page 1 of 30 3 - 1 บทที่ฟ 3 ชงกันของหลายตัวแปร 3 - 2...
TRANSCRIPT
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 1
บทที่ 3ฟงกชันของหลายตัวแปร
รองศาสตราจารย ดํารงค ทิพยโยธาภาควิชาคณิตศาสตร คณะวิทยาศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 2
3.3 อนุพันธของฟงกชันของหลายตัวแปรP( 1x , 2x , ... , nx ) ซึ่งเปนสมาชิกของ nR
มีความหมายได 2 แบบ คือP( 1x , 2x , ... , nx ) เปนจุดใน nR
หรือ P( 1x , 2x , ... , nx ) เปนเวกเตอรใน nR
ในกรณีที่ f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
เราจะใชสัญลักษณแทนคาของฟงกชัน f ที่จุด P ไดทั้งสองแบบคือ f(P) หรือ f(P
v ) ตามความเหมาะสม3.3.1 อนุพันธของฟงกชันในทิศทางของเวกเตอร
ตอไปเราจะใหความหมายของอนุพันธของฟงกชันของหลายตัวแปรซึ่งเก่ียวของกับเวกเตอรใน nR
ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
A เปนจุดภายในของ DVv เปนเวกเตอรใน nR
L = {X = A + tVv | t ∈ R} เปนเซตของจุดบนเสนตรงใน nR ที่ผานจุด A และ ขนานกับ V
v
ให X = A + hVv เมื่อ h เปนจํานวนจริงใด ๆ
เพราะฉะนั้น X เปนจุดบนเสนตรง L ที่ผานจุด Aและขนานกับ V
v และ || X - A || = | h | || Vv || ... (1)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 3
เพราะวา A เปนจุดภายในของ Dเพราะฉะนั้นมีจํานวนจริงบวก r ที่ทําให B(A ; r) ⊆ Dถาเราเลือกให V
v เปนเวกเตอรหนวย และเลือก h ที่ทําให | h | < rจาก (1) จะไดวา || X - A || < rเพราะฉะนั้น X ∈ D และ f(X) มีคา
รูปที่ 3.3.1จาก X = A + hV
v
f(X) = f(A + hVv )
f(X) - f(A) = f(A + hVv ) - f(A)
h)A(f)X(f − = h
)A(f)V hA(f −+v
f(X) - f(A) เรียกวาคาที่เปลี่ยนแปลงของ f จาก A ไปยัง X
h)A(f)X(f − เรียกวาคาเฉลี่ยของคาที่เปลี่ยนแปลงของ f
จาก A ไปยัง X เทียบกับเวกเตอร Vv
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 4
บทนิยาม 3.3.1 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
A เปนจุดภายใน D และ Vv เปนเวกเตอรใน nR
ถา 0h
lim→ h
)A(f)V hA(f −+v
มีคาแลว เราเรียกคาลิมิตนี้วา อนุพันธของ f ที่จุด A เทียบกับ V
v
เขียนแทนดวยสัญลักษณ f ′(A ; Vv )
เพราะฉะนั้น f ′(A ; Vv ) =
0hlim→ h
)A(f)V hA(f −+v
ถาลิมิตมีคา
ให uv = |||| V
Vvv
f ′(A ; uv ) เรียกวา อนุพันธของ f ที่จุด A ในทิศทางของ Vv
เพราะฉะนั้น f ′(A ; uv ) =
0hlim→ h
)A(f)u hA(f −+ vถาลิมิตมีคา
Page 1 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 5
ตัวอยาง 3.3.1 ให f(x, y) = 2x + 3y จงหา1. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) เทียบกับเวกเตอร (3, 4)2. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) ในทิศทางของเวกเตอร (5, 12)3. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) เทียบกับเวกเตอร (1, 0)4. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) เทียบกับเวกเตอร (0, 1)วิธีทาํ1. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) เทียบกับเวกเตอร (3, 4) คือf ′((1, 2) ; (3, 4))
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)4) 3,(h2) 1,((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)h42 ,h31(f −++
= 0h
lim→ h
7)h42(3)h31( 2 −+++
= 0h
lim→ h
7h126h9h61 2 −++++
= 0h
lim→ h
h9h18 2+
= 0h
lim→
(18 + 9h)= 18
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 6
2. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) ในทิศทางของเวกเตอร (5, 12)คือ f ′((1, 2) ; (
135 ,
1312))
= 0h
lim→ h
)2 1,(f))1312 ,13
5(h2) 1,((f −+ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)h13122 ,h13
51(f −++
= 0h
lim→ h
7)h13122(3)h13
51( 2 −+++
= 0h
lim→ h
7h13366h169
25h13101 2 −++++
= 0h
lim→ h
h16925h
1346 2+
= 0h
lim→
(1346 +
16925 h) =
1346
3. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) เทียบกับเวกเตอร (1, 0) คือf ′((1, 2) ; (1, 0))
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)0) ,1(h2) 1,((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)2 ,h1(f −+
= 0h
lim→ h
7)2(3)h1( 2 −++
= 0h
lim→ h
hh2 2+
= 0h
lim→
(2 + h) = 2
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 7
4. อนุพันธของ f ที่จุด (1, 2) เทียบกับเวกเตอร (0, 1) คือf ′((1, 2) ; (0, 1))
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)1) ,0(h2) 1,((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)2 1,(f)h2 ,1(f −+
= 0h
lim→ h
7)h2(312 −++
= 3
ขอสังเกต1. f ′((1, 2) ; (1, 0)) ก็คือ อนุพันธของ f เทียบกับ xที่จุด (1, 2) โดยถือวา y เปนคาคงตัว2. f ′((1, 2) ; (0, 1)) ก็คือ อนุพันธของ f เทียบกับ yที่จุด (1, 2) โดยถือวา x เปนคาคงตัว
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 8
ตัวอยาง 3.3.2 ให f(x, y, z) = 6 + x + 2y + 3z จงหา1. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (1, 0, 0)2. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (0, 1, 0)3. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (0, 0, 1)4. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (6, 2, 3)5. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3)
ในทิศทางเวกเตอร (6, 2, 3)วิธีทาํ 1. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3)เทียบกับเวกเตอร (1, 0, 0)คือ f ′((2, 4, 3) ; (1, 0, 0))
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)0) 0, 1,(h3) 4, , 2((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)3 ,4 ,h2(f −+
= 0h
lim→ h
5134)h2(6 32 −++++ = 0h
lim→ h
h = 12. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (0, 1, 0)คือ f ′((2, 4, 3) ; (0, 1, 0))
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)0) 1, ,0(h3) 4, , 2((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)3 ,h4 ,2(f −+
= 0h
lim→ h
513)h4(26 32 −++++
= 0h
lim→ h
hh8 2+ = 0h
lim→
(8 + h) = 8
Page 2 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 9
3. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (0, 0, 1)คือ f ′((2, 4, 3) ; (0, 0, 1))
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)1) 0, ,0(h3) 4, , 2((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)h3 ,4 ,2(f −+
= 0h
lim→ h
51)h3(426 32 −++++
= 0h
lim→ h
hh9h27 32 ++ = 0h
lim→
(27 + 9h + 2h ) = 27
4. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) เทียบกับเวกเตอร (6, 2, 3)คือ f ′((2, 4, 3) ; (6, 2, 3))
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)3) 2, 6,(h3) 4, , 2((f −+ ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)h33 ,h24 ,h62(f −+++
= 0h
lim→ h
51)h33()h24()h62(6 32 −++++++
= 0h
lim→ h
h27h85h103 32 ++
= 0h
lim→
(103 + 85h + 27 2h ) = 103
5. อนุพันธของ f ที่จุด (2, 4, 3) ในทิศทางเวกเตอร(6, 2, 3) คือ f ′((2, 4, 3) ; (7
6 , 72 , 7
3))
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f))73 ,7
2 ,76(h3) 4, , 2((f −+
ถาลิมิตมีคา
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 10
= 0h
lim→ h
)3 4, 2,(f)7h33 ,7
h24 ,7h62(f −+++
= 0h
lim→ h
51)7h33()7
h24()7h62(6 32 −++++++
= 0h
lim→ h
h34327h49
85h7103 32 ++
= 0h
lim→
(7
103 + 4985h +
34327 2h )
= 7
103
ขอสังเกต 1. f ′((2, 4, 3) ; (1, 0, 0))คือ อนุพันธของ f เทียบกับ x ที่จุด (2, 4, 3)โดยถือวา y, z เปนคาคงตัว
2. f ′((2, 4, 3) ; (0, 1, 0))คือ อนุพันธของ f เทียบกับ y ที่จุด (2, 4, 3)
3. f ′((2, 4, 3) ; (0, 1, 0))คือ อนุพันธของ f เทียบกับ z ที่จุด (2, 4, 3)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 11
3.3.2 อนุพันธยอยอนุพันธของ f เทียบกับเวกเตอรหนวยตามแนวพิกัดจะเปนอนุพันธของ f เทียบกับตัวแปรเพียงตัวเดียวโดยถือวาตัวแปรที่เหลือเปนคาคงตัว กลาวคือถา f : D → R เมื่อ D ⊆ 2R
และ ( 0x , 0y ) เปนจุดภายในของ D เราไดวาf ′(( 0x , 0y ) ; i
v) คืออนุพันธของ f เทียบกับ xที่จุด ( 0x , 0y ) โดยถือวา y เปนคาคงตัว
และ f ′(( 0x , 0y ) ; jv) คืออนุพันธของ f เทียบกับ y
ที่จุด ( 0x , 0y ) โดยถือวา x เปนคาคงตัว
ถา f : D → R เมื่อ D ⊆ 3R
และ ( 0x , 0y , 0z ) เปนจุดภายในของ D เราไดวาf ′(( 0x , 0y , 0z ) ; i
v) คืออนุพันธของ f เทียบกับ xที่จุด ( 0x , 0y , 0z ) โดยถือวา y, z เปนคาคงตัว
f ′(( 0x , 0y , 0z ) ; jv) คืออนุพันธของ f เทียบกับ y
ที่จุด ( 0x , 0y , 0z ) โดยถือวา x, z เปนคาคงตัว
f ′(( 0x , 0y , 0z ) ; kv ) คืออนุพันธของ f เทียบกับ z
ที่จุด ( 0x , 0y , 0z ) โดยถือวา x, y เปนคาคงตัว
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 12
บทนิยาม 3.3.2 เวกเตอรหนวยตามแนวแกนพิกัดที่ kเขียนแทนดวย kev กําหนดโดย
kev = (0, 0, ... , 0, 1, 0, ..., 0)
kตําแหนงที่↑
ตัวอยาง ใน 2R ;1ev = (1, 0) = i
v , 2ev = (0, 1) = j
v
ใน 3R ;1ev = (1, 0, 0) = i
v , 2ev = (0, 1, 0) = jv , 3ev = (0, 0, 1) = k
v
บทนิยาม 3.3.3 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
โดยที่ z = f( 1x , 2x , ... , nx )และ A เปนจุดภายในของโดเมนของ ff ′(A ; kev ) เรียกวา อนุพันธยอยของ f เทียบกับ kx ที่จุด Aเขียนแทนดวยสัญลักษณ
kxf
∂∂ (A), kxf (A), kf (A), kD f(A) หรือ
A k
xz
∂∂
จากบทนิยาม 3.3.3 เราจะเห็นวา การหาอนุพันธยอยก็คือ การหาอนุพันธของฟงกชันของหนึ่งตัวแปรนั่นเอง เพราะฉะนั้นเราสามารถนําสูตรของการหาอนุพันธของฟงกชันของหนึ่งตัวแปรมาใชได
Page 3 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 13
ตัวอยาง 3.3.3 ให f(x, y) = 3 4x 2y - 4 2x + 5y - 8จงหาคาของ xf (1, 2) และ yf (1, 2)วิธีทาํ xf (x, y) =
x∂∂ (3 4x 2y - 4 2x + 5y - 8)
= 12 3x 2y - 8xเพราะฉะนั้น xf (1, 2) = 12(1)3(2)2 - 8(1) = 40
yf (x, y) = y∂∂ (3 4x 2y - 4 2x + 5y - 8)
= 6 4x y + 5เพราะฉะนั้น yf (1, 2) = 6(1)4(2) + 5 = 17ตัวอยาง 3.3.4 จงหาอนุพันธยอยของ f(x, y) =
y4x5y3x2
−+
วิธีทาํ xf (x, y) = x∂∂ (
y4x5y3x2
−+ )
= 2)y4x5(
)y4x5(x)y3x2()y3x2(x)y4x5(
−
−∂∂+−+
∂∂−
= 2)y4x5()5)(y3x2()2)(y4x5(
−+−− = -
2)y4x5(
y23
−
และ yf (x, y) = y∂∂ (
y4x5y3x2
−+ )
= 2)y4x5(
)y4x5(y)y3x2()y3x2(y)y4x5(
−
−∂∂+−+
∂∂−
= 2)y4x5()4)(y3x2()3)(y4x5(
−−+−− =
2)y4x5(x23
−
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 14
ตัวอยาง 3.3.5ให f(x, y, z) = 2x + 4 2y + 4z + 2xy + 4xz + 8จงหาคาของ xf (2, 1, 4), yf (2, 1, 4) และ zf (2, 1, 4)วิธีทาํ การหา xf (x, y, z) ใชสูตรการหาอนุพันธของ f โดยคิดวา f เปนฟงกชันของตัวแปร x และถือวา y, z เปนคาคงตัวเพราะฉะนั้น xf (x, y, z)
= x∂∂ ( 2x + 4 2y + 4z + 2xy + 4xz + 8)
= 2x + 2y + 4zเพราะฉะนั้น xf (2, 1, 4) = 22การหา yf (x, y, z) ใชสูตรการหาอนุพันธของ f โดยคิดวาf เปนฟงกชันของตัวแปร y และถือวา x, z เปนคาคงตัวเพราะฉะนั้น yf (x, y, z)
= y∂∂ ( 2x + 4 2y + 4z + 2xy + 4xz + 8) = 8y + 2x
เพราะฉะนั้น yf (2, 1, 4) = 12การหา zf (x, y, z) ใชสูตรการหาอนุพันธของ f โดยคิดวาf เปนฟงกชันของตัวแปร z และถือวา x, y เปนคาคงตัวเพราะฉะนั้น zf (x, y, z)
= z∂∂ ( 2x + 4 2y + 4z + 2xy + 4xz + 8)= 4 3z + 4x
เพราะฉะนั้น zf (2, 1, 4) = 264
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 15
แบบฝกหัด 3.3.11. จงหาอนุพันธยอยของฟงกชันตอไปนี้1.1 f(x, y) = 3x 2y + 4 2x + 3 3y
1.2 f(x, y) = xy sin(xy)1.3 f(x, y) = ln(sin( 2x + 4 2y ))1.4 f(x, y) =
22 yxy2x
+
−
1.5 f(x, y, z) = 2x + 3x 2y + 4z + 4yz1.6 f(x, y, z) = cos(2x + 3yz)1.7 f(x, y, z) = 2z cos( 2x )sin( 3y )1.8 f(x, y, z) = 2xe ln( 2y + 2z )1.9 f(x, y, z) = (2x + y + y 3z )4
2. กําหนดให f(x, y, z) = sin(xy + yz + zx) จงหาคาของ
xf∂∂ (0, 1, π),
yf∂∂ (0, 1, π),
zf∂∂ (0, 1, π)
3. กําหนดให f(x, y, z) = yz2x2 +
จงหาคาของ xf∂∂ (3, 5, 4),
yf∂∂ (3, 5, 4) และ
zf∂∂ (3, 5, 4)
4. กําหนดให f(x, y, z, w) = ywxzy2x
++
จงหาคาของ xf∂∂ ,
yf∂∂ ,
zf∂∂ และ
wf
∂∂ ที่จุด (1, 2, 1, -1)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 16
เฉลยแบบฝกหัด 3.3.11. 1.1
xf∂∂ = 3 2x 2y + 8x,
yf∂∂ = 2 3x y + 9 2y
1.2 xf∂∂ = x 2y cos(xy) + y sin(xy)
yf∂∂ = 2x y cos(xy) + x sin(xy)
1.3 xf∂∂ = 2x cot( 2x + 4 2y ),
yf∂∂ = 8y cot( 2x + 4 2y )
1.4 xf∂∂ = 222
22
)yx(xy4yx
+++− ,
yf∂∂ = 222
22
)yx(xy2y2x2
+−+−
1.5 xf∂∂ = 2x + 3 2y ,
yf∂∂ = 6xy + 4z,
zf∂∂ = 4 3z + 4y
1.6 xf∂∂ = -2 sin(2x + 3yz),
yf∂∂ = -3z sin(2x + 3yz)
zf∂∂ = -3y sin(2x + 3yz)
1.7 xf∂∂ = -2x 2z sin 2x sin 3y ,
yf∂∂ = 3 2y 2z cos 2x cos 3y
zf∂∂ = 2zcos 2x sin 3y
1.8 xf∂∂
= 2x 2xe ln( 2y + 2z ),
yf∂∂
= 22
2x
zyye2+
, zf∂∂
= 22
2x
zyze2+
1.9 xf∂∂
= 8(2x + y + y 3z )3, yf∂∂
= 4(1 + 3z )(2x + y + y 3z )3
zf∂∂ = 12y 2z (2x + y + y 3z )3
2. xf∂∂ = -1 - π
yf∂∂ = -π
zf∂∂ = -1
3. xf∂∂ = 7
3 yf∂∂ = 7
4 zf∂∂ = 7
5
4. xf∂∂ = -6
yf∂∂ = 3
zf∂∂ = -5
wf
∂∂ = -10
Page 4 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 17
3.4 การมีอนุพันธของฟงกชัน และ เวกเตอรเกรเดียนตทบทวนการมีอนุพันธของฟงกชันของหนึ่งตัวแปรให f เปนฟงกชันของหนึ่งตัวแปรทีมีอนุพันธที่จุด a จะได
f ′(a) = 0h
lim→ h
)a(f)ha(f −+
เพราะฉะนั้น ถา h มีคานอยมากแลว เราสามารถประมาณคา h
)a(f)ha(f −+ ดวย f ′(a)
การขยายแนวคิดเรื่องอนุพันธไปยังฟงกชันของหลายตัวแปรจากสมบัติของการมีอนุพันธของฟงกชันของหนึ่งตัวแปรให aE : R → R กําหนดโดย
aE (h) = ⎪⎩
⎪⎨⎧
=
≠′−−+
0h 0
0h )a(fh)a(f)ha(f
เมื่อ
เมื่อ
เพราะฉะนั้น 0h
lim→
aE (h) = 0และ aE มีความตอเนื่องที่จุด h = 0และ f(a + h) = f(a) + f ′(a) h + h aE (h)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 18
จากสมการ f(a + h) = f(a) + f ′(a) h + h aE (h)ขอใหสังเกตวาฟงกชัน L ซึ่งกําหนดโดย
L(h) = f ′(a) hคือ คาเชิงอนุพันธของ f ที่จุด x = aโดยที่ L มีสมบัติดังนี้ L( 1k 1h + 2k 2h ) = f ′(a)( 1k 1h + 2k 2h )
= f ′(a) 1k 1h + f ′(a) 2k 2h
= 1k f ′(a) 1h + 2k f ′(a) 2h
= 1k L( 1h ) + 2k L( 2h ) ... (*)เมื่อ 1h , 2h , 1k , 2k เปนจํานวนจริง ซึ่ง 1h ≠ 0 และ 2h ≠ 0
หมายเหตุ ฟงกชันที่มีสมบัติ (*) เรียกวา ฟงกชันเชิงเสน
จากที่กลาวมาขางตนสําหรับฟงกชันของหนึ่งตัวแปร f ซึ่งมีอนุพันธที่จุด aจะตองมีฟงกชัน L และ ฟงกชัน aE ซึ่ง
f(a + h) = f(a) + L(h) + h aE (h)โดยที
0hlim→
aE (h) = 0และ L มีสมบัติเชิงเสน
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 19
การมีอนุพันธของฟงกชันของหลายตัวแปรบทนิยาม 3.4.1 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A เปนจุดภายในของ D โดยที่ r เปนจํานวนจริงบวกที่ทําให B(A ; r) ⊆ Dถา 1. มีฟงกชัน AT : nR → R ที่ทําให
AT ( 1c X + 2c Y) = 1c AT (X) + 2c AT (Y)ทุก X, Y ∈ nR และ ทุกคา 1c , 2c ∈ R
และ 2. มีฟงกชัน AE : nR → R ที่ทําใหf(A + V) = f(A) + AT (V) + || V || AE (V)เมื่อ || V || < rโดยที่
OVlim→
AE (V) = 0แลว เรากลาววา f มีอนุพันธที่จุด Aฟงกชัน AT เรียกวา คาเชิงอนุพันธรวมของ f ที่จุด Aเขียนแทนดวยสัญลักษณ df(A) และเรียกdf(A)(V) เรียกวาคาเชิงอนุพันธรวมของ f ที่จุด A คาํนวณคาที่จุด Vสําหรับ S ⊆ D เรากลาววา1. f มีอนุพันธบน S ก็ตอเมื่อ f มีอนุพันธที่ทุกจุดใน S2. f มีอนุพันธ ก็ตอเมื่อ f มีอนุพันธที่ทุกจุดในโดเมนของ f
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 20
ทฤษฎีบท 3.4.1 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
เปนฟงกชันที่มีอนุพันธที่จุด A ซึ่งเปนจุดภายในของ Dและ AT เปนคาเชิงอนุพันธรวมของ f ที่จุด A จะได1. f ′(A ; Y
v ) = AT (Yv ) ทุก Y
v ∈ nR
2. f ′(A ; Yv ) = ( 1D f(A), 2D f(A), ... , nD f(A)) ⋅ Y
v
ทุก Yv ∈ nR
บทพิสูจน 1. กรณีที่ 1. Yv = 0
v
AT (Yv ) = AT (0
v)= AT (0uv + 0Y
v ) = 0 AT (uv ) + 0 AT (Yv ) = 0
และ f ′(A ; 0v) =
0hlim→ h
)A(f)0 hA(f −+v
= 0
เพราะฉะนั้น f ′(A ; Yv ) = AT (Y
v )กรณีที่ 2. Y
v ≠ 0v
f ′(A ; Yv ) =
0hlim→ h
)A(f)Y hA(f −+v
ถาลิมิตมีคา
= 0h
lim→ h
)A(f)VA(f −+v
(Vv = hY
v )
= 0h
lim→ h
)V(T)V(E||V|| AAvvv
+ (เพราะวา f มีอนุพันธที่จุด A)
= 0h
lim→ h
)Yh(T)V(E||Y h|| AAvvv
+
= 0h
lim→ h
)Y(hT)V(E||Y || |h| AAvvv
+
เพราะฉะนั้น f ′(A ; Yv ) =
0hlim→ h
)Y(hT)V(E||Y || |h| AAvvv
+
Page 5 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 21
เพราะวา 0h
lim→
Vv =
0hlim→
hYv = 0 และ
OVlim→
AE (Vv ) = 0
เพราะฉะนั้น 0h
lim→ h
)Y(hT)V(E||Y || |h| AAvvv
+ = AT (Yv )
เพราะฉะนั้น f ′(A ; Yv ) = AT (Y
v )
2. ให Yv = ( 1y , 2y , ... , ny )
AT (Yv ) = AT ( 1y , 2y , ... , ny )
= AT ( 1y 1ev + 2y 2ev + ... + ny nev )= 1y AT ( 1ev ) + 2y AT ( 2ev ) + ... + ny AT ( nev )= 1y f ′(A ; 1ev ) + 2y f ′(A ; 2ev ) + ... + ny f ′(A ; nev )= 1y 1D f(A) + 2y 2D f(A) + ... + ny nD f(A)= ( 1D f(A), 2D f(A), ... , nD f(A)) ⋅ Y
v
บทนิยาม 3.4.2 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
เปนฟงกชันที่มีอนุพันธที่จุด A ซึ่งเปนจุดภายในของ Dเวกเตอร ( 1D f(A), 2D f(A), ... , nD f(A)) เรียกวาเวกเตอรเกรเดียนต ของฟงกชัน f ที่จุด Aเขียนแทนดวยสัญลักษณ ∇ f(A) หรือ grad f(A)
เพราะฉะนั้นจากผลของทฤษฎีบท 3.4.1 จะไดf ′(A ; Y
v ) = AT (Yv ) = ∇ f(A) ⋅ Y
v ทุก Yv ∈ nR
โดยที่ ∇ f(A) = ( 1D f(A), 2D f(A), ... , nD f(A))
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 22
ตัวอยาง 3.4.1 ให f(x, y) = 2x + 4xy + 4y
จงหาเวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (2, 1)วิธีทาํ จาก f(x, y) = 2x + 4xy + 4y
จะได ∇ f(x, y) = ( xf∂∂ , y
f∂∂ )
= (2x + 4y, 4x + 4 3y )เพระฉะนั้นเวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (2, 1)คือ ∇ f(2, 1) = (6, 8)
ตัวอยาง 3.4.2 ให f(x, y, z) = 2x 4y + 4xyz + 4x 2z
จงหาเวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (1, 0, 2)วิธีทาํ จาก f(x, y, z) = 2x 4y + 4xyz + 4x 2z
จะได ∇ f(x, y, z)= ( x
f∂∂ , y
f∂∂ , z
f∂∂ )
= (2x 4y + 4yz + 4 3x 2z , 4 2x 3y + 4xz, 4xy + 2 4x z)เพระฉะนั้นเวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (1, 0, 2)คือ ∇ f(1, 0, 2) = (16, 8, 4)
จากความรูเก่ียวกับฟงกชันของหนึ่งตัวแปรเราทราบวา ถา f มีอนุพันธที่จุด A แลว f จะมีความตอเนื่องที่จุด A สําหรับฟงกชันของหลายตัวแปร ขอความนี้ยังคงเปนจริงดังทฤษฎีบทตอไปนี้
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 23
ทฤษฎีบท 3.4.2 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A เปนจุดภายในของ Sถา f มีอนุพันธที่จุด A แลว f จะมีความตอเนื่องที่จุด Aบทพิสูจน เราตองแสดงวา
AXlim→
f(X) = f(A)เพราะวา f มีอนุพันธที่จุด Aเพราะฉะนั้นจากบทนิยาม 3.4.1 จะไดf(A + V) = f(A) + AT (V) + || V || AE (V) เมื่อ || V || < rโดยที่
O Vlim→
AE (V) = 0ถา V
v = Xv - A
v จะไดf(X) = f(A) + AT (X
v - A
v ) + || Xv - Av
|| AE (Xv
- Av )
= f(A) + ∇ f(A) ⋅ (Xv
- Av ) + || Xv - A
v || AE (X
v - A
v )= f(A) + ∇ f(A) ⋅ (X
v - A
v ) + || Vv || AE (Vv )
และ เมื่อ X → A จะได V → Oเพราะฉะนั้น
AXlim→
f(X) = f(A)
เพราะฉะนั้น f มีความตอเนื่องที่จุด A
หมายเหตุ จากทฤษฎีบท 3.4.1 จะเห็นวาถา f มีอนุพันธที่จุด A แลว เราสามารถหา ∇ f(A) ไดเสมอแตในทางกลับกันมีบางฟงกชันที่ ∇ f(A) หาได แต f ไมมีอนุพันธที่จุด A
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 24
ตัวอยาง 3.4.3 ให f(x, y) =
⎪⎪⎪
⎩
⎪⎪⎪
⎨
⎧
<+
−
=
>+
0xy2y2x
xy
0xy0
0xy2y2x
xy
เมื่อ
เมื่อ
เมื่อ
จงแสดงวา ∇ f(0, 0) หาได และ f ไมมีอนุพันธที่จุด (0, 0)วิธีทาํ x
f∂∂ (0, 0) =
0hlim→ h
)0 ,0(f)0 ,h(f − = 0
yf∂∂ (0, 0) =
0klim→ k
)0 ,0(f)k ,0(f − = 0เพราะฉะนั้น ∇ f(0, 0) = (0, 0)สมมติวา f มีอนุพันธที่จุด (0, 0)เพราะฉะนั้น1. มีฟงกชัน 0) (0,T : 2R → R ที่ทําให
0) (0,T ( 1c X + 2c Y) = 1c 0) (0,T (X) + 2c 0) (0,T (Y)ทุก X, Y ∈ 2R และ ทุกคา 1c , 2c ∈ R ... (1)
และ2. มีฟงกชัน 0) (0,E : 2R → R ที่ทําให
f((0, 0) + V) = f(0, 0) + 0) (0,T (V) + || V || 0) (0,E (V)ทุกคา || V || < rโดยที่
0) (0, Vlim→
0) (0,E (V) = 0 ... (2)
และ 0) (0,T (Yv ) = ∇ f(0, 0) ⋅Yv = 0 ทุก Y
v ∈ 2R
Page 6 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 25
ให V = (x, y)เพราะวา 0) (0,E (V)
= 0) (0,E (x, y)= ||y) (x, ||
)y ,x(T)0 ,0(f))y ,x()0 ,0((f 0) (0,−−+
= ||y) (x, ||00)y ,x(f −−
= 22 yx
)y ,x(f+
=
⎪⎪⎪
⎩
⎪⎪⎪
⎨
⎧
<+
−
=
>+
0xy2y2xxy
0xy0
0xy2y2xxy
เมื่อ
เมื่อ
เมื่อ
การแสดงวา )0 , 0()y ,x(
lim→
0) (0,E (x, y) ไมมีคา
ให 1S เปนเซตของจุดบนเสนตรง y = xและ 2S เปนเซตของจุดบนเสนตรง y = 2xเพราะฉะนั้น 1S = {(x, y) | y = x}และ 2S = {(x, y) | y = 2x}จะเห็นวา (0, 0) เปนจุดลิมิตของ 1S และ 2S
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 26
xy ; 1S )0 ,0()y ,x(
lim
=→
บน
0) (0,E (x, y) =
xy ; 1S )0 ,0()y ,x(
lim
=→
บน
22 yxxy+
=
xy ; 1S )0 ,0()y ,x(
lim
=→
บน
22 )x(x)x(x
+
= 21
2x y ; 2S )0 ,0()y ,x(
lim
=→
บน
0) (0,E (x, y) =
2x y ; 2S )0 ,0()y ,x(
lim
=→
บน
22 yxxy+
=
2x y ; 2S )0 ,0()y ,x(
lim
=→
บน
22 )x2(x)x2(x
+
= 52
เพราะฉะนั้น
1S )0 ,0()y ,x(
lim
บน→
0) (0,E (x, y) ≠
2S )0 ,0()y ,x(
lim
บน→
0) (0,E (x, y)
เพราะฉะนั้น )0 , 0()y ,x(
lim→
0) (0,E (x, y) ไมมีคา ... (3)
จาก (2) เราไดวา )0 , 0()y ,x(
lim→
0) (0,E (x, y) = 0 ... (4)
จะเห็นวา (3) และ (4) ขัดแยงกัน เพราะฉะนั้นที่สมมติวา f เปนฟงกชันที่มีอนุพันธที่จุด (0, 0) ไมจริงเพราะฉะนั้น f ไมมีอนุพันธที่จุด (0, 0)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 27
จากตัวอยาง 3.4.3 จะเห็นวา ถึงแมฟงกชัน f จะมีอนุพันธยอยที่จุด A แตฟงกชันนั้นอาจจะไมมีอนุพันธที่จุด A ก็ได
การตรวจสอบวา f มีอนุพันธที่จุด A ใชผลของทฤษฎีบทตอไปนี้
ทฤษฎีบท 3.4.3 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A เปนจุดภายในของ Dถา 1. มีจํานวนจริงบวก r ที่ทําให
1D f, 2D f, ... , nD f มีคาทุกจุดใน B(A ; r) ⊆ Dและ 2. 1D f, 2D f, ... , nD f มีความตอเนื่องที่จุด Aแลว f มีอนุพันธที่จุด A
บทนิยาม 3.4.3 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A เปนจุดภายในของ Dถา 1. มีจํานวนจริงบวก r ที่ทําให 1D f, 2D f, ... , nD f
มีคาทุกจุดใน B(A ; r) ⊆ Dและ 2. 1D f, 2D f, ... , nD f มีความตอเนื่องที่จุด Aแลว เราจะกลาววา f มีอนุพันธอยางตอเนื่องที่จุด A
ขอสังเกต ฟงกชันพหุนามของ n ตัวแปรเปนฟงกชันที่หาอนุพันธยอยไดที่ทุกจุดใน nR
ตัวอยาง f(x, y) = 2x + 4xy + 4y
เปนฟงกชันที่มีอนุพันธอยางตอเนื่องที่ทุกจุดใน 2R
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 28
ตัวอยาง 3.4.4 ให f(x, y) = sin(2x + 3y) จงหา1. เวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (x, y)2. เวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด ( 2
π , 3π)
3. อนุพันธของ f ที่จุด ( 2π , 3
π) เทียบกับเวกเตอร (4, 3)วิธีทาํ1. จาก f(x, y) = sin(2x + 3y)จะได ∇ f(x, y) = ( x
f∂∂ , y
f∂∂ )
= (2 cos(2x + 3y), 3 cos(2x + 3y))2. เวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด ( 2
π , 3π)
คือ ∇ f( 2π , 3
π) = (2, 3)3. อนุพันธของ f ที่จุด ( 2
π , 3π) เทียบกับเวกเตอร (4, 3) คือ
f ′(( 2π , 3
π) ; (4, 3)) = ∇ f( 2π , 3
π) ⋅ (4, 3)= (2, 3) ⋅ (4, 3)= 8 + 9= 17
Page 7 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 29
ตัวอยาง 3.4.5 ให f(x, y, z) = 2x + 3y + 4z + 8xyzจงหา 1. เวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (x, y, z)
2. เวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (-1, 0, 1)3. อนุพันธของ f ที่จุด (-1, 0, 1)
ในทิศทางของเวกเตอร (2, 3, 6)วิธีทาํ 1. จาก f(x, y, z) = 2x + 3y + 4z + 8xyzจะได ∇ f(x, y, z) = ( x
f∂∂ , y
f∂∂ , y
z∂∂ )
= (2x + 8yz, 3 2y + 8xz, 4 3z + 8xy)2. เวกเตอรเกรเดียนตของ f ที่จุด (-1, 0, 1)
คือ ∇ f(-1, 0, 1) = (-2, -8, 4)3. อนุพันธของ f ที่จุด (-1, 0, 1)
ในทิศทางของเวกเตอร (2, 3, 6) คือf ′((-1, 0, 1) ;
222 6321
++(2, 3, 6))
= f ′((-1, 0, 1) ; 71(2, 3, 6))
= ∇ f(-1, 0, 1) ⋅ 71(2, 3, 6)
= (-2, -8, 4) ⋅ 71(2, 3, 6)
= 71(-4 - 24 + 24)
= -74
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 30
การหาคาสูงสุด และ คาต่าํสุด ของ f ′(A ; Yv )
จาก f ′(A ; Yv ) = ∇ f(A) ⋅Yv
= || ∇ f(A) || || Yv || cos θ
เมื่อ θ เปนมุมระหวาง ∇ f(A) กับ Yv
ให uv = ||Y||
Yvv
จะได f ′(A ; uv ) = ∇ f(A) ⋅uv
= || ∇ f(A) || || uv || cos θ
= || ∇ f(A) || (1) cos θ
= || ∇ f(A) || cos θ
เพราะฉะนั้น เราสรุปไดวา1. อนุพันธของฟงกชัน f ที่จุด A ในทิศทางของ Y
v
มีคามากที่สุด เทากับ || ∇ f(A) || เมื่อ θ = 0เพราะวา θ = 0 เมื่อ ∇ f(A) และ uv มีทิศทางเดียวกันเพราะฉะนั้น อนุพันธของฟงกชัน f ที่จุด A ในทิศทางของ Y
v
มีคามากที่สุด เทากับ || ∇ f(A) ||เมื่อ ∇ f(A) และ Y
v มีทิศทางเดียวกัน
เพราะฉะนั้นฟงกชัน f จะมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในทิศทางของ ∇ f(A)และอัตราการเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุดนั้นมีคา = || ∇ f(A) ||
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 31
2. อนุพันธของฟงกชัน f ที่จุด A ในทิศทางของ Yv
มีคานอยที่สุด เทากับ -|| ∇ f(A) || เมื่อ θ = π
เพราะวา θ = π เมื่อ ∇ f(A) และ uv มีทิศทางตรงกันขามเพราะฉะนั้น อนุพันธของฟงกชัน f ที่จุด A ในทิศทางของ Y
v
มีคานอยที่สุด เทากับ -|| ∇ f(A) ||เมื่อ ∇ f(A) และ Y
v มีทิศทางตรงกันขาม
เพราะฉะนั้นฟงกชัน f จะมีอัตราการเปลี่ยนแปลงลดลงนอยที่สุดในทิศทางของ -∇ f(A)และอัตราการเปลี่ยนแปลงที่นอยที่สุดนั้นมีคา = -|| ∇ f(A) ||
3. อนุพันธของฟงกชัน f ที่จุด A ในทิศทางของ Yv
มีคาเทากับ 0 เมื่อ θ = 2π
เพราะวา θ = 2π เมื่อ ∇ f(A) และ uv ตั้งฉากกัน
เพราะฉะนั้น อนุพันธของฟงกชัน f ที่จุด A ในทิศทางของ Yv
มีคาเทากับ 0 เมื่อ ∇ f(A) และ Yv ตั้งฉากกัน
เพราะฉะนั้นฟงกชัน f จะมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเปน 0 ในทิศทางของที่ตั้งฉากกับ ∇ f(A)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 32
ตัวอยาง 3.4.6 ให f(x, y) = x ye
จงหาทิศทางซึ่งอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีคาลดลงนอยที่สุดที่จุด (-2, 0) และ จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่นอยที่สุดนั้นวิธีทาํ ∇ f(x, y) = ( x
f∂∂ , y
f∂∂ ) = ( ye , x ye )
∇ f(-2, 0) = (1, -2)เพราะฉะนั้นฟงกชัน f จะมีอัตราการเปลี่ยนแปลงลดลงนอยที่สุดในทิศทางของ -∇ f(-2, 0) = (-1, 2)และอัตราการเปลี่ยนแปลงที่นอยที่สุด = -|| ∇ f(-2, 0) || = - 41+ = - 5
ตัวอยาง 3.4.7 ให f(x, y, z) = 2x 3y + 2yz จงหาทิศทางซึ่งอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีคาเพ่ิมขึ้นมากที่สุดที่จุด(1, 1, -1) และจงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุดนั้นวิธีทาํ ∇ f(x, y, z) = (
xf∂∂ ,
yf∂∂ ,
zf∂∂ )
= (2x 3y , 3 2x 2y + 2z, 2y)เพราะฉะนั้น ∇ f(1, 1, -1) = (2, 1, 2)เพราะฉะนั้นฟงกชัน f จะมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมากที่สุดในทิศทางของ ∇ f(1, 1, -1) = (2, 1, 2)และอัตราการเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุด = || ∇ f(1, 1, -1) || = 414 ++ = 3
Page 8 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 33
แบบฝกหัด 3.41. จงหาเวกเตอรเกรเดียนตของฟงกชัน f ท่ีกําหนดใหตอไปนี้
1.1 f(x, y) = 2x 2y + 2xy + y xe 1.2 f(x, y) = ln( 2x + xy + 2y )1.3 f(x, y) = 2cos (2x + 3y) 1.4 f(x, y, z) = zy
yx++
2. จงหาอนุพันธของฟงกชัน f ท่ีจุด A ท่ีกําหนดให ในทิศทางของเวกเตอร Vv ท่ีกําหนดใหตอไปนี้
2.1 f(x, y) = 2x + 3xy + 4y ; A(1, 2) ; Vv = (3, 4)
2.2 f(x, y) = sin(x + y) cos(x - y) ; A( 3π , 4
π ) ; Vv = (-5, 12)
2.3 f(x, y) = x 2y yx − ; A(2, 1) ; Vv = ( 3 , 1)
3. กําหนดให f(x, y) = 3xy จงหาอนุพันธของ f ท่ีจุด (2, 2) ในทิศทางที่ทํามุม 45 องศากับแกน X ทางดานบวก
4. กําหนดให f(x, y) = 22
2
yxxy25+
จงหาอนุพันธของ f ท่ีจุด (1, 2) ในทิศทางจากจุด (2, 3) ไปยังจุด (5, 7)
5. กําหนดให f(x, y, z) = y4yzzx 22 ++
จงหาอนุพันธของ f ท่ีจุด (2, 1, 3) ในทิศทางจากจุด (1, 1, 1) ไปยังจุด (4, -1, -5)6. กําหนดให f(x, y, z) = 2x y ze จงหาอนุพันธของ f ท่ีจุด (1, 2, 0) เทียบกับเวกเตอร (3, -1, 2)7. กําหนดให f(x, y) = 4 2x y + ln(xy)
จงหาทิศทางซึ่งทําใหอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีคาเพ่ิมขึ้นมากที่สุดที่จุด (1, 1)และ จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุดนั้น
8. กําหนดให f(x, y) = 22 yx
x
+
จงหาทิศทางซึ่งทําใหอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีคาลดลงนอยที่สุดที่จุด (3, 4)และ จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่นอยที่สุดนั้น
9. กําหนดให f(x, y) = sin(x + 2y)cos(2x + y)จงหาทิศทางซึ่งทําใหอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีเทากับศูนยท่ีจุด ( 6
π , 2π )
10. กําหนดให f(x, y, z) = xy zxy + )จงหาทิศทางซึ่งทําใหอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีคาเพ่ิมขึ้นมากที่สุดที่จุด (1, 1, 3)และ จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุดนั้น
11. กําหนดให f(x, y, z) = xy + ln( 2x + 2y 2z )จงหาทิศทางซึ่งทําใหอัตราการเปลี่ยนแปลงของ f มีคาลดลงนอยที่สุดที่จุด (1, 1, 1)และ จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่นอยที่สุดนั้น
เฉลยแบบฝกหัด 3.4
1. 1.1 ∇ f = (2x 2y + 2y + y xe , 2 2x y + 2x + xe ) 1.2 ∇ f = ( 22 yxyxyx2++
+ , 22 yxyxy2x++
+ )
1.3 ∇ f = (-4 cos(2x + 3y) sin(2x + 3y), -6 cos(2x + 3y) sin(2x + 3y))1.4 ∇ f = ( zy
1+
, 2)zy(zx
++− , 2)zy(
yx+
−− )
2. 2.1 5164 2.2 26
5 2.3 23 + 3
3. 2 2 4. 552 5. - 7
5 6. 15
7. (9, 5), 106 8. (-16, 12), - 254 9. (-7, 5) หรือ (7, -5) 10. (9, 9, 1), 4
163
11. (-2, -2, -1), -3
Page 9 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 34
3.7 อนุพันธยอยของฟงกชันที่นิยามโดยปริยายการหาอนุพันธยอยของฟงกชันในหัวขอที่ผานมาฟงกชันที่ตองการหาอนุพันธยอยเปนฟงกชันที่กําหนดสูตรในรูปแบบที่แนนอน เชนz = 2x + 2y + xy หรือ w = x + y + zแลวแตวาตัวแปรใดจะเปนตัวแปรตามหรือตัวแปรอิสระแตในหัวขอนี้จะกําหนดฟงกชัน z เปนฟงกชันของ x, yในรูปสมการ F(x, y, z) = c ... (*)(c เปนคาคงตัว)ซึ่งแสดงความสัมพันธระหวางตัวแปร x, y และ z มาใหจากสมการ (*) นั้น เราจะเขียน z ในรูปของ x, yบางครั้งก็คอนขางยาก ตัวอยางเชน
3x + 2y + z + 6 = 0 ... (1) 2z = 2x + 2y ... (2)
ถาให z เปนฟงกชันของ x, yเราจะหาสูตรของฟงกชันในรูป z = f(x, y)จากสมการ (1) เขียน z ในพจนของ x, y ไดเปน
z = 6 - 3x - 2yเพราะฉะนั้น สูตรของฟงกชันคือ z = f(x, y) = 6 - 3x - 2yจากสมการ (2) เขียน z ในพจนของ x, y ไดเปน
z = ± 22 yx +
เพราะฉะนั้น จากสมการที่กําหนดนี้เขียนสูตรของฟงกชันไดแบบ
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 35
ใดแบบหนึ่งในสองแบบ คือ1f (x, y) = 22 yx +
และ 2f (x, y) = - 22 yx +
เพราะฉะนั้น ถา x, y และ z มีความสัมพันธในรูปF(x, y, z) = c เมื่อ c เปนคาคงตัวโดยนิยาม z เปนฟงกชันของ x และ yเราจะกลาววา z เปนฟงกชันที่นิยามโดยปริยาย (implicit function)ดวยสมการ F(x, y, z) = cและถาเราเขียนสมการใหอยูในรูปแบบ z = f(x, y)เราจะเรียก z วาเปนฟงกชันที่นิยามโดยชัดแจง (explicit function)
ในหัวขอนี้เราจะศึกษาเกี่ยวกับ การหาอนุพันธยอยของฟงกชันของหลายตัวแปร ซึ่งนิยามโดยปริยายโดยไมจําเปนตองเขียนสูตรฃองฟงกชันออกมาอยางชัดแจง เชน
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 36
ตัวอยาง 3.7.1 ให z เปนฟงกชัน f(x, y) ที่นิยามโดยปริยายดวยสมการ 2x + xyz - 2z 2y = 1จงหา x
z∂∂ และ y
z∂∂ ที่จุด (x, y, z) ใด ๆ และที่จุด (1, 2, 0)
วิธีทาํ จาก 2x + xyz - 2z 2y = 1จะได x∂
∂ ( 2x + xyz - 2z 2y ) = 0 x∂∂ 2x + x∂
∂ (xyz) - x∂∂ ( 2z 2y ) = 0
2x + yz + xy xz∂∂ - 2y 2z x
z∂∂ = 0
xz∂∂ (xy - 2 2y z) = -2x - yz
xz∂∂ =
zy2xyyzx22−
−−
เพราะฉะนั้น ที่จุด (1, 2, 0) จะได xz∂∂ = -1
จาก 2x + xyz - 2z 2y = 0จะได y∂
∂ ( 2x + xyz - 2z 2y ) = 0 y∂∂ 2x + y∂
∂ (xyz) - y∂∂ ( 2z 2y ) = 0
xz + xy yz∂∂ - 2y 2z y
z∂∂ - 2y 2z = 0
yz∂∂ (xy - 2 2y z) = -xz + 2y 2z
yz∂∂ =
zy2xyyz2xz2
2
−+−
เพราะฉะนั้น ที่จุด (1, 2, 0) จะได yz∂∂ = 0
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 37
การหาอนุพันธยอย xz∂∂ และ y
z∂∂ ของฟงกชันที่นิยามโดยปริยาย
ทําไดอีกวิธีหนึ่งดังนี้ให F(x, y, z) = 0 ... (1)เปนความสัมพันธของตัวแปร x, y, zที่นิยาม z = f(x, y) โดยปริยายแทนคา z = f(x, y) ใน (1) จะได
F(x, y, f(x, y)) = 0 ... (2)ให g(x, y) = F(x, y, f(x, y))
1u (x, y) = x2u (x, y) = y3u (x, y) = f(x, y) = z
เพราะฉะนั้น g(x, y) = F( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y)) = 0โดยกฎลูกโซจะได x
g∂∂ =
1uF
∂∂ ( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y)) x
u1∂∂ (x, y)
+
2uF
∂∂ ( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y)) x
u2∂∂ (x, y)
+
3uF
∂∂ ( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y)) x
u3∂∂ (x, y) ... (3)
เพราะวา xg∂∂ (x, y) = 0 x
u1∂∂ (x, y) = 1
xu2∂∂ (x, y) = 0 x
u3∂∂ (x, y) = x
f∂∂ (x, y)
1uF
∂∂ = x
F∂∂
2uF
∂∂ = y
F∂∂
3uF
∂∂ = z
F∂∂
Page 10 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 38
โดยกฎลูกโซจะได0 = x
F∂∂ ( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y))(1)
+ yF∂∂ ( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y))(0)
+ zF∂∂ ( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y)) x
f∂∂ (x, y)
0 = xF∂∂ (x, y, f(x, y)) + 0 + z
F∂∂ (x, y, f(x, y)) x
f∂∂ (x, y)
0 = xF∂∂ (x, y, z) + z
F∂∂ (x, y, z) x
f∂∂ (x, y)
เพราะฉะนั้น xf∂∂ (x, y) = -
)z ,y ,x(zF
)z ,y ,x(xF
∂∂∂∂
เมื่อ zF∂∂ (x, y, z) ≠ 0
หรือโดยยอ xf∂∂ = -
zFxF
∂∂∂∂
เมื่อ zF∂∂ ≠ 0
ในทํานองเดียวกัน
เพราะฉะนั้น yf∂∂ (x, y) = -
)z ,y ,x(zF
)z ,y ,x(yF
∂∂∂∂
เมื่อ zF∂∂ (x, y, z) ≠ 0
หรือโดยยอ yf∂∂ = -
zFyF
∂∂∂∂
เมื่อ zF∂∂ ≠ 0
หมายเหตุ การหาคา xF∂∂ , y
F∂∂ , z
F∂∂ ในการคํานวณขางตน เรา
คํานวณโดยพิจารณาวา F เปนฟงกชันของตัวแปรอิสระ x, y, zโดยไมตองคิดวา z เปนฟงกชันของ x, y
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 39
โดยใชแนวคิดขางตนกับ ตัวอยาง 3.7.1ให F(x, y, z) = 2x + xyz - 2z 2y - 1 = 0 x
F∂∂ = 2x + yz, y
F∂∂ = xz - 2y 2z , z
F∂∂ = xy - 2 2y z
เพราะฉะนั้น ที่จุด (1, 2, 0)
xz∂∂ = -
zFxF
∂∂∂∂
= -zy2xy
yzx22−
+ = -1, y
z∂∂ = -
zFyF
∂∂∂∂
= -zy2xy
yz2xz2
2
−−
= 0
ในกรณีทั่วไปเราสรุปเปนทฤษฎีบทตอไปนี้
ทฤษฎีบท 3.7.1 ให F : D → R เมื่อ D ⊆ nR
ให F( 1x , 2x , ... , nx ) = 0 และนิยาม nx
เปนฟงกชันที่นิยามโดยปริยายของตัวแปร 1x , 2x , ... , 1nx −
โดย nx = f( 1x , 2x , ... , 1nx − )เมื่อ f : S → R เมื่อ S ⊆ 1nR −
ถา f มีอนุพันธที่จุด ( 1y , 2y , ... , 1ny − ) และF มีอนุพันธที่จุด ( 1y , 2y , ... , 1ny − , f( 1y , 2y , ... , 1ny − ))
แลว kx
f∂∂ = -
n
k
xF
xF
∂∂∂∂
เมื่อ kx
F∂∂ มีคาทุกคา k = 1, 2, ... , n - 1 และ
nxF
∂∂ ≠ 0
ที่จุด ( 1y , 2y , ... , 1ny − , f( 1y , 2y , ... , 1ny − ))
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 40
ตัวอยาง 3.7.2 ให w = f(x, y, z) ที่นิยามโดยปริยายดวยสมการ xyz + 2yzw + 4zwx + 20 = 0จงหา x
w∂∂ , y
w∂∂ และ z
w∂∂ ที่จุด (x, y, z, w) ใด ๆ
และที่จุด (1, 2, -2, 1)วิธีทาํ F(x, y, z, w) = xyz + 2yzw + 4zwx + 20 = 0
xF∂∂ = yz + 4zw y
F∂∂ = xz + 2zw
zF∂∂ = xy + 2yw + 4wx w
F∂∂ = 2yz + 4zx
เพราะฉะนั้น ที่จุด (x, y, z, w)
จะได xw∂∂ = -
wFxF
∂∂∂∂
= - zx4yz2zw4yz
++
yw∂∂ = -
wFyF
∂∂∂∂
= - zx4yz2zw2xz
++
zw∂∂ = -
wFzF
∂∂∂∂
= - zx4yz2wx4yw2xy
+++
เพราะฉะนั้น ที่จุด (1, 2, -2, 1) จะได
xw∂∂ = -
wFxF
∂∂∂∂
= - 1612
−− = -4
3 , yw∂∂ = -
wFyF
∂∂∂∂
= - 166
−− = -8
3
zw∂∂ = -
wFzF
∂∂∂∂
= - 1610−
= 85
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 41
จาโคเบียน ของการเปลี่ยนตัวแปรบทนิยาม 3.7.1 ให 1f , 2f , ... , nf เปนฟงกชันของตัวแปร 1x , 2x , ... , nx และ อนุพันธยอย
ji
xf
∂∂ มีคา
ทุกคา i = 1, 2, ... , n และ j = 1, 2, ... , nจาโคเบียนดีเทอรมิแนนท ของ 1f , 2f , ... , nf
หรือเรียกโดยยอวา จาโคเบียน ของ 1f , 2f , ... , nf
เทียบกับตัวแปร 1x , 2x , ... , nx
หมายถึงคาของ ดีเทอรมิแนนท
xf...x
fxf
::::xf...x
fxf
xf...x
fxf
nn
2n
1n
n2
22
12
n1
21
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
สัญลักษณที่ใชแทนจาโคเบียน ของ 1f , 2f , ... , nf
เทียบกับตัวแปร 1x , 2x , ... , nx แทนดวย )x, ... , x,x()f, ... ,f ,f(
n21n21
∂∂
เพราะฉะนั้น )x, ... , x,x()f, ... ,f ,f(
n21n21
∂∂ =
xf...x
fxf
::::xf...x
fxf
xf...x
fxf
nn
2n
1n
n2
22
12
n1
21
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
Page 11 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 42
ตัวอยาง 3.7.3 ให 1f ( 1x , 2x ) = 2 1x + 3 2x
และ 2f ( 1x , 2x ) = 5 1x - 4 2x
จงหา จาโคเบียน ของ 1f , 2f เทียบกับตัวแปร 1x , 2x
วิธีทาํ เพราะวา 1f ( 1x , 2x ) = 2 1x + 3 2x
และ 2f ( 1x , 2x ) = 5 1x - 4 2x
เพราะฉะนั้นจาโคเบียน ของ 1f , 2f เทียบกับตัวแปร 1x , 2x
) x,x()f ,f(
2121
∂∂ =
xf
xf
xf
xf
22
12
21
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= 453 2 − = (2)(-4) - (3)(5) = -8 - 15 = -23
ตัวอยาง 3.7.4 ให x = r cos θ และ y = r sin θจงหาจาโคเบียน ของ x, y เทียบกับตัวแปร r, θวิธีทาํ x = 1f (r, θ) = r cos θและ y = 2f (r, θ) = r sin θจาโคเบียนของ x, y เทียบกับตัวแปร r, θ
) ,r()y ,x(
θ∂∂ = ) ,r(
)f ,f( 21θ∂
∂
= sinrsinrr
cosrcosrr θ
θ∂∂θ
∂∂
θθ∂∂θ
∂∂
= cosrsinsinrcos θθ
θ−θ
= r 2cos θ + r 2sin θ = r
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 43
กรณีศึกษา แบบที่ 1.การหาอนุพันธยอยสําหรับฟงกชันที่นิยามโดยปริยายในกรณีที่เรามีสมการ 2 สมการ แตมีตัวแปร 3 ตัวแปรโดยมีz เปนตัวแปรอิสระx, y เปนตัวแปรตาม กําหนดโดยสมการ
F(x, y, z) = 0 ... (1)G(x, y, z) = 0 ... (2)
กรณีที่ 1.ในกรณีที่เราสามารถแกสมการจากสมการ (1) และ (2)
ไดคา x ในเทอมของ z กลาวคือ x = X(z)และ ไดคา y ในเทอมของ z กลาวคือ y = Y(z)เราก็จะหา dz
d X(z) และ dzd Y(z) ได
กรณีที่ 2.ในกรณีที่เราไมสามารถแกสมการจากสมการ (1) และ (2)หาสูตร x = X(z) และ y = Y(z) ไดการหา dz
d X(z) และ dzd Y(z) ใหใชแนวทางดังตอไปนี้
ให g(z) เปนฟงกชันที่กําหนดโดยg(z) = (X(z), Y(z), z)
เพราะฉะนั้นจาก (1) จะได F(x, y, z) = F(X(z), Y(z), z) = F(g(z))
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 44
และ dzd F(g(z)) = dz
d F(x, y, z)= x
F∂∂
dzd X(z) + y
F∂∂
dzd Y(z) + z
F∂∂
หมายเหตุ การหา xF∂∂ ใหคิดวา y, z เปนคาคงตัว
การหา yF∂∂ ใหคิดวา x, z เปนคาคงตัว
การหา zF∂∂ ใหคิดวา x, y เปนคาคงตัว
เพราะวา F(x, y, z) = 0เพราะฉะนั้น
xF∂∂
dzd X(z) + y
F∂∂
dzd Y(z) = - z
F∂∂ ... (3)
เพราะฉะนั้นจาก (2) จะได G(x, y, z) = G(X(z), Y(z), z)
= G(g(z))และ dz
d G(g(z)) = dzd G(x, y, z)
= xG∂∂
dzd X(z) + y
G∂∂
dzd Y(z) + z
G∂∂
หมายเหตุการหา x
G∂∂ ใหคิดวา y, z เปนคาคงตัว
การหา yG∂∂ ใหคิดวา x, z เปนคาคงตัว
การหา zG∂∂ ใหคิดวา x, y เปนคาคงตัว
เพราะวา G(x, y, z) = 0เพราะฉะนั้น x
G∂∂
dzd X(z) + y
G∂∂
dzd Y(z) = - z
G∂∂ ... (4)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 45
จาก (3) และ (4) โดยใชกฎของคราเมอรกับระบบสมการ 2 ตัวแปร
xF∂∂
dzd X(z) + y
F∂∂
dzd Y(z) = - z
F∂∂ ... (3)
xG∂∂
dzd X(z) + y
G∂∂
dzd Y(z) = - z
G∂∂ ... (4)
หมายเหตุ ตัวแปรในที่นี้คือdzd X(z) และ dz
d Y(z))เมื่อ )y,x(
)G,F(∂∂ ≠ 0
จะได
dzd X(z) =
yG
xG
yF
xF
yG
zG
yF
zF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂−
∂∂
∂∂−
= -
yG
xG
yF
xF
yG
zG
yF
zF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - )y ,x()G ,F()y ,z()G ,F(
∂∂∂∂
และ
dzd Y(z) =
yG
xG
yF
xF
zG
xG
zF
xF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂−
∂∂
∂∂−
∂∂
= -
yG
xG
yF
xF
zG
xG
zF
xF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - )y ,x()G ,F()z ,x()G ,F(
∂∂∂∂
Page 12 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 46
ตัวอยาง 3.7.5 ให x เปนฟงกชันของ z และ yเปนฟงกชันของ z ที่นิยามโดยปริยายดวยสมการ
2x + 2xz + 2y = 0และ 2z + xyz + 3y = 0 จงหา dz
dx และ dzdy
วิธีทาํ ให F(x, y, z) = 2x + 2xz + 2y = 0G(x, y, z) = 2z + xyz + 3y = 0
dzd X(z) = -
)y ,x()G ,F()y ,z()G ,F(
∂∂∂∂
= -
yG
xG
yF
xF
yG
zG
yF
zF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -
y3xzyzy2z2x2
y3xzxyz2
y2x2
2
2
++
++
= -)yz)(y2()y3xz)(z2x2()xyz2)(y2()y3xz)(x2(
2
2
−+++−+
= 2222
22
zy4xz2xy6zx2yz4xy4zx2+++
+−−
dzd Y(z) = -
)y ,x()G ,F()z ,x()G ,F(
∂∂∂∂
= -
yG
xG
yF
xF
zG
xG
zF
xF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -
y3xzyzy2z2x2
xyz2yzx2z2x2
2++
++
= -)yz)(y2()y3xz)(z2x2()yz)(x2()xyz2)(z2x2(
2 −++−++
= 2222
22
zy4xz2xy6zx2z4yx2xz4+++
−−−
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 47
กรณีศึกษาแบบที่ 2.สมมติให u, v เปนตัวแปรตาม และ x, y เปนตัวแปรอิสระโดยกําหนดฟงกชันนิยามโดยปริยายเปน
F(x, y, u, v) = 0 ... (1)G(x, y, u, v) = 0 ... (2)
ให u = U(x, y) และ v = V(x, y)กรณีที่ 1.ในกรณีที่เราสามารถแกสมการจากสมการ (1) และ (2)
ไดคา u ในเทอมของ x, y กลาวคือ u = U(x, y)และ ไดคา v ในเทอมของ x, y กลาวคือ v = V(x, y)เราก็จะหา x
U∂∂ , y
U∂∂ , x
V∂∂ , y
V∂∂ ได
กรณีที่ 2.ในกรณีที่เราไมสามารถแกสมการ (1) และ (2) เพ่ือหาสูตรของu = U(x, y) และ v = V(x, y) เราสามารถหาอนุพันธยอย
xU∂∂ , y
U∂∂ , x
V∂∂ , y
V∂∂ โดยใชแนวคิดดังนี้
ให f(x, y) = F(x, y, U(x, y), V(x, y)) ... (3)g(x, y) = G(x, y, U(x, y), V(x, y)) ... (4)
เพราะฉะนั้นเราหาอนุพันธยอยของ f, g เทียบกับ x, y ไดให 1u (x, y) = x, 2u (x, y) = y,
3u (x, y) = U(x, y), 4u (x, y) = V(x, y)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 48
เพราะฉะนั้น xu1∂∂ = 1 x
u2∂∂ = 0
xu3∂∂ = x
U∂∂
xu4∂∂ = x
V∂∂
เพราะฉะนั้นจาก (3) และ (4) จะไดf(x, y) = F( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y), 4u (x, y)) = 0g(x, y) = G( 1u (x, y), 2u (x, y), 3u (x, y), 4u (x, y)) = 0หรือเขียนโดยยอเปน
f = F( 1u , 2u , 3u , 4u ) ... (5)g = G( 1u , 2u , 3u , 4u ) ... (6)
จาก (5) จะได x
f∂∂ =
1uF
∂∂
xu1∂∂ +
2uF
∂∂
xu2∂∂ +
3uF
∂∂
xu3∂∂ +
4uF
∂∂
xu4∂∂
0 = 1u
F∂∂ (1) +
2uF
∂∂ (0) +
3uF
∂∂
xU∂∂ +
4uF
∂∂
xV∂∂
0 = xF∂∂ (1) + y
F∂∂ (0) + u
F∂∂
xU∂∂ + v
F∂∂
xV∂∂
uF∂∂
xU∂∂ + v
F∂∂
xV∂∂ = - x
F∂∂ ... (7)
จาก (6) จะได x
g∂∂ =
1uG
∂∂
xu1∂∂ +
2uG
∂∂
xu2∂∂ +
3uG
∂∂
xu3∂∂ +
4uG
∂∂
xu4∂∂
0 = 1u
G∂∂ (1) +
2uG
∂∂ (0) +
3uG
∂∂
xU∂∂ +
4uG
∂∂
xV∂∂
0 = xG∂∂ (1) + y
G∂∂ (0) + u
G∂∂
xU∂∂ + v
G∂∂
xV∂∂
uG∂∂
xU∂∂ + v
G∂∂
xV∂∂ = - x
G∂∂ ... (8)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 49
พิจารณาสมการ (7) และ (8)เปนระบบสมการ 2 ตัวแปร x
U∂∂ , x
V∂∂ 2 สมการ
uF∂∂
xU∂∂ + v
F∂∂
xV∂∂ = - x
F∂∂ ... (7)
uG∂∂
xU∂∂ + v
G∂∂
xV∂∂ = - x
G∂∂ ... (8)
เมื่อ vG
uG
vF
uF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
≠ 0 โดยกฎของคราเมอรจะได
xu∂∂ = x
U∂∂ = -
vG
uG
vF
uF
vG
xG
vF
xF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -)v,u()G,F()v,x()G,F(
∂∂∂∂
และ xv∂∂ = x
V∂∂ = -
vG
uG
vF
uF
xG
uG
xF
uF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -)v,u()G,F()x,u()G,F(
∂∂∂∂
Page 13 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 50
ในทํานองเดียวกัน จะได
yu∂∂ = y
U∂∂ = -
vG
uG
vF
uF
vG
yG
vF
yF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -)v,u()G,F()v,y()G,F(
∂∂∂∂
และ yv∂∂ = y
V∂∂ = -
vG
uG
vF
uF
yG
uG
yF
uF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -)v,u()G,F()y,u()G,F(
∂∂∂∂
เมื่อ vG
uG
vF
uF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
≠ 0
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 51
ตัวอยาง 3.7.6 ให u, v เปนฟงกชันของ x, yนิยามโดยปริยายดวยสมการ
2x + 2y + uv = 0 ... (1)และ 2y + 3x + u + v = 0 ... (2)จงหา x
u∂∂ , x
v∂∂ , y
u∂∂ และ y
v∂∂
วิธีทาํ แบบที่ 1. ใชผลของสูตรขางตนให F(x, y, u, v) = 2x + 2y + uv
G(x, y, u, v) = 2y + 3x + u + vเพราะฉะนั้น
xu∂∂ = -
)v,u()G,F()v,x()G,F(
∂∂∂∂
= -
vG
uG
vF
uF
vG
xG
vF
xF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 11
uv
13ux2
= - uvu3x2
−− เมื่อ v - u ≠ 0
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 52
ในทํานองเดียวกัน เมื่อ v - u ≠ 0 จะได
xv∂∂ = -
)v,u()G,F()x,u()G,F(
∂∂∂∂
= -
vG
uG
vF
uF
xG
uG
xF
uF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 11
uv
31x2v
= - uvx2v3
−−
yu∂∂ = -
)v,u()G,F()v,y()G,F(
∂∂∂∂
= -
vG
uG
vF
uF
vG
yG
vF
yF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 11
uv
1y2u2
= - uvyu22
−−
yv∂∂ = -
)v,u()G,F()y,u()G,F(
∂∂∂∂
= -
vG
uG
vF
uF
yG
uG
yF
uF
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 11
uv
y212v
= - uv2yv2
−−
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 53
แบบที่ 2. ใชการหาอนุพันธยอยและการจัดรูปพีชคณิตจาก (1) หาอนุพันธยอยเทียบกับ x
2x + 2y + uv = 0 x∂
∂ ( 2x + 2y + uv) = 0
x∂∂ ( 2x ) + x∂
∂ (2y) + x∂∂ (uv) = 0
2x + 0 + v xu∂∂ + u x
v∂∂ = 0
v xu∂∂ + u x
v∂∂ = -2x ... (3)
จาก (2) หาอนุพันธยอยเทียบกับ x 2y + 3x + u + v = 0
x∂∂ ( 2y + 3x + u + v) = 0
x∂∂ ( 2y ) + x∂
∂ (3x) + xu∂∂ + x
v∂∂ = 0
0 + 3 + xu∂∂ + x
v∂∂ = 0
xu∂∂ + x
v∂∂ = -3 ... (4)
จาก (3) และ (4) และดวยการใชกฎของคราเมอรจะได
xu∂∂ =
11uv
13ux2 −
−
= - 11
uv
13ux2
= - uvu3x2
−− เมื่อ v - u ≠ 0
xv∂∂ =
11uv
31x2v −
−
= - 11
uv
31x2v
= - uvx2v3
−− เมื่อ v - u ≠ 0
Page 14 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 54
จาก (1) หาอนุพันธยอยเทียบกับ y 2x + 2y + uv = 0
y∂∂ ( 2x + 2y + uv) = 0
y∂∂ ( 2x ) + y∂
∂ (2y) + y∂∂ (uv) = 0
0 + 2 + v yu∂∂ + u y
v∂∂ = 0
v yu∂∂ + u y
v∂∂ = -2 ... (5)
จาก (2) หาอนุพันธยอยเทียบกับ y 2y + 3x + u + v = 0
y∂∂ ( 2y + 3x + u + v) = 0
y∂∂ ( 2y ) + y∂
∂ (3x) + yu∂∂ + y
v∂∂ = 0
2y + 0 + yu∂∂ + y
v∂∂ = 0
yu∂∂ + y
v∂∂ = -2y ... (6)
จาก (5) และ (6) และดวยการใชกฎของคราเมอรจะได
yu∂∂ =
11uv
1y2u2 −
−
= - 11
uv
1y2u2
= - uvyu22
−− เมื่อ v - u ≠ 0
yv∂∂ =
11uv
y212v −
−
= - 11
uv
y212v
= - uv2yv2
−− เมื่อ v - u ≠ 0
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 55
ทฤษฎีบท 3.7.2กรณีทั่วไปสําหรับตัวแปรอิสระ 1x , 2x , ... , nx
และ ตัวแปรตาม 1y , 2y , ... , my และ n ≤ mนิยามฟงกชันโดยปริยายดวยสมการ m สมการ
1F ( 1x , 2x , ... , nx , 1y , 2y , ... , my ) = 0 ... (1)2F ( 1x , 2x , ... , nx , 1y , 2y , ... , my ) = 0 ... (2)
:mF ( 1x , 2x , ... , nx 1y , 2y , ... , my ) = 0 ... (m)
ให 1y = 1y ( 1x , 2x , ... , nx )2y = 2y ( 1x , 2x , ... , nx )
:my = my ( 1x , 2x , ... , nx )
สําหรับ i = 1, 2, ... , m และ j = 1, 2, ... , n และ n ≤ m
จะได ji
xy∂∂ = -
)y , ... , y,y ,y,...,y,y()F , ... , F ,F ,F , ... , F , F(
)y , ... ,y, x ,y,...,y,y()F , ,...F ,F ,F, ... ,F ,F(
m1ii1i21
m1ii1-i21m1ij1i21
m1ii1-i21
+−
++−
+
∂∂
∂∂
เมื่อ )y , ... , y,y ,y,...,y,y()F , ... , F ,F ,F , ... , F , F(
m1ii1i21
m1ii1-i21
+−
+
∂∂ ≠ 0
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 56
ตัวอยาง 3.7.7 ให u, v เปนฟงกชันของ x, y, zนิยามโดยปริยายดวยสมการ
2x + 3y + 2z + uv = 0 ... (1)และ 3x + 7y + 3z + 2u + 3v = 0 ... (2)จงหา x
v∂∂ , y
v∂∂ , z
v∂∂ , x
u∂∂ , y
u∂∂ , z
u∂∂
วิธีทาํให 1F (x, y, z, u, v) = 2x + 3y + 2z + uvและ 2F (x, y, z, u, v) = 3x + 7y + 3z + 2u + 3vโดยทฤษฎีบท 3.7.2 จะได
xv∂∂ = -
v)u,()F,F(
x),u()F,F(
21
21
∂∂∂∂
= -
vF
uF
vF
uF
xF
uF
xF
uF
22
11
22
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 32
uv
322v
= - u2v34v3
−− เมื่อ 3v - 2u ≠ 0
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 57
ในทํานองเดียวกัน เมื่อ 3v - 2u ≠ 0 จะได
yv∂∂
= - v)u,(
)F,F(y) ,u(
)F,F(
21
21
∂∂∂∂
= -
vF
uF
vF
uF
yF
uF
yF
uF
22
11
22
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 32
uv
723v
= - u2v36v7
−−
zv∂∂
= - v)u,(
)F,F(z) ,u(
)F,F(
21
21
∂∂∂∂
= -
vF
uF
vF
uF
zF
uF
zF
uF
22
11
22
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 32
uv
322zv
= - u2v3z4v3
−−
xu∂∂
= - v)u,(
)F,F( v)x,(
)F,F(
21
21
∂∂∂∂
= -
vF
uF
vF
uF
vF
xF
vF
xF
22
11
22
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 32
uv
33u2
= - u2v3u36
−−
Page 15 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 58
yu∂∂
= - v)u,(
)F,F( v),y(
)F,F(
21
21
∂∂∂∂
= -
vF
uF
vF
uF
vF
yF
vF
yF
22
11
22
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 32
uv
37u3
= - u2v3u79
−−
zu∂∂
= - v)u,(
)F,F( v),z(
)F,F(
21
21
∂∂∂∂
= -
vF
uF
vF
uF
vF
zF
vF
zF
22
11
22
11
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= - 32
uv
33u2z
= - u2v3u3z6
−−
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 59
ตัวอยาง 3.7.8 ให u, v, w เปนฟงกชันของ x, y, zนิยามโดยปริยายดวยสมการ
x + 2y + 3z + 5u + v + 2w = 0 ... (1) 4x + 2y + 5z + uv + w = 0 ... (2)
และ 2x + 4y + 5z + u + 2v + 5w = 0 ... (3)จงหา x
u∂∂
วิธีทาํ ให 1F (x, y, z, u, v, w) = x + 2y + 3z + 5u + v + 2w2F (x, y, z, u, v, w) = 4x + 2y + 5z + uv + w3F (x, y, z, u, v, w) = 2x + 4y + 5z + u + 2v + 5w
โดยทฤษฎีบท 3.7.2 จะได
เมื่อ 23u - v - 9 ≠ 0 จะได xu∂∂ = -
w), vu,()F,F,F(
w) v,x,()F,F,F(
321
321
∂∂∂∂
= -
wF
vF
uF
wF
vF
uF
wF
vF
uF
wF
vF
xF
wF
vF
xF
wF
vF
xF
333
222
111
333
222
111
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
∂∂
= -
5211uv215
5221u4211
= - 9vu234u−−
−
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 60
ตัวอยาง 3.7.9 ให z เปนฟงกชันของ x, y นิยามโดยปริยายดวยสมการ x + 2y + 4z = 0 ... (1)และ u เปนฟงกชันของ x, y, z นิยามโดยปริยายกําหนดดวยสมการ 4x + 3y + 3z + 4u = 0 ... (2)จงหา x
u∂∂ และ y
u∂∂ โดยใชกฎลูกโซ
วิธีทาํ จากสมการ (1) ให F(x, y, z) = x + 2y + 4z
จะได xz∂∂ = -
zFxF
∂∂∂∂
= - 3z41 ... (3)
และ yz∂∂ = -
zFyF
∂∂∂∂
= - 3z4y2 ... (4)
การหา xu∂∂
จากสมการ (2) จะได x∂∂ ( 4x + 3y + 3z + 4u ) = 0
4 3x + 0 + 3 2z xz∂∂ + 4 3u x
u∂∂ = 0
4 3x + 3 2z xz∂∂ + 4 3u x
u∂∂ = 0
จากสมการ (3) จะได 4 3x + 3 2z (- 3z41 ) + 4 3u x
u∂∂ = 0
4 3x - z43 + 4 3u x
u∂∂ = 0
เพราะฉะนั้น xu∂∂ = 3
3
u4z4
3x4 +−
= zu16
3zx163
3 +−
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 61
การหา yu∂∂
จากสมการ (2) จะได y∂∂ ( 4x + 3y + 3z + 4u ) = 0
0 + 3 2y + 3 2z yz∂∂ + 4 3u y
u∂∂ = 0
3 2y + 3 2z yz∂∂ + 4 3u y
u∂∂ = 0
จากสมการ (4) จะได 3 2y + 3 2z (- 3z4
y2 ) + 4 3u yu∂∂ = 0
3 2y - z23 y + 4 3u y
u∂∂ = 0
yu∂∂ = 3
2
u4
yz23y3 +−
= zu8
y3zy63
2 +−
Page 16 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 62
แบบฝกหัด 3.7
1. กําหนดให y เปนฟงกชัน x ท่ีนิยามโดยปริยาย จงหาสูตร dxdy และคา dx
dy ท่ีจุดกําหนดให1.1 2x + 4xy + 2y = -2 ท่ีจุด (1, -1)1.2 sin(x + 2y) + cos(2x + y) = 1 ท่ีจุด ( 6
π , 6π )
2. กําหนดให z เปนฟงกชันของตัวแปร x, y ท่ีนิยามโดยปริยายจงหาสูตร x
z∂∂ และ y
z∂∂ และคาของ x
z∂∂ และ y
z∂∂ ท่ีจุดกําหนด
2.1 2x + 2 2y + 2z + 3xyz - 4 = 0 ท่ีจุด (1, 2, -1)2.2 sin(x + z) + cos(y + 2z) = 1 ท่ีจุด ( 3
π , 6π , 6
π )
2.3 zyzx
++ + zx
zy++ = 2
5 ท่ีจุด (6, 1, 4)
2.4 yx + z
y + xz = 5 ท่ีจุด (1, 2, 4)
2.5 z xe + 2z ye + xy = 3 ท่ีจุด (0, 0, 1)
3. กําหนดให x, y เปนฟงกชันของ z ท่ีนิยามโดยปริยายดวยสมการจงหาสูตรของ dz
dx และ dzdy ท่ีจุดใด ๆ และคาของ dz
dx และ dzdy ท่ีจุดกําหนดให
3.1 2x + 2y + z = 4 และ 2x + 3y + 4z = 13 ท่ีจุด (1, 1, 2)3.2 xy + z + x = 4 และ xz + xy - x = 2 ท่ีจุด (1, 2, 1)3.3 2x + 2y + z = 4 และ x + 2y + z = 3 ท่ีจุด (2, 1, -1)
4. กําหนดให u, v เปนฟงกชันของ x, y นิยามโดยปริยายดวยสมการ2x + 3y + u + v = 9
และ 3x + 4y + uv = 5จงหา x
u∂∂ , x
v∂∂ , y
u∂∂ และ y
v∂∂ เม่ือ x = 1, y = 2, u = -2, v = 3
5. กําหนดให u, v เปนฟงกชันของ x, y นิยามโดยปริยายดวยสมการ u cos v +x - 3 = 0
และ u sin v + y - 2 3 = 0จงหา x
u∂∂ , x
v∂∂ , y
u∂∂ และ y
v∂∂ เม่ือ x = 2, y = 3 , u = 2, v = 3
π
6. กําหนดให u, v, w เปนฟงกชันของ x, y, z นิยามโดยปริยายดวยสมการu cos v - x = 0u sin v - y = 0
และ z - w = 0จงหา x
u∂∂ , y
u∂∂ , z
u∂∂ เม่ือ x = 1, y = 3 , z = 4, u = 2, v = 3
π , w = 4
Page 17 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 63เฉลยแบบฝกหัด 3.71. 1.1 dx
dy = - yx2y2x
++
dxdy
1) (1, − = 1
1.2 dxdy = - )yx2sin()y2xcos(2
)yx2sin(2)y2xcos(+−++++−
dxdy
)6 , 6( ππ = -2
2. 2.1 xz∂∂ = - xy3z2
yz3x2++
yz∂∂ = - xy3z2
xz3y4++
xz∂∂
1) 2, (1, − = 1 yz∂∂
1) 2, (1, − = -1.25
2.2 xz∂∂ = - )z2ysin(2)zxcos(
)zxcos(+−+
+yz∂∂ = )z2ysin(2)zxcos(
)z2ysin(+−+
+
xz∂∂
)6 , 6 , 3( πππ = 0 yz∂∂
)6 , 6 , 3( πππ = -0.5
2.3 xz∂∂ = yx
zy−+
yz∂∂ = - yx
zx−+
xz∂∂
4) 1, (6, = 1 yz∂∂
4) 1, (6, = -2
2.4 xz∂∂ =
)zxy(xy)yzx(z
2
22
−
−yz∂∂ = -
)zxy(y)yxz(xz
22
2
−
−
xz∂∂
4) 2, (1, = 4 yz∂∂
4) 2, (1, = 0
2.5 xz∂∂ = - yx
x
e2eyze
+
+yz∂∂ = - yx
y
e2exze2
++
xz∂∂
1) 0, (0, = - 31
yz∂∂
1) 0, (0, = - 32
3. 3.1 dzdx = - y4x6
y83−−
dzdy = - y4x6
2x8−−
dzdx
2) 1, (1, = 25
dzdy
2) 1, (1, = -3
3.2 dzdx = - xzx2
xx 2
−−
dzdy = - xzx2
1yzxxy−
+−−+
dzdx
1) 2, (1, = 0 dzdy
1) 2, (1, = -1
3.3 dzdx = - y2x4
y22−−
dzdy = - y2x4
1x2−−
dzdx
1) 1, (2, − = 0 dzdy
1) 1, (2, − = -0.5
4. xu∂∂ = -1.4, x
v∂∂ = -0.6, y
u∂∂ = -2, y
v∂∂ = -1
5. xu∂∂ = -0.5, x
v∂∂ = 4
3 , yu∂∂ = - 2
3 , yv∂∂ = -0.25
6. xu∂∂ = 2
1 , yu∂∂ = 2 3 , z
u∂∂ = 0
Page 18 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 64
3.10 คาสุดขีดของฟงกชันของหลายตัวแปรบทนิยาม 3.10.1 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A ∈ S ⊆ Dเราจะกลาววา
1. f(A) เปน คาสูงสุด ของ f บน Sก็ตอเมื่อ f(A) ≥ f(X) สําหรับทุก X ∈ Sในกรณีนี้เรากลาววา f มีคาสูงสุดบน S ที่ A
2. f(A) เปน คาต่าํสุด ของ f บน Sก็ตอเมื่อ f(A) ≤ f(X) สําหรับทุก X ∈ Sในกรณีนี้เรากลาววา f มีคาต่ําสุดบน S ที่ A
3. f(A) เปน คาสุดขีด ของ f บน Sก็ตอเมื่อ f(A) เปนคาสูงสุดของ f บน Sหรือ f(A) เปนคาต่ําสุดของ f บน S
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 65
ตัวอยาง 3.10.1 ให f(x, y) = 2x + 2y + 4จงพิจารณาวา f มีคาสูงสุดและคาต่ําสุดบน 2R หรือไมวิธีทาํ เพราะวา f(x, y) = 2x + 2y + 4
≥ 4 = f(0, 0) ทุก (x, y) ∈ 2R
เพราะฉะนั้น f(0, 0) = 4 เปนคาต่ําสุดของ f บน 2R
เพราะวาทุกจํานวนจริงบวก M จะมี f( M , 0)ที่ทําให f( M , 0) = M + 4 > Mเพราะฉะนั้น {f(x, y) | (x, y) ∈ 2R } เปนเซตที่ไมมีขอบเขตบนเพราะฉะนั้น f ไมมีคาสูงสุดบน 2R
ตัวอยาง 3.10.2 ให f(x, y) = 22 yx25 −−
จงพิจารณาวา f มีคาสูงสุดและคาต่ําสุดบนS = {(x, y) | 2x + 2y ≤ 25} หรือไมวิธีทาํ เพราะวา f(x, y) = 22 yx25 −−
≤ 5 = f(0, 0) ทุก (x, y) ∈ Sเพราะฉะนั้น f(0, 0) = 5 เปนคาสูงสุดของ f บน Sเพราะวา f(x, y) = 22 yx25 −−
≥ 0 = f(5, 0) ทุก (x, y) ∈ Sเพราะฉะนั้น f(5, 0) = 0 เปนคาต่ําสุดของ f บน S
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 66
การหาคาสุดขีดสัมพัทธ
บทนิยาม 3.10.2 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A ∈ S ⊆ D เราจะกลาววา1. f(A) เปน คาสูงสุดสัมพัทธ ของ f บน S
ก็ตอเมื่อ มี r > 0 ที่ทําให f(A) ≥ f(X)สําหรับทุก X ∈ S ∩ B(A ; r)
ในกรณีเชนนี้เรากลาววาf มีคาสูงสุดสัมพัทธบน S ที่ Aในรูปที่ 3.10.1 f(A) เปนคาสูงสุดสัมพัทธ
รูปที่ 3.10.1
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 67
2. f(A) เปน คาต่าํสุดสัมพัทธ ของ f บน Sก็ตอเมื่อ มี r > 0 ที่ทําให f(A) ≤ f(X)สําหรับทุก X ∈ S ∩ B(A ; r)
ในกรณีเชนนี้เรากลาววา f มีคาต่ําสุดสัมพัทธบน S ที่ Aดังรูปที่ 3.10.2 f(A) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธ
รูปที่ 3.10.23. f(A) เปน คาสุดขีดสัมพัทธ ของ f บน S
ก็ตอเมื่อf(A) เปนคาสูงสุดสัมพัทธของ f บน S
หรือ f(A) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธของ f บน S
Page 19 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 68
หมายเหตุ1. คาสูงสุดสัมพัทธของฟงกชัน f ที่จุด A บนเซต Sหมายถึง คาของ f ที่สูงสุดเมื่อเทียบกับคาของ f บนบริเวณใกลเคียงบริเวณหนึ่งของ Aโดยไมจําเปนตองเปนคาสูงสุดที่แทจริงบน Sจากรูป 3.10.1 f(A) < f(P)
รูปที่ 3.10.1เพราะฉะนั้น f(A) เปนคาสูงสุดสัมพัทธและ f(A) ไมเปนคาสูงสุด
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 69
2. คาต่ําสุดสัมพัทธของฟงกชัน f ที่จุด A บนเซต Sหมายถึง คาของ f ที่ต่ําสุดเมื่อเทียบกับคาของ f บนบริเวณใกลเคียงบริเวณหนึ่งของ Aโดยไมจําเปนตองเปนคาต่ําสุดที่แทจริงบน Sจากรูป 3.10.2 f(A) > f(P)
รูปที่ 3.10.2เพราะฉะนั้น f(A) เปนคาสูงสุดสัมพัทธและ f(A) ไมเปนคาสูงสุด
3. คาสูงสุดของ f บน S จะเปนคาสูงสุดสัมพัทธของ f บน S
4. คาต่ําสุดของ f บน S จะเปนคาต่ําสุดสัมพัทธของ f บน S
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 70
ขอตกลง คาสูงสุด คาต่ําสุด และ คาสุดขีดของ f บน Sเรียกวา คาสูงสุดสัมบูรณ คาต่าํสุดสัมบูรณและ คาสุดขีดสัมบูรณ ของ f บน S ตามลําดับ
เพ่ือใหเขาใจความหมายของคําวา คาสูงสุดสัมพัทธ คาต่ําสุดสัมพัทธ คาสุดขีดสัมพัทธ คาสูงสุด คาต่ําสุด และ คาสดุขีดขอใหพิจารณาจากตัวอยางกราฟของฟงกชัน f ในรูปที่ 3.10.3
รูปที่ 3.10.3จากรูปที่ 3.10.3 ให f เปนฟงกชันบนโดเมน S1. f( 1A ), f( 2A ), f( 3A ), f( 4A ) คาสูงสุดสัมพัทธ ของ f บน S 2. f( 5A ), f( 6A ) คาต่ําสุดสัมพัทธ ของ f บน S 3. f( 2A ) คาสูงสุดสัมบูรณ ของ f บน S 4. f( 5A ) คาต่ําสุดสัมบูรณ ของ f บน S
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 71
ทฤษฎีบท 3.10.1 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ 2R
ให f เปนฟงกชันที่มีอนุพันธบนเซต S ⊆ Dและ A(a, b) เปนจุดภายในของ Sถา f(A) เปนคาสูงสุดสัมพัทธที่ A แลว ∇ f(A) = 0
v
บทพิสูจนให 1C เปนรอยตัดของ พ้ืนผิว z = f(x, y) และ ระนาบ y = bให g(x) = f(x, b) เปนสมการของเสนโคง 1C
เพราะวา g(a) = f(a, b) เปนคาสูงสุดสัมพัทธเพราะฉะนั้นในความหมายของฟงกชันหนึ่งตัวแปรจะได g(a) = f(a, b) เปนคาสูงสุดสัมพัทธของฟงกชัน gเพราะฉะนั้น g′(a) = 0เพราะวา
xf∂∂ (x, b) = g′(x)
เพราะฉะนั้น xf∂∂ (a, b) = g′(a) = 0
รูปที่ 3.10.4
Page 20 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 72
ให 2C เปนรอยตัดของ พ้ืนผิว z = f(x, y) และ ระนาบ x = aให h(y) = f(a, y) เปนสมการของเสนโคง 2C
เพราะวา h(b) = f(a, b) เปนคาสูงสุดสัมพัทธเพราะฉะนั้นในความหมายของฟงกชันหนึ่งตัวแปรจะได h(b) = f(a, b) เปนคาสูงสุดสัมพัทธของฟงกชัน hเพราะฉะนั้น h′(b) = 0เพราะวา
yf∂∂ (a, y) = h′(y)
เพราะฉะนั้น yf∂∂ (a, b) = h′(b) = 0
เพราะฉะนั้น ∇ f(A) = 0v
ดวยการพิสูจนทําเดียวกันกับทฤษฎีบทขางตน จะได1. ให f : D → R เมื่อ D ⊆ 2R
f เปนฟงกชันที่มีอนุพันธบนเซต S ⊆ Dและ A เปนจุดภายในของ Sถา f(A) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธที่ A แลว ∇ f(A) = 0
v
2. ให f : D → R เมื่อ D ⊆ 3R
f เปนฟงกชันที่มีอนุพันธบนเซต S ⊆ Dและ A เปนจุดภายในของ Sถา f(A) เปนคาสูงสุดสัมพัทธที่ A แลว ∇ f(A) = 0
v
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 73
3. ให f : D → R เมื่อ D ⊆ 3R
f เปนฟงกชันที่มีอนุพันธบนเซต S ⊆ Dและ A เปนจุดภายในของ Sถา f(A) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธที่ A แลว ∇ f(A) = 0
v
สําหรับฟงกชันของหลายตัวแปรจะได
ทฤษฎีบท 3.10.2 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
ให f เปนฟงกชันที่มีอนุพันธบนเซต S ⊆ Dและ A เปนจุดภายในของ Sถา f(A) เปนคาสุดขีดสัมพัทธที่ A แลว ∇ f(A) = 0
v
หมายเหตุ บทกลับของทฤษฎีบท 3.10.2 ไมจริง ตัวอยางเชน f(x, y) = 2x - 2y
เพราะวา ∇ f(x, y) = (xf∂∂ ,
yf∂∂ ) = (2x, -2y)
เพราะฉะนั้น ∇ f(0, 0) = (0, 0)แต f(0, 0) < f(r, 0) และ f(0, 0) > f(0, r) ทุกคา r ≠ 0เพราะฉะนั้น f(0, 0) ไมเปนคาสุดขีดสัมพัทธ
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 74
บทนิยาม 3.10.3 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ nR
และ A เปนจุดภายในของ Sเรากลาววา A เปน จุดวิกฤต ของ fก็ตอเมื่อ ∇ f(A) = 0
v หรือ ∇ f(A) ไมมีคาและ จุดวิกฤตของ f ที่ไมเปนจุดสุดขีดสัมพัทธเรียกวา จุดอานมา
เพราะฉะนั้น สําหรับ f(x, y) = 2x - 2y
จะได (0, 0) เปนจุดอานมา
รูปที่ 3.10.5ตัวอยาง 3.10.3 จงหาจุดวิกฤตของf(x, y) = 2x + 2y - 4x - 2y + 8วิธีทาํ เพราะวา xf (x, y) = 2x - 4 = 0 เมื่อ x = 2และ yf (x, y) = 2y - 2 = 0 เมื่อ y = 1เพราะฉะนั้น (2, 1) เปนจุดวิกฤตของ f
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 75
ทฤษฎีบท 3.10.3 ให f : D → R เมื่อ D ⊆ 2R
P(a, b) เปนจุดวิกฤตของ fโดยที่
xf∂∂ (a, b) = 0,
yf∂∂ (a, b) = 0
และอนุพันธยอยอันดับที่สองของ f มีความตอเนื่องบนแผนกลมเปด B(P)ให A = xxf (a, b)
B = xyf (a, b)C = yyf (a, b)
จะได1. ถา AC - 2B > 0 และ A > 0
แลว f(a, b) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธของ f2. ถา AC - 2B > 0 และ A < 0
แลว f(a, b) เปนคาสูงสุดสัมพัทธของ f3. ถา AC - 2B < 0 แลว (a, b) เปนจุดอานมา4. ถา AC - 2B = 0 แลว เราสรุปไมได
Page 21 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 76
หมายเหตุ ตัวอยางเสริมความเขาใจกรณีที่ 4.1. f(x, y) = 2x + 2y
ให A = xxf (0, 0) = 0, B = xyf (0, 0) = 0, C = yyf (0, 0) = 0 AC - 2B = 0แต f(x, y) = 2x + 2y ≥ 0 = f(0, 0) ทุก (x, y) ∈ 2R
เพราะฉะนั้น (0, 0) เปนจุดที่ใหคาต่ําสุดสัมพัทธ
2. f(x, y) = -( 2x + 2y )ให A = xxf (0, 0) = 0, B = xyf (0, 0) = 0, C = yyf (0, 0) = 0 AC - 2B = 0แต f(x, y) = -( 2x + 2y ) ≤ 0 = f(0, 0) ทุก (x, y) ∈ 2R
เพราะฉะนั้น (0, 0) เปนจุดที่ใหคาสูงสุดสัมพัทธ
3. f(x, y) = 2x - 2y
ให A = xxf (0, 0) = 0, B = xyf (0, 0) = 0, C = yyf (0, 0) = 0 AC - 2B = 0แต f(0, 0) < f(r, 0) และ f(0, 0) > f(0, r) ทุกคา rเพราะฉะนั้น (0, 0) ไมเปนจุดที่ใหคาสูงสุดสัมพัทธและ (0, 0) ไมเปนจุดที่ใหคาต่ําสุดสัมพัทธเพราะฉะนั้น (0, 0) เปนจุดอานมา
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 77
ตัวอยาง 3.10.4 จงหาคาสุดขีดสัมพัทธของf(x, y) = xy - 2y - 2x - 2x - 2y + 6 (ถามี)วิธีทาํ โดเมน f คือ 2R
และทุกจุดใน 2R เปนจุดภายในโดเมนของ fxf (x, y) = y - 2x - 2yf (x, y) = x - 2y - 2
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = y - 2x - 2 = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = x - 2y - 2 = 0 ... (2)จาก (1) และ (2) จุดวิกฤตคือ (-2, -2)การตรวจสอบวาจุดวิกฤตใหคาสุดขีดสัมพัทธแบบใด
xxf (x, y) = -2 A = xxf (-2, -2) = -2xyf (x, y) = 1 B = xyf (-2, -2) = 1yyf (x, y) = -2 C = yyf (-2, -2) = -2
เพราะวา A < 0และ AC - 2B = (-2)(-2) - 1 = 3 > 0เพราะฉะนั้น (-2, -2) เปนจุดที่ใหคาสูงสุดสัมพัทธและคาสูงสุดสัมพัทธที่จุด (-2, -2) คือ f(-2, -2) = 10
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 78
ตัวอยาง 3.10.5 จงหาคาสุดขีดสัมพัทธของf(x, y) = 4xy + 3 (ถามี)วิธีทาํ โดเมน f คือ 2R
และทุกจุดใน 2R เปนจุดภายในโดเมนของ fxf (x, y) = 4yyf (x, y) = 4x
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = 4y = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = 4x = 0 ... (2)จาก (1) และ (2) จุดวิกฤตคือ (0, 0)การตรวจสอบวาจุดวิกฤตใหคาสุดขีดสัมพัทธแบบใด
xxf (x, y) = 0 A = xxf (0, 0) = 0xyf (x, y) = 4 B = xyf (0, 0) = 4yyf (x, y) = 0 C = yyf (0, 0) = 0
เพราะวา AC - 2B = (0)(0) - 16 = -16 < 0เพราะฉะนั้น (0, 0) เปนจุดอานมา
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 79
ตัวอยาง 3.10.6 จงหาคาสุดขีดสัมพัทธของf(x, y) = 3x + 3x 2y + 3 2y - 15x + 2 (ถามี)วิธีทาํ โดเมน f คือ 2R
และทุกจุดใน 2R เปนจุดภายในโดเมนของ fxf (x, y) = 3 2x + 3 2y - 15yf (x, y) = 6xy + 6y
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = 3 2x + 3 2y - 15 = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = 6xy + 6y = 0 ... (2)จาก (2) จะได 6y(x + 1) = 0
y = 0 หรือ x = -1จาก (1) เมื่อ y = 0 จะได x = ± 5
จาก (1) เมื่อ x = -1 จะได y = ± 2เพราะฉะนั้นจุดวิกฤตคือ( 5 , 0), (- 5 , 0), (-1, 2), (-1, -2)
Page 22 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 80
การตรวจสอบวาจุดวิกฤตใหคาสุดขีดสัมพัทธแบบใดA = xxf (x, y) = 6xB = xyf (x, y) = 6yC = yyf (x, y) = 6x + 6
จากตารางขางตนสรุปไดวา1. f มีคาต่ําสุดสัมพัทธที่จุด ( 5 , 0)
และ คาต่ําสุดสัมพัทธที่จุด ( 5 , 0) คือf( 5 , 0) = 2 - 10 5
2. f มีคาสูงสุดสัมพัทธที่จุด (- 5 , 0)และ คาสูงสุดสัมพัทธที่จุด (- 5 , 0) คือf(- 5 , 0) = 2 + 10 5
3. จุด (-1, 2) และ (-1, -2) เปนจุดอานมา
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 81
ตัวอยาง 3.10.7 จงหาคาสุดขีดสัมพัทธของf(x, y) = xy + x
1 + y1
วิธีทาํ โดเมนของ f คือ D = {(x, y) | x ≠ 0 และ y ≠ 0}และทุกจุดใน D เปนจุดภายในของโดเมน f
xf (x, y) = y - 2x
1
yf (x, y) = x - 2y
1
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = y -
2x1 = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = x - 2y
1 = 0 ... (2)
จาก (1) จะได 2x y - 1 = 02x y = 1 ... (3)
จาก (2) จะได x 2y - 1 = 0x 2y = 1 ... (4)
จาก (3) และ (4) จะได 2x y = x 2y
เพราะวา x ≠ 0, y ≠ 0 เพราะฉะนั้น x = y ... (5)จาก (3) และ (5) จะได x = 1 และ y = 1เพราะฉะนั้นจุดวิกฤตคือ (1, 1)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 82
การตรวจสอบวาจุดวิกฤตใหคาสุดขีดสัมพัทธแบบใดxxf (x, y) =
3x2 A = xxf (1, 1) = 2
xyf (x, y) = 1 B = xyf (1, 1) = 1yyf (x, y) =
3y2 C = yyf (1, 1) = 2
เพราะวา A > 0และ AC - 2B = (2)(2) - 1 = 3 > 0เพราะฉะนั้น (1, 1) เปนจุดที่ใหคาต่ําสุดสัมพัทธและคาต่ําสุดสัมพัทธที่จุด (1, 1) คือ f(1, 1) = 3
หมายเหตุ ที่กลาวมาทั้งหมดขางตนเราพิจารณาเฉพาะจุด P(a, b)ที่เปนจุดภายในของโดเมน f เทานั้นโดยที่ ถา f มีคาสุดขีดสัมพัทธที่จุด P(a, b)
และ อนุพันธยอย xf (a, b) และ yf (a, b) มีคาแลว xf (a, b) = 0 และ yf (a, b) = 0
ซึ่งจะเห็นวาถา อนุพันธยอย xf (a, b) และ yf (a, b) มีคา
แต มีคาไมเทากับศูนยแลว จุด (a, b) ไมเปนจุดสุดขีดสัมพัทธของ f
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 83
ในบางกรณีที่เราพบวามีจุดบางจุด (a, b) ในโดเมน f ที่มีสมบัติ1. (a, b) ไมเปนจุดภายในของโดเมน f2. อนุพันธยอย xf ไมมีคาที่จุด (a, b)หรือ อนุพันธยอย yf ไมมีคาที่จุด (a, b)แตจุด (a, b) อาจเปนจุดสุดขีดสัมพัทธของ fตัวอยางเชน f(x, y) = 22 yx +
รูปที่ 3.10.7จะได จุด (0, 0) เปนจุดภายในของโดเมน f
xf และ yf ไมมีคาที่จุด (0, 0)แต f(0, 0) = 0 ≤ 22 yx + = f(x, y) ทุก (x, y) ∈ 2R
เพราะฉะนั้น f(0, 0) = 0 เปนคาต่ําสุดสัมพัทธและ เปนคาต่ําสุดสัมบูรณของ f ดวย
Page 23 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 84
ทฤษฎีบท 3.10.4 ถา f เปนฟงกชันของหลายตัวแปรที่มีความตอเนื่องบนเซต D และ D เปนเซตปดและมีขอบเขต แลว f มีทั้งคาสูงสุดสัมบูรณและคาต่ําสุดสัมบูรณบน D
ขอสังเกต1. คาสุดขีดสัมบูรณของ f บน D อาจเกิดที่จุดขอบ
หรือ จุดภายในของ D ก็ได2. ถาคาสุดขีดสัมบูรณของ f บน D อาจเกิดที่จุดภายใน
แลว จุดนั้นตองเปนจุดวิกฤต3. ขั้นตอนในการหาจุดสุดขีดสัมบูรณควรทําดังนี้
3.1 หาจุดวิกฤตของ f3.2 หาจุดขอบทั้งหมดของ D ที่อาจใหคาสุดขีดสัมบูรณ3.3 เปรียบเทียบคาของ f ที่จุดซึ่งหาไดในสองขั้นตอนแรก
คาที่มากที่สดุจะเปนคาสูงสุดสัมบูรณคาที่นอยที่สุดจะเปนคาต่ําสุดสัมบูรณ
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 85
ตัวอยาง 3.10.8 จงหาคาสุดขีดสัมบูรณของf(x, y) = 3xy - 6x - 3y + 7บนบริเวณ S บนระนาบ XY ซึ่งเปนรูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดที่ (0, 0), (3, 0) และ (0, 5) (ถามี)วิธีทาํ
รูปที่ 3.10.8เพราะวา D เปนเซตปดและมีขอบเขต และ f มีความตอเนื่องบนD เพราะฉะนั้น f มีทั้งคาสูงสุดสัมบูรณ และ คาต่ําสุดสัมบูรณบนเซต D
f(x, y) = 3xy - 6x - 3y + 7xf (x, y) = 3y - 6yf (x, y) = 3x - 3
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = 3y - 6 = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = 3x - 3 = 0 ... (2)จาก (1) และ (2) จุดวิกฤตคือ (1, 2)ตอไปเราจะพิจารณาที่จุดขอบของ Dเพราะวาขอบของเซต D ประกอบดวยสวนของเสนตรง 3 เสน
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 86
1. บนสวนของเสนตรง 1L ที่เชื่อมระหวางจุด (0, 0)และ (3, 0) เพราะฉะนั้น บนสวนของเสนตรง 1L คา y = 0ให u(x) = f(x, 0) = -6x + 7 เมื่อ 0 ≤ x ≤ 3เพราะวา u′(x) = -6 ≠ 0 เพราะฉะนั้น คาสุดขีดสัมบูรณของ uเกิดที่จุดปลายของชวง คือที่ x = 0 และ x = 3เพราะฉะนั้นจุดบนสวนของเสนตรง 1L
ที่ใหคาสุดขีดสัมบูรณของ f คือ (0, 0) และ (3, 0)
2. บนสวนของเสนตรง 2L ที่เชื่อมระหวาง จุด (0, 0) และ(3, 0) เพราะฉะนั้น บนสวนของเสนตรง 2L คา x = 0ให v(y) = f(0, y) = -3y + 7 เมื่อ 0 ≤ y ≤ 5เพราะวา v′(x) = -3 ≠ 0 เพราะฉะนั้น คาสุดขีดสัมบูรณของ vเกิดที่จุดปลายของชวง คือที่ y = 0 และ y = 5เพราะฉะนั้นจุดบนสวนของเสนตรง 2L
ที่ใหคาสุดขีดสัมบูรณของ f คือ (0, 0) และ (0, 5)
3. บนสวนของเสนตรง 3L ที่เชื่อมระหวางจุด (3, 0) และ (0, 5)เพราะฉะนั้น บนสวนของเสนตรง 3L จะได
3x + 5
y = 1y = -3
5 x + 5 เมื่อ 0 ≤ x ≤ 3เพราะฉะนั้นบนสวนของเสนตรง 3L จะได
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 87
f(x, y) = 3x(-35 x + 5) - 6x - 3(-3
5 x + 5) + 7= -5 2x + 14x - 8
ให w(x) = -5 2x + 14x - 8 เมื่อ 0 ≤ x ≤ 3 w′(x) = -10x + 14และ w′(x) = -10x + 14 = 0 เมื่อ x = 5
7
บนสวนของเสนตรง 3L เมื่อ x = 57 จะได y = 3
8
เพราะฉะนั้นคาสุดขีดสัมบูรณของ w อาจจะเกิดที่จุดx = 5
7 หรือที่จุดปลายชวงคือ x = 0, x = 3บนสวนของเสนตรง 3L เมื่อ x = 0 จะได y = 5
เมื่อ x = 3 จะได y = 0เพราะฉะนั้นจุดบน 3L ที่ใหคาสุดขีดสัมบูรณของ fคือ (5
7 , 38), (3, 0) และ (0, 5)
สรุปจุดที่จะใหคาสุดขีดสัมบูรณมีทั้งหมด 5 จุดคือ (1, 2), (0, 0), (3, 0), (0, 5) และ (5
7 , 38)
ตอไปเปรียบเทียบคาของ f(x, y) ที่แตละจุดซึ่งหาไวขางตนf(1, 2) = 1 f(0, 0) = 7 f(3, 0) = -11f(0, 5) = -8 f(5
7 , 38) = 5
9
เพราะฉะนั้น f มีคาต่ําสุดสัมบูรณ = -11 ที่จุด (3, 0)f มีคาสูงสุดสัมบูรณ = 7 ที่จุด (0, 0)
Page 24 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 88
ตัวอยาง 3.10.9 จงหาคาสุดขีดสัมบูรณของf(x, y) = 2 2x + 2y บนบริเวณ Dเมื่อ D = {(x, y) | 2x + 2y ≤ 1}วิธีทาํ
รูปที่ 3.10.9เพราะวา D เปนเซตปดและมีขอบเขตและ f มีความตอเนื่องบน Dเพราะฉะนั้น f มีทั้งคาสูงสุดสัมบูรณและ คาต่ําสุดสัมบูรณ บนเซต D
xf (x, y) = 4xyf (x, y) = 2y
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = 4x = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = 2y = 0 ... (2)จาก (1) และ (2) จุดวิกฤตคือ (0, 0)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 89
ตอไปเราจะพิจารณาที่จุดขอบของ Dเพราะวาขอบของเซต D ประกอบจุดบนวงกลม 2x + 2y = 1เพราะฉะนั้น f(x, y) = 2 2x + 2y
= 2x + ( 2x + 2y ) = 2x + 1ให h(x) = 2x + 1 เมื่อ -1 ≤ x ≤ 1เพราะวา h′(x) = 2x เพราะฉะนั้น h′(x) = 0 เมื่อ x = 0เพราะฉะนั้นคาสุดขีดของ h อาจเกิดที่ x = 0หรือ ที่จุดปลายชวงคือ x = -1, x = 1เพราะฉะนั้นจุดบนขอบของ D ที่อาจจะใหคาสุดขีดสัมบูรณของ f คือ (0, 1), (0, -1), (-1, 0), (1, 0)สรุป มีจุดทั้งหมด 5 จุดที่มีความเปนไปไดที่จะใหคาสุดขีดสัมบูรณของ fคือ (0, 1), (0, -1), (-1, 0), (1, 0) และ (0, 0)ตอไปเปรียบเทียบคา f(x, y) จาก 5 จุดขางตนเพราะวา f(0, 0) = 0 f(0, 1) = 1 f(0, -1) = 1
f(-1, 0) = 2 f(1, 0) = 2เพราะฉะนั้น f มีคาต่ําสุดสัมบูรณที่จุด (0, 0)
และ คาต่ําสุดสัมบูรณ = 0f มีคาสูงสุดสัมบูรณที่จุด (1, 0), (-1, 0)และ คาต่ําสุดสัมบูรณ = 2
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 90
ตัวอยาง 3.10.10 จงหาขนาดของกลองรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากไมมีฝาปด ซึ่งมีปริมาตร 32 ลูกบาศกเซนติเมตร และ มีพ้ืนที่ผิวนอยที่สุดวิธีทาํ ให A เปนพื้นที่ผิวของกลอง
x เปนความกวางของกลองy เปนความยาวของกลอง
และ z เปนความสูงของกลองเพราะฉะนั้น A = xy + 2xz + 2yz = xy + 2(x + y)zเพราะวา กลองมีปริมาตร 32 ลูกบาศกเซนติเมตรเพราะฉะนั้น xyz = 32 หรือ z =
xy32
เพราะฉะนั้น A = xy + 2(x + y)xy32
= xy + y
64 + x64
เพราะฉะนั้น A เปนฟงกชันของสองตัวแปร x, yโดยที่ x > 0, y > 0ให f(x, y) = xy +
y64 +
x64
เมื่อ D = {(x, y) | x > 0, y > 0}เพราะวา D เปนเซตไมมีขอบเขต เราจึงไมทราบวา fจะมีคาต่ําสุดสัมบูรณหรือไม แตถามีคาต่ําสุดสัมบูรณตองเกิดที่จุดวิกฤตของ f
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 91
เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มตนคนหาคาต่ําสุดสัมบูรณดวยการหาจุดวิกฤตของ fจาก f(x, y) = xy +
y64 +
x64
จะได xf (x, y) = y - 2x
64
yf (x, y) = x - 2y
64
การหาจุดวิกฤตxf (x, y) = y -
2x64 = 0 ... (1)
และ yf (x, y) = x - 2y
64 = 0 ... (2)
จาก (1) y = 2x
64 ... (3)
แทนคาใน (2)จะได x - 64x 4 = 0
เพราะวา x > 0 เพราะฉะนั้น 1 - 64x3 = 0
x = 4จาก (3) จะได y = 4เพราะฉะนั้นจุดวิกฤตคือ (4, 4)
Page 25 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 92
การตรวจสอบวาจุดวิกฤตใหคาสุดขีดแบบใดxxf (x, y) =
3x128 A = xxf (4, 4) =
34128 = 2
xyf (x, y) = 1 B = xyf (4, 4) = 1yyf (x, y) =
3y128 C = yyf (4, 4) =
34128 = 2
เพราะวา AC - 2B = (2)(2) - 1 = 3 > 0 และ A > 0เพราะฉะนั้น f(4, 4) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธของ fจาก x = 4, y = 4 เพราะวา z =
xy32
เพราะฉะนั้น z = 2เพราะฉะนั้น กลองที่ตองการ มีขนาดกวาง 4 cm ยาว 4 cm และ สูง 2 cm
หมายเหตุ ในตัวอยางนี้เราไมไดแสดงวาจุด (4, 4) เปนจุดต่ําสุดสัมบูรณของ fก็เพราะวาสําหรับฟงกชันของสองตัวแปรนั้นการแสดงวาจุดสุดขีดสัมพัทธเปนจุดสุดขีดสัมบูรณในบางปญหาหรือบางฟงกชัน เปนเรื่องที่คอนขางซับซอนอยางไรก็ตามสําหรับปญหาที่เปนการประยุกตในลักษณะเชนนี้โดยมาก จุดสุดขีดสัมพัทธ เปน จุดสุดขีดสัมบูรณ โดยอาศัยการพิจารณาในเชิงเรขาคณิต
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 93
ตัวอยาง 3.10.11 จงหาระยะสั้นที่สุดจากจุด (0, 0, 0) ไปยังพ้ืนผิว xy 2z = 32และจุดบนพื้นผิว xy 2z = 32 ที่อยูใกลจุด (0, 0, 0) มากที่สุดวิธีทาํ ให d = ระยะทางจากจุด (0, 0, 0) ไปยัง (x, y, z) บนพ้ืนผิว xy 2z = 32 เพราะฉะนั้น d = 222 zyx ++
เพราะฉะนั้น 2d = 2x + 2y + 2z
แทนคา 2z = xy32 เพราะฉะนั้น 2d = 2x + 2y +
xy32
ให f(x, y) = 2x + 2y + xy32
การหาจุดวิกฤต xf (x, y) = 2x - yx
322
= 0 ... (1)
และ yf (x, y) = 2y - 2xy
32 = 0 ... (2)
เพราะวา xy 2z = 32 เพราะฉะนั้น x ≠ 0, y ≠ 0เพราะฉะนั้นจาก (1) จะได 2 3x y - 32 = 0
3x y = 16 ... (3)เพราะฉะนั้นจาก (2) จะได 2x 3y - 32 = 0
x 3y = 16 ... (4)จาก (3) และ (4) จะได 3x y - x 3y = 0เพราะวา x ≠ 0, y ≠ 0 เพราะฉะนั้น x - y = 0
y = x ... (5)จาก (3) และ (5) จะได (x = 2, y = 2), (x = -2, y = -2)เพราะฉะนั้นจุดวิกฤตของ f คือ (2, 2) และ (-2, -2)
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 94
การตรวจสอบวาจุดวิกฤตใหคาสุดขีดสัมพัทธแบบใดxxf (x, y) = 2 +
yx643
A = xxf (2, 2) = 6
xyf (x, y) = 22 yx
32 B = xyf (2, 2) = 2
yyf (x, y) = 2 + yx
643
C = yyf (2, 2) = 6
เพราะวา A > 0 และ AC - 2B = (6)(6) - 2 = 20 > 0เพราะฉะนั้น (2, 2) เปนจุดที่ใหคาต่ําสุดสัมพัทธของ fในทํานองเดียวกัน (-2, -2) เปนจุดที่ใหคาต่ําสุดสัมพัทธของ fโดยใชเหตุผลทางเรขาคณิตระยะทางสั้นที่สุดจากจุด (0, 0, 0) ไปยังพ้ืนผิว xy 2z = 32 มีไดคาเดียวเทานั้นเพราะวา f(2, 2) = 4 + 4 + 8 = 16
f(-2, -2) = 4 + 4 + 8 = 16เปนคาต่ําสุดสัมพัทธของ fเพราะฉะนั้นคาต่ําสุดสัมบูรณของ f คือ 16เพราะฉะนั้น ระยะทางสั้นที่สุดจากจุด (0, 0, 0)ไปยังพ้ืนผิว xy 2z = 32 มีเทากับ 4และ จุดบนพื้นผิว xy 2z = 32 ที่ใกลจุด (0, 0, 0) มากที่สุดคือจุด (2, 2, 2 2 ), (2, 2, -2 2 ), (-2, -2, 2 2 ), (-2, -2, -2 2 )
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 95
การตรวจสอบ คาสูงสุด และ ตํ่าสุด ของฟงกชัน n ตัวแปรP เปนจุดวิกฤตของ f โดยที่ if = 0 ที่จุด P ทุก i = 1, 2, ... , nและอนุพันธยอยอันดับที่สองของ fมีความตอเนื่องบนแผนกลมเปด B(P)
ให k∆ =
f...fff:...:::
f...ffff...ffff...fff
kk3k2k1k
k3333231k2232221k1131211
เมื่อ k = 1, 2, ... , n
ตัวอยางเชน
1∆ = f 11 , 2∆ = ffff 22211211 , 3∆ =
fffffffff
333231232221131211 , ... ,
และ n∆ =
f...ffkf:...:::
f...ffff...ffff...fff
nn3n2n1n
n3333231n2232221n1131211
สรุป 1. ถา 1∆ > 0, 2∆ > 0, 3∆ > 0, 4∆ > 0, ...( i∆ มีคาเปนบวกทุก i = 1, 2, 3, ... , n)แลว f(P) เปนคาต่ําสุดสัมพัทธของ f
2. ถา 1∆ < 0, 2∆ > 0, 3∆ < 0, 4∆ > 0 ...( i∆ เมื่อ i = 1, 2, 3, ... , n มีคาเปนเปนบวก
และลบสลับกัน เริ่มตนดวย 1∆ < 0)แลว f(P) เปนคาสูงสุดสัมพัทธของ f
Page 26 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 96
แบบฝกหัด 3.101. จงหาจุดวิกฤตของฟงกชันตอไปนี้
1.1 f(x, y) = 2x - 4y - 4x - 12 2y
1.2 f(x, y) = 16 - 20y6x4yx 22 +−−+
2. จงหาคาสุดขีดสัมพัทธของฟงกชันตอไปนี้ (ถามี)
2.1 f(x, y) = 2x + xy + 2y - 3x + 3y + 242.2 f(x, y) = 18 2x - 32 2y - 36x - 128y - 110
2.3 f(x, y) = 2x + xy + 2y - 3x2.4 f(x, y) = 3xy - 3x - 3y
2.5 f(x, y) = 2x + 2 2y - 2x y2.6 f(x, y) = 4 + 4x + 4y + 2xy - 5 2x - 2 2y
2.7 f(x, y) = 4xy - 4x - 4y
2.8 f(x, y) = y1 - x
1 - 4x + y
2.9 f(x, y) = 2 2x + 2y + yx
22
3. จงหาคาสุดขีดสัมพัทธของฟงกชันตอไปนี้ (ถามี)
f(x, y) = sin(x + y) + sin x + sin y เม่ือ 0 < x < 2π , 0 < y < 2
π
4. จงหาคาสุดขีดสัมบูรณของฟงกชัน f บนเซต D ท่ีกําหนดใหในแตละขอตอไปนี้ (ถามี)
4.1 f(x, y) = 48xy - 32 3x - 24 2y D = {(x, y) | 0 ≤ x ≤ 1, 0 ≤ y ≤ 1}4.2 f(x, y) = xy - x - 3y D เปนบริเวณสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดเปน (0, 0), (0, 4) และ (5, 0)4.3 f(x, y) = 2x - 3 2y - 2x + 6y D เปนบริเวณสี่เหลี่ยมที่มีจุดยอดเปน (0, 0), (0, 2), (2, 2), (2, 0)
4.4 f(x, y) = 2x + 2 2y - x D = {(x, y) | 2x + 2y ≤ 4}
5. จงหาจํานวนจริงบวกสามจํานวนซึ่งรวมกันได 27 และผลบวกกําลังสองมีคานอยที่สุด6. สามเหลี่ยมที่มีเสนรอบรูปยาวคงที่ จะมีพ้ืนที่ท่ีสุดเมื่อเปนสามเหลี่ยมชนิดใด7. จงหาจํานวนจริงบวกสามจํานวนซึ่งรวมกันได 50 และผลคูณมีคามากที่สุด8. จงหาระยะทางใกลท่ีสุดจากจุดกําเนิดไปยังพ้ืนผิว 2x - yz = 59. จงหาจุดบนพื้นผิว xyz = 1 ท่ีอยูใกลจุดกําเนิดมากที่สุด10. จงหาจุดบนระนาบx - y + 3z = 7 ท่ีอยูใกลจุด (2, -1, 4) มากที่สุด พรอมทั้งหาระยะทางที่ใกลท่ีสุดนั้น
11. จงหาจุดในอัฐภาคที่ 1 ซึ่งอยูบนระนาบ x + y + z = 50 และทําให f(x, y, z) = x 2y 3z มีคามากที่สุด12. กลองรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากมีฝาปดใบหนึ่งมีปริมาตร 16 ลูกบาศกเมตร ทํามาจากวัสดุสองชนิด กนกลองและฝากลอง
ทําจากวัสดุท่ีมีราคา 10 บาทตอตารางเมตร สวนดานขางของกลองทําจากวัสดุท่ีมีราคา 5 บาทตอตารางเมตร จงหาขนาดของกลองท่ีทําใหเสียคาวัสดุนอยที่สุด
Page 27 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 97เฉลยแบบฝกหัด 3.10
1. 1.1 (2, 0) 1.2 (2, 3)2. 2.1 f(3, -3) = 15 เปนคาต่ําสุดสัมพัทธ 2.2 (1, -2) เปนจุดอานมา
2.3 f(2, -1) = -3 เปนคาต่ําสุดสัมพัทธ2.4 (0, 0) เปนจุดอานมา และ f(1, 1) = 1 เปนคาสูงสุดสัมพัทธ2.5 (2, 1), (-2, 1) เปนจุดอานมา f(0, 0) = 0 เปนคาต่ําสุดสัมพัทธ2.6 f( 3
2 , 34 ) = 8 เปนคาสูงสุดสัมพัทธ
2.7 f(1, 1) = f(-1, -1) = 2 เปนคาสูงสุดสัมพัทธ และ (0, 0) เปนจุดอานมา2.8 f( 2
1 , -1) = -6 เปนคาสูงสุดสัมพัทธf(- 2
1 , 1) = 6 เปนคาต่ําสุดสัมพัทธ( 2
1 , 1), (- 21 , -1) เปนจุดอานมา
2.9 f(1, 1), f(-1, 1) = 5 เปนคาต่ําสุดสัมพัทธ
3. f( 3π , 3
π ) = 233 เปนคาสูงสุดสัมพัทธ
4. 4.1 f(1, 0) = -32 เปนคาต่ําสุดสัมบูรณ f( 21 , 2
1 ) = 2 เปนคาสูงสุดสัมบูรณ4.2 f(0, 4) = -12 เปนคาต่ําสุดสัมบูรณ f(0, 0) = 0 เปนคาสูงสุดสัมบูรณ4.3 f(1, 0) = f(1, 2) = -1 เปนคาต่ําสุดสัมบูรณ f(0, 1) = f(2, 1) = 3 เปนคาสูงสุดสัมบูรณ4.4 f( 2
1 , 0) = - 41 เปนคาต่ําสุดสัมบูรณ
f(- 21 , 2
15 ) = f(- 21 , - 2
15 ) = 433 เปนคาสูงสุดสัมบูรณ
5. 9, 9, 96. สามเหลี่ยมดานเทา7. 3
50 , 350 , 3
50
8. 5
9. (1, 1, 1), (-1, -1, 1), (-1, 1, -1), (1, -1, -1)10. ( 11
14 , - 113 , 11
20 ), 118
11. ( 325 , 3
50 , 25)12. กวาง 2 เมตร ยาว 2 เมตร และสูง 4 เมตร
Page 28 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 98
3.11 ตัวคูณลากรานจกอนศึกษาการหาสุดขีดของฟงกชันหลายตัวแปรขอใหศึกษาการหาคาสุดขีดของปญหานี้กอนตัวอยาง 3.11.1 จงหาคาสุดขีดของ xyเมื่อ x, y เปนจํานวนจริงบวก ภายใตเงื่อนไข x + y = 4วิธีทาํแทนคา y = 4 - x ใน xy จะได xy = x(4 - x) = 4x - 2x
ให f(x) = 4x - 2x เมื่อ 0 < x < 4 f ′(x) = 4 - 2x
เพราะฉะนั้น จุดวิกฤตคือ x = 2เพราะวา f ′′(x) = -2 < 0เพราะฉะนั้น f(2) = 4 เปนคาสูงสุดสัมพัทธเพราะวา f ′(x) > 0 เมื่อ 0 < x < 2เพราะฉะนั้น f เปนฟงกชันเพิ่มบนชวง (0, 2)เพราะวา f ′(x) < 0 เมื่อ 2 < x < 4เพราะฉะนั้น f เปนฟงกชันลดบนชวง (2, 4)เพราะฉะนั้น f(2) = 4 เปนคาสูงสุดสัมบูรณของ fเพราะฉะนั้น คาสูงสุดของ xy เมื่อ x, y เปนจํานวนจริงบวกภายใตเงื่อนไข x + y = 4 จะมีคาสูงสุดสัมบูรณเทากับ 4
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 99
ในการหาคาสุดขีดขางตนเราใชการแทนคา y ดวย 4 - x เพ่ือเปลี่ยน xyเปนฟงกชันของหนึ่งตัวแปร f(x)จากนั้นจึงใชวิธีหาคาสุดขีดของฟงกชันหนึ่งตัวแปรซึ่งถาเงื่อนไขบังคับของฟงกชันมีความซับซอนการใชวิธีการนี้มาแกปญหาอาจจะทําไดไมงายนักเพราะฉะนั้นในหัวขอนี้เราจะขอแนะนําอีกวิธีการหนึ่งซึ่งงายกวาสําหรับการแกปญหาลักษณะนี้ มีชื่อวา วิธีตัวคูณลากรานจโดยใชผลของทฤษฎีบทตอไปนี้
ทฤษฎบีท 3.11.1 ให f, g เปนฟงกชันของสองตัวแปรซึ่งอนุพันธยอยมีความตอเนื่องบนเซตเปดที่ครอบคลุมเสนโคงg(x, y) = 0 โดยที่ ∇ g(x, y) ≠ 0v ทุกจุด (x, y) บนเสนโคงนี้ถา f มีคาสุดขีดสัมพัทธที่จุด (a, b)
ซึ่งเปนจุดภายในของเสนโคงนี้แลว เวกเตอรเกรเดียนต ∇ f(a, b)
และ เวกเตอรเกรเดียนต ∇ g(a, b) ขนานกันนั่นคือ มีจํานวนจริง λ ที่ทําให ∇ f(a, b) = λ ∇ g(a, b)
หมายเหตุ จํานวนจริง λ เรียกวา ตัวคูณลากรานจ และเรียกวิธีการหาคาสุดขีดโดยใชทฤษฎีบทนี้วา วิธีตัวคูณลากรานจ
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 100
ตัวอยาง 3.11.2 จงหาคาสุดขีดของ f(x, y) = xy เมื่อ x, yเปนจํานวนจริงบวกภายใตเงื่อนไข x + y = 4 โดยวิธีตัวคูณลากรานจวิธีทาํ ให f(x, y) = xy เมื่อ x > 0, y > 0
g(x, y) = x + y - 4 = 0 ... (1)จากสมการ ∇ f(x, y) = λ ∇ g(x, y) ... (2)
(xf∂∂ ,
yf∂∂ ) = λ (
xg∂∂ ,
yg∂∂ )
(y, x) = λ (1, 1)= (λ, λ)
เพราะฉะนั้น y = λ และ x = λจาก (1) จะได λ + λ - 4 = 0
λ = 2เพราะฉะนั้น x = 2, y = 2เพราะฉะนั้นจุด (x, y) ทั้งหมดที่สอดคลอง (1) และ (2)คือ (2, 2)เพราะวา f(x, y) = xy = x(4 - x) = 4x - 2x
= 4 - (2 - x)2
≤ 4 = f(2, 2)เพราะฉะนั้น f(2, 2) = 4 เปนคาสูงสุดสัมบูรณ
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 101
ตัวอยาง 3.11.3 จงหาคาสุดขีดของ f(x, y) = xyภายใตเงื่อนไข 2x + 2y = 1 โดยวิธีตัวคูณลากรานจวิธีทาํ ให f(x, y) = xy
g(x, y) = 2x + 2y - 1 = 0 ... (1)จากสมการ ∇ f(x, y) = λ ∇ g(x, y) ... (2)
(xf∂∂ ,
yf∂∂ ) = λ (
xg∂∂ ,
yg∂∂ )
(y, x) = λ (2x, 2y) = (λ 2x, λ 2y)เพราะฉะนั้น y = λ 2x และ x = λ 2y
λ = x2y และ λ =
y2x
เพราะฉะนั้น x2y =
y2x เพราะฉะนั้น 2x = 2y
จาก (1) จะได 2x + 2x - 1 = 0 เพราะฉะนั้น x = ±2
1
เพราะฉะนั้นจุด (x, y) ทั้งหมดที่สอดคลอง (1) และ (2) คือ(
21 ,
21 ), (
21 , -
21 ), (-
21 ,
21 ) และ (-
21 , -
21 )
เพราะวา f(2
1 , 2
1 ) = 21 f(
21 , -
21 ) = -2
1
f(-2
1 , 2
1 ) = -21 f(-
21 , -
21 ) = 2
1
เพราะฉะนั้นคาสูงสุดของ f คือ 2
1 เกิดที่ (2
1 , 2
1 ), (-2
1 , -2
1 )
คาต่ําสุดของ f คือ -21 เกิดที่ (
21 , -
21 ), (-
21 ,
21 )
Page 29 of 30
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 102
ตัวอยาง 3.11.4 จงหาขนาดของรูปสี่เหลี่ยมผืนผาซึ่งเสนรอบรอบมีความยาว 100 เซนติเมตร และมีพ้ืนที่มากที่สุดโดยวิธีตัวคูณลากรานจวิธีทาํ ให x = ความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา
y = ความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผาและ A = พ้ืนที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผาเพราะฉะนั้น A = xy และความยาวเสนรอบรูป = 2x + 2y = 100ให f(x, y) = xy เมื่อ x > 0, y > 0
g(x, y) = x + y - 50 = 0 ... (1)ปญหาขณะนี้จึงเปน การหาคาสูงสุดของ f(x, y) = xyภายใตเงื่อนไข g(x, y) = 0 โดยวิธีตัวคูณลากรานจจากสมการ ∇ f(x, y) = λ ∇ g(x, y) ... (2)
(xf∂∂ ,
yf∂∂ ) = λ (
xg∂∂ ,
yg∂∂ )
(y, x) = λ (1, 1)= (λ, λ)
เพราะฉะนั้น x = λ และ y = λจาก (1) จะได λ + λ - 50 = 0
λ = 25เพราะฉะนั้น x = y = 25
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 103
เพราะฉะนั้นจุด (x, y) ทั้งหมดที่สอดคลอง (1) และ (2)คือ (25, 25)เพราะวา f(x, y) = xy
= x(50 - x)= 50x - 2x
= 625 - (25 - x)2
≤ 625= f(25, 25)
เพราะฉะนั้น f(25, 25) = 625 เปนคาสูงสุดสัมบูรณ
บทที่ 3 ฟงกชันของหลายตัวแปร3 - 104
แบบฝกหัด 3.111. จงหาคาสุดขีดของ f ภายใตเงื่อนไขที่กําหนดให
1.1 f(x, y) = xy ภายใตเงื่อนไข 4 2x + 8 2y = 161.2 f(x, y) = 4 3x + 2y ภายใตเงื่อนไข 2 2x + 2y = 11.3 f(x, y) = 25 - 2x - 2y ภายใตเงื่อนไข 2x + 2y - 4y = 0
2. จงหาจุดบนเสนตรง y = 2x + 3ซึ่งอยูใกลจุด (4, 2) มากที่สุด
3. จงหาจุดบนระนาบ 4x + 3y + z = 2ซึ่งอยูใกลจุด (1, -1, 1) มากที่สุด
4. จงหาคาสูงสุดของ f(x, y) = 2y - xบนเสนโคง y = sin x เมื่อ 0 ≤ x ≤ 2π
เฉลยแบบฝกหัด 3.111. 1.1 คาสูงสุด = 2 เกิดที่ ( 2 , 1) และ (- 2 , -1)
คาต่ําสุด = - 2 เกิดที่ (- 2 , 1) และ ( 2 , -1)1.2 คาสูงสุด = 2 เกิดที่ (
21 , 0)
คาต่ําสุด = - 2 เกิดที่ (-2
1 , 0)1.3 คาสูงสุด = 25 เกิดที่ (0, 0)
คาต่ําสุด = 9 เกิดที่ (0, 4)2. (5
2 , 5
19) 3. (1, -1, 1) 4. 3 - 3π เกิดที่ ( 3
π , 23)
Page 30 of 30