แผนการจัดการเรียนรู ุ กลมสาระ...

18
Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th แผนการจัดการเรียนรูกลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร แผนการจัดการเรียนรูที9 เรื่อง ดิน ภาคเรียนที2 ปการศึกษา 2551 เวลา 2 คาบ รายวิชา วิทยาศาสตร (32101) สัปดาหที10 วันที15 .. 52 ชั้นมัธยมศึกษาปที2 หอง 2/1 ผูสอนนางสาวจตุพร เจาทรัพย อาจารยนิเทศ อาจารยธวัชชัย วิจารณนิกรกิจ มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน 6.1 : เขาใจกระบวนการตางๆที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ ของกระบวนการตางๆ ที่มีผลตอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศและสัณฐานของโลก มี กระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน จุดมุงหมายของหลักสูตร 1. เพื่อผลิตและพัฒนานักเรียนใหมีความรูความสามารถทางดานวิทยาศาสตร 2. ใหนักเรียนสามารถคิดเปน ทําเปน แกปญหาเปน โดยใชกระบวนการทาง วิทยาศาสตร 3. สงเสริมและสนับสนุนใหผูสอนคิดคนวิจัย เพื่อพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาและ เผยแพรองคความรูใหกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ คุณลักษณะอันพึงประสงคของโรงเรียน 1. นักเรียนมีทักษะทางดานการคิดวิเคราะห สังเคราะห แกปญหาการจัดการอยางเปน ระบบ รูวิธีการแสวงหาความรูเพิ่มเติมจากสื่อและแหลงการศึกษาตางๆ 2. นักเรียนมีความรูและทักษะพื้นฐานทางดานคณิตศาสตร วิทยาศาสตร เทคโนโลยีและ สิ่งแวดลอม เพียงพอตอการแสวงหาความรูเพิ่มเติมดวยตนเอง หรือศึกษาตอในระดับอุดมศึกษา รวมทั้งรูจักเลือกใชวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีในชีวิตประจําวันอยางเหมาะสมและเทคโนโลยีใน ชีวิตประจําวันอยางเหมาะสมและตระหนักถึงความสําคัญของการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดลอม

Upload: others

Post on 08-Mar-2020

1 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

แผนการจัดการเรียนรูกลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร แผนการจัดการเรียนรูท่ี 9 เร่ือง ดิน ภาคเรียนท่ี 2 ปการศึกษา 2551 เวลา 2 คาบ รายวิชา วิทยาศาสตร (ว 32101) สัปดาหท่ี 10 วันท่ี 15 ม.ค. 52 ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 2 หอง 2/1 ผูสอนนางสาวจตุพร เจาทรัพย อาจารยนิเทศ อาจารยธวัชชัย วิจารณนกิรกิจ มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ว 6.1 : เขาใจกระบวนการตางๆท่ีเกิดข้ึนบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธของกระบวนการตางๆ ท่ีมีผลตอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศและสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน จุดมุงหมายของหลักสูตร

1. เพื่อผลิตและพฒันานักเรียนใหมีความรูความสามารถทางดานวิทยาศาสตร 2. ใหนกัเรียนสามารถคิดเปน ทําเปน แกปญหาเปน โดยใชกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร 3. สงเสริมและสนับสนุนใหผูสอนคิดคนวิจยั เพื่อพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาและ

เผยแพรองคความรูใหกับสถาบันการศึกษาอ่ืนๆ คุณลักษณะอันพึงประสงคของโรงเรียน

1. นักเรียนมีทักษะทางดานการคิดวิเคราะห สังเคราะห แกปญหาการจดัการอยางเปน ระบบ รูวิธีการแสวงหาความรูเพิ่มเติมจากส่ือและแหลงการศึกษาตางๆ

2. นักเรียนมีความรูและทักษะพื้นฐานทางดานคณิตศาสตร วิทยาศาสตร เทคโนโลยีและ ส่ิงแวดลอม เพียงพอตอการแสวงหาความรูเพิ่มเติมดวยตนเอง หรือศึกษาตอในระดับอุดมศึกษา รวมท้ังรูจักเลือกใชวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีในชีวิตประจําวนัอยางเหมาะสมและเทคโนโลยีในชีวิตประจําวันอยางเหมาะสมและตระหนักถึงความสําคัญของการรักษาธรรมชาติและส่ิงแวดลอม

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

ดิน สมบัติบางประการและการปรับปรุงคุณภาพของดนิ

การปรับปรุงคุณภาพของดิน

1) การใสปุยเพื่อเพิ่มแรธาตุ

2) การปรับความเปนกรด – เบสของดิน

3) การปลูกพชืหมุนเวียน

ดินเปรี้ยว

ดินเค็ม

ดินฝาด

สมบัติทางกายภาพ

สมบัติทางเคมี

สมบัติทางชีวภาพ

ลักษณะการยดึกันของอนภุาคเนื้อดิน

ความเปนกรด-เบสของดิน

การมีสิ่งมีชีวิตหรือสารอินทรียอยูในดิน

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

2. สาระพื้นฐาน สาระท่ี 6 : กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลก 3. มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐาน ว 6.1 : เขาใจกระบวนการตางๆท่ีเกิดข้ึนบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธของกระบวนการตางๆ ท่ีมีผลตอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศและสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน 4. มาตรฐานการเรียนรูชวงชัน้ สืบคนขอมูล สํารวจตรวจสอบ อภิปรายและอธิบาย เกีย่วกับช้ันหนาตัดของดิน สมบัติของดินและการนําไปใชประโยชน 5. ผลการเรียนรูท่ีคาดหวัง มีความรู ความเขาเกี่ยวกับสมบัติของดิน ลักษณะท่ัวไปของดิน สามารถอธิบายและเขียนแผนภาพช้ันหนาตัดของดินและ การกําเนดิดิน 6. จุดประสงคการเรียนรู 1. นักเรียนอธิบายสมบัติบางประการของดินและกําเนดิดินได 2. นักเรียนสามารถอภิปรายและเสนอแนะการปรับปรุงคุณภาพของดนิใหเหมาะสมกับการใชประโยชนได 7. สาระการเรียนรู ดนิในบริเวณตางๆท่ีหางไกลกัน จะมีสมบัติและลักษณะท่ีแตกตางกนั ข้ึนกับลักษณะภูมิประเทศ ภมิูอากาศ องคประกอบในดิน และวัตถุตนกําเนิดดิน

สมบัติตางๆของดินแบงเปน 3 ดาน คือ 1) สมบัติทางกายภาพ หมายถึง ลักษณะการยึดกันของอนุภาคเนื้อดิน เนื้อดินท่ีแตกตางกันเกิดจากวัตถุตนกําเนดิดินท่ีตางกัน และเกดิจากสัดสวนของอนุภาพดินท่ีมีขนาดตางกัน คือ อนภุาคดินเหนยีว อนภุาคดินทรายแปง และอนภุาคทราบ อนุภาคดิน 3 ขนาดท่ีผสมกันเกิดเปนเนื้อดนิ 3 กลุมใหญคือ ดินทราย ดินเหนียว ดินรวน 2) สมบัติทางเคมี หมายถึง ความเปนกรด-เบสของดิน ซ่ึงมีผลตอการเจริญเติบโตของพืช วิธีวัด pH ของดิน โดยละลายดินในน้ํากล่ัน แลวทดสอบดวยกระดาษ pH ถาคา pH ตั้งแต 1-6 แสดงวาเปน

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

3) สมบัติทางชีวภาพ หมายถึง การมีส่ิงมีชีวิตหรือสารอินทรียอยูในดนิ สารอินทรียในดินเกิดจากการยอยสลายซากพืชซากสัตว โดยส่ิงมีชีวิตในดินจาํพวกจุลินทรียขนาดเล็ก เชน แบคทีเรีย รา สาหราย ทําการยอยสลายสารอินทรียโมเลกุลใหญใหมีขนาดเล็กลง นอกจากน้ีในดินยังมีสัตวขนาดใหญ เชน ปลวก มด ตะขาบ กิ้งกือ ไสเดือนดิน หนอน ท่ีชวยกัดกนิซากขนาดใหญใหมีขนาดเล็กลง และยังชวยชอนไชในดินทําใหมีการถายเทอากาศในดินอีกดวย

การปรับปรุงคณุภาพของดิน การปรับปรุงคุณภาพของดินใหเหมาะสมกบัการเพาะปลูกมีหลายวิธี ดงันี้

1) การใสปุยเพ่ือเพิ่มแรธาตุ ดินเปนสารผสมท่ีประกอบดวยอนุภาคของสารหลายชนิดและสัดสวนในการผสมกันของอนุภาคเหลานีจ้ะแตกตางกนัไปในท่ีตางๆ ทําใหดนิมีสมบัติตางกัน ดังนั้น การใสปุยจึงมีวัตถุประสงค ดังนี ้ - เพื่อเพ่ิมเกลือแรใหกบัดิน เกลือแรบางชนิดท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตของพืช เชน เกลือแรของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และอ่ืนๆ เกษตรกรจะตองมีการตรวจสอบคุณภาพของดนิ โดยการตรวจดูปริมาณของเกลือแรเหลานี้เปนระยะๆ เพื่อจะไดใสปุยอยางถูกตองและเหมาะสม - เพื่อเพ่ิมสารอินทรียในดิน อาจกระทําไดโดยใชปุยพชืสด ใสปุยคอกและปุยหมัก ซ่ึงปุยอินทรียเหลานี้จะชวยใหดินมีความสามารถอุมน้ําดีข้ึน อากาศแทรกซึมไดสะดวกและลดอัตราการสูญเสียหนาดนิ ซ่ึงตองใชปุยใหพอเหมาะมิฉะนั้นพืชจะไมไดรับประโยชนเต็มท่ี 2) การปรับความเปนกรด – เบสของดิน ตัวอยางปจจัยท่ีเพิ่มความเปนกรด – เบส ของดินไดแก การเนาเปอยของสารอินทรียในดิน การใสปุยเคมบีางชนิด การใสปูนขาว โดยท่ัวไปปริมาณแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และโซเดียมท่ีเกาะอยูกับเม็ดดินมีมากนอยตางกัน จึงทําใหดนิแตละชนิดมีความเปนกรด-เบสแตกตางกันไปดวย ดินบางแหงเปนดินเปร้ียว คือ ดินท่ีมีสภาพเปนกรด บางบริเวณอาจเปนดินท่ีเปร้ียวมากๆจนพืชไมสามารถเจริญเติบโตไดตองแกไขโดยการใสสารท่ีเปนเบส เชน ปูนขาว ดินมารล ดินบางบริเวณมีเกลือโซเดียมคลอไรด หรือโซเดียมคารบอเนต ปะปนอยูมากทําใหดนิเค็ม พืชไมสามารถดูดน้ําจากดินมาใชได เพราะมีเกลือละลายอยูในน้ําท่ีพืชดูดข้ึนมาเล้ียงลําตน ทําใหใบพชืไหมและลําตนเหี่ยว การแกไขไดดวยการใชน้าํจืดชะลางเกลือแลวระบายน้าํเกลือท้ิง หรือใชกํามะถันผง หรือแคลเซียมซัลเฟต เติมลงไปเพื่อทําใหเกิดเกลือโซเดียมซัลเฟตท่ีน้ําชะลางออกไดงาย ดินฝาดเปนดนิท่ีเปนเบสมาก ไมเหมาะตอการเจริญเติบโตของพืช การแกไขคอนขางยุงยากและซับซอนกวาดนิท่ีผิดปกติชนดิอ่ืนๆ แตก็สามารถแกไขโดยเติมกํามะถันผลลงในดิน

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

3) การปลูกพชืหมุนเวียน แมวาการปลูกพืชจะเปนการชวยอนุรักษดนิวิธีหนึ่ง แตการปลูกพืชชนิดเดยีวซํ้าๆอยูท่ีเดิมตลอดเวลาจะทําใหดนิจืดขาดธาตุอาหารท่ีจําเปนตอพืชนั้น เนือ่งจากพืชเพยีงชนิดเดียวจะมีการใชแรธาตุท่ีมีลักษณะเดียวโดยตลอด จึงจําเปนตองปลูกพืชหมุนเวียน และเพ่ิมสารอินทรียในดินท่ีขาดไป

ศัพทนารู

ดินมารล คือ ดินท่ีมีเนื้อเปนสารประกอบแคลเซียมคารบอเนตเปนสวนใหญ เม่ือบีบน้าํมะนาวหยดใสลงไปจะทําปฏิกิริยากบัแคลเซียมคารบอเนต เกิดแกสคารบอนไดออกไซดเปนฟองฟูข้ึนดเูผินๆ เหมือนดนินั้นพองตัว เรียกวา ดินสอพอง 8. กระบวนการจัดการเรียนรู รูปแบบการสอนท่ีใช : รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบสวนสอบสวน แบบ 5Es

(Inquiry Method)

ขั้นท่ี 1 ขั้นสรางความสนใจ (Engagement Phase) 1. ครูทบทวนความรูเดิมเกี่ยวกับเร่ือง สมบัติของดิน โดยการต้ังคําถามถามนักเรียนดังนี ้ - นักเรียนทราบวาดินในแตละบริเวณมีสมบัติแตกตางกัน แลวสมบัติท่ีแตกตางกนั

ข้ึนอยูกับปจจยัใดบาง ( แนวทางการตอบ : ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ วัตถุตนกําเนิดดินและปริมาณของ

องคประกอบตางๆท่ีอยูในดนิ ) - การนําดนิไปใชประโยชนในกิจกรรมตางๆควรคํานึงถึงส่ิงใดบาง ( แนวทางการตอบ : สมบัติของดิน ) - สมบัติของดินท่ีนํามาใชเปนเกณฑในการกําหนดคุณภาพของดินมีกีอ่ยาง อะไรบาง ( แนวทางการตอบ : เนื้อดิน สี ขนาดอนุภาคของดิน อุณหภูมิ ความพรนุ ความเปนกรด-เบส ) 2. ครูตั้งคําถามเพื่อนําเขาสูบทเรียน เร่ือง สมบัติของดิน วา “ นักเรียนคิดวาดินแตละท่ี มีสมบัติ

เหมือนกนัหรือไม และเราสามารถจําแนกดินไดอยางไร ” (แนวทางการตอบ : ครูดูการตอบของนักเรียนวานักเรียนมีความรูในเรื่องท่ีจะเรียนมากนอย

เพียงใด )

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

ขั้นท่ี 2 ขั้นสํารวจและคนหา (Exploration Phase) ครูอธิบายเร่ืองสมบัติของดินโดยใชส่ือ Power point

1. นักเรียนคิดวาสมบัติทางกายภาพ หมายถึง อะไร แนวทางการตอบ : นักเรียนตอบวาลักษณะโดยท่ัวไปของดิน (ครูอธิบายเพิ่มเติมวา คําวา กายภาพ หมายถึง ลักษณะท่ีไมมีชีวิต ซ่ึงสมบัติทางกายภาพของดิน

คือ ลักษณะการยึดกันของอนุภาคเนื้อดิน เนื้อดินท่ีแตกตางกันเกิดจากวัตถุตนกําเนดิดินท่ีตางกัน และเกิดจากสัดสวนของอนุภาพดินท่ีมีขนาดตางกัน คือ อนภุาคดินเหนียว อนุภาคดินทรายแปง และอนุภาคทราบ อนุภาคดิน 3 ขนาดท่ีผสมกันเกิดเปนเนื้อดนิ 3 กลุมใหญ คือ ดนิทราย ดินเหนียว ดินรวน)

2. สมบัติทางชีวภาพ หมายถึง แนวทางการตอบ : นักเรียนตอบวาการมีส่ิงมีชีวิตหรือสารอินทรียอยูในดิน (ครูอธิบายเพิ่มเติมวาสารอินทรียในดนิเกดิจากการยอยสลายซากพืชซากสัตว โดยส่ิงมีชีวิตในดิน

จําพวกจุลินทรียขนาดเล็ก เชน แบคทีเรีย รา สาหราย ทําการยอยสลายสารอินทรียโมเลกุลใหญใหมีขนาดเล็กลง นอกจากน้ีในดินยังมีสัตวขนาดใหญ เชน ปลวก มด ตะขาบ กิ้งกือ ไสเดือนดิน หนอน ท่ีชวยกัดกนิซากขนาดใหญใหมีขนาดเล็กลง และยังชวยชอนไชในดินทําใหมีการถายเทอากาศในดินอีกดวย )

3. สมบัติทางเคม ี หมายถึง แนวทางการตอบ : ความเปนกรด-เบสของดิน ซ่ึงมีผลตอการเจริญเติบโตของพืช (ครูอธิบายเพิ่มเติมในเร่ืองวิธีการวัดวัด pH ของดิน โดยละลายดินในน้ํากล่ัน แลวทดสอบดวย

กระดาษ pH ถาคา pH ตั้งแต 1-6 แสดงวาเปนดินเปร้ียวหรือดินท่ีเปนกรด ถาคา pH ตั้งแต 8-14 แสดงวาเปนดินเค็มหรือดินฝาดหรือดินท่ีเปนเบส ถาคา pH = 7 แสดงวาเปนดินท่ีเปนกลาง ) - นักเรียนรูจกัเคร่ืองมือใดที่สามารถตรวจสอบความเปนกรด-เบส ของสารได

(แนวทางการตอบ : กระดาษลิตมัส ยูนิเวอรแซลอินดิเคเตอร อินดิเคเตอรในรูปสารละลาย และ pH มิเตอร ) ขั้นท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงขอสรุป (Explanation Phase)

ครูอธิบายความเปนกรด-เบสของดิน จากส่ือ power point โดยใชคําถามตอไปนี้

1. นักเรียนคิดวาความเปนกรด-เบสของดิน ข้ึนอยูกับปจจัยใดบาง

(แนวทางการตอบ : 1. ปริมาณของส่ิงท่ีเพิ่มความเปนกรดในดิน 2. ปริมาณส่ิงท่ีเพิ่มความเปนเบสในดิน และ3. ปริมาณของสารพวกแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และโซเดียมท่ีเกาะอยูท่ีเม็ดดิน)

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

2. ถาดินมีความเปนกรดมาก เรียกวาอะไร และจะมีผลอยางไรตอพืช

(แนวทางการตอบ : ดินเปรี้ยว พืชจะไมเจริญเติบโตเทาท่ีควร เพราะสภาพทางเคมีและชีวภาพของดินไดถูกเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีไมเหมาะสมตอการเจริญเติบโตของพืช)

3. นักเรียนจะมีวิธีแกไขดินเปร้ียวอยางไร

( แนวทางการตอบ : แกไขไดโดยการเติมปูนขาวหรือดินมารล)

4. ดินมารล คืออะไร

แนวทางการตอบ : ดินมารล คือ ดินท่ีไดจากการสลายตัวของหินปูน) (

5. ถาดินมีความเปนเบสมาก เรียกวาอะไร และจะมีผลอยางไรตอพืช

(แนวทางการตอบ : ดินเค็ม จะมีระดับความเขมขนของเกลือในดินสูง พืชไมสามารถดูดน้ําจากดินมาเล้ียงลําตนได ทําใหตนพืชเหี่ยวและใบไหม)

6. นักเรียนจะมีวิธีแกไขดินเค็ม อยางไร

(แนวทางการตอบ : แกไขดินท่ีเปนเบสโดยการใชนําจืดชะลาง แลวทําทางระบายน้ําเกลือท้ิงหรือเติมผงกํามะถันหรือสารแคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) เพื่อปรับสภาพดินใหกลายเปนเกลือโซเดียมซัลเฟตท่ีน้ําชะลางออกไดงาย)

7. ดินจืดหมายถึงอะไร

แนวทางการตอบ : ดินท่ีขาดแรธาตุท่ีพืชตองการ) (

8. ดินท่ีขาดความอุดมสมบูรณ เนื้อดินจะมีลักษณะอยางไร

แนวทางการตอบ : เนื้อหยาบ ดูดซับน้ําและแรธาตุไดนอย ไมเหมาะตอการเจริญเติบโตของพืช) (

9. นักเรียนจะมีวิธีแกไขดินท่ีขาดความอุดมสมบูรณ อยางไร

(แนวทางการตอบ : สามารถแกปญหาไดโดยการใสอินทรียวัตถุลงในดินอยางสมํ่าเสมอ อินทรียวัตถุจะชวยเพิ่มความอุดมสมบูรณ เพิ่มการดูดซับน้ํา และชวยอนุภาคดินเกาะยึดกันเปนเม็ดท่ีทนทานตอการกัดเซาะของนํ้าฝน หรือน้ําไหลบาไดดีข้ึน)

10. สวนดินท่ีเนื้อละเอียดแนน รากพืชชอนไชไดยาก สามารถแกไขปญหาไดอยางไร

(แนวทางการตอบ : แกไขปญหาไดเชนเดียวกับดินเนื้อหยาบ เพราะอินทรียสารสามารถชวยใหดินมีรูพรุนและรวนซุยมากข้ึน หรือมีการแลกเปล่ียนแกส และระบายน้ําไดดีข้ึนอีกดวย)

11. นักเรียนคิดวาความเปนกรด-เบสของดินมีผลตอการเจริญเติบโตของพืชอยางไร

( แนวทางการตอบ : 1) แรธาตุแตละชนิดท่ีพืชตองการใชในกระบวนการเจริญเติบโตจะลายไดดีในสภาวะท่ีมีคา pH ตางกัน 2) พืชตางชนิดกันตองการแรธาตุแตละชนิดในปริมาณท่ีแตกตางกัน ทําใหการดูดซึมแรธาตุของพืชแตละชนิดแตกตางกัน 3) พืชจะดูดซึมแรธาตุท่ีตองการในสภาวะท่ีมีคา pH เหมาะสม ซ่ึงพืชแตละชนิดจะเจริญเติบโตในดินท่ีมีคา pH ท่ีเหมาะสมแตกตางกัน)

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

ขั้นท่ี 4 ขั้นขยายความรู (Expansion Phase) ครูยกตัวอยางการปรับปรุงคุณภาพของดิน โดยการแกลงดิน - ทําไมถึงตอง "แกลงดิน " สืบเนื่องจากพระบาทสมเดจ็พระเจาอยูหวั ไดเสดจ็พระราชดําเนินแปรพระราช ฐานและทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภาคใต อยางสมํ่าเสมอต้ังแตป 2516 เร่ือยมา ทําใหทรง ทราบวาราษฎรในพ้ืนท่ีแถบจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดใกลเคียง ประสบปญหาอยูนานัปการ ราษฎรขาดแคลนท่ีทํากิน อันเปนสาเหตุสําคัญใน การดํารงชีพพื้นท่ีดนิพรุท่ีมีการ ระบายนํ้าออกจะแปรสภาพเปนดนิเปร้ียวจดั เนื่องจากสารไพไรทท่ีมีอยูในดนิทํา ปฏิกริยากับออกซิเจนในอากาศแลวปลดปลอย กรดกํามะถันออกมามากจนถึงจดุท่ีเปน อันตรายตอพืชท่ีปลูกหรือทําใหผลผลิต ลดลงอยางเหน็ไดชัดจึงไดมี พระราชดําริใหจัดต้ัง "โครงการศูนยศึกษา การพัฒนาพกุิลทองอันเนื่องมาจากพระ ราชดาํริ" ข้ึน ณ จังหวดันราธิวาส เม่ือป 2524 เพื่อศึกษา และปรับปรุงแกไขปญหาพื้นท่ีพรุให สามารถใชประโยชนทางการเกษตรและดาน อ่ืนๆ ได ตอมาเม่ือวนัท่ี 16 กันยายน 2527 ณ ศูนย ศึกษาการพฒันาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก พระราชดําริพระบาทสมเด็จพระเจาอยู หัวไดมีพระราชดําริเกี่ยวกับเร่ือง "แกลงดิน" ความวา "...ใหมีการทดลองทําดินใหเปร้ียวจดัโดย การระบายน้ําใหแหงและศึกษาวิธีการแกลง ดินเปร้ียว เพื่อนําผลไปแกปญหาดินเปร้ียว ใหแกราษฎรที่มีปญหาเร่ืองนี้ในเขตจังหวัด นราธิวาสโดยใหทําโครงการศึกษาทดลอง ในกําหนด2 ป และพืชท่ีทําการทดลอง ควรเปนขาว..." - แกลงดนิทําอยางไร วิธีการ "แกลงดิน" คือ ทําใหดินเปรี้ยว เปนกรดจัดรุนแรงท่ีสุด กลาวคือ การทําใหดินแหง และเปยกโดยนําน้าํเขาแปลงทดลองระยะหน่ึง และระบายน้ําออกใหดินแหงระยะหน่ึงสลับกัน จะเปนการกระตุนใหเกิดกรดมากยิ่งข้ึน ดวยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว จึงทรงใหเลียนแบบสภาพธรรมชาติ ซ่ึงมีฤดูแลงและฤดูฝนเปนปกตใินแตละป แตใหใชวิธีการรนระยะเวลาชวงแลง และชวงฝนในรอบปใหส้ันลง โดยปลอยใหดินแหง 1 เดอืน และขังน้ําใหดนิเปยกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดินแหง และดินเปยก 4 รอบ ตอ 1 ป เสมือนกับมีฤดูแลงและฤดูฝน 4 คร้ัง ใน 1 ป หลังจากนั้นจึงใหหา

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

ขั้นท่ี 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation Phase) 1. นักเรียนอธิบายสมบัติบางประการของดินและกําเนดิดินได 2. นักเรียนสามารถอภิปรายและเสนอแนะการปรับปรุงคุณภาพของดนิใหเหมาะสมกับการใชประโยชนได 9. ส่ือการเรียนรู 1. หนังสือเรียนสาระการเรียนรูพื้นฐาน โลก ดาราศาสตร และอวกาศ กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 2 ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 2. ใบความรู เร่ือง ดิน 3. ใบงานเร่ือง ดิน 4. ส่ือ Power point เร่ือง ดิน

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

10. การวัดและประเมินผล 1. การสังเกตพฤติกรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค เชน การใหความรวมมือในการทํา

กิจกรรม /ความสนใจและต้ังใจเรียน การตรงตอเวลา เปนตน 2. ประเมินจากการถาม-ตอบของนักเรียนในช้ันเรียน

11. บรรณานกุรม

ประดับ นาคแกว. หนงัสือเรียนเสริมมาตรฐานแม็ค วิทยาศาสตรม.2 . กรุงเทพฯ:แม็ค, 2550. ยุพา วรยศ. หนังสือเรียนสาระการเรียนรูพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ม.2 ชวงชั้นท่ี 3 . กรุงเทพฯ:อักษรเจริญทัศน. 2549. ปรีชา สุวรรณพินิจ. โลก ดาราศาสตรและอวกาศ ชวงชั้นท่ี 3 . กรุงเทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชช่ิง, 2540.

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

12. บันทึกหลังการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ ผูสอน ( นางสาวจตุพร เจาทรัพย )

ขอคิดเห็นของอาจารยนิเทศประจําโรงเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ (อาจารยธวัชชัย วจิารณนกิรกิจ)

อาจารยนิเทศประจาํโรงเรียน

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

ใบความรู เรื่อง สมบัติบางประการ และการปรับปรุงคุณภาพของดิน วิชา ว 32101 วิทยาศาสตรพื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 2

ช่ือ ..................................................................................... ช้ัน ...................... เลขท่ี ....................

ดินในบริเวณตางๆท่ีหางไกลกัน จะมีสมบัติและลักษณะท่ีแตกตางกนั ข้ึนกับลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ องคประกอบในดิน และวัตถุตนกําเนิดดิน

สมบัติตางๆของดินแบงเปน 3 ดาน คือ 1) สมบัติทางกายภาพ หมายถึง ลักษณะการยึดกันของอนุภาคเนื้อดิน เนื้อดินท่ีแตกตางกันเกิดจากวัตถุตนกําเนดิดินท่ีตางกัน และเกิดจากสัดสวนของอนุภาพดินท่ีมีขนาดตางกัน คือ อนภุาคดินเหนยีว อนภุาคดินทรายแปง และอนภุาคทราบ อนุภาคดิน 3 ขนาดท่ีผสมกันเกิดเปนเนื้อดนิ 3 กลุมใหญคือ ดินทราย ดินเหนียว ดินรวน 2) สมบัติทางเคมี หมายถึง ความเปนกรด-เบสของดิน ซ่ึงมีผลตอการเจริญเติบโตของพืช วิธีวัด pH ของดิน โดยละลายดินในน้ํากล่ัน แลวทดสอบดวยกระดาษ pH ถาคา pH ตั้งแต 1-6 แสดงวาเปนดินเปร้ียวหรือดินท่ีเปนกรด ถาคา pH ตั้งแต 8-14 แสดงวาเปนดินเค็มหรือดินฝาดหรือดินท่ีเปนเบส ถาคา pH = 7 แสดงวาเปนดินท่ีเปนกลาง 3) สมบัติทางชีวภาพ หมายถึง การมีส่ิงมีชีวิตหรือสารอินทรียอยูในดนิ สารอินทรียในดินเกิดจากการยอยสลายซากพืชซากสัตว โดยส่ิงมีชีวิตในดินจาํพวกจุลินทรียขนาดเล็ก เชน แบคทีเรีย รา สาหราย ทําการยอยสลายสารอินทรียโมเลกุลใหญใหมีขนาดเล็กลง นอกจากน้ีในดินยังมีสัตวขนาดใหญ เชน ปลวก มด ตะขาบ กิ้งกือ ไสเดือนดิน หนอน ท่ีชวยกัดกนิซากขนาดใหญใหมีขนาดเล็กลง และยังชวยชอนไชในดินทําใหมีการถายเทอากาศในดินอีกดวย

การปรับปรุงคณุภาพของดิน

การปรับปรุงคุณภาพของดินใหเหมาะสมกบัการเพาะปลูกมีหลายวิธี ดงันี้ 1) การใสปุยเพ่ือเพิ่มแรธาตุ ดินเปนสารผสมท่ีประกอบดวยอนุภาค ของสารหลายชนิดและสัดสวนในการผสมกันของอนุภาคเหลานี้จะแตกตางกันไป ในท่ีตางๆ ทําใหดนิมีสมบัติตางกัน ดังนั้น การใสปุยจึงมีวัตถุประสงค ดังนี ้

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

- เพื่อเพ่ิมเกลือแรใหกบัดิน เกลือแรบางชนิดท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตของพืช เชน เกลือแรของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และอ่ืนๆ เกษตรกรจะตองมีการตรวจสอบคุณภาพของดนิ โดยการตรวจดูปริมาณของเกลือแรเหลานี้เปนระยะๆ เพื่อจะไดใสปุยอยางถูกตองและเหมาะสม - เพื่อเพ่ิมสารอินทรียในดิน อาจกระทําไดโดยใชปุยพชืสด ใสปุยคอกและปุยหมัก ซ่ึงปุยอินทรียเหลานี้จะชวยใหดินมีความสามารถอุมน้ําดีข้ึน อากาศแทรกซึมไดสะดวกและลดอัตราการสูญเสียหนาดนิ ซ่ึงตองใชปุยใหพอเหมาะมิฉะนั้นพืชจะไมไดรับประโยชนเต็มท่ี 2) การปรับความเปนกรด – เบสของดิน ตัวอยางปจจัยท่ีเพิ่มความเปนกรด – เบส ของดินไดแก การเนาเปอยของสารอินทรียในดิน การใสปุยเคมีบางชนิด การใสปูนขาว โดยท่ัวไปปริมาณแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และโซเดียมท่ีเกาะอยูกับเม็ดดินมีมากนอยตางกัน จึงทําใหดนิแตละชนิดมีความเปนกรด-เบสแตกตางกันไปดวย ดินบางแหงเปนดินเปร้ียว คือ ดินท่ีมีสภาพเปนกรด บางบริเวณอาจเปนดินท่ีเปร้ียวมากๆจนพืชไมสามารถเจริญเติบโตไดตองแกไขโดยการใสสารท่ีเปนเบส เชน ปูนขาว ดินมารล ดินบางบริเวณมีเกลือโซเดียมคลอไรด หรือโซเดียมคารบอเนต ปะปนอยูมากทําใหดนิเค็ม พืชไมสามารถดูดน้ําจากดินมาใชได เพราะมีเกลือละลายอยูในนํ้าท่ีพืชดูดข้ึนมาเล้ียงลําตน ทําใหใบพชืไหมและลําตนเหี่ยว การแกไขไดดวยการใชน้าํจืดชะลางเกลือแลวระบายน้าํเกลือท้ิง หรือใชกํามะถันผง หรือแคลเซียมซัลเฟต เติมลงไปเพื่อทําใหเกิดเกลือโซเดียมซัลเฟตท่ีน้ําชะลางออกไดงาย ดินฝาดเปนดนิท่ีเปนเบสมาก ไมเหมาะตอการเจริญเติบโตของพืช การแกไขคอนขางยุงยากและซับซอนกวาดนิท่ีผิดปกติชนดิอ่ืนๆ แตก็สามารถแกไขโดยเติมกํามะถันผลลงในดิน 3) การปลูกพชืหมุนเวียน แมวาการปลูกพืชจะเปนการชวยอนุรักษดนิวิธีหนึ่ง แตการปลูกพืชชนิดเดยีวซํ้าๆอยูท่ีเดิมตลอดเวลาจะทําใหดนิจืดขาดธาตุอาหารท่ีจําเปนตอพืชนั้น เนือ่งจากพืชเพยีงชนิดเดียวจะมีการใชแรธาตุท่ีมีลักษณะเดยีวโดยตลอด จึงจําเปนตองปลูกพืชหมุนเวียน และเพ่ิมสารอินทรียในดินท่ีขาดไป

ศัพทนารู

ดินมารล คือ ดินท่ีมีเนื้อเปนสารประกอบแคลเซียมคารบอเนตเปนสวนใหญ เม่ือบีบน้าํมะนาวหยดใสลงไปจะทําปฏิกิริยากบัแคลเซียมคารบอเนต เกิดแกสคารบอนไดออกไซดเปนฟองฟูข้ึนดเูผินๆ เหมือนดนินั้นพองตัว เรียกวา ดินสอพอง

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

ใบงาน เรื่อง สมบัติของดิน

ช่ือ .......................................................................... ช้ัน ...................... เลขท่ี .................... คําชี้แจง ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้

1. ดิน หมายถึงอะไร __________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

2. ดินกําเนิดข้ึนไดอยางไร

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

3. ฮิวมัสเกิดจากการสลายตัวของส่ิงใด ____________________________________________

4. ดินท่ีมีฮิวมสัอยูในปริมาณมากจะมีสีใด เพราะเหตุใด _______________________________

__________________________________________________________________________________

5. มีปจจัยใดบางท่ีมีผลตอการกําเนิดดิน ___________________________________________

__________________________________________________________________________________

องคประกอบท่ีสําคัญของดินมีกี่อยาง ไดแกอะไรบาง _______________________________ 6.

__________________________________________________________________________________

7. สารอินทรียไดแกอะไรบาง ____________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

8. สารอนินทรียไดแกอะไรบาง __________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

9. ดินช้ัน O ,ช้ันA, ช้ัน B,ช้ัน C มีความแตกตางกันอยางไร

__________________________________________________________________________________

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

10. สมบัติตางๆของดินท่ีนํามาพิจารณากําหนดคุณภาพของดิน ไดแกอะไรบาง

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

11. ดินรวนปนทรายมีลักษณะอยางไร _____________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

12.ดินเหนียวมีลักษณะอยางไร __________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

13. ดินรวนมีลักษณะอยางไร ____________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

14. สีของดินมีประโยชนอยางไร _________________________________________________

__________________________________________________________________________________

15. พืชแตละชนิดจะสามารถเติบโตไดดีในชวงอุณหภูมิประมาณเทาใด

__________________________________________________________________________________

16 ถาดินมีความเปนกรดมาก จะมีผลอยางไรตอพืช ___________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

เราจะมีวิธีการแกไขดินเปร้ียวอยางไร ___________________________________________ 17.

__________________________________________________________________________________

18. ถาดินมีความเปนเบสมาก จะมีผลอยางไรตอพืช __________________________________

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

19. เราจะมีวิธีการแกไขดินเค็มอยางไร _____________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

20. ดินจืด หมายถึง อะไร _______________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

__________________________________________________________________________________

ต้ังใจทํางานนะครับ

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

เฉลยใบงาน เรื่อง สมบัติของดิน

1. ดิน หมายถึงอะไร (ดิน หมายถึง วัตถุท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากหินหรือแรธาตุตางๆท่ีผุกกรอน สลายตัวรวมกับการเนาเปอยของซากส่ิงมีชีวิตท่ีผานการสลายตัวทางธรณีวิทยา)

2. ดินกําเนิดข้ึนไดอยางไร (1) การสลายตัวของหินและแรธาตุตามธรรมชาติ จากท่ีมีขนาดใหญจนมีขนาดเล็กลงกลายเปนวัตถุตนกําเนิด 2) สารอินทรียเชน ซากพืชซากสัตว มูลสัตวตางๆก็จะถูกยอยสลายตามธรรมชาติจะไดเปนฮิวมัส เม่ือวัตถุตนกําเนิดผสมคลุกเคลากับฮิวมัส จุลินทรียจะยอยสลายซากส่ิงมีชีวิตท้ังหลาย หิน และแรธาตุตางๆใหมีขนาดเล็กลงจนกลายเปนดิน จึงทําใหเกิดเปนช้ันดิน สีคอนขางดําแยกออกจากช้ันดินอ่ืนๆ)

3. ฮิวมัสเกิดจากการสลายตัวของส่ิงใด (ซากพืชซากสัตว)

4. ดินท่ีมีฮิวมสัอยูในปริมาณมากจะมีสีใด เพราะเหตุใด (สีดํา เพราะมีธาตุคารบอนเปนองคประกอบ)

5. มีปจจัยใดบางท่ีมีผลตอการกําเนิดดิน (1. ภูมิอากาศ 2. วัตถุตนกําเนิดดิน 3. ส่ิงมีชีวติอ่ืน ๆ 4. สภาพภูมิประเทศ)

6. องคประกอบท่ีสําคัญของดินมีกี่อยาง ไดแกอะไรบาง (4 อยาง คือ สารอินทรีย สารอนินทรีย น้ํา และอากาศ)

7. สารอินทรียไดแกอะไรบาง (ไดแก ส่ิงมีชีวิตท่ีเนาเปอยผุพังจมอยูในดิน เชน ซากพืช ซากสัตว เศษก่ิงไม ใบไม รวมท้ังส่ิงมีชีวิตในดินท่ีมีขนาดเล็ก เชน ไสเดือนดิน แมลง กิ้งกือ ตะขาบ จุลินทรีย ท้ังแบคทีเรีย รา สาหราย ส่ิงมีชีวิต เหลานี้ชวยใหดินมีลักษณะรวนซุย และเพิ่มสารอินทรียใหแกดิน)

8. สารอนินทรียไดแกอะไรบาง (ไดแก แรธาตุท่ีเกิดจากการสลายของหินและแร เชน คารบอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม กํามะถัน เหล็ก แมงกานีส โบรอน ทองแดง สังกะสี เปนตน แรธาตุเหลานี้เปนส่ิงท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตของพืช และมีปริมาณในดินท่ีแตกตางกันไป)

9. ดินช้ัน O ,ช้ันA, ช้ัน B,ช้ัน C มีความแตกตางกันอยางไร

(ดินชั้น O มีตนไมปกคลุม มีเศษใบไม กิ่งไมผุผัง ทับถมอยูดวย พื้นดินจะมีความชุมช้ืนสูง เกิดการยอยสลายของซากพืชและซากสัตวไดดี ทําใหผิวดินมีฮิวมัสปนอยูมาก ดินก็มีความอุดมสมบูรณมากข้ึนดวย จึงความเหมาะสมตอการเจริญเติบโตของพืช พบรากของพืชแผกระจายอยูโดยท่ัวไป ดินชั้นA อยูช้ันนอกสุดของช้ันเปลือกโลก ลักษณะสีเขม เม็ดดินมีขนาดใหญ มีฮิวมัสซ่ึงเปนอินทรียวัตถุท่ีเกิดจากการยอยสลายของซากพืชซากสัตว ซ่ึงมีธาตุอาหารที่พืชตองการเปนองคประกอบอยูมาก จึงเหมาะในการเพาะปลูก ดินชั้น Bจัดเปนช้ันสะสมตะกอนและแรท่ีมีองคประกอบของเหล็ก อะลูมิเนียม คารบอเนต และซิลิกา เปนตน สารเหลานี้สวนมากจะถูกชะลางลงมาจากดินช้ันบน ทําใหดินมีเนื้อแนน มีความช้ืน

Retrieved from Digital Repository at Srinakharinwirot University http://kids-d.swu.ac.th

10. สมบัติตางๆของดินท่ีนํามาพิจารณากําหนดคุณภาพของดิน ไดแกอะไรบาง (1) เนื้อดิน 2) สีของดิน 3) ขนาดอนุภาคของดิน 4) อุณหภูมิของดิน 5) ความพรุนของดิน และ6) pH หรือความเปนกรด-เบสของดิน)

11. ดินรวนปนทรายมีลักษณะอยางไร (ดินประเภทนี้แตะละอนุภาคไมยึดติดกับอนุภาคอ่ืน จึงรวนซุย มีความพรุนมาก น้ําซึมผานไดงาย และไมกักเก็บน้ํา)

12.ดินเหนียวมีลักษณะอยางไร (มีขนาดอนุภาคเล็กมาก และเนื้อดินละเอียดมาก เนื้อดินแนนอุมน้ําไดดี ท้ังอากาศและนํ้าระบายผานไดยาก เม่ือเปยกน้ําจะเหนียวเหนอะ ทําใหไถพรวนไดยาก แตเม่ือแตกแหงจะเปนกอนแข็ง)

13. ดินรวนมีลักษณะอยางไร (เปนดินท่ีมีขนาดอนุภาคอยูระหวางดินเหนียวและดินทราย อากาศและนํ้าระบายผานไดดี มีความช้ืนพอเหมาะจึงเหมาะท่ีจะใชในการเพาะปลูก)

14. สีของดินมีประโยชนอยางไร (มีประโยชนในการจําแนกดินหรือแยกช้ันของดิน)

15. พืชแตละชนิดจะสามารถเติบโตไดดีในชวงอุณหภูมิประมาณเทาใด (ประมาณ 25-40 องศาเซลเซียส)

16 ถาดินมีความเปนกรดมาก จะมีผลอยางไรตอพืช (พืชจะไมเจริญเติบโตเทาท่ีควร เพราะสภาพทางเคมีและชีวภาพของดินไดถูกเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีไมเหมาะสมตอการเจริญเติบโตของพืช)

17. เราจะมีวิธีการแกไขดินเปร้ียวอยางไร (แกไขไดโดยการเติมปูนขาวหรือดินมารล)

18. ถาดินมีความเปนเบสมาก จะมีผลอยางไรตอพืช (จะมีระดับความเขมขนของเกลือในดินสูง พืชไมสามารถดูดน้ําจากดินมาเล้ียวลําตนได ทําใหตนพืชเหี่ยวและใบไหม แกไขดินท่ีเปนเบสโดยการใชนําจืดชะลาง แลวทําทางระบายน้ําเกลือท้ิงหรือเติมผงกํามะถันหรือสารแคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) เพ่ือปรับสภาพดินใหกลายเปนเกลือโซเดียมซัลเฟตท่ีน้ําชะลางออกไดงาย)

19. เราจะมีวิธีการแกไขดินเค็มอยางไร (แกไขดินท่ีเปนเบสโดยการใชนําจืดชะลาง แลวทําทางระบายนํ้าเกลือท้ิงหรือเติมผงกํามะถันหรือสารแคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) เพื่อปรับสภาพดินใหกลายเปนเกลือโซเดียมซัลเฟตท่ีน้ําชะลางออกไดงาย)

20. ดินจืด หมายถึง อะไร (ดินจืด หมายถึง ดินท่ีขาดแรธาตุท่ีพืชตองการ)