่าน

B66 ก่อนจะตรงยาวไปทางB114 แล้วเลี้ยวขวาที่ถนนสาย 1 ตามด้วยเลี้ยวขวาอีกไปทางสาย 55 เส้นทางช่วงนี้ยังคงเป็นเส้นทางที่วิ่งผ่านภูเขาและป่า แม้จะไม่ใช่ถนนในเมืองหลวงแต่พื้นถนนยงคงราบเรียบไม่มีร่องรอยถูกท�าลายโดนรถบรรทุกให้ต้องลุ้นกัน หลังจากข้ามสะพานใหญ่มาได้ซักพักถนนสาย 55 ก็เริ่ม “เปลี่ยนรูปร่าง” จากที่เคยเป็นทางโค้งกว้างเข้าโค้งสบายๆ ก็กลายเป็น “โค้งโรลเลอร์โคสเตอร์” ซึ่งถ้าดูจาก Google Map จะเห็นว่ามันยึกยือเหมือนเส้นมาม่ายังไงยังงั้น โค้งถี่ยิบแถมต้องลุ้นกับรถที่สวนมาอีกที เป็นช่วงเวลาสุดระทึกที่ต้องโยกตัวช่วยถ่วงน�้าหนักรถเพื่อให้เข้าโค้งได้เร็วขึ้นและแบนมากขึ้น สายตานอกจากต้องจับจ้องไปที่โค้งต่อไปแล้วยังต้องเดาเอาอีกว่า...หลังขอบภูเขาที่บังโค้งลูกนี้อยู่จะมีอะไร โชคดีที่ยังมีป้ายสีเหลือบอกลักษณะโค้งต่อไปเป็นตัวช่วยตลอดทาง ถ้าเจอป้ายสีแดงเขียนว่า “AWAS” ให้เล็งให้ดีเพราะมันคือป้ายเตือนโค้งอันตราย บางคนที่เคยมาเฟรเซอร์อาจโชคดีเจอกับอากาศเป็นใจ...แต่คงเป็นโชคดีกว่าของ FRM ที่เจอมันทั้งหมอกและฝน (อีกแล้ว) ต้นไม้นอกจากต้นสนดูแปลกตาที่ไล่เรียงรายไปตามข้างทางแล้วยังมี “พี่มอส” ที่เกาะอยู่ตามขอบเลนและตรงเส้นแบ่งกลางเลนด้วย พี่มอสนี่แหละเพชฌฆาตตัวยง ต่อให้โปรแค่ไหนก็ไม่รอดถ้าเข้าโค้งไปแล้วจ๊ะเอ๋กับพี่มอสเหล่านี้...FRM เกือบเจอแจ็กพ็อตไป 2 รอบแต่โชคดีที่ระบบ ABS ของ Versys ช่วยไว้ได้ แม้ระยะทางสู่ยอดเขาเฟรเซอร์จะสั้นแต่เราใช้เวลาไปถึงชั่วโมงครึ่ง...ในที่สุดก็มาถึง “Fraser Gate” ประตูสู่ภูเขาลูกที่ 2 Fraser’s Hill...แชมบอกกับเราว่า “เมื่อกี้แค่เอาไว้ฝึกฝีมือสนุกๆ ข้างหน้าน่ะของจริง หน้าผาด้านข้างมีคนลงไปเกิดใหม่ทุกปี...แต่ไม่ต้องห่วงเพราะถนนเป็นเลนเดียววิ่งทางเดียว เชิญใช้เวลากับโค้งให้เต็มที่ เดี๋ยวผมไปรอด้านหน้า”…อ้าวชิ่ง!! สงสัยจะโหดจริง ได้เวลาเพิ่มความระมัดระวังกันหน่อยแล้ว

ระยะทางไม่ถึง 10 กม.แต่มันช่างบีบหัวใจอะไรขนาดนี้!! เส้นทางช่วงสุดท้ายเพื่อพิชิต Fraser’s Hill ไม่มีช่วงว่างให้หายใจไม่มีทางเรียบให้ผ่อนคลายไม่มีโอกาสให้ผิดพลาด (อันที่จริงเค้ามีรั้วกั้นกันตกเหวอยู่นะครับ) แต่ด้วยบทเรียนและประสบการณ์การขับขี่ที่สั่งสมมาจากการขับขี่ทั่วประเทศบวกกับบรรดาอาจารย์ที่พร�่าสอนการขับขี่อย่างปลอดภัย...เอาวะ! อย่างน้อยเราก็เป็นลูกศิษย์ Ho Racing School…จากทาง

โค้งไม่รู้จบกลับกลายเป็นความมันส์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกโค้งที่ถูกพิชิตคือความภูมิใจของนักบิดหนึ่งเดียวจากไทย! หลังจากซัดโค้งสุดท้ายเสร็จเราก็ได้เห็นหอนาฬิกา Fraser’s Hill อากาศเย็นชื้นทะลุเสื้อขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาปะทะร่างคงเป็นเพราะที่นี่สูงจากระดับน�้าทะเลจริง...โคร้กกก!...ท้องร้องฟ้องว่าหิวเกินระดับ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะที่ยอดเขาเฟรเซอร์มีร้านอาอารรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่...ได้เวลาหาอะไรแปลกๆ ชมซะแล้ว

For Ride Magazine December 201234

�� วิธีสั่งข้าวไอ้นั่นก็ดูน่าทานไอ้นี่ก็ดูน่าลอง..แต่เอ๊ะ! บาง

ร้านไม่มีรูปมีแต่ตัวหนังสือยึกยือบนเมนู...แล้วแม่ค้าก็มาถามอะไรก็ไม่รู้อายัม อายัม ดากิง ดากิง? ไม่ต้องกลัวเพราะ FRM ผ่านมาหมดแล้วและพร้อมถ่ายทอดวิธีสั่งอาหารให้ที่มาเลเซียต่อเพื่อคุณผู้อ่าน

ข้าวเปล่า – Nasi (นาสิ/นาซิ)กุ้ง – Udang (อูดัง)ไก่ – Ayam (อายัม)เนื้อวัว – Daging (ดากิง)ปลา – Ikan (อิกาน)กะปิ – Belakan (เบลากาน)แกะ – Kambing (คัมบิง)ข้าวผัด – Nasi Goreng (นาสิโกเร็ง)เนื้อสะเต๊ะ – Satay (ซาเต๊ะ ตรงตัวเลยครับ)ก๋วยเตี๋ยว – Koey Teow (กวย เตียว) ชาไม่ใส่นม - Teh “O” (เท โอ)ชาธรรมดา – Teh (เท) โอเลี้ยง – Kopi “O” (โกปิ โอ)กาแฟธรรมดา – Kopi (โกปิ)ชาชัก - Teh Tarik (เท ทาริก)*เครื่องดื่มอะไรที่ไม่ใส่นมให้เติม “O”

�� เมนูที่�FRM�แนะน�าให้ลอง

Nasi Goreng Ayam Pattaya (นาสิโกเร็งอายัมพัทยา) ข้าวผัดห่อไข่กับไก่ทอด...เค้าบอกว่ามาจากไทย เมนูนี้กินได้ครับรสดีถูกปากคนไทยอย่างเรา เค้าน�าข้าวมาผัดกับน�้าพริกไม่เผ็ดมากแล้วห่อด้วยไข่เสิร์ฟพร้อมไก่ทอด...

Nasi Lemak (นาสิ เลมัค) อาหารเช้าสไตล์ท้องถิ่น (มีข้าวคลุกมะพร้าว+ปลาจิ๋วทอด+ถั่ว+แกงกะหรี่สุดเผ็ด+ไข่ต้ม) เมนูนี้แนะน�าให้ลองเลยครับเพราะเป็นอาหารท้องถิ่นของเค้า รสชาติจะแตกต่างกันไปแล้วแต่แกงที่ราด บางทีอาจเป็นแกงกะหรี่กุ้ง แกงกะหรี่เปล่า หรือแกงกะหรี่เนื้อ ไม่ได้ลองเมนูนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงมาเลเซียนะครับ

Mee Goreng (หมี่โกเร็ง) ราดหน้าดีๆ นี่เอง ใครคิดถึงไทยเมนูนี้ใช้ได้ครับ เสิร์ฟร้อนๆ ในจานเหล็ก (บางที่ก็จานธรรมดา)ข้อควรระวัง!> ห้ามสั่งหมู จะมีเนื้อหมูให้ทานในโซนคนจีนเท่านั้น> บางร้านจะไม่มีคนมารับออเดอร์ ต้องเดินไปสั่งหน้าครัว หรือบางร้านให้ตัก

ข้าวแกงเองเลย> ห้ามสั่งกะเพราะไข่ดาวเพราะเค้าไม่มี> กาแฟจะหวานมาก ถ้าอยากทานกาแฟสดให้แวะร้านกาแฟสดเท่านั้น> บ้างร้านไม่มีช้อนซ้อมให้ แนะน�าให้ลองใช้มือทานดู ได้รสชาติดีโดยเฉพาะกับ

แกงกะหรี่...อันที่จริงเราแนะน�าให้แวะร้านที่มีรูปประกอบดีกว่าครับ จะได้ไม่พลาดสั่งอาหารที่ไม่

ถูกใจมากิน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าเนื้อเรียกว่าอะไรไก่เรียกว่าอะไร...แต่น่าเสียดายที่เราต้องขอหยุดไว้ที่ร้านอาหารร้านนี้ ส่วนเล่มหน้าเราจะพาตะลุยภูเขาลูกที่ 3 กันต่อกับ “Cameron Highland”

� Nasi Goreng Ayam Pattaya

� Nasi Lemak อาหารหลักของชาวมาเลเซีย

the journey

For Ride Magazine December 2012 35

Page 36: FRM issue 3 (January 2013)

MOTORCYCLES ZONE“อยากดูบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ต้องไปที่ Motor Expo”

เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ส�าหรับ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” หรือ “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี โดยในครั้งนี้ มีนิตยสารโมโตครอส เป็นผู้ร่วมจัดงานและดูแลในส่วน MOTORCYCLES ZONE ที่สร้างกระแสมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนงาน มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “อยากดูบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ ต้องไปที่ Motor Expo” ซึ่งในปีนี้มีความคึกคักสุดๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตและผู้จ�าหน่าย “บิ๊กไบค์” รายใหญ่ทั้ง 9 แบรนด์ดัง อันได้แก่ BENELLI, DUCATI, GPX, HONDA, KAWASAKI, KEEWAY, SUZUKI, TRIUMPH, UDAได้ท�าการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานพร้อมกับชูดาวเด่นของค่ายกันอย่างเข้มข้นเลยทีเดียว...

For Ride Magazine January 201336

เริ่มจาก HONDA ซึ่งมาในนามของ Honda BigWing ได้เปิดตัวรถ Big Bike ตระกูล CBR ถึง 3 รุ่นด้วยกันคือ CBR500R รถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งที่ได้รับการถ่ายทอดความสปอร์ตจากรุ่นพี่ CBR100RR ต่อมาเป็น CBR500F รถเนคเก็ตไบค์ที่มีภาพลักษณ์ดุดัน และเข้มแข็ง สุดท้ายคือ CBR500X ด้วยลักษณะของรถสไตล์ ครอสโอเวอร์ไม่ว่าจะเป็นออนโรดหรือออฟโรดก็สามารถลุยไปได้ทุกที่ นอกจากนั้นก็ยังจัดแสดงรถรุ่นอื่นๆที่มีจ�าหน่ายใน Honda BigWing ครบทุกไลน์....”

ถัดมาก็เป็นค่าย KAWASAKI ที่ครั้งนี้เป็นปีแรกที่เข้าร่วมงาน MOTOR EXPO พร้อมจัดโชว์รถใหม่หลากหลายรุ่น มีทั้งน้องใหม่ ZX14 ที่มาเปิดตัวในงาน เพื่อขายช่วงเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมี Ninja 250R, NEW KSR รุ่น Electric Start และไมเนอร์เชนจ์ ของปี 2013 ของ Kawasaki ตั้งแต่รุ่น 125, 150, 250, 650 ในส่วน 650 จะเป็น 3 ซีรี่ส์เปลี่ยนโมเดลเป็นไมเนอร์เชนจ์ 2013 ทั้งหมด ส่วน Vulcan ก็มีสีใหม่ 2 สี Z1000 ก็มีสีใหม่คือ ขาว-แดง

For Ride Magazine January 2013 37

Page 37: FRM issue 3 (January 2013)

MOTORCYCLES ZONE“อยากดูบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ต้องไปที่ Motor Expo”

เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ส�าหรับ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” หรือ “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี โดยในครั้งนี้ มีนิตยสารโมโตครอส เป็นผู้ร่วมจัดงานและดูแลในส่วน MOTORCYCLES ZONE ที่สร้างกระแสมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนงาน มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “อยากดูบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ ต้องไปที่ Motor Expo” ซึ่งในปีนี้มีความคึกคักสุดๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตและผู้จ�าหน่าย “บิ๊กไบค์” รายใหญ่ทั้ง 9 แบรนด์ดัง อันได้แก่ BENELLI, DUCATI, GPX, HONDA, KAWASAKI, KEEWAY, SUZUKI, TRIUMPH, UDAได้ท�าการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานพร้อมกับชูดาวเด่นของค่ายกันอย่างเข้มข้นเลยทีเดียว...

For Ride Magazine January 201336

เริ่มจาก HONDA ซึ่งมาในนามของ Honda BigWing ได้เปิดตัวรถ Big Bike ตระกูล CBR ถึง 3 รุ่นด้วยกันคือ CBR500R รถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งที่ได้รับการถ่ายทอดความสปอร์ตจากรุ่นพี่ CBR100RR ต่อมาเป็น CBR500F รถเนคเก็ตไบค์ที่มีภาพลักษณ์ดุดัน และเข้มแข็ง สุดท้ายคือ CBR500X ด้วยลักษณะของรถสไตล์ ครอสโอเวอร์ไม่ว่าจะเป็นออนโรดหรือออฟโรดก็สามารถลุยไปได้ทุกที่ นอกจากนั้นก็ยังจัดแสดงรถรุ่นอื่นๆที่มีจ�าหน่ายใน Honda BigWing ครบทุกไลน์....”

ถัดมาก็เป็นค่าย KAWASAKI ที่ครั้งนี้เป็นปีแรกที่เข้าร่วมงาน MOTOR EXPO พร้อมจัดโชว์รถใหม่หลากหลายรุ่น มีทั้งน้องใหม่ ZX14 ที่มาเปิดตัวในงาน เพื่อขายช่วงเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมี Ninja 250R, NEW KSR รุ่น Electric Start และไมเนอร์เชนจ์ ของปี 2013 ของ Kawasaki ตั้งแต่รุ่น 125, 150, 250, 650 ในส่วน 650 จะเป็น 3 ซีรี่ส์เปลี่ยนโมเดลเป็นไมเนอร์เชนจ์ 2013 ทั้งหมด ส่วน Vulcan ก็มีสีใหม่ 2 สี Z1000 ก็มีสีใหม่คือ ขาว-แดง

For Ride Magazine January 2013 37

Page 38: FRM issue 3 (January 2013)

ส่วนทางด้าน Ducati ก็ไม่น้อยหน้าเปิดตัว Monster 795 ABS Asia Model หลังจากที่เป็นเวลาเกือบๆ หนึ่งปีที่ Ducati ได้เปิดตัว Monster 795 Asian Model ไปเมื่องาน Motor Expo ปีที่แล้ว มาวันนี้ Ducati ได้เปิดตัวรถ Monster 795 ที่อัพเกรดจากตัวเดิมมาเป็น Monster 795 ABS โดยเพิ่มระบบเบรค ABS Windshield และตูดมดมาให้ซึ่งเพิ่มจากราคาเดิมเพียงนิดเดียว พร้อมขบวนบิ๊กไบค์สุดหรูครบไลน์รวมทั้งท็อปคลาสอย่าง Ducati 1199 Panegale

ค่าย TRIUMPH ก็ได้น�ารถจักรยานยนต์มาจัดแสดงหลายรุ่นหลายสไตล์อาทิเช่น สไตล์ Classic อย่างรุ่น Bonneville สไตล์ Cruisers อย่างรุ่น Speedmaster สไตล์ Adventure อย่างรุ่น Tiger 800 หรือ สไตล์ Supersports อย่างรุ่น Speed Triple รวมถึง ครูซเซอร์ตัวท็อปคลาสอย่าง Rocket III Roadster ซึ่งมาพร้อมค่าตัว 1.3 ล้านบาท

For Ride Magazine January 201338

M bike motorsales ก็ได้น�ารถ Big Bike สัญชาติอิตาเลียนมาเปิดตัว BENELLI TNT600 เป็นรถสไตล์เน็กเก๊ตไบค์ เครื่องยนต์ขนาด 600 ซีซี. DOHC 4 สูบเรียง 4 จังหวะ อัตราส่วนก�าลังอัด 11.5:1 ระบายความร้อนด้วยน�้า ให้ก�าลังสูงสุด 60 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 55 นิวตัน-เมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ จ่ายน�้ามันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ สตาร์ทไฟฟ้า สนนราคา 269,000 บาท รวมถึงการน�า TNT 800 มาโชว์ในงาน และยังน�ารถออโต้จากแบรนด์ SYM และรถจากแบรนด์ Keeway มาให้ชมภายในงานอีกด้วย

ค่ายพลังงานทางเลือก UDA MOTOR ก็มาอย่างเต็มรูปแบบด้วยรถที่แบ่งย่อยรุ่นละเอียดยิบตั้งแต่ จักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ไปจนถึง รถ 4 ล้อเอนกประสงค์ ส�าหรับใช้ในอุตสาหกรรม SME ...ไฮไลท์ของ UDA ในงานนี้คือการโชว์สุดยอดรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ “XL800G” ซึ่งมาในรูปลักษณ์ที่ทันสมัยสมกับคอนเซ็ปต์ “ยานยนต์ในวันหน้า ที่มาในวันนี้” อีกหนึ่งผู้ผลิตมาแรงอย่าง ATV Panther ก็น�ากลุ่มรถจักรยานยนต์ออฟโรด GPX Racing มาอย่างพร้อมเพรียงและมีไฮไลท์อยู่ที่โมตาร์ดรุ่นฮิต Thunder-X 125 รวมทั้งรถ ATV บิ๊กไซส์ อย่าง GOES MAX 520 และอีกหลายรุ่นที่ขนมาโชว์กันเต็มพื้นที่บูธ

และนี้ก็คือบรรยากาศของพื้นที่ MOTOR-CYCLES ZONE ซึ่งอัดแน่นไปด้วยรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ ที่ทั้ง 9 ค่ายต่างขนมาให้ผู้เข้าชมงาน Motor Expo 2012 ได้สัมผัสกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว...

ในส่วนของผู้ผลิตอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องที่มองเห็นโอกาสส�าคัญในการแนะน�าสินค้าใน Motorcycles Zone ปีนี้แบรนด์ RACING BOY ผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพระดับสากลที่มีพาร์ทตกแต่งส�าหรับรถบิ๊กไบค์มากมาย มาจัดโซนจ�าหน่ายสินค้าไทยคุณภาพสูงพร้อมสินค้าแบรนด์นอกภายใต้สิทธิ์จ�าหน่ายในประเทศไทย อาทิ ท่อ Leovince และอีกหลายรายการ...

For Ride Magazine January 2013 39

Page 39: FRM issue 3 (January 2013)

ส่วนทางด้าน Ducati ก็ไม่น้อยหน้าเปิดตัว Monster 795 ABS Asia Model หลังจากที่เป็นเวลาเกือบๆ หนึ่งปีที่ Ducati ได้เปิดตัว Monster 795 Asian Model ไปเมื่องาน Motor Expo ปีที่แล้ว มาวันนี้ Ducati ได้เปิดตัวรถ Monster 795 ที่อัพเกรดจากตัวเดิมมาเป็น Monster 795 ABS โดยเพิ่มระบบเบรค ABS Windshield และตูดมดมาให้ซึ่งเพิ่มจากราคาเดิมเพียงนิดเดียว พร้อมขบวนบิ๊กไบค์สุดหรูครบไลน์รวมทั้งท็อปคลาสอย่าง Ducati 1199 Panegale

ค่าย TRIUMPH ก็ได้น�ารถจักรยานยนต์มาจัดแสดงหลายรุ่นหลายสไตล์อาทิเช่น สไตล์ Classic อย่างรุ่น Bonneville สไตล์ Cruisers อย่างรุ่น Speedmaster สไตล์ Adventure อย่างรุ่น Tiger 800 หรือ สไตล์ Supersports อย่างรุ่น Speed Triple รวมถึง ครูซเซอร์ตัวท็อปคลาสอย่าง Rocket III Roadster ซึ่งมาพร้อมค่าตัว 1.3 ล้านบาท

For Ride Magazine January 201338

M bike motorsales ก็ได้น�ารถ Big Bike สัญชาติอิตาเลียนมาเปิดตัว BENELLI TNT600 เป็นรถสไตล์เน็กเก๊ตไบค์ เครื่องยนต์ขนาด 600 ซีซี. DOHC 4 สูบเรียง 4 จังหวะ อัตราส่วนก�าลังอัด 11.5:1 ระบายความร้อนด้วยน�้า ให้ก�าลังสูงสุด 60 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 55 นิวตัน-เมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ จ่ายน�้ามันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ สตาร์ทไฟฟ้า สนนราคา 269,000 บาท รวมถึงการน�า TNT 800 มาโชว์ในงาน และยังน�ารถออโต้จากแบรนด์ SYM และรถจากแบรนด์ Keeway มาให้ชมภายในงานอีกด้วย

ค่ายพลังงานทางเลือก UDA MOTOR ก็มาอย่างเต็มรูปแบบด้วยรถที่แบ่งย่อยรุ่นละเอียดยิบตั้งแต่ จักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ไปจนถึง รถ 4 ล้อเอนกประสงค์ ส�าหรับใช้ในอุตสาหกรรม SME ...ไฮไลท์ของ UDA ในงานนี้คือการโชว์สุดยอดรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ “XL800G” ซึ่งมาในรูปลักษณ์ที่ทันสมัยสมกับคอนเซ็ปต์ “ยานยนต์ในวันหน้า ที่มาในวันนี้” อีกหนึ่งผู้ผลิตมาแรงอย่าง ATV Panther ก็น�ากลุ่มรถจักรยานยนต์ออฟโรด GPX Racing มาอย่างพร้อมเพรียงและมีไฮไลท์อยู่ที่โมตาร์ดรุ่นฮิต Thunder-X 125 รวมทั้งรถ ATV บิ๊กไซส์ อย่าง GOES MAX 520 และอีกหลายรุ่นที่ขนมาโชว์กันเต็มพื้นที่บูธ

และนี้ก็คือบรรยากาศของพื้นที่ MOTOR-CYCLES ZONE ซึ่งอัดแน่นไปด้วยรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ ที่ทั้ง 9 ค่ายต่างขนมาให้ผู้เข้าชมงาน Motor Expo 2012 ได้สัมผัสกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว...

ในส่วนของผู้ผลิตอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องที่มองเห็นโอกาสส�าคัญในการแนะน�าสินค้าใน Motorcycles Zone ปีนี้แบรนด์ RACING BOY ผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพระดับสากลที่มีพาร์ทตกแต่งส�าหรับรถบิ๊กไบค์มากมาย มาจัดโซนจ�าหน่ายสินค้าไทยคุณภาพสูงพร้อมสินค้าแบรนด์นอกภายใต้สิทธิ์จ�าหน่ายในประเทศไทย อาทิ ท่อ Leovince และอีกหลายรายการ...

For Ride Magazine January 2013 39

Page 40: FRM issue 3 (January 2013)

เรื่อง : NICKY PHภาพ : VEDETT® ///// MOTOTOURS & IMAGINATIVE ENTERPRISES

WITH THE SKY ABOVEAND THE ROAD BENEATH

AR UNDThe World

ารเดินทาง คือการค้นหา การผจญภัย เพราะในการเดินทางในที่ที่เราไม่เคยไป ไม่รู้ทาง ไม่รู้จักผู้คน นับว่าเป็นการผจญภัยเล็กๆ อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะการเดินทาง

ด้วยสองล้อ เมื่อใส่กุญแจ บิดและสตารท์ เสียงเครื่องยนต์มันท�าให้หัวใจเล็กๆ เท่าก�าปั้น เต้นตื่นอย่างไม่เป็นจังหวะรวมทั้งภาพที่อยู่ในใจว่าเราจะได้ทะยานออกไปบนถนนที่ไม่มีขีดจ�ากัดของนักเดินทาง มันยิ่งท�าให้ ทุกอณุของร่างกายเลือดสูบฉีดขึ้นมาทันที หลายๆ คนอาจจะชอบการเดินทางที่แสนจะสะดวกสบาย และอาจจะมองว่าการเกาะล้อวิ่งไปไหนๆ ดูไม่ปลอดภัย อากาศก็ร้อน ดูไม่น่าจะสบายนัก แต่ถ้าลองมานึกถึงเด็กที่ เริ่มเดินและวิ่งได้ เราเอาเขาเข้าไปในรถหัดเดิน ก็จะเดินๆ ไม่หยุด ต่อมา การขี่จักรยานซึ่งแน่นอน ไม่มีเด็กคนไหนไม่อยากขี่จักรยาน แน่ๆ เพราะมันอิสระ ลมปะทะร่างกาย ใบหน้า ขี่ไปข้างหน้าอย่างเสรี มันก็ไม่ต่างกัน ส�าหรับผู้ที่หลงใหล รถมอเตอร์ไซค์

ท้องฟ้าและรอยทางของสองล้อ

For Ride Magazine January 201340

การเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ทางฝั่งยุโรปมีมานานมาก ที่นิยมเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ตามถนนหนทางต่างๆ จะมีการขี่กันไปมา ตลอดจริงๆ ในตอนนี้ประเทศทางฝั่งเอเซียก็เริ่มนิยมน�ารถใหญ่ โดยเน้นกึ่งทัวริ่งมาท�าให้การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ หรือ ผู้ซ้อนสะดวกสบายกับพาหนะมากยิ่งขึ้น การเดินทางเป็นสิ่งที่เรารัก เมื่อเรารักในสิ่งที่เราท�า เราก็จะมีความสุขและสามารถแบ่งปันความสุขและเรื่องราวดีๆ ไปสู่คนรอบข้างด้วยเช่นกัน...

ท้องฟ้า สีคราม ต้นไม้สีเขียว อากาศที่บริสุทธิ์ แม่น�้าที่ใสสะอาด ความร่มเย็นจากสภาวะแวดล้อมที่เราช่วยกันรักษา เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนอยากจะเห็นอยากจะให้เป็น เราเองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่เพียงท�าในสิ่งที่เรารู้สึก ไม่ได้พิเศษหรือแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างที่ มีค�ากล่าวว่า “A better world starts with yourself, with imagination and vision” คือการที่จะเริ่มอะไรๆ คือให้เริ่มจากตัวเราเองก่อน อยากเห็นโลกเราดีขึ้นเราก็ต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อนด้วยจินตนาการและทรรศนะที่ดีก่อนที่จะไปเริ่มให้คนอื่นๆ ท�า การเดินทางของเราเป็นการเดินทางง่ายๆ Life style ที่เป็นการท่องเที่ยว และน�าสิ่งที่เรารู้ เราเห็นจากประสบการณ์ ที่เป็นจริง น�าไปเล่าสู่กันฟัง ให้กับใครๆ ที่เราเจอ และกับเด็กๆ เพราะ เด็กๆ ยังเป็นผู้ที่เราสามารถปลูกจิตส�านึกให้เกิดขึ้นและฝังรากลึกลงไปในความดีงาม เพื่อเป็นอนาคตของโลกในวันข้างหน้า และการเดินทางที่เราเองก็อยากที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ จากผู้คนที่เราพบเจอด้วยเช่นกัน

>> Ar

ou

nd

Th

e Wo

rld

....

For Ride Magazine January 2013 41

Page 41: FRM issue 3 (January 2013)

เรื่อง : NICKY PHภาพ : VEDETT® ///// MOTOTOURS & IMAGINATIVE ENTERPRISES

WITH THE SKY ABOVEAND THE ROAD BENEATH

AR UNDThe World

ารเดินทาง คือการค้นหา การผจญภัย เพราะในการเดินทางในที่ที่เราไม่เคยไป ไม่รู้ทาง ไม่รู้จักผู้คน นับว่าเป็นการผจญภัยเล็กๆ อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะการเดินทาง

ด้วยสองล้อ เมื่อใส่กุญแจ บิดและสตารท์ เสียงเครื่องยนต์มันท�าให้หัวใจเล็กๆ เท่าก�าปั้น เต้นตื่นอย่างไม่เป็นจังหวะรวมทั้งภาพที่อยู่ในใจว่าเราจะได้ทะยานออกไปบนถนนที่ไม่มีขีดจ�ากัดของนักเดินทาง มันยิ่งท�าให้ ทุกอณุของร่างกายเลือดสูบฉีดขึ้นมาทันที หลายๆ คนอาจจะชอบการเดินทางที่แสนจะสะดวกสบาย และอาจจะมองว่าการเกาะล้อวิ่งไปไหนๆ ดูไม่ปลอดภัย อากาศก็ร้อน ดูไม่น่าจะสบายนัก แต่ถ้าลองมานึกถึงเด็กที่ เริ่มเดินและวิ่งได้ เราเอาเขาเข้าไปในรถหัดเดิน ก็จะเดินๆ ไม่หยุด ต่อมา การขี่จักรยานซึ่งแน่นอน ไม่มีเด็กคนไหนไม่อยากขี่จักรยาน แน่ๆ เพราะมันอิสระ ลมปะทะร่างกาย ใบหน้า ขี่ไปข้างหน้าอย่างเสรี มันก็ไม่ต่างกัน ส�าหรับผู้ที่หลงใหล รถมอเตอร์ไซค์

ท้องฟ้าและรอยทางของสองล้อ

For Ride Magazine January 201340

การเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ทางฝั่งยุโรปมีมานานมาก ที่นิยมเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ตามถนนหนทางต่างๆ จะมีการขี่กันไปมา ตลอดจริงๆ ในตอนนี้ประเทศทางฝั่งเอเซียก็เริ่มนิยมน�ารถใหญ่ โดยเน้นกึ่งทัวริ่งมาท�าให้การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ หรือ ผู้ซ้อนสะดวกสบายกับพาหนะมากยิ่งขึ้น การเดินทางเป็นสิ่งที่เรารัก เมื่อเรารักในสิ่งที่เราท�า เราก็จะมีความสุขและสามารถแบ่งปันความสุขและเรื่องราวดีๆ ไปสู่คนรอบข้างด้วยเช่นกัน...

ท้องฟ้า สีคราม ต้นไม้สีเขียว อากาศที่บริสุทธิ์ แม่น�้าที่ใสสะอาด ความร่มเย็นจากสภาวะแวดล้อมที่เราช่วยกันรักษา เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนอยากจะเห็นอยากจะให้เป็น เราเองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่เพียงท�าในสิ่งที่เรารู้สึก ไม่ได้พิเศษหรือแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างที่ มีค�ากล่าวว่า “A better world starts with yourself, with imagination and vision” คือการที่จะเริ่มอะไรๆ คือให้เริ่มจากตัวเราเองก่อน อยากเห็นโลกเราดีขึ้นเราก็ต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อนด้วยจินตนาการและทรรศนะที่ดีก่อนที่จะไปเริ่มให้คนอื่นๆ ท�า การเดินทางของเราเป็นการเดินทางง่ายๆ Life style ที่เป็นการท่องเที่ยว และน�าสิ่งที่เรารู้ เราเห็นจากประสบการณ์ ที่เป็นจริง น�าไปเล่าสู่กันฟัง ให้กับใครๆ ที่เราเจอ และกับเด็กๆ เพราะ เด็กๆ ยังเป็นผู้ที่เราสามารถปลูกจิตส�านึกให้เกิดขึ้นและฝังรากลึกลงไปในความดีงาม เพื่อเป็นอนาคตของโลกในวันข้างหน้า และการเดินทางที่เราเองก็อยากที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ จากผู้คนที่เราพบเจอด้วยเช่นกัน

>> Ar

ou

nd

Th

e Wo

rld

....

For Ride Magazine January 2013 41

Page 42: FRM issue 3 (January 2013)

ยอดที่สูงที่สุดประดับด้วยรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองค�าทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า "มาดอนนิน่า" (Madonnina) ไม่ไกลจากพิ้นที่ด้านข้างของจตุรัสหน้าดูโอโมทางทิศเหนือ จะเห็นทางเข้ากัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน เรียกว่ามีทั้งร้านอาหาร ร้านขายสินค้าแบรนด์ชั้นน�าต่างๆ และที่มิลานส�าหรับคอบอลสามารถไปเยี่ยมชม สนามบอลซานซิโร ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทั้งทีมเอซีมิลานและอินเตอร์มิลาน ได้อีกด้วยแต่ต้องนั่งรถออกไปนอกเมือง นอกจากนั้น สาวๆ หนุ่มๆ เมืองมิลาน เดินกันตามท้องถนน แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารยังไงยังงั้นทีเดียวเพราะเนื่องจากเป็นศูนย์กลางใหญ่ของเศรษฐกิจในอิตาลีแล้ว ในด้านแฟชั่น และอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งการออกแบบก็อยู่ที่มิลาน เหมือนเป็นแหล่งชุมนุมต่าง ในโซนทางเหนือของประเทศอิตาลี คือ โบโลญญ่า ที่อยู่ไม่ไกลจากมิลานนัก ในด้านอุตสาหกรรมหนัก เครื่องจักร และ เครื่องยนต์ และคอมอเตอร์ไซค์จะต้องอยากมาเยี่ยมเยียนเพราะ แหล่งก�าเนิดรถดังต่างๆ จะอยู่ทางโซนทางเหนือของอิตาลี เช่น Ducati, Benelli, Moto Morini, Bimota, Aprilia และพวกเกียร์ชุดแต่งของนักขี่ทั้งหลายก็จะมี Clover, Spidi, Spyke, Dainese, Alpinestars, Ufo, Moto Infinito, Axo เห็นแบบนี้อยากจะไปชมทุกๆ ที่เลยทีเดียว

ดังนั้นการทะยานไปข้างหน้าด้วยสองมือบิดจึงเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจากทางฝั่งตะวันตก หรือ ฝั่งตะวันออก ที่ไหนมีหนทาง และเวลาที่เอื้ออ�านวย เราจะไปและค้นหา สิ่งต่างๆ ตามสถานที่ เส้นทางต่างๆ และผู้คน วัฒนธรรม จากประสบการณ์ น�ามาแบ่งปัน ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านตัวอักษรที่ออกมาจากความรู้สึกด้วยใจ

จากคราวก่อนที่เราไปเอคม่ามิลาน เราก็อยากน�าเสนอเรื่องราวในเมืองมิลานที่ใครหลายๆ คนอาจจะรู้ และบางคนอาจจะยังไม่รู้ เมื่อว่างจากการดูมอเตอร์ไซค์ในงานแล้ว เราพาไปเที่ยวจุดส�าคัญของมิลานกันดีกว่า มิลานจะเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่อยู่ในแคว้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองส�าคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี (Lombardy) เป็นเมืองที่ส�าคัญในด้านการธุรกิจ แฟชั่น ของอิตาลีเลยก็ว่าได้ จนคิดจะแยกทวีปออกจากการปกครองของอิตาลี ค่าครองชีพ จะแพงกว่าในเมืองหลวงเช่นโรมด้วยซ�้า ส่วนศิลปะนั้นก็จะมีให้เห็นไม่แพ้ในเมืองอื่นๆ ของอิตาลี แต่ย่านที่จะเห็นเมืองสวยๆ เหมือนเช่นเข้ามาที่กรุงโรมจะไม่ค่อยเห็นนัก เพราะในเมืองจะมีตึกรามบ้านช่องที่เป็นแบบสมัยใหม่ไม่ได้เก่าหลายพันปี เหมือนเช่นในโรมที่จะเห็นได้เกือบทุกๆที่ที่เป็นตึกโบราณ ที่มิลานต้องไปในย่านที่สามารถเห็นตึกเก่าๆ

มามิลานต้องแวะไปที่มหาวิหารที่เรียกว่า Duomo ดูโอโม แปลว่า โดม ซึ่งอาจจะเห็น Duomo จากเมืองอื่นๆ แต่ถ้ากล่าวค�าว่า ดูโอโม คือ ที่มิลาน สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก มหาวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่มาแล้วเสร็จ 400 กว่าปีหลังจากนั้น คือในปี ค.ศ.1813 ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเล่นว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่าง ๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป

AR UNDThe World

For Ride Magazine January 201342

มามิลานต้องลองกินอาหารขึ้นชื่อ คือ Risotto Milanese คือ ข้าวรีซอสโต้ ฉ�่าๆ กับชีส และหญ้าฝรั่น (Saffron) เป็นจานที่นับว่าอร่อยหอม และใช้เครื่องเทศที่แพงที่สุด อย่าเพิ่งแปลกใจไปชาวยุโรปเขาก็มีข้าวทานเหมือนกัน ที่ปลูกเองและอิตาลีเป็นประเทศที่ปลูกข้าวและมีการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งในทวีปยุโรปเลยทีเดียว แม้แต่ประเทศจีนเองยังติดใจข้าวอิตาลี ถึงกับน�าเข้าเป็นหลักมาต้มข้าวต้มทานกันทีเดียว ลักษณะของข้าวจะเป็นเม็ดกลมเล็กที่คล้ายกับข้าวญี่ปุ่นแต่มีความกรุ๊บกว่า และจะไม่เละเวลาต้มไปนานๆ และส�าหรับผู้ที่ชื่นชอบชีส ต้องทาน Gorgonzola Cheese ที่เรียกว่า บลูชีส คือหมักจนยีสท�าปฏิกริยาเกิดเป็นราสีเขียวที่มีประโยชน์ในการย่อย อย่าเพิ่งร้องอี้ไปเพราะบ้านเราก็มีปลาร้าที่ขึ้นชื่อและถ้าหนอนขึ้นปลาร้าก็เป็นปลาร้าที่มีรสเยี่ยม และต้นก�าเนิดของเค้ก Panettone ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของวันคริสมาตไปทั่วอิตาลีที่เดียว ยิ่งในตอนนี้ที่เป็นเทศกาลคริสมาต จะเห็นตามชั้นวางของมีเค้กนี้วางเรียงรายเพราะจะหาทานได้แค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ส�าหรับคอไวน์คงแนะน�าไม่ได้เพราะที่มิลานไม่ได้เป็นต้นก�าเนิดของไวน์ แต่อิตาลีก็มีเบียร์เช่นกันแต่จะไม่มากเท่าทางยุโรปเหนือ และนอกเหนือจากอะไรทั้งหมดสิ่งอื่นใดที่จะขาดไม่ได้ส�าหรับคอกาแฟ คือ กาแฟ Espresso นั่นเอง ถ้ามาเมืองรองเท้าบู้ทไม่อยากดื่มกาแฟก็กระไรอยู่เพราะกลิ่นหอมตลบอบอวลชวนให้อยากเสียจริงๆ

เสน่ห์ของเมืองนี้ยังมีต่อ ว่าแล้วตอนนี้ขอตัวไปจิบกาแฟ หลังจากบิดรถและเที่ยวกันในประเทศรองเท้าบู้ท ตามติดในคราวหน้านะครับ

:: With The Sky Above And The Road Beneath

>> Ar

ou

nd

Th

e Wo

rld

....

For Ride Magazine January 2013 43

Page 43: FRM issue 3 (January 2013)

ยอดที่สูงที่สุดประดับด้วยรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองค�าทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า "มาดอนนิน่า" (Madonnina) ไม่ไกลจากพิ้นที่ด้านข้างของจตุรัสหน้าดูโอโมทางทิศเหนือ จะเห็นทางเข้ากัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน เรียกว่ามีทั้งร้านอาหาร ร้านขายสินค้าแบรนด์ชั้นน�าต่างๆ และที่มิลานส�าหรับคอบอลสามารถไปเยี่ยมชม สนามบอลซานซิโร ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทั้งทีมเอซีมิลานและอินเตอร์มิลาน ได้อีกด้วยแต่ต้องนั่งรถออกไปนอกเมือง นอกจากนั้น สาวๆ หนุ่มๆ เมืองมิลาน เดินกันตามท้องถนน แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารยังไงยังงั้นทีเดียวเพราะเนื่องจากเป็นศูนย์กลางใหญ่ของเศรษฐกิจในอิตาลีแล้ว ในด้านแฟชั่น และอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งการออกแบบก็อยู่ที่มิลาน เหมือนเป็นแหล่งชุมนุมต่าง ในโซนทางเหนือของประเทศอิตาลี คือ โบโลญญ่า ที่อยู่ไม่ไกลจากมิลานนัก ในด้านอุตสาหกรรมหนัก เครื่องจักร และ เครื่องยนต์ และคอมอเตอร์ไซค์จะต้องอยากมาเยี่ยมเยียนเพราะ แหล่งก�าเนิดรถดังต่างๆ จะอยู่ทางโซนทางเหนือของอิตาลี เช่น Ducati, Benelli, Moto Morini, Bimota, Aprilia และพวกเกียร์ชุดแต่งของนักขี่ทั้งหลายก็จะมี Clover, Spidi, Spyke, Dainese, Alpinestars, Ufo, Moto Infinito, Axo เห็นแบบนี้อยากจะไปชมทุกๆ ที่เลยทีเดียว

ดังนั้นการทะยานไปข้างหน้าด้วยสองมือบิดจึงเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจากทางฝั่งตะวันตก หรือ ฝั่งตะวันออก ที่ไหนมีหนทาง และเวลาที่เอื้ออ�านวย เราจะไปและค้นหา สิ่งต่างๆ ตามสถานที่ เส้นทางต่างๆ และผู้คน วัฒนธรรม จากประสบการณ์ น�ามาแบ่งปัน ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านตัวอักษรที่ออกมาจากความรู้สึกด้วยใจ

จากคราวก่อนที่เราไปเอคม่ามิลาน เราก็อยากน�าเสนอเรื่องราวในเมืองมิลานที่ใครหลายๆ คนอาจจะรู้ และบางคนอาจจะยังไม่รู้ เมื่อว่างจากการดูมอเตอร์ไซค์ในงานแล้ว เราพาไปเที่ยวจุดส�าคัญของมิลานกันดีกว่า มิลานจะเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่อยู่ในแคว้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองส�าคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี (Lombardy) เป็นเมืองที่ส�าคัญในด้านการธุรกิจ แฟชั่น ของอิตาลีเลยก็ว่าได้ จนคิดจะแยกทวีปออกจากการปกครองของอิตาลี ค่าครองชีพ จะแพงกว่าในเมืองหลวงเช่นโรมด้วยซ�้า ส่วนศิลปะนั้นก็จะมีให้เห็นไม่แพ้ในเมืองอื่นๆ ของอิตาลี แต่ย่านที่จะเห็นเมืองสวยๆ เหมือนเช่นเข้ามาที่กรุงโรมจะไม่ค่อยเห็นนัก เพราะในเมืองจะมีตึกรามบ้านช่องที่เป็นแบบสมัยใหม่ไม่ได้เก่าหลายพันปี เหมือนเช่นในโรมที่จะเห็นได้เกือบทุกๆที่ที่เป็นตึกโบราณ ที่มิลานต้องไปในย่านที่สามารถเห็นตึกเก่าๆ

มามิลานต้องแวะไปที่มหาวิหารที่เรียกว่า Duomo ดูโอโม แปลว่า โดม ซึ่งอาจจะเห็น Duomo จากเมืองอื่นๆ แต่ถ้ากล่าวค�าว่า ดูโอโม คือ ที่มิลาน สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก มหาวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่มาแล้วเสร็จ 400 กว่าปีหลังจากนั้น คือในปี ค.ศ.1813 ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเล่นว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่าง ๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป

AR UNDThe World

For Ride Magazine January 201342

มามิลานต้องลองกินอาหารขึ้นชื่อ คือ Risotto Milanese คือ ข้าวรีซอสโต้ ฉ�่าๆ กับชีส และหญ้าฝรั่น (Saffron) เป็นจานที่นับว่าอร่อยหอม และใช้เครื่องเทศที่แพงที่สุด อย่าเพิ่งแปลกใจไปชาวยุโรปเขาก็มีข้าวทานเหมือนกัน ที่ปลูกเองและอิตาลีเป็นประเทศที่ปลูกข้าวและมีการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งในทวีปยุโรปเลยทีเดียว แม้แต่ประเทศจีนเองยังติดใจข้าวอิตาลี ถึงกับน�าเข้าเป็นหลักมาต้มข้าวต้มทานกันทีเดียว ลักษณะของข้าวจะเป็นเม็ดกลมเล็กที่คล้ายกับข้าวญี่ปุ่นแต่มีความกรุ๊บกว่า และจะไม่เละเวลาต้มไปนานๆ และส�าหรับผู้ที่ชื่นชอบชีส ต้องทาน Gorgonzola Cheese ที่เรียกว่า บลูชีส คือหมักจนยีสท�าปฏิกริยาเกิดเป็นราสีเขียวที่มีประโยชน์ในการย่อย อย่าเพิ่งร้องอี้ไปเพราะบ้านเราก็มีปลาร้าที่ขึ้นชื่อและถ้าหนอนขึ้นปลาร้าก็เป็นปลาร้าที่มีรสเยี่ยม และต้นก�าเนิดของเค้ก Panettone ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของวันคริสมาตไปทั่วอิตาลีที่เดียว ยิ่งในตอนนี้ที่เป็นเทศกาลคริสมาต จะเห็นตามชั้นวางของมีเค้กนี้วางเรียงรายเพราะจะหาทานได้แค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ส�าหรับคอไวน์คงแนะน�าไม่ได้เพราะที่มิลานไม่ได้เป็นต้นก�าเนิดของไวน์ แต่อิตาลีก็มีเบียร์เช่นกันแต่จะไม่มากเท่าทางยุโรปเหนือ และนอกเหนือจากอะไรทั้งหมดสิ่งอื่นใดที่จะขาดไม่ได้ส�าหรับคอกาแฟ คือ กาแฟ Espresso นั่นเอง ถ้ามาเมืองรองเท้าบู้ทไม่อยากดื่มกาแฟก็กระไรอยู่เพราะกลิ่นหอมตลบอบอวลชวนให้อยากเสียจริงๆ

เสน่ห์ของเมืองนี้ยังมีต่อ ว่าแล้วตอนนี้ขอตัวไปจิบกาแฟ หลังจากบิดรถและเที่ยวกันในประเทศรองเท้าบู้ท ตามติดในคราวหน้านะครับ

:: With The Sky Above And The Road Beneath>> A

ro

un

d T

he W

or

ld....

For Ride Magazine January 2013 43

Page 44: FRM issue 3 (January 2013)

RacingBros Air Shock

RacingBrosvs. Mr.Jeabช่างเทพ รถเทพ คนเทพ โช้คเทพ!!

FRM ฉบับต้อนรับปีใหม่ขอแนะน�ำอะไรใหม่ๆ โดนๆ ให้คุณผู้อ่ำนกันบ้ำง เรำขออำสำพำไปรู้จักกับ “โช้คลม”…ใช่แล้วครับไม่ผิดแน่ๆ เพรำะ RacingBros คือผู้ผลิตโช้คที่ไม่มีสปริงโดยใช้อำกำศที่เรำหำยใจเนี่ยแหละอัดเข้ำไปท�ำหน้ำที่รับแรงกระแทกแทน RacingBros เป็นโช้ค Made in Taiwan...เขยิบมำใกล้ๆ แล้วเรำจะพำไปรู้จักแบบเจำะลึกกัน

�� RacingBros�ท�ำจำกอะไร?

ค�ำว่ำ RacingBros แปลเป็นไทยง่ำยๆ ว่ำ “พี่น้องขำซิ่ง” ล่ำสุดกลุ่มหนุ่มสำวที่เรียกตัวเองว่ำพี่น้องผลิตโช้คออกมำ 3 รุ่นด้วยกันคือ Bazooka 0.0 Bazooka 1.0 และ Bazooka 4.0 ท�ำไม่ถึงตั้งชื่อโช้คว่ำ Bazooka (เครื่องยิงจรวด)?...ก็เพรำะผู้ผลิตต้องกำรสื่อว่ำ โช้คของเค้ำไม่ธรรมดำและแข็งแกร่งพร้อมลุยเหมือนถือบำซูก้ำพลังท�ำลำยล้ำงสูง วัสดุที่ใช้ท�ำโช้คเป็นอลูมิเนียมอัลลอย หูโช้คท�ำจำกอลูมิเนียมฟอร์จ จุดเด่นของ Bazooka ทั้ง 3 รุ่นนอกจำกเป็นโช้คลมที่ไม่ต้องใช้สปริงเหมือนโช้คทั่วไปแล้วยังมีน�้ำหนักตัวที่เบำมำกจนน่ำแปลกใจ Bazooka 1.0 หนักแค่รำวๆ 6 ขีดเท่ำนั้น

ดีไซน์ดูแปลกตำของแกนโช้คขนำดใหญ่ที่ดูคล้ำยโช้ค Upside-Down ช่วยรองรับกำรกระแทกได้หลำกหลำยและทนทำนกว่ำแกนโช้คหลังแบบทั่วไป ผิวของแกนโช้คถูกเคลือบแบบ Diamond-Like (แข็งเหมือนเพชร) กำรันตีควำมแกร่งผ่ำนกำรแข่งขัน Endurance 24 ชั่วโมงที่ประเทศเยอรมันมำแล้ว ถ้ำลองผ่ำดูภำยในกระบอกจะเห็นควำมหนำของวัสดุและระบบกำรท�ำงำนของโช้คลมตัวนี้ ด้ำนบนของโช้คจะเป็นพื้นที่ส�ำหรับลมที่จะถูกปั๊มผ่ำนที่ปั๊ม (Cyclone) เข้ำไปท�ำหน้ำที่แทนสปริงโช้ค ส่วนด้ำนล่ำงจะมีน�้ำมันไฮดรอลิกส์ท�ำหน้ำที่เหมือน Damping หรือตัวท�ำให้โช้คหนืดเมื่อถูกกดลง และด้ำนล่ำงสุดเป็นแก๊สไนโตรเจนแรงดันสูงท�ำหน้ำที่ป้องกันไม่ให้น�้ำมันเกิดเป็นฟองขึ้นเมื่ออุณหภูมิของโช้คเพิ่มขึ้น ส�ำหรับรุ่น Bazooka 4.0 มีกระปุกแยกออกมำด้ำนข้ำงช่วยเพิ่มปริมำณอำกำศและน�้ำมันมำกกว่ำรุ่น 1.0 แถมมีตัวปรับ Ending Force / High Speed Compression / Low Speed Compression เรียกว่ำเอำปรับได้ละเอียดยิบรองรับกำรใช้งำนทั่วไปไปจนถึงลงสนำมแข่งเลยทีเดียว

For Ride Magazine January 201344

�� ข้อดีของโช้คลม�RacingBros

1. จุดเด่นที่สุดคือน�้ำหนักเบำ เบำมำกจนแทบไม่อยำกจะเชื่อว่ำมันคือโช้คหลัง

2. แกร่งด้วยอลูมิเนียมทั้งแท่งแถมเคลือบผิวกระบอกสูบแบบ Diamond Coat

3. แกนโช้คขนำดใหญ่กระแทกเข้ำไปไม่มีคด4. ซีลยำงชนิดพิเศษทนทั้งทรำยหินหรือแม้แต่เกร็ดน�้ำแข็ง

สุดคม5. ใช้ลมแทนสปริงช่วยให้น�้ำหนักเบำที่ส�ำคัญสำมำรถปรับ

ค่ำสปริงได้ตำมน�้ำหนักตัวของผู้ขี่6. รุ่นที่มีตัวปรับรีบำวด์สำมำรถปรับได้ละเอียดมำกถึง

24 ระดับด้วยกัน!7. รุ่น 4.0 มีตัวปรับ High-Low Compression ที่ใช้แกน

เดียวกัน หำดูไม่ได้ในโช้คทั่วไป8. ลูกสูบลอยตัวอยู่ระหว่ำงอำกำศและน�้ำมันช่วยให้แรง

เสียดทำนน้อยกว่ำและน�้ำหนักเบำกว่ำ9. แรงดันลมภำยในโช้คแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเมื่อุณหภูมิของ

โช้คเพิ่มขึ้น10. โช้คระบำยควำมร้อนได้ดีกว่ำด้วยวัศดุอลูมิเนียมทั้งแท่ง…เอำเป็นว่ำเดี๋ยว FRM ได้ทดสอบโช้คลม RacingBros ตัวนี้

เมื่อไหร่จะจัดให้หนักแล้วมำรีวิวเต็มๆ ให้ได้อ่ำนกันครับ!

10 Question withHenry Chen – Vincent Chen

of RacingBrosหลังจำกท�ำควำมรู้จักโช้ค RacingBros กันไปแล้วก็ได้เวลำท�ำควำมรู้จักกับผู้ที่อยู่เบื้อง

หลังกันบ้ำงดีกว่ำกับ 10 ค�ำถำมเด็ดตอบตรงโดย Mr. Henry Chen และ Mr. Vincent Chen หนึ่งในพี่น้องที่ร่วมสร้ำงโช้ค RacingBros

1. บริษัทของคุณเดินทำงมำนแค่ไหนแล้วครับ...ผมหมำยถึงเริ่มผลิตโช้คลมตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

- ตั้งแต่ปี 2006 ครับ เรำใช้เวลำ 4 ปีค้นคว้ำวิจัยและทดลอง แล้วเรำก็เริ่มขำยอย่ำงเป็นทำงกำรที่ยุโรปและญี่ปุ่นในปี 2010 จำกนั้นก็เปิดตัวอย่ำงเป็นทำงกำรที่ไต้หวันในปี 2011

2. ไอ้เจ้ำโช้คลมตัวนี้มันถูกสร้ำงมำเพื่ออะไรกันแน่ ?- ขอเกริ่นยำวนิดนึงแล้วกัน...โช้คลมน่ะมันได้รับควำมนิยมมำตั้งนำนแล้วโดยเฉพำะวงกำร

จักรยำน ATV และสโนวโมบิล เรำเลยอยำกเอำเทคโนโลยีตัวนี้มำใช้กับวงกำรมอเตอร์ไซค์- ข้อดีหลักๆ ของโช้ค RacingBros คือมัน “เบ๊ำเบำ” ไม่ใช่แค่จะช่วยให้ประหยัดน�้ำมันเชื้อ

เพลิงแต่ยังสำมำรถปรับค่ำสปริงได้ตำมใจชอบอีกด้วย- มันถูกสร้ำงมำเพื่อให้งำนง่ำยและง่ำยยิ่งกว่ำด้วยกำรปั๊มลมเข้ำไปเพียงไม่กี่วินำที เป็น

อะไรที่โช้คสปริงท�ำไม่ได้อย่ำงแน่นอน3. รู้สึกยังไงที่ได้เจอกับทีม K-Sport ที่งำน Taipei Motorshow ?- รู้สึกอบอุ่น...มันเหมือนได้เจอปรมำจำรย์โยดำในหนังสตำร์วอร์สเลยก็ว่ำได้ เค้ำมีจิต

วิญญำณที่ทรงพลังและเรำเชื่อว่ำเค้ำมีไอเดียเด็ดๆ ซ่อนอยู่ในหัวเค้ำอีกเพียบ

TALK ABOUT

For Ride Magazine January 2013 45

Page 45: FRM issue 3 (January 2013)

RacingBros Air Shock

RacingBrosvs. Mr.Jeabช่างเทพ รถเทพ คนเทพ โช้คเทพ!!

FRM ฉบับต้อนรับปีใหม่ขอแนะน�ำอะไรใหม่ๆ โดนๆ ให้คุณผู้อ่ำนกันบ้ำง เรำขออำสำพำไปรู้จักกับ “โช้คลม”…ใช่แล้วครับไม่ผิดแน่ๆ เพรำะ RacingBros คือผู้ผลิตโช้คที่ไม่มีสปริงโดยใช้อำกำศที่เรำหำยใจเนี่ยแหละอัดเข้ำไปท�ำหน้ำที่รับแรงกระแทกแทน RacingBros เป็นโช้ค Made in Taiwan...เขยิบมำใกล้ๆ แล้วเรำจะพำไปรู้จักแบบเจำะลึกกัน

�� RacingBros�ท�ำจำกอะไร?

ค�ำว่ำ RacingBros แปลเป็นไทยง่ำยๆ ว่ำ “พี่น้องขำซิ่ง” ล่ำสุดกลุ่มหนุ่มสำวที่เรียกตัวเองว่ำพี่น้องผลิตโช้คออกมำ 3 รุ่นด้วยกันคือ Bazooka 0.0 Bazooka 1.0 และ Bazooka 4.0 ท�ำไม่ถึงตั้งชื่อโช้คว่ำ Bazooka (เครื่องยิงจรวด)?...ก็เพรำะผู้ผลิตต้องกำรสื่อว่ำ โช้คของเค้ำไม่ธรรมดำและแข็งแกร่งพร้อมลุยเหมือนถือบำซูก้ำพลังท�ำลำยล้ำงสูง วัสดุที่ใช้ท�ำโช้คเป็นอลูมิเนียมอัลลอย หูโช้คท�ำจำกอลูมิเนียมฟอร์จ จุดเด่นของ Bazooka ทั้ง 3 รุ่นนอกจำกเป็นโช้คลมที่ไม่ต้องใช้สปริงเหมือนโช้คทั่วไปแล้วยังมีน�้ำหนักตัวที่เบำมำกจนน่ำแปลกใจ Bazooka 1.0 หนักแค่รำวๆ 6 ขีดเท่ำนั้น

ดีไซน์ดูแปลกตำของแกนโช้คขนำดใหญ่ที่ดูคล้ำยโช้ค Upside-Down ช่วยรองรับกำรกระแทกได้หลำกหลำยและทนทำนกว่ำแกนโช้คหลังแบบทั่วไป ผิวของแกนโช้คถูกเคลือบแบบ Diamond-Like (แข็งเหมือนเพชร) กำรันตีควำมแกร่งผ่ำนกำรแข่งขัน Endurance 24 ชั่วโมงที่ประเทศเยอรมันมำแล้ว ถ้ำลองผ่ำดูภำยในกระบอกจะเห็นควำมหนำของวัสดุและระบบกำรท�ำงำนของโช้คลมตัวนี้ ด้ำนบนของโช้คจะเป็นพื้นที่ส�ำหรับลมที่จะถูกปั๊มผ่ำนที่ปั๊ม (Cyclone) เข้ำไปท�ำหน้ำที่แทนสปริงโช้ค ส่วนด้ำนล่ำงจะมีน�้ำมันไฮดรอลิกส์ท�ำหน้ำที่เหมือน Damping หรือตัวท�ำให้โช้คหนืดเมื่อถูกกดลง และด้ำนล่ำงสุดเป็นแก๊สไนโตรเจนแรงดันสูงท�ำหน้ำที่ป้องกันไม่ให้น�้ำมันเกิดเป็นฟองขึ้นเมื่ออุณหภูมิของโช้คเพิ่มขึ้น ส�ำหรับรุ่น Bazooka 4.0 มีกระปุกแยกออกมำด้ำนข้ำงช่วยเพิ่มปริมำณอำกำศและน�้ำมันมำกกว่ำรุ่น 1.0 แถมมีตัวปรับ Ending Force / High Speed Compression / Low Speed Compression เรียกว่ำเอำปรับได้ละเอียดยิบรองรับกำรใช้งำนทั่วไปไปจนถึงลงสนำมแข่งเลยทีเดียว

For Ride Magazine January 201344

�� ข้อดีของโช้คลม�RacingBros

1. จุดเด่นที่สุดคือน�้ำหนักเบำ เบำมำกจนแทบไม่อยำกจะเชื่อว่ำมันคือโช้คหลัง

2. แกร่งด้วยอลูมิเนียมทั้งแท่งแถมเคลือบผิวกระบอกสูบแบบ Diamond Coat

3. แกนโช้คขนำดใหญ่กระแทกเข้ำไปไม่มีคด4. ซีลยำงชนิดพิเศษทนทั้งทรำยหินหรือแม้แต่เกร็ดน�้ำแข็ง

สุดคม5. ใช้ลมแทนสปริงช่วยให้น�้ำหนักเบำที่ส�ำคัญสำมำรถปรับ

ค่ำสปริงได้ตำมน�้ำหนักตัวของผู้ขี่6. รุ่นที่มีตัวปรับรีบำวด์สำมำรถปรับได้ละเอียดมำกถึง

24 ระดับด้วยกัน!7. รุ่น 4.0 มีตัวปรับ High-Low Compression ที่ใช้แกน

เดียวกัน หำดูไม่ได้ในโช้คทั่วไป8. ลูกสูบลอยตัวอยู่ระหว่ำงอำกำศและน�้ำมันช่วยให้แรง

เสียดทำนน้อยกว่ำและน�้ำหนักเบำกว่ำ9. แรงดันลมภำยในโช้คแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเมื่อุณหภูมิของ

โช้คเพิ่มขึ้น10. โช้คระบำยควำมร้อนได้ดีกว่ำด้วยวัศดุอลูมิเนียมทั้งแท่ง…เอำเป็นว่ำเดี๋ยว FRM ได้ทดสอบโช้คลม RacingBros ตัวนี้

เมื่อไหร่จะจัดให้หนักแล้วมำรีวิวเต็มๆ ให้ได้อ่ำนกันครับ!

10 Question withHenry Chen – Vincent Chen

of RacingBrosหลังจำกท�ำควำมรู้จักโช้ค RacingBros กันไปแล้วก็ได้เวลำท�ำควำมรู้จักกับผู้ที่อยู่เบื้อง

หลังกันบ้ำงดีกว่ำกับ 10 ค�ำถำมเด็ดตอบตรงโดย Mr. Henry Chen และ Mr. Vincent Chen หนึ่งในพี่น้องที่ร่วมสร้ำงโช้ค RacingBros

1. บริษัทของคุณเดินทำงมำนแค่ไหนแล้วครับ...ผมหมำยถึงเริ่มผลิตโช้คลมตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

- ตั้งแต่ปี 2006 ครับ เรำใช้เวลำ 4 ปีค้นคว้ำวิจัยและทดลอง แล้วเรำก็เริ่มขำยอย่ำงเป็นทำงกำรที่ยุโรปและญี่ปุ่นในปี 2010 จำกนั้นก็เปิดตัวอย่ำงเป็นทำงกำรที่ไต้หวันในปี 2011

2. ไอ้เจ้ำโช้คลมตัวนี้มันถูกสร้ำงมำเพื่ออะไรกันแน่ ?- ขอเกริ่นยำวนิดนึงแล้วกัน...โช้คลมน่ะมันได้รับควำมนิยมมำตั้งนำนแล้วโดยเฉพำะวงกำร

จักรยำน ATV และสโนวโมบิล เรำเลยอยำกเอำเทคโนโลยีตัวนี้มำใช้กับวงกำรมอเตอร์ไซค์- ข้อดีหลักๆ ของโช้ค RacingBros คือมัน “เบ๊ำเบำ” ไม่ใช่แค่จะช่วยให้ประหยัดน�้ำมันเชื้อ

เพลิงแต่ยังสำมำรถปรับค่ำสปริงได้ตำมใจชอบอีกด้วย- มันถูกสร้ำงมำเพื่อให้งำนง่ำยและง่ำยยิ่งกว่ำด้วยกำรปั๊มลมเข้ำไปเพียงไม่กี่วินำที เป็น

อะไรที่โช้คสปริงท�ำไม่ได้อย่ำงแน่นอน3. รู้สึกยังไงที่ได้เจอกับทีม K-Sport ที่งำน Taipei Motorshow ?- รู้สึกอบอุ่น...มันเหมือนได้เจอปรมำจำรย์โยดำในหนังสตำร์วอร์สเลยก็ว่ำได้ เค้ำมีจิต

วิญญำณที่ทรงพลังและเรำเชื่อว่ำเค้ำมีไอเดียเด็ดๆ ซ่อนอยู่ในหัวเค้ำอีกเพียบ

TALK ABOUT

For Ride Magazine January 2013 45

Page 46: FRM issue 3 (January 2013)

ฟังค�ำตอบจำกผู้ผลิตโช้ค RacingBros กันไปแล้วก็ได้เวลำมำฟังทีมแข่งที่ได้ลองใช้โช้ค RacingBros ลงแข่งขันกันบ้ำง!

1. รู้จักโช้ค RacingBros ได้ยังไง? ที่ไหน?- จำกงำน Taipei Motorshow 2012 บูธเค้ำดูสะดุดตำ

แถมมีรำงวัลกำรันตีให้เพียบ โชคดีที่ได้รำงวัลกำรประกวดรถจำก Motorshow เมืองไทยเลยได้ไปเที่ยวงำน Motoshow ไต้หวัน

2. แว๊บแรกที่ได้คุยกับ RacingBros รู้สึกยังไง?- พอได้รู้ว่ำเค้ำอยู่เบื้องหลังโช้คชื่อดังของโลกหลำยเจ้ำ

รวมถึงเทคโนโลยีที่เค้ำใช้บวกกับควำมกล้ำที่จะเปิดเผยทุกชิ้นส่วนที่อยู่ในโช้คให้ดูโดยไม่กลัวใครเลียนแบบท�ำให้ผมรู้สึกประทับใจในทันที

3. เห็นโช้คแล้วปิ๊งเลยมั้ย? แล้วอยำกลองใส่กับรถอะไรเป็นคันแรก?

- แหมก็โช้คเค้ำเบำซะขนำดนี้ตัว 1.0 หนักแค่ 6 ขีดส่วนรุ่น 4.0 หนัก 8 ขีด ส่วนมำกโช้คที่ผมใส่แข่งอยู่มักจะเริ่มย้วยเมื่อแข่งได้ซักพัก แต่ RacingBros ท่ำทำงจะแตกต่ำง...ผมเลยอยำกเอำมำใส่ใน Yamaha Mio ในกำรแข่งไซเคิลครอสรุ่นโอเพ่นทันที

4. แล้วรู้สึกชอบหรือสนใจประเทศไทยเพรำะอะไร?- เป็นประเทศที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวและที่ส�ำคัญ ประเทศไทยชอบกำรแข่งขัน ในส่วนของ

อุตสำหกรรมยำนยนต์ก็เป็นที่น่ำจับตำมอง ขนำดที่ว่ำมีศูนย์ R&D ของหลำยค่ำยรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย!

5. ที่จุดเริ่มต้นกับกำรเข้ำมำสู่ประเทศไทย....ท�ำไมต้องลงทุนบินข้ำมน�้ำข้ำมทะเลมำช่วยเซ็ตโช้คให้กับทีม K-Sport ด้วย? แค่อีเมลวิธีกำรติดตั้งและเซ็ตติ้งก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?

- ก็จริงครับ....คนที่มีเงินจะซื้อของแพงๆ ซักชิ้นก็คงไม่ใช่เรื่องยำก แต่เรำไม่ได้แค่ขำยของรำคำแพงหรือของดี เรำยังขำยบริกำรด้วย น้อยคนที่ซื้อโช้คแพงๆ จำกค่ำยดังแล้วสำมำรถเซ็ตมันได้อย่ำงถูกต้อง ที่เรำต้องเกำะติดขอบสนำมแข่งที่เมืองไทยกับทีม K-Sport ก็เพรำะเรำอยำกให้ “ตัวแทน” ของเรำได้เรียนรู้วิธีกำรติดตั้งและปรับแต่งโช้คอย่ำงถูกต้องที่สุด เรำร่วมกำรแข่งขันที่ประเทศไทยกับทีม K-Sport มำแล้วถึง 3 ครั้ง เรำแค่อยำกให้เค้ำเรียนรู้ถึงควำมแตกต่ำงของกำรเซ็ตโช้คที่ถูกและผิดซึ่งวัดได้จำกเวลำต่อรอบและผลกำรแข่งขัน...ยังไงก็ตำมทีม K-Sport ก็ยังคงต้องเข้ำคอร์สกับเรำที่ประเทศไต้หวันอยู่ดี

6. แล้วรู้สึกยังไงระหว่ำง “ก่อน” และ “หลัง” กำรแข่งขันที่ประเทศไทย- ก่อนแข่ง...เรำรู้สึกว่ำนักแข่งที่ไต้หวันท�ำได้ดีแล้วหละ แต่หลังแข่งที่ประเทศไทย เรำรู้ได้ทันทีว่ำ

เรำยังห่ำงไกลจำกค�ำว่ำมืออำชีพอีกเยอะ ที่ไต้หวันเรำมีมือดีในด้ำนเครื่องยนต์และเทคนิค แต่ก็มีแค่คนเดียวต่อทีม ส่วนที่ไทยกลับเก่งทั้งทีม ยิ่งถ้ำเทียบฝีมือนักแข่งด้วยแล้ว...เรำยังต้องฝึกฝนอีกมำก

7. แล้วตอนนี้มีตัวแทนจ�ำหน่ำย RacingBros ในไทยหรือยัง ?- ก็ K-Sport ไงครับที่เป็นตัวแทนล่ำสุดของ RacingBros ส่วนผู้จัดจ�ำหน่ำยคือ Likito

Shop ซึ่งชำวไทยสำมำรถหำซื้อและรับบริกำรเซอร์วิสโช้ค RacingBros ได้โดยตรงครับ8. อะไรท�ำให้คุณมั่นใจในโช้ค RacingBros ว่ำจะสำมำรถเดินหน้ำต่อไปได้ท่ำมกลำงกำร

แข่งขันของตลำดโช้คจำกทั่วโลก ?- แม้เรำจะเป็นบริษัทโช้คเล็กๆ แต่เรำก็มีประสบกำรณ์ในด้ำนโช้คมำมำกกว่ำ 20 ปี บอกได้เลย

ว่ำเรำมีควำม “หลงใหล” ในสิ่งที่เรำท�ำอยู่ตอนนี้และพร้อมใส่ใจในโช้คทุกตัวที่เรำท�ำขึ้นมำ!9. จะมีโช้ครุ่นใหม่ออกมำอีกมั้ย ?- ตอนนี้ในสำยกำรผลิตเรำมี Bazooka อยู่ 3 รุ่น แต่ในปี 2013 นี้เรำจะมีโช้คให้เลือกตั้งแต่

รุ่นธรรมดำที่สุดไปจนถึงรุ่นที่เทพที่สุด10. จุดเด่นของโช้ค Bazooka คงไม่ใช่แค่น�้ำหนักเบำแน่ๆ...มีอะไรจะทิ้งท้ำยให้กับคนที่ลังเล

หรือสงสัยในโช้คตัวนี้มั้ย ?- กำรปรับค่ำสปริงได้อย่ำงอิสระ กำรตั้งค่ำรีบำวด์ได้ตำมใจชอบหรือแม้แต่กำรปรับค่ำแดม

ปิ้งได้...ทั้งหมดนี้เรำรับรองได้ว่ำถ้ำได้ลอง Bazooka ซักตัวแล้วจะรู้สึกถึง “กำรขับขี่ที่มีคุณภำพ”…เรำแนะน�ำให้ไปลองขี่เองที่ตัวแทนจ�ำหน่ำยแล้วจะรู้สึกถึงควำมแตกต่ำง สัมผัสด้วยตัวคุณเองดีกว่ำนั่งฟังค�ำพูดคนอื่น!

พี ่"เจีย๊บ"กบัความรูสึ้กทีไ่ด้สัมผสั RacingBros

10 ค�าถาม กบัผูจ้ดัการและเจ้าของร้าน K-Sport

For Ride Magazine January 201346

ส�ำหรับคนที่สนใจอยำกเห็นโช้ค RacingBros ตัวจริงเสียงจริงหรืออยำกลองทดสอบโช้คลมตัวนี้สำมำรถแวะชมร้ำน K-Sport พระรำม 4 หรือ Likitoshop ซอยลำดพร้ำว 48 ครับ ติดต่อสอบถำมเพิ่มเติม ร้ำน K-Sport 081-914-7303 หรือร้ำน Likitoshop 089-513-1850 ครับ

4. เห็นบอกว่ำท�ำทีมแข่ง...มีแข่งรุ่นไหนบ้ำง ?- มี 3 ประเทภ Drag Bike ใช้ Yamaha Mio / Cycle Cross ใช้ Mio 115

– 125 และ TTX / Supermoto ใช้ Mio 125 และ TTX5. เคยได้แชมป์รุ่นไหนบ้ำง ?- อย่ำให้เล่ำ..... Drag Bike 7 ปีซ้อน / Cycle Cross 4 ปีซ้อน 6. โช้คล็อตแรกที่สั่งมำกล้ำใส่ลงแข่งเลยหรือ? ไม่กลัวเสียต�ำแหน่งเพรำะโช้ค

ตัวนี้หรือ?- แหมก็เค้ำบอกว่ำเค้ำอยู่เบื้องหลังกำรท�ำโช้คชื่อดังของโลกหลำยตัว ท�ำให้ผม

มั่นใจว่ำเค้ำต้องมีอะไรดี เลยกล้ำลองเยงจับใส่ลงแข่งในสนำมดู7. หลังจำกใส่ลงแข่งแล้วเป็นยังไง ?- หลังจำกลองใส่ปุ๊บ...ผมก็แทบไม่อยำกจะเชื่อเลยว่ำโช้คหน้ำตำแบบนี้ น�้ำหนัก

แบบนี้จะรองรับกำรกระแทกโหดๆ อย่ำงในสนำม Cycle Cross ที่พื้นแทบจะหำที่เรียบไม่ได้เลย โช้คตัวนี้ช่วยให้เวลำต่อรอบดีขึ้นแถมช่วยให้รถยึดเกำะพื้นสนำมที่ขรุขระได้ดีขึ้น

8. ได้ข่ำวว่ำ RacingBros ติดใจอะไรบำงอย่ำงในทีม K-Sport ว่ำแต่มันคืออะไร ?

- ผมว่ำเป็นเพรำะกำรท�ำงำนเป็นทีมและควำมจริงใจที่มีให้กับเหล่ำผู้สนับสนุน ผมมักจะน�ำข้อมูลจำกกำรแข่งขันมำพัฒนำทีมอยู่ตลอดเวลำ ที่ส�ำคัญผมมองหำเทคโนโลยีใหม่ๆ มำเพิ่มให้กับทีมอยู่เรื่อย...และ RacingBros ก็เป็นอะไรที่น่ำสนใจส�ำหรับทีมผมเช่นกันครับ

9. ว่ำตอนนี้มีโช้ค RacingBros ขำยที่ไหนบ้ำง ?- Likito / Likit 48 และ Shop K-Sport พระรำม 4 ครับ10. อยำกจะฝำกอะไรถึงคนที่เล็งๆ โช้ค RacingBros ไว้อยู่มั้ยครับ- RacingBros Bazooka เป็นโช้คที่ปรับได้ตำมใจคุณ รับกับทุกเส้นทำงทุก

สไตล์กำรขับขี่ แค่อยำกให้ลองสัมผัสก่อนตัดสินมันว่ำดีหรือไม่ดี ว่ำแล้วก็มำลองทดสอบได้ที่ตัวแทนจ�ำหน่ำยดังกล่ำวครับ

TALK ABOUT

For Ride Magazine January 2013 47

Page 47: FRM issue 3 (January 2013)

ฟังค�ำตอบจำกผู้ผลิตโช้ค RacingBros กันไปแล้วก็ได้เวลำมำฟังทีมแข่งที่ได้ลองใช้โช้ค RacingBros ลงแข่งขันกันบ้ำง!

1. รู้จักโช้ค RacingBros ได้ยังไง? ที่ไหน?- จำกงำน Taipei Motorshow 2012 บูธเค้ำดูสะดุดตำ

แถมมีรำงวัลกำรันตีให้เพียบ โชคดีที่ได้รำงวัลกำรประกวดรถจำก Motorshow เมืองไทยเลยได้ไปเที่ยวงำน Motoshow ไต้หวัน

2. แว๊บแรกที่ได้คุยกับ RacingBros รู้สึกยังไง?- พอได้รู้ว่ำเค้ำอยู่เบื้องหลังโช้คชื่อดังของโลกหลำยเจ้ำ

รวมถึงเทคโนโลยีที่เค้ำใช้บวกกับควำมกล้ำที่จะเปิดเผยทุกชิ้นส่วนที่อยู่ในโช้คให้ดูโดยไม่กลัวใครเลียนแบบท�ำให้ผมรู้สึกประทับใจในทันที

3. เห็นโช้คแล้วปิ๊งเลยมั้ย? แล้วอยำกลองใส่กับรถอะไรเป็นคันแรก?

- แหมก็โช้คเค้ำเบำซะขนำดนี้ตัว 1.0 หนักแค่ 6 ขีดส่วนรุ่น 4.0 หนัก 8 ขีด ส่วนมำกโช้คที่ผมใส่แข่งอยู่มักจะเริ่มย้วยเมื่อแข่งได้ซักพัก แต่ RacingBros ท่ำทำงจะแตกต่ำง...ผมเลยอยำกเอำมำใส่ใน Yamaha Mio ในกำรแข่งไซเคิลครอสรุ่นโอเพ่นทันที

4. แล้วรู้สึกชอบหรือสนใจประเทศไทยเพรำะอะไร?- เป็นประเทศที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวและที่ส�ำคัญ ประเทศไทยชอบกำรแข่งขัน ในส่วนของ

อุตสำหกรรมยำนยนต์ก็เป็นที่น่ำจับตำมอง ขนำดที่ว่ำมีศูนย์ R&D ของหลำยค่ำยรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย!

5. ที่จุดเริ่มต้นกับกำรเข้ำมำสู่ประเทศไทย....ท�ำไมต้องลงทุนบินข้ำมน�้ำข้ำมทะเลมำช่วยเซ็ตโช้คให้กับทีม K-Sport ด้วย? แค่อีเมลวิธีกำรติดตั้งและเซ็ตติ้งก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?

- ก็จริงครับ....คนที่มีเงินจะซื้อของแพงๆ ซักชิ้นก็คงไม่ใช่เรื่องยำก แต่เรำไม่ได้แค่ขำยของรำคำแพงหรือของดี เรำยังขำยบริกำรด้วย น้อยคนที่ซื้อโช้คแพงๆ จำกค่ำยดังแล้วสำมำรถเซ็ตมันได้อย่ำงถูกต้อง ที่เรำต้องเกำะติดขอบสนำมแข่งที่เมืองไทยกับทีม K-Sport ก็เพรำะเรำอยำกให้ “ตัวแทน” ของเรำได้เรียนรู้วิธีกำรติดตั้งและปรับแต่งโช้คอย่ำงถูกต้องที่สุด เรำร่วมกำรแข่งขันที่ประเทศไทยกับทีม K-Sport มำแล้วถึง 3 ครั้ง เรำแค่อยำกให้เค้ำเรียนรู้ถึงควำมแตกต่ำงของกำรเซ็ตโช้คที่ถูกและผิดซึ่งวัดได้จำกเวลำต่อรอบและผลกำรแข่งขัน...ยังไงก็ตำมทีม K-Sport ก็ยังคงต้องเข้ำคอร์สกับเรำที่ประเทศไต้หวันอยู่ดี

6. แล้วรู้สึกยังไงระหว่ำง “ก่อน” และ “หลัง” กำรแข่งขันที่ประเทศไทย- ก่อนแข่ง...เรำรู้สึกว่ำนักแข่งที่ไต้หวันท�ำได้ดีแล้วหละ แต่หลังแข่งที่ประเทศไทย เรำรู้ได้ทันทีว่ำ

เรำยังห่ำงไกลจำกค�ำว่ำมืออำชีพอีกเยอะ ที่ไต้หวันเรำมีมือดีในด้ำนเครื่องยนต์และเทคนิค แต่ก็มีแค่คนเดียวต่อทีม ส่วนที่ไทยกลับเก่งทั้งทีม ยิ่งถ้ำเทียบฝีมือนักแข่งด้วยแล้ว...เรำยังต้องฝึกฝนอีกมำก

7. แล้วตอนนี้มีตัวแทนจ�ำหน่ำย RacingBros ในไทยหรือยัง ?- ก็ K-Sport ไงครับที่เป็นตัวแทนล่ำสุดของ RacingBros ส่วนผู้จัดจ�ำหน่ำยคือ Likito

Shop ซึ่งชำวไทยสำมำรถหำซื้อและรับบริกำรเซอร์วิสโช้ค RacingBros ได้โดยตรงครับ8. อะไรท�ำให้คุณมั่นใจในโช้ค RacingBros ว่ำจะสำมำรถเดินหน้ำต่อไปได้ท่ำมกลำงกำร

แข่งขันของตลำดโช้คจำกทั่วโลก ?- แม้เรำจะเป็นบริษัทโช้คเล็กๆ แต่เรำก็มีประสบกำรณ์ในด้ำนโช้คมำมำกกว่ำ 20 ปี บอกได้เลย

ว่ำเรำมีควำม “หลงใหล” ในสิ่งที่เรำท�ำอยู่ตอนนี้และพร้อมใส่ใจในโช้คทุกตัวที่เรำท�ำขึ้นมำ!9. จะมีโช้ครุ่นใหม่ออกมำอีกมั้ย ?- ตอนนี้ในสำยกำรผลิตเรำมี Bazooka อยู่ 3 รุ่น แต่ในปี 2013 นี้เรำจะมีโช้คให้เลือกตั้งแต่

รุ่นธรรมดำที่สุดไปจนถึงรุ่นที่เทพที่สุด10. จุดเด่นของโช้ค Bazooka คงไม่ใช่แค่น�้ำหนักเบำแน่ๆ...มีอะไรจะทิ้งท้ำยให้กับคนที่ลังเล

หรือสงสัยในโช้คตัวนี้มั้ย ?- กำรปรับค่ำสปริงได้อย่ำงอิสระ กำรตั้งค่ำรีบำวด์ได้ตำมใจชอบหรือแม้แต่กำรปรับค่ำแดม

ปิ้งได้...ทั้งหมดนี้เรำรับรองได้ว่ำถ้ำได้ลอง Bazooka ซักตัวแล้วจะรู้สึกถึง “กำรขับขี่ที่มีคุณภำพ”…เรำแนะน�ำให้ไปลองขี่เองที่ตัวแทนจ�ำหน่ำยแล้วจะรู้สึกถึงควำมแตกต่ำง สัมผัสด้วยตัวคุณเองดีกว่ำนั่งฟังค�ำพูดคนอื่น!

พี ่"เจ๊ียบ"กบัความรูส้กึทีไ่ด้สมัผสั RacingBros

10 ค�าถาม กบัผูจ้ดัการและเจ้าของร้าน K-Sport

For Ride Magazine January 201346

ส�ำหรับคนที่สนใจอยำกเห็นโช้ค RacingBros ตัวจริงเสียงจริงหรืออยำกลองทดสอบโช้คลมตัวนี้สำมำรถแวะชมร้ำน K-Sport พระรำม 4 หรือ Likitoshop ซอยลำดพร้ำว 48 ครับ ติดต่อสอบถำมเพิ่มเติม ร้ำน K-Sport 081-914-7303 หรือร้ำน Likitoshop 089-513-1850 ครับ

4. เห็นบอกว่ำท�ำทีมแข่ง...มีแข่งรุ่นไหนบ้ำง ?- มี 3 ประเทภ Drag Bike ใช้ Yamaha Mio / Cycle Cross ใช้ Mio 115

– 125 และ TTX / Supermoto ใช้ Mio 125 และ TTX5. เคยได้แชมป์รุ่นไหนบ้ำง ?- อย่ำให้เล่ำ..... Drag Bike 7 ปีซ้อน / Cycle Cross 4 ปีซ้อน 6. โช้คล็อตแรกที่สั่งมำกล้ำใส่ลงแข่งเลยหรือ? ไม่กลัวเสียต�ำแหน่งเพรำะโช้ค

ตัวนี้หรือ?- แหมก็เค้ำบอกว่ำเค้ำอยู่เบื้องหลังกำรท�ำโช้คชื่อดังของโลกหลำยตัว ท�ำให้ผม

มั่นใจว่ำเค้ำต้องมีอะไรดี เลยกล้ำลองเยงจับใส่ลงแข่งในสนำมดู7. หลังจำกใส่ลงแข่งแล้วเป็นยังไง ?- หลังจำกลองใส่ปุ๊บ...ผมก็แทบไม่อยำกจะเชื่อเลยว่ำโช้คหน้ำตำแบบนี้ น�้ำหนัก

แบบนี้จะรองรับกำรกระแทกโหดๆ อย่ำงในสนำม Cycle Cross ที่พื้นแทบจะหำที่เรียบไม่ได้เลย โช้คตัวนี้ช่วยให้เวลำต่อรอบดีขึ้นแถมช่วยให้รถยึดเกำะพื้นสนำมที่ขรุขระได้ดีขึ้น

8. ได้ข่ำวว่ำ RacingBros ติดใจอะไรบำงอย่ำงในทีม K-Sport ว่ำแต่มันคืออะไร ?

- ผมว่ำเป็นเพรำะกำรท�ำงำนเป็นทีมและควำมจริงใจที่มีให้กับเหล่ำผู้สนับสนุน ผมมักจะน�ำข้อมูลจำกกำรแข่งขันมำพัฒนำทีมอยู่ตลอดเวลำ ที่ส�ำคัญผมมองหำเทคโนโลยีใหม่ๆ มำเพิ่มให้กับทีมอยู่เรื่อย...และ RacingBros ก็เป็นอะไรที่น่ำสนใจส�ำหรับทีมผมเช่นกันครับ

9. ว่ำตอนนี้มีโช้ค RacingBros ขำยที่ไหนบ้ำง ?- Likito / Likit 48 และ Shop K-Sport พระรำม 4 ครับ10. อยำกจะฝำกอะไรถึงคนที่เล็งๆ โช้ค RacingBros ไว้อยู่มั้ยครับ- RacingBros Bazooka เป็นโช้คที่ปรับได้ตำมใจคุณ รับกับทุกเส้นทำงทุก

สไตล์กำรขับขี่ แค่อยำกให้ลองสัมผัสก่อนตัดสินมันว่ำดีหรือไม่ดี ว่ำแล้วก็มำลองทดสอบได้ที่ตัวแทนจ�ำหน่ำยดังกล่ำวครับ

TALK ABOUT

For Ride Magazine January 2013 47

Page 48: FRM issue 3 (January 2013)

งานแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันความเร็วของประเทศไทย The Race of Champion ปรากฏการณ์ความเร็วในสนามเล็กๆ ที่สร้างจากทีมงานกว่าร้อยชีวิต ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน งานนี้เค้ารวบรวมเอาแชมป์ความเร็วจากทั่วโลกทั้ง 4 ล้อและ 2 ล้อมาขับเคี่ยวชิงจ้าวแห่งความเร็วกันแบบ “แชมป์ชนแชมป์” ที่เจ๋งที่สุดก็คือค่ายรถ 2 ล้ออย่าง Yamaha ก็เข้าร่วมประกาศความยิ่งใหญ่ในงานนี้ด้วย...

� King of Auto-Stunt – King of Gymkhana – Battle of Race Queen

จัดทั้งที Yamaha ต้องจัดใหญ่ขนเอากิจกรรมมาถล่มงาน ROC ให้เพียบ เริ่มจากการแบ่งโซนกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วนครอบคลุมพื้นที่รอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนแรกเป็นพื้นที่กิจกรรม “โหด” มีโซนส�าหรับแข่ง Stunt ที่ใช้รถ Yamaha TTX เป็นเครื่องมือความมันส์พร้อมมีการตัดสินคะแนนกันแบบคนต่อคน งานแข่ง Stunt มีตั้งแต่รุ่นมือใหม่ไปจนถึงมือโปร ไฮไลท์ของโซนสตั๊นท์อยู่ที่ “โชว์จากเหล่าเทพ” เมื่อ Yamaha ดึงเอาสุดยอดฝีมือจากทั่วโลกอย่าง Bill Dixon : King of XDL Champion จากอเมริกาที่ออกมาโชว์ลีลาสะกดลมหายใจพร้อมรถคู่ใจ Yamaha YZF-R6, พี่น้องฝาแฝด Narita จากญี่ปุ่นที่ออกมาวาดลวดลายบนรถ Yamaha Scorpa รถแบบ Trial (ไทร-อัล) หรือรถไต่เขา และคนสุดท้าย Shin Kinoshita สตั๊นท์หมายเลข 1 ของเอเชียมาพร้อม YZF-R6 ที่ลีลาการขับขี่ทั้งหวาดเสียงและเรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ได้กึกก้องลานสตั๊นท์...ขยับมาดูโซนข้างๆ กันบ้างดีกว่า

ยามาฮ่าจัดชุดใหญ่ต่อเนื่องเอาใจ “หนุ่มๆ” ขนเอา Race Queen (พริตตี้) บินตรงจากประเทศ

ญี่ปุ่นมาประชันความงามกับพริตตี้สาวจากไทย งานนี้ผู้เข้าร่วมงานให้ความสนใจและยืนเบียดกันแน่นโซน บ้างก็ว่าพริตตี้จากไทยสวย บ้างก็ว่าเรซควีนช่างงดงาม แต่ที่แน่ๆ โอกาสได้ชมเรซควีนตัวเป็นๆ แบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนแน่ๆ...งานนี้ยามาฮ่าเค้าจัดให้

กระเถิบจากโซนประชันพริตตี้มาเป็นโซน “Gymkhana” แข่งขี่รถยามาฮ่าท�าความเร็วชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ก่อนแข่งมีการให้ผู้เข้าแข่งวิ่งจ�าไลน์ให้ได้ก่อน เพราะการแข่งจิมคาน่าเป็นการวิ่งอ้อมกรวยไปมาตามไลน์ที่ก�าหนด โดยที่ใครท�าเวลาเร็วที่สุดเป็นผู้ชนะไป...งานนี้ได้เห็นทั้งความสามารถของทั้งคนและรถที่ต้องผสานกันอย่างลงตัวเพื่อชัยชนะที่รออยู่...ในส่วนของโซนสุดท้ายในลานกิจกรรมคือ “ประชันรถสวย” ในโซนนี้มี Yamaha TTX กว่า 30 คันเข้าร่วมชิงชัยประกวดความงามประชันไอเดีย...เยอะจนตาลาย ไฮไลท์ของโซนนี้คือ “แชมป์จะมาเลือกคันที่ชอบด้วยตัวเอง” ใช่แล้วครับ Jorge Lorenzo (อ่านแบบสเปนว่า “ฮอร์เฮ่” หรือ “ฮอร์เก้” ไม่ใช่ “จอร์จ”) ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แชมป์โลก MotoGP 2012 จะมางานนี้ด้วยและจะเดินมาเลือกรถคันที่ชอบด้วยตัวเอง

ประกาศศกัดาความยิง่ใหญ่ขนแชมป์ถล่มงาน Race of ChampionYamahaFRM Fest.

For Ride Magazine January 201348

� Champ vs. Champ

เปลี่ยนบรรยากาศจากโซนกิจกรรมมาเป็นโซนโชว์ “Invv” กันบ้าง ศูนย์บัญชาการความมันส์ที่ตั้งของรถแต่งลวดลายเฉพาะส�าหรับฉลองความส�าเร็จระดับโลกของแชมป์โลก MotoGP 2012 ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แต่ไม่ได้มีแค่แชมป์โลก เพราะ Yamaha ยังสามารถคว้าระดับเอเชีย...1 เดียวในรอบ 46 ปีที่ไม่เคยมีนักแข่งคนไหนท�าได้มาก่อน เค้าคือ “เดชา ไกรศาสตร์” นักแข่งรุ่น 600 ซีซี. จากไทยที่ไปคว้าแชมป์รายการ All Japan มาได้ส�าเร็จเป็นคนแรกของประเทศ โดยมีทีมเมท “เฉลิมพล ผลไม้” ที่ล้มแล้วล้มอีก เจ็บแล้วเจ็บอีกแต่ยังต่อสู้ฝ่าฟันจนได้ต�าแหน่งที่ 4 ช่วยตอกย�้าความส�าเร็จจากทีมแข่งของโรงงานยามาฮ่าประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ที่ว่าจับแชมป์มาชนแชมป์ก็คือการขี่ “คาราวาน” โดยวันแรกของกิจกรรมมี ลอเรนโซ่ และ เดชา ไกรศาสตร์ ขี่ YZF-M1 และ YZF-R6 พร้อมด้วยกลุ่มผู้ใช้ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ ที่ส�าคัญมี “พีท ทองเจือ” พรีเซ็นเตอร์ของยามาฮ่าบิ๊กไบค์คนใหม่ร่วมก๊วนด้วย งานนี้มีเปิดตัวรถใหม่ 2013 อย่าง FJR1300A และ Super Tenere เรียกน�้าย่อยสาวกบิ๊กไบค์ที่รักความเร็วและความแรง วันที่ 2 ของกิจกรรมยังคงเป็น ลอเรนโซ่ ที่ขี่น�าขบวนโดยใช้ Yamaha Mio 125i แต่งเต็มจาก K-Sport น�าขบวน Yamaha TTX และกลุ่มเจ้าของร้านแต่งรถขี่คาราวานเข้างานอย่างยิ่งใหญ่ งานนี้มีทั้งแจกลายเซ็นและถ่ายรูปกับแชมป์โลกและแชมป์ชาวไทยกันอย่างจุใจ ลอเรนโซ่ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในการมาเยือนเมืองไทยว่า “รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง และขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ให้การต้อนรับและให้ก�าลังใจมาโดยตลอด” ในส่วนของบทสรุปต�าแหน่งแชมป์ TTX Auto Stunt และการประกวดรถแต่งได้ผู้ชนะดังนี้

นอกจากบูธของยามาฮ่าในงานยังมีผู้สนับสนุนอย่าง Redbull, Singha, Toyota, Siam Winery และบูธของที่ระลึกจาก ROC มาให้แฟนๆ ที่รอชมการแข่งขันระดับโลกได้ฆ่าเวลาเล่นก่อนถึงเวลาแข่ง...และแล้ว ลอเรนโซ่ ก็ได้ลงสนามควบรถ 4 ล้อแข่งกับแชมป์ F1 และอีกมากมาย ใครที่พลาดโอกาสได้ชมแชมป์โลกมารวมตัวกันแบบนี้....สงสัยต้องรอปีหน้า แต่ตอนนี้ชมภาพประทับใจจากในงานกับ FRM ไปก่อนนะคร๊าบ!

- ด.ช.อานนท์ หงษ์กลาง จากทีม 50/50 ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดเพียง 11 ขวบ ที่โชว์ความเทพอย่างเหนือชั้น ชนะใจกรรมการในรุ่นการแข่งขันมือใหม่

- แชมป์ในรุ่นการแข่งขันประเภทเดี่ยวมืออาชีพตกเป็นของ นายวิถีเทพ โกมลหิรัญ ที่วาดลวดลายได้เข้าตากรรมการ

- การแข่งขันประเภททีมแชมป์ตกเป็นของ นายวิถีเทพ โกมลหิรัญ และนายพัชรพล เสลา ที่ควบ TTX โชว์ลีลาเข้าคู่กันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

- การแข่งขัน Gymkhana Challenge 2012 ชิงแชมป์ประเทศไทย โดยทีมจากวิทยาลัยการอาชีพวารินช�าราบ คว้าแชมป์ประเทศไทยไปอย่างขาดลอย

- สุดท้ายกับการประกวดรถแต่งขั้นเทพของยามาฮ่า TTX แชมป์ตกเป็นของ นายอนุทัต วงศ์ชั้น จากร้าน KD SHOP

- รถแต่งที่แต่งชนะใจ แชมป์โมโตจีพี ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ได้แก่รถจาก นายชัญญา ริษฏารุจิ จากร้านอัด เรซซิ่ง

For Ride Magazine January 2013 49

Page 49: FRM issue 3 (January 2013)

งานแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันความเร็วของประเทศไทย The Race of Champion ปรากฏการณ์ความเร็วในสนามเล็กๆ ที่สร้างจากทีมงานกว่าร้อยชีวิต ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน งานนี้เค้ารวบรวมเอาแชมป์ความเร็วจากทั่วโลกทั้ง 4 ล้อและ 2 ล้อมาขับเคี่ยวชิงจ้าวแห่งความเร็วกันแบบ “แชมป์ชนแชมป์” ที่เจ๋งที่สุดก็คือค่ายรถ 2 ล้ออย่าง Yamaha ก็เข้าร่วมประกาศความยิ่งใหญ่ในงานนี้ด้วย...

� King of Auto-Stunt – King of Gymkhana – Battle of Race Queen

จัดทั้งที Yamaha ต้องจัดใหญ่ขนเอากิจกรรมมาถล่มงาน ROC ให้เพียบ เริ่มจากการแบ่งโซนกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วนครอบคลุมพื้นที่รอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนแรกเป็นพื้นที่กิจกรรม “โหด” มีโซนส�าหรับแข่ง Stunt ที่ใช้รถ Yamaha TTX เป็นเครื่องมือความมันส์พร้อมมีการตัดสินคะแนนกันแบบคนต่อคน งานแข่ง Stunt มีตั้งแต่รุ่นมือใหม่ไปจนถึงมือโปร ไฮไลท์ของโซนสตั๊นท์อยู่ที่ “โชว์จากเหล่าเทพ” เมื่อ Yamaha ดึงเอาสุดยอดฝีมือจากทั่วโลกอย่าง Bill Dixon : King of XDL Champion จากอเมริกาที่ออกมาโชว์ลีลาสะกดลมหายใจพร้อมรถคู่ใจ Yamaha YZF-R6, พี่น้องฝาแฝด Narita จากญี่ปุ่นที่ออกมาวาดลวดลายบนรถ Yamaha Scorpa รถแบบ Trial (ไทร-อัล) หรือรถไต่เขา และคนสุดท้าย Shin Kinoshita สตั๊นท์หมายเลข 1 ของเอเชียมาพร้อม YZF-R6 ที่ลีลาการขับขี่ทั้งหวาดเสียงและเรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ได้กึกก้องลานสตั๊นท์...ขยับมาดูโซนข้างๆ กันบ้างดีกว่า

ยามาฮ่าจัดชุดใหญ่ต่อเนื่องเอาใจ “หนุ่มๆ” ขนเอา Race Queen (พริตตี้) บินตรงจากประเทศ

ญี่ปุ่นมาประชันความงามกับพริตตี้สาวจากไทย งานนี้ผู้เข้าร่วมงานให้ความสนใจและยืนเบียดกันแน่นโซน บ้างก็ว่าพริตตี้จากไทยสวย บ้างก็ว่าเรซควีนช่างงดงาม แต่ที่แน่ๆ โอกาสได้ชมเรซควีนตัวเป็นๆ แบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนแน่ๆ...งานนี้ยามาฮ่าเค้าจัดให้

กระเถิบจากโซนประชันพริตตี้มาเป็นโซน “Gymkhana” แข่งขี่รถยามาฮ่าท�าความเร็วชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ก่อนแข่งมีการให้ผู้เข้าแข่งวิ่งจ�าไลน์ให้ได้ก่อน เพราะการแข่งจิมคาน่าเป็นการวิ่งอ้อมกรวยไปมาตามไลน์ที่ก�าหนด โดยที่ใครท�าเวลาเร็วที่สุดเป็นผู้ชนะไป...งานนี้ได้เห็นทั้งความสามารถของทั้งคนและรถที่ต้องผสานกันอย่างลงตัวเพื่อชัยชนะที่รออยู่...ในส่วนของโซนสุดท้ายในลานกิจกรรมคือ “ประชันรถสวย” ในโซนนี้มี Yamaha TTX กว่า 30 คันเข้าร่วมชิงชัยประกวดความงามประชันไอเดีย...เยอะจนตาลาย ไฮไลท์ของโซนนี้คือ “แชมป์จะมาเลือกคันที่ชอบด้วยตัวเอง” ใช่แล้วครับ Jorge Lorenzo (อ่านแบบสเปนว่า “ฮอร์เฮ่” หรือ “ฮอร์เก้” ไม่ใช่ “จอร์จ”) ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แชมป์โลก MotoGP 2012 จะมางานนี้ด้วยและจะเดินมาเลือกรถคันที่ชอบด้วยตัวเอง

ประกาศศกัดาความยิง่ใหญ่ขนแชมป์ถล่มงาน Race of ChampionYamahaFRM Fest.

For Ride Magazine January 201348

� Champ vs. Champ

เปลี่ยนบรรยากาศจากโซนกิจกรรมมาเป็นโซนโชว์ “Invv” กันบ้าง ศูนย์บัญชาการความมันส์ที่ตั้งของรถแต่งลวดลายเฉพาะส�าหรับฉลองความส�าเร็จระดับโลกของแชมป์โลก MotoGP 2012 ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แต่ไม่ได้มีแค่แชมป์โลก เพราะ Yamaha ยังสามารถคว้าระดับเอเชีย...1 เดียวในรอบ 46 ปีที่ไม่เคยมีนักแข่งคนไหนท�าได้มาก่อน เค้าคือ “เดชา ไกรศาสตร์” นักแข่งรุ่น 600 ซีซี. จากไทยที่ไปคว้าแชมป์รายการ All Japan มาได้ส�าเร็จเป็นคนแรกของประเทศ โดยมีทีมเมท “เฉลิมพล ผลไม้” ที่ล้มแล้วล้มอีก เจ็บแล้วเจ็บอีกแต่ยังต่อสู้ฝ่าฟันจนได้ต�าแหน่งที่ 4 ช่วยตอกย�้าความส�าเร็จจากทีมแข่งของโรงงานยามาฮ่าประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ที่ว่าจับแชมป์มาชนแชมป์ก็คือการขี่ “คาราวาน” โดยวันแรกของกิจกรรมมี ลอเรนโซ่ และ เดชา ไกรศาสตร์ ขี่ YZF-M1 และ YZF-R6 พร้อมด้วยกลุ่มผู้ใช้ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ ที่ส�าคัญมี “พีท ทองเจือ” พรีเซ็นเตอร์ของยามาฮ่าบิ๊กไบค์คนใหม่ร่วมก๊วนด้วย งานนี้มีเปิดตัวรถใหม่ 2013 อย่าง FJR1300A และ Super Tenere เรียกน�้าย่อยสาวกบิ๊กไบค์ที่รักความเร็วและความแรง วันที่ 2 ของกิจกรรมยังคงเป็น ลอเรนโซ่ ที่ขี่น�าขบวนโดยใช้ Yamaha Mio 125i แต่งเต็มจาก K-Sport น�าขบวน Yamaha TTX และกลุ่มเจ้าของร้านแต่งรถขี่คาราวานเข้างานอย่างยิ่งใหญ่ งานนี้มีทั้งแจกลายเซ็นและถ่ายรูปกับแชมป์โลกและแชมป์ชาวไทยกันอย่างจุใจ ลอเรนโซ่ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในการมาเยือนเมืองไทยว่า “รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง และขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ให้การต้อนรับและให้ก�าลังใจมาโดยตลอด” ในส่วนของบทสรุปต�าแหน่งแชมป์ TTX Auto Stunt และการประกวดรถแต่งได้ผู้ชนะดังนี้

นอกจากบูธของยามาฮ่าในงานยังมีผู้สนับสนุนอย่าง Redbull, Singha, Toyota, Siam Winery และบูธของที่ระลึกจาก ROC มาให้แฟนๆ ที่รอชมการแข่งขันระดับโลกได้ฆ่าเวลาเล่นก่อนถึงเวลาแข่ง...และแล้ว ลอเรนโซ่ ก็ได้ลงสนามควบรถ 4 ล้อแข่งกับแชมป์ F1 และอีกมากมาย ใครที่พลาดโอกาสได้ชมแชมป์โลกมารวมตัวกันแบบนี้....สงสัยต้องรอปีหน้า แต่ตอนนี้ชมภาพประทับใจจากในงานกับ FRM ไปก่อนนะคร๊าบ!

- ด.ช.อานนท์ หงษ์กลาง จากทีม 50/50 ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดเพียง 11 ขวบ ที่โชว์ความเทพอย่างเหนือชั้น ชนะใจกรรมการในรุ่นการแข่งขันมือใหม่

- แชมป์ในรุ่นการแข่งขันประเภทเดี่ยวมืออาชีพตกเป็นของ นายวิถีเทพ โกมลหิรัญ ที่วาดลวดลายได้เข้าตากรรมการ

- การแข่งขันประเภททีมแชมป์ตกเป็นของ นายวิถีเทพ โกมลหิรัญ และนายพัชรพล เสลา ที่ควบ TTX โชว์ลีลาเข้าคู่กันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

- การแข่งขัน Gymkhana Challenge 2012 ชิงแชมป์ประเทศไทย โดยทีมจากวิทยาลัยการอาชีพวารินช�าราบ คว้าแชมป์ประเทศไทยไปอย่างขาดลอย

- สุดท้ายกับการประกวดรถแต่งขั้นเทพของยามาฮ่า TTX แชมป์ตกเป็นของ นายอนุทัต วงศ์ชั้น จากร้าน KD SHOP

- รถแต่งที่แต่งชนะใจ แชมป์โมโตจีพี ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ได้แก่รถจาก นายชัญญา ริษฏารุจิ จากร้านอัด เรซซิ่ง

For Ride Magazine January 2013 49

Page 50: FRM issue 3 (January 2013)

เลี้ยงสุดท้ายอ�าลาแชมป์โลก Nolan Christmas Party อ�าลาเพื่อนเก่า “ลอเรนโซ่”

งานเลี้ยงคริสต์มากที่จัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี่เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ใช้หมวก Nolan (X-Lite) โดยมีนักบิดระดับโลกอย่าง มาร์โค่ เมลานดรี่, มิเชล ฟาบริสิโอ่, คาลอส เชก้า และแชมป์โลกโมโตจีพีคนล่าสุด ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ โดยนายอัลเบอร์โต้ เวอร์กานี่ผู้บริหาร Nolan ได้บอกข่าวร้ายกับทุกคนว่าปีหน้าลอเรนโซ่จะไม่ได้ใช้หมวกของ Nolan อีกต่อไปหลังจากอยู่ด้วยกันมาถึง 6 ปี พร้อมมอบหมวกลายพิเศษสีรุ้งพร้อมหมายเลข 3 แสดงถึงจ�านวนครั้งที่เค้าเคยได้แชมป์กับหมวก Nolan...ปีหน้าเค้าจะใส่หมวกยี่ห้อไหนน๊า !?

Yamaha ควกักระเป๋าจ่ายโบกมอืบ๊ายบาย Rockstarเพื่อหลีกทางให้ Monster

แม้จะมีการต่อสัญญากันไปแล้วกับ Rockstar สปอนเซอร์หลักของฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แต่แล้วล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อทาง Monster Energy Drink ต้องการเป็น Co-Sponsor ให้กับทีม Yamaha Factory ท�าให้ยามาฮ่าต้องรักษาน�้าใจของ Rockstar ด้วยการยอมจ่ายเพื่อยกเลิกสัญญาแล้วเซ็นสัญญาใหม่กับ Monster นั่นเท่ากับว่าปีหน้าทั้งรอสซี่และลอเรนโซ่จะเปลี่ยนมาดื่ม Monster แทน...แบบนี้ลายชุดแข่ง-หมวกกก็ต้องเปลี่ยนใหม่ด้วยสิ!

ชมให้ชัด MV Agusta Rivale 800

คัดมาให้ชมกันให้ชัดกับรถใหม่ที่ได้รับความสนใจจากงาน EICMA ที่ประเทศอิตาลี่เมื่อเดือนก่อน มันคือ MV Agusta Rivale 800 (รีเวล) โดดเด่นที่เครื่องยนต์ 3 สูบอัดแน่นด้วยก�าลัง 125 แรงม้าภายใต้รูปลักษณ์แบบ Street-Figther เจ้า Rivale 800 คันนี้ถูกโฆษณาไว้ว่าขี่ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ที่ส�าคัญมันมาพร้อมระบบคันเร่งไร้สาย Ride-By-Wire เอาไว้เราจะรีวิวเจาะทุกชิ้นส่วนให้ชมอีกทีนะครับ!

Yamaha ไม่ค่อยแน่ในในการกลับมาของ Rossi

หลายคนรู้กันดีแล้วว่าวาเลนติโน่ รอสซี่เจ้าของแชมป์โลก 9 สมัยได้ย้ายจากทีม Ducati หวนคืนรังกลับมาเคียงข้างลอเรนโซ่ในทีม Yamaha Factory Racing ในการแข่งขัน MotoGP ปีหน้า...แต่! จากบทสัมภาษณ์ของมาซาโอะ ฟูรุซาว่า ช่างมือเก๋าประจ�าทีมที่เคยเป็นคู่หูกับรอสซี่ก่อนจะลาออกเมื่อจบฤดูกาล 2010 ว่า “ผมรู้ว่ายามาฮ่ารู้สึกไม่คอยมั่นใจในตัวรอสซี่และการกลับมาของเค้า หลังจากไม่ประสบความเร็จในช่วง 2 ปีกับ Ducati ผมว่าเค้าต้องเกิดความไม่มั่นใจบ้างแหละ ผมว่าคงเป็นเพราะการตลาดที่หลายคนยังคงชื่นชอบรอสซี่ ท�าให้เค้ายังคงมีเครดิตกับยามาฮ่า...แต่ส่วนตัวแล้วส�าหรับผม ถ้าทีม Yamaha หรือรอสซี่ต้องการให้ผมกลับมา ผมก็พร้อมกลับมาเซ็ตรถ M1 ให้พร้อมลุยศึกอย่างแน่นอน ผมว่ารอสซี่สู้เค้าได้แหละน่า!”

NEWSINTER NEWS

For Ride Magazine January 201350

มาแล้วกฎใหม่ MotoGP 2013หลังจากที่ประชุม FIM และ Dorna ฟังธงกฎใหม่เรียบร้อย

FRM ก็รีบแปลออกมาให้แฟนๆ FRM ได้รู้กันทันที- มีการตัดคะแนนกรณีที่นักแข่งโดนตักเตือนหรือกระท�าการ

ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุโดยตัดได้ 1-10 แต้มตามความเหมาะสม เมื่อโดนตัดถึง 4 แต้มจะต้องสตาร์ทจากท้ายแถว โดนตัดถึง 7 แต้มจะต้องออกสตาร์ทจากพิทเลน และโดนตัด 10 แต้มจะถูกตัดสิทธิ์แข่งขันในสนามต่อไป แม่แต้มสะสมถึง 10 แต้มทั้งหมดจะถูกรีเซ็ตเป็น 0 อีกครั้ง

- ต้องเก็บเครื่องวอร์มยางทันทีที่ป้ายเวลา 1 นาทีสุดท้ายถูกโชว์ขึ้น

- ใช้กฎเวลา 107% ในการควอลิฟาย นักแข่งต้องท�าเวลาจากรอบซ้อม 4 รอบให้ได้เป็น 107% ของนักแข่งที่เร็ที่สุดถึงจะมีโอกาสลงขี่ในรอบความลิฟายได้

- นักแข่งที่ไม่เข้าประชุมหรือร่วมลงแข่งในสนามแรกจะไม่ถูกตัดสิทธิ์แต่จะถูกตัดคะแนนแทน

- การเปลี่ยนใช้รถที่มีไฟแดงเมื่อฝนตกหรือสนามเปียกขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทีม จะไม่มีการออกค�าสั่งอีกต่อไป

- นักแข่งที่ Jump Start จะมีรายละเอียดขึ้นให้ดูในตาราง- ไม่มีค่าปรับขั้นต�่า ต่อไปนี้จะถูกปรับสูงสุด 50,000 ยูโร- ห้ามใช้ล้อที่มีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์ลงแข่ง

(เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นใน Moto2 และ Moto3)- ยกเลิกกฎที่อนุญาตให้ทีม CRT ใช้จานเบรกดิสก์เบรกใหญ่

กว่ามาตรฐาน- ยางแบบรุ่นใหม่จะเพิ่มทางเลือกให้กับนักแข่ง แต่ถ้า

นักแข่งไม่ใช้จะถูกยกเลิก โดยการทดสอบยางจะมีขึ้นที่เซปังวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ปีหน้า

- ทีม CRT จะได้ใช้ยางหลังที่ “นุ่มกว่า” ในปีหน้ากฎใหม่ส�าหรับ Moto2 และ Moto3 ที่จะมีผลทันที- ระบบ Quick Shifter (เปลี่ยนเกียร์เร็ว) จะต้องถูกตรวจ

สอบโดยฝ่ายเทคนิคของกรรมการก่อน- จ�ากัดจ�านวนยางลงเหลือ หน้า 8 หลัง 9 เส้น- หมายเลขรถแข่งจะต้องห่างกันอย่างน้อย 10 มม. ระหว่าง

ตัวเลข 2 ตัว และห้ามใช้แบ็คกราวด์สะท้อนแสงHJC เปิดไลน์หมวกใหม่Rphad 10 เทคโนโลยี MotoGP

หลังจากเปิดตัวไปที่งาน Eicma กับหมวกกันน็อคระดับโลกที่มีนักแข่งอย่าง Ben Spies ไว้วางใจใช้บริการ รุ่นใหม่ล่าสุดของ HJC คือ Rphad 10 ซึ่งผลิตออกมาโดยใช้วัสดุแตกต่างกันถึง 3 แบบคือ คาร์บอนไฟเบอร์ อาร์มิดไฟเบอร์ และไฟเบอร์กลาส ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในหมวกรุ่นใหม่นี้

- ชีลด์รุ่นใหม่พร้อมที่ล็อคที่ให้มุมมองการมองเห็นที่กว้างขึ้น- การ์ดคางรุ่นใหม่ปิดคางมิดชิดและถอดง่าย- บุผ้าภายในถอดออกล้างได้ง่ายขึ้น- ปรับแต่งช่องลมใหม่ให้แอร์โรวได้นามิกดีขึ้น หมวกเสถียรขึ้นและเย็นขึ้น- ราคาเริ่มที่ 374 ยูโร – 474 ยูโร

อยากได้ต้องประมูล! รถในต�านานที่เหล่าดาราเคยขี่!นักสะสมมอเตอร์ไซค์ฟังทางนี้ เวปไซต์ Charitybuzz.com เปิดโอกาสให้

เหล่าแฟนพันธุ์แท้มอเตอร์ไซค์ได้ประมูลเจ้า 2 ล้อในต�านานที่เคยเข้าซีนถ่ายหนังดังมาแล้วกับโครงการ Boot Campaign รถที่เข้าประมูลมีทั้งหมด 5 คัน ได้แก่ 1962 Cushman Eagle, 1972 Harley Davidson Ironhead Sportster XLH, 1988 Yamaha TW, 1991 Yamaha XT 350 และ 2005 Ducati 1000DS ซึ่งคันนี้วิ่งไปแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น งานนี้พระเอก “ตายยาก” บรูซ วิลลิสจากหนัง Die Hard ก็จะเข้าร่วมประมูลด้วย รายได้จะถูกมอบให้กับมูลนิธิช่วยทหารผ่านศึก...ใครใจบุญและอยากสะสมรถก็เข้าไปร่วมประมูลได้นะคร๊าบ

For Ride Magazine January 2013 51

Page 51: FRM issue 3 (January 2013)

เลี้ยงสุดท้ายอ�าลาแชมป์โลก Nolan Christmas Party อ�าลาเพื่อนเก่า “ลอเรนโซ่”

งานเลี้ยงคริสต์มากที่จัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี่เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ใช้หมวก Nolan (X-Lite) โดยมีนักบิดระดับโลกอย่าง มาร์โค่ เมลานดรี่, มิเชล ฟาบริสิโอ่, คาลอส เชก้า และแชมป์โลกโมโตจีพีคนล่าสุด ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ โดยนายอัลเบอร์โต้ เวอร์กานี่ผู้บริหาร Nolan ได้บอกข่าวร้ายกับทุกคนว่าปีหน้าลอเรนโซ่จะไม่ได้ใช้หมวกของ Nolan อีกต่อไปหลังจากอยู่ด้วยกันมาถึง 6 ปี พร้อมมอบหมวกลายพิเศษสีรุ้งพร้อมหมายเลข 3 แสดงถึงจ�านวนครั้งที่เค้าเคยได้แชมป์กับหมวก Nolan...ปีหน้าเค้าจะใส่หมวกยี่ห้อไหนน๊า !?

Yamaha ควกักระเป๋าจ่ายโบกมอืบ๊ายบาย Rockstarเพื่อหลีกทางให้ Monster

แม้จะมีการต่อสัญญากันไปแล้วกับ Rockstar สปอนเซอร์หลักของฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แต่แล้วล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อทาง Monster Energy Drink ต้องการเป็น Co-Sponsor ให้กับทีม Yamaha Factory ท�าให้ยามาฮ่าต้องรักษาน�้าใจของ Rockstar ด้วยการยอมจ่ายเพื่อยกเลิกสัญญาแล้วเซ็นสัญญาใหม่กับ Monster นั่นเท่ากับว่าปีหน้าทั้งรอสซี่และลอเรนโซ่จะเปลี่ยนมาดื่ม Monster แทน...แบบนี้ลายชุดแข่ง-หมวกกก็ต้องเปลี่ยนใหม่ด้วยสิ!

ชมให้ชัด MV Agusta Rivale 800

คัดมาให้ชมกันให้ชัดกับรถใหม่ที่ได้รับความสนใจจากงาน EICMA ที่ประเทศอิตาลี่เมื่อเดือนก่อน มันคือ MV Agusta Rivale 800 (รีเวล) โดดเด่นที่เครื่องยนต์ 3 สูบอัดแน่นด้วยก�าลัง 125 แรงม้าภายใต้รูปลักษณ์แบบ Street-Figther เจ้า Rivale 800 คันนี้ถูกโฆษณาไว้ว่าขี่ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ที่ส�าคัญมันมาพร้อมระบบคันเร่งไร้สาย Ride-By-Wire เอาไว้เราจะรีวิวเจาะทุกชิ้นส่วนให้ชมอีกทีนะครับ!

Yamaha ไม่ค่อยแน่ในในการกลับมาของ Rossi

หลายคนรู้กันดีแล้วว่าวาเลนติโน่ รอสซี่เจ้าของแชมป์โลก 9 สมัยได้ย้ายจากทีม Ducati หวนคืนรังกลับมาเคียงข้างลอเรนโซ่ในทีม Yamaha Factory Racing ในการแข่งขัน MotoGP ปีหน้า...แต่! จากบทสัมภาษณ์ของมาซาโอะ ฟูรุซาว่า ช่างมือเก๋าประจ�าทีมที่เคยเป็นคู่หูกับรอสซี่ก่อนจะลาออกเมื่อจบฤดูกาล 2010 ว่า “ผมรู้ว่ายามาฮ่ารู้สึกไม่คอยมั่นใจในตัวรอสซี่และการกลับมาของเค้า หลังจากไม่ประสบความเร็จในช่วง 2 ปีกับ Ducati ผมว่าเค้าต้องเกิดความไม่มั่นใจบ้างแหละ ผมว่าคงเป็นเพราะการตลาดที่หลายคนยังคงชื่นชอบรอสซี่ ท�าให้เค้ายังคงมีเครดิตกับยามาฮ่า...แต่ส่วนตัวแล้วส�าหรับผม ถ้าทีม Yamaha หรือรอสซี่ต้องการให้ผมกลับมา ผมก็พร้อมกลับมาเซ็ตรถ M1 ให้พร้อมลุยศึกอย่างแน่นอน ผมว่ารอสซี่สู้เค้าได้แหละน่า!”

NEWSINTER NEWS

For Ride Magazine January 201350

มาแล้วกฎใหม่ MotoGP 2013หลังจากที่ประชุม FIM และ Dorna ฟังธงกฎใหม่เรียบร้อย

FRM ก็รีบแปลออกมาให้แฟนๆ FRM ได้รู้กันทันที- มีการตัดคะแนนกรณีที่นักแข่งโดนตักเตือนหรือกระท�าการ

ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุโดยตัดได้ 1-10 แต้มตามความเหมาะสม เมื่อโดนตัดถึง 4 แต้มจะต้องสตาร์ทจากท้ายแถว โดนตัดถึง 7 แต้มจะต้องออกสตาร์ทจากพิทเลน และโดนตัด 10 แต้มจะถูกตัดสิทธิ์แข่งขันในสนามต่อไป แม่แต้มสะสมถึง 10 แต้มทั้งหมดจะถูกรีเซ็ตเป็น 0 อีกครั้ง

- ต้องเก็บเครื่องวอร์มยางทันทีที่ป้ายเวลา 1 นาทีสุดท้ายถูกโชว์ขึ้น

- ใช้กฎเวลา 107% ในการควอลิฟาย นักแข่งต้องท�าเวลาจากรอบซ้อม 4 รอบให้ได้เป็น 107% ของนักแข่งที่เร็ที่สุดถึงจะมีโอกาสลงขี่ในรอบความลิฟายได้

- นักแข่งที่ไม่เข้าประชุมหรือร่วมลงแข่งในสนามแรกจะไม่ถูกตัดสิทธิ์แต่จะถูกตัดคะแนนแทน

- การเปลี่ยนใช้รถที่มีไฟแดงเมื่อฝนตกหรือสนามเปียกขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทีม จะไม่มีการออกค�าสั่งอีกต่อไป

- นักแข่งที่ Jump Start จะมีรายละเอียดขึ้นให้ดูในตาราง- ไม่มีค่าปรับขั้นต�่า ต่อไปนี้จะถูกปรับสูงสุด 50,000 ยูโร- ห้ามใช้ล้อที่มีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์ลงแข่ง

(เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นใน Moto2 และ Moto3)- ยกเลิกกฎที่อนุญาตให้ทีม CRT ใช้จานเบรกดิสก์เบรกใหญ่

กว่ามาตรฐาน- ยางแบบรุ่นใหม่จะเพิ่มทางเลือกให้กับนักแข่ง แต่ถ้า

นักแข่งไม่ใช้จะถูกยกเลิก โดยการทดสอบยางจะมีขึ้นที่เซปังวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ปีหน้า

- ทีม CRT จะได้ใช้ยางหลังที่ “นุ่มกว่า” ในปีหน้ากฎใหม่ส�าหรับ Moto2 และ Moto3 ที่จะมีผลทันที- ระบบ Quick Shifter (เปลี่ยนเกียร์เร็ว) จะต้องถูกตรวจ

สอบโดยฝ่ายเทคนิคของกรรมการก่อน- จ�ากัดจ�านวนยางลงเหลือ หน้า 8 หลัง 9 เส้น- หมายเลขรถแข่งจะต้องห่างกันอย่างน้อย 10 มม. ระหว่าง

ตัวเลข 2 ตัว และห้ามใช้แบ็คกราวด์สะท้อนแสงHJC เปิดไลน์หมวกใหม่Rphad 10 เทคโนโลยี MotoGP

หลังจากเปิดตัวไปที่งาน Eicma กับหมวกกันน็อคระดับโลกที่มีนักแข่งอย่าง Ben Spies ไว้วางใจใช้บริการ รุ่นใหม่ล่าสุดของ HJC คือ Rphad 10 ซึ่งผลิตออกมาโดยใช้วัสดุแตกต่างกันถึง 3 แบบคือ คาร์บอนไฟเบอร์ อาร์มิดไฟเบอร์ และไฟเบอร์กลาส ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในหมวกรุ่นใหม่นี้

- ชีลด์รุ่นใหม่พร้อมที่ล็อคที่ให้มุมมองการมองเห็นที่กว้างขึ้น- การ์ดคางรุ่นใหม่ปิดคางมิดชิดและถอดง่าย- บุผ้าภายในถอดออกล้างได้ง่ายขึ้น- ปรับแต่งช่องลมใหม่ให้แอร์โรวได้นามิกดีขึ้น หมวกเสถียรขึ้นและเย็นขึ้น- ราคาเริ่มที่ 374 ยูโร – 474 ยูโร

อยากได้ต้องประมูล! รถในต�านานที่เหล่าดาราเคยขี่!นักสะสมมอเตอร์ไซค์ฟังทางนี้ เวปไซต์ Charitybuzz.com เปิดโอกาสให้

เหล่าแฟนพันธุ์แท้มอเตอร์ไซค์ได้ประมูลเจ้า 2 ล้อในต�านานที่เคยเข้าซีนถ่ายหนังดังมาแล้วกับโครงการ Boot Campaign รถที่เข้าประมูลมีทั้งหมด 5 คัน ได้แก่ 1962 Cushman Eagle, 1972 Harley Davidson Ironhead Sportster XLH, 1988 Yamaha TW, 1991 Yamaha XT 350 และ 2005 Ducati 1000DS ซึ่งคันนี้วิ่งไปแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น งานนี้พระเอก “ตายยาก” บรูซ วิลลิสจากหนัง Die Hard ก็จะเข้าร่วมประมูลด้วย รายได้จะถูกมอบให้กับมูลนิธิช่วยทหารผ่านศึก...ใครใจบุญและอยากสะสมรถก็เข้าไปร่วมประมูลได้นะคร๊าบ

For Ride Magazine January 2013 51

Page 52: FRM issue 3 (January 2013)

ซ่อม-สร้าง-เสรมิสวย-คนืสภาพหมวกสดุรกั

โดย “Ball Helmet House” ราคาเดยีว 500 บาท!!?

ริงอยู่ครับที่ว่าหมวกกันน็อคล้วนแล้วแต่มีอายุการใช้งานของมัน บ้างก็ว่า 2-3 ปีก็ทิ้งได้แล้ว...แต่ด้วยจ�านวนเงินในกระเป๋าอันน้อยนิดที่มี...จะโยนหมวกสุดรักราคา 2 หมื่นทิ้งไปแล้วไปซื้อใบใหม่ในราคาเดิมมันก็คงไม่ค่อยเข้าท่า หลายคนที่ครอบครองหมวกเจ๋งๆ อย่าง Arai หรือ Shoei อยู่คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เมื่อหมวกใบเก่งภายนอกยังคงใสกิ๊ง...แต่ภายในแทบจะสลายร่างหมดแล้ว โชคดีที่ FRM ได้ไปเจอกับ “Ball Helmet House”-“พี่บอล” ผู้คอยปลุกชีพคืนสภาพใหม่ให้หมวกกันน็อคไม่ว่าจะเน่าแค่ไหน...แต่ขอให้มีคุณสมบัติดังนี้

1. มีครบทุกชิ้นส่วนหลักได้แก่ โฟม ฟองน�้าที่แก้ม ตะกร้อหมวก

2. สั่งได้ทุกแบบ จะเอาเส้นด้ายสีไหน จะเอาฟองน�้าหนาเท่าไหร่ สั่งได้หมด...แต่ “ห้ามเร่ง”

For Ride Magazine January 201352

- แกะชิ้นโฟมหลักล้างท�าความสะอาด(หอมเหมือนใหม่)- แกะชิ้นฟองน�้าท�าความสะอาด...ถ้าฟองน�้าเละมากหรือลูกค้าสั่งท�าใหม่ก็จะโยนของเก่าท้ิงไปเลยแล้วสร้างใหม่

จากฟองน�้าใหม่- ถ้าเนื้อผ้าบุเน่ามากก็จะถูกกระชากออกโยนทิ้งเช่นกันจากนั้นเค้าจะสร้างขึ้นใหม่จากวัสดุเนื้อเดียวกันแบบ

เดียวกันเรียกว่าเหมือนได้ผ้าบุภายในใหม่เลยทีเดียว- หลังจากภายในสะอาดหมดจดก็น�าเอาผ้าบุมาติดกาวกับนวมฟองน�้าที่ขึ้นรูปเรียบร้อยเสร็จแล้วทิ้งไว้2

วันให้กาวแห้ง- จากนั้นเย็บเก็บรายละเอียดฟองน�้าและผ้าบุให้เหมือนกับของOriginalเป๊ะๆจากนั้นประกอบเข้ากับ

ชิ้นโฟมหลัก- ติดชิ้นโฟมที่มีตัวบุและฟองน�้าใหม่กริ๊บเข้าไปกับหมวกด้วยซิลิโคนพิเศษ- ตบแต่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างพวกนวมรองสายรัดคาง...ที่HelmetHouseจะจัดท�าให้เป็นพิเศษ

เพื่อลูกค้าด้วยการท�าให้มันยาวขึ้นเพื่อลดการเสียดสีจากสายรัดคาง...(ใส่ใจรายละเอียดสุดๆ)- ส�าหรับใครที่ท�าขอบยางรอบหมวกหลุด...พี่บอลเค้าก็จัดท�าให้ได้ครับ(เนียนด้วย)- ชิ้นส่วนอย่างชีลด์พลาสติกปิดช่องลมฯลฯ...พี่เค้าสร้างให้ไม่ได้นะครับแต่เค้าหาซื้อให้ได้เป็นบางรุ่น

ราคาค่าบริการคืนสภาพหมวกอยู่ที่500บาท!ใช่แล้วครับต่อให้เน่าแค่ไหนเปื่อยยังไงพี่เค้าก็คิดราคาแค่500บาทเท่านั้นมีข้อแม้ว่า“ห้ามเร่ง ห้ามรีบ ห้ามลัดคิว”ยัดเงินใต้โต๊ะให้พี่เค้าท�าให้ก่อนเค้าก็“ไม่รับ”เพราะอาชีพหลักของพี่เค้าคือนักทดสอบรถมอเตอร์ไซค์และนักเขียนอิสระ...งานซ่อมหมวกเป็นงานอดิเรกที่เค้าหลงรักเท่านั้น....เมื่อลองถามย้อนถึงที่มาของการมาซ่อมหมวกกันน็อคก็ได้ค�าตอบว่า“ผมป็นคนที่ชื่นชอบหมวกกันน็อคและชอบสะสม...ผมเลยรู้ว่าอะไรที่ท�าได้และควรท�า อย่างการซ่อมหมวกจากที่ไม่สามารถใส่ได้แล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง”หมวกกันน็อคใบแรกที่พี่เค้าลองคืนสภาพคือShoeiของนักทดสอบรถจากนิตยสารRidingซึ่งก็ประสบความส�าเร็จนี่คือจุดเริ่มต้นการเซอร์วิสหมวกกันน็อคของเค้า

….เค้าว่ากันว่าถ้าท�าอะไรที่ใจรักเรามักจะท�าได้ดีเช่นเดียวกันกับBallHelmetHouseที่ใส่ใจลงไปในทุกเส้นด้ายที่เย็บทุกชิ้นฟองน�้าที่ตัดและในหมวกทุกใบที่เค้าได้สัมผัสระยะเวลาการซ่อมหมวก1ใบประมาณไม่เกิน1อาทิตย์พี่เค้าไม่ได้ท�าทีละใบแต่ท�าทีละหลายใบไปพร้อมกันๆเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาจึงมีหมวกเข้าคิวรอให้“ย้อนวัย”มากถึง44ใบ(กองรกเต็มบ้านจนแทบจะนอนบนหมวกได้แล้ว!)เอาเป็นว่าใครมีหมวกสุดรักสุดหวงนอน“ตาย”อยู่ทีบ้านลองติดต่อBallHelmetHouseเพื่อจองคิวเข้ารับการ“คืนชีพ”ให้หมวกใบเก่งของคุณกลับมาโลดแล่นได้ใหม่ดีกว่าครับติดต่อด้วยตัวเองที่089-522-9345หรือไปชมสภาพก่อนและหลังคืนชีพหมวกตัวจริงได้ที่http://www.facebook.com/BallHelmetHouse

� ขั้นตอนการคืนสภาพหมวกกันน็อคก็มีไม่มาก ขอเรียงคร่าวๆ ดังนี้:

Life Style

For Ride Magazine January 2013 53

Page 53: FRM issue 3 (January 2013)

ซ่อม-สร้าง-เสรมิสวย-คนืสภาพหมวกสดุรกั

โดย “Ball Helmet House” ราคาเดยีว 500 บาท!!?

ริงอยู่ครับที่ว่าหมวกกันน็อคล้วนแล้วแต่มีอายุการใช้งานของมัน บ้างก็ว่า 2-3 ปีก็ทิ้งได้แล้ว...แต่ด้วยจ�านวนเงินในกระเป๋าอันน้อยนิดที่มี...จะโยนหมวกสุดรักราคา 2 หมื่นทิ้งไปแล้วไปซื้อใบใหม่ในราคาเดิมมันก็คงไม่ค่อยเข้าท่า หลายคนที่ครอบครองหมวกเจ๋งๆ อย่าง Arai หรือ Shoei อยู่คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เมื่อหมวกใบเก่งภายนอกยังคงใสกิ๊ง...แต่ภายในแทบจะสลายร่างหมดแล้ว โชคดีที่ FRM ได้ไปเจอกับ “Ball Helmet House”-“พี่บอล” ผู้คอยปลุกชีพคืนสภาพใหม่ให้หมวกกันน็อคไม่ว่าจะเน่าแค่ไหน...แต่ขอให้มีคุณสมบัติดังนี้

1. มีครบทุกชิ้นส่วนหลักได้แก่ โฟม ฟองน�้าที่แก้ม ตะกร้อหมวก

2. สั่งได้ทุกแบบ จะเอาเส้นด้ายสีไหน จะเอาฟองน�้าหนาเท่าไหร่ สั่งได้หมด...แต่ “ห้ามเร่ง”

For Ride Magazine January 201352

- แกะชิ้นโฟมหลักล้างท�าความสะอาด(หอมเหมือนใหม่)- แกะชิ้นฟองน�้าท�าความสะอาด...ถ้าฟองน�้าเละมากหรือลูกค้าสั่งท�าใหม่ก็จะโยนของเก่าท้ิงไปเลยแล้วสร้างใหม่

จากฟองน�้าใหม่- ถ้าเนื้อผ้าบุเน่ามากก็จะถูกกระชากออกโยนทิ้งเช่นกันจากนั้นเค้าจะสร้างขึ้นใหม่จากวัสดุเนื้อเดียวกันแบบ

เดียวกันเรียกว่าเหมือนได้ผ้าบุภายในใหม่เลยทีเดียว- หลังจากภายในสะอาดหมดจดก็น�าเอาผ้าบุมาติดกาวกับนวมฟองน�้าที่ขึ้นรูปเรียบร้อยเสร็จแล้วทิ้งไว้2

วันให้กาวแห้ง- จากนั้นเย็บเก็บรายละเอียดฟองน�้าและผ้าบุให้เหมือนกับของOriginalเป๊ะๆจากนั้นประกอบเข้ากับ

ชิ้นโฟมหลัก- ติดชิ้นโฟมที่มีตัวบุและฟองน�้าใหม่กริ๊บเข้าไปกับหมวกด้วยซิลิโคนพิเศษ- ตบแต่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างพวกนวมรองสายรัดคาง...ที่HelmetHouseจะจัดท�าให้เป็นพิเศษ

เพื่อลูกค้าด้วยการท�าให้มันยาวขึ้นเพื่อลดการเสียดสีจากสายรัดคาง...(ใส่ใจรายละเอียดสุดๆ)- ส�าหรับใครที่ท�าขอบยางรอบหมวกหลุด...พี่บอลเค้าก็จัดท�าให้ได้ครับ(เนียนด้วย)- ชิ้นส่วนอย่างชีลด์พลาสติกปิดช่องลมฯลฯ...พี่เค้าสร้างให้ไม่ได้นะครับแต่เค้าหาซื้อให้ได้เป็นบางรุ่น

ราคาค่าบริการคืนสภาพหมวกอยู่ที่500บาท!ใช่แล้วครับต่อให้เน่าแค่ไหนเปื่อยยังไงพี่เค้าก็คิดราคาแค่500บาทเท่านั้นมีข้อแม้ว่า“ห้ามเร่ง ห้ามรีบ ห้ามลัดคิว”ยัดเงินใต้โต๊ะให้พี่เค้าท�าให้ก่อนเค้าก็“ไม่รับ”เพราะอาชีพหลักของพี่เค้าคือนักทดสอบรถมอเตอร์ไซค์และนักเขียนอิสระ...งานซ่อมหมวกเป็นงานอดิเรกที่เค้าหลงรักเท่านั้น....เมื่อลองถามย้อนถึงที่มาของการมาซ่อมหมวกกันน็อคก็ได้ค�าตอบว่า“ผมป็นคนที่ชื่นชอบหมวกกันน็อคและชอบสะสม...ผมเลยรู้ว่าอะไรที่ท�าได้และควรท�า อย่างการซ่อมหมวกจากที่ไม่สามารถใส่ได้แล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง”หมวกกันน็อคใบแรกที่พี่เค้าลองคืนสภาพคือShoeiของนักทดสอบรถจากนิตยสารRidingซึ่งก็ประสบความส�าเร็จนี่คือจุดเริ่มต้นการเซอร์วิสหมวกกันน็อคของเค้า

….เค้าว่ากันว่าถ้าท�าอะไรที่ใจรักเรามักจะท�าได้ดีเช่นเดียวกันกับBallHelmetHouseที่ใส่ใจลงไปในทุกเส้นด้ายที่เย็บทุกชิ้นฟองน�้าที่ตัดและในหมวกทุกใบที่เค้าได้สัมผัสระยะเวลาการซ่อมหมวก1ใบประมาณไม่เกิน1อาทิตย์พี่เค้าไม่ได้ท�าทีละใบแต่ท�าทีละหลายใบไปพร้อมกันๆเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาจึงมีหมวกเข้าคิวรอให้“ย้อนวัย”มากถึง44ใบ(กองรกเต็มบ้านจนแทบจะนอนบนหมวกได้แล้ว!)เอาเป็นว่าใครมีหมวกสุดรักสุดหวงนอน“ตาย”อยู่ทีบ้านลองติดต่อBallHelmetHouseเพื่อจองคิวเข้ารับการ“คืนชีพ”ให้หมวกใบเก่งของคุณกลับมาโลดแล่นได้ใหม่ดีกว่าครับติดต่อด้วยตัวเองที่089-522-9345หรือไปชมสภาพก่อนและหลังคืนชีพหมวกตัวจริงได้ที่http://www.facebook.com/BallHelmetHouse

� ขั้นตอนการคืนสภาพหมวกกันน็อคก็มีไม่มาก ขอเรียงคร่าวๆ ดังนี้:

Life Style

For Ride Magazine January 2013 53

Page 54: FRM issue 3 (January 2013)

> เข้าบ้านไม่ได้!! ต้องเจอนี่ “ชุดงัดแงะพกพา”

แม้มันอาจจะถูกน�าไปใช้ก่ออาชญากรรมได้...แต่เจ้า Titanium Entry Card ใบนี้แหละที่จะช่วยให้คุณเข้าบ้านหรือออกจากบ้านได้ในยามฉุกเฉิน เจ้ากุญแจผีชุดนี้มีขนาดเท่าการ์ดทั่วไป ที่ส�าคัญเนื้อไททาเนี่ยมเป็นเกรดเดียวกันกับที่ใช้ท�าเครื่องบิน!! แกร่งขนาดไหนคิดดูเอาเอง ราคาอิสระภาพแบบพกนี้อยู่ที่ 50$ เท่านั้น (ราว 1,532 บาท)

> แอดดดดด!! ไม่ใช่เจ้าเหมียว A ไม่ให้กิน!

หมดปัญหาเรื่องน้องเหมียวชอบแย่งอาหารกันกินโดยเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวมากกว่า 1 ตัว ส่วนมากคนที่เลี้ยงแมวหลายตัวมักมี 1 หัวโจกที่ชอบแย่งอาหารชาวบ้าน แบบนี้ต้องเจอ Gatefeeder เครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติที่จะเปิดก็ต่อเมื่อเซ็นเซอร์ RFID ตรวจเจอว่าเป็นน้องเหมียวตัวที่ใช่ มันเวิร์คนะครับแต่มันก็แพงใช้ได้ ค่าตัว 249$ (7,631 บาท)

> ปีใหม่นี้ไม่มีเพื่อน...ไม่แคร์ชั้นมีฟองดูว์กินคนเดียวไม่แบ่งใคร

จะไปเรียกเจ้าอุปกรณ์ชิ้นว่า “โดดเดียวตลอดกาล” ก็คงไม่ถูก แต่มันก็เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ในวันหยุด มันคือ “Forever Alone Fondue Set” ข้อดีที่สุดของมันก็คือมันท�าให้คุณได้กินชีสฟองดูว์ง่ายๆ แค่จุดเทียนไว้ใต้แก้วก็จะได้ชีสร้อนๆ กินแบบไม่เลอะเทอะไม่เกะกะเหมือนหม้อใบใหญ่ ราคาเบาๆ แค่ 15$ ต่อแก้ว 2 ใบ (460 บาท)

> สาวกแบทแมนต้องม.ี..USB Drive TDKR

ง่ายๆ สั้นๆ กับ USB Drive คอลเล็คชั่นล่าสุดของหนัง Batman : The Dark Knight Rise หน้าตาโดดเด่นดึงดูดสายตากับรูปปั้นครึ่งตัวหุ่นแบทแมน มันเจ๋งตรงที่เมื่อถอดหัวแบทแมนเสียบกับคอมพิวเตอร์ ที่หน้าอกของแบทแมนและดวงตาจะเปล่งแสงสีฟ้าออกมา...บางคนอาจรับไม่ได้ที่ต้องถอดหัวแบทแมนทุกครั้งที่ใช้งาน แต่มีติดโต๊ะไว้ก็เก๋อย่าบอกใคร ราคา 86.99$ (2,665 บาท)

> Obtanium: The Oneกระเป๋าตัวแบบใหม่ไม่แกร่ง-ลุย

คุณเบื่อมั้ยครับกับกระเป๋าตังค์แบบเก่าๆ ที่เทอทะแถมค่อยๆ เปื่อยลงทุกวันๆ ลองเปลี่ยนมาใช้เจ้านี่ Obtanium รุ่น The One กระเป๋าตังค์โลหะทรงฝาพับท�าจากเนื้ออลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ท�าเครื่องบิน เก็บการ์ดได้พอดี เก็บเงินแบบพับได้สบาย แค่เปลี่ยนจากแบงค์ 20 เป็นพกเป็น 1,000 ก็ลดไซส์กระเป๋าลงได้ง่ายๆ...กระเป๋าตังใบใหม่ส�าหรับปีใหม่นี้ราคา 115$ (3,524 บาท)

Cool Gadgets

For Ride Magazine January 201354

Page 55: FRM issue 3 (January 2013)

> เข้าบ้านไม่ได้!! ต้องเจอนี่ “ชุดงัดแงะพกพา”

แม้มันอาจจะถูกน�าไปใช้ก่ออาชญากรรมได้...แต่เจ้า Titanium Entry Card ใบนี้แหละที่จะช่วยให้คุณเข้าบ้านหรือออกจากบ้านได้ในยามฉุกเฉิน เจ้ากุญแจผีชุดนี้มีขนาดเท่าการ์ดทั่วไป ที่ส�าคัญเนื้อไททาเนี่ยมเป็นเกรดเดียวกันกับที่ใช้ท�าเครื่องบิน!! แกร่งขนาดไหนคิดดูเอาเอง ราคาอิสระภาพแบบพกนี้อยู่ที่ 50$ เท่านั้น (ราว 1,532 บาท)

> แอดดดดด!! ไม่ใช่เจ้าเหมียว A ไม่ให้กิน!

หมดปัญหาเรื่องน้องเหมียวชอบแย่งอาหารกันกินโดยเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวมากกว่า 1 ตัว ส่วนมากคนที่เลี้ยงแมวหลายตัวมักมี 1 หัวโจกที่ชอบแย่งอาหารชาวบ้าน แบบนี้ต้องเจอ Gatefeeder เครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติที่จะเปิดก็ต่อเมื่อเซ็นเซอร์ RFID ตรวจเจอว่าเป็นน้องเหมียวตัวที่ใช่ มันเวิร์คนะครับแต่มันก็แพงใช้ได้ ค่าตัว 249$ (7,631 บาท)

> ปีใหม่นี้ไม่มีเพื่อน...ไม่แคร์ชั้นมีฟองดูว์กินคนเดียวไม่แบ่งใคร

จะไปเรียกเจ้าอุปกรณ์ชิ้นว่า “โดดเดียวตลอดกาล” ก็คงไม่ถูก แต่มันก็เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ในวันหยุด มันคือ “Forever Alone Fondue Set” ข้อดีที่สุดของมันก็คือมันท�าให้คุณได้กินชีสฟองดูว์ง่ายๆ แค่จุดเทียนไว้ใต้แก้วก็จะได้ชีสร้อนๆ กินแบบไม่เลอะเทอะไม่เกะกะเหมือนหม้อใบใหญ่ ราคาเบาๆ แค่ 15$ ต่อแก้ว 2 ใบ (460 บาท)

> สาวกแบทแมนต้องม.ี..USB Drive TDKR

ง่ายๆ สั้นๆ กับ USB Drive คอลเล็คชั่นล่าสุดของหนัง Batman : The Dark Knight Rise หน้าตาโดดเด่นดึงดูดสายตากับรูปปั้นครึ่งตัวหุ่นแบทแมน มันเจ๋งตรงที่เมื่อถอดหัวแบทแมนเสียบกับคอมพิวเตอร์ ที่หน้าอกของแบทแมนและดวงตาจะเปล่งแสงสีฟ้าออกมา...บางคนอาจรับไม่ได้ที่ต้องถอดหัวแบทแมนทุกครั้งที่ใช้งาน แต่มีติดโต๊ะไว้ก็เก๋อย่าบอกใคร ราคา 86.99$ (2,665 บาท)

> Obtanium: The Oneกระเป๋าตัวแบบใหม่ไม่แกร่ง-ลุย

คุณเบื่อมั้ยครับกับกระเป๋าตังค์แบบเก่าๆ ที่เทอทะแถมค่อยๆ เปื่อยลงทุกวันๆ ลองเปลี่ยนมาใช้เจ้านี่ Obtanium รุ่น The One กระเป๋าตังค์โลหะทรงฝาพับท�าจากเนื้ออลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ท�าเครื่องบิน เก็บการ์ดได้พอดี เก็บเงินแบบพับได้สบาย แค่เปลี่ยนจากแบงค์ 20 เป็นพกเป็น 1,000 ก็ลดไซส์กระเป๋าลงได้ง่ายๆ...กระเป๋าตังใบใหม่ส�าหรับปีใหม่นี้ราคา 115$ (3,524 บาท)

Cool Gadgets

For Ride Magazine January 201354

Page 56: FRM issue 3 (January 2013)