แคลคูลัส บทที่ 3 อนุพันธ์
DESCRIPTION
แคลคูลัส การอนุพัีนธ์TRANSCRIPT
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
อนุพันธ
3.1 อนุพันธของฟงกชนั
ความชันของเสนโคง คือลิมิตของอัตราการเปล่ียนคาของฟงกชันเทียบกับการเปล่ียนแปลง
ของตัวแปรคา เม่ือการเปล่ียนแปลงของตวัแปรคาเขาใกลศูนยนัน่เอง
กําหนด )(xfy = เปนฟงกชัน ),( yxP เปนจุดใดๆ บนเสนโคง )(xfy =
),( yyxxQ Δ+Δ+ เปนจุดหนึ่งอยูบนเสนโคงใกลกับจดุ P
เสนโคง อาจอยูทางซายหรือทางขวาของ P
รูปท่ี 3-1
เม่ือคา x เปล่ียนไปเปน xx Δ+ จะมีคาเปล่ียนไปเปน yy Δ+
xΔ เรียกวา สวนเปล่ียนแปลงของตัวแปร x )()( xfxxfy −Δ+=Δ เรียกวา สวนเปล่ียนแปลงของฟงกชัน
ถาลิมิตของอัตราสวน xy
ΔΔ
เม่ือ xΔ เขาใกล 0 หาคาได เราจะเรียกคาลิมิตนี้วา
อนุพันธ ของฟงกชัน )(xfy = เทียบกับ x
บทนิยาม ให f เปนฟงกชัน และ )(xfy =
เราจะเรียกx
xfxxfxy
xx Δ−Δ+
=ΔΔ
→Δ→Δ
)()(00
limlim เม่ือลิมิตมีคาวา อนุพันธของ f เทียบ
กับ x และจะกลาววา f มีอนุพันธท่ี x เขียนแทนสัญลักษณ )(xf ′ หรือ )(xfdxd
หรือ
)(xfDx หรือ y′ หรือ dxdy
อนุพันธของ f ท่ีจุด ax = เขียนแทนดวย )(af ′ หรือ
axdxdy
=
. y
. x
. ),( yxP
. ),( yyxxQ Δ+Δ+
0 . x . xx Δ+
. yΔ
. xΔ
บทที่
3
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
73บทท่ี บทท่ี
33
หมายเหตุ ถาให xax Δ+= เม่ือ 0→Δx จะไดวา ax → ดังนั้น เราอาจเขียนไดวา
ax
afxfafax −
−=′
→
)()()( lim เม่ือลิมิตมีคา
ตัวอยางที่ 3.1 กําหนดให 12)( 3 −+= xxxf จงพิจารณาวา f มีอนุพันธท่ีจุด
2=x หรือไม ถามีจงหาคา )2(f ′
วิธีทํา
[ ] [ ]x
xxx
fxfΔ
−+−−Δ++Δ+=
Δ−Δ+ 1)2(221)2(2)2()2()2( 33
2
2
32
)()(614
2)()(612
)(2)()(6)(12
xx
xx
xxxxx
Δ+Δ+=
+Δ+Δ+=
ΔΔ+Δ+Δ+Δ
=
[ ]2
00)()(614)2()2( limlim xx
xfxf
xxΔ+Δ+=
Δ−Δ+
→Δ→Δ
14=
ดังนั้น f มีอนุพันธ 2=x และไดวา 14)2( =′f
บทนิยาม ถา x
xfxxfx Δ
−Δ+−→Δ
)()(0
lim มีคา เราเรียกลิมิตนี้วา อนุพันธทางซายของ
ฟงกชัน f ท่ีจุด x
และถา x
xfxxfx Δ
−Δ++→Δ
)()(0
lim มีคา เราเรียกลิมิตนี้วา อนุพันธทางขวาของฟงกชัน
f ท่ีจุด x
เราจะใชสัญลักษณ )( −′ xf และ )( +′ xf แทนอนุพันธทางซาย และอนุพันธทางขวา
ตามลาํดบั
)(xf ′ จะหาคาไดก็ตอเม่ือ )()( +− ′=′ xfxf และ )()()( +− ′=′=′ xfxfxf
บทนิยาม เรากลาววา f มีอนุพันธบนชวงเปด ),( ba ก็ตอเม่ือ f มีอนุพันธท่ีทุกๆ
จุดท่ี ),( bax∈
เรากลาววา f มีอนุพันธบนชวงปด [ ]ba, ก็ตอเม่ือ f มีอนพัุนธบนชวงเปด
),( ba f มีอนุพันธทางขวาที่ ax = และ f มีอนุพันธทางซายท่ี bx =
ทฤษฎีบท ถา f มีอนุพันธท่ี cx = แลว f จะมีความตอเนื่อง ท่ี cx =
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
74บทท่ี บทท่ี
33
พิสูจน เนื่องจาก cx
cfxfcfcx −
−=′
→
)()()( lim และ )(cf ′ มีคา
ดังนั้น cx
cfxfcx −
−→
)()(lim มีคา
จาก [ ] )()()()()( limlim cxcx
cfxfcfxfcxcx
−⋅−−
=−→→
00)(
)()()( limlim
=⋅′=
−⋅−−
=→→
cf
cxcx
cfxfcxcx
ดังนั้น )()()(( limlim cfcfxfcxcx
==→→
นั่นคือ f ตอเนื่องท่ี cx =
ตัวอยางที่ 3.2 กําหนดให ⎪⎩
⎪⎨⎧
<−
≥=
112
1)(
2
xx
xxxf
เม่ือเม่ือ
จงพิจารณาวา f มีอนุพันธท่ี 1 หรือไม ถามี จงหา )1(f ′
วิธีทํา จากบทนิยาม 1
)1()()1(1
lim−−
=′→ x
fxffx
เราจะหา 1
)1()(1
lim−−
→ xfxf
x โดยพิจารณาจากลิมิตทางซายและลิมิตทางขวา
1
1)12(1
)1()(11
limlim−
−−=
−−
−− →→ xx
xfxf
xx
1
)1(21
lim−−
=−→ x
xx
2=
11
1)1()( 2
11limlim
−−
=−−
++ →→ xx
xfxf
xx
)1(1
lim +=+→
xx
2=
ตัวอยางที่ 3.3 กําหนดให xxf sin)( = จงหา )(xf ′
วิธีทํา x
xxxx
xfxxfxx Δ
−Δ+=
Δ−Δ+
→Δ→Δ
sin)(sin)()(00
limlim
2
2sin
)2
(cos
2
2sin
21)
2(cos2
2sin)
2(cos2
00
00
0
2
2
limlim
limlim
lim
x
xxx
x
xxx
x
xxx
x
x
x
x
x
Δ
Δ
⋅Δ
+=
Δ
Δ
⋅Δ
+=
Δ
Δ−
Δ+
=
→→Δ
→→Δ
→Δ
Δ
Δ
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
75บทท่ี บทท่ี
33
แต 1
2
2sin
02
lim =Δ
Δ
→Δ x
x
x
ดังนั้น xx
xxxx
cossin)(sin0
lim =Δ
−Δ+→Δ
เพราะฉะนัน้ จะได xxdxd cos)(sin =
3.2 สูตรของอนุพันธ
กําหนดฟงกชัน )(xfu = และ )(xgv = c เปนคาคงตัวใดๆ และ n เปนจํานวนจริง
ถา u และ v มีอนุพันธท่ีจดุ x แลวจะไดสูตรของอนุพันธตอไปนี ้
1. 0=dxdc
2. 1=dxdx
3. dxdv
dxduvu
dxd
+=+ )(
4. dxduv
dxdvuvu
dxd
+=⋅ )(
5. dxdvccv
dxd
=)(
6. 0,)( 2 ≠−
= vv
dxdvu
dxduv
vu
dxd
7. dxdvnv
dxdv n
n1−=
การพิสูจนขางตนทําไดโดยใชบทนิยามของอนุพันธ ซึ่งจะขอใหเปนแบบฝกหัด ในหัวขอนี้
เพียงแตจะนาํสูตรของอนุพันธมาใช
3.2.1 อนุพันธของฟงกชันพีชคณิต
การหาอนุพันธของฟงกชันพีชคณิตสามารถทําไดโดยใชสูตรตางๆ ท่ีกลาวมาแลว ดัง
ตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยางที่ 3.4 จงหาอนุพันธของฟงกชันตอไปนี ้
ก. 1)( += xxf
ข. 2
63
7)3()(
xxxxg
−
+−=
ค. 2)()( xxxh +=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
76บทท่ี บทท่ี
33
วิธีทํา ก. 21)1()( +=′ x
dxdxf
121
)1()1(21 21
+=
++= −
x
xdxdx
ข. 2
63
7)3()(
xxx
dxdxg
−
+−=′
22
632532
22
263632
)7()3(2)31()3()7(6
)7(
)7()3()3()7(
xxxxxxxx
x
xdxdxxxx
dxdx
−
+−++−+−−=
−
−+−−+−−=
ค. 2)()( xxdxdxh +=′
)2
11()(2
)()(2
xxx
xxdxdxx
++=
++=
ตัวอยางที่ 3.5 กําหนดให ⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<−−
−≤=
212
31
)(
3
xx
xxxf
เมื่อ
เมื่อ
จงหาอนุพันธของ f
วิธีทํา ⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<−−
−−<
=′21
)2(3
13)(
2
2
xx
xxxf เม่ือ
เม่ือ
เนื่องจาก f ตอเนื่องท่ี 1−=x
เพราะ )1(1)(1
lim −=−=−→
fxfx
ฉะนั้น f จึงอาจจะมีอนุพันธท่ี 1−=x
พิจารณาอนุพันธทางซายและอนุพันธทางขวาของ f ท่ี 1−=x
1
)1(1
)1()( 3
11limlim
+−−
=+
−−−− −→−→ x
xx
fxfxx
3
)1( 2
1lim
=
+−=−−→
xxx
ดังนั้นอนุพันธทางซายของ f ท่ี 1−=x มีคาเทากับ 3 หรือ
3)1( =−′ −f
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
77บทท่ี บทท่ี
33
1
)1(2
3
1)1()(
11limlim
+
−−−=
+−−
++ −→−→ xx
xfxf
xx
31
21
)2()1(1
1
1
lim
lim
−=−
=
−++
=
+
+
−→
−→
x
xxx
x
x
ดังนั้น f ไมมีอนุพันธท่ี 1−=x
เพราะฉะนัน้
⎪⎩
⎪⎨
⎧
<<−−
−−<
=′21
)2(3
13)(
2
2
xx
xxxf เมื่อ
เม่ือ
3.3 กฎลูกโซ
กําหนดให )(ufy = และ )(xgu = เปนฟงกชัน จะได
)())(( xgfxgfy o==
เราอาจหาอนพัุนธของ )(xgfy o= ไดดังตัวอยาง
ตัวอยางที่ 3.6 กําหนดให )1(2)( −== uuufy และ 16)( +== xxgu
จงหา gf o และอนุพันธของ gf o
วิธีทํา ))(()( xgfxgfy == o
)16(12
)116()16(2
)1)(()(2
+=
−++=
−=
xx
xx
xgxg
ดังนั้น gf o เปนฟงกชันซึ่งกําหนดโดย
xxxxxgf 1272)16(12)( 2 +=+=o
จะได 12144)1272()()( 2 +=+=′ xxxdxdxgf o
ตัวอยางขางตนแสดงวิธีหาอนุพันธของ gf o โดยการหาสูตรของ gf o โดยตรง
ยังมีอีกวิธีหนึ่งซึ่งทําไดโดยไมจําเปนตองหาสูตรของ gf o แตทําโดยใชกฎลูกโซ
กฎลกูโซ
กําหนดให )(ufy = เปนฟงกชันทีมี่อนุพันธท่ี u และ )(xgu = เปน
ฟงกชันที่มีอนุพันธท่ี x จะไดวา )()( xhxgfy == o เปนฟงกชันที่มีอนุพันธท่ี x และ
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
78บทท่ี บทท่ี
33
)())(()( xgxgfxh ′⋅′=′
หรือ dxdu
dudy
dxdy
⋅=
จากตัวอยางท่ี 3.6 )1(2)( −== uuufy และ 16)( +== xxgu
6)16(
24)22())1(2( 2
=+=
−=−=−=
xdxd
dxdu
uuududuu
dud
dudy
โดยกฎลูกโซ dxdu
dudy
dxdy
⋅=
12144
12)16(24
1224
)6()24(
+=
−+=
−=
−=
x
x
u
u
ตัวอยางที่ 3.7 กําหนดให 3)( 2 +== uufy และ 12)( −== xxgu จงใชกฎ
ลูกโซหา )()( xgfdxd
o
วิธีทํา เนื่องจาก dxduuf
dudxgf
dxd
⋅= )()()( o
uududuf
dud 2)3()( 2 =+=
2)12()( =−== xdxdxg
dxd
dxdu
จะได )2()2()()( uxgfdxd
=o
48
)12(4
4
−=
−=
=
x
x
u
หมายเหตุ ในกรณีท่ีมีฟงกชันหลายฟงกชันซึ่งสามารถหาฟงกชันประกอบได เชน
)(,)( vguufy == และ )(xhv = จะได
)()()( xhvgufdxdy ′⋅′⋅′=
หรือ dxdv
dvdu
dudy
dxdy
⋅⋅=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
79บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.8 ให f เปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง และมีอนพัุนธท่ี x กําหนดให h เปน
ฟงกชันผกผันของ f (นั่นคือ ))()( 1 xfxh −= จงหา )(xh′
วิธีทํา เนื่องจาก ))(()()( xhfxhf =o
))(( 1 xff −= x=
เพราะฉะนัน้ dxdxxhf =′ )()( o 1=
จากกฎลูกโซ )())(()()( xhxhfxhf ′⋅′=′o
เพราะฉะนัน้ ))((
1)(xhf
xh′
=′ ถา 0))(( ≠′ xhf
ดังนั้น ถา )(xfy = เปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง
จะได )()(1 yhyfx == −
เพราะฉะนัน้ )(
1))((
1)(xfyhf
yh′
=′
=′
หรือ
)(
1))((xf
dxd
yhdyd
=
หรือ
dxdydy
dx 1=
3.4 อนุพันธอันดับสูง
จากหัวขอ 3.2 ไดกลาวถึงวา ถา )(xfy = เปนฟงกชันที่มีอนุพันธท่ี x จะได
อนุพันธคือ x
xfxxfxfdxdy
x Δ−Δ+
=′=→Δ
)()()(0
lim เม่ือลิมิตมีคา เรียก )(xf ′ วา
อนุพันธอันดบัท่ีหนึ่งของ )(xf
ถา )(xf ′ มีอนุพันธท่ี x จะเรียกอนุพันธของ )(xf ′ วาอนุพันธอันดบัท่ีสองของ
)(xf และเขียนแทนดวย 2
2
dxyd
หรือ )(xf ′′ หรือ y ′′
x
xfxxfxfdx
ydx Δ
′−Δ+′=′′=
→Δ
)()()(02
2lim เม่ือลิมิตมีคา
โดยทั่วไป n
n
dxyd
ก็คืออนุพันธของ 1
1
−
−
n
n
dxyd
โดย
x
xfxxfdx
yd nn
xn
n
Δ−Δ+
=−−
→Δ
)()( )1()1(
0lim เม่ือลิมิตมีคา
และ n เปนจํานวนเต็มบวก
นั่นคือ ถา
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
80บทท่ี บทท่ี
33
อนุพันธอันอับท่ีหนึ่ง x
xfxxfxfdxdy
x Δ−Δ+
=′=→Δ
)()()(0
lim เม่ือลิมิตมีคา
อนุพันธอันดบัท่ีสอง )()(2
2xf
dxdxf
dxyd ′=′′=
อนุพันธอันดบัท่ีสาม )()(3
3xf
dxdxf
dxyd ′′=′′′=
ตัวอยางที่ 3.9 จงหาอนุพันธอันดบัท่ี n ของฟงกชัน 324 23 −+−= xxxy เม่ือ
n เปนจาํนวนเต็มบวก
วิธีทํา จาก 324 23 −+−= xxxy
อนุพันธอันดบัท่ีหนึ่ง คือ 283 2 +−= xxdxdy
อนุพันธอันดบัท่ีสอง คือ 862
2−= x
dxyd
อนุพันธอันดบัท่ีสาม คือ 63
3=
dxyd
อนุพันธอันดบัท่ีส่ี คือ 04
4=
dxyd
อนุพันธอันดบัท่ี n คือ 0=n
n
dxyd
ทุกคา 4≥n
ตัวอยางที่ 3.10 จงหา )(xf ′ และ )(xf ′′ เม่ือกําหนดให
xxxf
+
−=
22)(
วิธีทํา 2)2(
)2()2()2()2()(
x
xdxdxx
dxdx
xf+
+−−−+=′
2)2(
)2
1()2()2
1)(2(
xx
xx
x
+
−−−+=
2
2
)2(
2)2(
211
211
xx
xxx
+
−=
+
+−−−=
4
22
)2(
)2()2()2()2()(
x
xdxd
xxdxdx
xf+
+−−−+=′′
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
81บทท่ี บทท่ี
33
423
423
4
232
4
232
)2(384
)2(2444
)2()2(2)2(
)2(
)1()2()2()1()2(
xxxx
xxxxxx
xxxxx
xx
xxx
x
+
++=
+
++++=
+
+++=
+
++−+=
ตัวอยางที่ 3.11 กําหนด 1,
11)( ≠−
= xx
xf จงหาอนุพันธอันดับท่ี 49 ของฟงกชัน
วิธีทํา จาก 1,1
1)( ≠−
= xx
xf
จะได 21
)1(1)1()(x
xdxdxf
−=−=′ −
32
)1(21)1()(x
xdxdxf
−
⋅=−=′′ −
[ ]4
3
)1(321)1(21)(
xx
dxdxf
−
⋅⋅=−⋅=′′′ −
สรุปไดวา 1)(
)1(321)(
+−
⋅⋅⋅⋅= n
n
xnxf K
และจะได 5050)49(
)1(!49
)1(49321)(
xxxf
−=
−
⋅⋅⋅⋅=
K
3.5 การพิสูจน 1sin0
lim =→ θ
θθ
พิสูจน กําหนดให 122 =+ yx เปนสมการของวงกลมรัศมี 1 หนวยบนระนาบ XY
มีจุด )0,1(R เปนจดุตัดแกน X ดังรูปท่ี 3-2
รูป 3-2
. y
. x
.Q
. P
. R 0
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
82บทท่ี บทท่ี
33
ให ),( yxP เปนจุดบนเสนรอบวง ซึ่งมุม θ=POR เรเดียน
พิจารณา 2
0 πθ <<
ลากเสนตรงตัง้ฉากกับแกน X ท่ี R ไปตัดสวนตอของ OP ท่ี Q จะไดพิกัดของ
จุด P คือ )sin,(cos θθ และพิกัดของจุด Q คือ )cossin,1(
θθ
ลากเสนตรง PR แลวเปรียบเทียบพ้ืนท่ีของสามเหล่ียม OPR พ้ืนท่ีเซกเตอร OPR
และพ้ืนท่ีสามเหล่ียม OQR
จะได พ้ืนที่สามเหล่ียม ≤OPR พ้ืนที่เซกเตอร ≤OPR พ้ืนทีส่ามเหล่ียม OQR
พ้ืนที่สามเหล่ียม 1sin21
××= θOPR ตารางหนวย
พ้ืนที่เซกเตอร 2θ
=OPR ตารางหนวย
พ้ืนที่สามเหล่ียม 1cossin
21
××=θθOQR ตารางหนวย
ดังนั้น 1cossin
21
21sin
21
××≤≤××θθθθ
จะได θθ
θcos
1sin
1 ≤≤
และจะได 1sincos ≤≤θθθ -----------
ดังนั้น 1cos1sin−≤− θ
θθ
เนื่องจาก 1cos0
lim =+→
θθ
จาก จะได 1sin0
lim =+→ θ
θθ
-----------
พิจารณา 02
<<− θπ จะได
20 πθ <−<
จาก 1sincos ≤≤θθθ เม่ือ
20 πθ <<
จะได 1)(sin)(cos ≤−−
≤−θθ
θ เม่ือ 02
<<− θπ
1sincos ≤≤θθθ
ดังนั้น 1cos1sin−≤− θ
θθ
เนื่องจาก 1cos0
lim =−→
θθ
จะได 1sin0
lim =−→ θ
θθ
-----------
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
83บทท่ี บทท่ี
33
จาก และ จะได
1sin0
lim =−→ θ
θθ
θθ
θ
sin0
lim+→
=
ดังนั้น 1sin0
lim =→ θ
θθ
ตัวอยางที่ 3.12 จงหาคาของ xx
x 2sin6sin
0lim→
วิธีทํา 26
2sin2
66sin
2sin6sin
⋅⋅=x
xx
xxx
xxx
x
22sin
16
6sin3 ⋅⋅=
เม่ือ 0→x จะได 02 →x และ 06 →x
จะได
⎟⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜⎜
⎝
⎛
⋅=→→
xxx
xxx
xx
22sin
16
6sin32sin6sin
00limlim
32
2sin1
66sin3
0206limlim
=
⋅=→→
xxx
xxx
ตัวอยางที่ 3.13 จงแสดงวา 0cos10
lim =−
→ xx
x
วิธีทํา xx
xx
xx
cos1cos1cos1cos1
++
⋅−
=−
xx
xcos11cos1 2
+⋅
−=
x
xx
xx
xxx cos1
sinsincos100
limlim+
⋅=−
→→
0
)0()1(
cos1sinsin
00limlim
=
⋅=
+⋅=
→→ xx
xx
xx
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
84บทท่ี บทท่ี
33
3.6 อนุพันธของฟงกชนัตรีโกณมิติ
อนุพันธของฟงกชันตรีโกณมิติท่ีเขียนอยูในรูปของ sin , cos , tan , csc , sec ,u u u u u
และ cot u โดยที่ u = g x( ) จะไดวาอนุพันธของฟงกชัน สรุปไดดังตารางตอไปน้ี
ddx
u ududx
ddx
u u ududx
ddx
u ududx
sin cos
sec sec tan
tan sec
=
=
=
•
2
ddx
u ududx
ddx
u u ududx
ddx
u ududx
cos sin
csc csc cot
cot csc
= −
= −
= −
•
2
ตัวอยางที่ 3.14 จงหา dydx
เม่ือกําหนดให y = f x( ) ดังขอตอไปนี้
ก) y x= sin 2 ข) y x= sin 5
ค) y x= sin5 ง) y x= cos 3
วิธีทํา ก) y x= sin 2 ให u x= 2 ได
ddx
u ududx
sin cos= •
=
=
•cos
cos
22
2 2
xd xdx
x
ข) y x= sin 5 ให u x= 5
จะได
( )d
dxu u
d x
dxsin cos= •
5
( ) ( )= cos x x5 45
= 5 4 5x xcos
ค) y x= sin5 ให u x n= =sin , 5 ได
ddx
xddx
u ududx
sin5 5 45= =
( )( ) ( )
=
=
5
5
4
4
sin sin
sin cos
xddx
x
x x
= 5 4cos sinx x
ง) y x= cos 3 ให u x= 3
ddx
u ud x
dxcos sin
( )= − •
3
= −( sin ) ( )3 3x
= −3 3cos x
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
85บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.15 จงหา ′f x( ) ของฟงกชันตอไปนี ้
ก) f x x x( ) sin= 2 2 ข) ( )f x x x( ) tan= − 2
วิธีทํา ก) ฟงกชัน f อยูในรูปผลคูณ ดังนั้น
′ = +f x x x x x( ) (sin ) ( cos )2 2 2 22
= +2 2 2x x x x(sin cos )
ข) ฟงกชัน f อยูในรูป un โดยที่ u x x= −(tan ) และ n = 2 ดังนั้น
′ = − −•f x x x x( ) (tan ) (sec )2 12
= −2 2(tan ) (tan )x x x
โดยใชเอกลักษณ 1 2 2+ =tan secx x
เราสามารถหาอนุพันธของฟงกชันตรีโกณ 4 ฟงกชันหลังในรูปอนุพันธของ
ฟงกชัน sin u และ cosu ดังตัวอยางท่ี 3.16
ตัวอยางที่ 3.16 จงหา dydx
เม่ือกําหนดให y x x= = −sec (cos )2 25 5
วิธีทํา 1. y x= sec2 5
ให u x= sec5 และ n = 2 จะได
ddx
x xddx
xsec (sec ) (sec )2 5 2 5 5=
=
=
2 5 5 5 5
10 5 52
(sec ) (sec ) (tan ) ( )
sec tan
x x xddx
x
x x
2. y x= −(cos )5 2
ให u x= cos5 และ n = −2 จะได
2)5(cos −= x
dxd
dxd
)5(cos)5(cos2 3 xdxdx −−=
= − −
=
2 5 5 5
10 5 5
3
3
sec ( sin ) ( )
sec sin
x xddx
x
x x
จะเห็นอนุพันธของฟงกชัน 1 และ 2 มีคาเทากัน
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
86บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.17 จงหา dydx
ของฟงกชันตอไปนี ้
ก) y t= +3 secπ ข) [ ]y x x= − +2342
วิธีทํา ก) ( )dydx
ddx
t= +312secπ
[ ]=+
+
=+
=+
•
• •
•
12 3
3
12 3
2 3
secsec
secsec tan
sec tansec
ππ
ππ π π
ππ π
π
tddx
t
tt t
ddt
t
t tt
ข) [ ]dydx
ddx
x x= − +2342
[ ] [ ]
[ ]
= − + − +
= − + −
−
−
34
2 2
34
2 2 1
214 2
214
x xddx
x x
x x x( )
3.7 การหาอนุพันธโดยปริยาย (Implicit differentiation)
ในหัวขอท่ีแลว เราไดศึกษาการหาอนุพันธของฟงกชันที่เขียนอยูในรูปของ y = f x( )
หรือเรียกวาฟงกชันโดยชัดแจง (Explicit function) คือ ตัวแปร x และ y แยกออกจากกัน
ชัดเจน แตในบางคร้ังฟงกชันอาจเขียนความสัมพันธของ x และ y ในรูป F x y C( , ) = เม่ือ
C เปนคาคงที ่ เชน สมการ
x y2 2 25+ = -----------
เม่ือเขียนในรูปฟงกชันโดยชัดแจง
y x= −25 2 หรือ y x= − −25 2
-----------
ซึ่งฟงกชันทั้งสองสอดคลองกับสมการ เราเรียกสมการ วาเปน ฟงกชันโดย
ปริยาย ซึ่งเขียนอยูในรูปท่ัวไป คือ
F x y C( , ) = -----------
ในหัวขอนี้ เราจะศึกษาการหาอนุพันธของฟงกชันโดยปริยาย โดยไมจําเปนตองเขียน
แยกใหอยูในรูปฟงกชันโดยชัดแจง y = f x( ) วิธีการหาอนุพันธฟงกชันโดยปริยาย ในสมการ เราจะหาอนุพันธเทียบกับตวัแปร x
ท้ังสองขาง โดยตองระลึกเสมอวา y เปนฟงกชันของ x และกฎของอนุพันธ ท่ีเราพบใชอยู
เสมอ ไดแก
ddx
y n ydydx
n n= −1
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
87บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.18 จงหา dydx
เม่ือกําหนดให y x2 =
วิธีทํา จากสมการ y x2 = สามารถเขียนใหอยูในรูปของฟงกชันโดยชัดเจน
y = f x( ) ไดคือ y x= หรือ y x= − ดังรูป 3-3 แลวจึงหา dydx
ตามตองการ แตถาเราตองการหา dydx
จากฟงกชันโดยปริยาย y x2 = เรา
จะหาอนุพันธ ท้ังสองขางเทียบกับ x โดยถือวา y = f x( ) จะได
dydx
dxdx
y dydxdydx y
2
21
12
=
=
=
ซึ่งเปรียบเทียบการหาอนุพันธจาก y x=
และ y x= −
สําหรับ y x= และ y x= −
dydx x
=1
2
dydx x
= −1
2
=1
2y ( )x−
=2
1
y2
1=
จะเห็นไดวา ไมวาจะหาอนพัุนธในรูปของฟงกชันโดยปริยาย หรือฟงกชันโดยชัดแจง จะได
คาอนุพันธเหมือนกัน แตการหาอนุพันธโดยปริยาย จะสะดวกกวาการหาในรูป y = f x( ) เพราะ
ในบางคร้ังเราไมสามารถเขียนฟงกชันโดยปริยายในรูปฟงกชันโดยชัดแจงได เชนตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยางที่ 3.19 จงหา dydx
เม่ือ x xy y5 3 54 2+ − =
วิธีทํา จากโจทยจะเห็นวา เราไมสามารถเขียนสมการใหอยูในรูปของ y = f x( ) ได
ดังนั้นในการหาคา dydx
เราจะใชวิธีการหาอนุพันธโดยปริยาย
หาอนุพันธท้ังสองขางเทียบกับ x โดยถือวา y = f x( ) จะได
( )
05)(
45
)2(4
433
4
53
5
=−⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛++
=−+
dxdy
ydxdxy
dxyd
xx
dxd
dxdy
xydxd
dxdx
. y
x .
. y x=
. y x= −
0
. xxf 21)( =′
. xxf 21)( −=′
รูป 3-3
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
88บทท่ี บทท่ี
33
05345 4324 =−⎟⎠
⎞⎜⎝
⎛ ++dxdy
yydxdy
xyx
( ) ( )
24
34
3442
125
45
45512
xyy
yx
dx
dy
yxdx
dyyxy
−
+=
+−=−
ตัวอยางที่ 3.20 จงหาคาความชันของเสนสัมผัส ณ จดุ (2, −1) บนเสนโคง
y x2 1 0− + = ดังรูป 3-4
วิธีทํา วิธีที่ 1 ใชวิธีการหาอนุพันธโดยปริยาย
dydx
dxdx
ddx
ydydx
dydx y
2 10
2 1 0
12
− + =
− =
=
ณ ท่ีจุด (2, −1), y = −1 คาความ
ชันของเสนสัมผัส คือ −12
รูปท่ี 3-4
วิธีที่ 2 หา dydx
จาก y = f x( )
จากโจทย y x2 1 0− + = เขียนใหมโดยให y อยูในเทอมของ x
คือ
y x= − 1 และ y x= − − 1
แตเนื่องจากจดุ (2, −1) อยูชวงท่ีคา y < 0 ดังนัน้ เราจะหา dydx
จาก y x= − − 1 นั่นคอื
( ) ( )dydx
ddx
xx
ddx
xx
= − − = −−
− = −−
11
2 11
12 1
211 −==∴ x
dxdy
นั่นคือความชันของเสนสัมผัส ณ จดุ (2, −1) มีคาเทากับ −12
. y
x .
. 012 =+− xy
(2, -1)
0 1
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
89บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.21 จงใชวิธีหาอนพัุนธโดยปริยาย d ydx
2
2 เม่ือกําหนดให
4 2 92 2x y− =
วิธีทํา หาอนุพันธอันดับท่ี 1 ( )d x
dx
d y
dx4 2
02 2
− =
8 4 0x ydydx
− =
dydx
xy
=2
หาอนุพันธอันดับท่ี 2 d ydx
y xdydx
y
2
2 2
2 2=
− ⎛⎝⎜ ⎞
⎠⎟( ) ( ) ( )
แทนคา dydx
xy
=2
ใน (2)
จะได ( )d y
dx
y x xy
y
2
2 2
2 2 2=
− 3
22 42y
xy −=
( )
3
22 24y
yx −−= 3
9y−
=
3.8 การประมาณคาเชิงเสน และผลตางอนุพัทธ
(Linear approximations and Differentials)
3.8.1 การประมาณคาเชิงเสน (Linear approximation)
ในบางคร้ังในการประมาณคาของฟงกชันที่ยุงยาก มีความจําเปนสําหรับวิชาวิทยาศาสตร
และวิศวกรรมศาสตร ดังนั้นเราจึงมีวิธีการที่ประมาณคาฟงกชันที่ยุงยากดวยวิธีการงาย ๆ แลวได
คาคาํตอบท่ีใกลเคียงกับความเปนจริง โดยการใชวิธีการประมาณเชิงเสน
รูป 3-5 รูปแสดงภาพขยายระหวางเสนโคงกับเสนสัมผสับริเวณจุด P
. y
. P . P . P
. x
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
90บทท่ี บทท่ี
33
จากรูป 3-5 เปนรูปแสดงใหเห็นถึงภาพขยายของจุด P ท่ีอยูบนเสนโคง y = f x( ) จะ
พบวาย่ิงขยายบริเวณจุด P ใหใหญข้ึนมากเทาใด จะพบวาเสนสัมผัสท่ีจุด P จะประชิดกับ
เสนโคง y = f x( ) มากข้ึนเทานัน้ เสมือนกับวาท่ีจุดใกล ๆ จดุ P มาก ๆ เราสามารถประมาณ
คา y บนโคงไดดวยคา y ของสมการเสนสัมผสั
y = f x( )
ความชัน = ′f a( )
))(,( afaP
Δx
x
รูป 3-6 สมการเสนสัมผัส คือ y f a f a x a= + ′ −( ) ( ) ( )
จากรูป 3-6 ใหจุด P a f a( , ( )) อยูบนเสนโคง y = f x( ) และเสนสัมผสัโคง ณ จดุ
P มีคาความชนัท่ี x = a เทากับ ′f a( ) ดังนั้น
สมการเสนตรงท่ีลากจากจดุ P ไปยังจุด ( , )x y ท่ีใกลๆ จุด P บนเสนโคง y = f x( ) คอื
f x f a f a x a( ) ( ) ( ) ( )− = ′ −
หรือ f x f a f a x a( ) ( ) ( ) ( )= + ′ − -----------
และสมการเสนสัมผัสคือ
y f a f a x a= + ′ −( ) ( ) ( ) -----------
ถาให y ในสมการ เขียนอยูในรูปของฟงกชันโดยใชสัญลักษณ L (ยอมาจาก
Linear) จะไดวาสมการ เขียนใหมไดเปน
L x f a f a x a( ) ( ) ( ) ( )= + ′ − ----------- ซึ่งจะเห็นวา ณ ท่ี (x , f x( )) มีคาใกล ๆ จดุ ( , ( ))a f a จะไดวา f x( ) ในสมการ
สามารถประมาณคาไดดวย L x( ) ในสมการ นั่นคือ
f x L x( ) ( )≈ ----------- และเรียกสมการ วาเปน ลิเนียไรเซชัน (linearization) ของ f x( ) ท่ี a และเรียก
สมการ วาเปน การประมาณคาเชิงเสน ของ f x( ) ท่ี a
ถาใหคา x ท่ีใกล a คือ x a x= + Δ จะไดสมการ เขียนใหมไดเปน
f a x L x( ) ( )+ ≈Δ
≈ + ′ −f a f a x a( ) ( ) ( ) -----------
. xa Δ+ 0 . xa =
. y
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
91บทท่ี บทท่ี
33
บทนิยาม ถา y = f x( ) และสามารถหาอนพัุนธไดท่ี x = a แลว
L x f a f a x a( ) ( ) ( ) ( )= + ′ −
เปน ลิเนียไรเซชัน (linearzation) ของ f x( ) ท่ี a และ
f x L x( ) ( )≈
เปน การประมาณคาเชิงเสนของ f x( ) ท่ี a
ตัวอยางที่ 3.22 จงหาฟงกชัน L x( ) ท่ี x = 0 เม่ือกําหนดให f x( ) = 1 + x
และ จงประมาณคา 12 105. , . และ 1005.
วิธีทํา
จาก f x x( ) = +1
′ =+
f xx
( )1
2 1
′ =f ( )012
รูป 3-7 กราฟ y x= +1
∴ ลิเนียไรเซชัน ของ f x( ) คือ L x f x f a x a( ) ( ) ( ) ( )= + ′ −
L x x
x
( ) ( )= + −
= +
112
0
12
การประมาณคา f x L x( ) ( )≈ นั้นคือ
1 12
+ ≈ +xx
สําหรับ x = 0.2 จะได 12 10 22
110..
.≈ + =
สําหรับ x = 0.05 จะได 105 10 05
21025.
..≈ + =
สําหรับ x = 0.005 จะได 1005 10 005
210025.
..≈ + =
ตัวอยาง 3.23 จงหา ลิเนียไรเซชัน ของ f x( ) เม่ือ f x x( ) = +1 ณ x = 3
และ ใชประมาณคา 4 2.
วิธีทํา จาก f x x f xx
( ) , ( )= + ′ =+
11
2 1
และ f f( ) , ( )3 3 31
2 1 314
= ′ =+
=
. y
y x= +1 2 .
1 y x= +1 .
0 x .
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
92บทท่ี บทท่ี
33
∴ ลิเนียไรเซชัน ของ f x( ) คือ
L x x( ) ( )= + −214
3 43
42 −+=
x
445 x+=
ดังนั้น คาประมาณ f x L x( ) ( )≈ จะไดวา
154 4
+ ≈ +xx
สําหรับ x = 3.2
จะได 4 2 1 3 254
3 24
125 0 8. ..
. .= + ≈ + = + = 2.05
เปรียบเทียบคาท่ีไดจากการประมาณคา 4 2 2 05. .≈ กับคาจริงท่ีไดจากการคํานวณ
จากเคร่ืองคํานวณ จะได 4 2 2 04939. .= ซึ่งจะเห็นวาการประมาณคาดวย L x( ) ของ f x( )
มีคาใกลเคียงกับคาจริงมาก
ตัวอยางที่ 3.24 ให f x x( ) = +1
ก) จงหา ลีเนียไรเซชัน ของ f x( ) ท่ี x = 0 และใชประมาณคา
11 101. , . และ 1001.
ข) จงหา ลิเนียไรเซชัน ของ f x( ) ท่ี x = 8 และ ใชประมาณคา
8 9 9 1. , . และ 10
วิธีทํา จากตัวอยางท่ี 3.23 ได
′ =+
f xx
( )1
2 1
ก) ท่ี x = 0 ได ′ =f ( )012
และ f ( )0 1=
ดังนัน้ ลิเนียไรเซชัน ของ f x( ) คือ
L x xx
( ) ( )= + − = +112
0 12
สําหรับคา x ท่ีใกล ๆ 0 จะได
f x L x( ) ( )≈
นั่นคือ f xx
( ) ≈ +12
สําหรับ x = 0.1
จะได 11 1012
105..
.≈ + =
สําหรับ x = 0.01
จะได 101 10 01
21005.
..≈ + =
สําหรับ x = 0.001
จะได 1001 10 001
210005.
..≈ + =
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
93บทท่ี บทท่ี
33
ข) ท่ี x = 8 ได ′ =f ( )816
และ f (8) = 3
ดังนั้น ลิเนียไรเซชัน ของ f x( ) คือ
L x xx
( ) ( )= + − = +316
853 6
ท่ีคา x ใกล ๆ 8 จะได
f x L x( ) ( )≈
นั่นคือ f xx
( ) ≈ +53 6
สําหรับ x = 7.9
จะได 8 953
7 96
2 98333..
.≈ + =
สําหรับ x = 8.1
จะได 9 153
9 16
3 01666..
.≈ + =
สําหรับ x = 9
จะได 1053
106
316666≈ + = .
ซึ่งคาท่ีไดจากการคิดดวยเคร่ืองคํานวณ จะได 8 9 2 98329. .= , 9 1 3 01662. .=
และ 10 31623= . ซึ่งเราจะสังเกตเห็นวาสําหรับ 8 9. และ 9 1. มีคาใกลเคยีงกัน ตางกัน
ท่ีจุดทศนิยมตาํแหนงท่ี 4 แตสําหรับ 10 มีคาตางกันมากกวา นัน้เปนเพราะวา x = 9 อยู
หางจาก x = 8 มากกวา x = 7.9 หรือ x = 8.1
ตัวอยางที่ 3.25 จงหาคาประมาณของ 653 ดวยวิธีการประมาณคาเชิงเสนและตรวจสอบ
คําตอบจากเครื่องคํานวณ
วิธีทํา ให f x x( ) = 3 และคา x อยูใกล 65 และเราทราบคาของ f x( ) คือ 64
เนื่องจาก
64 43 = ดังนั้นท่ี a = 64 และ Δx = 1 และจาก ′ = −f x x( ) /13
2 3
แลว ′ = =−f ( ) ( ) /6413
641
482 3
แทนในสมการ 2.43 จะได
f a x f f( ) ( ) ( )+ = + = =Δ 64 1 65 653
65 64 64 65 643 ≈ + ′ −f f( ) ( ) ( )
)1(4814 +≈ 0208.4≈
ถาใชเคร่ืองคํานวณจะได 65 4 020733 = . ซึ่งมีคาใกลเคยีงกัน
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
94บทท่ี บทท่ี
33
3.8.2 ผลตางอนุพัทธ (Differentials)
ถา y = f x( ) และสามารถหาอนุพันธไดท่ี x x= 0 และ ถาเราตองการประมาณคา
การเปล่ียนแปลงของ y เม่ือจุดเคล่ือนท่ีไปยัง x x0 + Δ เม่ือ Δx มีคานอย ๆ เราจะพบวาสําหรับ
f x( ) และ ลิเนียไรเซชันของ f x( ) คือ L x( ) ท่ี x x= 0 มีการเปล่ียนแปลงดวยปริมาณที่
ใกลเคียงกัน ดังนั้น เราสามารถคาํนวณหา การเปลี่ยนแปลงของ L x( ) เพ่ือประมาณคาการ
เปล่ียนแปลงของ f x( ) ได
รูป 3-8 ถา Δx มีคานอย ๆ และการเปล่ียนแปลง Δf ≈ ΔL
จากรูป 3-8 ให Δf = สวนเปล่ียนแปลงของ f x( )
( )= + −f x x f x0 0Δ ( ) ----------- และ ΔL = สวนเปล่ียนแปลงของ L x( )
( ) ( )( ) ( ) ( )[ ] ( )
= + −
= + ′ + − −
L x x f x
f x f x x x x f x
0 0
0 0 0 0 0
Δ
Δ
ΔL ( )= ′ •f x x0 Δ -----------
ในการหาคา Δf บางคร้ังอาจจะอยูในรูปท่ียุงยาก ดังนั้นเราจะใช ΔL ประมาณคา Δf ได
เม่ือ Δx มีคานอย ๆ
ถาให ΔL แทนดวย df และ Δx แทนดวย dx สมการ 2.49 เขียนใหมไดเปน
( )df f x dx= ′ 0 -----------
ซึ่งเรียก df วาผลตางอนุพัทธของ f x( ) และ dx วาเปนผลตางอนพัุทธของ x
และถา Δx มีคานอยๆ จะไดวา สมการ × สามารถประมาณคาไดดวยสมการ
นั่นคือ
Δf df≈
หรือ Δy dy≈ -----------
x0 . x x0 + Δ . 0
y = f x( )
. Δ Δf f x x f x= + −( ) ( )0 0
. Δ ΔL f x x= ′( )0
. y
. ( , ( ))x f x0 0
. x
11
11
12
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
95บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.26 ให y x x= + −2 3 12 เม่ือ x = 3 และ Δx = 0.1
จงหา Δy และ dy
วิธีทํา จากโจทย f x x x( ) = + −2 3 12
ให dx = Δx = 0.1 จะได
Δ Δy f x x f x= + −( ) ( )
[ ] [ ]= −
= + − − + −
= − =
f f( . ) ( )
( . ) ( . ) ( ) ( )
. .
31 3
2 31 3 31 1 2 3 3 3 1
27 52 26 152
2 2
และเนื่องจาก ′ = +f x x( ) 4 3
จะได ′ = + =f ( ) ( )3 4 3 3 15
ดังนั้น dy f dx= ′ = =( ) ( ) ( . ) .3 15 01 15
เราจะเห็นวา Δy ≈ dy เม่ือ Δx = dx และ Δx มีคานอย ๆ
ตัวอยางที่ 3.27 วงกลมวงหนึ่งมีรัศมี r0 10= และรัศมีเพ่ิมข้ึนจากเดิม dr = 01.
จงคํานวณหา การเปล่ียนแปลงของพื้นท่ีของวงกลม A r= π 2
วิธีทํา การคํานวณดวยวิธีตรง ซึ่งไดคาจริง
การเปล่ียนแปลงของพื้นท่ีของวงกลม ( ) ( )Δ A = −π π101 102 2.
( )= −
= +
102 01 1002 0 01
..
π
π π
การคํานวณดวยการใชผลตางอนุพัทธ ซึ่งไดคาประมาณ
จาก ( )dA A r dr= ′ 0
( ) ( )
=
= =
2
2 10 01 20π
π π
r dr
.
∴ เราพบวา คาความแตกตางระหวางคาจริงและคาประมาณ คอื
0.01π ซึ่งเม่ือคิดเปนเปอรเซ็นตความผดิพลาด (percentage error)
แลว มีคาเทากับ
100100
01.0100 ×=×ππ
= 0.01 %
ซึ่งถือวามีคานอยมาก
ในการศึกษาการเปล่ียนแปลงของฟงกชัน f x( ) จากจดุ x x= 0 ไปยัง
คาท่ีใกล ๆ x0 เราสามารถอธบิายการเปล่ียนแปลง f x( ) ไดใน 3 รูปแบบ
ไดแก
ความผดิพลาด
พ้ืนท่ีวงกลมเดิม
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
96บทท่ี บทท่ี
33
คาจริง (True) คาประมาณ (Estimate)
ความผดิพลาดสัมบูรณ Δf df
อัตราความผิดพลาด Δff
dff
เปอรเซ็นตความผิดพลาด Δff×100
dff×100
ซึ่งโดยท่ัวไปเรามักจะบอกความผิดพลาดในรูปของเปอรเซ็นตความผดิพลาด ในตวัอยาง
ท่ี 3.27 เปอรเซ็นตความผดิพลาดของพ้ืนท่ีวงกลมโดยประมาณ
( )
%2
100100
2
1000
=
×=
×=
ππ
rAdA
ตัวอยางที่ 3.28 ส่ีเหล่ียมลูกบาศกลูกหนึ่งมีดานยาวดานละ 6 นิ้ว แตละดานมีคาความ
ผิดพลาดจากการ วัด ± 0.05 นิ้ว จงคํานวณหา ปริมาตรของลูกบาศกท่ี
ไดจากการวดั และประมาณคาเปอรเซ็นตความผิดพลาดของปริมาตร ถาคา
ความผดิพลาดท่ีไดจากการวัดมีคาไมเกิน 0.05 นิ้ว
วิธีทํา เม่ือให x แทนดานของรูปสี่เหล่ียมลูกบาศก
V แทนปริมาตรของสี่เหล่ียมลูกบาศก
V x= 3
dV x dx dx dx= = =3 3 6 1082 2( )
ท่ี x = 6 นิ้ว และ dx ≤ 0 05. นิ้ว
ดังนั้น dV dx= ≤ =108 108 0 05 5 4( ) ( . ) .
หมายความวาปริมาตรท่ีคลาดเคล่ือนไป มีคาไมเกิน 5.4 ลูกบาศกนิ้ว
∴ ปริมาตรท่ีไดจากการวัด = ±V VΔ
4.5)6( 3 ±=
4.5216 ±=
และเปอรเซ็นตความผิดพลาดของปริมาตร = ×dVV
100
%5.2
100216
4.5
=
×=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
97บทท่ี บทท่ี
33
ตัวอยางที่ 3.29 จงคํานวณหาคาความผดิพลาดของรัศมี r ของวงกลมเม่ือพ้ืนที่ผิวของ
ทรงกลม S r= 4 2π มีเปอรเซ็นตความผิดพลาด 1% จากคาจริง
วิธีทํา ให ΔS เปนคาความผดิพลาดของพ้ืนผิวของทรงกลม ดังนั้น
ΔS Sr
≤ =1
1004100
2π
จากการประมาณคา ΔS dS≈ และ
dSdSdr
dr=⎛⎝⎜
⎞⎠⎟ = 8πr dr
dSr
≤4100
2π
84100
2
ππ
r drr
≤
84100
2
ππ
r drr
≤
drr
rr r
≤ = =• •4100
18
12 100 200
2ππ
∴ เปอรเซ็นตความผิดพลาดของ r คือ drr× = =100
12
0 5%.
3.8.3 สูตรอนุพันธในสัญลักษณผลตางอนุพัทธ
ถาให y = f x( ) แลวผลตางอนพัุทธของ f x( ) คอื
dy f x dx= ′( ) -----------
เราสามารถเขียนการหาอนพัุทธของฟงกชัน f x( ) ในรูปของผลตางอนพัุทธไดดังตาราง
ขางลาง ซึ่งแสดงใหเห็นวาสูตรผลตางอนุพันธทางขวามือไดจากการคูณอนุพันธของฟงกชันทาง
ซายมือดวย dx
สูตรอนุพันธ สูตรผลตางอนุพัทธ
1 0.dcdx
= dc = 0
2.( )d cudx
cdudx
= d cu c du( ) =
3.( )d u vdx
dudx
dvdx
+= + d u v du dv( )+ = +
4.( )d uvdx
udvdx
vdudx
= + d uv u dv v du( ) = +
( )
5 2.d u
vdx
v dudx u dv
dxv
=−
duv
v du u dvv
⎛⎝⎜
⎞⎠⎟ =
−2
13
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
98บทท่ี บทท่ี
33
สูตรอนุพันธ สูตรผลตางอนุพัทธ
6 1.dudx
nududx
nn= −
( )d u nu dun n= −1
6 1adcxdx
cnxn
n. = − ( )d cx cnx dxn n= −1
7.sin
cosd u
dxu
dudx
= ( )d u u dusin cos=
8.cos
sind u
dxu
dudx
= − ( )d u u ducos sin= −
9 2.tan
secd u
dxu
dudx
= ( )d u u dutan sec= 2
10 2.cot
cscd u
dxu
dudx
= − ( )d u u ducot csc= − 2
11.sec
sec tand u
dxu u
dudx
= ( )d u u u dusec sec tan=
12.csc
csc cotd u
dxu u
dudx
= − ( )d u u u ducsc csc cot= −
ตัวอยางที่ 3.30 จงหา dy เม่ือกําหนดให y = f x( )
ก) y x= −3 62
ข) y x= cos3
ค) yx
x=
+ 1
วิธีทํา ก)dydx
x= 6
∴ =dy x dx6
ข)dydx
xd xdx
x= − = −•sin sin33
3 3
∴ = −dy x dx3 3sin
ค)dydx
x xx x
=+ −
+=
+
( )( ) ( )
11
112 2
∴ =+
dyx
dx11 2( )
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
99บทท่ี บทท่ี
33
โจทยฝกหัดทักษะทายบท
1. จงหาคา dxdy
จากสมการ 57875 256 +−+−= xxxxy
วิธีทํา 57875 256 +−+−= xxxxy
)57875( 256 +−+−= xxxxdxd
dxdy
7163530
7285756
07875
57875
45
121516
256
256
−+−=
−×+×−×=
+−+−=
+−+−=
−−−
xxxdxdxx
dxdxx
dxdxx
dxdx
dxdx
dxdx
dxdx
dxdx
dxdx
dxdx
dxdx
dxd
2. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 5
3
2
53x
xy +=
วิธีทํา 5
3
2
53x
xy +=
⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜
⎝
⎛+=
5
3
2
53x
xdxd
dxdy
1123
23
25
25
25
25
233
253
−− −
−
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−⋅+⋅=
⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛⋅+⋅=
xx
xxdxd
27
21
2225
29 xx −=
922
252
9
x
x−=
3. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 2
5
bxay
−=
วิธีทํา 21
)(55 2
2
−−=
−= bxa
bxay
)()(521 212 2
1
bxadxdbxay −−⋅−=′
−−
)20()(25 2
32 bxbxa −−−=
−
23
)(
52bxa
bx
−=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
100บทท่ี บทท่ี
33
4. จงหาคา dxdy
จากสมการ )95()45( 372 xxxxy −−=
วิธีทํา 21
)95()45( 372 xxxxy −−=
723372 )45()95()95()45( 2
121
xxdxdxxxx
dxdxxy −−+−−=′
)410()45()95(795
)275()45(21
)45()95(
7)95()95()95(21)45(
623
3
272
2173
33372 21
21
−−−+−
−−=
−⋅−
⋅⋅−+−−⋅⋅−=
−
−
xxxxxxx
xxx
xxdxdxx
xxxxdxdxxxx
5. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 3 22 )946( +−= xxy
วิธีทํา [ ]32946)946( 23 22 +−=+−= xxxxy
)946()946(32 212 3
2+−+−=′
−xxdxxy
)412()946(32 3
12 −+−=
−
xxx
6. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 763 24 +−= xxxy
วิธีทํา 763 24 +−= xxxy
4224 2
121
)763()763( xdxdxxxx
dxdx
dxdy
+−++−=
dxdxxxxxx
dxdxxx 1422124 4)763()763()763(
21 2
121
−−⋅+−++−+−⋅⋅=
7634))763(2
)66(
)763(4)66()763(2
23
2
4
2324
21
21
+−++−
−=
+−+−+−=−
xxxxx
xx
xxxxxxx
7. จงหาคา
dxdy
จากสมการ )45()63( 23 xxxxy +−=
วิธีทํา )45()63( 23 xxxxy +−=
)63()45()45()63( 3223 xxdxdxxxx
dxdxxy −+++−=′
)69()45()410()63( 223 −++−= xxxxxx
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
101บทท่ี บทท่ี
33
8. จงหาคา dxdy
จากสมการ )53()43( 226 xxxxy +−=
วิธีทํา 21
)53()43()53()43( 226226 xxxxxxxxy +−=+−=
)43()53()53()43( 262226 21
21
xxdxdxxxx
dxdxxy −+++−=′
)818()53()53(
)56()43(
)818()53()56()53()43(21
52
2
26
52226
21
21
21
21
xxxxxx
xxx
xxxxxxxxx
−+++
+−=
−++++−=−
9. จงหาคา dxdy
จากสมการ 22
22
xaxay
+
−=
วิธีทํา 22
22
xaxay
+
−=
21
21
)()( 2222 −+⋅−= xaxa
21
21
21
21
)()()()( 22222222 xadxdxaxa
dxdxay −+++−=′
−−
21
21
23
21
21
21
23
21
)()()()(
)2()(21)()2()(
21)(
22222222
22222222
−−−
−−−
−+−+−−=
−−⋅⋅+++⋅⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−⋅−=
xaxaxxaxax
xxaxaxxaxa
10. จงหาคา
dxdy
จากสมการ xxy
2323
+−
=
วิธีทํา xxy
2323
+−
=
2)23(
)23()23()23()23(
x
xdxdxx
dxdx
dxdy
+
+−−−+=
22
2
)23(12
)23(4646
)23()2()23()2()23(
xxxx
xxx
+
−=
+
+−−−=
+
−−−+=
11. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 5,, 34
243 +=−== xybxaxyxy
วิธีทํา 3xy =
2133 33 xxx
dxdy ===′ −
24 bxaxy −=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
102บทท่ี บทท่ี
33
)( 24 bxaxdxdy −=′
bxax 24 3 −=
534+= xy
)5( 34+=′ x
dxdy
31
34
34
34 1
xx ==−
12. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 22 51)23( xxy ++=
วิธีทํา 22 51)23( xxy ++=
)23()51()51()23( 2222 21
21
+++++=′ xdxdxx
dxdxy
21
21
21
21
21
)51(
)6()51(1015
)6()51()51(
)23(5
)6()51()10()51(21)23(
2
23
2
2
2
222
x
xxxx
xxx
xx
xxxxx
+
+++=
++
+
+=
+++⋅⋅+=
−
−
21
)51(
30)6(10152
33
x
xxxx
+
+++=
2
3
51
1645
x
xx
+
+=
13. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 7 3
3 45 2
3873 x
x
x
x
xy +−=
วิธีทํา 7 3
3 45 2
3873 x
x
x
x
xy +−=
74
34
58
73
31
513
73
34
52
724
37
539
873
873 3
−−
−
−−
++=′
+−=
+⋅−⋅=
xxxy
xxxy
xxxxxy
7 43 4
5 8
7
24
3
75
39
xxx ++=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
103บทท่ี บทท่ี
33
14. จงหาคา dxdy
จากสมการ )823( 24 +−= xxy , ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−= 2
32xx
y , )32( 32
34
tty −=
วิธีทํา xxxxdxd 412)823( 324 −=+−
)32(32 212
−− −=⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛− xx
dxd
xxdxd
32
32
6262
xx
xx
+−=
+−= −−
31
31
32
34
238)32(
−−=− tttt
dtd
15. จงหาคา
dxdy
จากสมการ x
xy 22
−=
วิธีทํา 212
1
22
22
−
−=−= xxx
xy
232
1
212
221 −
−
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−⋅−=′ xxy
xxx
xx
14
1
14
13
+=
+=
16. กําหนดให θ21−=r จงพิสูจนวา
θθ 211−
−=ddr
วิธีทํา 21
)21(21 θθ −=−=r
)2()21(21 2
1
−−=−
θθd
dr
θ
θ
211
)21( 21
−−=
−−=−
17. กําหนดให
32 )32()( ttf −= จงพิสูจนวา 22 )32(18)( tttf −−=′
วิธีทํา 32 )32()( ttf −=
)6()32(3)( 22 tttf −−=′
22 )32(18 tt −−=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
104บทท่ี บทท่ี
33
18. กําหนดให 22
1
xay
−= จงพิสูจนวา
23
)( 22 xa
xdxdy
−=
วิธีทํา 22
1
xay
−=
21
)( 22−
−= xa
)2()(21 2
322 xxay −−−=′
−
23
23
)(
)(
22
22
xa
xxax
−=
−=−
19. จงหาคา
dxdy
ท่ีจุด 21
=x ของ )12(
25+−
=x
xy
วิธีทํา )12(
25+−
=x
xy
2)12(
)12()25()25()12( 21
21
+
+−−−+=′
x
xdxdxx
dxdx
y
45
1212
21252
21251
212
)12()25(2)25()12(
)12(
)2()25()2()25(21)12(
2
2
2
21
21
21
21
21
21
−=
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +⋅
⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ ⋅−−⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛ ⋅−⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛ +⋅
=
+
−−−+=
+
−−−−⋅⋅+=
−
−
−
xxxx
x
xxx
20. กําหนดให 22
22
xaxay
−
+= จงหาคาของ
dxdy
วิธีทํา 22
22
xaxay
−
+=
21
21
)()( 2222−
−+= xaxay
)2()(21)()2()(
21)( 2
121
23
21
22222222 xxaxaxxaxay−−−
+⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−+−−⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛−+=′
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
105บทท่ี บทท่ี
33
[ ]
4422
2
4422
222222
222222
22222222
222222
22
)(
2
)(
)()()(
)()()(
)()()()(
)()()(
)(
23
21
21
21
23
23
21
21
21
21
21
23
21
xaxa
xa
xaxa
xaxaxax
xaxaxa
xaxxaxaxax
xaxa
x
xa
xax
−−=
−−
−++−=
+−−
−++−+=
+−+
−
+=
21. กําหนดให 33 )3( −= xy จงหาคาของ
dxdy
เม่ือ 3,3 −=x
วิธีทํา 33 )3( −= xy
)3()3(3 223 xxdxdy
−=
232 )3(9 −= xx
เม่ือ 3=x
232 )33()3(9 −⋅=
dxdy
46656=
เม่ือ 3−=x
[ ]222 3)3()3(9 −−−=dxdy
72900=
22. จงคํานวณหา
dxdy
เม่ือกําหนดให 2212
xxy
+
−=
วิธีทํา 2212
xxy
+
−=
22
22
)21()21()2()2()21(
xxdxxdx
dxdy
+
+−−−+=
144182
)21(4821
)21()4()2()1()21(
24
2
22
22
22
2
++
−−=
+
+−−−=
+
−−−+=
xxxx
xxxx
xxxx
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
106บทท่ี บทท่ี
33
23. จงคํานวณหา dxdy
จากสมการ 3322 )12()4( −+= xxy
วิธีทํา 3322 )12()4( −+= xxy
22333322 )4()12()12()4( +−+−+= x
dxdxx
dxdx
dxdy
)23613()12()4(2
)2()4(()12(2)6()12()4(3
)4()4()12(2)12()12(3)4(
3232
23322322
223332322
−+−+=
+−+−+=
++−⋅+−−⋅⋅+=
xxxxx
xxxxxx
xdxdxxx
dxdxx
24. จงหาคา y′ จากสมการ
2
2
4 x
xy−
=
วิธีทํา 21
)4( 2
2
x
xy−
=
)4(
)4()()4(
2
2222 21
21
x
xdxdxx
dxdx
y−
⎥⎦
⎤⎢⎣
⎡−−−
=′
21
21
21
21
21
21
)4(
)4(4
)4()4(2
)4(
)2()4(21)2()4(
2
2
2
232
2
222
x
xx
xxxx
x
xxxxx
−
−×
−
−+−=
−
⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡−−⋅⋅−−
=
−
−
23
)4(
)4(22
32
x
xxx
−
+−=
23
)4(
82
3
x
xx
−
−=
25. จงหาคา
dxdy
จากสมการ )1()4( 32 ++= xxy
วิธีทํา )1()4( 32 ++= xxy
)4()1()1()4( 2332 +++++= xdxdxx
dxdx
dxdy
xxx
xxxx
xxxx
2125
22123
)2()1()3()4(
24
424
322
++=
+++=
+++=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
107บทท่ี บทท่ี
33
26. กําหนดให bxaxy += จงหาคาของ dxdy
วิธีทํา bxaxy +=
21
)( bxaxy +=
dxdxbxabxa
dxdxy 2
121
)()( +++=′
21
21
21
21
)()(2
)()()(21
bxabxa
bx
bxabbxax
+++
=
+++=−
21
)(2
)(2
bxa
bxabx
+
++=
21
)(2
23
bxa
abx
+
+=
27. จงหาคา
dxdy
จากสมการ uuuuy
732
4
2
−
+= , xxu 43 2 −=
วิธีทํา uuuuy
732
4
2
−
+=
24
4224
)7()7()32()32()7(
uuuuduuuuduu
dudy
−
−+−+−=
24
324
)7()74()32()34()7(
uuuuuuuu
−
−+−+−=
21
)43( 2 xxu −=
⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡−−
⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡
−
−+−+−=
−−=
−
−
)46()43(21
)7()74()32()34()7(
)46()43(21
21
21
224
324
2
xxxuu
uuuuuudxdy
xxxdxdu
28. จงหาคา
dxdy
จากสมการ uuy 35 2 −= , vvu 34 3 += , 56xv =
วิธีทํา uuy 35 2 −= ; 310 −= ududy
vvu 34 3 += ; 312 2 += vdvdu
56xv = ;
430xdxdv
=
)30()312()310( 42 xvudxdv
dvdu
dudy
+−=⋅⋅
)312()310(30 24 +−= vuxdxdy
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
108บทท่ี บทท่ี
33
29. จงหาคา dxdy
จากสมการ 11
2
2
+
−=
uuy ,
3 2 2+= xu
วิธีทํา 11
2
2
+
−=
uuy
2222
22
)1(4
)1()2()1()2()1(
+=
+
−−+=
uu
uuuuu
dudy
31
)2( 2 += xu
32
32
)2(3
2)2()2(31
2
2
+=+=
−
x
xxxdxdu
23
2ux
=
∴ 222 32
)1(4
ux
uu
dxdu
dudy
⋅+
=⋅
22 )1(38+
=uu
xdxdy
30. จงหาคา
dtdy
จากสมการ 533 +−= xxy , 32+=
tx
วิธีทํา 533 +−= xxy
33 2 −= xdxdy
32+=
tx
t
tdtdx
41
221 2
1
=⋅⋅
=−
∴ t
xdtdx
dxdy
41)33( 2 ⋅−=⋅
t
xdtdy
4)1(3 2 −
=
31. จงหาคา
dxdy
จากสมการ ttx 22 += , tty 62 3 −= เม่ือ 0=t
วิธีทํา tty 62 3 −=
66 2 −= tdtdy
ttx 22 +=
22
1,22+
=+=tdx
dttdtdx
)1(2
)1()1(62266 2
++−
=+−
=⋅t
ttt
tdxdt
dtdy
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
109บทท่ี บทท่ี
33
)1(3 −= tdxdy
เม่ือ 0=t
3)10(3 −=−=dxdy
32. จงหาคา
dtdy
จากสมการ xxy 42 −= , 12 2 += tx เม่ือ 2=t , 5=x
วิธีทํา xxy 42 −=
)2(242 −=−= xxdxdy
21
)12( 2 += tx
)4()12(21 2
12 tt
dtdx −
+=
21
)12(
22 +
=t
t
21
)12(
2)2(22 +
⋅−=⋅t
txdtdx
dxdy
21
)12(
)2(42 +
−=
t
xtdtdy
เม่ือ 2=t , 5=x
[ ]21)1)2(2
)25(242 +
−=
dtdy
5
)25(24 −=
33. จงหาคา
dxdy
จากสมการ 43 += uy , xxu 22 +=
วิธีทํา 43 += uy
23u
dudy
=
xxu 22 +=
[ ])1(2)3( 2 +=⋅ xudxdu
dudy
)1()2(6 22 ++= xxxdxdy
)1()2(6 22 ++= xxx
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
110บทท่ี บทท่ี
33
34. จงหาคา dxdy
จากสมการ 2
1u
y = , xu −= 2
วิธีทํา 21
uy =
33 22
uu
dudy −
=−= −
xu −= 2
1−=dxdu
)1(23 −⋅
−=⋅
udxdu
dudy
3)2(2xdx
dy−
=
35. จงหาคา dxdy
จากสมการ uy 2= , v
u 1= และ
231 xv −=
วิธีทํา uy 2= , 2=dudy
v
u 1= , 2
1vdv
du−=
231 xv −= , x
dxdv 6−=
)6(12 2 xvdx
dvdvdu
dudy
−⋅⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛−⋅=⋅⋅
222 )31(1212
xx
vx
dxdy
−==
36. จงหาคา dtdy
จากสมการ 3)65( += xy ,
42 )1( += tx เม่ือ 0=t
วิธีทํา 3)65( += xy
22 )65(15)5()65(3 +=+= xx
dxdy
42 )1( += tx
3232 )1(8)2()1(4 +=+= tttt
dtdx
[ ]322 )1(8)65(15 ++=⋅ ttxdtdx
dxdy
เม่ือ 0=t
0=dtdy
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
111บทท่ี บทท่ี
33
37. จงหาคา dtdw
จากสมการ 2uw = ,
11
−+
=ttu เม่ือ 3=t
วิธีทํา 2uw = , u
dudw 2=
11
−+
=ttu , 22 )1(
2)1(
)1()1(−
−=−
+−−=
tttt
dtdu
2)1(4−
−=⋅t
udtdu
dudw
)1()1(
)1(4
2 −+
⋅−
−=tt
tdtdw
เม่ือ 3=t , 2)13()13(
)13(4
2 −=−+
⋅−
−=dtdw
38. จงหาคา
dtdy
จากสมการ wy = , )23( xxw −= , 2tx = เม่ือ 1−=t
วิธีทํา wy = , wdw
dy2
1=
)23( xxw −= , xdxdw 43 −=
2tx = , t
dtdx 2=
)2()43(2
1 txwdt
dxdxdw
dwdy
⋅−⋅=⋅⋅
)23(2
)43(222
2
tt
ttdtdy
−
−=
2
2
23
43
t
t
−
−=
เม่ือ 1−=t , 1)1(23
)1(432
2−=
−−
−−=
dtdy
39. จงหา
dxdy
จากสมการ xyx 763 32 =−
วิธีทํา xyx 763 32 =−
dxdx
dxdyy
dxdxx 7186 2 =−
7186 2 =−dxdyyx
21867yx
dxdy
−
−=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
112บทท่ี บทท่ี
33
40. จงหา dxdy
จากสมการ 3 yyx +=
วิธีทํา 3 yyx +=
31
21
yyx +=
dxdyy
dxdyy
dxdx 3
221
31
21 −−
+=
dxdy
yy ⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛+=
3 23
12
11
3 232 yydxdy
+=
41. จงหาคา dxdy
จากสมการ 222 byxyax =++
วิธีทํา 222 byxyax =++
222 2
1)( byxyax =++
0221
212 2
121
21
21
=+⎥⎥⎦
⎤
⎢⎢⎣
⎡⋅⋅+⋅⋅+
−−
dxdyyxy
dxdyyxax
02
22
221
21
21
21
=+⎥⎥⎥
⎦
⎤
⎢⎢⎢
⎣
⎡++
−−
yaxdxdyyyaxx
yyax
x
ayx
dxdy
22
22
21
21
21
21
+
−−
=−
42. จงหา
dxdy
จากสมการ 03 323 =+− yxyx
วิธีทํา 03 323 =+− yxyx
03233 223 =+⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +−
dxdyyy
dxdyxyx
03363 223 =+−−dxdyyy
dxdyxyx
222 33)63( xy
dxdyxyx −=−
xyy
xydxdy
22
22
−
−=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
113บทท่ี บทท่ี
33
43. จงหา dxdy
ของฟงกชัน 222222 bayaxb =+
วิธีทํา 222222 bayaxb =+
022 22 =+dxdyya
dxdxxb
xbdxdyya 22 22 −=
yaxb
dxdy
2
2
22−
=
yaxb
dxdy
2
2−=
44. 222 ayx =+ จงหาคา
dxdy
วิธีทํา 222 ayx =+
022 =+dxdyy
dxdxx
yx
dxdy
22
−=
yx
dxdy
−=
45. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 6=+yx
xy
วิธีทํา 6=+yx
xy
621
21
21
21
=+−−
yxxy
021
21
21
21 2
121
23
21
21
21
23
21
=⋅⋅+⎟⎠⎞
⎜⎝⎛−⋅+⋅⋅+⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛−⋅
−−−−−−
xydxdyyx
dxdyyxxy
02
1
22
1
2 21
21
23
21
21
21
23
21
=+−⋅−
yxdxdy
y
xdxdy
yxx
y
yxx
ydxdy
y
xyx 2
1
2221
33−=
⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛−
3
3
221
21
2
y
xyx
yxx
y
dxdy
−
−
=
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
114บทท่ี บทท่ี
33
46. จงหาคา dxdy
ของฟงกชัน 13 323 =++ cyxybax
วิธีทํา 13 323 =++ cyxybax
03333 2222 =+++dxdycyyb
dxdyxbax
ybxadxdycyxb 2222 33)33( −−=+
)(
(22
22
cyxbybxa
dxdy
+
+−=
47. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 233 =+ xyyx
วิธีทํา 233 =+ xyyx
033 3223 =+++ ydxdyxyyx
dxdyx
yxydxdyxyx 2323 3)3( −−=+
23
23
33xyx
yxydxdy
+
−−−=
48. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 322 =+− yxyx
วิธีทํา 322 =+− yxyx
022 =+−−dxdyyy
dxdyxx
xydxdyxy 2)2( −=−
xyxy
dxdy
−−
=2
2
49. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 025 23 =−+− yxyxy
วิธีทํา 025 23 =−+− yxyxy
02325 22 =⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +−+− xy
dxdyx
dxdyy
dxdy
xydxdyxy 22)35( 22 +=−+
50. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 1052 234 =−++ yxxxy
วิธีทํา 1052 234 =−++ yxxxy
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
115บทท่ี บทท่ี
33
032452 2233 =−−++ xydxdyyxx
dxdy
543)22( 3223 −−=− xyxdxdyyx
yx
xyxdxdy
3
322
22543
−
−−=
51. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 232 xxy −=
วิธีทํา 232 xxy −=
)6()32(21 2
12 xxy
dxdyx −−=+
−
xdx
dy
y 21
3
1132 =⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛−
⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛−
=
3 23
112
1
yx
dxdy
52. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 3 yxy +=
วิธีทํา 3 yxy +=
dxdyyx
dxdy 3
221
31
21 −−
+=
xdx
dy
y 22
3
1132 =⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛−
⎟⎟⎟
⎠
⎞
⎜⎜⎜
⎝
⎛−
=
3 23
112
1
yx
dxdy
53. จงหาคา
dxdy
ของฟงกชัน 0333 =−+ axyyx
วิธีทํา 0333 =−+ axyyx
0333 22 =⎟⎠⎞
⎜⎝⎛ +−+ y
dxdyxa
dxdyyx
22 33)33( xay
dxdyaxy −=−
axyxay
dxdy
−
−= 2
2
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
116บทท่ี บทท่ี
33
แบบฝกหัด
แบบฝกหัดที่ 3.1
กําหนด )(xf จงพิจารณาวา f มีอนุพันธหรือไมท่ี cx =
1. 1;122
14)(
2=
⎪⎩
⎪⎨⎧
≥+
<= c
xx
xxxf
เม่ือเม่ือ
2. 2,1;1)1(
11)(
2−−=
⎪⎩
⎪⎨⎧
−>+
−≤+= c
xx
xxxf
เม่ือเม่ือ
3. 2;)1(
1)( =+
= cx
xf
แบบฝกหัดที่ 3.2
จงหาอนุพันธของฟงกชันตอไปนี ้
1. )1(2)( += xxf 2. cbxaxxf ++= 2)(
3. 211)(xx
xxf −+= 4. 321)(
2
+−
=x
xxf
5. ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛+⎟
⎠⎞
⎜⎝⎛ += 2
1111)(xx
xf 6. 5)21()( xxf +=
7. 1024 )()( xxxxf ++= 8. ⎪⎩
⎪⎨⎧
>−≤≤=2,2
20,)(2
xxxxxf
9. ⎪⎩
⎪⎨
⎧
≥−<≤−+
−<+=
3,1331,6
1,4)(
2
xxxx
xxxf
แบบฝกหัดที่ 3.3 ขอ 1-5 จงหา
dxdy
1. 132 −+= uuy และ 12 += xu
2. 2uy = และ 322 ++= xxu
3. 122 −+= uuy และ 12 += xu
4. 1+= uy และ 53 23 −++= xxxu
5. u
uy41
2−
= และ 42 )15( += xu
ขอ 6-7 จงหา dxdy
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
117บทท่ี บทท่ี
33
6. 52,1,1
71 22 −=+=
+
−= txxu
uuy
7. 25,1
71,1 22 +=
+
−=+= tx
xxuuy เม่ือ
52
−=t
8. จงแสดงวา xxdxd sincos −= (ใช )
2(sincos xx −=π
)
แบบฝกหัด 3.4
จงหาอนุพันธอันดบัท่ีสองของฟงกชันที่กําหนดใหในขอ 1-5
1. 23 84)( xxxf −= 2. 8 3 52)( −= yyf
3. xxxxF 5)( 2 −= 4. 223
1)(x
xG−
=
5. 1)( 2 += xxf
6. กําหนด 2−= xxy จงหา 3
3
dxyd
7. กําหนด 212527 2 xxxy +−= จงหา
4
4
dxyd
8. จงหา )()( xf n ถากําหนดให
8.1 nxxf =)( เม่ือ n เปนจํานวนเต็มบวก
8.2 nxxf )1()( −= เม่ือ n เปนจํานวนเต็มบวก
8.3 x
xf21
1)(−
=
แบบฝกหัดที่ 3.5
จงหาคาของลิมิตตอไปนี ้
1. h
xhxh
sin)(sin0
lim −+→
2. x
xx
3sin0
lim→
3. 2
2
0
sinlimx
xx→
4. x
xx 2
3tan0
lim→
แบบฝกหัดที่ 3.6
ขอ 1 − 32 จงหา dydx
( )1 22 4. y x= + ( )2 1 2 2 5
. y x= −
( )3 3 24 10. y x= − ( )4 3 42 3
. y x x= − +
( )5 3 2 14 2 2. y x x= − +
− ( ) ( )6 2 1 22 2 3
. y x x= + +
( )7
2
12 3. yx
=+
( )
83 4
1
3
. yxx
=−
+
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
118บทท่ี บทท่ี
33
( )9
1
1
2
2 2. yx
x=
+
−
3
11.10 ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛
+−
=xxy
ขอ 11 − 32 จงหา dydx
11 3. siny x= 12 1 2. cos ( )y x= −
( )13 3 2. tany x= 14 2 3. cscy x=
xy 2sin5.15 = 16 2 32. tan ( )y x= +
17 3 2. tany x= 18 2. (cos sin )y x x= −
19 3 2 3. ( ) cscy x x= + 20. sin (cos )y x=
( )21
1
1
3
2.tan
yx x
x=
+ 22 32 5. siny x x=
231
2 3 5.( )
yx
=+
( )( )
242 13 1
3
4. yxx
=+
+
( )25
1 53 5 3
.cot
yx x
x=
− 26 2. tany x=
271
1 2y
x=
− 28 5 3 2 14. ( )y x= − −
29 5 4 22. tany x= + 301 21 2
.sinsin
yxx
=+
−
3111
2. cosyxx
=−
+
⎛
⎝⎜
⎞
⎠⎟ 32. y x x= +
ขอ 33 − 36 จงหา ′′y
xxxy 2sin5cos.33 −= ( )42 1.34 += xy
( )22 1
)12(.35+
−=
x
xy xxy 2cos.36 2=
ขอ 37 − 39 จงหาสมการเสนสัมผัสกราฟของ y = f x( ) ณ จุดท่ีกําหนดให
37 3. cosy x x= ท่ี x = π 382
3. secy x= −⎛⎝⎜
⎞⎠⎟
π ท่ี x = −
π2
( )
( )39
3 4
2 2
2
2 2. yx
x=
−
− ท่ี x = 2
แบบฝกหัด 3.7
ขอ 1 − 16 จงหา y ′ ดวยวิธีการหาอนุพันธโดยปริยาย
1.1 22 =− yx 32.2 32 =+− yxyx
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
119บทท่ี บทท่ี
33
33.3 yxy −= ( ) 32.4 2 =− yxy
5. y x y= + 6 1. sin sinx y y x+ =
( )7 3. sec xy x= 8. sin cosx y x y= −
( ) ( )22222 4.9 yxyx −=+ 8.10 32 =+− yxyx
1732.11 232 +=− xxyy 16.12 44 =+ yx
( )13 2 2 232. xy x y= + 14 12.
yx y
x−
= +
( )15. cos sinx y y x− = ( )16. cotxy xy=
ขอ 17 − 20 จงหา ′′y
1.17 22 =+ yx 8.18 23
23
=− yx
32.19 2 =− yxy yyx =cos.20
ขอ 21 − 24 จงหา dydx
ณ จุดท่ีกําหนดให โดยใชวิธีการหาอนุพันธท้ังสองวิธี คือ โดยวิธีแยก y
ออกจาก x และโดยวิธกีารหาอนุพันธโดยปริยาย
)4,2(;8.21 =xy ⎟⎟⎠
⎞⎜⎜⎝
⎛ −=+
21,
21;1.22 22 yx
)2,3(;423.23 22 =+− xxyy ⎟⎠⎞
⎜⎝⎛=−
21,1;311.24
yx
ขอ 25 -26 จงหาความชันของเสนสัมผัสโคง ณ จุดท่ีกําหนดให
25 10 1 23 3. ; ( , )x y y x+ = 26 1 1 123
23. ; ( , )x y y− − =
27. จงใชการหาอนุพันธโดยปริยายแสดงวา เสนสัมผัสโคงวงรี ท่ีมีสมการ
xa
yb
2
2
2
2 1+ = ณ จดุ ( )x y0 0, คือ x xa
y yb
0 0 1+ =
28 จงหาสมการเสนสัมผัสกราฟไฮเพอรโบลา xa
yb
2
2
2
2 1− = ณ จุด ( )x y0 0,
29. จงหา ′y ( )1 และ ′′y ( )1 ถากําหนดให y( )1 0= และ sin y x x= − 3
ขอ 30-32 จงหาเสนสัมผัส และเสนตั้งฉากของเสนโคง ณ จุดท่ีกําหนดให
30 1 2 32 2. ; ( , )x xy y− − = 31 9 1 32 2. ; ( , )x y = −
322
2 3 1. ; ( , )x yx y−
−=
33. จงหาเสนตั้งฉากของเสนโคง xy y y+ − =2 02 ท่ีตั้งฉากกับเสนตรง 2 0x y+ =
34. จงแสดงวาเสนตั้งฉากของวงกลม x y a2 2 2+ = ท่ีจุด ( , )x y ใด ๆ ตองผานจุดกําเนดิ
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
120บทท่ี บทท่ี
33
แบบฝกหัด 3.8
ขอ 1 − 9 จงหา ลิเนียไรเซชัน L x( ) ของฟงกชันที่กําหนดใหท่ี x = a และใช L x( ) ประมาณ
คา f x( ) ท่ีกําหนดให พรอมท้ังคํานวณหาคาจริงเพ่ือเปรียบเทียบกับคาประมาณท่ีคาํนวณได
1 1 1014. ( ) , , ( . )f x x a f= =
6 9 4 4 22. ( ) , , ( . )f x x a f= + = − −
2 2 2 11. ( ) , , ( . )f x x a f= =− 7
42390
. ( ) tan , ,f x x a f= =⎛⎝⎜
⎞⎠⎟
π π
3 1 113. ( ) , , ( . )f x x x a f= − = 8 4 4 13/2. ( ) , , ( . )f x x a f= =
4 2 3 2 193. ( ) , , ( . )f x x x a f= − + =
93 2
2 1 2 2 23 2
. ( ) , , ( )f xx x
x a f= + − − = •
5 4 4 1. ( ) , , ( . )f x x a f= =
ขอ 10 − 17 จงใชการประมาณเชิงเสนประมาณคาตอไปน้ี
10. 4)02.3( 11. 65
12. 9.80 13. 06.8
14. 3 5.7 15. 1021
16. Ο31cos 17.
Ο44sin
ขอ 18-27 จงหา dy
18. 322 −+= xxy 19. 24 xy −=
20. x
xy−
=1
21. xy sin=
22. xxy tansec += 23. ( ) 3/26 1+= xy
24. x
xy tan= 25.
22sin xy =
26. 1
13 −
=x
y 27. xxy cos=
ขอ 28 − 30 กําหนดให y = f x( ) และ Δx เปนสวนเปล่ียนแปลงของ x จาก x = a ไปยัง
x = a + Δx จงหา
ก) การเปล่ียนแปลงของ ( )Δy f a x f a= + − ( )
ข) คาประมาณของ dy y≈ Δ
ค) คาคาความคาดเคล่ือน Δy − dy
28. 1.0,0,2)( 2 =Δ=+= xaxxxf
29. 1.0,1,)( 3 =Δ=−= xaxxxf
30. 1.0,5.0,)( 1 =Δ== − xaxxf
อนุพันธอนุพันธ 3.1 อนุพันธของฟงกชัน
ผูชวยศาสตราจารยสุชีพ งามเจริญ
121บทท่ี บทท่ี
33
31. กําหนดรัศมีของวงกลมเพ่ิมข้ึนจาก 2.00 ไปยัง 2.02 เมตร
ก) จงประมาณคาการเปล่ียนแปลงของพ้ืนที่วงกลม
ข) จงหาเปอรเซนตคาความความผิดพลาดของพ้ืนท่ีท่ีเปล่ียนไปเทยีบกับพ้ืนท่ีเดมิ
32. ส่ีเหล่ียมลูกบาศกมีดานยาว ดานละ 10 เซนติเมิตร และมีคาความผดิพลาดจากการวัด 1%
จงหาปริมาตรของส่ีเหล่ียมลูกบาศกท่ีไดจากการวัดและหาเปอรเซนตความผิดพลาดของ
ปริมาตรท่ีเปล่ียนไป
33. จงประมาณคาเปอรเซนตคาความผิดพลาดในการวัดเสนผาศูนยกลางของทรงกลม ถามีคาความผิดพลาด